วัยรุ่นหิมพานต์

7.9

เขียนโดย โชจัง

วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 19.15 น.

  20 บท
  38 วิจารณ์
  23.11K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 20.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

15) ความสมบูรณ์แบบ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“คนอย่างมึงเห็นคำว่าเพื่อนเป็นอะไรวะ!!!”

               นับตั้งแต่วันแรกที่ได้พบเจอ กันต่างก็เชื่อฝังหัวมาโดยตลอดว่าชายผู้มีนามว่าเอ็กซ์คนนี้ เป็นเพื่อนผู้ไว้ใจได้อีกคนหนึ่ง จากเหตุการณ์ต่างๆ นานาที่พวกเขาร่วมทุกข์ร่วมสุขฝ่าฝันมาด้วยกัน แทบไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่เขาจะรู้สึกหวาดระแวงแม้แต่น้อย รอยยิ้มและคารมอันน่าเชื่อถือ ทำให้เขาเททั้งหัวใจให้ชายผู้นี้ด้วยไมตรีอันซื่อสัตย์ หวังเพียงแต่มิตรภาพอันงดงามเป็นสิ่งตอบแทนเท่านั้น หากแต่ทว่า ใครมันจะไปรู้ล่ะ ว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น

               เมื่อความจริงทั้งหมดถูกเปิดเผย และผลลัพธ์ที่ได้กลับเป็นจุดหักมุมอันพลิกผัน มันก็คงไม่ผิดนัก หากกันจะรู้สึกโกรธแค้นเพื่อนผู้ทรยศคนนี้สุดหัวใจ เขาแทบจะลืมเลือนความเจ็บปวดที่ได้รับทางกายภาพไปชั่วขณะ จากชายผู้มาพร้อมกับรอยยิ้มอันคิดบวกมาตลอด นี่คงเป็นครั้งแรก ที่เราจะได้เห็นกันในสภาพเดือดสุดขีดแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน

                เช่นเดียวกับเอ็กซ์ที่เพิ่งจะโดนสวนกลับเป็นครั้งแรกอย่างสาสม ถึงความรุนแรงที่ได้รับจะมีมากมายซักเพียงใด โลหิตจะไหลออกจากปากอีกเพียงกี่หยด แต่เอ็กซ์ก็มิได้อ่อนแอขนาดหมดสภาพในคราเดียวดังเช่นศัตรูคนก่อนๆ เขาแกร่งพอที่จะลุกขึ้นมายืนหยัดได้อีกครั้ง พลางจ้องเขม็งไปยังตัวอีกฝ่าย ด้วยแววตาอันอาฆาตแค้นแสนสะพรึงกลัว สมชื่อพรสามประการเสียนี่กระไร

               เมื่อครู่เป็นเพียงยกแรกเท่านั้น แรงกดดันอันตึงเครียดของทั้งสองแผ่ซ่านไปทั่วทุกอาณาบริเวณในทันใด บรรยากาศโดยรอบดูน่าหวาดกลัวขึ้นกว่าที่เคย จากห้องตึกแถวร้างอันเก่าแก่ซอมซ่อ บัดนี้ ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นลานประลองระหว่างนักเรียนสุวัฒนาผู้แข็งแกร่งแล้ว

"..."

                แรงกดดันอันตึงเครียดนี้ยังคงทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และผู้ที่ดูจะเป็นเหมือนส่วนเกินในการต่อสู้นี้ที่สุด เห็นทีจะเป็นมิค ผู้ที่ได้แต่ยืนมองอยู่ห่างๆ ด้วยความหวาดกลัวปนลังเลเล็กน้อย ว่าเขานั้นควรจะทำอย่างไรต่อไปดีกับสถานการณ์เช่นนี้

"..." มิคลังเลเล็กน้อย /นี่มัน... ความรู้สึกอะไรกันเนี่ย.../

/แต่... บางที.../ ละอองแสงเริ่มปกคลุมรอบกาย เป็นดั่งสัญญาณว่า มึงเตรียมพร้อมจะเข้าร่วมวงด้วยอีกคนแล้ว /ถ้าเราพอจะห้ามสองคนนี้ได้.../

"สหายมิค"

"!!!" ถึงจะเป็นเพียงคำพูดเพียงคำเดียว แต่ด้วยจิตสังหารอันชวนขนลุกที่แผ่นซ่านออกมาจากตัวกัน ก็เล่นเอาละอองแสงทั้งหมดจางหายไปจากร่างมิคในทันใด

"รีบเอาสหายมาร์คออกไปก่อนดีกว่า" กันแนะ “ไม่งั้นมีหวังโดนลูกหลงตายอยู่นี่แน่”

"..." มิคคิดซักพัก ก่อนจะชำเลืองมองไปยังร่างอันไร้สติของมาร์คข้างๆ "เออ เข้าใจแล้ว"

                 หลังจากได้คิดตริตรองตามวิจารณญาณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มิคจึงเลือกทำตามคำแนะนำของกัน เขาหามมาร์คใส่บ่า แล้วจึงวิ่งลงบันไดหนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยเหตุนี้เอง จึงเหลือเพียงกันกับเอ็กซ์เท่านั้นที่ยังต้องต่อสู้ให้รู้ผล ณ ที่แห่งนี้

"กูจะทวนอีกรอบนะ" กันเอ่ยปากด้วยแววตาอันจริงจัง "ตอบกูมา ว่าคำว่าเพื่อนมันคืออะไร?"

"...เพื่อนเหรอ?..." เอ็กซ์ยังคงเงียบงัน ก่อนจะเอ่ยปากออกมา "ความสมบูรณ์แบบ..."

"สมบูรณ์แบบห่าเหวอะไรของมึง!!!"

                ประโยคนี้ที่เองเป็นดั่งเชื้อเพลิงชั้นดีที่ราดใส่โทสะในจิตใจของกัน จนมันเผาไหม้รุนแรงยิ่งขึ้นอีกเป็นทวีคูณ เขาไม่สามารถห้ามใจตนเองได้อีกต่อไป ขาสองข้างก้าวออกไปด้านหน้า วิ่งตรงเข้าใส่เอ็กซ์ด้วยหมัดขวาที่ง้างไว้เตรียมต่อยโดยพลัน

"กูเบื่อไอ้คำๆ นี้เต็มทีแล้ว!!!"

 

วัยรุ่นหิมพานต์

บทที่ ๑๕ ความสมบูรณ์แบบ

 

                ทว่า มันกลับเป็นเหมือนคำพูดยุยงจิตใจเสียมากกว่า เอ็กซ์คงรู้อยู่แล้วว่าประโยคเมื่อครู่จะทำให้กันพุ่งเข้ามาหา เขาสามารถเอี้ยวคอหลบหมัดของกันได้อย่างง่ายดายเหมือนรู้อนาคตมาก่อนยังไง

               หมัดของกันนั้นรุนแรงขนาดฝังเข้าไปอยู่ในกำแพงคอนกรีตจนเกิดเป็นรูโบ๋ได้เลยทีเดียว และเมื่อรู้ตัวว่าตนนั้นพลาดเป้า กันจึงไม่รอช้า หมุนตัวไปทางซ้ายแล้วเตะตัดขวาตรงเข้าใส่ใบหน้าเอ็กซ์อย่างรวดเร็ว แต่กระนั้น เอ็กซ์ก็ยังสามารถกระโดดหลบไปทางด้านหลังขวาได้อยู่ดี พร้อมๆ กับกำปั้นซ้ายอันเรืองแสงสีม่วงที่เล็งไปยังตัวคู่ต่อสู้ เป็นดั่งสัญญาณเตือนภัยสำหรับการโจมตีครั้งถัดไปในไม่ช้า  

"ตู้มมมมมมมมม"

                ลำแสงสีม่วงถูกยิงออกมาจากกำปั้นของเอ็กซ์ พุ่งตรงเข้าใส่ร่างของกันภายในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น แต่คงไม่มีใครยอมโดนซ้ำโดนซากตลอดไปแน่ๆ เพราะหลังจากโดนมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว กันก็ดูเหมือนจะจับความเคลื่อนไหวของเอ็กซ์ได้ เขาสามารถยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาตั้งการ์ดไว้ได้ทันกาล ความรุนแรงที่ได้รับนั้นจึงลดลงไปบ้างเล็กน้อย แต่กระนั้น ก็ยังทำให้เขากระเด็นลอยออกไปไกลโดยเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี

"ที่เบื่อก็ไม่แปลกหรอก" เอ็กซ์เล็งมือไปที่กันอีกรอบ "ก็เพราะคนอย่างมึงมันไม่ได้มีอะไรใกล้เคียงกับคำๆ นั้นเลยยังไงล่ะ"

"เออ!!!" กันแบมือขวาลงพื้นพร้อมใช้มือซ้ายจับเอาไว้แน่น "กูยอมรับ!!!"

"ก็รู้ตัวดีนี่หว่า" แขนซ้ายของเอ็กซ์เปล่งแสงสีม่วงเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ

"แล้วไอ้สมบูรณ์แบบของมึง..." เช่นเดียวกับลายเส้นสีเขียวบนแขนซ้ายของกัน "มันไปเกี่ยวกับคำว่าเพื่อนยังไงวะ!!!"

"ปืนใหญ่นารายณ์!!!"

"จรวดไต้ฝุ่น!!!"

                เมื่อเห็นว่าคู่ต่อสู้กำลังจะโจมตีเข้ามาในไม่ช้านี้แล้ว สายลมเชี่ยวกรากดั่งพายุก็ถูกปล่อยออกจากฝ่ามือขวาของกันโดยพลัน สายลมปะทะเข้ากับพื้นด้านล่างอย่างรุนแรง เป็นดั่งแรงส่งให้ทั้งร่างของเขาลอยสูงขึ้นสู่กลางอากาศ และกำลังจะตรงเข้าไปหาตัวเอ็กซ์ในอีกไม่กี่อึดใจ ทว่า เขากลับดูถูกเล่ห์เหลี่ยมของคู่ต่อสู้คนนี้มากเกินไปเสียแล้ว

"!?"

                ไม่มีปืนใหญ่นารายณ์หรือแม้แต่การโจมตีใดๆ จากตัวเอ็กซ์เอ็กซ์ ทั้งหมดทั้งมวลเป็นแผน ที่เขาทำทีตะโกนเสียงดัง เพื่อรอจังหวะให้อีกฝ่ายลอยละล่องกลางอากาศจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ และเมื่อทุกอย่างเป็นไปดังคาด กำปั้นที่เลื่อนขึ้นไปตามตัวกันเพื่อล็อคเป้า ก็ได้จังหวะเหมาะในการยิงปืนใหญ่นารายณ์ของจริงเสียที

"บอกตรงๆ ว่าขนาดระดับไอคิวมึงยังติดลบต่ำกว่ามาตรฐานอีกว่ะ" เอ็กซ์ยิ้มเยาะ “เอ้า ทีนี้จะทำไงต่อล่ะ? ทายาทหนุมาน?"

"ปืนใหญ่นารายณ์"

                หลังจากล่อลวงศัตรูให้มาติดกับได้เป็นอันสำเร็จ ปืนใหญ่นารายณ์ก็ได้เวลาที่จะถูกยิงออกมาจริงๆ เสียที ลำแสงสีม่วงลูกใหญ่ถูกปล่อยออกมาจากกำปั้นของเอ็กซ์ พุ่งตรงเข้าหาตัวกันเรื่อยๆ ในระยะเวลาอันรวดเร็ว และดูท่ากันที่กำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศคงจะไม่มีทางที่จะหลบพ้นแน่ๆ แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ควบคุมลมได้อย่างกันก็ยังพอจะมีโอกาสอยู่บ้าง

“ซู่มมมมมมมมมมมมมม”

                เวลาไม่คอยท่าเสียแล้ว กันจึงมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะหลบจากการโจมตีนี้ได้ ด้วยความสูงที่อยู่ใกล้กับเพดานห้องพอสมควร เขาจึงใช้แขนซ้ายจับข้อมืออีกข้างชูขึ้นเพดาน จากนั้นจึงใช้จรวดไต้ฝุ่น ยิงสายลมออกจากฝ่ามือปะทะเข้าใส่เพดานอย่างรุนแรง ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้เขาลงมายืนบนพื้นได้อีกตามเคย อีกทั้งยังสามารถหลบปืนใหญ่นารายณ์ของเอ็กซ์ได้ชนิดเส้นยาแดงผ่านแปดอีกตะหาก

                 ปืนใหญ่นารายณ์ลูกนี้ถือได้ว่ารุนแรงพอสมควร ขนาดที่ว่าสามารถเจาะเพดานห้องให้เป็นรูโบ๋ขนาดใหญ่เลยทีเดียว แต่กระนั้น ถึงกันจะโชคดีหลบมันได้แบบหวุดหวิด แต่เขากลับหารู้ไม่เลย ว่าได้เดินตามเกมของเอ็กซ์ไปโดยไม่รู้ตัวเสียแล้ว

"ปืนใหญ่นารายณ์"

               ใช่ว่าเอ็กซ์จะถนัดแต่มือซ้ายเพียงข้างเดียว เพราะทันทีที่กันสามารถปล่อยตัวลงมายืนบนพื้นได้โดยสวัสดิภาพ แขนขวาของเอ็กซ์ก็พลันเปล่งประกายแสงสีม่วงเจิดจรัสเฉกเช่นเดียวกับแขนซ้าย เขากำมือไว้แน่น แล้วเล็งกำปั้นนั้นตรงไปยังตัวคู่ต่อสู้เบื้องหน้า จนเมื่อสามารถล็อคเป้าได้สำเร็จเรียบร้อย ปืนใหญ่นารายณ์ลูกใหญ่ก็ถูกยิงออกมาจากกำปั้นเอ็กซ์เป็นครั้งที่สอง

“ตู้มมมมมมมมม”

               กันยังพอตั้งสติได้อยู่บ้าง เพราะทันใด เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นลำแสงสีม่วงนี้ เขาก็สามารถยกแขนสองข้างขึ้นมาตั้งการ์ดเพื่อป้องกันได้ตามเคย แรงกระแทกอันรุนแรงเป็นเหตุให้เขากระเด็นลอยออกไปเล็กน้อย แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าโดนเข้าไปเต็มๆ โดยไร้การป้องกันใดๆ ทั้งสิ้น

“ตู้มมมมมมมมมมมมม”

               แต่ใช่ว่ากันจะรู้ทันคู่ต่อสู้คนนี้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง เมื่อสามารถรับการโจมตีเอาไว้ได้หมด ลิงขาวจึงรีบปล่อยแขนลง เพื่อเตรียมตัวสำหรับการโจมตีครั้งถัดไป โดยหารู้ไม่ว่า ทันทีที่การป้องกันหายไป ปืนใหญ่นารายณ์อีกลูกก็ถูกยิงซ้ำจากแขนซ้ายของเอ็กซ์ กระแทกเข้าใส่บริเวณกลางอกของเขาภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ไม่เหลือโอกาสให้หลบหรือป้องกันเลยแม้แต่น้อย

               เป็นปืนใหญ่นารายณ์ลูกที่ ๒ ที่เขาโดนเข้าไปเต็มๆ ความรุนแรงของลำแสงสีม่วงนี้ เล่นเอาทั้งร่างของลิงขาวถึงกับกระเด็นลอยไปไกล ทะลุประตูไม้ด้านหลังผ่านเข้ามายังอีกห้องหนึ่ง ร่วงหล่นลงมากระแทกพื้น สร้างความบาดเจ็บร้ายแรง จนละอองเลือดสีแดงถึงกับกระเซ็นออกจากปากเลยทีเดียว

               ด้วยเล่ห์เหลี่ยมอันแพรวพราวและหาตัวจับยาก รวมถึงการโจมตีที่ไม่สามารถคาดเดาได้ สำหรับกันแล้ว นี่คงเป็นศัตรูที่น่ากลัวที่สุดนับตั้งแต่ย้ายมายังสุวัฒนา ดูท่ายกนี้ เอ็กซ์ก็ยังเป็นฝ่ายชนะตามเคย โดยที่กันยังไม่ทันแตะตัวอีกฝ่ายได้เลยแม้แต่ปลายนิ้ว

“อั่กกกกกก” กันถึงกับร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“พึ่งจะมีมึงเป็นคนที่สองนี่แหละที่โดนเข้าไปขนาดนี้แล้วยังไหวอยู่” เอ็กซ์ถึงกับเอ่ยปากชม “เรื่องความอึดนี่กูยกให้เลยว่ะ”

“แฮ่กๆๆๆๆ” กันนอนหอบหายใจพักใหญ่ “นี่เหรอ... พรสามประการ...”

“ทีนี้ก็รู้จักเจียมตัวซะมั่ง” สายตาของเอ็กซ์ยังดูหยิ่งผยองไม่เปลี่ยน “คนอย่างมึงเอาชนะกูไม่ได้หรอก”

“แล้วทีนี้ มึงจะตอบกูมาได้รึยัง...” เช่นเดียวกับแววตาของกันที่ยังมุ่งมั่นหาคำตอบ “สำหรับมึงแล้ว... แฮ่กๆๆ มึงเห็นคำว่าเพื่อนเป็นอะไร...”

“...” เอ็กซ์ดูจะเอือมระอากับคำถามนี้เต็มที “เมื่อไรมึงจะ...”

“ตอบมา!!!”

“...” เอ็กซ์ต้องจำยอมเสียแล้ว “รู้มั้ย ตัวสำคัญที่สุดในหมากรุกคืออะไร?”

“?” กันสงสัยที่อยู่ๆ เอ็กซ์ก็เปลี่ยนเรื่องคุย “ขุน?”

“ถูกต้อง” เอ็กซ์เฉลย “ถ้าไม่มีขุนเกมก็จบ ส่วนตัวอื่นๆ มีหน้าที่แค่ปกป้องขุนเท่านั้น นี่เป็นกฏขั้นพื้นฐานของหมากรุก”

“...” กันยังสงสัยไม่หาย “มึงต้องการจะสื่ออะไรกันแน่...”

“ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน กูรู้สึกสนใจตัวมึงมาก มีไม่กี่คนในโรงเรียนนี้หรอกที่ล้มไอ้หวังได้ ความแข็งแกร่งระดับนี้แหละ ที่เหมาะจะเป็นม้าสำหรับกู” เอ็กซ์อธิบายต่อ “ทำไมตอนที่เจอกับพวกอิสลามฯ กูถึงยอมรอมึง? เพราะกูต้องการให้เกมทุกตาของกูสมบูรณ์แบบที่สุด กูจะยอมเสี่ยงขาดหมากตัวนึงไปไม่ได้ นี่แหละนิยามความสมบูรณ์แบบของกู”

“...” กันดูจะไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย

“มันตลกนะ ไอ้บุหรี่นี่คือแบบทดสอบว่ามึงเหมาะสมกับตัวม้าจริงๆ รึเปล่า” เอ็กซ์หยิบฝิ่นสีชาดมวนนึงขึ้นมาให้ดู “แล้วอยู่ดีๆ คนที่มีดีแค่ความแข็งแกร่งอย่างมึงก็ปฏิเสธมันไป... นั่นพิสูจน์แล้วว่า คนอย่างมึงมันก็เป็นแค่เบี้ยตัวนึงเท่านั้น”

“เป็นเบี้ยแล้วมันผิดยังไงวะ?” กันเอ่ยปากถาม

“ดูท่ามึงจะเล่นหมากรุกไม่เป็นล่ะสิ” เอ็กซ์ยิ้มเยาะ “มึงรู้มั้ยว่าเบี้ยมีหน้าที่อะไร? เบี้ยมีหน้าที่เป็นตัวล่อให้โดนกิน ไร้ค่า เกิดมาตาย กำจัดเบี้ยอย่างมึงไปตัวนึงเนี่ยมันเป็นอะไรที่ธรรมดามากสำหรับหมากรุก”

“...” กันเริ่มโกรธขึ้นมาหน่อยแล้ว “ที่มึงจะบอกก็คือ...สำหรับมึง... เพื่อนเป็นแค่ตัวหมากในเกมของมึงงั้นสิ? พอไม่มีประโยชน์ก็เขี่ยทิ้ง... เหรอ?”

“ดูท่ากูจะประเมินสติปัญญามึงต่ำไปหน่อยนะ ” เอ็กซ์หัวเราะเบาๆ ด้วยความชอบใจ ก่อนจะเริ่มบ้าคลั่งขึ้นมาทีละน้อยดั่งคนโรคจิต ผิดกับหน้าตาอันหล่อเหลา “ใช่!!! ถ้าไม่มีประโยชน์แล้วจะเป็นเพื่อนกันทำไมวะ!!! ทั้งอำนาจ!!! ชื่อเสียง!!! พลัง!!! ความรัก!!! เพื่อนมันมีไว้สำหรับเป็นฐานรองตีนให้กูเหยียบถึงความสมบูรณ์แบบเท่านั้น!!! นี่แหละ! ชีวิตวัยรุ่นอันสมบูรณ์แบบ!!!”

“จะบอกไรให้อย่างนะ...” กันเริ่มยันตัวขึ้นมายืนอีกครั้ง “สหายเอ็กซ์...”

“ก็บอกแล้วไง” แขนทั้งสองข้างของเอ็กซ์เปล่งแสงสีม่วงอีกครั้ง “ว่ามึงไม่ใช่เพื่อนกู”

“เพื่อนน่ะ... มันไม่ได้มีไว้คบกันเพื่อผลประโยชน์...” กันเริ่มจริงจังขึ้นทุกที “แต่คบกันเพื่อรอยยิ้มต่างหาก!!!”

“...” เอ็กซ์ไม่ตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น

“กูเหม็นขี้ปากมึงจะแย่แล้ว” แววตาของกันสื่อถึงความโกรธแค้นได้เป็นอย่างดี “พล่ามเสร็จแล้วก็มาต่อกันเลยดีกว่า!!!”

               ถึงแม้ที่ผ่านๆ มานั้น กันจะตกอยู่ในสถานะเป็นผู้รับเพียงฝ่ายเดียว โดยไม่อาจทำอะไรอีกฝ่ายได้เลยแม้แต่น้อย แต่มาในคราวนี้ ด้วยแววตาที่ดูจริงจังแฝงด้วยความโกรธกว่าเก่า คงทำให้การต่อสู้นี้ดุเดือดขึ้นกว่าเดิมเป็นแน่

“จัดให้”

               เอ็กซ์ตอบรับคำเชิญของคู่ต่อสู้โดยไม่ลังเลใจใดๆ ทั้งสิ้น ด้วยการกำมือทั้งสองข้างเล็งตรงไปยังคู่ต่อสู้เบื้องหน้า ละอองแสงรวมตัวกันมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนเจิดจรัสแสงสีม่วงสวยงามยิ่งกว่าที่เคย เป็นดั่งสัญญาณอันตรายสำหรับการโจมตีครั้งถัดไป และเป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อทุกอย่างพร้อม พ่อเทพบุตรจึงเปิดศึกด้วยการปืนใหญ่นารายณ์ลูกแรกในบัดดล

               กันดูจะเข็ดหลาบกับการตั้งรับเต็มทนแล้ว เมื่อรู้ว่าการป้องกันนั้นไม่ได้ผล มิหนำซ้ำ ยังเป็นเหตุให้ทิ้งระยะห่างจากคู่ต่อสู้ยิ่งขึ้นไปอีก เขาจึงหวนกลับมาฝีเท้าอันเป็นจุดขายหลัก ด้วยการกระโดดหลบไปทางซ้าย เพื่อหลบหลีกลำแสงสีม่วงที่พุ่งตรงเข้ามาได้อย่างง่ายดาย ทว่า นั่นเป็นเพียงน้ำจิ้มเท่านั้น

“เอางี้เลยเหรอ...”

               เพราะเมื่อรู้ว่าตนนั้นพลาดเป้า ปืนใหญ่นารายณ์อีกหลายต่อหลายลูก ก็ถูกกระหน่ำยิงออกมาจากกำปั้นทั้งสองข้างของเอ็กซ์ชนิดไม่ยั้งมือในทันใด ประหนึ่งห่าฝนที่พุ่งเข้าใส่ร่างจนแทบไร้ทางหนี ไม่เหลือเวลาให้เขาคิดตริตรองเลยแม้แต่น้อย กันรู้ดีว่าภายในไม่กี่เสี้ยววินาทีข้างหน้า ปืนใหญ่นารายณ์นับสิบลูกจะมาเยี่ยมเยียนเขาในไม่ช้านี้ เพราะฉะนั้น ลิงขาวจึงต้องรีบตัดสินใจโดยด่วนที่สุดแล้ว

 


พื้นที่พักสายตา


 

“ว๊ากกกกกกกกกกก”

               นัยน์ตาสีเขียวที่จ้องเขม็งไปยังตัวเอ็กซ์ ด้วยระยะทางที่ห่างออกไปเพียงไม่ถึง ๑๐ ม. ข้างหน้า บ่งบอกถึงความแน่วแน่ในการตัดสินใจได้เป็นอย่างดี ลิงขาวสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก้าวเท้าออกไปข้างหน้า จากนั้นจึงพุ่งทะยานเข้าใส่คู่ต่อสู้อย่างบ้าคลั่งชนิดไม่คิดชีวิตในทันใด

               เล่นเอาเอ็กซ์ถึงกับอึ้งไปพักใหญ่เลยทีเดียว เขาไม่คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะวิ่งเข้ามาหาดื้อๆ แบบนี้ มิหนำซ้ำ ความเร็วดั่งลมกรดของลิงขาวยังสามารถกระโดดหลบหลีกลำแสงได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว สิ่งเดียวที่เขาพอจะทำได้ คือการเลื่อนมือสองข้างไปตามเป้าหมายและยิงออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ว่าอย่างไร ปืนใหญ่นารายณ์แทบไม่ได้แตะตัวเขาเลยแม้แต่น้อย

“ชิบหายแล้วไง...”

               สิ่งที่กันยอมเสี่ยงนั้นแสนจะคุ้มค่ายิ่งนัก เพราในที่สุด เขาก็สามารถเข้ามาประชิดตัวเอ็กซ์ได้เป็นอันสำเร็จแล้ว การต่อสู้ระยะใกล้ด้วยมือและเท้านี้เอง คงเป็นสวรรค์สำหรับไอ้หนุ่มหัวแหลม ที่จะได้สำแดงเดชหลังจากตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่นานแสนนาน แต่ขณะเดียวกัน คงเรียกได้ว่าเป็นนรกของไอ้หนุ่มหน้าใสที่แทบไร้ทางรับมือเลย

“ย๊ากกกกกกกกก”

               สิ่งแรกที่ลิงขาวพึงกระทำหลังจากมาอยู่ต่อหน้าคู่ต่อสู้ได้แล้ว คือการใช้มือสองข้างปัดแขนอันเป็นดั่งอาวุธแสนอันตรายของเอ็กซ์ออกไปโดยเร็วที่สุด และเมื่ออีกฝ่ายไม่สามารถใช้ปืนใหญ่นารายณ์ได้ กันจึงได้โอกาสทองสำหรับการเอาคืนเสียที

               เริ่มต้นด้วยการยกขาขวาถีบเข้าใส่ท้องของอีกฝ่ายจนถอยร่นไปเล็กน้อย จากนั้นจึงกระโดดลอยตัว ต่อยหมัดขวาลงไปยังกลางกระหม่อม เอ็กซ์พยายามจะชักแขนขึ้นมาเตรียมโจมตี แต่กันกลับยังไม่หยุดมือ เตะขาซ้ายใส่สีข้างจนแขนตกลงไป จากนั้นจึงระดมหมัดซ้ายขวาใส่ใบหน้าคู่ต่อสู้ดั่งนักมวยรุ่นเฮฟวี่เวท เอ็กซ์ได้แต่ถอยออกมาเรื่อยๆ โดยไม่มีจังหวะให้ป้องกันหรือหลบหนีแม้แต่น้อย จนเมื่อ ถอยมาจนชิดกับกำแพง ลิงขาวจึงปิดท้ายด้วยการศอกซ้ายเข้าใส่กลางอก ผลักเข้าไปกระแทกกับกำแพงด้านหลังอย่างจัง

“อั่กกกก”

               การกระหน่ำโจมตีแบบไม่หยุดพักของกัน เล่นเอาเอ็กซ์ถึงกับร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเลยทีเดียว ทั่วร่างของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือดและรอยแผลบอบช้ำ เขาไม่อาจตอบโต้คู่ต่อสู้ในระยะประชิดแบบนี้ได้เลย ช่างน่าสงสารเสียจริงๆ

“รู้ผลกันล่ะ”

               ใกล้จะรู้ผลกันเสียที ในระหว่างนั้นเอง ลายเส้นสีเขียวงดงามก็พลันปรากฏทั่วขาขวาของกัน ลิงขาวง้างขาออกไปทางด้านหลังพร้อมตะแคงเท้าเฉียงขึ้นมาเล็กน้อย พายุหมุนลูกเล็กๆ เริ่มก่อตัวใต้ฝ่าเท้า ก่อนจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ภายในเวลาไม่กี่วินาที ทั้งหมดทั้งมวลนี้เองเป็นดั่งสัญญาณสำหรับท่าไม้ตายแสนอันตรายของเขานั่นเอง

“ลูกเตะเหมันต์ทะยานเวหา!!!”

               พายุหมุนลูกเล็กๆ ยังคงทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง กลายเป็นพายุหมุนขนาดใหญ่ในที่สุด และเมื่อพลังลมได้ที่แล้ว พายุลูกนี้ก็เป็นอันถูกปล่อยออกมาจากใต้ฝ่าเท้าของกันสู่พื้นด้านล่าง เป็นดั่งแรงส่งอันรุนแรงที่ช่วยให้กันเตะขึ้นไปด้วยความเร็วสูงจากแรงลม และกำลังตรงเฉียงเข้าใส่ใบหน้าของเอ็กซ์เรื่อยๆ ภายในไม่กี่อึดใจแล้ว

               ลูกเตะเหมันต์ทะยานเวหาเป็นท่าไม้ตายที่สามารถล้มคู่ต่อสู้อย่างกันย์ได้ในคราเดียวเท่านั้น เนื่องด้วยความเร็วชนิดที่ว่ามองด้วยตาเปล่าแทบไม่เห็น คงเป็นการยากนักที่จะหลบมันได้พ้นในเวลาเพียงน้อยนิด และถึงแม้เอ็กซ์จะพอยกแขนซ้ายขึ้นมาป้องกันได้ทันกาล ความรุนแรงของมันก็ไม่ใช่น้อยๆ ขนาดที่ว่าเขาอาจต้องสละแขนข้างนั้นเพื่อการป้องกันเลยก็ว่าได้

“กระจกนารายณ์”

               ทว่า ทุกสิ่งทุกอย่างกลับพลิกผันชนิดเหนือความคาดหมายอย่างยิ่ง กันคงคิดว่านี่น่าจะเป็นการโจมตีปิดฉากการต่อสู้นี้อันแสนยืดเยื้อนี้แล้ว กลายเป็นว่าเขาคิดผิด เพราะสิ่งที่ลิงขาวเตะเข้าไปด้วยความเร็วสูง ไม่ใช่แขนหรือใบหน้าของเอ็กซ์แต่อย่างใด เขากลับต้องประหลาดใจสุดขีด เมื่ออยู่ๆ ก็มีโล่สีม่วงมาคอยขัดขวางการโจมตีของเขาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้

               นอกจากจะสามารถรวบรวมละอองแสงสีม่วงไว้รอบๆ แขนทั้งสองข้างได้แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เอ็กซ์สามารถทำได้ นั่นคือการควบคุมละอองแสงนับล้านเหล่านั้นให้มารวมตัวที่ใดก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถควบรวมมันให้กลายเป็นวัตถุหนึ่งชิ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจอีกตะหาก

               ที่เข้ามารองรับลูกเตะของกันไว้ก็คือละอองแสงเหล่านั้นนั่นเอง ละอองแสงสีม่วงนับล้านๆ รวมตัวกันจนกลายเป็นโล่รูปวงกลมขนาดใหญ่  ลอยอยู่เหนือแขนซ้ายของเอ็กซ์ดั่งเกราะป้องกันอันแน่นหนา พื้นผิวและความบางของมันนั้นเหมือนกับกระจก แต่ความแข็งแกร่งนั้นกลับเป็นดั่งเหล็กกล้า ชนิดที่ว่าสามารถป้องกันการโจมตีของลิงขาวเอาไว้ได้ทั้งหมด จะมีก็เพียงแต่รอยร้าวเล็กๆ บนพื้นผิวเท่านั้น เล่นเอาอีกฝ่ายถึงกับอึ้งและทึ่งไปพักใหญ่เลยทีเดียว

“อะไรเนี่ย!!!” กันรีบชักขากลับมาโดยเร็วที่สุด

“ความแข็งแกร่งของโล่นี่เทียบเท่าเหล็กหนา ๑๐ เซนฯ เลยนะจะบอกให้” เอ็กซ์ยิ้มเยาะ

“ใครถาม!!!” กันง้างหมัดซ้ายเตรียมต่อย

                ท่าไม้ตายก้นหีบของเอ็กซ์มิได้มีเพียงกระจกนารายณ์เพียงอย่างเดียว บัดนี้ ท่วงท่าที่รุนแรงที่สุดของเอ็กซ์ก็ได้ฤกษ์สำแดงเดชเสียที

               โดยปกติแล้ว เอ็กซ์มักจะใช้กำปั้นเพียงข้างเดียวเท่านั้นในการยิงปืนใหญ่นารายณ์ ทว่า มาในคราวนี้เขากลับตะแคงกำปั้นทั้งสองข้าง แล้วประกบมันเข้าไว้ด้วยกัน เล็งตรงไปยังร่างของกันที่กำลังจะต่อยเข้ามาเบื้องหน้า แขนสองข้างขอไอ้หนุ่มหน้าใสจรัสแสงสีม่วงเข้มยิ่งขึ้นเรื่อยๆ กว่าครั้งก่อนๆ และในที่สุดก็ได้เวลายิงออกมาเสียที

"ดาวหางนารายณ์"

                สองมือย่อมต้องมีดีกว่ามือเดียว เฉกเช่นเดียวกับดาวหางนารายณ์ ที่อานุภาพของมันย่อมรุนแรงกว่าปืนใหญ่นารายณ์ที่ใช้เพียงมือเดียวแน่นอน หลังจากรวบรวมละอองแสงจนได้ที่แล้ว ในที่สุด ลำแสงสีม่วงขนาดใหญ่กว่าเดิมถึง ๒ เท่า ก็ถูกยิงออกมาจากกำปั้นคู่ของเอ็กซ์ พุ่งตรงเข้าใส่ร่างของกันด้วยระยะเผาขนภายในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น และดูท่า นี่คงจะเป็นการปิดฉากการต่อสู้จริงๆ เสียที

"ตู้มมมมมมมมมมมมมม"

                   ความรุนแรงของมันย่อมเพิ่มมากกว่าแต่เก่าเป็นทวีคูณเฉกเช่นเดียวกัน ปืนใหญ่นารายณ์อาจรุนแรง ขนาดที่ว่าสามารถส่งให้ทั้งร่างของคู่ต่อสู้กระเด็นไปไกลพอสมควร แล้วจึงค่อยๆ จางหายไปในเวลาไม่นาน ทว่า พลังของดาวหางนารายณ์กลับแตกต่างกันลิบลับ ลำแสงสีม่วงนี้กลับพุ่งปะทะใส่ร่างของกันเต็มๆ จากนั้นจึงผลักร่างของเขาออกไปไกลเรื่อยๆ ผ่านประตูไม้เข้าไปยังห้องด้านหลัง ชนหน้าต่างบานใหญ่จนกระจกถึงกับแตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทะลุออกมาจากตัวอาคารสู่ความเวิ้งว้างกลางอากาศในที่สุด

“เพล้งงงงงงงงงง”

               รวมแล้วเป็นระยะทางทั้งสิ้นกว่า ๑๐ ม. ที่เขากระเด็นลอยออกมาด้วยลำแสงนี้ ดูๆ แล้วช่างคลับคล้ายคลับคลากับดาวหางโดยมีร่างของลิงขาวเป็นอุกกาบาตและมีละอองแสงสีม่วงเป็นดั่งหางดาว นี่คงเป็นที่มาของชื่อดาวหางนารายณ์อันทรงพลังนี้ จนเมื่อลำแสงนี้หมดพลังและจางหายไปกับอากาศ แรงโน้มถ่วงของโลกจึงเป็นเหตุให้กันต้องร่วงหล่นลงมาจากความสูงของตึก ๒ ชั้น กระแทกเข้ากับพื้นกลางถนนด้านล่างอย่างจังในที่สุด

“อั่กกกกกกกก”

               โชคยังดีที่ไม่มียานพาหนะคันใดแล่นไปมาในเวลานั้น ไม่อย่างงั้นกันคงจะโดนรถชนเป็นของแถมอีกแน่นอนแต่ถึงกระนั้น ลำพังแค่การโจมตีเพียงครั้งเดียว ก็เป็นเหตุให้ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสยิ่งขึ้นไปอีก อีกทั้งยังทำให้การจราจรแถวนี้เป็นอันต้องติดขัดไประยะหนึ่งอีกด้วย ท่ามกลางความสงสัยของประชาชีโดยรอบ ว่าไอ้หัวแหลมที่อยู่ๆ ตกลงมาจากฟ้าคนนี้เป็นใครกันนะ

“แซ่ดๆๆๆๆๆๆ” กันได้ยินเพียงเสียงกระซิบกระซาบของคนแถวนี้เท่านั้น

“โอย...” กันค่อยๆ ยันตัวขึ้นมานั่ง “เมื่อกี้มันอะไรวะเนี่ย”

"กูลืมบอกไปอย่าง ฝิ่นสีชาดเนี่ยต้องรอ ๓ นาทีนะ กว่ามันจะออกฤทธิ"     

                   สิ่งที่กันเห็นอยู่ตรงหน้านั้นช่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก มันคือควันสีแดงเหมือนฝิ่นสีชาดจำนวนมากที่ระเหยออกมาจากทั้งร่างของเอ็กซ์ ในขณะที่เขากำลังเดินตรงออกมาจากร้านเช่าหนังร้างเรื่อยๆ เล่นเอากันที่ได้แต่หอบหายใจถึงกับสะดุ้งเฮือกเลยทีเดียว นั่นหมายความว่า ด้วยสรรพคุณของฝิ่นสีชาดนี้เองที่ช่วยเสริมความรุนแรงให้กับปืนใหญ่นารายณ์ จนกลายเป็นดาวหางนารายณ์เมื่อครู่นี้นั่นเอง

"เห็นรึยังล่ะ" เอ็กซ์เตรียมยิงดาวหางนายรายณ์ใส่กันอีกครั้ง "ทีนี้มึงก็แพ้แล้วล่ะ"

"หึๆๆๆ อย่ามาดูถูกเชียวนะเว้ย" กันชันเข่าขึ้นมายืนหยัดได้อีกครั้ง "แค่เนี้ยไม่ระแคะระคายไรกูหรอก"

"พูดไม่ดูสภาพตัวเองเลยนะ" เอ็กซ์ยิ้มเยาะ "มึงน่ะกลับบ้านไปตัดผมใหม่เหอะ กูรำคาญทรงแหลมๆ ไรนั่นของมึงเต็มทนแระ"

"กูก็รำคาญไอ้เสื้อกันหนาวมึงเหมือนกันนั่นแหละ" กันแขวะเรื่องเสื้อแจ็คเก็ตของเอ็กซ์บ้าง "ว่าจะไม่พูดแล้วนะ แต่ร้อนๆ แบบนี้มึงบ้าป่าวเนี่ย"

"กูล่ะเกลียดขี้หน้ามึงจริงๆ" ทั้งสองพูดขึ้นมาพร้อมกันเหมือนดั่งรู้ใจกันอย่างไรอย่างงั้น

"ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก"

                   ในเมื่อต่างฝ่ายต่างชิงชันกันมากมายเสียขนาดนี้ โทสะของทั้งสองฝ่าย จึงก่อเกิดเป็นความหมั่นไส้ซึ่งกันและกัน เป็นผลให้ทั้งสองเริ่มต้นการต่อสู้อีกครั้งหนึ่งกลางย่านชุมชนแห่งนี้ ทว่า ขณะที่พวกเขาพร้อมจะพุ่งเข้าใส่กันอยู่รอมร่อแล้วนั้นเอง จู่ๆ จิตสังหารอันรุนแรงของคนคนหนึ่ง ก็พลันเข้ามาขวางวัยรุ่นเลือดร้อนโดยพลัน พวกเขาได้แต่หยุดชะงักไปชั่วครู่ พักเรื่องการต่อสู้ไปซักพัก แล้วจึงรีบหันหน้าไปหาบุคคลปริศนาคนนี้ในทันใด

"หยุดอยู่แค่นั้นแหละ"

                    ผู้มาพร้อมกับจิตสังหารอันรุนแรงนี้คือกินรี สตรีผู้มีกายท่อนล่างเป็นวิหคนั่นเอง ผู้ที่กันกับเอ็กซ์เห็นอยู่ตรงหน้า คือหญิงสาวรูปร่างสูงยาวคนหนึ่ง นอกจากผิวที่ขาวเนียนดั่งหิมะแล้ว ขนนกที่บริเวณท่อนขาล้วนของเธอยังเป็นสีขาวสวยงามเช่นเดียวกับกัน สายตาคู่นั้นเป็นสีฟ้าใสเปล่งประกายงดงาม แต่กลับแสดงถึงความเย็นชาในจิตใจได้เป็นอย่างดี ปล่อยผมยาวสลวยสีดำตัดกับไฮไลท์สีเงินที่ปลายผมด้านหน้าเล็กน้อย ไว้สีผมไฮไลท์อาจจะแปลกแล้ว แต่การแต่งกายของเธอกลับแปลกยิ่งกว่านั้นอีก

                   การแต่งกายของเธอนั้นบ่งบอกถึงความเป็นนักเรียนโรงเรียนสุวัฒนาได้อย่างชัดเจน ด้วยเครื่องแบบนักเรียนหญิง ม.ปลาย ทว่า กลับฉีกบริเวณแขนเสื้อทั้งสองข้างออกมาจนกุด เผยถึงแขนอันเรียวบางและขาวเนียนดั่งหิมะ แถมยังสวมผ้าปิดปากสีขาวเอาไว้จนสามารถปกปิดใบหน้าที่แท้จริงเอาไว้ได้หมด ยิ่งไปกว่านั้น บนผ้าปิดปากนั้นยังถูกวาดทับด้วยสีน้ำ เป็นรูปสัญลักษณ์เพศชายสีน้ำเงินพร้อมกับเครื่องหมายห้ามสีแดงขีดทับเอาไว้ ดูๆ ไปแล้วเหมือนกับหลุดออกมาจากหนังสือการ์ตูนยังไงยังงั้น  

"ค่าพลังหิมพานต์สูงมาก..." กันถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว "ผู้รับพร?"

"โฮ่" แต่เอ็กซ์กลับดูเหมือนรู้จักหญิงคนนี้เป็นอย่างดี "นึกไม่ถึงเลยนะว่าจะเจอกันในที่แบบนี้..."

"องค์หญิงเหมันต์"

"องค์หญิงเหมันต์?" กันเริ่มงง "ไรวะนั่น"

"แล้วมาทำอะไรอีกล่ะ?" เอ็กซ์ถามต่อ "คราวก่อนก็รู้ผลแล้วนี่นา ยังจะมาหาเรื่องไรอีกล่ะครับ?"

"ก็แค่บังเอิญผ่านมา" องค์หญิงเหมันต์ตอบหน้านิ่ง "พอดีเพิ่งไปจัดการกับผู้ชายเลวๆ คนนึงแถวนี้มา..."

"ไหนว่าจะไม่ยุ่งกับพวกผู้ชายเลวๆ แบบผมไงล่ะ" เอ็กซ์บอกด้วยความหงุดหงิด "ถ้าไม่มีธุระอะไรก็รีบกลับไปได้แล้ว ผมยังต้องจัดการไอ้เหี้ยหัวแหลมนี่อีกนะ"                                                                      

"จะมีเรื่องไรกันมันก็ไม่ใช่ธุระไรของเราอยู่แล้ว" องค์หญิงเหมันต์กล่าว "แต่มันใช่แน่ กับคนแถวๆ นี้"

"!?"

                   ดูเหมือนกันกับเอ็กซ์จะสู้กันจนลืมตัวไปหน่อย เพราะบัดนี้เอง พวกเขาไม่ได้อยู่ในตึกร้างอันวังเวงที่มีกันเพียงสองคนอีกต่อไปแล้ว พวกเขากำลังยืนอยู่กลางถนนใหญ่อันอุดมไปด้วยผู้คนมากมายต่างหาก เหล่าประชาชนคนธรรมดา รวมถึงนักเรียนสุวัฒนาที่กำลังเดินเพ่นพ่านไปมาอยู่ดีๆ ตามปกติ กลับเป็นอันต้องหวาดกลัวอย่างที่สุด เมื่อสองคนนี้ก้าวเข้ามาเปลี่ยนถนนเส้นนี้ให้กลายเป็นลานประลอง พวกเขาต่างรีบถอยห่างออกมาให้ได้โดยเร็วที่สุด บางคนถึงกับคว้าสังข์ขึ้นมาเตรียมเรียกตำรวจเลยทีเดียว

"..." ดูเหมือนกันกับเอ็กซ์จะเข้าใจในสิ่งที่องค์หญิงเหมันต์กล่าวเสียที

"ถ้าต่อยกันตามปกติน่ะก็ไม่ว่าไรหรอกนะ" องค์หญิงเหมันต์อธิบาย "แต่รูปแบบการโจมตีของแกมันใช่อย่างนั้นซะที่ไหนล่ะ"

"เฮอะ" เอ็กซ์ดูไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก "นี่คิดว่าคนอย่างผมจะโจมตีพลาดเหรอ!!!"

"ถ้างั้นเดี๋ยวผมจะรีบจัดการไอ้เหี้ยนี่ให้จบๆ ไปเลยดีกว่า" เอ็กซ์ชูมือขวาไปทางกัน "จะได้ไม่ต้องมีปัญหาไรอีก"

“...” ผิดกับกันที่เริ่มตระหนักได้ "เออ พี่องค์หญิงไรซักอย่างนั่นพูดด็ถูกจริงๆ นั่นแหละ"

"!?"

"กูเองก็ไม่อยากมีเรื่องในที่แบบนี้นักหรอก" กันเผย  "ทางทีดีพอก่อนเหอะ"

"เฮ้ยๆ" เอ็กซ์เริ่มไม่พอใจ "อย่ามาใจตุ๊ดดิวะ ไงๆ วันนี้กูก็ต้องจัดการมึงให้ได้อยู่ดีแหละ"

“แต่มึงดูสถานการณ์ด้วยดิวะ!” กันเถียง “ไว้วันอื่นไม่ได้เหรอวะ?”

“วันนี้!!!” เอ็กซ์ยังไม่ยอม “กูไม่สนเหี้ยไรทั้งนั้นแหละ!!! ยังไงกูต้องชนะมึงให้ได้!!!”

"..." กันนิ่งไปซักพัก "อยากชนะกูเหรอ... ได้"

"กูแพ้แล้ว"

                   การกลับหันหลังและเดินจากไปตามทางของตนโดยลำพังพร้อมรอยแผลทั่วร่าง เป็นดั่งสัญญาณแห่งความอัปยศในการต่อสู้ของลูกผู้ชาย มันคือการยอมแพ้แก่คู่ต่อสู้ดีๆ นั่นเอง ในความเป็นจริงกันเองก็คงไม่อยากแพ้ในสภาพแบบนี้แน่ๆ แต่ในเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ และอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะรับฟังคำคนอื่นเลย เขาก็คงมีแต่ต้องยอมรับความจริงและเดินกลับไปตามทางของตน พลางอดกลั้นความรู้สึกเจ็บใจเอาไว้ไม่ให้ใครรับรู้ ช่างน่าเวทนายิ่งนัก

"หึ ไอ้เหี้ย..."

                   เอ็กซ์เองก็คงไม่อาจยอมรับผลการต่อสู้แบบนี้ได้แน่ๆ เขาค่อยๆ เล็งกำปั้นสองข้างไปยังแผ่นหลังของกัน เตรียมลอบยิงดาวหางนารายณ์เพื่อเผด็จศึกคู่ต่อสู้โดยไม่ทันให้รู้ตัว ทว่า ขณะเดียวกันก็ยังมีอีกคนหนึ่ง ที่สามารถต่อกรกับเอ็กซ์ได้พอๆ กับกันหลงเหลืออยู่ ณ ที่แห่งนี้

"อย่าคิดทำอะไรโง่ๆ ดีกว่าน่า"

                  จู่ๆ ละอองไอเย็นจำนวนมากก็ค่อยๆ ลอยมาจับตัวที่แขนของเอ็กซ์ ความเย็นของมันนั้นคงติดลบกว่าศูนย์องศาเป็นแน่ เพราะในเวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น มันก็สามารถแช่แทั้งแขนของเขาให้กลายเป็นน้ำแข็งได้จนหมดเลยทีเดียว และเมื่อดูจากทิศทางแล้ว ละอองไอเย็นเหล่านี้คงลอยออกมาจากองค์หญิงเหมันต์เป็นแน่ เมื่อการโจมตีถูกพันธนาการเอาไว้เช่นนี้แล้ว เอ็กซ์คงมีแต่ต้องยอมปล่อยกันไปเท่านั้น

"เอาเถอะ ยังไงกูก็ชนะแล้ว" ละอองแสงสีทองเข้ามาปกคลุมทั้งร่างของเอ็กซ์ เพื่อเป็นการกลับคืนสู่ร่างมนุษย์อีกครั้ง "ไอ้เหี้ยหัวแหลม!!!"

"เบี้ยอย่างมึงเนี่ยนะจะริอาจมาเทียบกับขุน!!! คนไร้ค่าอย่างมึงน่ะ ไม่มีทางเอาชนะคนที่สมบูรณ์แบบอย่างกูได้หรอก!!!"

"๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕"

                   เสียงหัวเราะเยาะเย้ยจากเอ็กซ์คงทำให้กันรู้สึกเจ็บใจยิ่งขึ้นไปอีกเป็นแน่ แต่ความอดกลั้นเท่านั้นคือสิ่งสำคัญ ถึงแม้จะต้องแพ้ ถึงแม้จะต้องถูกหัวเราะเยาะ หรือกระทั่งถูกหักหลังจากเพื่อนด้วยกันเอง สิ่งเดียวที่เขาทำได้มีเพียงการหันหลังให้กับความเจ็บปวดและเดินไปเรื่อยๆ ด้วยความอัปยศ ละอองแสงสีทองลอยเข้ามาเพื่อเปลี่ยนกลับให้เขากลายเป็นร่างมนุษย์อีกครั้ง ในเวลาเดียวกับที่หยดน้ำจากท้องฟ้าค่อยๆ ตกลงมาเป็นเม็ดฝนหยดลงสู่พื้น เหมือนว่าท้องฟ้ากำลังร่ำไห้แทนเขายังไงยังงั้น

"..."

 

โปรดติดตามบทถัดไป

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา