The Vampire Powers.

9.1

เขียนโดย katzee

วันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 14.24 น.

  37 chapter
  168 วิจารณ์
  42.06K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2561 17.51 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

31) วางแผน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ


ห้องโถงขนาดใหญ่กำลังปรากฏสู่สายตาของเอ็ดตอนนี้มันช่างมโหฬาร มีเครื่องมืออิเล็กทรอนิคเพียบพร้อมและล้ำสมัย เอ็ดถูกจับให้นั่งลงกับโต๊ะสืบสวนมักพบเห็นในสำนักงานตำรวจตรงข้ามห่างจากชายที่เหมือนจะเป็นเจ้านายภายในสถานที่แปลกๆแห่งนี้ มันเหมือนเป็นห้องไว้สำหรับบงการหน้าที่ต่างๆให้แก่ลูกน้องที่ต้องส่งทอดกันไปอีกสังเกตได้จากคนทำงานอยู่จำนวนหนึ่งกำลังคอยสั่งงานเสียงรับโทรศัพท์ดังจ้าละหวั่นไม่ว่าจะเป็นอีกคนถูกรับงานในที่ที่ห่างออกไปไม่ว่าจะเป็นขั้วโลก พวกเขาปฏิบัติงานกันเป็นอย่างระบบระเบียบ นี่มันเป็นสถานที่อะไรกันแน่


“คลินท์ เข้ามาได้” นายใหญ่ที่นั่งตรงข้ามกับเขาออกคำสั่งผ่านทางเครื่องสื่อสารที่อยู่ข้างๆตัวเขาดูเหมือนจะเป็นคล้ายๆโทรศัพท์

ประตูถูกเปิดออกชายคนหนึ่งเดินเข้ามาและยืนคุมเชิงเขาข้างหลังก่อนจะมีประตูแทรกขึ้นมาจากพื้นครอบพวกเขาไว้ขนาดห้องๆหนึ่งได้ขึ้นมาเพื่อกั้นเสียงจากคนข้างนอก

 

“ฉันชื่อ ลูเซียส เป็นผู้ก่อตั้งของหน่วยองค์กรนี้ ฉันจะมีคำถามที่จะต้องถาม…ใครคือผู้ให้กำเนิด” ลูเซียสเอ่ยทำลายความเงียบ หลังจากที่นั่งเงียบกันมาซักพัก

 

“จับผมมาทำไม”

 

“เป็นคำตอบที่ฉันไม่คาดว่ามันจะตรงคำถาม” ลูเซียสพูดพลางย้ำคำถามเดิมอีกครั้งแต่เอ็ดยังคงนั่งนิ่ง

 

“ใครคือผู้มอบพลังให้เจ้า” เมื่อยังเห็นว่าเอ็ดยังไม่ยอมตอบคำถามลูกเซียสหยิบสิ่งที่ถูกงอกขึ้นมาจากพื้นผ่านช่องอะไรซักอย่าง รูปร่างเหมือนขวดไวน์ ขณะที่รินใส่แก้วสิ่งๆนั้นปลุกความอยากกระหายให้แก่เขา มันคือเลือด อาหารสำคัญที่เอ็ดขาดมันมาสักพักแล้ว ดูเหมือนตอนนี้เขาจะมีอาการคลุ้มคลั่ง กลิ่นเชิญชวนให้เขาอยากลิ้มลอง

 

“องค์กรเรามีหน้าที่ กำจัดพวกขยะที่คอยปั่นป่วนความวุ่นวายแก่มนุษย์เราต้องคอยตามสืบดูว่ามีอะไรที่เป็นเรื่องต้องสงสัย และมันไม่ใช่เรื่องดีที่เจ้าจะไปท้าทายกับพวกไลแคนพวกนั้น” เอ็ดคิดตามเพราะเขารู้สึกว่าตอนนั้นมันเบลอจนเขารับรู้ได้ว่ามีบาดแผลที่บริเวณช่องท้อง มือเขาเลื่อนลงไปคลำๆดูจึงรู้ว่าเป็นจริง

 

“คลินท์เป็นคนช่วยเจ้าไว้” ลูเซียสกล่าวพลางพยักเพยิดไปทางด้านหลังเอ็ดที่มีคลินท์คอยยืนคุมตัวไว้

 

“คิดว่านี่จะเป็นเรื่องต่อรองได้งั้นเหรอ” เอ็ดไม่ยอมหลงกล

 

“เจ้าก็จะถูกขังให้อยู่ที่นี่ไปจนวันตาย เพียงแค่ตอบคำถามเล็กๆน้อยๆไม่ได้” คลินท์เป็นคนตอบแทนให้

 

“กรงเล็บของพวกลูกครึ่งทำให้เจ้าอ่อนแอ ซึ่งมันอาจจะทำให้เจ้าตายได้เร็วขึ้น และข้าก็เป็นคนที่ยื่นมือช่วยเจ้าให้ออกมาจากดงพวกนั้น บาดแผลจะทำให้แวมไพร์อ่อนแอถ้าไม่ได้ถูกรักษาโดยตรงกับคนที่อยู่มานานอย่างข้า” ลูเซียสลุกขึ้นยืนพูดพลางไปกดปุ่มอะไรซักอย่างเพื่อเปิดจอภาพที่มีคนถูกเครื่องมือที่ล็อคตัวเขาตอนเพิ่งตื่นแรกๆ พวกนั้นมีสภาพที่ซีคผอมดูเหมือนคนตายไปแล้ว “ถ้าเจ้าตอบคำถามข้า แค่นั้นมันก็จะจบเรื่องแล้วเจ้าจะเป็นอิสระ”

 

“แวมไพร์กระจายไปแทบทั่วโลกแต่เป็นแค่กลุ่มน้อยที่แฝงตัวเข้าไปในกลุ่มมนุษย์และเราคอยควบคุมทุกอย่างให้ไปอยู่ในทางที่ควรจะเป็น และที่แน่ๆเราจะไม่ฆ่ากันเอง”

 

“เราจะส่งคนที่มีความสามารถพิเศษอย่างคลินท์เป็นต้นไปคอยดูลาดเลาเพื่อที่จะรับประกันว่าจะไม่มีกลุ่มอื่นอีกมาขัดแย้งกัน แต่เจ้าคือปริศนา เราจึงต้องการที่จะรู้สิ่งที่เจ้ารู้มา” ลูเซียสเลื่อนภาพดูภาพต่างๆกับที่อยู่อาศัยของพวกเดียวกันให้ดูตามทั่วทุกมุมโลก “ทีนี้ เจ้าไว้ใจเราหรือยัง”

 

“ท่านลูคัส เรามีภารกิจที่ต้องตามหาโลแกนและลูน่า” ลูเซียสผงะไปเล็กน้อย เอ็ดเงยหน้ามองพลางพูดว่า “พอใจหรือยัง นั่นคือสิ่งที่ผมรู้” คลินท์เอะใจเพราะชื่อนี้เป็นชื่อของบุคคลอันตรายที่สุดคนหนึ่งตั้งแต่เขาอยู่มา ที่แน่ๆลูเซียสเป็นหนึ่งในบรรดาพี่น้องในตระกูลสโตนและชื่อนั้นเปรียบเสมือนสัญญาณอันตรายเมื่อลูคัสเหมือนจะมีอะไรบางอย่างมาทำให้พวกเขาต้องหนักใจ แต่เด็กหนุ่มเกิดใหม่คนนี้ดันมีพลังพิเศษ ซึ่งมันน่าแปลกมากที่จะพบเห็นในจำนวนเด็กเกิดใหม่และรู้เรื่องไม่ค่อยเยอะ

 

“เขาเลี้ยงเจ้ามาตั้งแต่เด็กใช่หรือไม่” ลูเซียสได้รับคำตอบจากการพยักหน้าของเอ็ดแบบฝืนๆ

 

คลินท์เดินเข้าไปหาลูเซียสที่ยืนหันหลังให้กับเอ็ดพลางมองจอภาพที่เขาจะทำสัญลักษณ์ไว้เพื่อให้รู้ว่าพี่น้องของพวกเขาจะไม่กลับมาต่อกรกันอีกครั้งแววตาฉายความกังวลอย่างหนักนับตั้งแต่พวกเขาแยกตัวกันออกมาสำหรับอยู่ใครอยู่มัน พี่ชายของเขาทั้งสองต่างมีความเห็นที่ไม่ตรงกันและต้องการที่จะแยกอำนาจที่ไม่ควรจะทำให้สายเลือดเดียวกันต้องแตกฝ่าย

 

ลูเซียสเพิ่งได้เจอลูกสมุนของลูคัสเป็นคนแรกในใจเขาช่างสับสนในการกระทำที่ซับซ้อน ที่แน่ๆสายเลือดของพวกเขาจะไม่แข็งแกร่งถึงขั้นทำให้เด็กเกิดใหม่มีพลังได้นอกเสียจากว่า…

 

“พวกนั้นกำลังจะสร้างกองทัพ” คลินท์ได้ยินถ้อยคำของนายใหญ่เพียงแค่นั้นถึงกับต้องพยายามเรียบเรียงสติสียใหม่

 

เอ็ดยังคงไม่เข้าใจว่าการที่พวกเขาพบเจอเขาและมีพลังที่แตกต่างทำไมต้องตื่นเต้นอะไรหนักหนาและเขารู้ดีว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้มุ่งร้ายทำลายเขาเลย

 

“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ข้าจะขอให้เจ้าช่วย” ลูเซียสหันหน้ามาพูดกับเอ็ด คลินท์ขอตัวออกมาจากห้องพลางมุ่งหน้ากลับไปยังที่พักเพื่อแจ้งข่าวให้คนที่เป็นตัวจุดฉนวน

 

ร้านกาแฟXXX

 

นิโคลถูกโรสให้นัดมาเพื่อนั่งคุยเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนโรสนัดมาอยู่ในร้านใจกลางเมืองมันถูกตกแต่งแบบเรียบง่ายแต่ส่วนมากร้านนี้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับคู่รัก และนี่คือเหตุผลที่โรสเลือกร้านนี้เพราะคนไม่ค่อยพลุ่งพล่านหลังจากที่พวกเธอออกมาจากทาวน์เฮาส์ของแอล นิโคลก็ขอกลับบ้านและไม่พูดจากับโรสแม้แต่น้อย ซึ่งมันทำให้เธอแทบเดาไม่ออกด้วยซ้ำว่าเพื่อนสาวของเธอมีปัญหาอะไรกันแน่พักหลังมานี้ทุกคนดูเปลี่ยนไปหมด

 

“เกิดอะไรขึ้น”

 

“พวกเขาเป็นปีศาจ…พวเขาไม่ใช่คน” นิโคลนั่งกุมมือบีบนิ้วของตัวเองที่มีสัญลักษณ์คล้ายเลขาคณิตหกเหลี่ยมต่กลับไม่ใช่ เธอคิดว่าตัวเองบ้าไปแล้ว ทั้งคืนเธอไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ขณะที่มีความทรงจำใหม่ๆผุดขึ้นมาบางทีมันอาจจะจะเป็นความทรงจำที่ถูกโละทิ้งไป เขาหลอกเธอมาตลอด ริมฝีปากบางสั่นระริกเบ้าตาดำคล้ำไปหมด สภาพตอนนี้ดูไม่จืดเลยด้วยซ้ำ

 

“พูดอะไรน่ะนิค” โรสตกใจที่เห็นเพื่อนของเธอเปลี่ยนไปราวกับคนละคนระหว่างที่เพื่อนสาวเธอเงยหน้าขึ้นมาพูดจาเพี้ยนๆ

 

“…ไม่ใช่คน…”

 

โรสอ้าปากค้างเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี อาการเหม่อลอยของเพื่อนสาวทำให้เธอชักอยากจะเชื่อแต่เรื่องนี้มันอาจจะเป็นเพราะนิโคลเครียดจัดมากก็ได้ เธอคิดว่าอย่างนั้นแต่นิโคลไม่เคยโกหกเลยซักครั้ง

 

“โอเค ถ้าพวกนั้นไม่ใช่คน แล้วทำไมถึงมาเรียนกับเราได้…ทำชีวิตเหมือนเราได้” ถึงแม้จะชอบทำตัวน่าสงสัยก็เถอะ แต่โรสไม่ยักกะเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติอะไรเทือกนั้นแน่ๆ

 

โรสกระแทกหลังตัวเองตรงโต๊ะนั่งพลางถอนหายใจหยิบคว้าลาเต้ที่สั่งไว้มาดื่ม เอื้อมมือไปหยิบแล็ปท็อปในกระเป๋าซึ่งวางไว้ข้างๆตัวขึ้นมาหลังจากกระแทกแก้วน้ำลงอย่างอารมณ์เสีย นั่นเป็นเรื่องที่โรสชอบแสดงออกถึงแม้จะดูกร้าวแค่ไหนเธอก็ยังเป็นเพื่อนที่จริงใจต่อนิโคลเสมอ

 

“คืนนั้น ที่เรเนสโดนไอ้หื่นไล่ปล้ำ เธอรู้หรือเปล่าว่าฉันอยู่ที่ไหน” โรสทำหน้าเอือมระอา “มันเป็นคืนที่ห่วยมากๆ ขากลับก็กินเหล้าไม่ได้เต็มที่ เซ็งชะมัด ฉันจำได้ว่าเธอไปขอเข้าห้องน้ำหลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จ แล้วก็…” โรสพูดพร้อมท่าทางที่ดูเหมือนจะนึกออก

 

“ไซม่อนเห็นฉันเข้าที่หัวมุมห้องน้ำ แล้วอุ้มฉันกลับมาหลังจากเรเนสเกิดเรื่อง”

 

“แล้ว มันเกิดอะไรขึ้น” โรสถามขณะที่ปิดฝาแล็ปท็อปลง เท้าคางฟังอย่างตั้งใจ

 

“ฉันดูเหมือนคนตายไปแล้ว ตัวซีค ทุกอย่างมันพร่าเบลอไปหมด” นิโคลยังไม่ต้องการที่จะบอกให้โรสรู้ในที่สาธารณะแบบนี้ เธอรู้สึกเหมือนถูกจับตามองตลอดเวลา “ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงดี”

 

“นิค ฉันว่าเธอควรพักผ่อน” โรสเอื้อมมือไปกุมของอีกฝ่ายพลางสงสัยว่าทำไมเพื่อนสาวจากที่เคยเป็นหญิงแกร่งมาโดยตลอดดันกลับตาลปัตรไปเป็นอีกคน

 

“เธอสังเกตหรือเปล่าว่าพวกเขาไม่ชอบยุ่งกับใคร มีลับลมคมนัย และไซม่อนพยายามที่จะเตือนฉันมาตลอดแต่ฉันไม่เคยฟังเขาเลยด้วยซ้ำ”

 

โรสยกมือขึ้นเกาหัว ในหัวพยายามประติดประต่อเรื่องทั้งหมด นี่มันยุคไหนแล้วความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องเหนือธรรมชาติมันน่าจะจางหายไปตามกาลเวลา ที่แน่ๆเธอรู้ว่านิโคลเป็นคนที่ไม่เชื่อกับเรื่องนี้ง่ายๆ มันไม่ใช่ยุคตามล่าฆ่าปีศาจหรือแม่มดซะหน่อย ถ้าไซม่อนพยายามจะเตือนนิโคลแสดงว่าหมอนั่นต้องรู้เรื่องอะไรบางอย่างแน่ๆ ทว่าสายตาโรสดันเหลือบไปเห็นบุคคลที่เข้ามาใหม่ด้วยความตกตะลึง

 

“โอ พระเจ้า พวกนั้นเดทกันเหรอ” ประโยคทำให้สตินิโคลกลับมาเธอเลื่อนสายตาขึ้นมองเงากระจกจากทางด้านหลังโรสเห็นคนสองคนเดินเข้ามาในร้าน

 

“ฉันว่าฉันต้องไปป่วนพวกนั้นซะหน่อย” ก่อนที่โรสจะลุกขึ้นไปนิโคลก็เอ่ยขัดขึ้นมาว่า “อย่าเลย ฉันขอตัวกลับก่อนนะ มีอะไรฉันจะติดต่อมา” เธอกล่าวพลางสอดกระดาษใส่มือโรสพลางเดินหยิบกระเป๋าเป้ออกไป

 

โรสเอ่ยปากเรียกเพื่อนสาวที่ตัดสินใจหนีหน้าเธอไปเสียดื้อๆ ความงุนงงอย่างไร้เหตุผลแต่เธอแบมือออกเพื่อดูสิ่งที่นิโคลยัดใส่ไว้ดู

 

‘แวมไพร์’ ความคิดแวบแรกที่ลอยเข้ามาคือแวมไพร์มันไม่มีจริง มันเป็นเพียงเรื่องที่ถูกแต่งขึ้น ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าต้องเลื่อนสายตาขึ้นมองและนั่นทำให้เธอพบกับสายตาที่แปลกไปของไซม่อน เขาจ้องตอบกลับมาโรสจึงละสายตามาเพ่งพินิจดูสิ่งที่อยู่ในมืออีกครั้ง หญิงสาววางเงินลงบนโต๊ะและเก็บของเดินออกจากร้านไปเพราะเธอต้องการที่จะศึกษาเรื่องที่เพื่อนสาวให้มาอย่างละเอียด

 

ฉันไม่เคยรู้สึกห่วงหาใครบางคนขนาดนี้มาก่อน เขาคนนั้นที่ฉันพยายามอยากจะค้นหาสิ่งลึกลับภายในตัวเขา ตั้งแต่แรกเจอฉันไม่สามารถลืมเขาคนนั้นได้เลย เธอรู้ดีว่าแอลสนใจนิโคลและดูเหมือนนิโคลเองก็สนใจเขาตอบเหมือนกันนั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการให้ทั้งสองแยกจากกัน

 

ฉะนั้นเธอจึงต้องการเอาตัวเข้าแรกเพื่อได้ใกล้ชิดกับผู้ชายลึกลับที่ทำให้เธอกลัวและทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยทุกครั้งที่อยู่ใกล้ๆ โดยการทำทีสนใจเพื่อนของเขาหรือแอล แต่อันที่จริงแล้วเธอกำลังจะศึกษาตัวตนของเขาอยู่ต่างหากละ ขณะที่จู่ๆเขาก็หายไปและเพื่อนสาวทั้งสองคนที่มีความสัมพันธ์ห่างเหิน

 

หญิงสาวผมบลอนด์สว่างสวมใส่ชุดสบายสไตล์วัยรุ่นอเมริกันที่เน้นความเป็นเอกลักษณ์ด้วยชุดหวานซ่อนเปรี้ยวเดรสสีน้ำตาลอ่อนเดินมากับหนุ่มหล่อแบดบอยผู้มีฐานะและเป็นที่รู้จักในแวดวงคนสถาปนาธุรกิจต่างๆภายในเมืองนี้แต่ไม่มีสาวคนไหนที่จะชนะใจหนุ่มคนนี้ได้

 

ไม่รู้เพราะอะไรเธอถึงตกลงมากับไซม่อน เธอตัดสินใจโดยไม่ยั้งคิดและเธอเองก็ไม่อยากเป็นฝ่ายที่ถูกทำร้าย แต่ความรู้สึกข้างในมันฟ้องเธอว่าเธอคิดผิดแล้ว เมื่อเท้าเธอก้าวเข้ามาในร้านกาแฟกลางใจเมืองมีบรรยากาศที่เงียบสงบไม่คิดไม่ฝันว่าจะเจอเพื่อนสาวทั้งสองคนที่นั่งถัดไปอีกเยื้องหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินไปทักทายอยู่แล้ว ไซม่อนก็ดันหลังไปอีกฝั่งหนึ่งเพื่อหาที่นั่งและเพื่อนสาวทั้งสองเดินออกจากร้านไปแล้วภายในเวลาไม่กี่นาที ความรู้สึกหดหู่ถาโถมเข้ามาจากไหนไม่อาจรู้ได้ก่อนจะได้สติเมื่อไซม่อนเอ่ยเรียกเธอซ้ำๆ

 

“เค้ก ไม่อร่อยเหรอ”

 

“เออ..ใช่..คือมันอร่อยดีน่ะ” เรเนสเงยหน้าตอบไซม่อนก่อนจะตักเค้กเข้าปากเงียบๆ

 

ไซม่อนมองเธอราวกับว่ามีคดีฆ่าคนตายและกำลังสืบสวนเธอ เขามีสไตล์ที่ออกห่ามๆในแบบของผู้ชายที่ชอบหาเรื่องแต่ครอบครัวไซม่อนยินดีต้อนรับเธอได้ทุกเมื่อและโดยส่วนมากซูซานพี่สาวสวยน่าค้นหาของไซม่อนชอบให้เธอมาอยู่เป็นเพื่อนเขาเมื่อครั้งยังเด็กซึ่งนานมาแล้ว มันแปลกใช่ไหมที่มาออกเดทกับคนที่เคยเล่นกันมาตั้งแต่เด็กเห็นช่วงเด็กๆในแบบไม่น่าจดจำ

 

“เธออยากจะไปเที่ยวบ้านฉันเมื่อไหร่ก็ได้นะ ซูไม่ค่อยมีเพื่อนมากเท่าไหร่”

 

“โอเค ซูเป็นไงบ้างหลังๆมานี้” สาวผมบลอนด์คลี่ยิ้มบางๆเมื่อยังมีที่พึ่งคนหนึ่งพอจะปรับทุกข์เธอได้

 

“ก็ ช่วยงานพ่อฉันตลอด เผลอๆอาจจะขึ้นแท่นผู้บริหารใหม่ จะดีมากถ้ามันไม่เป็นฉัน” เขาทำสีหน้าเบื่อหน่าย แหงละหนุ่มจอมปาร์ตี้อย่างเขาคง

ต้องการชีวิตที่มีแสงสีแสงไฟและเพลงมันๆในผับ บาร์ สไตล์การใช้ชีวิตวัยรุ่นรักสนุกแต่เธอไม่ได้จะเหยียดการใช้ชีวิตของเขาหรอกนะ เพราะแค่คิดว่าอนาคตมันดูไม่แน่นอน

 

“อะไร นินทาฉันในใจหรือไง” และเขาก็เป็นจอมรู้ทันราวกับอ่านใจเธอได้ “แล้วนายจะต้องช่วยงานกับซูด้วยเพราะไม่มีทางที่เธอจะปล่อยให้นายมีชีวิตอิสระทั้งๆมีงานหนักคอยรับมือตลอดเวลา”

“ไม่น่าละ ทำไมเธอสองคนถึงเข้ากันได้” ไซม่อนโพล่งขึ้นมาพลางทำท่าเลียนแบบลักษณะการพูดของเธอ

“ หยุดนะ…นายเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับฉันจริงๆและไม่รู้ว่ามันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นระหว่างนายกับนิโคล ฉันก็ยอมรับ” ไซม่อนเปลี่ยนสีหน้าไปโดยทันทีเขาดูเหมือนไม่อยากจะนึกถึงมันซักเท่าไหร่ เธอจึงเอื้อมมือไปบีบมือของอีกฝ่ายเบาๆเพื่อให้กำลังใจ

“เรื่องมันยากเกินจะเข้าใจ” คำตอบของอีกฝ่ายที่ต้องการจะเลี่ยงบทสนทนานี้เธอรู้ได้เลยว่า เขาคงไปก่อเรื่องอะไรบางอย่างไว้แน่ เพราะแต่ก่อนไซม่อนจะชวนพวกเธอไปเที่ยวเล่นตามประสาวัยรุ่นที่กำลังเรียนจบตลอดแต่เมื่อมันเกิดเรื่องแปลกมากมายมันจึงทำให้ทุกคนดูห่างเหิน

“ถ้าไม่มีใครที่จะอ่อนข้อ เรื่องมันก็ยังไม่จบ และฉันมั่นใจแน่ๆว่านายไม่ได้ต้องการจะมาเดทกับฉันเพราะรู้สึกดีมากกว่าเพื่อนหรอก”

“ไซม่อน ฉันยอมรับเรื่องทั้งหมดได้ ถ้านายลองพูดกับฉันให้เข้าใจ” เขาหันหน้าไปทางอื่นแต่เรเนสตัดสินใจที่จะไม่อยากมาเป็นหมาหัวเน่าที่ถูกคนอื่นเมินหรอกนะ จะดีกว่าถ้าเธอเชิดใส่กับคนที่ไม่เห็นคุณค่าในตัวเธอเอง จู่ๆความรู้สึกที่มันถูกบีบคั้นมานานได้เผยตัวออกเรเนสจึงลุกขึ้นยืนและวางเงินบนโต๊ะเดินออกมาจากร้าน ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเธอถูกทิ้งถูกเมินมาโดยตลอด

เธอเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่อยากจะเป็นที่สนใจของคนอื่นบ้างหรืออะไรซักอย่างที่ไม่ได้รู้สึกว่างเปล่าเหมือนกับก้อนกลมๆลอยละล่องปลิวไปตามแรงกระทบจากคนรอบตัวเหมือนของเล่นและเธอไม่ต้องการที่จะมาทนทุกข์กับมันอีกครั้งซ้ำไปซ้ำมาหรอก

แรงกระชากแขนดึงให้เธอหันกลับไป ชายหนุ่มที่วิ่งตามเธอออกมาจากร้านมีแววตาที่สับสนและไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าข้างในลึกๆของเขามันแตกต่าง ความเลือดเย็นเหมือนสายตาของนักฆ่าที่สามารถฆ่าคนบริสุทธ์ได้อย่างสบายๆโดยไม่สะทกสะท้านอารมณ์ส่วนลึกแม้แต่น้อย และความหวาดกลัวราวกับพยายามปิดกั้นหลีกหนีออกจากบางสิ่งบางอย่าง วินาทีนั้นจากการได้มองลึกเข้าไปในดวงตาของเขาทำให้เธอได้สติว่ายังมีคนที่ประสบพบเจอกับปัญหาคล้ายคลึงกันแต่คนละสถานการณ์

 

ร่างสูงปล่อยมือตัวเองออกจากแขนเธอก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ก้มหน้ามองเธอมาอย่างใกล้ชิด เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นไล้ใบหน้าสวยหวานซ่อนเปรี้ยวที่มีอีกใบหน้าหนึ่งซ้อนเข้าไปอีกทีซึ่งเป็นตัวตนของเธอ ความรู้สึกชาเนิบบริเวณต้นคอทำให้เข่าเธออ่อนก่อนจะทรุดตัวล้มลงแต่ไซม่อนรับเธอไว้ได้ก่อนจะยิ้มเยาะ พลางช้อนร่างหญิงสาวเดินไปยังรถยนต์ที่จอดใกล้กับร้านที่เธอพาเธอมาพร้อมกับคิดแผนการร้ายที่จะกำลังเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ เพราะเหยื่อสาวติดกับเขาเสียแล้ว

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา