สัมพันธ์รัก...สัมผัสหัวใจ [YAOI]

-

เขียนโดย ผ้าปูโต๊ะ

วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 23.08 น.

  11 ตอน
  4 วิจารณ์
  12.30K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

หลังเสร็จสิ้นการติว โชจินก็กลับมาช่วยเก็บร้านตามที่เขาบอกไว้ ลุงกุ้ง พี่บุญ พี่น้อง และดอย พักอาศัยอยู่ชั้นบนของร้าน ที่เหลือก็แยกย้ายกันกลับ จ๋าจะมีคนขับรถจากที่บ้านมารอรับ พี่ส้มกลับไปก่อนหน้านี้แล้วเพราะลูกสาวแกไม่ค่อยสบาย เหลือโชจินกับนิดที่เดินกลับไปด้วยกัน นิดอยู่ห้องเช่าไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่ โชจินจึงมักเดินไปส่งบ่อยๆ ด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะเดินย้อนกลับไปรอรถเมล์

โชจินใช้เวลาเดินทางไม่นานนักก็มาถึงที่พักของตัวเอง ในขณะที่เขากำลังยืนรอลิฟต์อยู่นั้น เสียงทุ้มของชายหนุ่มก็ดังขึ้นด้านหลังเขา

“กลับไปที่ร้านอีกหรือไง ถึงกลับดึกขนาดนี้” เป็นพีวดลที่มาดักรอโชจินตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ เขากะเวลาว่าวันนี้โชจินน่าจะกลับเร็วกว่าปกติ แต่เขาก็คิดผิด ชายหนุ่มยังแปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้นั่งรอโชจินได้นานขนาดนี้ ซึ่งผิดวิสัยของเขาที่ไม่ชอบการรอคอยใครนานๆ

“ครับ” โชจินเอ่ยคำเดียว ก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับพีวดล “คุณมีธุระอะไรจะคุยกับผมหรือเปล่าครับ”

พีวดลยิ้มมุมปากตามสไตล์ ก่อนจะตอบคำถามกลับไป “ค่อยไปคุยกันข้างบนเถอะ”

“งั้นเชิญข้างนอกครับ” โชจินพูดจบก็เดินนำพีวดลออกไปด้านนอกตัวอาคาร พีวดลอึ้งไปเล็กน้อย แต่แทนที่จะโกรธ เขากลับรู้สึกพอใจมากขึ้นและยอมเดินตามโชจินออกไป

“จะคุยกันตรงนี้?” พีวดลถาม เมื่อเดินมาหยุดอยู่ที่หน้ารถของเขาเอง “ครับ คุณมีอะไรจะถามผมอีกเหรอครับ” โชจินไม่ปล่อยให้เสียเวลา พีวดลเดินไปนั่งลงบนกระโปรงหน้าของรถตัวเอง เขากอดอกมองโชจินนิ่งๆ ส่วนคนถูกมองเริ่มไม่พอใจเมื่อเขาคิดว่าเขากำลังถูกคนตัวโตกว่ากวนประสาทอยู่

“ถ้าไม่มีอะไร ผมขอตัว” แล้วโชจินก็หันหลังเดินกลับไปทันที แต่เขาก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนที่ตะโกนมา “ยังไงฉันก็เข้าห้องเธอได้อยู่ดี” โชจินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินกลับมาหยุดลงตรงหน้าพีวดลที่นั่งยิ้มอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า

“คุณต้องการอะไร” โชจินถามเสียงห้วน พีวดลยืนเต็มความสูงเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง เขาก้มตัวลงเล็กน้อยให้สายตาอยู่พอดีกับโชจิน

“ฉันต้องการนาย” แล้วโชจินก็หัวเราะในลำคอ เขาจ้องตาอย่างไม่กลัวเกรง “คุณชอบผม หรือแค่อยากเอาชนะ”

พีวดลยืดตัวขึ้นอีกครั้งก่อนจะหัวเราะออกมา เขาเดินอ้อมไปหยุดอยู่ด้านหลังโชจิน ส่วนโชจินก็หันกลับไปเผชิญหน้าชายหนุ่มอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะต้องถอยหลังกรูดจนชิดกับรถของพีวดล

“ใช่! ฉันอยากเอาชนะนาย” พีวดลบอกไปตรงๆ โชจินยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยกลับไป “ถ้าอย่างนั้นคุณก็เตรียมตัวแพ้ได้เลยครับ” แล้วเขาก็จัดการตีเข่าใส่กล่องดวงใจของชายหนุ่ม พีวดลทรุดลงทันที โชจินยิ้มมุมปากอีกครั้งอย่างที่พีวดลชอบทำ เขาเดินเลยชายหนุ่มไปเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาบอกกับพีวดลอีกครั้ง “ถ้าคุณเป็นคนโรคจิต ก็ไขกุญแจเข้าไปแล้วกันครับ” แล้วโชจินก็เดินจากไปโดยไม่หันมาสนใจอีกเลย พีวดลยืนขึ้นด้วยความลำบาก เขายังจุกกับการโดนโชจินทำร้าย แต่มันยิ่งทำให้เขารู้สึกอยากได้มากขึ้น

“แล้วนายจะรู้เอง...โชจิน”

 

ผ่านไปอาทิตย์กว่าที่พีวดลหายไปจนโชจินโล่งใจและคิดไปว่าชายหนุ่มคงเลิกยุ่งกับตนแล้ว ยิ่งช่วงนี้เขาใกล้สอบ การติวก็เข้มข้นขึ้น เขาไม่อยากให้มีอะไรมากวนใจ กวนสมาธิของเขา อีกไม่เท่าไหร่โชจินก็จะเรียนจบตามที่ตั้งใจไว้ โชจินหันไปมองนาฬิกาที่ผนังห้องบอกเวลาเกือบตี 2 ก่อนจะปิดหนังสือเรียนและเลคเชอร์ต่างๆ ที่กางอยู่เต็มโต๊ะญี่ปุ่นหน้าทีวี เพราะพรุ่งนี้เขาได้หยุดงาน เขาจึงนอนดึกได้ เขาเดินสำรวจความเรียบร้อยของห้องอีกครั้งตามความเคยชิน ก่อนจะปิดไฟแล้วเดินเข้าห้องไปล้มตัวลงนอนอยู่บนเตียงนุ่ม เขาหลับไปอย่างง่ายดายด้วยความอ่อนเพลีย โดยไม่ได้ปิดประตูห้องนอนซึ่งเป็นเรื่องปกติ คงเป็นช่วงหลังๆ ที่เขามักปิดล็อกประตู เพื่อป้องกันการบุกรุกยามวิกาลของพีวดล

 

โชจินรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา หลังโดนแสงอาทิตย์ส่องลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาปลุกเขาที่นอนตะแคงหันหน้าไปทางหน้าต่าง แต่ในขณะที่เขากำลังจะพลิกตัวนอนหงาย เขาก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาพาดผ่านเอวและรั้งเขาไว้ เขาก้มลงมองแล้วต้องตกใจ โชจินรีบจับมือหนาออก ก่อนจะลุกขึ้นนั่งและหันไปมองทันที

“เฮ่ย!!...คุณพีวดล!!!”

 “หื้อ” ชายหนุ่มเจ้าของชื่อครางเล็กน้อย ก่อนจะดึงตัวโชจินเข้ามากอดอีกครั้ง ทำให้ใบหน้าของโชจินซุกเข้ากับซอกคอของพีวดล โชจินดิ้นพร้อมกับผลักคนตัวโตกว่าจนสำเร็จ เขารีบลงมายืนอยู่ข้างเตียงอีกฝั่งพร้อมกับยังตกใจไม่หาย

“นี่คุณเข้ามาตอนไหน” โชจินไม่ถามว่าเขาเข้ามาได้ยังไงให้เสียเวลา และถึงแม้ว่าเจ้าตัวอยากจะเข้าไปลากพีวดลให้ลุกขึ้น แต่เขาก็ประเมินแล้วว่าหากทำแบบไหน เขานี่แหละที่จะเสียเปรียบ

“คุณพีวดลครับ ตื่นขึ้นมาก่อนครับ” หลังจากคลายความตกใจลงไปบ้างแล้ว โชจินก็ถามเสียงเข้มเพื่อหวังให้พีวดลรับรู้บ้างว่าเขาเริ่มไม่พอใจ

“ขอนอนก่อนได้มั้ย แล้วค่อยคุยกัน” พีวดลเอ่ยกลับด้วยน้ำเสียงงัวเงีย โชจินยืนถอนหายใจพร้อมกับส่ายหัว ดูแล้วพีวดลคงง่วงมากจริงๆ เขาจึงปล่อยให้ชายหนุ่มนอนต่อไป ส่วนเขาก็ไปจัดการธุระส่วนตัวของตัวเอง

จากวันนั้นที่เขาโดนเข่าของโชจิน เขาก็ไม่ได้มีโอกาสมากวนใจหนุ่มน้อยอีก เพราะต้องรีบไปต่างประเทศอย่างกะทันหัน และเมื่อเขากลับมาถึง เขาก็ตรงมาที่ห้องของโชจินเลย และนับเป็นความโชคดีของเขาที่คืนนี้เจ้าตัวไม่ได้ปิดประตูห้องนอน เขาวางกระเป๋าเดินทางไว้ด้านนอก เปลี่ยนเสื้อผ้าใส่สบายในห้องน้ำที่สามารถเปิดไฟได้โดยที่เจ้าของห้องไม่รู้ตัว และทุกอย่างต้องเงียบที่สุด แต่ดูเหมือนโชจินจะเพลียมาก เพราะเจ้าตัวหลับลึกจนไม่รู้ว่าเขานั่งมองอยู่บนเตียงพักใหญ่ ก่อนจะค่อยๆ เอนตัวลงนอนข้างๆ และหลับไปด้วยกัน

พีวดลรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อคนข้างๆ ขยับตัว ก่อนจะได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองด้วยความตกใจ ทำให้เขารู้ว่าแสงอาทิตย์คงขึ้นมาทำหน้าที่ของมันแล้ว แต่เขาง่วงเกินกว่าจะลุกขึ้นมาทำอะไรได้ จึงบอกออกไปว่าขอนอนก่อน และเขาก็หลับไปจริงๆ จนตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขามองไปรอบๆ ห้องก็ไม่พบโชจิน และข้างนอกก็เงียบเหมือนไม่มีคนอยู่ เขาลุกขึ้นนั่งและบิดตัวไล่ความเมื่อย ก่อนจะก้าวลงจากเตียง เขาออกไปด้านนอกก็พบแต่ความว่างเปล่า พีวดลหันไปมองนาฬิกาบนฝาผนังบอกเวลาเกือบ 10 โมง โชจินคงรอให้เขาออกไปก่อน จึงค่อยกลับเข้ามา เขาเดินไปที่กระเป๋าเดินทาง ก่อนจะพบโพสต์อิทแปะไว้

‘คงอีกนานกว่าผมจะกลับ คุณพีวดลกรุณากลับบ้านของตัวเองด้วยนะครับ’

พีวดลขำให้กับความประชดประชันของโชจิน ตลอดเวลาที่เขาทำงานอยู่ต่างประเทศ เขามักจะนึกถึงโชจินอยู่บ่อยๆ เพราะเขาไม่เคยเจอใครที่ต่อต้านเขาขนาดนี้ และมันกลายเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่เขาพอใจมากขึ้นเรื่อยๆ พีวดลเดินไปหยิบมือถือตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะคอมพิวเตอร์ เขาเปิดเครื่องทิ้งไว้ ก่อนจะไปทำธุระส่วนตัวโดยใช้ผ้าเช็ดตัวของเจ้าของห้องโดยที่ไม่ต้องขอ เพราะเจ้าของไม่อยู่ให้ได้ขอยืม

พีวดลในเสื้อผ้าชุดใหม่ เสื้อคอโปโลสีน้ำเงินเข้ม กางเกงผ้าสามส่วนสีดำ ซึ่งเป็นชุดประจำที่เขามักจะใส่เวลาที่อยู่บ้านหรืออยู่คอนโดฯ เขาโทรไปหาเลขาฯ เพื่อถามเรื่องงานว่ามีอะไรเร่งด่วนหรือเปล่า และเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรเร่งด่วนต้องเข้าไปจัดการ เขาจึงวางสายแล้ววางมือถือไว้ที่เดิม จากนั้นเขาก็เริ่มเดินสำรวจห้องอย่างจริงจัง แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นรื้อห้อง เปิดทุกซอกทุกมุมของห้อง เพราะขืนเขาทำแบบนั้นมีหวังได้โดนเจ้าของห้องฆ่าตายแน่ๆ

เท่าที่พีวดลเห็น โชจินดูเป็นผู้ชายที่เรียบร้อยคนหนึ่ง จัดของไว้เป็นระเบียบ และดูจะเป็นคนชอบอ่านหนังสือ เพราะนอกจากหนังสือเรียนแล้วก็ยังมีหนังสืออ่านเล่นอยู่หลายเล่ม เขากลับไปนั่งลงที่โซฟาอีกครั้ง ก่อนจะหยิบหนังสือเรียนที่วางอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นข้างหน้าขึ้นมาเปิดๆ ดู แล้วเขาก็ต้องยิ้มให้กับประโยคหนึ่งที่คงเป็นโชจินที่เขียนไว้เตือนตัวเอง

‘อีกนิดนึงนะ สู้อีกนิดก็จะจบแล้ว...สู้สู้’

 

ในขณะที่โชจินกำลังอ่านหนังสือและจดบางอย่างลงไปด้วยในสมุดจดเล่มเล็ก เสียงทักขึ้นจากด้านหลังทำให้เขาเงยหน้าและหันไปมองก่อนจะทักกลับ

“มานั่งทำอะไรตรงนี้ล่ะ วันนี้ไม่มีติวนี่”

“ครับพี่โอม อ่านในห้องแล้วกลัวจะหลับ เลยมานั่งอ่านที่นี่ดีกว่า” เขาบอก โอมพยักหน้าก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม

“แล้วกินอะไรหรือยัง นี่มันจะเที่ยงแล้วนะ” โอมถาม โชจินยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก่อนจะตอบกลับไป “ว่าแล้วว่าท้องทำไมแปลกๆ” โชจินตอบกลับ โอมจึงชวนไปทานมื้อกลางวันด้วยกัน

“แล้วอ่านถึงไหนแล้ว ไม่เข้าใจตรงไหนหรือเปล่า” โอมถามในขณะที่พวกเขากำลังทานข้าวกันอยู่ที่โรงอาหารภายในมหาวิทยาลัย โชจินนั่งนึกเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้า

“พี่ฝนสอนดี เลยไม่น่าจะมีปัญหาครับ”

“น่าน้อยใจจังที่ชมแต่ฝน” โอมพูดแบบไม่จริงจังนัก โชจินหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะพูดต่อ “พี่โอมก็สอนดีครับ แต่น้อยกว่าพี่ฝนนิดนึง”

“โอเค. ยอม” โอมบอก “แล้ววันนี้จะอ่านหนังสือที่นี่ทั้งวันเลยหรือเปล่า” โอมถามต่อ

“ก็...คงงั้นมั้งครับ ก็ไม่รู้จะไปอ่านที่ไหน ที่นี่นั่งอ่านฟรี นานแค่ไหนก็ได้” โชจินบอก แต่จริงๆ เขาอยากกลับไปอ่านที่ห้องมากกว่า ติดอยู่แค่เขาไม่รู้ว่าแขกไม่ได้รับเชิญคนนั้นกลับไปหรือยัง ครั้นจะโทรไปถามคนที่ดูแลตึกก็ดูจะแปลกๆ

“อืม...ก็จริงนะ งั้นเดี๋ยวพี่เลิกเรียนแล้วเราค่อยไปหาอะไรกินกัน” โอมบอก โชจินขมวดคิ้วแต่ยิ้มด้วย “เอ๊ะ! นี่คือพี่ไม่ได้ถามผมใช่มั้ย” โอมได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมา

“ใช่ พี่บังคับให้เราไป”

“ปฏิเสธไม่ทันแล้วใช่มั้ยครับ” โชจินถามทีเล่นทีจริง โอมพยักหน้าบอกให้รู้ว่าใช่ แล้วไม่นานนักโอมก็ไปเรียน ส่วนโชจินก็กลับไปนั่งที่ซุ้มเหมือนเดิม เสียงเตือนข้อความเข้าดังขึ้น โชจินหยิบมือถือขึ้นมาดูก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นเบอร์แปลกที่ส่งข้อความมา

‘กลับมาที่ห้องได้แล้ว ฉันกลับแล้ว...พีวดล’

โชจินอ่านจบก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะนึกเอะใจ...พีวดลมีเบอร์เขาตอนไหน?

 

ในขณะที่โชจินกำลังเดินออกจากรั้วมหาวิทยาลัย เสียงมือถือของเขาก็ดังขึ้น เขาหยิบมาดูชื่อก่อนกดรับสาย

“ครับพี่โอม”

“ทำไมรีบกลับล่ะ มีอะไรหรือเปล่า” โอมถาม พอเขาได้อ่านข้อความที่โชจินส่งให้เขาว่า ‘ขอตัวกลับห้องก่อนนะครับ’ เขาก็รีบออกจากห้องเรียนและโทรหาทันที

“ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีรู้สึกง่วงๆ เมื่อคืนอ่านหนังสือดึกไปหน่อย และจะกลับไปซักผ้าด้วยครับ” โชจินบอก ถ้าหากพีวดลไม่ไปหาเขา เขาเองก็ไม่คิดจะออกไปไหนอยู่แล้วตั้งแต่แรก

“เหรอ งั้นกลับดีดีล่ะ แล้ววันพฤหัสฯ เจอกันนะ” โอมบอก ปลายสายก็รับคำก่อนจะวางสายไป

 

เมื่อมาถึงหน้าอพาร์ตเมนต์ อย่างแรกที่โชจินทำคือมองหารถของพีวดล ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่ไม่เจอ เขาเดินเข้าไปด้านในตึก และขึ้นลิฟต์ไปด้านบน โชจินเดินมาตามทางเดินและหยุดหน้าห้องของตัวเอง แต่แทนที่เขาจะไขกุญแจห้องเข้าไป เขากลับแนบหูลงกับประตูเพื่อลองฟังดูว่าข้างในห้องจะมีใครอยู่หรือเปล่า แต่ด้วยความเงียบทำให้เขาโล่งใจมากขึ้น เขาไขกุญแจเปิดเข้าไปก่อนจะปิดประตูลง โชจินเปิดไฟให้สว่างทั่วห้อง เขาเดินไปวางหนังสือที่โต๊ะญี่ปุ่นกลางห้อง แล้วจึงเดินดูให้แน่ใจว่าพีวดลไม่อยู่แล้วจริงๆ จากนั้นก็เดินไปหยิบขวดน้ำแล้วเดินไปเปิดโทรทัศน์ ก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟาแล้ววางขวดน้ำลงบนโต๊ะญี่ปุ่น เขาหยิบหนังสือเรียนอีกเล่มที่ไม่ได้เอาไปด้วยขึ้นมา แล้วเขาก็พบกับแผ่นกระดาษประมาณสามสี่ใบสอดอยู่ โชจินหยิบขึ้นมาอ่านพร้อมกับวางหนังสือลงข้างตัว

‘ฉันสรุปให้คร่าวๆ นะ ส่วนใหญ่ข้อสอบก็ออกประมาณนี้แหละ...พีวดล’

โชจินอึ้งไปไม่น้อย เขาลองอ่านดูผ่านๆ ก็พบว่าพีวดลสรุปเนื้อหาในหน้าที่เขาอ่านไว้ได้อย่างกระชับและเข้าใจ โชจินเลยลองนั่งอ่านจริงๆ จังๆ จนจบ แล้วเขาก็พบว่าสิ่งที่พีวดลสรุปไว้ให้นั้นมันจำง่ายมากขึ้น โชจินอดที่จะยิ้มกับมันไม่ได้ แล้วเขาก็ต้องรีบหุบยิ้มเมื่อนึกถึงวันที่เขาโดนกระทำหยาบคาย โชจินเตรียมจะขยำกระดาษเหล่านั้นทิ้ง แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ทำ

“คุณทำแบบนี้ทำไมคุณพีวดล”

 

สามวันผ่านไปที่พีวดลไม่ได้มายุ่งกับโชจินอีก แม้จะรู้สึกโล่งใจบ้าง แต่เขาก็ไม่ประมาทนัก เพราะเขาไม่อาจรู้ได้ว่าวันไหนพีวดลจะจู่โจมมาหาเขาอีก ชายหนุ่มเดินเข้ามายังบริเวณอพาร์ตเมนต์ เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังห้องตัวเอง แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อมีแสงไฟส่องออกมา เพียงแค่นั้นเขาก็รีบมองหารถปอร์เช่คันสีดำทันทีแต่ก็ไม่พบ และถึงแม้ว่าจะไม่เห็นรถคุ้นเคย แต่เขาก็ระแวงอยู่ดี เพราะนอกจากเขาแล้วก็ไม่มีใครที่จะสามารถไขประตูห้องเข้าไปได้ โชจินหยุดถามพี่ยามหน้าตึก

“โทษนะครับพี่ พี่เห็นคนตัวสูงๆ หน้าตาดูรวยๆ แบบที่ไม่น่าจะมาที่นี่บ้างหรือเปล่าครับ” คำถามของโชจินทำเอาพี่ยามนิ่งนึกไปพักใหญ่ ก่อนจะร้องอ๋อออกมา

“เห็นๆ เขามาสักช่วงหัวค่ำได้น่ะ น้องมีอะไรหรือเปล่า” พี่ยามถามกลับ โชจินลอบถอนหายใจก่อนจะส่ายหน้าแล้วกล่าวขอบคุณ โชจินยังคงไม่ขึ้นตึก เขาหยิบมือถือออกมากดดูข้อความเก่า เขาชั่งใจอยู่ไม่นานก็ตัดสินใจโทรไปหาเบอร์ที่ไม่มีชื่ออยู่ในเมม ไม่นานนักปลายสายก็กดรับพร้อมคำพูดทักทาย

“ในที่สุดก็โทรมา”

“คุณพีวดล คุณเข้าไปทำอะไรห้องผมครับ” โชจินถามน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ แล้วเสียงหัวเราะเบาๆ ของปลายสายทำเอาโชจินเริ่มโมโห นี่กะจะไม่ยอมเลิกราใช่มั้ย?

“ถ้าอยากรู้นายก็ขึ้นมาสิ ปล่อยให้ฉันอยู่ห้องนายนานๆ ระวังของจะหายนะ มีอะไรก็ขึ้นมาคุยกัน แค่นี้นะ” ปลายสายพูดรวบรัดและกดวางสายไปทันที โชจินถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะขึ้นลิฟต์ไปอย่างช่วยไม่ได้ เขามาหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้อง ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะพยักหน้าให้กับตัวเอง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้จับลูกบิดประตู ประตูห้องก็ถูกเปิดจากคนข้างในเสียก่อน

“กลับดึกไปนิดนะ” พีวดลบอก ก่อนจะหลีกทางให้โชจินเข้ามาข้างใน เขาจัดการปิดและล็อกประตูทันทีที่เจ้าของห้องตัวจริงเดินเข้ามา ชายหนุ่มยิ้มมุมปากแล้วเดินไปหาคนที่มองไปรอบๆ ห้องเพื่อเช็กดูคร่าวๆ ว่ามีอะไรเสียหายหรือเปล่า

“คุณ!! ปล่อยครับ” โชจินตกใจที่ถูกกอดจากด้านหลัง ก่อนจะสะกดอารมณ์แล้วบอกน้ำเสียงนิ่งมากกลับไป แต่ก็ไม่ได้ทำให้พีวดลคลายอ้อมกอดแต่อย่างใน กลับกันชายหนุ่มกลับสูดดมซอกคออย่างถือวิสาสะจนโชจินต้องย่นคอหนี

“คิดถึงจัง” พีวดลบอกน้ำเสียงนุ่มข้างหู หากเป็นหญิงสาวหรือแม้แต่เด็กหนุ่มคนอื่นได้ยินคงอาจจะระทวยลงในอ้อมกอดนี้แล้ว แต่ไม่ใช่กับโชจิน เขากระทืบเท้าใส่คนตัวโตกว่าจนเจ้าตัวร้องโอ้ยและปล่อยมือออกทันที โชจินรีบเด้งตัวออกและรีบเดินไปยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนตัวเอง

“คุณพีวดล เลิกยุ่งกับผมสักทีได้มั้ยครับ” โชจินบอกไปตรงๆ พีวดลที่ยังคงยืนได้ไม่เต็มเท้านักมองโชจิน ก่อนจะเดินไปนั่งลงบนโซฟาและหยิบแฟ้มงานขึ้นมาดูอย่างกับว่าเขาไม่ได้ยินสิ่งที่โชจินพูด

“คุณพีวดล!!” โชจินเรียกพร้อมกับเสียงที่ดังขึ้นกว่าครั้งแรก

“ขอฉันทำงานก่อนแป๊บนึง แล้วค่อยคุยกันนะ” พีวดลบอกน้ำเสียงนิ่งๆ แล้วก็ตั้งใจอ่านเอกสารพร้อมกับกดดูอะไรบางอย่างในแท็บเล็ตแบรนด์ดังไปด้วย โชจินถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย เขายืนดูอยู่แบบนั้นจนรู้สึกได้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากเป็นเขาเองที่จะเมื่อย เขาจึงเปิดประตูห้องเข้าไปหยิบผ้าเช็ดตัวและชุดนอน ก่อนจะเดินออกไปเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัว โชจินใช้เวลาไม่นานก็เดินออกมาพร้อมชุดนอนแบบเสื้อยืดตัวใหญ่และกางเกงขายาว เขามองไปยังพีวดลที่ยังคงคร่ำเคร่งกับงาน โชจินส่ายหัวแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนอีกครั้งพร้อมกับปิดล็อกประตู โชจินรู้ว่าคงไม่อาจไล่พีวดลออกไปได้ง่ายๆ เขาจึงปล่อยให้นั่งอยู่ข้างนอกไปแบบนั้น โชจินคิดแค่ว่าถ้าเขาไม่สนใจ พีวดลก็คงจะเบื่อและกลับไปเอง

โชจินหยิบหนังสือเรียนที่มีอยู่ในห้องขึ้นมาอ่านรอเวลา แล้วเขาก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงฝักบัวในห้องน้ำ เขาเปิดประตูห้องออกไปดูทันที ไม่มีพีวดลอยู่แล้ว เขาหันไปมองทางห้องน้ำ แล้วประตูห้องน้ำก็เปิดออกพร้อมกับพีวดลที่โผล่หน้ามา

“ฉันขอผ้าเช็ดตัวหน่อยสิ ลืมเอามา” พีวดลบอก โชจินอึ้งไปไม่น้อยก่อนจะหันกลับไปมองที่โซฟาอีกครั้ง แล้วก็พบกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กวางอยู่ด้านข้าง

“หรือจะให้ฉันออกไปเอาเอง แก้ผ้าหมดแล้วนะ” พีวดลแกล้งหยอก ทำให้โชจินต้องรีบวิ่งเข้าไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหม่มาส่งให้ เขายืนเว้นระยะห่างจนพีวดลอดขำไม่ได้ก่อนจะผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำ

 

“นี่มันอะไรครับ” โชจินถามขึ้นทันทีที่พีวดลเดินออกมาจากห้องน้ำโดยมีผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างไว้อย่างเดียว ชายหนุ่มยิ้มมุมปากตามสไตล์ก่อนจะเดินเข้าไปหา โชจินรีบเดินหนีไปอีกทาง

“กระเป๋าไง นายไม่รู้จักเหรอ” พีวดลว่าพร้อมกับหิ้วกระเป๋าขึ้นมา ก่อนจะเดินไปทางห้องนอนส่วนตัว ทำให้โชจินรีบเอ่ยเสียงหลง

“นั่นคุณจะเข้าไปทำไม”

“แล้วนายจะให้ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าตรงนี้เหรอ” พีวดลบอกกลับไป และไม่รอคำตอบชายหนุ่มก็เดินเข้าไปเลยโดยที่โชจินยังยืนอึ้งอยู่แบบนั้น หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าและเก็บเสื้อผ้าเก่าลงกระเป๋าแล้วเรียบร้อย พีวดลก็เดินออกมาตัวเปล่า

“คุณพีวดล ผมกับคุณคงต้องคุยกันจริงจังแล้วนะครับ”  โชจินตั้งใจแบบนั้นจริงๆ แต่พีวดลก็แกล้งตีความหมายไปอีกทาง

“เอาสิ นายจะให้ฉันมาอยู่ที่นี่ หรือนายจะไปอยู่กับฉันที่คอนโดฯ ดีล่ะ หรือจะไปๆ มาๆ ก็ได้นะ”

“คุณพีวดล!!” โชจินเรียกชื่ออีกครั้งด้วยน้ำเสียงดังและเจือไปด้วยความโมโห

“โอเคๆ ไม่ล้อเล่นแล้ว นายจะคุยอะไร” พีวดลถามพร้อมกับนั่งลงบนโซฟาตัวเดิม โดยมีโชจินยืนห่างออกไปมาก

“มานั่งมั้ย ยืนไกลขนาดนั้นคอนายจะเจ็บเอา ฉันไม่ทำอะไรหรอกนา” พีวดลบอกพร้อมกับตบที่ว่างข้างๆ เพื่อบอกให้โชจินมานั่ง

“ถ้านายไม่มานั่งดีดี ฉันจะไปลากนายมานั่งเองนะ และถ้าเป็นแบบนั้นฉันไม่รับรองนะว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น” พีวดลแกล้งบอกเพื่อให้โชจินยอมมานั่ง แล้วมันก็ได้ผล แม้ว่าเจ้าตัวจะนั่งไปชิดอีกฝั่งหนึ่งก็ตาม

“คุณพีวดล คุณเลิกยุ่งกับผมได้มั้ยครับ” โชจินเริ่มพูดก่อน เขาพยายามสะกดอารมณ์แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ

“ฉันนั่งอยู่ตรงนี้ ไม่ได้นั่งตรงหน้านายสักหน่อย” พีวดลยียวนอีกรอบ ทำให้โชจินหันขวับมาถลึงตาใส่ ทำเอาพีวดลกลั้นขำแทบไม่อยู่ ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นเป็นเชิงว่ายอมแล้ว “คงไม่ได้” พีวดลตอบ

“ทำไมครับ” โชจินถามต่อ

“เพราะฉันต้องการนาย” พีวดลบอกไปตรงๆ ตอนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียงที่เขาต้องการ เขารู้สึกสนุกที่ได้แกล้งยั่วให้โชจินโมโห และที่สำคัญที่สุดคือ...เขาต้องการเอาชนะคนที่ต่อต้านเขา

“ทำไมครับ” คำถามเดิมจากโชจินถูกส่งมา

“เพราะฉันชอบนาย” โกหก! พีวดลตั้งใจโกหกเพื่อหวังจะให้โชจินตายใจ หรือไม่ก็อึ้งและเคลิ้มไปกับประโยคของเขา แต่เขาคงลืมไปว่านี่มันไม่ใช่นิยาย

“แต่ผมไม่ชอบผู้ชายครับ คุณไปหาที่อื่นเถอะ” โชจินบอกพร้อมกับมองหน้าพีวดล น้ำเสียงของเขาหนักแน่นและจริงจังจนพีวดลเองก็รับรู้ได้

“นายกีดกันเรื่องเพศเหรอ” พีวดลถามกลับ แน่นอนว่าคำพูดแบบนี้ไม่เคยหลุดออกมาจากปากเขา

“เปล่าครับ ผมเองก็มีเพื่อนที่เป็นแบบนี้ แต่กับคุณ ผมไม่พอใจที่คุณมาชอบผม และผมไม่ชอบคุณ” โชจินบอกกลับไปแบบไม่เกรงใจ พีวดลยิ้มมุมปากอีกครั้ง “ก็เรื่องของนาย”

“คุณพีวดล คุณมีตัวเลือกอีกมากมาย คุณไปหาคนที่ชอบคุณเถอะครับ เลิกเสียเวลากับผมเถอะ ผมขอร้อง” โชจินบอก

“ฉันอยากรู้ว่าทำไมนายถึงไม่ชอบฉัน นายรู้จักฉันมาก่อนหรือไง” พีวดลเป็นฝ่ายตั้งคำถามบ้าง แล้วโชจินก็ต้องคิดหนักว่าควรตอบออกไปแบบไหน เพราะถ้าบอกว่าไม่รู้จักมาก่อน คนอย่างพีวดลต้องบอกกลับมาประมาณว่าให้ทำความรู้จักก่อนที่จะตัดสินใจ แต่ถ้าเขาบอกว่ารู้จัก พีวดลก็ต้องถามต่ออีกว่ารู้จักได้ยังไง

“ว่าไงล่ะ ทำไมเงียบไป” พีวดลเร่งคำตอบ แปลกมากที่เขากลับอยากรู้อะไรแบบนี้ ซึ่งปกติแล้วเขาแทบไม่สนใจว่าใครจะไม่ชอบใครด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม

“คุณพีวดลครับ ผมไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับคุณ เพราะคุณและผมอยู่กันคนละสังคม และผมก็ไม่อยากโดนดูถูกจากคนในสังคมของคุณ” โชจินเลี่ยงตอบแบบตรงๆ เขาคิดว่าตอบแบบนี้น่าจะเซฟสุด

“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยโชจิน ถ้านายกังวลแค่นี้”

“ผมพูดจริงๆ นะครับ คุณเลิกยุ่งกับผมเถอะ หรือคุณต้องการอย่างอื่น” โชจินถามคำถามอันตรายออกมา พีวดลลอบยิ้มก่อนจะถามกลับไปน้ำเสียงนิ่ง

“นายคิดว่าฉันต้องการอะไร”

“ตัวผม” โชจินตอบไปตรงๆ ตามที่เขาคิด เพราะระดับพีวดล การที่ลดตัวลงมายุ่งกับเขานอกจากจะเอาชนะแล้ว ร่างกายของเขาน่าจะเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการมากที่สุด

“หึ นายมองคนในแง่ลบไปนะโชจิน”

“หรือไม่จริงครับ” โชจินโต้กลับทันควัน พีวดลถอนหายใจออกมาก่อนจะลุกเดินเข้าไปในห้องนอน ทำให้โชจินต้องรีบวิ่งเข้าไปหยุดยืนที่ประตู

“ฉันง่วง ไว้ค่อยคุยกันวันหลังนะ” พีวดลบอกและล้มตัวลงนอนบนเตียงทันทีโดยไม่ทันได้ขออนุญาต โชจินยืนมองอย่างอึ้งๆ ครั้นจะเข้าไปดึงตัวออกมาก็ดูจะเสียเปรียบแน่ๆ

“นายไม่นอนหรือไง” พีวดลถามทั้งที่หลับตาอยู่ แต่เมื่อไม่มีเสียงตอบกลับมา พีวดลจึงลืมตาขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าโชจินไม่อยู่แล้ว เขาลุกออกไปดูนอกห้องก็พบว่าเจ้าตัวกำลังจะลงนอนที่โซฟา พีวดลรีบเข้าไปดึงแขนไว้ทันที

“ทำอะไร”

“นอนครับ เชิญคุณตามสบาย” โชจินบอกพร้อมกับดึงแขนตัวเองออกจากมือใหญ่ แล้วเขาก็ต้องร้องเสียงหลงอีกครั้งเมื่อถูกพีวดลอุ้มพาดไหล่เข้าไปในห้อง ก่อนจะโยนลงที่เตียงอีกฝั่ง และรีบขึ้นไปนอนกอดไว้

“คุณ!! จะนอนก็นอนไปสิ”

“ก็นอนด้วยกันนี่แหละ ฉันไม่ชอบเอาเปรียบใคร” พีวดลพูดพร้อมกับกระชับอ้อมกอดมากขึ้นจนทำให้ร่างกายของทั้งคู่แทบจะเกยกัน โชจินดิ้นและพยายามผลักคนตัวใหญ่ออกห่าง แต่ก็ทำได้แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“คุณพีวดล ผมอึดอัด” โชจินบอก แล้วพีวดลก็คลายอ้อมกอดออกเล็กน้อยก่อนจะพูดเสียงเรียบ “รีบนอน ก่อนที่ฉันจะคึกแล้วทำอะไรลงไป”

ในที่สุดโชจินก็ต้องนอนอยู่ในอ้อมกอดของพีวดลอย่างไม่มีความเต็มใจใดๆ เลย ด้วยความเหนื่อยจากงานทำให้โชจินที่พยายามฝืนความง่วงก็หลับไป พีวดลที่รู้สึกว่าโชจินไม่มีอาการขัดขืนแล้วก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามอง เขายิ้มเบาๆ ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง

 

-- จบตอนหก --

(ตอนใหม่คืนวันพุธนะคะ หากใครอยากแนะนำ หรือติชมอะไร แต่ไม่มีล็อกอินที่นี่ สามารถส่งไปที่ทวิตเตอร์ https://twitter.com/Dekheechul หรืออีเมล์ secrett202@gmail.com หรือจะเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/Vdarkeye202 ก็ได้นะคะ จะขอบคุณมากมายเลยค่ะ และไม่ลืมที่จะขอบคุณนักอ่านเงาทุกท่านด้วยนะคะ )

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา