MEMORIES ความทรงจำ Chapter 2 {Remembarnces}

9.5

เขียนโดย Remembrances

วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 02.05 น.

  5 ตอน
  5 วิจารณ์
  6,871 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 30 กันยายน พ.ศ. 2557 21.30 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) MEMORIES [1]: changes

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

MEMORIES [1]: changes

 

“สวัสดีครับ”

 

          คำพูดที่ผมได้ยินมาในตอนเช้าวันเปิดภาคเรียน เหล่าเด็กนักเรียนทั้ง ม.ต้น ม.ปลายต่างยกมือไหว้ครู อาจารย์ที่อยู่เต็มหน้าโรงเรียนเพื่อมาต้อนรับทั้งนักเรียนใหม่และนักเรียนเก่าในเช้าวันเปิดภาคเรียน และเช่นเดียวกัน ตัวผมเองก็ได้ยกมือขึ้นไหว้ครูที่เฝ้าอยู่หน้ารั้วโรงเรียนก่อนจะเดินเข้าโรงเรียนเพื่อมุ่งตรงไปหาเหล่าเพื่อนพ้องที่ผมไม่ได้เจอในตอนปิดเทอม

 

“เห้ย ไงวะ ตื่นแต่เช้าเลยนะมึง” เสียงของนนท์เพื่อนที่สนิทที่ใครต่างว่ามันปากสุนัขทักทายผมในเช้าวันมาเรียน ซึ่งปกติไอ้หมอนี่ไม่ใช่คนที่มาเรียนเช้านักหรอก แต่คงเพราะว่าวันนี้เป็นวันเปิดภาคเรียนใหม่เลยตั้งใจมาเช้า หวังม่อสาวละสิ

“อื้ม” ผมเดินต่อไปพร้อมกับก้มหน้าก้มตาเดินต่อไปโดยที่มีไอ้นนท์เกาหัวทำท่าทางงุนงงอยู่ข้างๆผม ก่อนมันจะเริ่มเปิดปากพูดอีกครั้ง

“เออ มึงนี่ไม่คิดจะตอบให้ยาวกว่านี้หน่อยเหรอ แต่ก็เอาเหอะสั้นๆได้ใจความ” หมดประโยคของนนท์ผมทั้งสองก็เดินต่อ เพื่อไปยังห้องเรียนที่แสนจะคุ้นเคย จะว่าไปเขาย้ายห้องแล้วนี่นา พวกผมก็ต้องไปดูก่อนว่าปีนี้ มาสเซอร์จัดห้องเรียนใหม่ยังไง อย่างปีแล้วจัดคละกันซะวุ่นวายเลย และเหตุนั้นเองทำให้ไอ้นนท์รีบวิ่งแจ้นไปยังบอร์ดประกาศก่อนใครเพื่อนเลย

“เห้ย เจเค ปีนี้เราได้อยู่ห้องเดียวกันหมดว่ะ” ไอ้นนท์ ส่งเสียงตะโกนออกมาอย่างดังด้วยความดีใจ

“เออ ดีแล้วนี่หว่า ว่าแต่มึงดีใจอะไรขนาดนั้นวะ กลัวโดนทิ้งเหมือนปีก่อนเหรอเหรอ?” ผมพูดไปพลาง เกาหัวไปพลาง

“ก็แหง๋ละ ก็กูเคยโดนแยกไปอยู่คนเดียวแล้วนี่หว่า แม่งกูทำตัวไม่ถูกเลย” หลังจากจบประโยคของไอ้นนท์ก็ทำเอาผมหลุดขำออกมา

“ว่าแต่หมดทุกคนเลยเหรอวะ?”

“เออ แป๊ปเดี๋ยวดูให้” นนท์พูดพลางมองไปยังบอร์ดติดประกาศที่ทางมาสเซอร์ได้เรียงรายชื่อใหม่พร้อมกับเรียกชื่อเพื่อนๆในกลุ่มเรียงตัวเลย “อืม.....มีมึง กู ไอ้ไทค์ ไอ้ฟีค มาเฟีย ไอ้เก่ง อ้น และก็ไอ้ทาม เออว่ะ ก๊กเราอยู่ครบองค์เลย”

“อื้ม ก็ดีแล้วนี่หว่า ดีกว่ามีใครหลุดไปอยู่ห้องอื่นอีก จะว่าไปมาสเซอร์นี่ก็แปลกนะ จะจัดรายชื่อใหม่ทุกปีทำไมกันก็ไม่รู้”

“กูก็ไม่รู้วะ จะว่าไปกูแม่งหิวข้าววะ ออกบ้านมายังไม่ได้กินข้าวเลย” ไอ้นนท์ พูดพลางลูบท้องพร้อมกับชวนผมเดินไปทางโรงอาหารซึ่งวันนี้เองฝั่งตรงข้ามของผมก็เป็นวันเปิดเรียนเช่นเดียวกัน โรงเรียนหญิงล้วนที่ใช้โรงอาหารเดียวกันและอยู่ติดกันอีกต่างหาก แต่ทั้งๆที่เป็นโรงเรียนในเครือเดียวกันแต่ทำไมไม่ยักกะเปิดเป็นโรงเรียนเดียวกันไปเลยนะ ไม่เข้าใจผู้บริหารของโรงเรียนสองโรงเรียนนี้ซะจริง

 

          ผมและนนท์ได้พากันเดินไปยังโรงอาหารในตอนเช้าวันเปิดภาคเรียน ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าเด็กนักเรียนทั้งชายหญิงหน้าใหม่ที่พวกผมไม่เคยเห็นมาก่อน เอาตามตรงถ้าจะพูดให้ถูกไม่เคยเห็นหน้าเลยซักคนมากกว่า แต่สิ่งที่ผมสังเกตเห็นชัดที่สุดในตอนนี้คือ ไอ้นนท์ได้เสนอหน้าต่อแถว เด็กผู้หญิง สองสามคนที่กำลังรอคิวซื้อก๋วยเตี๋ยวอยู่ คงมาเพื่อสิ่งนี้สินะ

 

*****

 

          ผมรอนนท์นานพอสมควรก่อนที่มันจะเดินมาพร้อมถือชามก๋วยเตี๋ยวและเดินมาทางผมที่กำลังนั่งรอมันอยู่

“ไหง๋มาช้างี้วะ คงไม่ใช่ว่ามึงมัวม่อหญิงอยู่เลยมาช้าหรอกนะ เหตุผลไม่เข้าท่ากูไม่ฟังหรอกนะเว้ย” ผมพูดพลางมองไปยังไอ้นนท์ที่กำลังฟาดก๋วยเตี๋ยวเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ขอให้สำรักเหอะมึง

“เออ โทดทีละกัน พอดีไปเจอคนที่รู้จักเลยอยู่คุยกันอยู่” ว่าละไง คนที่รู้จัก มึงไปม่อเขาชัวร์

“เออๆ รีบกินเหอะ เดี๋ยวออดออกจะกินไม่ทัน” พอผมพูดเสร็จเท่านั้นแหละมันก็เขมือบแบบไม่รอใครมาสั่งเลย ขอแช่งอีกครั้ง ให้สำรักตายไปเลยเหอะ

 

          ผมนั่งรอไอ้นนท์กินข้าวไปได้ซักพักหนึ่งผมรู้สึกเหมือนว่ามีใครเดินเข้ามาทางด้านหลัง เอ่อ....ไม่ใช่รู้สึกละ มีคนมาจริงๆ แต่คงเป็นเพราะว่าผมมัวเหม่ออยู่เลยไม่รู้สึกตัวว่ามีคนเดินมาข้างหลัง เขาเดินมาเงียบๆ พร้อมกับเอามือวางบนไหล่ของผม ซึ่งทำให้ผมถึงกับสะดุ้ง

“เห้ย”

“เหี้ย” ปฏิกิริยาตอบรับของผมเร็วทันไดแถมสุภาพสุดๆด้วย ว่าแต่ใครวะ ด้วยความสงสัยผมจึงหันไปดู ก็ปรากฏชายตัวสูงคนหนึ่ง “อ่าว........ข้าวปุ้นเองเหรอ มีไรวะ” ผมมองไปยังหน้าของคนที่ทำให้ผมตกใจเมื่อกี๊ ถ้าผมตกใจอีกหน่อย ผมคงเผลอต่อยไปละ

“อื้ม ผมได้ข่าวมาว่าเจเคทำอาหารเก่งใช่รึปล่าว” อะ..อะไรนะ ได้ข่าวมากไหนฟะนั่น

“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ว่าแต่มีไรละ” เออ รีบๆพูดมาซะ

“เอ่อ....คือว่า ช่วยอะไรผมอย่างหนึ่งได้รึป่าวล่ะ”  อ๋อ มีเรื่องให้ช่วยนี่เอง

“อื้ม ว่าแต่ช่วยเรื่องอะไรละ”

“คือว่า..........ช่วยมาเป็นครูสอนทำอาหารให้ผมหน่อยดิ” ห๊ะ ครูสอนทำอาหาร

“เห้ย เดี๋ยวดิ เป็นครูเนี๊ยะนะ จะบ้าหรอ ทำไมไม่ไปจ้างครูมาสอนหรือไม่ก็ไปเรียนเอาดิ”

“ก็มีหลายเรื่องอยู่แหละ และอีกอย่างนะ ที่ไปเป็นครูไม่ใช่สอนผมหรอก ผมอยากจะขอให้เจเคไปช่วยสอนน้องสาวผมหน่อยหนะ เธอเป็นคนหัวทึบในเรื่องนี้ ทำเอาครูปวดหัวไปหลายคนละ พอผมได้ยินว่าเจเคทำอาหารเก่งเลยกะจะมาขอให้ช่วยหน่อย” อ่อ เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง แต่........

“เห้ย เดี๋ยวดิ บอกว่าครูปวดหัวมาหลายคนละ แล้วกูจะเป็นยังไงวะ”

“เอาน่านะ ผมขอร้องละ จะให้ทำอะไรผมก็ยอม ช่วยหน่อยนะ” เอาไงดีวะกู ถูกขอร้องมาแบบนี้ จะวิ่งหนีไปเลย บอกว่าปวดท้อง หรือว่า.....................

“มึงก็ไปๆเหอะน่า เขาอุตส่าห์มาขอร้องด้วยตัวเองแล้วนี่หว่า” อ่าว ไอ้เชี่ยนนท์ไหง๋พูดแบบนั้นวะ กูกำลังคิดที่จะหลีกเลี่ยงอยู่นะเว้ย ผมกัดฟันมองหน้าไอ้นนท์อยากจะบอกกับมันว่ากลับจากนี้ไปมึงตายแต่คงทำได้คิดในใจ แล้ว......ตอนนี้ผมจะเอาไงดี

“เออ.................ก็ได้” สุดท้ายผมก็เผลอตกลงไปจนได้

“ขอบใจนะ งั้นผมไปก่อนละ ตอนเย็นผมจะรอที่ห้องสภานะ ถ้าว่างก็ขึ้นไปหาเลย ขอบใจมากๆนะ” ว่าแล้วข้าวปุ้นก็ได้เดินจากไปหลังจากที่ภารกิจตามหาผู้รับเคราะห์มาเป็นครูสอนทำอาหารให้น้องสาวเสร็จสมบูรณ์ เอ่อ....จะเหลือก็แต่ผมที่ยังงงๆอยู่ แล้วไหง๋ต้องมาตอบตกลงเรื่องอะไรแบบนี้ด้วยวะ

 

*****

 

          เช้าในคาบโฮมรูมที่พวกผมนั่งสนทนาพาทีกันอยู่ในห้องเรียนมันช่างเป็นเวลาวิเศษซะจริง อาจารย์ทุกคนเข้าไปอยู่ในงานพิธี ปฐมนิเทศรุ่นร้องที่เข้ามาใหม่ พวกผมก็เลยปล่อยตัวเองไปตามสบายๆ ก่อนที่จะมีเสียงวิ่งดังขึ้นมาพร้อมกับปรากฏคนที่ผมคิดว่ามันจะไม่มาเรียนในวันนี้ซะแล้วที่หน้าประตูห้องเรียน

“เห้ย ว่าไงวะไอ้ไทค์ เปิดเทอมมาก็มาสายเลยนะมึง” ไอ้นนท์ ตะโกนไปยังไทค์ที่กำลังยืนหอบอยู่หน้าห้องเรียน และไทค์เองในตอนนั้นก็ได้ตอบกลับมาอย่างกับว่าเป็นเรื่องปกติ ตกลงนี่มึงมาสายเป็นงานอดิเรกเลยเหรอวะ

“เออ มาเช้ามันก็ไม่ใช่กูดิวะ”

“เออ ยังไม่เปลี่ยนไปดีละ ถ้าเกิดว่ามาเช้านี่หิมะคงตกวะ” ผมนั่งดูไอ้นนท์เถียงกับไอ้ไทค์ ช่างเป็นบทสนทนาที่คิดถึงจัง

“เออ ว่าแต่ว่าปิดเทอมพวกมึงไปไหนกันมาบ้างวะ “ ไทค์ได้ถามคำถามแรกเมื่อมาถึงห้องก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่มันมักจะนั่งเป็นประจำ

“กูไปเที่ยวพัทยากับพี่กูวะ เลยไม่ได้ติดต่อกับพวกมึงเลย” เสียงไอ้ฟิคพูดขึ้นทำเอาทุกคนพร้อมใจมองไปที่หน้ามัน ก่อนที่เสียงของมาเฟียจะดังขึ้นมา

“ส่วนกู เล่นเกมอยู่บ้าน” อยู่บ้าน ปิดเทอมใหญ่นี่มึงนอนอยู่บ้านเหรอวะ และหลังจากที่มาเฟียพูดจบทุกคนก็มองมาทางผม คงคิดว่าจะมีอะไรน่าตื่นเต้นรออยู่รึยังไง

“กูไปหาเตี่ยมาวะ” ผมตอบกลับไปสั้นๆได้ใจความ ทำเอาทุกคนโห่เป็นเสียงเดยวกันก่อนที่ผมจะถามไอ้ไทค์กลับไป “ว่าแต่มึงเหอะ ไปเที่ยวไม่มีของฝากมาให้กูเลยนะ” เออ ใช่ผมได้ข่าวว่ามันไปเที่ยวญี่ปุ่นมา คราวนี้ก็ขอทวงของฝากบ้างละ

“กูตื่นสายวะ เลยลืม ว่าแต่มึงเองยังไม่เห็นซื้อมาฝากกูเลย” เออ ตื่นสายเข้าท่า แล้วไหง๋ต้องมาทวงกูกลับด้วยวะ

“กูพึ่งมาถึงเมื่อวานเลยไม่ได้เอาไปให้เดี๋ยวกลับบ้านไปเอาไปให้ละกัน” พอจบประโยคก็มีเสียงคนๆหนึ่งดังมาจากหน้าประตูห้องเรียนทำเอาพวกผมทั้งห้องหันไปมองต้นเสียงนั้น

“ไทค์”

 

          เสียงชายรุ่นราคราเดียวกับผมได้ยืนมองไปมาภายในห้องพร้อมเรียกชื่อไอ้ไทค์ขึ้น ก่อนที่ทั้งสองจะเดินออกไปคุยกันซักพัก และขาเดินกลับมาไอ้ไทค์ก็ทำหน้าเครียดเซ็งๆ แต่พอพวกผมจะปิดปากถามมันเท่านั้นแหละ อาจารย์มัณฑนาก็เดินเข้าห้องมาซะอย่างงั้น ก็เลยเป็นอันว่าไม่ได้ถงไม่ได้ถามอะไรเลยซักคำ

 

          พอพักเที่ยงไทค์ก็ได้หายวับไปกับตาเอาเป็นว่าหายไปเลยทิ้งให้พวกผมทั้งห้องมองแผ่นหลังของมันที่วิ่งออกไปอย่างเร่งรีบ

“มันรีบไปตายไหนวะ” เสียงของไอ้นนท์พูดออกมาพร้อมกับหันไปถามไอ้ฟีคที่ผมคิดว่าก็กำลังสงสัยอยู่เหมือนกัน

“ไม่รู้ดิวะ ปวดขี้มั๊ง” พอจบประโยคนี้เท่านั้นแหละพวกผมก็หลุดหัวเราะออกมาทันที

 

*****

 

          เวลาในบ่ายวันในวันเปิดเทอมผ่านไปอย่างช้าๆ ช้ามาก จะช้าเกินไปละ ผมนั่งดูอาจารย์เข้าสอนไปพลางนั่งเหม่อไปพลาง จนเวลาในคาบเรียนนี้สิ้นสุดลง

 

กริ๊งงงงงงงงง

          เข็มนาฬิกาชี้เวลา 4 โมงเย็น ทำให้ผมจัดแจงเก็บหนังสือและข้าวของใส่กระเป๋าก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนมาพร้อมกับไอ้นนท์ และไอ้ฟีคซึ่งตอนนี้ไอ้ไทค์หายไปไหนก็ไม่รู้แล้ว เร็วปานวอก

“เอ่อ นี่เว้ยเมื่อเช้ากูได้เบอร์หญิงน่ารักๆ มาด้วยวะ”

“เหรอวะ ไหนๆๆ ไม่เห็นแนะนำกูมั่งเลย”

“โด่ว ของแบบนี้ใครดีใครได้ดิวะ” ผมเดินไปพร้อมกับฟังเสียงของไอ้นนท์และไอ้ฟีคที่กำลังคุยกันแบบผ่านๆหู ก่อนที่ไอ้นนท์จะหันมาถามผมในเรื่องที่ถูกว่ายวานเมื่อเช้านี้ ซึ่งถ้ามาถามตอนนี้ผมบอกได้เลยว่าผมลืมมันไปแล้ว

“เอ่อ ว่าแต่มึงเหอะ เจเค เรื่องที่ข้าวปุ้นมันพูดเมื่อเช้าตกลงมึงจะไม่ไปจริงเหรอวะ”

“เรื่องเมื่อเช้า เออวะ กูลืม”

“นั่นไง แล้วมึงจะไปมั๊ยวะ”

“กูไม่รู้วะ”

“เออ กูไม่ได้บังคับมึงนะเว้ย มึงก็ไปๆเหอะ สงสารมันวะ เห็นเพื่อนมันเล่าให้ฟังว่ามันหาครูมาสอยน้องสาวมันมาเป็นสิบๆคนละ ไม่ได้เลยซักกะคน ยังไงก็ช่วยๆมันหน่อยเหอะ”

“เออ ก็ได้ งั้นกูไปละ”

“เออ โชคดีเว้ย” หลังจากจบประโยคของผมกับไอ้นนท์ผมก็ได้ปลีกตัวออกมาเพื่อจะไปยังตึกเรียน 3 ไปยังห้องสภานักเรียน ซึ่งตอนนี้เองตึกเรียนนี้แทบไม่มีคนอยู่เลย แต่ผมต้องทนขึ้นบันไดไปถึงชั้นสาม อะไรจะต้องลำบากขนาดนี้วะ

 

*****

 

          ผมเดินขึ้นไปยังตึกเรียนนั้นที่คิดว่าไม่มีใครแต่ดันเจอประธานนักเรียนเข้าเลยโชคดีที่มันเองก็จะไปห้องสภาเหมือนกัน ดูเหมือนว่าจะไปปิดห้องนั่นแหละ

“เห้ยไอ้เจ ว่าไงวะ มาทำไรที่นี่”

“อ๋อ มาหาข้าวปุ้นว่ะ พอดีนัดกับมันไว้”

“อ๋อ เอ่อๆ ดีเลยกูจะไปปิดห้องอยู่พอดีงั้นก็มาด้วยกันเลยดิ”

“เออ ได้” ว่าแล้วผมก็เดินไปพร้อมกับแบล็คประธานนักเรียนคนเก่งจนมาถึงหน้าห้องสภา พร้อมกับเสียงเล็ดลอดออกมาจากห้องแบบว่า สุดจะบรรยาย

“เห้ย ไอ้เจ มึงได้ยินเหมือนที่กูได้ยินป่าววะ” แบล็คถามผมด้วยความสงสัยถ้าไม่ผีก็......

“เออ ได้ยิน”

“แล้วมึงคิดเหมือนที่กูคิดรึป่าววะ”

“อื้ม”

“มึงคิดว่า...................มีคนมาเอากันในห้องสภาเหรอวะ” เห้ย!! เรื่องนั้นหรอกเหรอ ไหง๋มึงคิดอคติงี้วะ “ต้องพิสูจน์เว้ย” หลังจากพูดจบท่านประธานนักเรียนก็ไม่รอช้ารีบเปิดประตูเข้าไปในห้องสภาโดนเร็วพร้อมกับตะโกนเข้าไปในห้องซะดังลั่น

“เห้ย ทำอะไรกันวะ เสียงซี๊ด...โอ้ยดังไปถึงข้างนอกนู่น จะทำอะไรกันก็เบาๆหน่อยดิ”

 

          เอาแล้วไงครับ มึงนี่ไม่ดูกาลเทศะซะจริงแต่ช่างเหอะ หลังจากที่แบล็คได้เข้าไปในห้องแล้ว ผมก็เลยตามเข้าไปซึ่งนั่นเองก็ทำให้ผมพบว่า คนที่อยู่ในห้องก็คือ ไอ้ไทค์ และข้าวปุ้น และตอนที่ผมเห็นก็พอจะปะติปะต่อได้ละ ผมมองทั้งสองคนที่สลัดมือออกจากกันพร้อมกับสายตาของแบล็คที่เต็มไปด้วยความคิดอคติที่กำลังมองสองคนนั้นอยู่ ผมเลยออกเสียงเพื่อปัดความคิดมันไปซะ

“เลิกคิดอะไรอคติได้แล้ว” ผมพูดกับแบล็คพลางส่ายหัวก่อนจะหันไปบอกกับข้าวปุ้น “รีบทำแผลให้เสร็จได้แล้ว จะได้ไปซักที” ซึ่งไอ้คนที่ตอบกลับผมมากลับเป็นไอ้ไทค์ คงสงสัยละสิว่าผมมาทำไมที่นี่

“เออ นี่มึงบอกใครวะ”

“กูบอกไอ้ปุ้น ไม่ได้บอกมึง”

“อ่าว เป็นงั้นไป ว่าแต่พวกมึงไปสนิทกันตอนไหนวะ” ถามเซ้าซี้ซะจริง แต่ก่อนที่ผมจะตอบไทค์กลับไปข้าวปุ้นก็เอ่ยปากบอกกับมันก่อน ก็ดี ขี้เกียจอธิบาย

“พอดีว่าผมขอให้เจไปสอนทำอาหารให้น้องสาวผม ตอนเลิกเรียนพวกผมเลยกลับไปด้วยกัน จริงสิ ว่าแต่ไทค์จะไปด้วยรึปล่าว”

“ว่าแต่จะให้ไปทำไมวะ” บทสนทนาของสองคนนี้ช่างหน้าเบื่อซะจริงอะไรนักหนาฟะ

“ก็ไปช่วยชิมก็ได้ หลายคนจะได้บอกถูก” ผมฟังสองคนนั้นคุยกันจนเริ่มรำคาญและอีกอย่างไอ้ไทค์เองก็ยังคงลังเลกับคำชวนของข้าวปุ้นอยู่ผมเลยรีบๆตัดบทเพื่อนที่จะได้จบๆไปซะที

“เขาอุตส่าห์ชวนแล้ว มึงก็ไปๆเหอะ กูจะได้มีเพื่อนตอนขากลับ และจะได้ไปเอาของฝากจากมึงด้วย” ผมบอกมันจนในที่สุดมันก็ตกลงจะไปด้วย แต่แล้วเสียงจอมโวยจากท่านประธานนักเรียนก็บ่นออกมาซะดัง

“เออ จะทำอะไรก็รีบทำกูจะปิดห้องครับ ท่านทั้งหลาย” เออ เอาเข้าไปว่าแล้วพวกผมสามคนก็เดินทางไปยังบ้านของข้าวปุ้นในที่สุด

 

*****

 

“พี่ข้าวปุ้น มาแล้วเหรอ ไหนล่ะ เพื่อนของพี่ที่มาสอนข้าวฟ่างทำอาหาร” เสียงของน้องสาวแสนจะน่ารักของข้าวปุ้นเรียกชื่อพี่ชายซะดังก่อนที่พี่ชายที่แสนดีจะตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม

“ครับ นี่ไงพี่เจเค ที่จะมาสอนทำอาหารให้ข้าวฟ่าง” ผมมองไปยังใบหน้าที่ยิ้มแย้มของหญิงสาวก่อนที่จะบอกกับเธอ เพื่อนให้เรียกชื่อผมได้อยากสนิทสนม

“เรียกเจเฉยๆก็ได้” ประโยคที่ผมบอกออกไปนี้ทำให้เธอจ้องมองมาทางผมโดยไม่ลดละสายตาซึ่งนั่นเองก็ทำให้ผมได้แต่จ้องกลับไปเพียงเท่านั้น จนเสียงของข้าวปุ้นจะดังขึ้นจนทำให้ผมหลุดจากภวังค์นั้น

“นี่เพื่อนพี่อีกคนชื่อไทค์”

“สวัสดีครับน้องข้าวฟ่าง ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”

“งั้นพี่ปุ้นบอกให้เพื่อนพี่ปุ้นไปนั่งรอก่อนนะคะ เดี๋ยวข้าวฟ่างไปเอาขนมกับเครื่องดื่มมาให้” ว่าแล้วเธอก็เดินไปเอาขนมกับเครื่องดื่มมาเสริฟให้พวกผมที่มานั่งรอบนโซฟา ก่อนที่เธอจะมาชวนผมเข้าไปในครัวเพื่อที่จะให้ผมมาเป็นครูสอนทำอาหารให้เธอ

 

 

 

#####################

-กลับไปอ่านนิยายเรื่อง  MEMORIES Chapter 1 {Consusion} ตามลิ้งนี้เลยนะครับ

http://www.keedkean.com/novel/KK0014414.html?page_article=1

-เรื่องราวนี้เป็นเรื่องราวที่แยกมาอีกทีจาก MEMORIES 1 ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะครับ

-กดลิงค์ไม่ได้คลิกดูได้ที่บทนำนะครับ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา