เจ้าชายกระจก yaoi

-

เขียนโดย แฟนรอน

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.45 น.

  8 บท
  0 วิจารณ์
  9,716 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 มีนาคม พ.ศ. 2559 06.36 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

"   ยินดีที่ได้พบกัน เจ้าหญิงแอนดันเต้  "    พระราชาบิซซาร์ตรัส  

 

แอนดันเต้ถอนสายบัวเบื้องพระพักตร์ประมุขแห่งบิซซาร์    พระโอรสของพระองค์   เจ้าชายบิซซาร์ว่าที่เจ้าบ่าว...   เอิ่ม   แม่ครับ  บอกว่าหล่อกว่าผม  ผมหล่อกว่าเยอะคร้าบ  เจ้าชายตัวสั้น   คางเหลี่ยม   มองแอนดันเต้อย่างสนอกสนใจครู่แรก       แล้วยืนเหม่อลอย   ท่าทางก็ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วยเช่นกัน   คงถูกพ่อแม่บังคับมา  มื้ออาหารเลี้ยงจัดขึ้นต้อนรับการมาของราชวงศ์มิราฌ  ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายพูดคุยสนทนาด้วยไมตรีและคุ้นเคย   เจ้าหญิงมิราฌกับเจ้าชายบิซซาร์  หมากการเมืองตัวสำคัญเสวยอาหารอย่างสงบเสงี่ยม    แอนดันเต้เพิ่งรู้จากที่ได้ยินว่ามิราฌเคยขอไว้ว่าไม่ต้องการให้พิธีหมั้นเอิกเกริก  วันนี้บิซซาร์ยืนยันว่าจะมีเฉพาะพระญาติทางฝ่ายบิซซาร์ ขุนนาง  และพระสหายสนิทจากเมืองอื่นมาร่วมพิธีเท่านั้น  ราชินีบิซซาร์คอยทักถามว่าที่ลูกสะไภ้อยู่เรื่อยๆ    เจ้าหญิงแอนดันเต้แย้มสรวล  ถ้อยความตอบโต้นิ่มนวลเรียบร้อยไม่ขัดเขิน  มารยาทสำหรับเจ้าหญิงที่พระราชินีแนะในขบวนเสด็จทรงปฎิบัติไม่ได้ขาดตกบกพร่อง พระบิดาแอบส่งยิ้มชม 

 

แอนดันเต้ต้องอยู่ที่นี่อีกคืนเพื่อรอฤกษ์ประกอบพิธีหมั้น  ทุกหนทุกแห่งในวังวุ่นวายอยู่ในช่วงจัดเตรียมพิธี  ระหว่างที่พักอยู่ที่นี่ พ่อแม่ของแอนดันเต้ก็อยู่ช่วยเตรียมงาน แอนดันเต้เดินเล่นเรื่อยเปื่อยรอบพระราชวัง  จนผู้ใหญ่บอกให้เขาเตรียมตัวให้พร้อมเสมอ อย่าเดินเพ่นพ่าน ทางบิซซาร์จัดสถานที่ให้ว่าที่พระคู่หมั้นอยู่รอพิธีโดยเฉพาะ  แอนดันเต้ว่ามันเผด็จการชะมัด  กับการกักเขาไว้ในหอคอย   หอคอยตะวันตกค่อนข้างเก่าถูกบูรณะรักษาอย่างดี หอคอยนี้อาจมีความหมายในประวัติศาสตร์บิซซาร์  ห้องของแอนดันเต้อยู่บนสุด จัดตบแต่งเรียบง่ายไม่หรูหรา  เจ้าหญิงถูกห้ามลงมาจนกว่าจะถึงพิธี  มีนางคอยรับใช้หากขาดเหลือสิ่งใด   นางเหล่านี้มักไม่อยู่ร่วมห้อง  นานๆจะปรากฏกายสักที  ทำนู่นทำนี่ให้เขาแล้วจากไป  แอนดันเต้รอคอยด้วยความเบื่อหน่าย  เดินสำรวจข้าวของรอบห้อง  มีห้องเล็กๆสำหรับอาบ มีโต๊ะเครื่องแป้งที่มีดาบเก่าๆวางไว้  ท่าจะวางมาทั้งชาติ  กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  ยังมีเจ้าชายโรคจิตชอบลักพาผู้หญิงมาขังไว้บนหอคอยเพื่อรอวันอภิเษก ดาบดุจจะเป็นตัวเลือก...  ทางที่เจ้าจะออกจากหอนี้ได้คืออภิเษกกับเจ้าชาย   รึว่าเจ้าจะโดดจากหอคอย  หรือไม่ก็จงใช้ดาบเล่มนี้ปลิดชิพตนเสีย  สุดท้าย  กี่นางต่อกี่นางก็เลือกความตาย  ด้วยเหตุนี้หอคอยนี้จึงเป็นที่เล่าลือว่าผีดุ  หอคอยที่ทั้งเก่าทั้งเฮี้ยน    และนิทานเรื่องนี้ก็จบอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้ง 

 

"  กรี๊ดดดดด  "    สาวใช้ถือสำรับเข้ามา  เห็นเจ้าหญิงยืนกางแขนกางขาบนขอบหน้าต่าง  หลับตาพริ้ม  เรือนผมสีแดงของเธอและชายกระโปรงยาวๆพัดพลิ้วสะบัด

 

"  เจ้าหญิงทำอะไรเพคะ  ลงมานะเพคะ  "

 

"  ดูนั่นสิ   "    เธอชี้ออกไปที่ปุยเมฆขาวพร่าง  "  เธอ  เห็นนั่นใหม  "    สาวใช้มองตามดรรชนีเจ้าหญิง  ไม่เห็นอะไรสักอย่างผิดไปจากฟากฟ้าธรรมดาๆ

 

"  อะไรเพคะ  "

 

"  อิสระภาพ  "

 

"  .........  "

 

"  กลิ่นสายลมหอมจัง  กลิ่นดอกไม้จากสรวงสวรรค์  "        สายตาสีฟ้าหยาดเยิ้มเบือนหันมา  ดวงหน้าหวานลำ้ที่คนจะจดจำไปตลอดกาล  "  เรากำลังจะบินบินไปหาปุยเมฆขาวนั่น  "

 

"  กรี๊ดดดด  อย่านะเพคะ  เจ้าหญิงบินไม่ได้นะเพคะ   มันอันตรายนะเพคะ  "

 

"  บินได้สิ  เราบินได้นะ  ประเดี๋ยวเราจะบินให้ดู  "

 

"  อย่านะเพคะ  "    สาวใช้หวีดร้อง  ถาดสำรับเอียงกระเท่เร่  ถ้วยชามบรรจุอาหารกำลังเทเอียงไปในทิศทางเดียวกัน    แอนดันเต้กระโดดลงมารับถาดก่อนมันจะหกควำ่  อูย  เสียดายอาหาร โห เนื้อย่างหอมจัง  เจ้าหญิงยกถาดจากอ้อมอกสาวใช้มาตรงที่ประทับ  เปิดฉากโซ้ยเอร็ดอร่อย  สาวใช้สองคนยืนงง  เดินเลียบเคียงเข้ามาถามยำ้ให้แน่ใจ

 

"  เจ้าหญิง  ไม่บินแล้วใช่ใหมเพคะ  "

 

"  ฮื่ิอ  เราหิวแล้ว  "

 

"  ไม่บินอีกแล้วนะเพคะ  "

 

"  ฮื่อ  เราเบื่อแล้ว  "      ทั้งสองถอนใจอย่างโล่งอก  มองเจ้าหญิงทานอย่างเจริญอาหาร  สาวใช้คนนึง     น่าสงสารเจ้าหญิงมิราฌถูกกักพื้นที่จนเครียดเพี้ยนไปแล้วสาวใช้อีกคนหนึ่ง     น่าสงสารเจ้าชายบิซซาร์์  ได้เจ้าสาวไม่เต็มบาท!!แล้วนิทานเรื่องนี้ก็จบอย่างแฮปปี้  เจ้าหญิงและสาวใช้ทั้งสองก็มีความสุขตลอดไป

 

ผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืน  แอนดันเต้ผู้สำรวจห้องจนเบื่อทำได้แต่นั่งๆนอนๆและเกาะหน้าต่างชมทิวทัศน์ท้องฟ้าที่เปลี่ยนสีใช้ดูต่างนาฬิกา  ท้องฟ้าสีชมพูอมส้มก่อนรัตติเทวามาครอง  มังกรอีวองมาไวกว่า  มันบินมาเทียบหน้าต่าง  ขยับปีกพยุงตัว  พัดลมอัดเข้ามาในห้องทึบจนผมสีแดงของแอนดันเต้ลู่ไปข้างหลัง  

 

"  เลอเซลบอกข้าได้รึยัง  นางต้องการของแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งใด  ถ้าเกิดจะเอาอวัยวะจำพวก   อย่างตา   เอ่อ..  อย่างไต..  "

 

"  เลอเซลไม่ต้องการของพรรค์นั้นหรอก "

 

"  นางต้องการอะไร ข้ายังสามารถกลับเป็นผู้ชายอยู่ใช่ใหม "

 

"  แน่นอน นี่คือภาพลวงตาหาใช่ร่างจริงไม่ ภาพลวงตาจะสิ้นสลายภายในระยะประมาณสามเดือน  เมื่อจบพิธีหมั้น นางจะให้ท่านออกไปเอาคัมภีร์เล่มหนึ่งมาให้นาง  ส่วนข้อมูลรายละเอียดนางจะบอกท่านเมื่อเวลาที่ท่านพร้อมมาถึง  "   แอนดันเต้ถามว่าคัมภีร์อยู่ที่ใด  คำตอบจากอีวองคืออยู่ในที่ๆมนุษย์ธรรมดาเข้าได้ แต่ปิศาจไม่อาจผ่าน  "  นางจึงต้องยืมมือเจ้าชาย " 

 

อีวองคายขวดจิ๋วลงกับพื้น  มันกลิ้งขลุกเปื้อนนำ้ลายบนพื้นเป็นทางยาว  แอนดันเต้ตามไปฉวยขึ้นมา เช็ดกับกระโปรง อีวองหัวเราะเขินๆ แล้วกระแอม

 

"  นั่นเป็นยาแก้ เมื่อท่านต้องการให้ร่างลวงตาหายไป ซึ่งมันจะมีฤทธิ์อยู่ได้ครึ่งวันต่อหยด ถ้าเจ้าชายเสวยเยอะฤทธิ์จะสำแดงคงอยู่ตามปริมาณไปด้วย  จนครบสามเดือน ร่างภาพลวงจะสิ้นประสิทธิภาพหายไปเองท่านต้องเสวยนำ้ยาต่อมนต์จากเลอเซล  หากท่านจำเป็นต้องใช้งานภาพลวง เเล้วเรื่องนี้จะเป็นความลับระหว่างเราสามคน " เจ้ามังกรเนียนนับรวมตัวเองเป็นคน  เสียงกำไลกระทบกัน  เสียหยอกกันคิกคัก  เสียงของหนักลากครูดพื้น  เสียงเอ็ด  ดังมาจากบันได  อีวองบอกลา  แอนดันเต้บ๊ายบาย มันบินจากไปจนกระทั่งร่างย่อเล็กลงเป็นขีดเท่าอีกากลางผืนฟ้าสนธยากาล 

 

แอนดันเต้ถูกเชิญเข้าห้องสรง  ขัดถูอบด้วยสมุนไพร เป็นเจ้าหญิงอบสมุนไพรทรงเครื่องพร้อมเสิร์ฟ  เสร็จแล้วนางกำนัลผู้จีบปากจีบคอยกยอความงาม  ไม่รวมนางรับใช้ที่ยืนอยู่ห่างๆคอยส่งอุปกรณ์เสริมสวยและเครื่องประดับจากหีบใบเล็กใบใหญ่ที่พากันขนขึ้นมา  ต่างพากันรุมกลุ้มแต่งตัวทำราวเขาเป็นตุ๊กตา  ดีจริงๆที่ไม่ต้องเป็นผู้หญิงตลอดชีวิต  ทรมานชะมัด น่าเบื่ออีกต่างหากแต่ต้องกัดฟันทนให้ช่วงเวลานี้ผ่านพ้นไปเสียที  นางบอกว่าอีกสองชั่วโมงได้ฤกษ์  ให้เจ้าหญิงสวมผ้าคลุมตามธรรมเนียมบิซซาร์รอเจ้าชายกับพระญาติขึ้นมารับลงไปเข้าพิธี  เมื่อนางประโคมเขาจนเครื่องประดับพร่องลงเกือบหมดหีบ ก็พากันลงไปทิ้งเขาอยู่ตามลำพังกับบรรดาหีบ   เสียงงานเลี้ยงครึกครื้นตั้งแต่เมื่อเย็น  เริ่มซาลงและเงียบไปตั้งแต่เมื่อไรกันนะ  แอนดันเต้ปลดเครื่องประดับหยุมหยิมออกไปบ้าง  เฮ้อ  รู้สึกตัวเบาสบายขึึ้นหน่อย พวกเครื่องประดับชิ้นเล็กน้อยก็จริง  พอมารวมกันหลากชิ้นมันก็หนักเอาการ 

 

ประตูเลื่อนเปิดออก  ผู้ที่ก้าวเข้ามาอย่างผึ่งผายคือบุรุษผู้หนึ่งปิดกายและอำพรางใบหน้า  เขามาเพียงลำพัง  

 

"  ข้ามารับเจ้าสาวของข้า  ท่านคือเจ้าหญิงแอนดันเต้ใช่หรือไม่  "

 

แอนดันเต้เพ่งมองผ่านผ้าคลุมศีรษะบางเบาเนื้อละเอียดให้แน่ชัดกับสายตา  เรือนกายสูงบึกบึนสมสง่านั้นผิดจากเจ้าชายบิซซาร์อย่างสิ้นเชิง  แอนดันเต้เผลอหลุดปากออกไปว่าใช่แล้วต้องกลั้นใจยาวเมื่อ  ชายผู้นั้นชักดาบออกจากฝัก  คมดาบเปลือยเปล่าสะท้อนแสงจันทร์วาววับ  แอนดันเต้กำขวดจิ๋วในกระเป๋ากระโปรงแน่น  พริบตาดาบนั้นวาดมาจ่อที่คอไวพอๆกับร่างเจ้าของก้าวประชิด  มือนึงเลิกผ้าคลุมหน้าโยนเหวี่ยงออกไป  ตาสีฟ้าเบิกกว้างเมื่อโฉมเจ้าหญิงกระจ่างประจักษ์ต่อสายตา  

 

"  บอกมา...   เจ้าหญิงแอนดันเต้อยู่ที่ใด  ทำไมแกมานั่งตรงนี้  "    หืมม์  บอกไปก็โง่  เขาดูไม่เหมือนผู้หญิงขนาดนั้นเทียวรึ

 

"  ฉันให้โอกาสแกอีกครั้ง  ฉันไม่มีเวลามาก  "  

 

"  นางหนีไปแล้ว  นางไม่อยากหมั้น  "

 

"  นานรึยัง  "

 

"  เมื่ิอตะกี้  ถ้าท่านตามไปอาจยังทัน "    สายตาบุรุษปริศนามองไปทางบานหน้าต่างโดยอัติโนมัติ ดาบยังจ่อคอ

 

"  แล้วแกเป็นใคร  สะเออะมานั่งแทนหล่อน  เป็นผู้ชายจะสวมรอยเป็นเจ้าสาวได้ไง  "

 

"  นางหาใครไม่ได้จึงใช้ฉันถ่วงเวลาไปพรางๆ  "    ดาบเลื่อนห่างจากคอไปมากเหมือนเจ้าของตายใจ  แอนนูร่าถีบร่างนั้นออกวิ่งไปที่โต๊ะเครื่องแป้งที่มีดาบเก่าๆวางอยุู่  ผ่านกระจกแว่บหนึ่ง  เห็็นตนเป็นชายโดยสมบูรณ์  ดึงดาบจากฝัก จ่อรอเตรียมต่อสู้  เพราะปล่อยไปโดยไม่รู้สาเหตุไม่ได้แล้ว  ตัวเท่ากัน อายุคะเนคงไล่เลี่ยกันดันมาฆ่าเด็กผู้หญิง  เด็กคนนั้นคืิอเขาเสียด้วย ขอได้รู้ความจริงหน่อยเถอะ

 

"  แล้วแกเป็นใคร  มีความแค้นอะไรกับเจ้าหญิงแอนดันเต้ "

 

"  แท้จริงแล้วเเกเป็นอะไรกับเจ้าหญิงองค์นั้นกันแน่  เป็นเพื่อน  เป็นพี่น้อง รึว่าคนแอบรัก หึ หึ จึงได้เป็นเดือดเป็นร้อนแทนขนาดเอาดาบเก่าเส็งเคร็งมาสู้กับชั้น  "

 

"  ฉันคือองครักษ์ของนาง  แล้ว ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าใครจะปองร้ายนางไปทำไมเพื่ออะไร  "

 

"  องครักษ์  หึ หึ  "    เพียงแค่งัดดาบไม่กี่ทีดาบที่รวดเร็วเฉียบขาดนั่นก็ทำให้ดาบผอมเก่าต้านไม่อยู่และหักสะบั้นหล่นเคร้งในที่สุด  แต่ถึงมีดาบที่เสมอภาคฝีดาบชายผู้นี้ก็ทำให้เจ้าชายรู้ว่าไม่อาจต้านทานได้ทั้งชั้นเชิงและพลัง  ดาบนั้นหวนมาจ่อแอนนูร่าอีกครั้ง  แอนนูร่าตะแคงแก้มที่มีคมดาบเย็นเฉียบแนบขึ้นมอง   ชายผู้นั้นยิ้ม

 

"  นี่หรือ  องครักษ์ส่วนตัวเจ้าหญิง  ฉไนฝีมือจึงปวกเปียกปานผู้ไม่เคยต้องดาบ  วันๆคงจะไม่ฝึกเอาแต่เดินตามก้นนางต้อยๆ  นี่นางคงจะทิ้งแกไว้กับผ้าคลุมเจ้าสาว  เอาองครักษ์คนอื่นๆไปคุ้มกันเป็นขโยงสินะ  "    ไม่ใช่เฟ้ย    แอนนูร่าและแอนดันเต้คนนี้ขอยืนยัน   ถึงจะอายเหมือนกันที่ถูกสบประมาทซึ่งหน้าแต่ปล่อยให้มันคิดไปเป็นตุเป็นตะแบบนี้ดีแล้ว  ดีกว่ามันรู้ความจริง  นายคนนี้เก็บดาบลงฝัก

 

"  เปล่าประโยชน์ที่จะจ่อดาบกับคนไร้ทางสู้แบบแก  ลุกขึ้นแล้วไปกับชั้น พาชั้นไปหานาง  ว่านางหนีไปที่ใด  "

 

"  ชั้นไม่รู้  "  

 

"  ไป  "    ชายตานำ้เงินขึ้นเสียงหงุดหงิด  แอนนูร่าวิ่งเข้าชาร์จหวังจะล้มชายผู้นี้ด้วยมือเปล่า  แต่ถูกซ้อมและดัดแขนไว้ข้างหลัง  หัวเราะเย้ย  "  อย่างี่เง่า  ไอ้คนอ่อนปวกเปียก  ไป ก่อนที่มือสังหารคนอื่นๆจะขึ้นมาชั้นขี้เกียจสู้  เสียเวลา "    แอนนูร่าตกใจ

 

"  ยังมีคนอื่นๆอีกรึมาฆ่าเจ้าหญิง  "

 

"   หึ หึ  นี่คือทายาทมิราฌเชียวนะ กว่าจะออกจากมิราฌมาได้  ต้องชิงลงมือ  "  

 

บรรยากาศเงียบเชียบผิดปกติ  ไร้ซึ่งเสียงงานรื่นเริงแว่วให้ได้ยิน  ป่านฉะนี้แล้ว  เจ้าชายบิซซาร์และพระญาติยังไม่ขึ้นมา..ชายตาสีนำ้เงินเป่านกหวีด  มังกรตัวย่อมเข้าเทียบหน้าต่าง  

 

"  ขึ้นไป  "  ชายตานำ้เงินกระตุ้น 

 

แอนนูร่าปีนหน้าต่าง นั่งคร่อมบนหลังมัน ชายตานำ้เงินขึ้นซ้อนด้านหลัง  นักฆ่าสองคนเปิดประตูบุกเข้ามาในห้องอย่างถือวิสาสะ  เค้าให้เจ้าบ่าวบิซซาร์ขึ้นมาคนแรกหลังจากเจ้าสาวคลุมหน้ารอเฟ้ย  นี่อะไรกัน  นึกจะเข้ามาก็เข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้า บุกเข้ามาเป็นฝูง

 

"  งี่เง่า  "   แอนนูร่าได้ยินเสียงสบถด้านหลัง  มังกรออกตัวทยานบิน  มันบินตัดวัง  ด้วยระยะความสูงแอนนูร่ามองลงไปเห็นร่างนอนเกลื่อนกลาดของทหารและคนอื่นๆ!!

 

"  ทุกคนตายกันหมดแล้วหรือ...   "    เจ้าชายครางหวิว

 

"  เปล่า  แค่สลบเพราะถูกรมยา  ขี้เกียจฆ่า  คนตั้งเยอะ เก็บไว้ฆ่าเจ้าหญิงเพียงดาบเดียว  "

 

"  ผมไม่รู้จริงๆนางอยู่ใหน  ถึงเอาผมมาก็เปล่าประโยชน์  "

 

"  เจ้าหญิงมีแนวโน้มจะไปที่ใหนมากที่สุด  "    ถ้าตูเป็นองครักษ์จริงคงบอกหรอก  แต่แอนนูร่าก็บอกตามจริง

 

"  นางหนีไปกับชายชู้แล้ว  "

 

"  เอ๋  "

 

" ท่านคิดว่าเจ้าหญิงแอนดันเต้จะเรียบร้อยเจี๋ยมเจี้ยมนั่งเอ๋อรอจนมือสังหารเข้ามาปลิดชีพนางตามอำเภอใจรึไง  หนีไปกับชู้รักไม่ดีกว่าหรือ  "

 

"  เเกพูดอย่างกับเจ้าหญิงรู้ล่วงหน้าว่ามีคนมาฆ่านาง  "

 

"  นางรู้ไม่รู้ไม่เกี่ยวกับผม เพราะเรามันคนละคน  เจ้าหญิงอยู่ส่วนเจ้าหญิง  องครักษ์อยู่ส่วนองครักษ์  "

 

"  แกนี่พูดจาวกวนนะ  "

 

"  คือผมจะบอกว่า  เจ้าหญิงอยู่ส่วนเจ้าหญิง  องครักษ์อยู่ส่วนองครักษ์  ไม่เกี่ยวกัน ฉะนั้นปล่อยผมดีกว่า  เรามันคนละคน  "  ชายตานำ้เงินหัวเราะคึคึ

 

"  ได้แน่นอน ถ้าแกให้ความร่วมมือดีๆ จนชั้นสังหารเจ้าหญิงแอนดันเต้ได้ด้วยตัวชั้นเอง "

 

"  คำก็ฆ่าเจ้าหญิงสองคำก็สังหารเจ้าหญิง  ท่านไม่เบื่อรึไง  ผมฟังจนเอียนแล้ว  " ายตานำ้เงินชกหัวแอนนูร่าทีนึง  เงียบกันไป

 

"  ท่านบอกว่ากว่าจะสังหารเจ้าหญิงได้มีแค่โอกาสนี้เพราะนางไม่เคยออกจากมิราฌเลย  ก็เพราะนางไม่เคยไปที่อื่นใด  ไปที่มิราฌท่านอาจพบนาง    นางมีเพื่อนสนิทอยู่ที่นั่น  อาจไปขอหลบซ่อน  "

 

"  เป็นไปไม่ได้  คนหนีงานหมั้นไม่กลับไปหลบซ่อนที่เมืองตนเองหรอก  ชู้นางต้องพาหลบออกไปเมืองอื่น  วังมิราฌ...   สองเดือนมานี้   ใครสืบเอาจากชาวเมืองก็บอกกันว่านางป่วยอยู่แต่ในวัง  มือสังหารหรือหน่วยเซียนหน้าใหนเข้าไป ไม่ว่าจะพยายามมาตลอดกี่คนต่อกี่คน  คนเก่งๆประสบการณ์สูง  เข้าไปหาเจ้าหญิงที่วังก็ไม่เคยพบ ชาวบ้านบางคนก็หลอกให้อยู่ฟังนิทานเพี้ยนๆ  "     แกจะหาเจ้าหญิงเจอได้ไง  เพราะนางนอนแต่วังบน ไม่ชอบนอนวังล่าง  ถึงจะหาเจอก็เจอแต่เจ้าชายเฟ้ยไม่มีเจ้าหญิงหรอก  แอนนูร่านึกขอบคุณพระราชินีในใจ

 

"  ท่านจะเอาชีวิตนางไปทำไมกัน  "

 

"  มันเป็นงาน  ชั้นรับคำสั่งมา "

 

"  เอาแค่เหตุผลเดียวกับที่มือสังหารทั้งหลายมาก็พอ  คงเป็นเหตุผลเดียวกับเจ้านายท่าน  "

 

"  ปิศาจที่ถูกหน่วยเซียนจับไปทรมานบอกว่าทายาทมิราฌเก็บอาวุธรึมนต์ร้ายแรงไว้ให้ราชาปิศาจคืนชีพ  ฉะนั้นเราจึงต้องกำจัดนางทิ้งเพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม  ที่แห่มากันก็คงลักพาเจ้าหญิงแอนดันเต้ไปหวังได้อาวุธไปสร้างอำนาจ  จากผู้นำแคว้นใดก็ตามที่ข่าวเล็ดลอดไปถึง   "    เลยเถิดไปกันใหญ่แล้ว   พวกแกนี่ไม่ใช้วิจารณญาณในการรับฟังเลย  ผมคือคู่ครองของเค้าตะหาก  ถ้าเจ้าชายเป็นอาวุธร้ายแรงของจริงป่านนี้ไอ้บ้านี่ล่วงไปจากหลังมังกรแล้ว

 

"  ข่าวใหม่แฮะ   ผมก็แค่องครักษ์ปลายแถว  ถ้าท่านสังหารเจ้าหญิงไม่สำเร็จ...  " บรรยากาศเครียดเขม็ง แอนนูร่าเหลียวกลับไปมอง  สีหน้ามือสังหารดุดัน  ย้อนถามกลับ

 

"  หากเป็นแกทำงานที่รับมอบหมายไม่สำเร็จจะถูกลงโทษอย่างไร  "    อืมม์   แอนนูร่าคิดหนัก  บทลงโทษที่ผู้ใหญ่ในเมืองมิราฌใช้

 

"  ก็ถูกไล่ให้กลับบ้าน  ตัดค่าแรง  อดอาหารสักมื้อ  ตัดฟืนเพิ่ม  หาบนำ้  "

 

"  เฮ้อ  เกิดเป็นเเกนี่ช่างสบายเสียจริง  " 

 

"  อย่างเช่นตอนนี้...   ผมต้องกลับไปให้เค้าเห็นหน้า  จะได้ไม่ถูกสงสัยในการหายตัวไปอย่างลึกลับของเจ้าหญิง  ให้ผมกลับไปทำเป็นนอนสลบรอตื่นพร้อมพวกเค้า  เอ่อ  ถ้าจะให้ดีรบกวนไปส่งผมที ผมสัญญาจะไม่ปากโป้งเรื่องท่านหรอก  "    รีบเสริม

 

"  ชีวิตมันไม่กระจอกขนาดนั้นหรอกนะ  ในเมื่อไม่ได้เจ้าหญิง  ชั้นจะไม่กลับไปมือเปล่าจะเอาแกไปให้เจ้านายเค้นความจริง  "  

 

"  .....รุนแรงใหม  "

 

"  หุบปาก  อย่าพูดมาก  "   เงียบไปพักใหญ่กับลมหวีดหวิว แอนนูร่าถาม

 

"  ผมชื่อแอนนูร่า  ท่านชื่ออะไร  "

 

"  จะรู้ไปทำไม  "

 

"  เวลาผมจะถามอะไรท่าน  จะได้เรียกถูก  จะเรียกว่าไอ้เบื๊อกแบบเพื่อนผมเรียกกัน ท่านคงจะไม่ชอบ  ใช่ใหม ไอ้เบื๊อก "    หน้าใสซื่อหันมาถามชายตานำ้เงินอยากต่อยหัวแดงๆอีกที  แต่ก็กัดฟันบอก

 

"  ชั้นชื่อเกลน "

 

"  เกลนครับ !  สถานที่ที่ใช้เค้นความจริงยังอยู่อีกใกลใหม  "

 

"  เดินทางหนึ่งคืน  พรุ่งนี้ถึง  "

 

"  อยู่เมืองอะไรเหรอ...  "

 

"  ชั้นไม่ได้พาแกไปเที่ยว  แกจะช่วยสลดแล้วหุบปากอาลัยกับชีวิตที่ผ่านมาเถอะ  "

 

"  สีหน้าผมบอกว่ายินดีที่ได้รู้จักท่านรึไง  "   แอนนูร่าหันไป  ชี้หน้าตัวเองประกอบ

 

"  สีหน้าแกมันทองไม่รู้ร้อนชัดๆ  จะบอกให้นะ คนที่ถูกรีดความลับน่ะ  ปางตายก่อนแล้วค่อยตาย  "    

 

บินจนรุ่ง  เกลนพาแอนนูร่าแวะเมืองนึงระหว่างทางเพื่อหาอาหารสำหรับคนสองคนและมังกรหนึ่งตัวกิน  เกลนพามังกรไปฝากที่คอกบริการรับฝากมังกร   ใส่กุญแจมือเหล็กสีม่วงเลื่อมวาวลากแอนนูร่าเดินไป  ระหว่างเดินผ่านโรงแรม  แอนนูร่าหยุดเท้าใช้สายตาอ่อนเพลียมองอย่างอาลัยอาวรณ์  ไม่ได้หลับทั้งคืนจะหลับก็กลัวตกมังกร     

 

"  แวะหน่อยเหอะ   นอนซักงีบ  "

 

"  ไม่  จะนอนไปใย  เดี๋ยวเเกก็ได้หลับตลอดกาลแล้ว  "   

 

เกลนเลือกร้านข้างทาง  เดินดุ่มเข้าไป  มือสังหารกับเชลยนั่งทานอาหารมื้อเช้าไปเรื่อยๆ  

 

"  ท่านไม่ง่วงเลยเหรอ  "

 

"  เหอะ  แค่คืนเดียวเล็กน้อย  ชั้นเคยดักเฝ้าเหยื่อสามคืนติดกันโดยไม่งีบซักนิด  และชั้นก็ทำภารกิจสำเร็จด้วย  "

 

"  ท่านผูกกุญแจมือร่วมกับชั้นตลอดเวลา  ไม่กลัวชั้นอัดท่านชิงลูกกุญแจแล้วหนีไปเหรอ  "

 

"  ฮ่าฮ่า  นำ้หน้าอย่างเเกเนี่ยนะจะอัดชั้น  "    นำ้หน้าอย่างแก....   เกลียดคำนี้จัง....

 

เกลนจ่ายทองค่าอาหารกับพ่อค้าที่มองกุญแจมือกับแอนนูร่าอย่างสนอกสนใจ  พ่อค้ารู้จักกุญแจมือนี้ดี  เกลนพาแอนนูร่าลากเดินกลับคอกมังกร  ผ่านตรอกแคบๆที่แอนนูร่าหมายตาไว้ตั้งแต่เดินผ่านหนแรก   จนเกือบสุดตรอกซึ่งทะลุออกถนน เขาชักดาบออกจากฝักสีข้างข้างซ้ายเกลน  เอาดาบจ่อคอ  ดันเซียนปราบจนหลังกระแทกกำแพง  คมแหลมของมันกดผิวชายตาน้เงินจนเลือดซึมออกมา  

 

"  ชั้นไม่เคยเที่ยวฆ่าใครแบบแกตั้งแต่เกิดมา  แต่แกจะเป็นรายแรกที่ชั้นจะฆ่าเพื่อความอยู่รอดของตัวเองถ้าแกไม่ส่งลูกกุญแจมาให้ชั้นเดี๋ยวนี้  "  เกลนสบตาเอาจริงของแอนนูร่า  คมดาบบาดลึกเป็นการเตือนจนแสบไปหมด  เขาล้วงกุญแจจากกระเป๋าที่เล็กและลึกที่สุด  ส่งให้

 

"  ไขให้ที  มือชั้นไม่ว่าง  ถือดาบและจ่อคอแกอยู่  "    

 

เกลนไขกุญแจช้าๆ  ทั้งคู่มองตากันตลอดเวลา  กุญแจคลายออกแอนนูร่าก็รวบแขนเซียนปราบทั้งที่ดาบจ่อคอ  ล็อคมือสองข้างของเกลน ขบวนรถม้าคันแล้วคันเล่าวิ่งผ่านสวนไปมา    แอนนูร่าผลักร่างเกลนไปอีกฝั่งก่อนที่รถม้าขบวนยาวจะวิ่งมาถึงเส้นยาแดงผ่าแปด  เเอนนูร่าหันหลังเดินย้อนจากตรอกออกมา  เสียงกรี๊ดจากข้างหลัง  แอนนูร่าหันไปก็พบภาพที่ชวนตะลึง  เกลนกระโดดลอยข้ามขบวนรถม้าลงมายืนกลางตรอก เพ่งสมาธิหน้าตาแดงกำ่บิดเบี้ยวพักหนึ่ง  แอนนูร่าหยุดรอดูอย่างสงสัย  กุญแจสีม่วงกลายเป็นเหล็กดำใหม้เกรียมล่วงจากข้อมือโจโจ้   มืออิสระดึงดาบออกจากปาก...  เป็นดาบที่ส่องแสงสว่างมีรัศมีสีนำ้เงินลุกโชน  เรียวปากบิดยิ้มร้าย   เล่นมีดาบวิเศษอย่างงี้...    ฝีดาบอย่างงี้...   กระโดดทีใกลเป็นโยชน์... หลอมเหล็กใหม้ด้วยมือเปล่า...   แอนนูร่าโยนดาบธรรมดาที่ทั้งหนักและเกะกะทิ้งข้างทาง  โจนวิ่งเบียดกายปะปนเข้าไปในฝูงชนคลาคลำ่ 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา