เจ้าชายกระจก yaoi

-

เขียนโดย แฟนรอน

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.45 น.

  8 บท
  0 วิจารณ์
  9,833 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 มีนาคม พ.ศ. 2559 06.36 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

แอนนูร่าเบียดตัวอย่างยากลำบากก็ไม่วายหันกลับไปดูข้างหลัง ฝูงชนหลบเข้าข้างทางเหลือช่องคดเคี้ยวให้เกลนซึ่งกำลังก้าวเดินเรื่อยๆ  มือขวาถือดาบวิเศษ  มือซ้ายชูตราบางอย่าง  เพราะตรานี้เองคนจึงหลีกทางให้

 

"  หลีกทางให้ผม   ผมมาจับปิศาจ  "

 

"  หน่วยเซียนปราบ  "    คนรอบกายบ่นงึมงัม    แอนนูร่ามีหรือจะหยุดเขาวิ่งเลาะคนที่หยุดยืนประมวลสถานการณ์ว่ามีอะไรเกิดขึ้น      "  ในนี้มีปิศาจ  กุมมือแม่อย่าให้คลาดกันนะ  "      ผู้หญิงที่จูงลูกร้องบอก  โจโจ้ตะโกนอีกครั้ง

 

"  ทหารลาดตะเวนเมืองปิดถนน  ทุกคนในถนนเส้นนี้จงหยุดอยู่กับที่  ถ้าใครขยับผมจะถือว่ามันเป็นปิศาจกำลังหลบหนี  ผมจะจัดการเดี๋ยวนั้น  " ทุกคนที่ได้ยินเสียงกังวานด้วยเวทมนตร์ทำตามทันที  คำสั่งของเซียนปราบประกาศิตขนาดนี้เชียวเหรอ ทหารตระเวนภัยประจำเมืองช่วยส่งเสียงบอกว่าทุกคนควรทำตามและขณะนี้ปิดถนนไว้แล้ว

 

"  ชายผมแดง  ตาสีฟ้าใส่ชุดกระโปรงผู้หญิงคือปิศาจ  อยู่ใกล้ใครชูมือขึ้นแล้วส่งมันมาข้างหน้า  " แอนนูร่าล้วงหยิบขวดนำ้ยา...  ในกระเป๋ากระโปรงว่างเปล่า !!   ขณะที่คนรอบกายเหลียวมองคนข้างๆ คนที่อยู่รอบแอนนูร่าพากันยกมือขึ้นอย่างแตกตื่นถอยห่างแอนนูร่าราวกลัวติดเชื้อโรค  ทหารลาดตระเวนเมืองมาถึงตัวแอนนูร่าจับไว้แล้วกระซิบ  ทำเป็นอัดพวกเราแล้วรีบหนีไปซะ  ให้ไวด้วย   แอนนูร่าเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเค้าหน้าปิศาจซ้อนเลือนๆบนใบหน้าทหารตะเวนภัย  เกลนก้าวมาหา  ชาวเมืองพยายามเบียดเสียดให้ทาง    แอนนูร่าต่อยท้องตำรวจนายแรก  อัดตำรวจนายที่สอง  วิ่งจากมาชาวเมืองไม่กล้าขัดขวางเขาเลยเนื่องจากกลัวปิศาจและด้วยความไวกระทันหันทำให้ไม่มีใครตั้งตัว  เขาวิ่งชนคนนู้นทีคนนี้ที  ทหารตระเวนภัยยิ้มให้ปลายถนนรีบเเง้มด่านให้ช่องเล็กๆซำ้ยังกระตุ้นว่าเร็วๆเข้า   แอนนูร่าบอกขอบคุณ   ทหารเฝ้าด่านสองนายนั้นฟุบลงนอนควำ่กับพื้น   เจ้าชายวิ่งเข้าไปหลบซอกตึก  รู้สึกว่าผมยาวรุงรังเกินไปแล้ว  เอามือลูบสำรวจร่างกาย เขาได้แปลงเป็นผู้หญิงโดยสมบูรณ์ตั้งแต่เมื่อกี้  สิ่งที่เกิดขึ้นชวนแปลกประหลาดงุนงงเพราะเจ้าชายไม่ได้จิบนำ้ยาสักหยดตั้งแต่ได้มันมาจากอีวองที่หอคอย  เดินเลาะฝูงชนที่บางตาของถนนสายใหม่  ปลดต่างหูเครื่องประดับชิ้นอื่นบนเรือนกายออก  เร่งฝีเท้าเข้าร้านเครื่องแต่งกายสตรี  เขาวางสร้อยลงกับเคานเตอร์  ขอแลกมันกับเครื่องแต่งกายในร้านสักสองสามชิ้น  คนขายตกใจมากกับมูลค่าของที่ใช้แลกเปลี่ยน  แต่ก็บอกให้เขาเลือกชุดได้เลย แอนดันเต้เลือกชุดสีนำ้ตาลจืดชืดที่สุดชุดหนึ่ง  คนในเมืองมักแต่งชุดนี้  มันจะทำให้เขากลมกลืนเเละปลอดภัยจากเกลน..

 

"  ขอรบกวนสักครู่ครับสาวน้อย  "    เสียงทัก  แอนดันเต้หันไป  เจี๊ยก  คิดถึงปุ๊ปมาปั๊ป  แกนี่น่าสยองชะมัดเกลน   เกลนถามแล้วชูตราเซียนปราบ  แอนดันเด้เห็นมันชัดๆ

 

"  เมื่อสักครู่มีเด็กผู้ชายสูงราวๆ  อืมม์  คุณ  และผมกับตาสีเดียวกับคุณผ่านมาทางทางนี้  พอจะสังเกตุใหมครับว่าเขาไปทางใหน   "    สายตาผู้ถามชะงักกึก  พินิจใบหน้าแอนดันเต้ด้วยสายตาลังเลเล็กน้อย   แอนดันเต้ทำท่าคิดพลางลูบผมอันยาวเฟี้อยเล่น   เอียงคอน้อยๆกอดอกอวดรูปยำ้ให้เด่นชัดถึงเพศหญิง

 

"  อืมม์...    อ๋อ  ใช่ผู้ชายที่สวมกระโปรงบานๆสีชมพูใส่ต่างหูรึเปล่าคะ  "

 

"  ใช่ครับ  คนนั้นล่ะครับ  "    ตาสีนำ้เงินวาวโรจน์ขึ้นมาฉับพลัน"  เขาวิ่งเข้าซอยทางขวามือไปแล้วล่ะค่ะ  หน้าตาตื่นเชียว  "

 

"  ขอบคุณครับ  "    แทนที่จะรีบไป  เกลนกลับยังมองหน้าแอนนูร่าไม่วางตาแบบอึ้งๆ   แอนนูร่ายิ้มเก้อๆมุมปากปลายนิ้วม้วนผมยืนบิดไปบิดมา  โจโจ้ยักคิ้วให้สาวน้อยที่เขินเพราะถูกเขาจ้องมอง  ถ้าไม่ติดภารกิจจีบไปแล้วนะเนี่ย...  แล้วหายตัวกลางอากาศโชว์  ทิ้งท้ายให้หล่อนตื่นเต้นประทับใจเสียหน่อย...   แอนดันเต้ตื่นเต้น...    ดีใจที่เกลนไปได้เสียที    เจ้าชายระบายลมหายใจ  ต้องขอบคุณมนต์แปลกๆของเลอเซล   ที่น่าสับสนก็คือเมื่อไรจะเปลี่ยนเพศใดกันแน่เดาไม่ถูกเลย   แต่ก็ทำให้รอดอย่างหวุดหวิด  เกิดมาไม่เคยระทึกใจพร้อมกันกับเหน็ดเหนื่อยเท่านี้มาก่อน   พวกเซียนปราบนี่น่ากลัวจริงๆ  แต่ทหารตระเวนภัยเมืองที่ช่วยเขาไว้เมื่อกี้ล่ะ   เก่งจริงๆที่ตบตาเกลนได้ยกทีม แอนดันเต้แน่ใจว่าปิศาจที่ซ่อนตัวในคราบทหารอย่างแนบเนียนช่วยเขาเพราะเข้าใจว่าเป็นปิศาจพวกเดียวกัน   การมองโลกของแอนดันเต้เปลี่ยนไปแล้ว  มีคนประสงค์ร้ายเขามากมาย  และตอนนี้เขาไม่มีทองสักเหรียญ  โอ  เป็นทั้งเจ้าชายและเจ้าหญิง  แต่กลับไม่มีทองติดตัวสักเหรียญเดินร่อนเร่ในเมือง  ท้องก็หิวแล้วด้วย   เจ้าชายขายต่างหูได้ราคาตำ่มากๆด้วยเหตุผลว่า  ยังไม่บรรลุนิติภาวะอาจได้ต่างหูมาโดยมิชอบ  แต่แอนดันเต้ว่าพ่อค้าคนนี้ไม่ได้ต่อต้านเด็กขโมยสมบัติมารดามาขายหรอก  มันเป็นข้ออ้างกดราคาเอากับเด็กต่างหาก  ไม่เช่นนั้นก็ปฏิเสธรับซื้อไปแล้ว  เจ้าชายบ่นในใจ แบ่งทองไปซื้อปากกากับกระดาษไว้เขียนจดหมายถึงผู้ปกครองเมืองมิราฌ  ว่าตนปลอดภัยดี กำลังเดินทางกลับ  แหม  แต่ได้ออกมานอกเมืองมิราฌทั้งที  ทองก็เหลือติดกระเป๋า  เรามาพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสดีกว่า  แอนนูร่าเข้าไปร้านไอศครีม  สั่งรวมรสถ้วยใหญ่  เพื่อชิมว่ารสใหนอร่อยที่สุด   ช็อคโกแล็ตงั้นๆ  มินต์หอมจัง  โห อันนี้ไม่ใช่วานิลลาแต่เป็นกล้วยหอม  สีเขียวมีสองลูกลูกหนึ่งคือมินต์ชิมไปแล้วอีกลูกคือรสมะนาว  ข้างนอกกระจกใสคือมุมตู้เกมส์มีเด็กเล่นกันสนุกสนาน  มองกลับมาในร้านกระจกเงาตรงทางเข้าฉายภาพเลอเซลยืนอยู่กวาดสายตารอบร้านจนเหลียวมาเจอเจ้าชาย   แอนดันเต้หันขวับไปทางทิศตรงข้าม  ปราศจากร่างจริงของแม่มดเฒ่า  เงาเลอเซลยังฉายชัด  

 

"  โห  ทำได้ไง  วิเศษไปเลย  "เลอเซลหายตัวมาปรากฎบนโต๊ะแทนที่เงาแอนดันเต้  เจ้าชายเลื่อนถ้วยไอติมออกเพราะมันทับจมูกแม่มดชราอยู่

 

"  เจ้าชายอยู่เมืองอะไร  "

 

"  วู้ดเดนท์ฮาร์ท  "

 

"  รออีวองก่อน  หม่อมชั้นจะให้มันไปรับ  เดินทางกลับทางบกตามลำพังมันอันตราย ..  คนกำลังเดินมาทางเจ้าชาย  หม่อมชั้นไปก่อน  "   หน้าเลอเซลอันตรธานหายทันทีที่เด็กน้อยเดินเฉียดโต๊ะ  แขกทยอยเข้ามาจนร้านเริ่มแน่น  แอนดันเต้ออกจากร้าน  เล่นตู้เกมส์ฆ่าเวลารออีวอง  เล่นจนเพลินเงยหน้าขึ้นมาอีกทีฟ้ามืดตอนที่กิ้งก่าอีวองเลื้อยปีนขึ้นมาบนตู้เกมส์

 

"  สวัสดี  เจ้าหญิงแอนนูร่า  "

 

"  จะเรียกเจ้าหญิงแอนดันเต้รึเจ้าชายแอนนูร่าก็เอาซักชื่อ   เรียกแบบนั้นมันขนลุก...   ฉันยังหวั่นๆว่าอีวองจะหาชั้นไม่เจอ   เลอเซลคงเห็นล่ะมั้งว่าฉันอยู่ร้านชื่ออะไร  "

 

"  โธ่  มือชั้นนี้  จมูกชั้นนี้   หาง่ายหายห่วง...    เราไปหาโรงแรมพักกันเถอะ  จะได้คุยธุระสะดวก  ข้าก็หนาวเหมือนกัน  "

 

"  หนังมังกรที่เค้าเอามาทำเสื้อคลุมกับรองเท้าทำให้อุ่นดีนัก  ทำไมอีวองจึงรู้สึกหนาว  "

 

"  ถามดีๆ  ได้โปรดอย่ายกตัวอย่างแบบนี้  "     แอนดันเต้หัวเราะ   อีวองคายถุงทองอันหนักอึ้ง  จากนั้นทั้งสองเดินตระเวนหาโรงเเรม

 

"  ได้โปรดอุ้มข้าด้วย  "    อีวองเรียกร้อง

 

"  มีกิ้งก่าเลื้อยตาม  ท่านไม่รู้สึกถึงสายตาคนมองแปลกๆบ้างรึ  "    อีวองพูดถูกต้องที่สุด   แอนดันเต้อุ้มมันไว้กับอก

 

"  ใช่แล้ว  ทำให้เหมือนกับข้าเป็นสัตว์เลี้ยงของเด็กผู้หญิงพิลึกๆคนนึง  "

 

"  เด็กผู้หญิงพิลึกๆคนนึงที่ผ่าไปเลี้ยงกิ้งก่ายักษ์  กอดเอาไว้ทะนุถนอมยังกับแมว  "    เจ้าชายเลือกโรงแรมแรกที่ใกล้ที่สุด  ขนาดคนรับแขกหลังเคานเตอร์ยื่นกุญแจให้ยังมองกิ้งก่าที่ทำตาปะหลักปะเหลือก

 

"  ยังไงก็ดูๆระวังอย่าให้มันแทะผ้านะคะ  ไม่เช่นนั้นเราจะปรับทองเพิ่มนะคะ  "

 

"  แปลงเป็นมังกรยังง่ายกว่าใหม ฉันจะได้เอาท่านไปฝากคอกมังกบริการ  คนยังสงสัยน้อยกว่านี้  " แอนดันเต้กระซิบระหว่างขึ้นห้อง

 

"  ไม่เอา  ข้าไม่อยากนอนในหญ้าฟาง  ข้าอยากนอนบนเตียงอุ่นๆ  " ห้องที่เปิดเรียบง่ายสะอาดสะอ้าน  เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น  และห้องนำ้มีกระจก  แอนดันเต้ยืนส่องกระจก  เด็กผู้หญิงผมแดงเพลิงยาวสยาย  คิ้วโก่ง  จมูกมีเนื้อบางลง  ขนาดสันโด่งยุบลง ริมฝีปากบางเฉียบ  ลำคอเรียวระหง  ดวงตาฟ้าใสมองตอบกลับมา  ดวงหน้ามีเค้าลางๆคล้ายกัน   มิน่าเล่าโจโจ้ถึงสับสนไปแว่บนึง

 

"  เลอเซลใช้ปิศาจกระจกตามหาท่านในรัศมีเมืองใกล้เคียงบิซซาร์   ที่บิซซาร์วุ่นวายจ้าละหวั่น ทุกคนฟื้นขึ้นตอนทหารรอบนอกเข้าวังมาปลุกตอนเช้ามืดก็รู้ว่าถูกบุกและเจ้าหญิงแอนดันเต้ถูกลักพาตัวไป  พระราชาบิซซาร์ออกปากกับพระบิดาท่านว่าจะช่วยตามหาเจ้าสาวกลับคืนมา  "    แอนดันเต้จรดนิ้วมือทาบเงาตนทดลองเรียกเลอเซลเบาๆ  

 

"  นางออกจากมิติปิศาจกระจกไปแล้วหลังจากพบท่าน   นางฝากกระจกอันนี้มาให้เจ้าชายแทน  "อีวองเอากระจกพกพาลายขรึมๆเชยๆออกมาให้เจ้าชาย   แอนดันเต้รับมาถือไว้  เดินมาที่เตียง  

 

"  ท่านเขียนตัวอักษร  ชิ   อักษร  อง   อักษร  นิ  บนผิวกระจก นางจะมาปรากฎ  "   ภาษาครีเซียส.. แอนดันเต้ทำตาม  ครู่เดียว  เงาเลอเซลเข้ามาแทนที่เงาแอนดันเต้  

 

"  โอ้โห  สะดวกแฮะ   ดีกว่าเขียนจดหมายตั้งเยอะ  "

  

"  กระหม่อมต้องใช้พลังจิตเยอะถ้าไม่ผ่านปิศาจกระจก  เพราะยัยนั่นเอาแต่ส่องหนุ่มตามบ้านเผื่อใครจะเปลือยให้ดูบ้าง  กระจกที่เจ้าชายถือหม่อมชั้นมีคู่สัญญาเฉพาะบานนั้นที่เจ้่าชายจะส่งเสียงติดต่อหม่อมชั้นได้ทุกเวลา   " พอพูดถึงปิศาจกระจก  แอนดันเต้เล่าเรื่องปิศาจที่ช่วยตนไว้กับพลังอันเหลือเชื่อของเกลน

 

"  อืมม์  พวกเราเองทั้งนั้น  ในยุคแบบนี้ปิศาจต้องช่วยเหลือกันเอง  จริงอยู่ปิศาจอสูรทั้งหลายใช้เวทมนตร์ เป็นเพราะมันอยู่ในสายเลือด  มนุษย์บางคนก็สามารถใช้ได้เช่นกันถ้ามีอำนาจจิตแก่กล้าพอ บางคนเหนือกว่าปิศาจด้วยซำ้ อย่างที่เจ้าชายทราบจากข่าว   พ่อมดเลโอนาร์ทให้เวมนตร์เป็นเรื่องผิดกฎหมายร้ายแรง  เพื่อตรวจจับปิศาจที่ใช้เวทมนตร์ในการดำรงชีวิตง่ายขึ้น  แล้วยังรวบรวมมนุษย์ที่มีพลังจิตระดับสูงสร้างกองทัพฝึกฝนโดยเฉพาะไว้ตามล่าปิศาจอีกด้วย  ปิศาจถึงต้องอยู่แบบหลบซ่อนทั้งที่ไม่ได้ทำความผิดอะไร  เพียงแต่มีปิศาจบางจำพวกมีลักษณะความพิเศษเฉพาะตัวทำให้มนุษย์เดือดร้อนไปบ้าง   ปิศาจก็เลยต้องแฝงเร้นในคราบมนุษย์  เลียนแบบการดำรงชีวิตของมนุษย์เพื่อความอยู่รอด  ถึงอยู่ต่อหน้าเซียนปราบก็ตาม  ถ้าปิศาจตนนั้นเก่งพอ  "

 

"  โอ๊ย  ถึงหน่วยเซียนจะเก่งกาจ  ปิศาจเก่งกว่ายังมีอีกเยอะ  "    อีวองเลื้อยขึ้นมานอนแหมะบนตักแอนดันเต้    เจ้าชายเล่าเรื่องการแปลงร่างกลับไปกลับมาโดยไม่มีสาเหตุให้เลอเซลฟัง   เลอเซลนิ่งคิด

 

"  มันคงจะเป็นผลข้างเคียง   ร่างกายเจ้าชายต่อต้านนำ้ยาร่างลวงสูตรนี้  ระหว่างที่หม่อมชั้นปรุงยาลบร่างลวง  หม่อมชั้นจะหาวิธีแก้ที่ดีมา  "

 

"  เลอเซลพบพ่อแมข้าบ้างรึยัง  บอกรึเปล่าว่าข้าปลอดภัย  ข้ากลัวเขาเป็นห่วง  เพราะจดหมายคงอีกสองวันถึง  "

 

"  กระหม่อมทูลแล้วว่าส่งอีวองมารับพระองค์  จึงทรงโล่งพระทัย  เพราะอีวองปกป้องพระองค์ได้แต่ถ้าเจ้าชายยังไม่ประสงค์อยากกลับไปแกร่วรอเค้าเตรียมงานหมั้นรอบสองล่ะก็  จะแว่บไปเที่ยวเมืองแบล็คอาวน์ใหม  นี่เป็นโอกาสเหมาะเชียว  แบล็คอาวน์อยู่รัฐถัดไปนี่เอง  "

 

"  แบล็คอาวน์มีอะไรน่าสนใจเหรอ  "

 

"  มีคัมภีร์สี่ตาภูตที่หม่อมชั้นเข้าไปเอาไม่ได้  "    แป่วววว....

 

"  อืมม์  น่าสนุกดี  อธิบายมาสิ  "

 

"  คัมภีร์สี่ตาภูตหนานิ้วกว่า  มีอายุสองร้อยปีกว่า  เคานต์เอ็ดมันต์เก็บมันไว้ในคฤหาสน์  แต่อยู่ตรงใหนเจ้าชายต้องสืบหาเอา  หาวิธีเข้าให้รอบคอบห้ามบุกเข้าไปสุ่มสี่สุ่มหา  เคานต์ผู้นี้ทำงานในอาณัติเลโอนาร์ทเป็นคนใจโหดร้าย  ถ้าเจ้าชายถูกจับได้คงเดาได้ใช่ใหมว่าจะเกิดอะไรต่อไปกับพระองค์  เจ้าชายมีเวลาสี่วัน  จากนั้นต้องกลับบิซซาร์ให้ทันพิธี  กุญแจวิเศษอยู่ที่อีวองมันจะช่วยเจ้าชายให้สะดวกขึ้น  "

 

"  แล้วข้าจะมีอาวุธเจ๋งๆไว้ป้องกันตัวรึเปล่า  ข้าไปมือเปล่าไม่ได้นะ  "    แอนดันเต้แบมือยิ้มๆ อยากได้ดาบที่ดึงออกจากปาก  ถึงจะดูน่าหวาดเสียวไปบ้าง

 

"  สติปัญญาเท่านั้นที่จะทำให้คนเอาตัวรอดได้ดีที่สุด  แล้วพบกัน..  เจ้าชายแอนนูร่า  "    เลอเซลหายวับไป   แอนดันเต้คราง   ลดกระจกลง  คู่มือตัวน้อยนอนกรนคร่อกฟี้คาตัก  เจ้าชายก็ง่วงแล้วเช่นกัน  อุ้มมันลงวางข้างกาย  ล้มตัวนอนครุ่นคิดวางแผนสำหรับพรุ่งนี้จนพาตัวเองเข้าสู่นิทรารมย์

 

 

 

หลังจัดการกับมื้อเช้าเสร็จ   อีวองพาแอนดันเต้บินสู่แบล็คอาวน์ไปที่คฤหาสน์เคานต์เอ็ดมันต์  มันลงจอดที่ถนนโล่งๆ  แอนดันเต้จับมันซ่อนในกระเป๋าเดินทางมือสองตามแผน  เดินเท้าไปจนถึงคฤหาสน์ที่ตาของอีวองมองลอดจากซิปคอยบอกทาง  เมื่อจับห่วงกระแทกประตูรอไม่นานสาวใช้เปิดออกมาดู 

 

 "  อยากได้คนทำความสะอาดเพิ่มใหมคะ  "    สาวใช้มองล่อกแล่กซ้ายขวา  ลดเสียงถาม

 

"   มีรหัสอะไรรึเปล่าจ๊ะ  "    รหัสอะไรอ้ะ   แอนดันเต้งง

 

"  ต้องใช้รหัสเหรอคะ  เอ่อ..   หนูมาสมัครเป็นคนทำความสะอาดค่ะ  "    สาวใช้ถอนใจ

 

"  หนูคงเป็นคนต่างถิ่นล่ะซี  เดินย้อนกลับไปทางเดิมคฤหาสน์หลังที่สามซ้ายมือเค้าอาจจะรับสักคน  ที่นี่เต็มแล้วจ้ะ  "สาวใช้กำลังปิดประตู   มือขาวๆดึงรั้งไว้"  หนูเคาะถามมาตลอดทางไม่มีใครเปิดรับสักคน  ให้หนูฝึกงานก่อนก็ได้นะคะ  ยังไม่เอาทองสักเหรียญ  ขอแค่มีอาหารเลี้ยงบ้าง  มิเช่นนั้นหนูคงไม่มีที่นอนคืนนี้แน่  " สาวใช้ทำท่าลังเล  ดูท่าทางคงเป็นลูกคุณหนูตกยาก

 

"  เอาเถิด  แค่ฝึกงานฉันจะสอนให้เผื่อหนูมีทางไปบ้านอื่นเพราะที่นี่ยังไงก็ไม่รับ  ฉันอาจมีทองให้หนูบ้างฉันจ่ายเองคุณท่านไม่ได้จ่าย   ยังไงก็อย่าอยู่อย่างประเจิดประเจ้อนัก  คุณท่านนิสัยไม่เหมือนกัน  "    แอนดันเต้ระลำ่ระลักขอบคุณ  สาวใช้เหลียวไปข้างหลังก่อนเปิดประตูให้

 

"  ของมีแค่นี้หรืิอ  "    หล่อนมองกระเป๋า

 

"  ค่ะ  หนูมีสมบัติติดตัวเพียงเท่านี้  "    สาวใช้เดินทิ้งห่างจึงไม่ได้ยินเสียงหัวเราะจากกระเป๋า  แอนดันเต้ทำเสียงดุเพราะเสียงอีวองเริ่มดังขึ้น  สาวใช้ใจดีนามพอลลีนให้คุณหนูตกยากเก็บสัมภาระในห้องนอนเล็กแคบ  พาออกมาพูดสอนนั่นสอนนี่เกี่ยวกับคฤหาสน์   เวลาที่เคานต์ทั้งสองลงมาทำกิจวัตรประจำวันแสดงถึงชีวิตที่เป็นระเบียบดุจตารางสอน  ความไม่ชอบของคุณชายทั้งสองซึ่งล้วนจุกจิกไร้สาระทั้งนั้น   คุณชายทั้งสอง  คุณท่านเอ็ดมันต์  ทำงานในพระราชวัง  ฟังจากพอลลีนเขาเป็นคนจุกจิกบ่นเก่ง  คุณท่านแองโกลคนน้องมักจะมีแขกมาหาบ่อยๆซึ่งไม่ใช่กงการอะไรของสาวใช้   พอลลีนมีหน้าที่ดูแลท่านเอ็ดมันต์หนึ่งในสาวใช้เจ็ดคน  อีกเจ็ดคนดูแลฝั่งคณท่านแองโกล  คนที่เหลืออีกสิบคนดูแลรอบคฤหาสน์  ตัดหญ้าดูแลสวน  พอลลีนพาไปรู้จักสาวใช้ทั้งหมดเวลาเที่ยงซึ่งยินดีต้อนรับขับสู้แอนดันเต้อย่างดี   ตอนบ่ายแอนดันเต้ตามพอลลีนไปทำงาน  พอลลีนเริ่มแน่ใจว่าแอนดันเต้คือคุณหนูตกยาก  แม้แต่ไม้กวาดยังจับผิดวิธี  แอนดันเต้ทำความสะอาดไปพลางจดจำทางปีกตึกฝั่งซ้ายที่วกวนในส่วนความรับผิดชอบของพอลลีน

 

"  ห้องนี้ทำเดือนละหน  "

 

"  ห้องนี้ทำปีละครั้ง  "

 

"  เดินเบาๆ  รักจะเป็นสาวใช้ที่ดีต้องเดินเบาๆ  เป็นสาวใช้บ้านใหนนายก็ต้อนรับ  "

 

"  ห้องนีคุณท่านเอ็ดมันต์สั่งห้ามยุ่งกับมัน  "

 

"  ผ้าซักนำ้บ่อยๆ  อย่าเช็ดจนแห้งแบบนี้  " ในห้องต่างๆที่ผ้าเช็ดผ่านของแต่ละชิ้น  ลิ้นชักที่ไม่ได้ล็อค   ห้องนอนคุณท่านเอ็ดมันต์   ห้องทำงานของคุณท่านเอ็ดมันต์  ไร้วี่แววตำราสภาพสองร้อยปี  พอลลีนมักจะอยู่ติดกับเธอตลอดทั้งวันคอยดูแลสอนงานและหาเพื่อนคุย  มีอยู่หนนึงที่พอลลีนล่วงหน้าขึ้นไปทำความสะอาดชั้นบน  แอนดันเต้พยายามเปิดประตูต้องห้ามบานหนึ่ง  มันปิดงับอย่างฝืดเคือง  ข้างในเก็บของเก่าๆอย่างเป็นระเบียบ  แอนดันเต้ทำทีเป็นถือผ้าเช็ดเร่งค้นหาหนังสือเก่าๆจนเริ่มแน่ใจว่าไม่มี..

 

"  แอนนูร่า  "    เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยง  พอลลีนชะโงกหน้าเข้ามา    

 

"  แหม  ขยัันจัังเลย  แต่ห้องนี้ไม่จำเป็นจริงๆจ้า  เดือนละหนก็พอ  "    ยังจะชมว่าเขาขยันอีกคืนนั้น  หลัังยี่สิบสามนาฬิกามั่นใจว่าทุกคนเข้านอนกันหมด   สาวใช้หน้าใหม่กับซาลาแมนเดอร์ยักษ์ย่องออกมาในความมืดและเงียบกริบ...   กุญแจวิเศษที่นักโจรกรรมทั่วโลกต้องอยากได้  เพราะมันไขล๊อคได้ทุกบานประตู  ลิ้นชัก  ตู้  ยกเว้นไขเข้าไปดูหัวใจโดม  ปกรณ์  ลัม  แล้ว  กุญแจวิเศษดอกนี้ไขได้หมด!!! จมูกซาลาเมนเดอร์ส่ายดมดักดูต้นทาง  ประตูห้องปิดตายเปิดผาง  ประตูลงกุญแจมานานเปิดออกประตูต้องห้ามคลายหลุดล็อคประตูชั้นล่างเปิดผลั่วะหนุ่มคนสวนนั่งบนชักโครกเงยหน้าขึ้นมา   แอนดันเต้รีบปิดปัง...    อีวองเอ๋ย   ทำไมไม่เตือนฟระว่าห้องนี้เป็นห้องส้วม   

 

เช้ามืด  เวลาที่พอลลีนนัดให้แอนดันเต้ตื่น  อย่างน้อยเมื่อคืนก็ตะลุยค้นจนทั่วปีกตึกฝั่งซ้ายแล้ว  อีวองกลับห้องไปนอนกบดาน แอนดันเต้เริ่มต้นถูพื้นแบบสโลสเล

 

"  ระเบียงตรงนี้พี่ทำคนเดียว  เธอลงไปทำชั้นต่อไป  ทำจนสุดแค่ประตูกระจกหลายสี พอแล้ววกกลับมา  ประตูนั้นทะลุออกไปห้องคุณท่านแองโกล  ไม่ใช่ความรับผิดชอบของเรา  " แอนดันเต้หิ้วถังนำ้กับไม้ม็อบลงมา  ได้ยินเสียงทะเลาะกันดังจากห้องโถงข้างล่าง  ชะโงกหน้าดู

 

"  เลิกทำซักที!! เดี๋ยวมีคนแปลกหน้าเข้าประตูหน้าออกประตูหลังวุ่นวาย  นอนใจว่าจะไม่มีคนรู้เข้าสักวันรึไง  แกไม่กลัวถูกประหารตอนแก่  แต่ชั้นกลัวติดร่างแหไปด้วย  ฉันทำงานในพระราชวังนะ  "  "  งั้นฉันจะไปทำที่อื่น  ตระเวนรักษาคนป่วยไปเรื่อยๆ  แกจะได้ไม่เดือดร้อน...  "

 

"  สมบัติมีมากรึไง  รักษาฟรีไม่เก็บทอง  แล้วเครื่องปรุงเอาจากใหนถ้าไม่ซื้อ  แถมอะไรแปลกๆ..  "  คุณท่านเอ็ดมันต์ทำหน้าขยะแขยง    "  สรรหาจากใหน  รึว่าแกเเอบติดต่อกับแม่มดภูตผีปิศาจ  "

 

"  เปล่า  ฉันออกไปซื้อมาเองจากคนเรานี่ล่ะ  แล้วคนที่หายจากโรคเขาก็ช่วยบริจาคด้วย  "

 

"  ทำอะไรให้มีขอบเขตบ้างเหอะ ครึ่งชีวิตงมงายอยู่กับศาสตร์บ้าๆ  "

 

"  แต่มันใช้รักษาคนได้นะ   พันกว่าคนที่รักษาหายรอดตายเพราะชั้น  ชั้นจดหมดล่ะ  "

 

"  ฉันนึกว่าแกเลิกไปแล้ว    ที่ใหนได้  แอบทำห้องใต้ดิน!!  "    คุณท่านแองโกลถอนใจ

 

"  ฉันก็ระวังอยู่  ใครมาต้องมีรหัสผ่านถึงจะรับเข้ามา  "

 

"  อย่างน้อยก็มีคนพันกว่าคนที่รู้ว่าบ้านนี้มีตาแก่บ๊องๆรักษาคนด้วยเวทมนตร์  จากพันกว่าก็ขยายเป็นสองพันกว่าต่อมาจะไม่รู้ไปถึงหูเจ้าหน้าที่ได้ยังงัย  " คุณท่านแองโกลรักษาคนด้วยเวทมนตร์!!   แอนดันเต้ตื่นเต้น  ....เป็นไปได้อย่างที่สุดที่ห้องคุณท่านแองโกลหรือว่าชั้นใต้ดินจะมีคัมภีร์อยู่  ว่าแต่เลอเซลรู้เรื่องคุณท่านแองโกลใหมนะ  ฉับพลันนั้นที่ทั้งสองยังคงทุ่มเถียงกัน  แอนดันเต้เเดินไปสู่ประตูกระจกหลากสี  เอากุญแจวิเศษที่คล้องคอมาไข  กุญแจไม่จำเป็นเลยเพราะห้องไม่ได้ล็อค  ในห้องทำงานที่รวมห้องนอนไว้ห้องเดียวกัน  มีหนังสือหลายชั้น  มากมายทั้งเก่าทั้งใหม่  สันหนังสือบอกอายุการอยู่ของมันดี  และไม่มีเล่มที่หน้าถึงสามนิ้วด้วย  มีเอกสารที่เปิดดูค้างไว้หลายปึกกองอยู่บนโต๊ะ   มีหลายอย่างเช่นห้องนอนและห้องทำงานพึงมีทั่วๆไป  แต่มีประตูบานเล็กๆใต้พรม  และพรมพลิกเปิดคาไว้  ประตูสู่ห้องใต้ดิน...   ประตูกระจกสารพัดสีเปิดออก  แอนดันเต้กระโดดแอบเข้าหลังม่าน  คุณท่านแองโกลเข้ามา  ใบหน้าชรากลัดกลุ้ม  นั่งระบายลมหายใจดังเฮือกที่โต๊ะเขียนหนังสือ  นานทีเดียวกว่าเขาจะลุกขึ้นจากอารมณ์หดหู่   ดึงประตูบนพื้นขึ้น  หย่อนร่างลงไปก่อนปิดประตูตาม   แอนดันเต้เดินหาคัมภีร์ทวนอีกครั้ง   คัมภีร์อายุขนาดนั้นไม่ฟุ้งสลายหายในอากาศดีแค่ใหน  แอนดันเต้รีบออกจากห้อง  วิ่งปรู๊ดลงมาก็พบสาวใช้กลุ่มใหญ่รวมตัวกันในห้องครัว  สนทนากันหน้าตาเครียดเคร่ง  เขาชะงักฝีเท่ารอฟังเผื่อได้ข้อมูลใหม่ๆ  "  พวกเรากระจายกันหาแล้วจริงๆแต่ไม่พบ  "

 

"  เพระเธอคนเดียวเชียว  พอลลีน  รับหล่อนเข้ามาตามอำเภอใจ   พาญาติตนมายังต้องระวัง นี่หล่อนคุยด้วยแค่ไม่กี่คำก็ยอมปล่อยเข้ามา  เราจะทำไงดีทีนี้  "

 

"  ได้ข้อมูลไปหายจ้อย  อีกเดี๋ยวเถอะ  พวกหน่วยเซียนจะยกขโยงกันมา  อย่าว่าแต่คุณท่านแองโกลเลย  เธอเธอแล้วก็เธอ  ทั้งคฤหาสน์วอดวายตายกันหมดแน่ๆ  "    สาวใช้บางคนร้องไห้ออกมา"  ฉันก็ว่าน่าสงสัยแต่แรก  ไม่ได้ทองแต่ยอมอยู่ทำงานหนักแบบนี้มีที่ใหน  หล่อนต้องเข้ามาสืบข่าวแน่ๆ  "

 

"  ฉันเห็นเธออายุยังน้อย  ทองก็ไม่มี  ไร้ที่พึ่ง  เป็นเธอเธอจะสงสารใหม  "    พอลลีนพูดปนครำ่ครวญ  แต่โดนเพื่อนแหว

 

"  ไม่ย่ะ  เพราะเธอมันหวังได้คนช่วยงานล่ะซี  แต่ฉันจะปกป้องคุณท่านแองโกลไว้ก่อนแล้วก็คอของเพื่อนๆด้วย  "  แอนดันเต้ก้าวเข้าไป  ทำสีหน้าอาโนเนะสุดๆ  ทั้งที่ยังหวั่นเพราะตัวเองเป็นสาเหตุทำให้ผู้หญิงหลายคยต้องเสียนำ้ตา

 

"  เกิดเรื่องอะไรรึเปล่าคะ  "    ทุกคนหันมาแบบตกใจ

 

"  พี่พอลลีนร้องไห้ทำไมคะ  มีเรื่องที่หนูช่วยได้ใหม  "

 

"  หายไปใหนมา  "    คุณป้าแม่ครัวถาม

 

"  อ๋อ  เเหะ  เเหะ คือหนูทำงานเสร็จแล้วเหลือภาคบ่าย  อีกอย่างคุณท่านทะเลาะกันหนูยืนฟังก็น่าเกลียด  แล้วถ้าเกิดคุณท่านบังเอิญเห็นหนูเข้าต้องเดือดร้อนแน่ๆ  หนูก็เลยไปเดินเล่น  "

 

"  เดินเล่น!!  "    หลายคนอุทาน

 

"  แต่พวกเราหาหล่อนกันทั้งคฤหาสน์เลยนะ  "

 

"  คงจะสวนกันสิคะ  หนูเห็นพวกพี่เดินผ่านแต่ไม่มองมาทางหนูท่าทางรีบร้อนที่แท้ก็มาตามหหาหนูเอง  "ส่วนมากมีสีหน้าโล่งอกทันที  พอลลีนกำชับ"  เราอย่าทำตัวลับๆล่อๆมากนัก  เดี๋ยวเขาจะเข้าใจผิดว่าเรามาขโมยของรึมาสืบ... 

 

 "   สาวใช้ใกล้ๆทำเสียงเตือนพอลลีน   แม่ครัวรุ่นใหญ่ตัดบท"  เอาเถอะ  พักอีกสักนิดนึงค่อยทำงานต่อก็ได้  ใครทำอะไรค้างไว้ก็แยกย้ายกันไป  "     สาวใช้สลายวงสนทนา

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา