ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)

9.4

เขียนโดย PingJa

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.

  152 ตอน
  11 วิจารณ์
  108.04K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

100)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

==============================================

 

 

 

     ...ดาราที่ได้ยินคำพูดอย่างเหนื่อยหน่ายใจของไกรหันกลับไปมองพวกจ่าโขลนและนางรับใช้ที่พากันไปดูชายหนุ่มที่นอนจมกองเลือดอยู่อีกครั้ง ก่อนจะขมวดคิ้วและหรี่ตาลง เพียงชั่วครู่เดียวเธอก็ลืมตาโพลงอีกครั้ง เพราะก่อนจะพาตัวเข้ามาเสี่ยงตายเช่นนี้เธอก็ศึกษาเกี่ยวกับตัวของไกรและหน่วยคเณศร์เสียงามาพอสมควร และเธอก็จำหน้าของจ่าโขลนสาวชั้นสูงทั้ง ๓ นางได้อย่างแน่นอนอยู่แล้ว

 

     ...สตรีผมสีทรายในชุดคุณท้าวชั้นสูงคนแรก...คุณท้าวอนาสตาเซีย สตรีชาวตะวันตกเพียงคนเดียวเท่านั้นในประวัติศาสตร์ที่ได้ขึ้นเป็นคุณท้าวจ่าโขลนพิเศษที่มีอำนาจเป็นรองเพียงคุณท้าวศรีสัจจาแห่งกองจ่าโขลนเท่านั้น...หญิงสาวคนแรกแห่งหน่วยคเณศร์เสียงา ผู้ที่มีความชอบอย่างมากในคืนที่หน่วยคเณศร์เสียงาปราบพวกเจ้าจอมเพ็งและเจ้าจอมแมนได้...

 

     ...สตรีที่มีลักษณะเป็นเชื้อสายมอญในชุดคุณท้าวชั้นสูงคนที่ ๒ ...คุณท้าวอเทตยา ...ภายใต้คราบของเด็กสาวผู้ใสซื่อไร้เดียงสา ยัยหน้าแป้นแล้นคนนี้เป็นมือฉมังธนูชั้นสูงและเคยเป็นมือสังหารรับจ้างภายใต้การว่าจ้างของเจ้าจอมเพ็ง แต่เหตุการณ์และการตัดสินใจที่ผิดพลาดของพวกเจ้าจอมเพ็งเอง ทำให้เวลานี้ยัยนี่กลายเป็นมือเท้าสำคัญของไกรและหน่วยคเณศร์เสียงาไปเรียบร้อยแล้ว...

 

     ...คุณท้าวระดับสูงคนที่ ๓ ...ผู้ที่เวลานี้ยังคงพยายามทำหน้าที่ฆาตกรโรคจิตอยู่คือสตรีผู้อยู่ในหน่วยคเณศร์เสียงาอีกคน...คุณท้าวศกุนตลา...เธอเป็นผู้ที่เข้าหน่วยคเณศร์เสียงาของไกรหลังเหตุการณ์ราตรีเลือด ทำให้กลุ่มบรรลัยกัลป์และเธอไม่รู้ถึงปูมหลังและความสามารถของเธอมากนัก แต่ด้วยรูปร่างหน้าตาที่งดงามที่สุด (ถึงแม้ว่าครึ่งนึงจะถูกบดบังด้วยหน้ากากรูปยักษ์แสยะยิ้มก็ตาม) และหน้าที่ของเธอที่ถูกมอบหมายให้ถวายการอารักขาแก่สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้าพินทวดี ทำให้เธอเดาได้เลยว่าสตรีผู้นี้ก็คงจะไม่พ้นหนึ่งในมือสังหารระดับสูงของหมู่บ้านยุคันตวาตแน่ๆ...

 

      " ท...ท่านไกร? "  เสียงของดาราที่ครางออกมาอีกครั้งทำให้ไกรที่ถือคติพยายามไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องเสี่ยงตายนี้ถอนหายใจเฮือกพลางโคลงหัวดิกๆ

 

      ' แย่แฮะ ก็อยากรู้อยู่นะว่าถ้าปล่อยไปจนสุดแล้วผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นแบบไหน แต่จะปล่อยให้ยัยดาราคนนี้เห็นเรื่องที่น่าขายหน้ามากกว่านี้ก็ไม่ได้...ไม่มีทางเลือกสินะ '  ไกรคิดในใจพลางโคลงหัวเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเข้าไปและห้ามกลียุคเล็กๆนั่นทันที

 

      " เอาล่ะ พอทีๆ เลิกกัน! คิดว่าข้าเรียกพวกเจ้ามาทะเลาะกันรึอย่างไร?! "  ไกรเดินเข้ามากลางวงพร้อมกับพูดเรียบๆด้วยน้ำเสียงอันทรงอำนาจจนทั้งหมดต้องชะงักไปเล็กน้อย เพราะชายหนุ่มตรงหน้าเริ่มมีกระแสเสียงบางอย่างที่คล้ายกับท่านผู้เฒ่าของพวกเขาจนเขาต้องหยุดมือลงอย่างลืมตัว ถึงแม้ว่าศกุนตลาจะยังคงกระฟัดกระเฟียดแบบหมดมาดสาวคูลแบบไม่เหลือเค้าเดิมเลยก็ตามที

 

      " ไกร... " 

 

        ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกอย่างไม่สนใจจะฟังคำแก้ต่างอะไร ก่อนที่เขาจะเดินไปหาสิงห์ที่ยังนอนจมกองเลือดอยู่โดยมีเหล่าเสือสมิงสาวรวมถึงมายาที่ฟื้นตัวขึ้นมาแล้วประคบประหงมอยู่ ก่อนจะก้มลงนั่งยองๆเพื่อดูอาการของอีกฝ่าย พอเขาเห็นว่าสิงห์ยังคงพอจะมีสติอยู่ ถึงแม้จะมีหัวที่ปูดโปนและรอยแผลแตกเต็มหัวจากการถูกฟาดด้วยด้ามปืนไม่ย้งก็ตามที ไกรจึงก้มลงพร้อมกับพูดเบาๆอย่างมีชัยว่า

 

      " ยัยผู้หญิงที่ชื่อดารามาแล้ว...ก่อนเวลานัด ๒ ทุ่มฉิวเฉียดเลย แปลว่างานนี้ตูชนะพนันนะ "

 

      " ถ...ถามจริง...เอ็งจะพูดเรื่องนี้จริงๆเหรอฟะเนี่ย?! "  สิงห์ครางออกมาเบาๆอย่างคนที่เริ่มเพ้อเพราะเสียเลือดมาก แต่ชีวาและราตรีที่นั่งอยู่ด้านหลังทำมือทำไม้ส่งสัญญาณให้ไกรรู้ว่าแผลแค่นี้ทำอะไรสิงห์ไม่ได้หรอก ทำให้เขาไม่ค่อยรู้สึกสงสารอะไรมากมายนัก...ในขณะที่เขาและสิงห์พูดคุยอะไรกันเบาๆอีก ๒-๓ คำ ก่อนที่สิงห์จะเช็ดคราบเลือดที่เปรอะเต็มใบหน้าของเขสและหันไปพยักหน้ากับพวกเสือสมิงสาวใต้อาณัติเป็นเชิงให้ตามที่นัดแนะไว้ทันที

 

      " แน่ใจนะไกร...ว่านางคือดาราแน่? "  สิงห์ที่ยังคงนอนหมดแบ่บหมดสภาพอยู่ อดเอ่ยถามไกรเบาๆเพื่อสอบทานความแน่ใจไม่ได้ ซึ่งไกรก็ได้แต่ยักไหล่เบาๆ

 

      " ไม่รู้ "

 

      " อ...ไอ้! "

 

      " ถ้าหากตามที่แกบอกว่ายัยนั่นสามารถปลอมแปลงใบหน้าและกลิ่นอายได้จริง เธอก็สามารถใช้ความสามารถนั้นในการปลอมตัวใครก็ได้เพื่อเป็นตัวเธอ "

 

      " ถ้าอย่างนั้นพนันของเราถือเป็นโมฆะ "

 

      " โมฆะเหงกแหนะ! แพ้ก็คือแพ้สิฟะ! อย่ามาหัวหมอกะตูเชียว "

 

      " ไกร...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? "  ในที่สุด อนาสตาเซียก็ตัดสินใจว่าเธออดทนมามากพอแล้ว เธอจึงเอ่ยปากถามชายหนุ่มเบาๆ  ในขณะที่ไกรลุกขึ้นพร้อมกับเหลือบมองซ้ายขวาเพื่อมองมายา ชีวา และราตรีที่เดินกระจายตัวออกไปคุมเชิงอย่างช้าๆ ก่อนที่เขาจะเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าหญิงสาวปริศนาที่ยังยืนนิ่งอยู่พร้อมกับสูดลมหายใจลึกอย่างเตรียมตัวเตรียมใจทันที

 

      " ท่านอนาสตาเซีย... "  ศกุนตลาที่กำลังสูดลมหายใจเข้าออกอย่างแช่มช้าพร้อมกับจัดแต่งผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงเพื่อกลับไปเป็นหญิงสาวมาดนิ่งคนเดิมอีกครั้งเหลือบไปมองหญิงสาวผู้เป็นสหายของเธออย่างช้าๆ...สถานการณ์ที่เริ่มตึงเครียดขึ้นอย่างสังเกตเห็นได้ชัดทำให้พวกเธอขยับตัวเพื่อรับสถานการณ์ทันที

 

      " ท่านไกร...คราวนี้ท่านมีลับลมคมในแปลกๆแล้วนะเจ้าคะ "  อเทตยาพูดเรียบๆพร้อมกับเหลือบไปมองหญิงสาวที่อยู่ด้านหลังของท่านไกรของเธอแวบนึง มือเรียวงามของเธอค่อยๆเลื่อนไปด้านหลังเพื่อจับธนูวัชระอันเป็นศาสตราประจำกายของเธอย่างช้าๆ

 

      " นาสตี้ อเทตยา ศกุนตลา...ที่ข้าเรียกเจ้ามา ข้ามีเรื่องจะขอร้องพวกเจ้าในฐานะของหัวหน้าหน่วยคเณศร์เสียงาและในฐานะเพื่อน...ข้าอยากให้พวกเจ้าพบกับคนๆนึงหน่อย...คนที่อาจจะทำให้สถานการณ์ที่เป็นอยู่นี่ เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง...ไม่ว่าจะเป็นทางดีหรือทางร้ายก็ตาม "

 

      " คิกๆ พูดซะน่ากลัวเชียวนะเจ้าคะ ...ข้าออกจะมาด้วยจิตกุศลและจริงใจแท้ๆ "  ดาราที่ได้ยินเต็มสองหูถึงกับเอ่ยแซวออกมาเบาๆ จนไกรต้องเหลือบไปมองพร้อมกับครางออกมาเรียบๆว่า

 

      " แหม พูดซะข้าไว้ใจเจ้าเต็มประดาอย่างนั้นแหละ "

 

      " ท่านไกร... "  อเทตยาร้องออกมาเรียบๆอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เริ่มไม่เป็นมิตรมากขึ้นจนไกรต้องลอบถอนหายใจเฮือก ก่อนจะเขาจะสูดหายใจลึก และตัดสินใจประกาศออกมาเสียงดังฟังชัดทันที

 

      " ทุกคน...ข้าขอแนะนำให้เจ้ารู้จัก...หญิงสาวผู้นี้คือดารา...เธอเป็นคนของบรรลัยกัลป์ "

 

        พรึ่บ!

 

        พริบตาที่ไกรแนะนำตัวของหญิงสาวด้านหลังเสร็จ ทุกคนไม่แม้แต่สนใจจะถามเขาเลยด้วยซ้ำว่าที่เขาพูดเป็นเรื่องล้อเล่นรึเปล่า เพราะทันทีที่สิ้นเสียงชายหนุ่ม ศกุนตลาเป็นคนแรกที่ขยับตัว...เธอสะบัดมือทั้งสองข้างวูบพร้อมกับเรียกปืนสับนกสองกระบอกที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อยาวมาไว้ในมือและเล็งไปที่ดาราพร้อมกับที่นิเวชี้ทั้งสองข้างจะเข้าไปอยู่ในโกร่งไกเพื่อเตรียมลั่นไกปลิดชีพทันที แต่เธอก็ต้องชะงักไปเล็กน้อยเพราะไกรขยับเพื่อขวางวิถีปืนจนเธอหามุมยิงไม่ได้เลย...ในขณะที่อนาสตาเซียเองก็ไวไม่แพ้กัน เพราะเวลานี้เธอย่อตัวลดจุดศูนย์ถ่วงลงพร้อมกับใช้มือข้างที่ถนัดจับด้ามดาบนาคราชที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวไว้มั่น เพื่ออยู่ในท่าตั้งรับและเตรียมชักดาบแบบ อิไอ เพื่อตอบโต้ทันทีที่ดาราขยับตัวอย่างปุบปับ

 

        อเทตยาดูเป็นคนเดียวที่จะช้ากว่าทุกคนไปชั่วเสี้ยววินาที ถึงแม้ว่าเธอจะกางธนูวัชระขึ้นมาด้วยความเร็วพอๆกัน แต่เธอกลับชะงักไปเมื่อเห็นว่าปืนในมือของศกุนตลาเล็งไปอย่างหวาดเสียวที่ไกร (พูดให้ถูกคือศกุนตลาเล็งไปที่หญิงสาวนามว่าดาราแต่ไกรดันมาขวางวิถีกระสุนไว้) ...ทำให้จากที่เธอคิดจะเล็งไปที่ดาราเช่นกัน เธอกลับกระโดดถอยหลังและหันลูกธนูที่ถูกน้าวสาวไว้ตึงเปรี๊ยะมาที่ศกุนตลาแทน เพื่อปกป้องไกรและเตือนไม่ให้อีกฝ่ายคิดทำอะไรโง่ๆง่ายๆ อย่างยิงทิ้งทั้งไกรทั้งดารา...ในขณะที่เสือสมิงสาวทั้ง ๓ ตนที่ได้รับคำสั่งมาแล้วเวลานี้กำลังยืนคุมเชิงโดยรอบอยู่ เพื่อกันไม่ให้ดาราคิดหลบหนีไป ทั้งตำแหน่งการยืนและจิตคุกคามที่ทุกคนต่างแข่งกันแผ่ออกมาเพื่อข่มอีกฝ่ายนั่นทำให้สภาพของพวกเขาทั้งหมดในเวลานี้อยู่ในสภาพติดแหง่ก ไม่มีใครกล้าขยับตัวก่อนอย่างน่าตลกสิ้นดี!

 

      ' อื้อหือ ท่าโคตรสวยจนน่าถ่ายรูปเก็บไว้จริงๆ...ถ้าเปลี่ยนชุดแต่งกายกับอาวุธใหม่ซักนิด นี่มันอย่างกับฉากในหนังเจ้าพ่อฮ่องกงยุคเก่าแบบเป๊ะๆเลยนะเนี่ย '  ถึงจะรู้ว่าไม่ใช่เวลา แต่ไกรก็ยังอดคิดในใจไมได้ โดยที่เขาเวลานี้เองก็อยู่ในสภาพที่กางแขนข้างนึงออกเพื่อบังวิถีปืนกับตัวของดาราไว้ โดยไม่คิดจะเอื้อมมือไปจับดาบสดายุที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวเพื่อป้องกันตัวเลยแม้แต่น้อย...เพราะเขาฉลาดพอจะรู้ดีว่าถ้าขืนทำแบบนั้นมีหวังได้ไปเร่งระเบิดเวลาให้ระเบิดเร็วขึ้นไปอีกแน่ๆ

 

      " ไกร! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! "  ศกุนตลาตวาดถามชายหนุ่มผู้ขัดขวางการลงมือของเธอกร้าวๆ พร้อมกับเหลือบมองไปที่ลูกธนูอันแหลมคมในมือของอเทตยาที่เล็งอย่างหวาดเสียวมาที่เธอเล็กน้อย...ถึงจะน่าหงุดหงิดแต่ก็ต้องยอมรับว่าอเทตยาตัดสินใจถูกจริงๆ เพราะถ้าหากเธอไม่ถูกเล็งอยู่เช่นนี้เธอก็คงจะเล่นง่ายด้วยการยิงไกรเพื่อเปิดวิถีปืนและยิงหญิงสาวนามว่าดารานั่นต่อไปแล้วแน่ๆ

 

      " ไกร... "  อนาสตาเซียที่ยังคงอยู่ในท่าเตรียมใช้วิชาดาบอิไอร้องเรียกชื่อชายหนุ่มขึ้นด้วยน้ำเสียงกร้าวๆอย่างที่ไกรแทบไม่เคยได้ยินมาก่อน นั่นทำให้ไกรถึงกับหลับตาลงและถอนหายใจเฮือก ก่อนที่เขาจะพูดเพื่อแก้ต่างให้กับตัวเองทันที

 

      " ก่อนอื่น ข้าขอบอกเลยว่าข้าไม่ และไม่ได้คิดจะแปรพักตร์หรืออะไรทั้งสิ้น ข้ายังคงอยู่ข้างเดียวกับอโยธยาและหมู่บ้านยุคันตวาตของพวกเธอ---ของเรา " 

 

      " ถ้าอย่างนั้นที่เจ้าปกป้องนังนั่นมันแปลว่าอะไร! "  อนาสตาเซียถามเสียงเข้มพลางปลดปล่อยจิตคุกคามออกมาเพื่อกดดันไกรอย่างช้าๆ ซึ่งคราวนี้ไม่ได้มีแค่จิตคกุคามของเธอเพียงคนเดียว เพราะมีจิตที่อยู่ในระดับจิตสังหารของอเทตยาร่วมเข้ามาด้วย...ราวกับเป็นสัญญาณว่าเธอเองก็ต้องการคำตอบ ว่าทำไมไกรถึงได้ออกตัวปกป้องหญิงสาวผู้นี้เช่นกัน...

 

     ...และไกรรู้ดีว่า หากคำตอบของเขาไม่ดีพอ หรือไม่เข้าหูเมื่อไหร่...งานนี้ไม่จบแค่นองเลือดแน่นอน...

 

      " นางมาหาข้า โดยแสดงเจตนาอย่างชัดเจนว่านางมาดี และต้องการเพียงแค่มาเจรจาเพื่อสงบศึกกับหมู่บ้านเราเท่านั้น "  ไกรคิดว่าเวลานี้เปล่าประโยชน์ที่จะเล่นลิ้น เขาจึงบอกเหตุผลของดาราไปแบบเนื้อๆเลย ซึ่งทำให้อนาสตาเซียและศกุนตลาขมวดคิ้ววูบทันที

 

      " แล้วทำไมนางต้องไปหาเจ้าก่อน แทนที่จะมาหาเราหรือท่านผู้เฒ่าโดยตรงซะเลยล่ะ? "

 

      " ก็เพราะหากทำแบบนั้น มีหวังพวกเจ้าก็ได้หั่นยัยนี่เป็นชิ้นๆทันทีที่เธอเอ่ยปากว่าเธอมาจาก กลุ่มบรรลัยกัลป์แล้วน่ะสิ "  ไกรพูดเหตุผลชนิดที่ลอกเหตุผลของดาราที่เคยบอกกับเขาแทบจะคำต่อคำ ทำให้ดาราที่ยังคงหลบอยู่ด้านหลังถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเบาๆทันที

 

      " คิกๆ "

 

      " รู้อยู่ว่าคิดอะไร แต่เงียบไปเลย "

 

      " คิกๆ เจ้าค่า "

 

        กริยาที่ราวกับว่าทั้งคู่สนิทสนมกันมานานระหว่างไกรและหญิงสาวนามว่าดาราทำให้อเทตยาที่เหลือบมองอยู่ถึงกับแทบจะควบคุมความคิดของตัวเองไม่อยู่ จนกระทั่งเธอต้องลดคนธนูที่ชี้เล็งขู่ไปที่ศกุนตลาลงเพื่อสูดหายใจลึกอย่างพยายามสงบสติอารมณ์...เปิดโอกาสให้ศกุนตลาปลดปล่อยจิตคุกคามใส่ทั้งไกรและดาราที่หลบอยู่ได้อย่างเต็มที่พร้อมกับกัดฟันถามเรียบๆทันที

 

      " ข้ายังสงสัยข้อนึง...ไกร...ข้าว่าเจ้าฉลาดพอจะรู้ว่านี่อาจจะเป็นแผนของนังนั่น...แต่เจ้ายังจะเต็มใจเชื่อสิ่งที่นังนั่นพูดสัญญาอย่างไร้แก่นสารอีกหรือ? "

 

      " เห็นไหม? ถามอย่างที่ข้าถามเมื่อคราวนั้นแทบจะคำต่อคำเลย "  สิงห์ที่เวลานี้ตะเกียกตะกายออกมาจากกองเลือดของตัวเองได้ร้องบอกขึ้นราวกับอยากมีส่วนร่วมสนทนาด้วย แต่ทั้ง ๓ สาวโดยเฉพาะศกุนตลาพากันเมินคำพูดของเขาไปทั้งหมดทั้งสิ้นราวกับสิงห์เป็นธาตุอากาศไม่ผิดจนชายหนุ่มต้องลงไปนั่งคอตกราวกับหมาหงอยทันที

 

      " เข้าใจผิดแล้ว ศกุนตลา...ข้าไม่ได้เชื่อใจนาง...แต่ว่า... "  ไกรเหลือบกลับมามองดาราพร้อมกับถามเรียบๆว่า

 

      " ดารา...ถ้าหากมันไม่เป็นความลับจนเกินไป บอกข้า...บอกพวกนี้หน่อยได้ไหม? ว่าจำนวนของมือสังหาร หรือสายของกลุ่มบรรลัยกัลป์ของเจ้าในปัจจุบันที่กระจายอยู่ทั้งราชอาณาจักรอโยธยานี้มีมากน้อยเท่าไหร่ "

 

      " ร...เรื่องอะไรข้าจะต้องบอกเจ้าล่ะ! "  ดาราที่ได้ยินคำถามแบบกะทันหันของไกรถึงกับต้องร้องออกมาเบาๆอย่างุนงง แต่ไกรที่เวลานี้ถือไพ่เหนือกว่าลอบยิ้มออกมาบางๆทันที

 

      " ถ้าอย่างนั้นศกุนตลา เตรียมตัวยิงนะ "  เขาแกล้งพูดพร้อมกับทำท่าจะขยับตัวเลิกเป็นโล่ให้กับหญิงสาว ทำให้เธอรีบจิกแขนของเขาแน่นไว้ทันที

 

      " ข้าบอกจำนวนที่แน่นอนไม่ได้ แต่ว่ากลุ่มบรรลัยกัลป์ของเราส่งสายที่ไว้ใจได้ ฝังรากและกระจายตัวไว้ตามหัวเมืองชั้นเอกและหัวเมืองชั้นโทไว้หมดแล้ว... "

 

      " นั่นแปลว่าอะไรรู้ไหม? "  ไกรหันกลับมาถามศกุนตลาช้าๆ ทำให้ศกุนตลาขมวดคิ้ววูบ แต่อนาสตาเซียที่วิเคราะห์ได้เร็วกว่าถึงกับลืมตาโพลงทันที

 

      " แปลว่าถ้าหากพวกมันตั้งใจจะก่อความวุ่นวาย พวกมันก็สามารถสร้างความระส่ำระสายไปทั่วทั้งราชอาณาจักรได้ในทันที?! "

 

      " ถ้าหากเป้าหมายของกลุ่มบรรลัยกัลป์ตามที่พวกเจ้าจอมเพ็งว่าไว้ว่าจะสร้างกลียุคเป็นจริง...อย่างนั้นทำไมยัยนี่ถึงต้องยอมเสี่ยงตายมาเพื่อขอเจรจาด้วยล่ะ ...น่าสนใจใช่ไหม? "  ไกรพูดออกมาเบาๆพร้อมกับเหลือบมองดาราที่หน้าซีดลงเล็กน้อยอีกครั้ง ในขณะที่ดาราถึงกับหน้าเสียไปทันที เพราะเธอไม่นึกว่าไกรจะฉลาดถึงขนาดวิเคราะห์สถานการณ์ได้ถึงขนาดนี้ในเวลาสั้นๆ แถมยังบังคับหาข้อมูลจากเธอได้ในสถานการณ์เช่นนี้อีกต่างหาก

 

      " ข้ามาเพื่อเจรจากับท่านผู้เฒ่าของเจ้า ไกร...ข้าไม่ได้ถูกเจ้าควบคุมตัว เพราะฉะนั้นถ้าหากเจ้าเอาเปรียบข้ามากไปกว่านี้ ข้าจะ--- "  ดาราพยายามพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดเพื่อไม่ให้ตัวเองตกเป็นเบี้ยล่างทันที

 

      " เปล่าๆ ข้าไม่ได้คิดจะเอาเปรียบเจ้า เพียงแค่พยายามยกตัวอย่างให้ยัยพวกนี้ฟังเท่านั้น...มองโลกในแง่ร้ายจังน้า เจ้านี่ "  ชายหนุ่มหันมายิ้มเล็กน้อยพร้อมกับแก้ตัวเบาๆ แต่ดารารู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้หวังแค่จะแก้ต่างให้เธอแน่ๆ

 

      ' ไอ้หมอนี่...ทีแรกเห็นหน้าโง่ๆ นึกว่าจะเล่ห์เหลี่ยมน้อยกว่านี้เสียอีก ที่ไหนได้ เลยพลาดเสียความลับไปตั้ง ๑ อย่าง...ถึงจะไม่ใช่ความลับสำคัญอะไรแต่ไอ้ความรู้สึกเจ็บใจนี่มันน่าโมโหสิ้นดีเลย! '

 

     ...คำแก้ต่างที่น่าคิดของไกรทำให้ทั้ง ๓ สาวหันไปมองหน้ากันอย่างครุ่นคิดถึงเหตุผลมากขึ้น จนกระทั่งศกุนตลายอมลดปืนสับนกในมือทั้งคู่ลง พร้อมกับโน้มตัวไปกระซิบกระซาบกับอนาสตาเซียเบาๆว่า

 

      " ท่านอนาสตาเซีย... "

 

      " อืม ข้ารู้...เหตุผลฟังขึ้น ทั้งข้าก็เชื่อว่าไกรเองก็คงจะไม่โง่ถึงขนาดถูกหลอกใช้ง่ายๆแน่...แต่ว่า...ยัยดารานั่นกำลังทำให้ข้าแปลกใจ "

 

      " แปลกใจอย่างนั้นหรือ? "

 

      " ใช่...นางทำให้ข้าแปลกใจ เพราะถึงจะบอกว่าเราสามารถเอาชนะกลุ่มบรรลัยกัลป์มาได้ครั้งนึงในคราวเจ้าจอมเพ็ง-เจ้าจอมแมน แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเรายังเสียเปรียบอยู่ดี...ทั้งปริมาณกำลังพลและความจริงที่ว่าเราอยู่ในที่แจ้งและพวกมันยังอยู่ในที่มืด...มันทำให้ข้าแปลกใจจริงๆที่ยัยนี่ยอมทิ้งข้อได้เปรียบนั้นเพื่อมาชนกับเราตรงๆเช่นนี้...ข้าเดาใจอะไรนางไม่ได้เลย...แล้ว...เจ้าว่าอย่างไรบ้างล่ะ? อเทตยา? "  คราวนี้อนาสตาเซียหันไปถามความเห็นของอเทตยาบ้าง แต่อเทตยาที่นิ่งไปกลับค่อยๆส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า

 

      " ข้าไม่มีความเห็น...นอกจากรู้สึกผิดหวังเล็กๆที่ท่านไกรเหมือนกับพยายามจะตีสนิทกับยัยนั่นที่เป็นกลุ่มบรรลัยกัลป์จนเกินงามเท่านั้น "

 

        อนาสตาเซียและศกุนตลาเลือกที่จะเงียบไป เพราะพวกเธอเข้าใจดีว่าอเทตยายังคงเจ็บแค้นกับกลุ่มบรรลัยกัลป์ที่เกือบจะสังหารเธอไปแล้วในอดีต ...โดยที่ไม่มีใครทันสังเกตเห็นมือที่สั่นเทาอย่างควบคุมแทบไม่อยู่ของหญิงสาวระหว่างที่เธอกำลังพับธนูเก็บเข้าที่เลยแม้แต่น้อย...

 

      " เอาล่ะ ข้าเข้าใจเหตุผลของเจ้าแล้ว ไกร...แต่ไหนแต่ไรการเจรจาก็เป็นการแก้ไขปัญหาและหาทางออกของเหล่าอารยชนอยู่แล้วนี่...แต่ว่า...ดารา...ข้าคงไม่ต้องบอกสินะว่าข้ายังไม่ไว้ใจเจ้าเลยแม้แต่น้อย... "  อนาสตาเซียหันกลับมาพูดกับดาราที่ยังคงซ่อนอยู่ด้านหลังไกรเรียบๆ พร้อมกับลดจิตคุกคามลงจนกระทั่งเข้าสู่ระดับปรกติ  ในขณะที่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยอมเล่นด้วยแล้ว ดาราก็ยิ้มพรายออกมาอย่างสมใจทันที

 

      " เข้าใจแล้วล่ะ "

 

      " ข้าอนุญาตให้เจ้าพบกับท่านผู้เฒ่าแห่งหมู่บ้านยุคันตวาต ผู้เป็นหัวหน้าสูงสุดของเราได้ก็จริง...แต่ว่า...อย่าพยายามตุกติกหรือทำอะไรโง่ๆเป็นเด็ดขาด...เพราะถ้าหากมีสักวินาที ที่ข้าแคลงใจว่าเจ้ามาด้วยจิตไม่บริสุทธิ์ล่ะก็...คงไม่ต้องให้บอกหรอกนะ "  คราวนี้เป็นฝ่ายของศกุนตลาที่พูดขึ้นบ้าง...และจิตสังหารที่แฝงมาพร้อมกับคำพูดของเธอก็ทำให้ดาราต้องรีบประเมินระดับพลังของหน่วยคเณศร์เสียงาคนใหม่ผู้นี้อย่างคร้ามครันทันที

 

     ...เพราะขนาดไม่ได้ถือศาสตราใดๆแล้ว แต่ศกุนตลาผู้นี้กลับสร้างแรงกดดันและจิตสังหารอันแหลมคมจนเสียดแทงตามผิวหนังของเธอ จนเธอถึงกับต้องตัวสั่นน้อยๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ทันที

 

      ' ไม่ได้เลย...ถ้าหากสู้กันด้วยกำลัง ลำพังเราหรือใครก็ตามคงจะไม่มีใครหน้าไหนที่จะล้มหน่วยคเณศร์เสียงาชุดนี้ลงได้เลย...ที่เราทำได้คือใช้ปัญญาในการต่อกรและเอาตัวรอดเท่านั้น '  ก่อนที่เธอจะหลับตาลงพร้อมกับลอบยิ้มและคิดในใจต่อทันที

 

      ' คิดแล้วไม่มีผิดจริงๆ...ถ้าหากเราได้ไกรและหน่วยคเณศร์เสียงา รวมถึงหมู่บ้านยุคันตวาตมาเป็นพรรพวกล่ะก็...เราจะเป็นดั่งพยัคฆ์ติดปีกทันทีเลย! '

 

      " เอ้า...ถ้าหากตกลงกันได้แล้ว ก่อนอื่นเลย... "  สิงห์ที่นั่งประคบหัวที่ปูดโปนของตนรอท่าอยู่ตัดสินใจพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าทุกคนเริ่มเอนเอียงไปในทิศทางเดียวกับที่ไกรนัดแนะเอาไว้แล้ว ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้กับเสือสมิงสาวใต้อาณัติของเขาทั้ง ๓ ตนเพื่อให้เข้าไปตรวจค้นหญิงสาวผู้ยังคงมากไปด้วยปริศนาตรงหน้าเพื่อตรวจหาศาสตราวุธที่อาจจะพกซ่อนอยู่ ซึ่งดาราเองก็กางแขนและยอมให้ค้นหาแต่โดยดี ในขณะที่เมื่อไกรแน่ใจแล้วว่าคนอื่นๆไม่พยายามที่จะสังหารดาราแล้ว เขาจึงเลิกทำตัวเป็นโล่มนุษย์ และเดินเข้ามาสมทบกับพวกอนาสตาเซียโดยทันที

 

      " นาสตี้... "

 

      " เจ้าหยุดพูดแค่นั้นเลย ไกร... "  อนาสตาเซียหันมาหาเขาพร้อมกับพูดเรียบๆ...เพราะถึงเธอจะเห็นด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ว่านี่อาจจะเป็นทางที่ดีที่สุดที่อโยธยาจะไม่ต้องรับศึก ๒ ด้าน แต่เธอก็ยังโกรธเรื่องที่ไกรทำอะไรโดยพลการโดยไม่ยอมบอกหรือปรึกษาเธอและคนอื่นๆก่อนอยู่ดี

 

      " ข้าขอโทษ...แต่นางมาหาข้าหลังจากข้าผละจากสมเด็จเจ้าฟ้าพินทวดีและศกุนตลาและก่อนที่ข้าจะไปหา...หมายถึงเข้าไปในเขตราชฐานชั้นในไม่นานนัก และด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง ข้าและสิงห์จึงจำเป็นต้องเก็บความลับไว้จนกระทั่งบัดนี้ "  ไกรสารภาพพร้อมก้มหัวลงอย่างรู้สึกผิด ในขณะที่สิงห์ที่โดนไกรลากเข้าไปเป็นหนึ่งในคนผิดด้วยถึงกับต้องรีบโวยออกมาโดยทันที

 

      " ฮ...เฮ้ย! อย่าเอาตูเข้าไปเกี่ยวด้วยสิฟะ!! แค่นี้ความผิดตูก็เกือบจะเข้าขั้นโดนฝังทั้งเป็นอยู่แล้ว " 

 

        ศกุนตลาหันกลับไปมองชายหนุ่มด้วยสายตาว่างเปล่าอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับมามองไกรและพูดเรียบๆกับเป็นเชิงคาดโทษว่า

 

      " รู้ใช่ไหม ว่าความสามารถในการแฝงตัวของเธอสูงกว่าผู้ชำนาญการแฝงตัวของเราอย่างอุษาชนิดเทียบไม่ติดเลย...แค่พริบตาเดียวที่เราไม่ได้จับตามมองเธอ เธอก็อาจจะเปลี่ยนรูปลักษณ์และกลิ่นอายกลายเป็นใครก็ได้ไปแล้ว "

 

      " อืม...ข้ารู้ "

 

      " ชิ...ช่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวจนน่าหงุดหงิดเลยนะ ...ถ้าหากเกิดเรื่องผิดพลาดบานปลายขึ้นมา จนเกิดอันตรายต่อหมู่บ้าน...หรือต่อท่านผู้เฒ่าแม้แต่รอยแมวข่วน...หลังจากที่ข้ายิงหัวเพื่อเปิดกะโหลกนังนั่นเสร็จ...กะโหลกหนาๆของเจ้าจะเป็นรายต่อไปแน่นอน...ถือเป็นคำสัตย์สัญญาจากข้าได้เลย "

 

      " คร้าบๆ กระผมเข้าใจความเสี่ยงแล้วขอรับ "

 

      " เรื่องนี้มันเกินกว่าคำว่าล้อเล่นไปแล้วนะ ไกร "  อนาสตาเซียเอ่ยเตือนถึงความตึงเครียดของสถานการณ์เรียบๆ  ในขณะที่ไกรเองก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับศกุนตลาที่เดินเข้าหาเขาอย่างช้าๆ

 

     ...แต่ก่อนที่เขาจะได้ทันพูดอะไรออกมา หญิงสาวชาวมอญผู้นั้นก็สะบัดหลังมือตบหน้าไกรฉาดอย่างแรงจนหน้าเริ่ดไปตามแรงตบทันที

 

        เพี๊ยะ!

 

      " ศ...ศกุนตลา?! "  อนาสตาเซียร้องออกมาอย่างตกใจพร้อมกับเข้าไปขวางศกุนตลากับไกรที่กำลังยกมือกุมแก้มข้างที่โดนตบอยู่ แต่ศกุนตลาในเวลานี้ไม่อยู่ในอารมณ์ต่อล้อต่อเถียงกับเธอ ในขณะที่ไกรเองถึงแม้ว่าจะเหวอไปชั่วครู่นึง แต่เขาก็รู้ดีว่าเขาทำผิดอะไรให้ศกุนตลาโกรธถึงขนาดนี้...และแน่นอน คราวนี้เขารู้ดีว่าเขาผิดจริง

 

      " ศกุนตลา...ข้า--- "  ไกรพยายามจะพูดแก้ตัวและขอโทษอีกฝ่ายที่เขาทำอะไรโดยพลการเช่นนี้ แต่ศกุนตลายกมือเรียวงามปานจะหักได้ของเธอ ข้างเดียวกับที่ตบไกรจนหน้าหัน ยกขึ้นปิดปากของเขา พร้อมกับก้มหน้าลงและส่ายหน้าอย่างช้าๆ

 

      " ท่านไม่จำเป็นต้องแก้ตัว หรือขอโทษอะไรหรอกเจ้าค่ะ...ข้าได้ให้สัตย์สาบานกับท่านไว้แล้ว ว่าไม่ว่าท่านจะทำอะไร จะเดินบนเส้นทางสายไหน...ไม่ว่าท่านจะทำดีจนผู้คนสรรเสริญ หรือชั่วช้าจนผู้คนสาปแช่ง ข้าก็จะติดตามท่านไปตลอด... "

 

      " ... "

 

      " ต...แต่ว่า...ข้าขอร้องเถอะนะเจ้าคะ...ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่ท่านทำอะไรโดยพลการ และไม่บอกอะไรกับข้าเลยเช่นนี้ "  อเทตยาก้มหน้าลงพร้อมกับคว้ามือของเขาไปจับแน่น...แน่นจนกระทั่งเล็บที่เริ่มยาวของเธอจิกลงไปในเนื้อของเขาจนไกรเผลอร้องออกมาเบาๆ ทำให้เธอรู้สึกตัวและปล่อยมือออก ก่อนจะรีบพูดต่อเบาๆว่า

 

      " ข้าเชื่อในตัวท่านเสมอ...ท่านไกร...ท่านเป็นผู้ที่ไม่มีทางทำร้ายหัวใจของข้าอย่างแน่นอน... "

 

      " บางทีข้าก็อิจฉาความเชื่อใจแบบสุดลิ่มทิ่มประตูของยัยนี่จริงๆนะ "  อนาสตาเซียเงยหน้าขึ้นกลอกตาพร้อมกับเปรยออกมาเบาๆ อย่างเริ่มเอียนในบรรยากาศที่โลกนี้มีแต่เราสองคนของอีกฝ่ายเต็มที ทำเอาศกุนตลาที่ยืนกอดอกปั้นหน้าอยู่ถึงกับต้องหลุดขำออกมาเบาๆทันที

 

        อเทตยาเริ่มรู้สึกตัวว่าเธอกำลังทำเรื่องไม่งามมากเกินพอดีแล้ว เธอจึงรีบก้มหัวขอโทษไกรอีกครั้งพร้อมกับถอยห่างออกมาอย่างกระดากอายทันที...ในขณะที่ไกรถอนหายใจเฮือกพร้อมกับอดเอามือลูบแก้มข้างที่โดนตบที่เวลานี้เริ่มขึ้นเป็นรอยผื่นแดงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะหันกลับไปมองดาราอีกครั้ง

 

      " ว่าอย่างไรบ้าง? มายา ชีวา ราตรี "  เขาหันไปถามเสือสมิงสาวสามตนที่ดูเหมือนจะตรวจสอบหญิงสาวนามว่าดาราเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งทั้งสามก็หันกลับมาพยักหน้าเบาๆเป็นเชิงว่าดาราผ่านการตรวจสอบทันที

 

      " เธอไม่มีอาวุธ หรือสิ่งที่สามารถใช้เป็นอาวุธได้เจ้าค่ะ...แต่ว่า...ทั้งกลิ่นอายที่ปลอมแปลงขึ้นและหน้ากากที่แนบเนียนราวกับเนื้อหนังจริงของนางทำให้พวกข้าไม่อาจจะระบุถึงตัวตนที่แท้จริงของนางได้เลยแม้แต่น้อย "

 

      " นี่ๆ ถ้าเจ้าจะนินทาล่ะก็ ข้ายังยืนอยู่ตรงนี้นะ "  ดาราที่ยืนอยู่ด้านหลังร้องติงออกมาเบาๆ แต่เสือสมิงสาวทั้งสาม โดยเฉพาะราตรีและชีวาที่เคยเสียหน้าเพราะเคยถูกหลอกให้สะกดรอยตามผิดพลาดจนหัวหมุนมาแล้วหันกลับไปมองด้วยสีหน้าว่างเปล่าแบบสุดๆทันที

 

      " เฮ้อ...ข้าแปลกใจนะ ที่เจ้าไม่ได้พกอาวุธมา... "  ไกรอดพูดขึ้นเบาๆไม่ได้ เพราะแรกเริ่มเดิมทีเขาคะเนเอาว่าอย่างน้อยๆหญิงสาวผู้นี้ก็น่าจะพกอาวุธอะไรบางอย่างติดตัวเพื่อป้องกันตัวบ้าง ไม่ใช่เข้ามาแบบไม่มีหลักประกันอะไรเลยแบบนี้ แต่หญิงสาวกลับยิ้มพรายตอบกลับมาโดยทันที

 

      " แหมๆ ก็ข้าเชื่อใจเจ้าอย่างไรล่ะ ท่านไกร "

 

        วูบ!

 

        ลมเพลมพัดที่แฝงจิตสังหารอันเข้มข้นที่พับวูบมาปะทะหน้าของเธอทำให้เธอถึงกับต้องหันซ้ายหันขวาอย่างหวาดระแวงทันที แต่จิตสังหารอันน่าขนลุกนั้นก็สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอยจนเธออึงกับเอียงคอวูบอย่างฉงนสงสัย...ประกอบกับที่ไกรโคลงหัวดิกๆพร้อมกับพูดกับเธอเรียบๆต่อจนเธอไม่มีเวลาให้คิดถึงจิตสังหารปริศนาที่ว่านั้นว่า

 

      " เอาจริงๆ ดารา " 

        เสียงอันห้วนสั้น (แม้ว่าจะไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังนัก) ของชายหนุ่มทำให้ดาราถอนหายใจเฮือกพร้อมกับตอบมาตรงๆว่า

 

      " ข้าก็แค่ลองคิดเอาเองตามประสา ว่าถ้าหากพวกเจ้าเกิดค้นเจออาวุธในตัวข้า ความไว้วางใจในตัวของข้าที่ไม่ค่อยมีอยู่แล้วคงจะยิ่งเหลือน้อยเข้าไปใหญ่ใช่ไหมล่ะ ถึงข้าจะบอกอยู่กับปากตลอดว่าข้ามาด้วยจิตบริสุทธิ์แท้ๆ ไม่เชื่อก็ลองมองดูตาข้าสิ "

 

      " เออ...ใสซื่อบริสุทธิ์พอๆกับลูกเสือลูกตะเข้เลยล่ะ "

 

      " คิกๆ "

 

      " ไกร... "  อนาสตาเซียขัดขึ้นเบาๆอย่างเริ่มไม่ชอบใจนักที่ไกรมีท่าทีสนิทสนมจนกระทั่งต่อปากต่อคำกับคนที่เป็นศัตรูกับหมู่บ้านยุคันตวาตของเธอเช่นนี้ นั่นทำให้ไกรรู้สึกตัวและรีบเก็บอาการรักษาท่าทีทันที ในขณะที่สิงห์ที่นั่งมองอยู่ถึงกับปล่อยก๊ากออกมาดังๆ

 

      " ฮ่าๆๆ เอาน่าๆ เจ้าน่าจะชินได้แล้วนะนาสตี้ ก็แต่ไหนแต่ไรไอ้บ้านี่ก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้วนี่ "

 

      " อย่างน้อยๆตูก็ไม่เคยใช้ให้เสือสมิงของตัวเองไปทำอะไรไม่งามเพื่อสนองความใคร่ของตัวเองล่ะฟะ! "  ไกรสวนกลับมาเบาๆ แต่แทงใจดำจนสิงห์ถึงกับต้องลงไปนั่งเป็นหมาหงอยตามเดิม ก่อนที่เขาจะหันกลับมาหาดาราพร้อมกับกอดอกและพูดเรียบๆอย่างรู้ทันว่า

 

      " ถึงเจ้าจะทำตัวเป็นเหยื่ออันโอชะ แต่ข้าเองก็ไม่เชื่อหรอกนะว่าเจ้าจะมาเข้าปากเสือโดยที่ไม่มีหลักประกันอะไรเลยเช่นนี้...ใช่ไหม? "

 

      " คิกๆ ใช่แล้วเจ้าค่ะ... "  ดารายิ้มพรายอย่างยอมรับพร้อมกับพูดต่อเบาๆ 

 

      " ...ข้าบอกท่านไปแล้วนี่ว่าตำแหน่งของข้านั้นไม่ใช่ระดับดาดๆ...เห็นอย่างนี้แต่ข้าเป็นถึงรองหัวหน้าแห่งกลุ่มบรรลัยกัลป์เชียวนะเอ้อ "

 

      " รองหัวหน้า?! "  อนาสตาเซียทวนคำเบาๆ ก่อนจะหันขวับไปมองไกรที่ยกมือขอโทษพร้อมกับยิ้มแห้งๆ เพราะเขาเองก็ลืมบอกเรื่องสำคัญอย่างนี้ไปจริงๆนั่นแหละ

 

      " ช่าย...นั่นแปลว่าอะไรรู้ไหม?...ลองคิดดูสิ ว่าถ้าหากข้าที่เสนอตัวว่ามาขอเจรจาสงบศึกด้วยจิตบริสุทธิ์และไร้ซึ่งอาวุธใดๆ ถูกคนของยุคันตวาตสังหารโดยไร้เหตุผล...คนของข้าจะรู้สึกอย่างไร? "

 

        คำพูดพลางกลั้วหัวเราะของหญิงสาวตรงหน้าทำให้ทุกคนถึงกับเงียบกริบอย่างเข้าทุกอย่างกระจ่างชัดทันที

 

        หญิงสาวผู้นี้ไม่ได้มาเข้าปากเสืออย่างโง่เขลา และไร้หลักประกันใดๆ...แต่เธอกำลังใช้อโยธยาทั้งราชอาณาจักรเป็นหลักประกันให้เธอต่างหาก!

 

        ถ้าหากพวกเขาเกิดใจเร็วด่วนได้ ปลิดชีพสตรีตัวเล็กๆตรงหน้านี้ขึ้นมา...คนของกลุ่มบรรลัยกัลป์ทั้งหมดที่กระจายตัวและฝังรากลึกอยู่แทบจะทั่วทั้งสุวรรณภูมิ (ถ้าหากสิ่งที่ดาราพูดเป็นจริง) คงจะลุกฮือขึ้นก่อการกลียุคจนควบคุมไม่ได้เป็นแน่!

 

      " ฮ่าๆๆๆ ข้ารู้แล้ว ว่าทำไมเจ้าถึงได้มีท่าทีสนิทสนมกับนางนัก ไอ้ไกร! "  ในที่สุด สิงห์ที่ยังคงนั่งอยู่ก็แหกปากหัวเราะออกมาดังลั่นพร้อมกับพูดพลางกลั้นหัวเราะทันที

 

      " หืม? "

 

      " อ้าว? แม้แต่ตัวเจ้าก็ยังไม่รู้ตัวเลยเหรอเนี่ย แต่เอาเถอะ ไม่รู้ก็ไม่แปลกหรอก "

 

      " เจ้าจะพูดอะไรไร้สาระอีกแล้วสินะ? "  ศกุนตลาหันกลับมาแขวะชายหนุ่ม ทำเอาสิงห์ส่งเสียงจิ๊กจั๊กในลำคอพร้อมกับตอบกลับมาทันที

 

      " ไม่ได้ไร้สาระเฟ้ย! ความจริงพวกเจ้าก็น่าจะรู้แล้วด้วยซ้ำนะ...ที่ไกรมันดูพูดคุยกับยัยนั่นได้อย่างสนิทจนน่าแปลกใจอย่างนี้...เพราะว่ายัยนั่นโคตรจะมีหลายอย่างที่เหมือนกับไอ้ไกรจนแทบจะลอกกันมาเลยทีเดียวล่ะ...ทั้งความเจ้าเล่ห์และความบ้าบิ่น รวมไปถึงแผนการณ์ที่ไม่อาจจะคาดเดาใดๆได้... "

 

        คำพูดของสิงห์ทำให้ทุกคนหันไปมองหน้ากันพร้อมกับนึกภาพตาม ก่อนจะต้องยอมรับอย่างตรงกันเลย ว่าแม้ว่าพวกเธอจะพึ่งได้เจอกับหญิงสาวผู้นี้ไม่นาน แต่หญิงสาวผู้นี้ก็ให้กลิ่นอายแบบเดียวกับที่เธอรู้สึกจากตัวของไกรไม่มีผิดเพี้ยนเลย

 

      " ฮ่าๆๆ ดีใจซะเถอะไอ้ไกรเอ๋ย! ในที่สุดเจ้าก็เจอ คนพันธุ์เดียวกัน กับเจ้าแล้ว! ...โอ้ย!! ฮ่าๆๆๆ งานนี้สนุกแน่เอ็งเอ้ย! "

 

 

 

 ............................................

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา