ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)

9.4

เขียนโดย PingJa

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.

  152 ตอน
  11 วิจารณ์
  110.13K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

68)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

================================================

 

 

 

     ...ที่ระเบียงอันถูกสร้างให้เป็นเฉลียงรับลม...ด้านนอกบ้านอันเป็นเหมือนรังลับของมือสังหารแห่งหมู่บ้านยุคันตวาต...

 

      " ท่านผู้เฒ่า "

 

      " อ้อ...ออกมากันได้เสียทีนะ "  ท่านผู้เฒ่าที่หลังจากได้ข้อมูลมากเพียงพอและรอท่าอยู่ด้านนอกดูร้อนใจเล็กน้อยจนต้องบ่นออกมาเบาๆ เมื่อเห็นทุกคนที่เขาออกคำสั่งมากันครบแล้ว ก่อนที่เขาจะถอนหายใจเล็กน้อยเพื่อสงบใจลงพร้อมกับนั่งที่เก้าอี้ไม้ข้างๆ ในขณะที่อนาสตาเซียก็เดินมายืนเอามือไพล่หลังอย่างสงบที่ด้านหลังเก้าอี้อันเป็นตำแหน่งประจำของเธอ...ในขณะที่คนที่เหลือต่างก็ยืนอยู่ตรงหน้าท่านผู้เฒ่าผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าหมู่บ้านและผู้มีพระคุณของพวกเขาทั้งหมดโดยพร้อมเพรียงกันทันที

 

      " ...หลังจากที่ฟังความจริงทั้งหมด...พวกเจ้าคิดว่าอย่างไรบ้าง? "

 

        คำถามน้ำเสียงราบเรียบของท่านผู้เฒ่าที่เหมือนเป็นการหยั่งเชิงทำให้ทุกคนหันไปมองหน้ากันเองเล็กน้อย ในขณะที่ไกรที่เดิมทีแล้วก็ไม่ได้รู้เรื่องภายในกลุ่มมือสังหารนี้มากนัก และถือว่างานของเขาเสร็จสิ้นแล้วก็เฉยไว้โดยที่ไม่คิดจะสอดอวดฉลาดพูดอะไรออกมา...จนกระทั่งในที่สุด มือสังหารสาวที่มีนามว่าอุษาที่ลูบคางอย่างครุ่นคิดก็เอ่ยขึ้นเบาๆว่า

 

      " ...พวกกลุ่มมือสังหารที่มือฉมังธนูนั่น...ที่อเทตยาทำงานให้...กลุ่มมือสังหารที่ใช้นามว่า บรรลัยกัลป์ มีโครงสร้างคล้ายกับ...ไม่สิ...สามารถพูดได้ว่าเหมือนกับหมู่บ้านยุคันตวาตแห่งเราไม่มีผิดเพี้ยน...ทั้งการลำดับชั้นและการแบ่งแยกหน้าที่ของมือสังหาร รูปแบบการแฝงตัว และรูปแบบการจู่โจม...เรื่องนี้ข้าทราบตั้งแต่ที่สิงห์ปะทะกับกลุ่มของพวกมันเพื่อช่วยชีวิตยัยอเทตยานั่นแล้ว...เพียงแต่มาแน่แท้แก่ใจเอาครานี้เอง "

 

      " กลุ่มมือสังหารบรรลัยกัลป์นั่นไมได้มีเป้าหมายเช่นเดียวกับพวกเราชาวยุคันตวาต...การลงมือแต่ละคราของพวกมันล้วนแล้วแต่เป็นการหมายพระชนม์ชีพของเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงแห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวงทั้งหมดทั้งสิ้น...ต่อให้ยัยอเทตยานั่นไม่ได้ยืนยันอย่างชัดแจ้ง แต่พวกมันก็น่าจะมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความว่นวายภายในอโยธยา โดยหวังจะหาช่องกระทำอะไรบางอย่าง ที่ร้ายที่สุดอาจจะเป็นการก่อกบฏช่วงชิงราชบัลลังก์อโยธยา...ไม่เหมือนกับพวกเราที่มีเป้าหมายอย่างชัดเจนว่าสังหารเพื่อสร้างสมดุลเท่านั้น "  อนาสตาเซียที่ยืนอยู่ด้านหลังเสริมคำพูดของอุษาเล็กน้อย ในขณะที่สิงห์ที่ยืนกอดอกอยู่ข้างๆกับไกรและเงียบมาตลอดได้โอกาสพูดเบาๆบ้าง

 

      " มันมีระดับชั้นอย่างที่อุษาบอก...พวกมือสังหารมักจะทำงานคนเดียวโดยมีพวกกลุ่มอารักขาประมาณ ๔-๕ คน ไม่ได้ร่วมมือกันทำภารกิจเป็นกลุ่มเช่นเดียวกับเรา และระดับพลังของพวกมัน...หมายถึงมือสังหารที่เป็นหัวหน้ามีพลังที่ไม่อาจจะประเมินได้...การกำจัดมันอาจจะต้องเปลืองแรงกว่าที่คาดก็ได้ "

 

      ' ผูกใจเจ็บสินะ... '  ไกรที่ยืนอยู่ข้างๆเหลือบมามองพร้อมกับคิดในใจเล็กน้อย  ' ...ต่อให้บอกว่าไม่มีการปะทะตรงๆ แต่แพ้ก็คือแพ้...แล้วคนที่เก่งยังกับปิศาจอย่างสิงห์น่าจะไม่คุ้นกับความพ่ายแพ้แน่ๆ '

 

      " ...ใจเย็นๆก่อน สิงห์...เราไม่ได้ทำภารกิจสังหาร แต่เป็นการสืบหาความจริง "  ท่านผู้เฒ่าครางออกมาเบาๆ ก่อนที่เขาจะเหลือบมองไกรเล็กน้อยอย่างประเมินค่าทันที

 

       " ไกร... "

 

         คำเรียกขานของอีกฝ่ายทำให้ชายหนุ่มหลับตาลงและลอบถอนหายใจเฮือกอย่างรู้แน่แล้วว่าเลี่ยงไม่ได้แน่ๆ เขาจึงพูดเบาๆว่า

 

       " พวกมันเหี้ยมกว่าพวกมือสังหารของท่าน---เอ่อ หมายถึงพวกเราเยอะเลยนะ... "

 

       " หืม? "

 

       " ดูจากตอนที่ข้าและหน่วยคเณศร์เสียงาเข้าปะทะกับกลุ่มลูกกระจ๊อก---หมายถึงกลุ่มอารักขานั่น คราวนั้นอเทตยาที่ยังคงเป็นมือฉมังธนูรับจ้างที่ทำงานให้กับพวกมันได้รับคำสั่งให้ฆ่าปิดปากคนพวกนั้นอย่างไม่ใยดีเลย...ทั้งๆที่ถ้าเป็นพรรคพวกเดียวกันแท้ๆ  แต่พวกมันกลับให้คนนอกอย่างอเทตยาสังหารทิ้งได้อย่างแทบไม่คิดเลยด้วยซ้ำ...ซึ่งถ้าหากเทียบกับพวกเธอ ถ้าหากมือสังหารคนใดคนนึงของหมู่บ้านเกิดถูกจับเป็นเชลยขึ้นมา พวกเธอคงจะรวมสมัครพรรคพวกบุกตีชิงตัวกลับมามากกว่า...ใช่ไหมล่ะ? นี่มองในมุมคนนอกนะ "

 

       " พวกมันไม่ได้เหี้ยม...แต่ชั่ว...ไกร...แม้แต่เดรัจฉานยังรักลูกฝูง...และพวกเราก็เป็นคน...ไม่ใช่เดรัจฉานอีกด้วย "  อนาสตาเซียที่ยืนกอดอกอยู่ด้านหลังท่านผู้เฒ่าแก้คำพูดของชายหนุ่มเรียบๆอย่างปราศจากอารมณ์ ในขณะที่มือสังหารคนอื่นหันไปมองหน้ากันเองโดยไม่พูดอะไรออกมา ทำให้ไกรพูดต่อช้าๆว่า

 

       " นั่นแหละ ประเด็น...พวกมันไม่ลำบากใจเลยที่จะเฉือนเนื้อทิ้งเพื่อรักษาชีวิตไว้...หมายถึงพวกมันสามารถฆ่าพวกเดียวกันและถูกพวกเดียวกันฆ่าได้อย่างสบายๆ แปลว่าเราจะสืบถึงต้นต่อของกลุ่มบรรลัยกัลป์ได้ยากมาก...แค่เราจับคนที่ทำงานรับจ้างให้กับพวกมันอย่างอเทตยาแบบเป็นๆได้ก็เข้าขั้นปาฏิหาริย์แล้ว...ว่าไหมล่ะ "

 

         คำพูดของชายหนุ่มทำให้ทุกคนหันไปมองหน้ากันเอง...ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่อยากจะยอมรับ แต่พวกเขาก็มีความเห็นเกือบจะตรงกับที่ไกรพูดมาทุกประการ...ในขณะที่ท่านผู้เฒ่าที่นั่งฟังเงียบๆอย่างสงบมาตลอดถอนหายใจเฮือกเล็กน้อย  ก่อนที่เขาจะตัดสินใจยกประเด็นอีกเรื่องที่น่าจะสำคัญพอๆกันขึ้นมาพูดด้ยน้ำเสียงราบเรียบไร้ความรู้สึกว่า

 

      " อีกเรื่องที่เราต้องตัดสินใจ...ทุกคน...เรื่องของอเทตยานั่น... "

 

      " ??? "

 

      " พวกเรารู้เรื่องของพวกบรรลัยกัลป์มามากพอแล้วจากปากของนาง...ถึงนางจะยังไม่เปิดปากออกมาทั้งหมดก็ตามที...แล้วทุกคนก็น่าจะเห็นแล้วนี่...ความสามารถของนางไม่ใช่ความสามารถที่จะดูแคลนได้...รวมถึงสิ่งที่นางได้กระทำไป...เราไม่อาจจะปล่อยนางให้เป็นอิสระได้อีกต่อไปแล้ว...จึงมีทางเลือกแค่เพียงสองทางเท่านั้น...พวกเจ้าน่าจะเข้าใจใช่ไหม? "

 

      " ถ้าหากไม่เก็บนางไว้โดยถือเป็นพรรคพวกของเรา...ก็ต้องส่งนางไปปรโลกเท่านั้น "  อุษาที่ยืนอยู่เอ่ยเรียบๆ แต่ประโยคของเธอทำให้ไกรหันขวับไปมองอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ทันที

 

      " อุษา "

 

      " อะไร?...ข้าแค่พูดเรื่องจริง...นอกจากว่าเจ้าจะเลี้ยงนางไว้เป็น นางเล็กๆ ของเจ้ามันก็เป็นอีกเรื่องนึง...อ้อ...แต่อย่างน้อยๆก็น่าจะถาม เมียใหญ่กว่า เขาสักหน่อยนะ "

 

      " ม...เมียใหญ่กว่า? "  ไกรได้แต่อ้าปากพะงาบๆกับคำค่อนขอดของอุษาที่ทำตาลุกวาวพูดใส่เขา ในขณะที่สิงห์หันซ้ายหันขวาอย่างไม่เข้าใจนัยยะที่แฝงมาในคำพูดของหญิงสาว...ส่วน เมียใหญ่กว่า ที่อุษาค่อนขอดถอนหายใจเฮือกและเสมองไปอีกทางนึงโดยไม่อาจจะพูดหรือเถียงอะไรออกมาได้ทันที

 

      " ...ถ้าเจ้าคิดอย่างนั้นจริงๆ ในฐานะของผู้ที่เคยผ่านเรื่องพรรค์นี้มาก่อน ข้าขอแนะนำให้เจ้าล้มเลิกความตั้งใจเสียเถอะนะ ไกร...เพราะนางไม่ใช่ผู้ที่จะสามารถเลี้ยงไว้เป็นเมียได้หรอกนะ...ไม่ว่าจะเป็นหลวงหรือน้อยก็ตามที...นางน่ะอันตรายเกินไป "  คำพูดของท่านผู้เฒ่าที่ยังคงนั่งอยู่ทำเอาไกรถึงกับต้องทำปากพะงาบๆทันที แถมสีหน้านิ่งสนิทของท่านผู้ฒ่ายังทำให้เขาไม่สามารถเดาได้เลยด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายพูดจริงจังหรือเพียงแค่ล้อเขาเล่นกันแน่

 

      " ...หืม? แต่ว่าศกุนตลาบอกว่าอเทตยามีหลายๆอย่างที่คล้ายกับนาง...ซึ่งข้าก็ว่านางพูดถูกนะเจ้าคะ ท่านพ่อ...ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆข้าก็ว่าน่าจะมีทางที่เราจะนำนางมาเป็นกำลังของหมู่บ้านได้...อาจจะไม่ถึงกับเป็นมือสังหาร แต่อย่างน้อยๆนางก็คือเหยื่อจากสงครามเช่นเดียวกับพวกเรานะ "  อนาสตาเซียที่ยืนกอดอกอยู่ด้านหลังอดถามเบาๆกับผู้เป็นพ่อบุญธรรมของเธออย่างสงสัยไม่ได้...เพราะถึงจะบอกว่าเป็นหัวหน้ามือสังหาร แต่ก็น้อยครั้งที่ท่านผู้เฒ่าจะเอ่ยปากว่าจะต้องสังหารผู้ใด...ยิ่งกับผู้ที่มีความสามารถมากถึงเพียงนั้นยิ่งแล้วใหญ่...ในขณะที่ท่านผู้เฒ่าเหลือบมามองเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจเฮือกทันที

 

      " ...จะว่าไปที่ศกุนตลาพูดก็ไม่ถึงกับผิดนัก...แต่ไม่ใช่ว่าจะถูกเสียทีเดียว "

 

      " เจ้าคะ? "

 

      " ...ข้าพบศกุนตลาเมื่อนางอายุได้ ๑๓ และพึ่งรู้ถึงพลังของตนเองเป็นครั้งแรก...นางอาจจะเป็นคนที่เก่งราวกับปิศาจก็จริง แต่นางก็ยังสามารถคุมได้...ไม่เหมือนอเทตยา...จริงอยู่ที่เวลานี้นางอาจจะเชื่อฟังและยึดติดไกรเป็นเหมือนสิ่งที่นางเคารพและยึดถือไว้ก็ตามที แต่เนื้อแท้แล้วนางก็ยังไม่อาจจะไว้ใจได้อยู่ดี...นางเป็นเหมือนอสุราที่ไร้ปลอกคอ...อสูรที่สามารถพุ่งเข้าขย้ำใครก็ได้...โดยเฉพาะกับเจ้า...ไกร "

 

        คำพูดของท่านผู้เฒ่าทำให้มือสังหารทุกคนหันกลับมามองหน้าไกรที่ชักเริ่มทำหน้าไม่ค่อยถูก ในขณะที่สิงห์กระตุกยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับตบไหล่ชายหนุ่มดังป้าบใหญ่อย่างนึกแกล้งระคนสมน้ำหน้าทันที

 

      " หากถามข้า ข้าไม่เชื่อใจนางนะ...ไกร...นางเป็นจารสตรี ทุกอย่างเกี่ยวกับนางอาจจะไม่ใช่เรื่องจริงสักเรื่องเลยก็เป็นได้...แต่ว่า...เอาเถ้อ...อย่างไรเสียนางก็ลงให้กับเจ้าคนเดียวแล้ว...ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่เจ้าล่ะกัน...พ่อขุนแผนแสนเสน่ห์ "

 

      " อุวะ...ไอ้นี่! "

 

      " เฮ้อ...ถ้าพูดอย่างนั้นก็เข้าทางไอ้คนมักมากไม่รู้จักพอ เห็นผู้หญิงเป็นของเล่นอย่างมันพอดีน่ะสิ...สิงห์ "  

 

      " นี่ อุษา...นี่เธอเห็นข้าเป็นคนอย่างไรกันแน่ ข้าถามจริงๆเถอะ "  ระหว่างที่สิงห์กำลังก้มตัวเอามือกุมท้องและหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่นั้น ไกรก็อดหันไปถามอุษาเบาๆไม่ได้ แต่คำถามของเขากลับทำให้หญฺงสาวหันมามองด้วยสายตาว่างเปล่า ก่อนจะเขยิบถอยห่างออกไปเล็กน้อยพร้อมกับพูดเรียบๆว่า

 

      " ไม่รู้สิ...มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าให้นิยามคนที่ฉวยโอกาสใช้ช่วงเวลาที่สตรีน้อยนางนึงกำลังสับสนเพื่อบังคับให้นางทำอย่างที่ต้องการว่าอย่างไรล่ะ? "

 

      " บ...บังคับให้ทำตามอย่างที่ต้องการ? ...เฮ้ย! นี่เรากำลังพูดถึงการสอบปากคำและคำสารภาพของอเทตยาอยู่นะ! "

 

      " จะจริงเร้อ...ข้าก็เตือนทั้งนาสตี้ทั้งศกุนตลาไว้แล้วว่าเจ้ามันไว้ใจไม่ได้ แล้วมันก็เป็นจริงตามที่ข้าปรามาสไว้แต่แรกไหมล่ะเนี่ย "

 

      " อยากจะเถียงใจจะขาดแต่เถียงไม่ออกเลยวุ้ย! "

 

        ก่อนที่ทั้งคู่จะเถียงกันจนเรื่องออกทะเลไปมากกว่านี้ ท่านผู้เฒ่าที่นั่งนิ่งอยู่ก็ถอนหายใจเฮือกออกมาเล็กน้อย ก่อนจะพูดเบาๆเป็นเชิงสั่งทันที

 

      " พวกเจ้า เข้าไปก่อน...ข้าต้องการจะพูดกับไกรตามลำพัง "

 

        คำสั่งของท่านผู้เฒ่าทำให้ทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งไกรเิกคิ้วน้อยๆอย่างงงๆ แต่พวกเขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่สะกิดใจจนต้องเอ่ยขัดหรือถามอะไรออกมา...สิงห์ และอุษาก้มหัวให้ท่านผู้เฒ่าเป็นเชิงเคารพเล็กน้อย ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในเรือนทันที ในขณะที่ท่านผู้เฒ่าเหลือบไปอนาสตาเซียที่ยังคงยืนอยู่พร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย

 

      " เจ้าก็ด้วย...อนาสตาเซีย "

 

      " เจ้าค่ะ "

 

     ...หลังจากที่มือสังหารในสังกัดทุกคน ไม่เว้นแม้แต่อนาสตาเซียผู้เป็นลูกสาวบุญธรรมของเขาเข้าไปในภายในบ้านทั้งสิ้น ท่านผู้เฒ่าที่นั่งเงียบอยู่ก็ใช้สายตาอันสุขุมและเต็มไปด้วยความเท่าทันอย่างผู้ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนของเขามองลึกเข้าไปในแววตาของไกรที่เวลานี้ยังคงนิ่งอยู่...นานชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมาเบาๆในลำคอทันที

 

      " เจ้าคิดจะเก็บนางไว้จริงๆสินะ ไกร... "

 

      " ครับ...ท่านผู้เฒ่า "  ไกรพยักหน้าและตอบไปตามความจริงอย่างยอมรับทันทีโดยใช้ภาษาในยุคที่เขาจากมาตามข้อตกลงที่จะพูดด้วยสำเนียงนี้เมื่อเขาอยู่กันตามลำพัง...เปล่าประโยชน์ที่จะปิดบังอำพรางใดๆเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ที่เขาสามารถพูดด้วยได้ทุกอย่างเช่นนี้ ทำให้ท่านผู้เฒ่าเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะพูดเรียบๆว่า

 

      " ...ถ้าเป็นปรกติข้าก็คงด่าไอ้คนที่คิดเช่นนี้ว่า บ้า หรือไม่ก็ โง่ ไปแล้ว...แต่มันติดตรงที่ข้ารู้จักเจ้ามานานเกินพอจะรู้ว่าเจ้ามันไม่ได้โง่...แต่เรื่องบ้านี่ข้าไม่ค่อยแน่แก่ใจนัก...ถ้าอย่างนั้นสรุปได้ว่าเจ้ามันแค่รนหาที่สินะ "

 

      " ฮ่ะๆ ครับ...บางที่ผมก็คิดเหมือนกับที่ท่านว่าเป๊ะเลย "  ไกรได้แต่เกาหัวพร้อมกับหัวเราะอย่างเขินๆ ในขณะที่ท่านผู้เฒ่าหัวเราะตามน้ำแบบฝืดๆเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจเฮือกอีกครั้งและพูดต่อเรียบๆว่า

 

      " ...เจ้าไม่ได้ตัดสินใจที่จะไว้ชีวิตนาง เพราะเจ้าชอบพอนาง...ไกร...ข้ารู้ว่าเจ้าฉลาดมากพอจะเข้าใจดีอยู่แล้วว่านางเป็นตัวอันตรายที่สามารถแว้งกัดเจ้าในเวลาไหนก็ได้...สิ่งที่ฉายออกมาจากแววตาของเจ้าไม่ใช่ความรัก หรือความเสน่หาเช่นชายหญิง แต่มันเหนือกว่านั้น...เจ้าไม่ยอมคาดคั้นถามคำถามที่อาจจะกระทบต่อจิตใจของอเทตยาต่อ ทั้งๆที่เจ้าจะเค้นถามก็ย่อมทำได้...ไกร...ข้าอดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าคิดจะช่วยนางทำไม? "

 

       ไกรสบสายตาที่เต็มไปด้วยแววจับผิดของผู้ที่อาวุโสกว่าในทุกๆด้านช้าๆ ก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมาเบาๆทันที

 

      " ท่านผู้เฒ่า...ท่านเชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิดรึเปล่าครับ? "

 

      " ...ข้าในเวลานี้ไม่อยู่ในฐานะที่จะเชื่อเรื่องการเกิดใหม่...แต่ถ้าหากข้าไม่ได้กลายเป็นผู้ที่ไม่แก่ไม่ตายเช่นนี้ ข้าก็คงจะเชื่อเรื่องชาติภพ หรือการกลับชาติมาเกิดเช่นกัน...ถึงข้าจะยังไม่เคยเห็นแบบชัดๆก็เถอะ "  คำพูดเรียบๆของท่านผู้เฒ่าทำให้ไกรยิ้มออกมาน้อยๆพร้อมกับพยักหน้าเบาๆทันที

 

      " ผู้หญิงคนนั้น...อเทตยาผู้นั้นมีรูปร่างหน้าตาและท่าทางที่เหมือนกับน้อง---คนที่ข้ารู้จักดีก่อนที่จะถูกส่งมาอยู่ในโลกอดีตนี้...เธอสำคัญกับผมมากเกินกว่าที่ผมจะปล่อยให้เธอตายได้...ต่อให้รู้ว่าอเทตยาเป็นคนละคนกับคนที่ผมรู้จัก แต่ผมก็ยังไม่อาจจะใจจืดใจดำปล่อยให้เธอตายได้อยู่ดี "  

 

        คำสารภาพแบบไม่ปิดบังของชายหนุ่มผู้มาจากอนาคตทำให้ท่านผู้เฒ่าเอามือลูบคางอย่างครุ่นคิดทันที ก่อนที่ไกรจะสังเกตเห็นหัวคิ้วของท่านผู้เฒ่าที่ขมวดมุ่นลงอันแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายคิดบวกลบคูณหารในใจอย่างหนักเลยทีเดียว...มันเหมือนเป็นการต่อสู้กันระหว่างสัญชาตญาณที่สั่งให้เขาจัดการฝังอเทตยาเสีย เพื่อไม่ให้มีปัญหาภายหลัง...กับความเห็นใจที่มีต่อไกร...เด็กหนุ่ม...ที่เวลานี้เขารู้สึกเหมือนกับเป็นลูกชายของตนเองไม่มีผิด...

 

      " ...แปลว่าต่อให้ข้าบอกว่าไม่ได้...เจ้าก็ยังคงจะดื้อแพ่งคิดจะเก็บนางไว้จริงๆใช่หรือไม่? "

 

      " ผมจะไม่ขัดคำสั่งของท่าน...ท่านผู้เฒ่า...เพราะผมรู้ดีว่าสิ่งที่ผมขอมันอาจจะมากเกินไป ผมเพียงแค่ขอร้องเท่านั้น...การตัดสินใจขึ้นอยู่กับท่านแล้ว "

 

      " ...เฮ้อ...ถ้าเป็นเจ้า เจ้าจะทำอย่างไรนะ คอนสแตนติน "  ในที่สุดท่านผู้เฒ่าก็หลับตาและครางออกมาเบาๆอย่างคิดตกทันที...ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นและเดินตรงไปที่หีบที่เป็นเหมือนหีบกำปั่นเก่าๆ ที่วางแอบอยู่ตรงร่มชาย และเปิดเพื่อหยิบอะไรบางอย่างออกมา และโยนส่งมาให้เด็กหนุ่มผู้เวลานี้กลายเป็นเหมือนลูกชายของเขาทันที

 

      " นี่มัน? "

 

      " อืม...ธนูประจำมือของอเทตยาอย่างไรล่ะ "  

 

        คำตอบของท่านผู้เฒ่าทำให้ไกรต้องก้มลงมองคันธนูกลที่อยู่ในมืออย่างละเอียด...คันธนูกลที่เมื่อพับเก็บแล้วเหลือขนาดเพียงแค่ไม่ถึงศอกเท่านั้น แต่พอเขาสะบัดออกแรงๆเพียงครั้งเดียว คันธนูคันนี้ก็กางออกอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นธนูที่มีขนาดสูงท่วมหัวในพริบตา ในขณะที่สายธนูที่ขึงพาดไว้ก็เป็นสายเอ็นขนาดหนาที่มีอยู่ถึง ๓ สาย ที่มีน้ำหนักมากจนกระทั่งแม้แต่คนแข็งแรงอย่างไกรยังแทบจะน้าวสายไม่ไหวเลยทีเดียว

 

      " ธนูนี่อาจจะไม่ได้ดีเท่ากับศาสตราที่ยูกิโอะทำขึ้นก็จริง แต่ก็ถือเป็นของที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างแทบไม่มีที่ติ...ทั้งความเที่ยงและความเสถียรของคันธนูก็ไม่ใช่ระดับที่ช่างทั่วไปสามารถสร้างได้...แต่ที่น่ากลัวกว่าคือคนที่ใช้ธนูคันนี้นี่แหละ...ระดับของอเทตยาอาจจะอยู่ในระดับเทียบเท่ากับศกุนตลา ไม่สิ...อาจจะเหนือกว่าด้วยซ้ำในกรณีที่เธอสามารถปิดกั้นจิตสังหารได้อย่างถึงจะบอกว่ามิดชิดจนไม่อาจจะจับสัมผัสได้เลย...ถึงแม้ว่านางจะไม่สามารถยิงในระยะไกลที่สุดอย่างศกุนตลาได้ก็ตามที แต่ความต่อเนื่องของการยิงของธนูก็น่าจะมีมากกว่าปืนคาบศิลาของศกุนตลาแน่...นางจะเป็นผู้คุ้มกันและผู้อารักขาที่ดีที่สุด "

 

      " ท่านผู้เฒ่า... "  ไกรที่ฉลาดพอจะรู้ถึงรูปแบบประโยคเช่นนี้เริ่มยิ้มออกมาได้ เพราะมันแปลว่าอีกฝ่ายเริ่มจะคล้อยตามคำขอร้องของเขาแล้ว...แต่เขาก็ต้องชะงักเล็กน้อยเพราะท่านผู้เฒ่ายกมือห้ามไว้และพูดเรียบๆต่อทันที

 

      " ฟังข้าก่อน...ไกร...ถึงข้าจะบอกว่าไม่สังหารนางทิ้ง แต่ใช่ว่าข้าจะเชื่อใจนาง...เจ้าเองก็ควรจะไม่ไว้วางใจนางเช่นกัน...เพราะฉะนั้น ก่อนที่ข้าจะปล่อยให้นางอยู่ในความรับผิดชอบของเจ้า...ข้าอยากจะให้เจ้ารับปากข้าสักคำนึง "

 

      " ค...ครับ? "

 

      " ...ไกร... "

 

 

     ...ไม่กี่อึดใจต่อมา...ภายในบ้านในชั้นลับอันถูกดัดแปลงให้เป็นตารางกักขังเชลยของเหล่ามือสังหารแห่งหมู่บ้านยุคันตวาต...

 

        ชายหนุ่มนามว่าไกรหรือเจ้าพระยาพิทักษ์ราชภักดีเดินก้าวเข้ามาภายในตัวบ้านอย่างสงบ โดยมีท่านผู้เฒ่าที่เดินตามเข้ามาอยู่ห่างๆ โดยที่ไม่มีใครพูดอะไรซักคำ ชายหนุ่มก้าวเข้าไปในห้องขังช้าๆ ก่อนจะเปลือยดาบสดายุของเขาออกจากฝักทันที

 

      " ท่านไกร? "

 

        ชิ้ง!!

 

        อเทตยาเอ่ยนามชายหนุ่มได้เพียงคำเดียวเท่านั้น ดาบสีเงินวาวอันคมกริบในมือของไกรก็วาดพรึ่บเข้าไปจ่อที่คอเรียวยาวของมอญสาวผู้เป็นเชลยของพวกเขาอยู่ทันทีพร้อมกับปล่อยจิตคุกคามอันแหลมคมออกมาใส่หญิงสาวทันที!...ดวงตาสีสนิมเหล็กอันเคยอบอุ่นและเป็นกันเองอยู่เป็นนิตย์ของเขาเวลานี้เปลี่ยนแปรกลับกลายเป็นความเย็นเยือกจนแทบจะไร้ความรู้สึก จนมือสังหารที่ยืนอยู่นอกลูกกรงทุกคนถึงกับต้องหันไปมองทันที

 

      " อื้อหือ...พอมีดาบเล่มนั้นอยู่ในมือ ไอ้นี่มันสร้างจิตคุกคามได้แหลมคมขึ้นอีกไม่ใช่รึอย่างไรเนี่ย "  สิงห์ที่อยู่ใกล้กับลูกกรงที่สุดถึงกับเลิกคิ้วและครางออกมาอย่างทึ่งๆ ในขณะที่ท่านผู้เฒ่ายิ้มเล็กน้อยพร้อมกับยักไหล่ให้โดยไม่พูดอะไรทันที

 

      " อเทตยา... "

 

      " จ...เจ้าคะ? "

 

      " เจ้ารู้ใช่ไหมว่าความผิดที่เจ้าทำในค่ำคืนนั้นมันร้ายแรงเกินกว่าที่จะมีผู้ใดให้อภัยได้...เจ้าไม่ได้แค่สังหารข้า...แต่ถึงกับพยายามลอบปลงพระชนม์สมเด็จเจ้าฟ้า...เจ้าที่เป็นอดีตอุปนิกขิต มอญ ที่น่าจะศึกษาทุกอย่างของอโยธยาเป็นอย่างดีก็น่าจะทราบดีอยู่แล้วใช่หรือไม่ ว่าโทษของเจ้ามันควรจะออกมาในรูปแบบใด "

 

        คำพูดที่ราบเรียบไร้ความรู้สึกของไกรไม่ต่างอะไรจากการถามคำสั่งเสียสุดท้าย ที่เพชรฆาตเอ่ยถามนักโทษประหารไม่มีผิดเพี้ยน...อเทตยาที่เวลานี้ยังคงนั่งคุกเข่าและใช้ผ้าห่มคลุมร่างกายเล็กๆของเธอก้มหน้าและดวงตาหรุ่บต่ำลงเล็กน้อยอย่างรู้ดี ในขณะที่ห้องทั้งห้องเงียบลงอย่างน่าใจหาย ราวกับรอคอยการตัดสินใจของไกรที่เวลานี้เป็นเหมือนผู้ตัดสินเป็นตายของหญิงสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น

 

      " ข้าไม่มีคำแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น...ท่านไกร...หากนี่เป็นประสงค์ของท่านจริงๆ...การที่ข้าสิ้นชีวิตลงด้วยน้ำมือของท่านก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งในชีวิตของข้าแล้ว " 

 

        คำพูดที่เป็นเหมือนคำสั่งเสียสุดท้ายของอเทตยาทำให้ทุกคนรู้สึกใจหายอย่างประหลาด ทั้งๆที่พวกเขาเป็นมือสังหารที่เห็นความตายเป็นเรื่องปรกติราวกับเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันอยู่แล้วแท้ๆ...ในขณะที่ศกุนตลาที่เป็นคนบอกเองว่าเธอและอเทตยามีหลายๆอย่างคล้ายๆกัน จนกระทั่งมีความรู้สึกเห็นใจอีกฝ่ายอย่างเลี่ยงไม่ได้ถึงกับขยับตัวเล็กน้อยทันที 

 

        แปะ!

 

        ก่อนที่เธอจะรู้สึกตัวเมื่อมือเย็นๆของสหายสาวผู้มีศักดิ์เหนือกว่าอย่างอนาสตาเซียแตะเบาๆเข้าที่ไหล่บางของเธอ เมื่อศกุนตลาหันมามอง เธอก็พบกับดวงตาสีฟ้าที่ฉายแววรู้ทันของอีกฝ่ายมองมาอยู่ก่อนแล้ว ในขณะที่อนาสตาเซียยิ้มให้กับอีกฝ่ายทันที

 

      " ช้าไว้...ศกุนตลา "

 

      " ท่านอนาสตาเซีย? ...แต่ว่า มัน "

 

      " ข้าก็ไม่รู้หรอกนะว่าไกรคิดจะทำอะไร...แต่ปล่อยไปก่อนเถอะนะ...ข้ารับรองว่าเขาไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำหรือโหดเหี้ยมจนกระทั่งสามารถสังหารหญิงสาวไม่มีทางสู้ได้ลงคอหรอกนะ "

 

      " ในเวลาเช่นนี้...ท่านมันเลือดเย็นยิ่งกว่าข้าเสียอีกนะ ท่านอนาสตาเซีย "

 

      " เปล่า...ข้าไม่ได้เลือดเย็นอะไรหรอก... "  หญิงสาวปรายสายตามองไปที่ไกรที่เวลานี้ยังคงใช้ดาบสดายุจ่อไปที่คอของอีกฝ่ายด้วยประกายสายตาอ่านไม่ออก ก่อนที่เธอจะถอนหายใจเล็กน้อยพร้อมกับพูดเบาๆทันที

 

      " ข้าเพียงแค่เชื่อใจเขาเท่านั้นแหละ...ศกุนตลา "

 

     ...จะได้ยินคำพูดของหญิงสาวหรือไม่ก็ไม่อาจจะทราบได้ แต่ในเวลานี้ไกรเพียงแค่ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ก่อนที่ชั่วพริบตานั้นเองดวงตาสีสนิมเหล็กของเขาจะเปล่งประกายวาวโรจน์ขึ้นพร้อมกับที่ดาบอันคมกริบจะวาดพรึ่บด้วยความเร็วที่แทบจะมองไม่ทันทันที!

 

        ฟุ่บ!

 

        คมดาบสีเงินวาววับในมือของไกรที่ควรจะตัดเส้นเลือดใหญ่ที่คอและดับชีพหญิงสาวที่หลับตาและยื่นคอมารอรับคมดาบอยู่แล้ว กลับทำได้แค่เพียงตัดเส้นผมยาวสลวยที่ตกลงมาปรกไหล่ด้านหนึ่งของเธอให้ขาดและร่วงหล่นลงพื้นราวกับถูกตัดด้วยมีดโกนเท่านั้น ในขณะที่ทุกคนในห้องไม่เว้นแม้แต่อเทตยาที่ยื่นคอรอรับความตายอยู่เบิกตากว้างอย่างไม่เขาใจ ไกรก็คืนดาบประจำกายเข้าสู่ฝักพร้อมกับสลายจิตคุกคามของตนเองไปเสียสิ้นราวกับจิตคุกคามเมื่อครู่เป็นเรื่องโกหก ก่อนที่เขาจะก้มลงเก็บปอยเส้นผมสีอ่อนที่ถูกฟันขาดตกอยู่บนพื้นขึ้น และพูดเบาๆทันที

 

      " นับแต่นี้ไป มือสังหารรับจ้างผู้เคยเป็นอุปนิกขิตแห่งหงสาวดีได้ถูกข้าสังหารไปแล้ว...อดีตอันดำมืดทุกอย่างที่เจ้าเคยประสบหรือเคยกระทำมาข้าไม่สนใจและไม่คิดจะถามไถ่ต่อ ขอถือว่ามันตายไปพรอมกับมือสังหารนางนั้นแล้ว...เหลือเพียงหญิงสาวชาวบ้านธรรมดานามว่าอเทตยาเท่านั้น... "

 

      " ...ท...ท่านไกร "

 

      " ยินดีต้อนรับเข้าสู่หน่วยคเณศร์เสียงาของข้า...อเทตยา... "  ชายหนุ่มยิ้มออกมาเล็กน้อยทันทีเมื่อเห็นสีเหน้าเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ของหญิงสาวผู้มีใบหน้าเดียวกับเพียงออน้องสาวของเขาไม่มีผิดเพี้ยน แต่ถึงอย่างนั้น ภายในหัวของชายหนุ่มกลับหวนคิดถึงคำขอร้องแกมคำสั่งอย่างเด็ดขาดที่ท่านผู้เฒ่าพูดไว้ก่อนจะเข้ามาในนี้ทันที     

 

      ' ไกร... '

 

      ' ครับ? ท่านผู้เฒ่า... '

 

      ' ...ข้าจะไม่ขัดความประสงค์ของเจ้า ที่เจ้าจะเลี้ยงนางไว้...ไม่ว่าจะเลี้ยงไว้ในฐานะใดก็ตามที...ไกร...แต่ถ้าหากวันใด...วันใดที่นางเกิดคิดทุรยศต่อพวกเรา...ไม่ว่าจะเป็นต่อหมู่บ้าน ต่อข้า ต่อเจ้า หรือต่อให้เป็นคนของหมู่บ้านคนใดก็ตามที...เวลานั้นแม้ใครจะพูดอะไรก็ตาม ...เจ้าจะต้องเป็นคนลงมือสังหารนางด้วยตัวเอง...เพราะการมีชีวิตอยู่ของนางถือเป็นความรับผิดชอบของเจ้าแต่เพียงผู้เดียวแล้ว!! '

 

 

 

 

..........................................

 

 

 

 

 

     ...ตกค่ำของวันเดียวกันนั้นเอง... 

 

      ' ดีจริงๆรึเปล่านะ...ที่เราทำไปแบบนี้... '  ไกรที่เวลานี้อยู่ในชุดกางเกงแพรขายาวและเปลือยท่อนบนไว้อันเป็นชุดนอนปรกติของเขาครางออกมาเบาๆทันที ก่อนที่เขาจะล้มตัวลงนอนกับเตียงในห้องนอนของตัวเองที่อยู่บนจวนของออกพระเพชรพิไชย โดยที่วันนี้เกือบทั้งวันเขาจำต้องอยู่กับท่านผู้เฒ่าและกลุ่มมือสังหารคนอื่นๆเพื่อช่วยสร้างประวัติใหม่ให้แก่อเทตยา ซึ่งกว่าจะเสร็จเรียบร้อยก็ปาเข้าไปค่ำๆแล้ว ในขณะที่เรื่องของหน่วยคเณศร์เสียงา ไกรเองก็เลือกที่จะยังไม่บอกกับสินและเรืองว่าจะมีสมาชิกใหม่ เพราะตัวตนของอเทตยายังไม่เรียบร้อยเท่าไหร่นัก...จริงอยู่ว่าเรื่องในวันนี้อาจจะไม่ได้สร้างความเหนื่อยกายให้กับเขามากเท่าไหร่...แต่เรื่องเหนื่อยและลำบากใจนี่เป็นอีกเรื่องนึงเลย...

 

     ...เขาอยู่ในโลกของอดีต...โลกถูกขีดไว้แล้วด้วยกรอบของประวัติศาสตร์และพงศาวดาร...แค่เขามาอยู่ในโลกอดีตเช่นนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ให้กลายเป็นเรื่องที่เขาไม่รู้จักมากพออยู่แล้ว...แต่นี่เขากลับทะลึ่งไปช่วยชีวิตหญิงสาวผู้ที่สมควรจะตายไปแล้วเสียอีก...ต่อให้จะพูดอย่างไรก็ตาม แต่ไกรรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเขาอาจจะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ไปแล้วก็ได้...

 

      " ...ทำท่าคิดหนักเชียวนะ ไกร... "

 

      " อนาสตาเซีย? "  ชายหนุ่มเลิกคิ้วพร้อมกับครางออกมาเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นหยิบเสื้อที่วางพาดอยู่มาสวมทับตัวทันที ในขณะที่มือสังหารสาวผู้ที่เวลานี้เป็นเหนึ่งในหน่วยคเณศร์เสียงาของเขายิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะถือวิสาสะก้าวเข้ามาในห้องโดยไม่รอคำอนุญาตของไกร พร้อมทั้งพูดต่อเบาๆว่า

 

      " ข้ามารบกวนเจ้ารึเปล่า? ไกร "

 

      " พูดเหมือนกับว่าถ้าข้าบอกว่ารบกวนเจ้าจะออกไปอย่างนั้นแหละ...แต่เอาเถอะ ข้าก็ไม่ได้มีธุระอะไรในเวลานี้อยู่แล้ว...มีอะไรก็พูดมาเถอะ...แต่ว่าถ้าจะมาย่องเข้าห้องแบบหนุ่มสาวเขาทำกันข้าว่าน่าจะรอให้ดึกกว่านี้อีกซักหน่อยนะ...คนอื่นๆเขายังไม่หลับกันเลย "

 

      " บ้า!! "  หญิงสาวสาวหน้าร้อนวูบก่อนจะร้องว่าออกมา แต่เธอก็ชักจะเริ่มชินกับคำพูดแปลกๆของอีกฝ่ายแล้ว เธอจริงถอนหายใจเฮือกพร้อมกับโคลงหัวช้าๆ ก่อนจะพูดต่อเรียบๆว่า

 

      " เอาเถอะ ไกร...ข้าว่าถึงเวลาแล้วล่ะ...ที่เจ้าควรจะได้พบกับคนๆนึง...คนที่เจ้าควรจะพบเจอและสนทนาด้วยตั้งนานแล้ว "

 

      " หืม? "

 

        อนาสตาเซียถอนหายใจเฮือกเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะหลับตาลงและขยับแหวนทองคำขาวของไกรที่สวมอยู่ที่นิ้วโป้งของเธอทันที

 

        ซู่ว!

 

        สายลมที่พัดหวนเข้ามาทางหน้าต่างห้องทำให้ไกรหันกลับไปมองเล็กน้อยอย่างงงๆ ก่อนจะหันกับมามองอนาสตาเซียอีกครั้งเพื่อรอให้หญิงสาวบอกว่าเธอต้องการให้เขาได้คุยกับใคร แต่หญิงสาวกลับนิ่งไปราวกับว่าถูกถอดปลั๊กจนทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างผิดสังเกตทันที

 

      " ... "

 

      " นาสตี้? "

 

      " เฮ้อ...ในที่สุดเราก็ได้พบกันซะทีนะ...หลังจากที่คาดกันไปคลาดกันมาตั้งหลายครั้ง "

 

      " ไม่...ไม่ใช่นาสตี้... "  ชายหนุ่มครางออกมาเบาๆทันทีอย่างห้ามปากไม่อยู่...ทั้งๆที่ตาทั้งสองข้างของเขาก็เห็นอยู่ชัดๆว่าอีกฝ่ายคืออนาสตาเซีย บุตรสาวบุญธรรมของท่านผู้เฒ่าหัวหน้าหมู่บ้าน...แต่จิตสำนึกและกระแสพลังบางอย่างที่แผ่ออกมาจากตัวของหญิงสาวกลับบอกว่าอีกฝ่ายไม่ใช่มือสังหารสาวที่เขารู้จัก...หญิงสาวตรงหน้าผู้นี้เต็มไปด้วยพลังที่เขาไม่อาจจะหยั่งได้...พลังที่มากมายมหาศาลเกินกว่าจะออกมาจากผู้หญิงคนนึงได้...

 

     ...พลัง...ที่มหาศาลเกินกว่าจะเป็นพลังของมนุษย์!!...

 

      " เฮ้อ...ในที่สุดก็ต้องใช้ร่างของอนาสตาเซียเป็นสื่อกลาง...แต่เอาเถอะ "

 

      " ...เธอ...เป็นใครกัน?! "

 

      " ...จ้าๆ งั้นขอแนะนำตัวเลยนะ...ฉันมีนามว่าอรัญญิกา...อรัญญิกาเทวี...เทพีสาวสุดน่ารักผู้สิงสู่อยู่ในแหวนทองคำขาวประจำตระกูลของนาย...ตระกูล ที่เป็นเชื้อสายที่ถูกตกทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นของเหล่าหมู่บ้านยุคันตวาตยังไงล่ะ ไกร... "

 

 

 

 

 

 .....................................................

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา