ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)

9.4

เขียนโดย PingJa

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.

  152 ตอน
  11 วิจารณ์
  110.17K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

84)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

================================================

 

 

 

      " ประตู! ท่านออกญาจักรี ท่านออกญามหาเสนา ท่านออกพระเพชรพิไชย...ประตูเปิดแล้วขอรับ! "  

 

        เสียงของหนึ่งในทหารชุดเกราะดำแห่ง หน่วยราชสีห์ดำ ซึ่งเป็นหน่วยทหารในสังกัดที่แข็งแกร่งที่สุดในบัญชาของออกญาจักรีที่ตะโกนรายงานกลับมาทำให้ออกญาอัครมหาเสนาบดีผู้อยู่บนหลังม้าและสวมชุดเกราะเต็มยศขมวดคิ้วน้อยๆอย่างงงงวยพร้อมกับหันไปหาออกญามหาเสนาและออกพระเพชรพิไชยที่นั่งอยู่บนหลังม้าศึกตัวพ่วงพีข้างๆ พร้อมกับพูดเป็นเชิงถามเบาๆทันที

 

      " ง่ายไปรึเปล่าเนี่ย? "

 

      " หืม? ไฉนท่านคิดเช่นนั้นล่ะขอรับ ท่านครุฑ "

 

      " ถ้าจากสารลับที่เจ้าพระยาพิทักษ์ฯส่งถึงเราเมื่อเย็น พวกมันคือพวกกบฏนะท่านออกพระ...พวกกบฏที่รู้ดีว่าหากทำการไม่สำเร็จ โทษของพวกมันไม่ว่าจะเบาแค่ไหนก็ไม่พ้นหัวขาดอยู่ดี...เพราะฉะนั้นมันก็ควรจะสู้อย่างถวายหัวมากกว่ายอมแพ้ง่ายๆเช่นนี้ "

 

      " เอ่อ...ก็จริงของท่านนะ...แต่แหม อาจจะมีใครซักคนในพวกมัน หรือพวกมันทั้งหมดพร้อมใจกันกลับใจกันทั้งหมดก็ได้ "

 

      " ท่านมองโลกในแง่ดีเช่นนี้ทุกครั้งรึเปล่า? ท่านบุนนาค(นามของออกญามหาเสนา) "

 

      " เถียงกันไปก็เท่านั้นแหล่ะขอรับ อย่างไรเสียพวกเราก็ต้องเข้าไปอยู่ดี ยิ่งปล่อยเวลาเนินนานเท่าไหร่ พ่ออยู่หัวก็ยิ่งตกอยู่ในภยันอันตรายมากขึ้นไปเท่านั้น และพวกท่านก็น่าจะเก่งพอจะจับสัมผัสนั่นได้สินะ ท่านออกญาทั้งสอง "

 

      " ท่านออกพระเพชรพิไชย? "

 

      " สัมผัสนั่น...ที่ลอยมากับสายลมราวกับ ลมเพลมพัด ...ทว่าน่าขนลุกจนเราเกือบจะบังคับม้าไว้ไม่อยู่ทีเดียว...กระผมไม่รู้หรอกนะว่าไอ้สัมผัสอัปมงคลนั่นมาอยู่ในสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในอโยธยาได้อย่างไร ...แต่เท่าที่ข้ามั่นใจก็คือ เต็มสิบส่วน มันไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ! "

 

        คำพูดของออกพระอาวุโสผู้เป็นจางวางหัวหน้าทหารล้อมวังเป็นเหมือนกับคำตัดสินแทนพวกเขาทั้งหมดเรียบร้อย เพราะทุกคนต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่า ไอ้ ลมเพลมพัด นั้นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถมองข้ามได้จริงๆ

 

      " ส่งสัญญาณเคลื่อนกองทหารเข้าไป! กำชับให้ทุกคนหูไวตาไวเข้าไว้ แต่มืออย่าไว!...หากพวกมันไม่คิดต่อสู้ก็ห้ามเข้าทำร้ายเด็ดขาด เพียงแค่ควบคุมกุมตัวไว้เฉยๆก็พอ!! "  โดยไม่จำเป็นต้องถามไถ่อะไรกันอีก ออกญามหาเสนาก็ตวาดสั่งการพร้อมๆกับที่กองทหารใต้บัญชาการทุกนายค่อยๆเคลื่อนกำลังเข้าไปอย่างเป็นระเบียบราวกับถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดีโดยไม่มีผู้ใดแตกแถวเลยแม้แต่น้อย...ในขณะที่ผู้บัญชาการเฉพาะกิจทั้ง ๓ อย่าง ๒ ออกญาอัครมหาเสนาบดีและออกพระเพชรพิไชยชักม้าเล็กน้อย ก่อนจะพร้อมใจกันขยับจับดาบที่สะพายอยู่ด้านหลังและชักออกมาถือกำไว้ในมือแน่นโดยไม่ได้นัดหมายกันทันที...และพวกเขารู้ตัวดีว่าการที่เขาชักดาบออกมาเชนนี้ไม่ใช่เพราะพวกเขาต้องระวังกลุ่มกบฏที่อยู่ภายหลังกำแพง แต่เพราะกระแส ลมเพลมพัด นั่นต่างหาก...

 

     ...ลมเพลมพัด...ที่น่าขนลุก...แม้แต่จากระยะที่ไกลจนไม่อาจจะกำหนดระยะได้เลยด้วยซ้ำ !...

 

      " บางครั้งข้าก็คิดนะ...ท่านครุฑ ท่านบุนนาค...ว่าข้าเองอาจจะแก่ชราเกินกว่าจะเล่นศึกที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเชนนี้แล้ว "

 

 

 

 

.................................................

 

 

 

 

     ...ย้อนกลับมาที่พระที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์อีกครั้ง ในเวลาเดียวกันนั้นเอง...

 

        ก่อนที่ไกร หรือใครซักคนจะสามารถขยับตัวให้หลุดจากอาการตื่นตะลึงได้ อสูรสัมภเวสีที่อยู่ในลักษณะคล้ายกับผีสาวที่มีผมยาวระพื้นและร่างที่ผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกจะค่อยๆลอยอย่างเอื่อยๆเข้าไปหาเจ้าจอมเพ็งผู้พี่และก้มลงเป็นเชิงกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างที่ข้างๆหูของเจ้าจอมโฉมงามผู้นั้น ในขณะที่เมื่อได้ยินครบถ้วนกระบวนความ เจ้าจอมที่ยืนกอดอกอยู่ผู้นั้นก็เอียงคอพร้อมกับขมวดคิ้วน้อยๆอย่างไม่ค่อยจะพอใจนักทันที

 

      " หืม?...ข้าว่าข่าวนี้พวกท่านน่าจะต้องทราบเอาไว้...มันช่างน่าขัดใจเสียจริงนะ...กองกำลังพิทักษ์ราชบัลลังก์อันเปราะบางแห่งนี้กำลังก้าวผ่านธรณีกำแพงเขตพระราชฐานชั้นในเข้ามาแล้ว...กองกำลังรบเกราะดำที่นำมาโดยอัครมหาเสนาบดีทั้งสองและออกพระเพชรพิไชย...ซึ่งทำให้เราประหลาดใจและหงุดหงิดใจนิดหน่อยที่พวกมันสามารถรวบรวมกำลังพลอันแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้...ซึ่งถ้าให้เราคาดเดา...นี่คงเป็นหนึ่งในส่วนของแผนการอันชาญฉลาดของท่านสินะ...ท่านเจ้าพระยาพิทักษ์ราชภักดี? "

 

       วูบ!

 

       กระแสลมเพลมพัดอาถรรพ์อันน่าขนลุกที่พัดวูบเข้าใส่พร้อมกับคำถามทำให้ไกรถอยหลังวูบพร้อมกับกดปุ่มกลไกเล็กๆเพื่อเรียกดาบสัตตโลหะนามว่า สัมพาที ออกมาโดยทันทีด้วยสัญชาตญาณ ก่อนที่เขาจะฝืนแสยะยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับโต้ตอบกลับไปโดยทันที

 

      " ท่านครุฑและท่านบุนนาค รวมไปถึงท่านออกพระช่างรวบรวมกำลังพลได้เร็วแท้...และถ้าข้ากะเวลาไม่ผิด...กองทหารที่ว่านั่นคงจะมาถึงที่นี่อย่างช้าก็ไม่เกินครึ่งชั่วโมงนี้แน่...ต่อให้คำนวณความเป็นไปได้บวกกับโชคดีสุดๆในทุกๆทาง อย่างไรเสียท่านทั้งสองก็ไม่มีวันชนะในศึกนี้แน่...เพราะฉะนั้น--- "

 

      " คิกๆ ขอให้ข้าเดานะ...ท่านจะพูดว่าให้ข้ายอมแพ้ใช่หรือไม่? ท่านเจ้าพระยา "  

 

      " ... "

 

      " ถึงตรงนี้ข้ายังอดสงสัยไม่ได้...ท่านไกร...ข้าขอเรียกท่านว่าท่านไกรนะ จะได้ไหม? "  เจ้าจอมเพ็งผู้พี่พูดหยอกล้อขึ้นด้วยน้ำเสียงหวานใสราวกับเสียงดนตรี แต่เมื่อล้อมรอบด้วยเหล่าสัมภเวสีที่มีสภาพน่าเกลียดน่ากลัวนับครึ่งร้อยแล้ว เสียงดนตรีนั่นมันช่างฟังดูวังเวงและโหยหวนราวกับเสียงเพลงสวดศพไม่มีผิดเพี้ยน จนกระทั่งไกรที่ต้องใช้สติทั้งหมดที่มีในการหยุดตัวเองไม่ให้กรีดร้องหรือวิ่งหนีไปไม่อาจจะตอบคำถามหรือเอ่ยอนุญาตได้ ทำให้เจ้าจอมสาวยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับพูดต่อทันที

 

      " ...ข้าเห็นท่าน...ท่านไกร...เห็นท่านตั้งแต่ครั้งแรกที่ท่านเข้ามาในเมือง พร้อมกับกระบวนเสด็จนิวัติกลับของพระเจ้าอุทุมพร...เมื่อแรกเห็นข้าคิดว่าท่านเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มซนๆธรรมดาๆ...ผู้ที่เป็นอันตรายต่อกลุ่มบรรลัยกัลป์ของเราน่าจะเป็นหัวหน้าท่านผู้ครอบครองดาบอันน่าขนลุกนั่นเสียอีก...แต่กาลเวลาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นท่าน...ท่านทำได้แสบสันต์ดีเสียจริงนะ ท่านไกร "

 

      " ...ก็ข้าบอกแล้วว่าแผนการและเป้าหมายของท่านมันเจาะจงและชัดเจนเกินไป เมื่อข้ารู้ว่าการจู่โจมหมายจะจู่โจมที่ใด ข้าก็รู้ว่าข้าควรจะป้องกันที่ใด...จริงไหมล่ะขอรับ "

 

      " คิกๆ จริงแท้... "

 

      " มันจบแล้ว ท่านหญิง...การก่อกบฏของท่าน และอนาคตของกลุ่มบรรลัยกัลป์จบลงแล้ว พร้อมกับหมากกระดานนี้แหละ! "

 

      " เผื่อท่านไม่เข้าใจนะ ท่านเจ้าพระยาฯ ท่านไกร...หมากกระดานนี้มันยังไม่จบ...แต่มันพึ่งจะดำเนินมาได้แค่กลางกระดานเท่านั้น "

 

      " ว...ว่าอย่างไรนะ? "

 

      " การล้มล้างราชบัลลังก์ไม่ได้มีแค่การปลงพระชนม์พ่ออยู่หัวเอกทัศน์เท่านั้น...ท่านดูรอบๆสิ...พวกเรากำลังถูกล้อมรอบด้วยพระบรมวงศานุวงศ์สำคัญถึง ๓ พระองค์เชียวนะ... "

 

        พรึ่บ!

 

        จิตสังหารที่พุ่งพรวดออกมาอย่างกะทันหันทำให้สินถึงกับต้องย่อตัวลงและยกดาบคู่ในมือขึ้นพร้อมกับแยกเขี้ยววับเพื่อรับแรงกดดันนั้นทันที ในขณะที่พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูงทั้ง ๓ พระองค์ที่เป็นเป้าหมายของจิตสังหารนั้นไม่อยู่ในสภาพที่จะสามารถตรัสอะไรออกมาได้เลยแม้แต่น้อย หากไม่ได้ม่านพลังอันแข็งแกร่งของลูกแก้วลูกขวัญ และสินที่ยืนล้ำรับหน้าอยู่เพื่อลดทอนจิตสังหารนี้ลงล่ะก็ แม้แต่สมเด็จพระพี่นางพินทวดีที่ฝึกฝนมาอย่างดียังถึงกับกัดทนต์กรอด...เพราะพระองค์รู้ดีถึงความแตกต่างของพลังที่ไม่อาจจะประเมินหรือเทียบกันได้เลยแม้แต่น้อย

 

      " เจ้ามันเลวเกินกว่าที่ข้าจะอภัยได้อีกต่อไปแล้ว! เจ้าจอมเพ็ง เจ้าจอมแมน! "

 

      " โถๆ อย่าห่วงไปเลย สมเด็จพระพี่นาง เพราะหลังจากนี้ท่านจะมีเวลาเสียใจอีกนาน...หลังจากที่พระองค์ได้กลายเป็นองค์ประกันของหม่อมฉันแล้ว! "

 

        วูบ!

 

        พริบตาที่เจ้าจอมเพ็งหันไปหาสมเด็จพระพี่นาง ไกรก็ไม่ยอมปล่อยโอกาสนี้ให้สูญเปล่าเลยแม้แต่น้อย เสี้ยววินาทีเดียวเขาและดาบเล่มเงาวับในมือก็พุ่งเข้าใส่เจ้าจอมเพ็งผู้ยืนล้ำอยู่ด้านหน้าทันทีด้วยประกายและสายตาวาววับ! ...จริงอยู่ที่เป้าหมายที่อยู่ด้านหน้าของเขาจะดูเหมือนเป็นเพียงสตรีวัยกลางคนผู้งดงาม...ทว่าเมื่อวิเคราะห์จากทุกๆอย่างที่อยู่รอบตัวแล้ว...ไกรไม่มีความลังเลที่จะฟาดฟันดาบเข้าใส่เลยแม้แต่น้อย!

 

        เคร้ง! ฉัวะ!!

 

        ถึงสัมผัสแรกที่เขารับรู้ได้จากดาบสดายุจะบอกเขาว่าเขาฟาดฟันโดนเข้าเต็มรักแล้ว แต่สัมผัสที่สองที่เขารับรู้ก็คือ เลือดเนื้อที่โดนฟันมันค่อนข้างจะเละเกินกว่าจะเป็นเลือดเนื้อที่ยังมีชีวิตอยู่...

 

     ...เขาฟาดฟันใส่สัมภเวสีตายโหงที่มีสภาพหัวขาดวิ่นหนึ่งตัว ที่ลอยเข้ามาเป็นเกราะกำบังให้จนขาดสะพายแล่งไป แต่ดาบสดายุที่มีสันที่หนากว่าดาบปกติของเขาก็ต้องติดค้างอยู่กับซากนั้นจนไม่อาจจะชักถอนกลับมาได้ เสี้ยววินาทีนั้นเอง ร่างอันวุ่นวิ่นของซากศพที่เขาฟาดฟันใส่นั้นก็คำรามลั่นพร้อมกับใช้แรงเฮือกสุดท้าย ยกทั้งดาบและตัวของไกรด้วยแรงผิดมนุษย์จนเขาลอยละล่องขึ้นไปกลางอากาศวูบ ...ในขณะที่พริบตาเดียวที่แววตาของเขาเบิกกว้างอย่างตกใจ หอกที่แห้งเกรอะกรังไปด้วยเลือดที่อยู่ในมือของสัมภเวสีที่อยู่ในรูปของทหารในชุดเกราะที่ตายในการศึกจะเสียบพรวดเข้าใส่ร่างของไกรที่ยังลอยคว้างอยู่กลางอากาศในสภาพที่ไร้การป้องกันใดๆโดยทันที!

 

        เคร้ง!!

 

        โชคยังดีอยู่บ้างที่เวลานี้ที่เขาถืออยู่ไม่ใช่ดาบมือเดียว...พริบตาก่อนที่หอกอันเกรอะกรังไปด้วยเลือดนั้นจะถูกย้อมด้วยเลือดของเขาอีกคน ไกรตัดสินใจปล่อยดาบสดายุที่อยู่ในมือขวา ขณะใช้ดาบสัมพาทีที่แกร่งกว่าและหนักกว่าในมือซ้ายปัดหอกเล่มนั้นได้อย่างทันท่วงทีพอดิบพอดี

 

      " ท่านไกร! / เจ้าพระยาพิทักษ์ฯ!! "

 

      " ข้าพุทธเจ้าไม่เป็นอะไร! "  ไกรรีบใช้ดาบสัมพาทียันกายลุกขึ้นพร้อมกับพูดเรียบๆอย่างเก็บอาการ ในขณะที่ท่านเรืองพุ่งเข้ามายืนอยู่ด้านหน้าเพื่อคอยป้องกันไว้ แต่เจ้าจอมมารดาเพ็งและเจ้าจอมมารดาแมนกลับไม่ใช้โอกาสอันงามนี้ในการเข้าจู่โจมต่อ...นางเพียงเดินล้ำออกมาด้านหน้าเล็กน้อย ก่อนจะใช้ดวงตาวาววับกลมโตนั้นมองไปที่ดาบสีเงินอันงดงามที่ยังถูกปักคาอยู่บนร่างของ ผี ที่นางเลี้ยงไว้อย่างสนอกสนใจ...แต่พอเธอพยายามจะจับดาบเล่มนั้น ดาบสดายุก็เปล่งประกายวูบต่อต้านอย่างไม่ยอมรับจนเธอต้องหดมือกลับทันที

 

      " ชิ! โลหะมีอันดับ! "

 

      " พี่? "  เจ้าจอมแมนผู้น้องร้องออกมาเบาๆพร้อมกับหันไปมองทันทีด้วยความเป็นห่วง แต่เจ้าจอมผู้พี่โบกมือเล็กน้อยเป็นเป็นเชิงว่าไม่ต้องใส่ใจ ก่อนที่นางจะก้มลงมองมือตัวเองที่ขึ้นผื่นเล็กๆคล้ายๆกับถูกน้ำอันเย็นเฉียบกัดผิวขาวนวลนั้น พร้อมกับแสยะยิ้มมุมปากและหัวเราะในลำคอออกมาเบาๆทันที

 

      " หึๆ  ก็กะอยู่แล้วว่าเหตุใดดาบถึงได้ฟาดฟันใส่วิญญาณใต้อาณัติของเราได้ ทั้งที่ดาบธรรมดาจะฟันผ่านไปราวกับฟันหมอกควันแท้ๆ...อีกทั้งกุมารีผู้แหกกฏทั้งสองที่สามารถสร้างม่านพลังจนกองทัพวิญญาณเรามิอาจจะฝ่าเข้าไปได้...ต่อให้ว่าเช่นใด พวกเจ้าก็เป็นก้างชิ้นสำคัญจริงๆ "

 

      " ท่านไกร ได้โปรดถอยไป ศึกนี้ปล่อยให้ข้าเล่นเอง! "  อดีตพระยาเพชรบุรีไม่อาจอดทนรอให้อีกฝ่ายพูดจนจบอีกต่อไป...ชายหนุ่มตวาดก้องพร้อมกับปาตุ๊กตาอะไรบางอย่างที่เปล่งประกายวาววับออกไปและตวาดสั่งการเสียงดังลั่นอีกครั้ง

 

      " ทรพา! ออกมาช่วยข้า!! "

 

        พริบตาเดียวหลังสิ้นเสียงตวาดของท่านเรือง ตุ๊กตาโลหะเล็กๆนั่นก็ขยายร่างขึ้นอย่างรวดเร็วนับร้อยๆเท่าจากเดิม กลายเป็นควายธนูเขาโง้งยาวสีขาวเผือกและลงอักขระตลอดทั้งร่าง พุ่งลงยืนจังก้าเบื้องหน้าพร้อมกับคำรามประกาศศักดาจนสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วทั้งพระที่นั่ง จนเหล่าสัมภเวสีที่ล้อมหน้าล้อมหลังอยู่ทั้งหมดทั้งมวลต่างก็ต้องถอยร่นลงไปเล็กน้อยอย่างคร้ามครันในอานุภาพของควายธนูสีขาวเผือกตัวนี้ทันที!

 

      " ชิ! "  คราวนี้เป็นครั้งแรกที่เจ้าจอมผู้งดงามขมวดคิ้วงามของตนลงอย่างขัดใจ พร้อมๆกับที่ทั้งเจ้าจอมเพ็งและเจ้าจอมแพนจะยกมือขึ้น และตวัดลงพร้อมกันโดยทันที

 

        พรึ่บ!

 

        พร้อมกับการตวัดมือสั่งการนั้น เหล่าสัมภเวสีนับหลายสิบตนก็พุ่งเข้าใส่ควายธนูสีขาวเผือกที่ยืนหายใจฟืดฟาดอยู่พร้อมกับแยกเขี้ยวอันแหลมคมหมายจะกัดกินควายเผือกร่างยักษ์ตรงหน้านี้จนให้เหลือแต่กระดูกไป!

 

      " มอ!! "

 

        แต่ทุกอย่างกลับตาลปัตรตรงที่ควายเผือกนามว่า ทรพา ตัวนี้กลับเปล่งพลังอันเรืองรองบางอย่างออกมาจนเหล่าสัมภเวสีและวิญญาณตายซากอันหิวโหยเหล่านั้นไปมาอาจจะลงเขีี้ยวหรือแม้แต่แตะต้องผิวขาวเผือกของควายธนูตัวนี้ได้เลยแม้แต่น้อย ก่อนที่ทรพาตนนี้จะกระทืบกีบเท้าลงกับพื้นจนพระที่นั่งทั้งหลังสะเทือนราวกับแผ่นดินไหวพร้อมกับสะบัดเขาอันโง้งยาวนั้นวูบ จนเหล่าผีสางทั้งหลายที่ล้อมรอบอยู่สลายหายไปจนไม่อาจจะต้านทานได้ทันที!!

 

      " ก...กรอด! กะไว้แล้วเชียว...ควายธนูตัวนี้เป็นควายธนูโลหะอาถรรพ์อันมีฤทธานุภาพแก่กล้ามากที่สุด...ทั้งยังถูกสร้างจากอำนาจพุทธคุณ มิได้สร้างจากไสยเวทย์มนต์ดำ...เจ้านี่มันพิษสงรอบตัวจริงๆ ...เจ้าพระยาเพชรบุรีนอกราชการ...ช่างน่าเสียดายนักที่เจ้าเลือกอยู่ผิดฝั่งของกระดานแล้ว!! "

 

      " ข้าเลือกถูกฝั่งหรือผิดฝั่ง ตัวข้าชราพอจะตัดสินเองได้...ไม่จำเป็นต้องให้ท่านเจ้าจอมทั้งสองมาสั่งสอน! ทรพา!! "  

 

        สิ้นเสียงตวาดของท่านเรือง ควายธนูสีขาวเผือกใต้อาณัติของเขาก็คำรามลั่นพร้อมกับดวงตาสีแดงสดที่ส่องประกายจ้าราวกับแสงไต้  พร้อมกับที่มันจะพุ่งตะบึงเข้าใส่สองเจ้าจอมแห่งฝ่ายกบฏอย่างบ้าคลั่งทันที!

 

      " กำแพงร้อยวิญญาณ! "  เมื่อเห็นท่าไม่ดี เจ้าจอมแมนผู้น้องจึงต้องเป็นผู้สั่งการแทน...นางวาดมือเรียวยาวทั้งสองข้างมาด้านหน้าและกรีดร้องดังลั่น พร้อมๆกับที่เหล่าสัมพเวสีหลายสิบตนที่พุ่งเข้าขวางควายธนูอาถรรพ์อันเป็นเหมือนไพ่ตายของท่านเรืองเอาไว้...แต่ต่อให้สัมภเวสีที่เข้ามาขวางมีเป็นร้อยตามคำสั่งจริงก็ไม่อาจจะต้านทานควายธนูสีขาวเผือกผู้มีพุทธานุภาพอันแรงกล้าคุ้มกายนี้ได้เลยแม้แต่น้อย...ควายธนูนามว่าทรพาฉีกกระชากกำแพงอาถรรพ์ที่ถูกสร้างจากวิญญาณสัมพเวสีนับสิบตนได้อย่างง่ายดายราวกับฉีกกระดาษไม่ปานเลยทีเดียว!

        

      " ชิ! "  เจ้าจอมเพ็งที่เห็นว่าตนกำลังเสียเปรียบร้องออกมาเบาๆอย่างขัดใจทันทีพร้อมกับที่ตนและเจ้าจอมแมนผู้เป็นน้องสาวจะกระโดดขึ้นบ่าผีที่ลักษณะคล้ายกับโหงพรายสีขาวซีดและลอยขึ้นเพื่อหลบการจู่โจมของควายธนูเผือกนามว่าทรพาได้อย่างฉิวเฉียดพอดิบพอดี

 

      " อ้อ! ข้าเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว! "  อยู่ๆ ท่านเรืองก็พูดกร้าวๆออกมาพร้อมกับแสยะยิ้มแยกเขี้ยววับจนกระทั่งไกรที่ประคองดาบสัมพาทีคุมเชิงอยู่ด้านข้างเลิกคิ้วเล็กน้อยอย่างงงงวยทันที

 

      " ท่านเรือง? "

 

      " เคล็ดลับที่ทำให้เจ้าจอมทั้งสองสามารถเลี้ยงและควบคุมสัมภเวสีเหล่านี้ได้มากมายกว่าร้อยตน เพราะนางไม่ได้ควบคุมคนเดียว แต่ช่วยกันควบคุมทั้งสองคนต่างหาก ซึ่งหากไม่มีจิตที่เชื่อมถึงกันจริงๆไม่มีทางทำอะไรเช่นนี้ได้แน่...ช่างน่าประทับใจเสียจริง แต่ทว่าพวกท่านคิดผิดแล้วที่จะเล่นวิชาคุณไสยต่อหน้าข้า! "  

 

        เสียงตวาดของท่านเรืองเปล่งพลังอำนาจบางอย่างจนเจ้าจอมเพ็งและเจ้าจอมแมน รวมถึงเหล่าสัมพเวสีใต้อาณัติทั้งหมดทั้งมวลต้องก้าวถอยหลังกลับไปเล็กน้อยอย่างอึดอัดทันที แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าจอมเพ็งก็ยังฝืนประกาศออกมาโดยหมายพูดกับอดีตพระยาเพชรบุรีที่อยู่ตรงหน้าโดยตรงว่า

 

      " ท่านเรือง! นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่เราสามารถให้แก่ท่านได้แล้ว...จงมาอยู่ข้างเรา! และข้าสัญญาว่าท่านจะได้ทุกอย่างที่ท่านต้องการ "

 

      " ข้าได้บอกไปแล้วกับพี่ชายของท่าน และยินดีจะบอกกับพวกท่านอีกครั้งก็ได้!...ว่าสิ่งที่ข้าต้องการ ท่านไม่สามารถให้ข้าได้หรอก ...เปล่งพลังสูงสุดเลย ทรพา!! "  ท่านเรืองก้าวล้ำไปด้านหน้าอย่างมั่นใจพร้อมกับตวาดสั่งการควายธนูใต้อาณัติของตนดังลั่น พร้อมกับที่ทรพาจะร้องคำรามและพองตัวขยายใหญ่ขึ้นมากกว่าเดิมเสียอีก ก่อนที่พริบตาเดียวมันจะพุ่งขึ้นไปถึงระดับเดียวกับที่โหงพรายที่แบกเจ้าจอมเพ็งและเจ้าจอมแมนลอยอยู่ พร้อมกับสะบัดเขาโง้งยาวไปมาอย่างบ้าคลั่ง เตรียมจะใช้เขานี้ขวิดใส่สองเจ้าจอมผู้กำลังตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบโดยสิ้นเชิงเพื่อจบเรื่องนี้ในทันที!

 

      ' แปลกเกินไป... '  ในช่วงเวลาที่ทุกอย่างกำลังตกอยู่ในการควบคุมของไกรและหน่วยคเณศร์เสียงาของเขา ภายในจิตใจของชายหนุ่มกลับมีอะไรบางอย่างที่สะกิดใจของเขา...เป็นเหมือนก้อนตะกอนเล็กๆที่อยู่ในจิตใจ...ทุกสิ่งทุกอย่างมันได้จังหวะและลงตัวมากเกินไป...จนกระทั่งชายหนุ่มต้องขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่ความคิดเล็กๆบางอย่างที่แล่นเข้าสู่หัวของเขาทำให้ถึงกับต้องลืมตาโพลงทันที 

 

     ...เพราะเขารู้ตัวแล้วในเวลานี้...เขาและท่านเรืองกำลังตกอยู่ในสภาพแบบเดียวกับเจ้าพระยาราชมนตรีบริรักษ์ ผู้กำลังหลงระเริงกับชัยชนะ ก่อนจะก้าวเข้ามาเหยียบบ่วงแร้วที่ไกรบรรจงวางดักไว้ไม่มีผิดเพี้ยน!

 

      " ท่านเรือง! ถอยกลับมา!! "

 

      " ว่าอย่างไรนะ? "

 

         ท่านเรืองหันกลับมาพร้อมกับทวนคำเล็กน้อยอย่างงงงวยและไม่เข้าใจ แต่เสี้ยววินาทีนั้นเอง ที่จิตสังหารอีกสายหนึ่งที่แปลกแยกออกไปกลับพุ่งพรวดขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันที 

 

      " หากเจ้ายืนยันเช่นนั้น ท่านเรือง...เจ้าก็ไม่มีประโยชน์กับพวกเราอีกต่อไปแล้ว "

 

        เจ้าจอมเพ็งพูดขึ้นเบาๆพร้อมกับ ที่ใบหน้าอันยุ่งยากนั้นแปรเปลี่ยนกลายเป็นรอยยิ้มอย่างมั่นใจในชั่วพริบตา...และรอยยิ้มนี้เองที่ทำให้ไกรถึงกับต้องขนลุกวูบทันที เพราะนอกจากจิตคุกคามอาถรรพ์ที่แฝงมากับรอยยิ้มนั่นแล้ว...รอยยิ้มของเจ้าจอมเพ็งและเจ้าจอมแมนก็เป็นรอยยิ้มแบบเดียวกับรอยยิ้มของเขาในชั่วขณะที่เขากำลังเปิดเผยตัวตนและควบคุมทุกอย่างไว้ในกำมือไม่มีผิดเพี้ยน!

 

      " ท่านเรือง!! "

 

        ฉัวะ!

 

        ดาบสดายุที่ถูกหลอมตีขึ้นจากโลหะมีอันดับอย่างเหล็กสังขวานรตลอดทั้งเล่ม ดาบประจำกายของไกรที่ถูกปักค้างอยู่กับสัมภเวสีตนหนึ่งก็ถูกชายหนุ่มนักดาบผู้หนึ่งกระชากออก ก่อนจะพุ่งด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าแลบเข้าใส่ท่านเรืองจากทางมุมอับด้านหลัง ก่อนจะปักดาบสดายุสีเงินวาวเข้าใส่กลางลำตัวของท่านเรืองอย่างถนัดถนี่ ด้วยความที่ดาบถูกสร้างขึ้นจากโลหะศักดิ์สิทธิ์ที่มีอำนาจหักล้างความคงกระพันชาตรีของเรืองได้ ทำให้คมดาบเล่มนี้กินลึกเข้าไปจนกระทั่งปลายดาบทะลุออกด้านหน้า เลือดสีแดงสดทะลักออกมาจากบาดแผลฉกรรจ์นี้โดยทันที!

 

        นักดาบผู้เดียว นอกจากไกร...ที่มีความสามารถในสายเชิงดาบระดับสูงจนสามารถจับดาบสดายุที่ถูกสร้างจากโลหะมีอันดับได้ และรวดเร็วเกินกว่าที่ไกรหรือใครก็ตามจะสามารถเข้าขัดขวางหรือหยุดยั้งได้ทัน

 

     ...ผู้ที่โถมแทงท่านเรืองจากทางด้านหลังด้วยดาบสดายุไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหนึ่งในหน่วยคเญศร์เสียงาอีกคนของเขา...หลวงยกกระบัตรเมืองตาก หรือสินนั่นเอง!  

 

      " สิน?! "

 

        ไกรถึงกับต้องเบิกตาโพลงพร้อมกับตวาดดังลั่นอย่างไม่เข้าใจทันที แต่ท่าทีของสินที่เวลานี้หน้าตาเหม่อลอยราวกับกำลังไม่มีสติอยู่กับเนื้อกับตัวทำให้ชายหนุ่มชะงักกึกทันที

 

      " นี่...ไม่ใช่...สิน!...ท่าน--ไกร...หนีไป! "  ท่านเรืองที่กระอักเลือดสีแดงคล้ำออกมาเป็นลิ่มๆกัดฟันพร้อมกับใช้เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ทั้งหมดตะโกนบอกไกร ก่อนจะฟุบลงไปกับพื้น ลงแทบอยู่ที่เท้าเจ้าจอมเพ็งและเจ้าจอมแมนในทันที...พร้อมๆกับที่ควายธนูสีขาวเผือกนามว่าทรพา รวมไปถึงกุมารีนามว่าลูกแก้วและลูกขวัญที่สร้างม่านพลังเพื่อปกป้องถวายการอารักขาพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูงทั้ง ๓ พระองค์จะค่อยๆสลายหายตัวกลายเป็นอากาศธาตุไปโดยทันที ด้วยเหตุที่ผู้ควบคุมไม่อยู่ในสภาพและสติสัมปชัญญะที่จะสามารถควบคุมทั้ง ๓ ได้อีกต่อไป!

 

      " ท่านเรือง! "

 

      " ในเวลาเช่นนี้อย่าพึ่งเป็นห่วงออกญาเพชรบุรีเลย ท่านไกร "

 

        สิ้นคำพูดที่หวานใสราวกับเสียงดนตรีของเจ้าจอมเพ็งและเจ้าจอมแมน เหล่านางกำนัล นางรำและนักดนตรีสาว...รวมไปถึงเหล่าพระสนมนางในนับหลายสิบนางที่เคยนั่งจับกลุ่มขดตัวพร้อมกับตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัวจะค่อยๆลุกขึ้นยืนโงนเงนขึ้นอย่างไร้สติสัมปชัญญะ ไม่ต่างอะไรกับเหล่าซอมบี้ที่ปลดปล่อยจิตคุกคามอันน่าขนลุกออกมา จนทำให้พระที่นั่งแห่งนี้ ไม่ต่างอะไรกับนรกบนดินไม่มีผิดเพี้ยน!

 

      " คิกๆ ...พวกท่านคงลืมเลือนความสามารถที่สำคัญและเก่งกาจที่สุดของเหล่าสัมภเวสีและหมู่มวลวิญญาณทั้งปวงไปเสียแล้วล่ะกระมัง...ความสามารถในการ เข้าสิงสู่ อย่างไรล่ะ! "

 

      " ย...แย่ล่ะสิ! "

 

      " ไกร! / เจ้าพระยาพิทักษ์ฯ! "  เสียงตรัสเรียกของสมเด็จพระเจ้าอุทุมพรและสมเด็จพระอัครมเหสี กรมขุนวิมลพัตร ที่เวลานี้ถูกล้อมรอบด้วยเหล่าสัมภเวสีอันน่าเกลียดน่ากลัวโดยไร้ซึ่งม่านพลังของลูกแก้ว-ลูกขวัญที่จะคอยถวายการอารักขา จนเวลานี้เหลือเพียงสมเด็จพระพี่นางพินทวดีที่พระพักตร์ขาวซีด และเหล่าคุณท้าวจ่าโขลนชรา ๔-๕ นาง เป็นปราการป้องกันด่านสุดท้ายเท่านั้น!

 

      " พ่ออยู่หัว! สมเด็จท่าน!! "  ไกรที่เห็นดังนั้นก็กวัดแกว่งดาบสัมพาทีที่เหลืออยู่เพียงเล่นเดียวในมือพร้อมกับพยายามจะพุงกลับไปถวายการอารักขา แต่สินที่เวลานี้ถูกวิญญาณใต้อาณัติของเจ้าจอมทั้งสองสิงสู่จนกลายเป็นหุ่นกระบอกให้เจ้าจอมเชิดอยู่ก็กวัดแกว่งดาบสดายุฟาดฟันใส่เขาอย่างรวดเร็วจนบังตคับให้เขาต้องหันกลับมาและยกดาบสัมพาทีขึ้นตั้งรับโดยทันที!

 

        เคร้ง!

 

      " เวร! "  ไกรที่ถูกบีบให้เป็นฝ่ายตั้งรับ แถมยังต้องตั้งรับผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา ทั้งยังใช้ดาบของเขาเล่นงานเขาเองอีกต่างหาก ทำให้ไกรถึงกับต้องสบถออกมาดังลั่นทันที

 

      ' ...บ้าเอ้ย!...ทั้งๆที่ถูกเข้าสิงแท้ๆ แต่ดันใช้ดาบได้อย่างเต็มฝีมือเช่นเดิม...ถึงจะอยากภูมิอกภูมิใจที่เราสามารถสั่งสอนคนระดับท่านสินให้เก่งกาจขึ้นจากวันแรกที่เจอได้ถึงเพียงนี้ก็เถอะ แต่เวลาแบบนี้มันเกินระดับ ซวยกะลุดกุดหม้อ ไปแล้วนะ! ...และที่น่าเจ็บใจที่สุด--- '

 

      " เจ็บแสบดีไหมล่ะ ท่านไกร...แต่อันที่จริงท่านน่าจะภูมิใจนะ นี่เราใช้แผนของท่าน...ลอกเลียนแบบชนิดแทบทุกกระเบียดนิ้วเลยทีเดียว "

 

      " ฮะๆ ลองโดนย้อนเกล็ดแบบนี้ ภูมิใจออกก็แปลกแล้ว! " 

 

        กึก!

 

        เจ้าจอมเพ็งและเจ้าจอมแมนที่เวลานี้ยืนอยู่ด้านหลังของสิน และเหล่าสนมนางในทุกคนที่อยู่ในสภาพเดินลากขาราวกับซอมบี้ยิ้มแย้มจนเห็นไรฟันอย่างน่ารักราวกับนางฟ้านางสวรรค์ (ที่อยู่ท่ามกลางนรกบนดินแห่งนี้) และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราวกับเสียงดนตรีอีกครั้งว่า

 

      " โปรดอย่าห่วงไปเลยนะ ท่านไกร...สมเด็จท่านทั้งสาม รวมถึงเหล่าพระสนมและนางในทุกนางจะไม่เป็นอันตรายใดๆแม้แต่รอยขีดข่วน...เพราะเราจะต้องใช้พวกนางและท่านๆทั้งหลายเป็นองค์ประกันเพื่อดำเนินแผนการขั้นต่อไป "

 

      " ...เอ่อ "

 

      " แต่ท่านนั้นต่างออกไป ท่านไกร...จะบอกว่าพิเศษกว่าคนอื่นก็คงจะได้กระมั้งนะ...เพราะรองหัวหน้าแห่งกลุ่มบรรลัยกัลป์ของเรามีคำสั่งพิเศษแบบลับๆมาถึงเรา...ว่าถ้าหากมีโอกาส...ก็ให้ฝังท่านได้ทันทีโดยไม่ต้องลังเล...คิกๆ เป็นอย่างไรล่ะ...พิเศษกว่าคนอื่นๆอย่างที่เราว่าจริงๆใช่หรือไม่? ...ท่านไกร "

 

      ' พ...พิเศษเพิ่มลูกชิ้นแบบนี้ตูไม่เอาเฟ้ย!! '

 

 

 

 

 

 .................................................

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา