เมย่า เจ้าสาวจำเป็นกับนายจอมโหด

-

เขียนโดย ealfamoon

วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.07 น.

  7 ตอน
  2 วิจารณ์
  9,030 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2557 00.32 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) วิมารเทพเมอร์ริซ่า ตอนจบ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

เปรี้ยง!!! 

 

เสียงตะโกนของเทพเมอร์ริซ่าดังลั่นวิมารสีขาวจนเกิดเป็นสายฟ้าฟาดบนท้องฟ้าสีครามเลยทีเดียว

“อ่อย...ท่านแม่  พูดเบาๆก็ได้  หูข้าจะระเบิด”  ฉันยกมือขึ้นปิดใบหูทั้งสองข้างของตนที่ตอนนี้มันอื้อตื้อไปหมด 

 

“ไอ้  10  ปีที่เจ้าว่ามานะ  มันแค่โลกสีดำอย่างเดียวไม่ใช่หรือยังไง  ห๊ะ!!  ส่วนอีก  1,200 ปีที่เหลือ เจ้าก็ไปเที่ยวเล่นที่โลกอื่นจนแทบจะทั่วจักรวาลแล้วเนี่ย  เฮ้อ...”  หญิงสาวถอนหายให้อย่างเหนื่อยหน่ายกับนิสัยนี้ของลูกสาว

 

“ดีนะที่ข้าสังหรณ์ใจไม่ดี  เลยตื่นจากการจำศิลก่อนเวลานะ”  ดวงตาสีฟ้าสดงดงามเช่นเดียวกับฉันฉายแววเป็นห่วงอย่างเด่นชัดจนฉันอดยิ้มตามไม่ได้

 

“แล้วนี่ไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม  ข้าตกใจมากเลยนะ  ตอนที่เห็นภาพเจ้าวิ่งหนีสัตว์ประหลาดหน้าตาแปลกๆ นั่นโดยที่ใช้เวทย์มนต์ไม่ได้

เจ้าก็รู้นี่ว่าเทพอย่างพวกเราต้องใช้เวทย์มนต์จากพลังจากธรรมชาติ

แล้วที่นั่นได้ข่าวว่าพลังธรรมชาติก็มีน้อยมาก  เจ้าก็ไปเที่ยวเล่นเสร็จแล้วทำไมไม่รีบกลับมา  มัวไปเถลไถลอยู่ทำไมตั้ง  10  ปี  มันอันตรายนะรู้บ้างไหม” 

โห่  ท่านแม่เล่นถามมาทีเดียวหลายคำถามแบบนี้  แล้วข้าจะตอบคำถามไหนก่อนดีละ 

 

‘แล้วก็สัตว์ประหลาดที่ท่านแม่พูดถึงนะ  มันคือรถยนต์ต่างหาก’    

 

“ข้าขอโทษท่านแม่  ข้าไม่เป็นอะไร  อย่างที่ท่านเห็น  ข้าสบายดี  ไม่ได้รับบาดเจ็บที่ส่วนไหนของร่างกาย”  นี่เป็นประโยคแรกที่ฉันพูดออกไป  ก่อนจะเดินเข้าไปกอดเทพเมอร์ริซ่าผู้ยิ่งใหญ่ตรงหน้าที่ตอนนี้กำลังทำหน้าราวกับจะร้องไห้เสียให้ได้

 

“ตอนแรกข้าก็ไม่รู้หรอกว่าโลกสีดำมันอันตราย  ข้าแค่อยากจะไปเที่ยวเล่นตามประสาเท่านั้น 

แต่เมื่อเข้าไปแล้วข้าก็พบปัญหาใหญ่คือ โลกแห่งนั้นมีพลังธรรมชาติน้อยมากจนแทบจะไม่มี”  ฉันพักหายใจก่อนจะพูดต่อว่า

 

“ตอนนั้นข้าก็อยากจะเดินทางออกจากโลกสีดำซะเดี๋ยวนั้นเลยเหมือนกัน  เพราะรู้ว่าหากเกิดเหตุไม่คาดฝันละก็ข้าคงเอาตัวรอดไม่ได้แน่ๆ”  ฉันยิ้มอ่อนให้ท่านแม่

 

“แต่ข้าก็เดินทางกลับไม่ได้เพราะ  พลังธรรมชาติที่ต้องใช้ในการเดินทางข้ามมิติมันมีไม่พอ  ข้าจึงจำเป็นต้องอยู่ที่โลกแห่งนั้นยาวนานถึง  10  ปี  เพื่อค้นหาสถานที่ที่มีพลังธรรมชาติบริสุทธ์มากที่สุดของโลกสีดำเพื่อที่จะใช้ในการเดินทางข้ามมิติยังไงละ” (ความจริงถ้าจะสะสมพลังธรรมชาติเอาไว้ในตัวรอให้เพียงพอที่จะใช้ค่อยนำมาใช้เป็นพลังในการเดินทางข้ามมิติก็ได้  แต่ฉันก็มักจะนำไปใช้ในเรื่องไร้สาระอยู่เรื่อย  เช่น  เชือดพวกอันธพาล  เป็นต้น)

ฉันอธิบายพร้อมกับคลายอ้อมกอดลงแล้วสบตากับผู้เป็นแม่แทน

 

“นี่ถ้าท่านแม่ไม่พาข้ากลับมาละก็...ปานนี้ไม่รู้อีกกี่ปีกว่าข้าจะได้กลับมาที่บ้านของเรานะเนี่ย  ครั้งนี้ต้องขอบคุณท่านแม่จริงๆ เจ้าคะ  ที่เรียกข้ากลับมา  รักที่สุดเล๊ยย”   >,<  ฉันพูดพลางก้มลงไปห้อมแก้มหญิงสาวที่ฉันทั้งรักและเคารพที่สุดในชีวิต

 

เทพเมอร์ริซ่ายิ้มกับท่าทางน่ารักของธิดาองค์นี้ของตน  พลางคิดว่าก็เป็นซะแบบนี้แล้วจะให้โกรธลงได้ยังไงกัน...

 

เด็กสาวเมื่อเห็นว่าเทพเมอร์ริซ่ายิ้มตอบรับออกมาก็รู้ทันทีว่าท่านแม่ของเธอไม่ได้โกรธเรื่องที่เธอไปเที่ยวเล่นในสถานที่อันตรายสักนิด...   

 

 

‘เอ๊ะ  ไม่ได้ๆ  ต่อให้ไม่โกรธ  แต่ถ้าไม่ลงโทษซะบ้าง  เด็กดื้อคนนี้ต้องหาทางไปเที่ยวเล่นไกลๆ  ให้เราต้องเป็นห่วงอีกแน่

เพราะฉะนั้น...คิก...ต้องเจอไม้นี้  จะได้เข็ดหลาบเสียบ้าง  อายุก็ปาเข้าไปจะหมื่นปีแล้วยังทำตัวเป็นเด็กเล็กๆไปได้’  เทพเมอร์ริซ่าหัวเราะออกมาเบาๆ  เมื่อคิดว่าต้องดึงไม้เด็ดมาใช้กับลูกสาวตัวแสบ 

 

 

“เหอะ  ไม่ต้องมาทำเนียนเลยนะ  ยังไงข้าก็ต้องลงโทษเจ้าที่ทำให้ข้าเป็นห่วงซะขนาดนี้” เทพเมอร์ริซ่าแกล้งทำเสียงแข็งใส่บุตรสาวแสนดื้อของตน

 

“ง่า...ท่านแม่อะ  ก็ได้ๆ  เห็นแก่ความน่ารักของท่านที่ไม่โกรธข้านะ  จะลงโทษอะไรข้ายอมทั้งนั้น  ว่ามาเลย  ^.^” 

‘เหอะ  จะรุนแรงสักเท่าไหร่เชียว’  ฉันคิดอย่างไม่คิดมาก  จะคิดมากให้ปวดหัวทำม๊าย 

สมัยรุ่นๆ  เอ้ยสมัยฉันยังเด็กๆ  (อายุประมาณ  1,500  ปี) 

ฉันดันไปใช้เวทย์ผิดพลาดจนเกิดเป็นภัยพิบัติน้ำท่วมในโลกเมอร์ริซ่า  โชคดีที่ไม่มีมนุษย์คนไหนตายเพราะท่านพี่เมรินช่วยไว้ได้ทัน  เรื่องในครั้งนั้นทำให้ท่านแม่โกรธมาก  จนสั่งลงโทษฉันให้ไปอยู่ที่หลุมดำตั้ง  200  ปีแหนะ  ฉันยังไม่คิดมากเล๊ยยย  ToT  (แม่ใครวะ  โหดชิบ...)

 

 

แต่ละวันในหลุมดำโครตว่างเปล่า T^T   มีแต่ความมืดมิด  ฉันเหงา  และเซงสุดๆ  แต่ก็ไม่ได้โกรธอะไรท่านแม่หรอก  ได้แต่คิดว่านั่นเป็นบทลงโทษที่สมควรกับความสะเพร่าของตัวเองแล้วจริงๆ 

จนเมื่อถึงเวลาที่ฉันหลุดพ้นโทษออกมา

ตัวฉันที่ออกมานั้นกลายเป็นคนไร้ความรู้สึกไปพักใหญ่ๆ  เลยละ  (แต่ก็ยังลงไปเที่ยวเล่นที่โลกมนุษย์ตามเคยแล้วก็เผลอฆ่าคนเป็นว่าเล่น   ฮะ ฮาๆๆ  คิดแล้วก็....อยากลงไปเชือดเล่นอีกสักคนสองคน  เอ้ย  ไม่ใช่แล๊ววว...)

แต่ไม่นานฉันคนเดิมก็กลับมา  ว๊าก ฮาๆๆ  \>o</

(น่ารัก  ใจดี  มีเมตตา  เชือดคนอย่างมีเหตุผล?...)

 

 

“บทลงโทษของเจ้าคือ....”  <<< เสียงท่านแม่

 

“คือ...” <<<  เสียงฉัน

 

“คือ....”  <<<  เสียงท่านแม่

 

“โอ้ย...ท่านแม่มัวแต่ชักช้าอยู่นั้นละ  รีบบอกน้องไปสิเจ้าคะ  เรื่องนั้นนะ...อุบ...คิก...”

นั่นไม่ใช่เสียงฉันนะ  แต่เป็นเสียงของท่านพี่เมรินที่นั่งอยู่บนบัลลังสูงต่างหาก  เห้ย แล้วนั่นหัวเราะอะไรอะ  มีเรื่องอะไรสนุกๆหรอ ?  อะไรๆ.... O,O 

พอฉันมองขึ้นไปก็พบท่านพี่เมรินกำลังกลั่นขำอย่างเอาเป็นเอาตายกับเมราผู้เป็นน้องสาวที่นั่งอยู่ตรงบัลลังข้างๆ

 

“อุบ...คิก....ฮาๆๆๆ  ท่านพี่ก็อย่าขำสิเจ้าคะ  น้องก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกันนะ  อุบ...คิก”  เสียงเล็กนั้นเป็นของเมราน้องสาวฉันเอง  เห้ย...ไม่เข้าใจ  เล่าหน่อยซิเว้ย    นี่ตกลงมีเรื่องอะไรก๊านน...

 

“ท่านพี่เมรินตลกเรื่องอะไรกันอะ...เมราเจ้าด้วย...เล่าให้พี่ฟังมั่งซิ   นี่พี่ไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียวเลย...เฮ้!” (- -*)  ดูมันทำ  ยิ่งฉันถามสองคนนั้นก็ยิ่งระเบิดหัวเราะเลยทีนี้

 

“ก๊ากกก  ฮาๆๆ   อุบ  คิก  ไม่ไหวๆ  ก๊ากกก” หมดละความเป็นเทพ....

 

“ทั้งสองคนอย่าไปแกล้งเมย่าสิ  อุบ...”  อ้าว  เห้ย  ท่านแม่ก็เป็นไปกับเค้าด้วย

 

“เอาเลยขำกันให้พอใจ  เสร็จแล้วก็ไปบอกด้วยแล้วกันว่าขำกันเรื่องอะไร  ข้ากลับเข้าห้องละ”  ไม่บอกอย่าบอก  ไปนอนดีกว่า  เหนื่อย  ฉันหันหลังทำท่าจะเดินไป  เสียงพี่สาวตัวดีก็เรียกซะก่อน

 

“แฮก  จ้าๆ  บอกแล้วๆ   โอ้ย  ขำจนท้องแข็งไปหมดแล้วเนี่ย”  เมรินบอกกับน้องสาวตนพลางหอบหายใจเสียงดัง  ซึ่งดูเหมือนน้องสาวคนเล็กก็มีอาการเดียวกับเธอ

 

“เมย่า  เจ้าจำเรื่องเมื่อสามพันปีก่อนได้ไหม  ที่ตอนนั้นพวกเราเป่ายิ้งฉุบกันหนะ” เมรินลุกออกมาจากบัลลังพร้อมกับเมราแล้วเดินเข้าไปหาเมย่า

 

“โห้ย...ตั้งสามพันปีที่แล้วใครจะจำได้อะ” นานขนาดนั้นฉันจำไม่ได้หรอกเฟ้ย  เจ้าพี่บ้า!!

 

“แน่ใจนะ  ท่านพี่ลองนึกดูดีๆ ซิ”  เมราถามฉัน

“อืม...แปบนะ  เป่ายิ้งฉุบหรอ....เริ่มคุ้นๆแหะ...”  ฉันเริ่มจำได้รางๆแล้ว  เห้ย...เดี๋ยวก่อนนะ O,o

 

 

 

....ความทรงจำเมื่อ  3,000  ปีก่อนของเมย่า...

 

“ท่านพี่เมย่า...มนุษย์นี่ชอบก่อสงครามกันจริงๆ  เนอะ  ท่านพี่ว่าปะ” เสียงของเมราเรียกฉันที่กำลังขัดดาบประจำกายให้หันไปมอง

“นั้นสิ  นี่ก็รบกันไปมาตั้ง  900  ปีแล้วนะ  ยังไม่เลิกกันอีก  นั่น...มนุษย์หนุ่มคนนั้นหล่อล้ำมากเลย  นั้นสเปคท่านเมรินเลยหนะคนนั้น”  ฉันหันไปมองจอภาพขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นจากพลังเวทย์มนต์ของเมราที่ตอนนี้กำลังฉายภาพเหล่ามนุษย์หลายคนที่แต่งกายในชุดนักรบกำลังฆ่าฟันกันอย่างเมามัน

แต่มีอยู่คนหนึ่งที่เด่นกว่าทุกคนเพราะหน้าตาอันหล่อเหล่าราวกับรูปปั้นและร่างกายอันแข็งแกร่งบึกบึนจากการฝึกฝนอันหนักหน่วงนั้นทำให้ทุกครั้งที่ชายคนนั้นฟาดฟันดาบลงไปที่ร่างของศัตรูเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนก็จะสะบัดพริ้วไปด้วยแล้วยังดวงตาสีเทาทรงพลังคู่นั่นอีกที่จ้องมองเหล่าศัตรูผู้ถืออาวุธวิ่งเข้าใส่ตนอย่างไม่หวั่นเกรง...

 

“อืม...ออร่าสีขาวที่เปล่งประกายรอบตัวมีมากพอควรเลย  แสดงว่าต้องเป็นมนุษย์ที่มีจิตใจดีคนหนึ่งแน่ๆ” รวมๆ ก็ผ่านนะมนุษย์คนนี้  เพราะฉะนั้น...

 

“ท่านพี่ๆ  มาทางนี้เร็วข้าเจอหนุ่มล้ำแบบที่ท่านพี่ชอบด้วย!!!”  ฉันตะโกนเสียงดังเรียกหาเทพผู้เป็นพี่

 

“ไหน!!”  และเจ้าหล่อนก็มาโครตไว...(- -*)  นี่ฉันควรดีใจหรือเสียใจดี  ที่มีพี่สาวเป็นแบบนี้...

 

“โอ้...” เมรินกำลังเคลิบเคลิ้มไปกับความหล่อของมนุษย์ชายคนนั้น

 

“เห้ย...ท่านพี่  น้ำลายๆ  เช็ดหน่อย” ฉันสะกิดไหล่พี่สาวที่ตอนนี้มองมนุษย์หนุ่มคนนั้นจนน้ำลายหกแล้ว!!

 

“ว้าว!  รสนิยมลูกแม่ใช่ได้เลย” นั่นเสียงท่านแม่  แล้วนี่มาตอนไหนเนี่ย...  (ที่สำคัญกว่านั้นคือหล่อนก็เป็นไปกับเค้าอีกคน!  นี่หล่อนเป็นพระเจ้านะเว้ยเห้ยยยย...)

ฉันหันไปมองคนที่มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงอย่างตกใจ

 

“ชอบหรอ...พ่อหนุ่มคนนั้นหนะ”  ท่านแม่ถามท่านพี่เมรินเบาๆ  ซึ่งคนถูกถามก็พยักหน้าตอบแรงๆ  กลับไปโดยที่ไม่ละสายตาไปจากจอภาพเลยซักนิด  โธ่  แม่คุณ...ไม่ทันไรก็หลงหัวปักหัวปำแล้วนั้น...

 

“งั้นก็...”

“ตามธรรมเนียมของบ้านเรานะ  ถ้าจะลงไปมีความสัมพันธ์กับมนุษย์ก็ต้องเป่ายิ้งฉุบให้ชนะก่อน”

ว่าละ...ท่านแม่ต้องไม่ห้าม 

ทำไงได้  ยิ่งท่านพี่เมรินลงไปนะยิ่งดีเลย  สงครามของพวกมนุษย์ได้จบก็งานนี้ละ  เหอะๆ  ฟาดเวทย์ทำลายล้างเปรี้ยงเดียว...ตายเรียบ...(- -*)  ไม่มีใครกล้าหือ...

 

ถึงฉันจะไม่ค่อยอยากเล่นก็เถอะ  เอาก็เอาฟระ  เพื่อพี่สาว!!!

 

“มาเลย...!!!”  สี่แม่ลูกตั้งวงกันก่อนจะกำมือไว้

 

“เป่า...!!!”

 

“ยิ้ง...!!!”

 

“ฉุบ...!!!” 

 

ผลที่ออก......

 

ค้อน <<< ฉัน

 

กระดาษ<<<  ท่านแม่กับเมรา

 

ส่วนท่านพี่เมรินก็....

(...)

 

กรรไกร!!!

 

 

กฎของการเป่ายิงฉุบมีอยู่เพียง 4  ข้อนั้นคือ 

  1. ต้องเล่นทั้งครอบครัว
  2. ต้องชนะเทพผู้อาวุโสที่สุด (ผู้ที่อาวุโสที่สุดในวิมารหลังนี้ก็คือเทพเมอร์ริซ่า)
  3. ผู้ที่มีอายุน้อยกว่าผู้ท้าไม่มีสิทธิ์ชนะจะต้องแพ้หรือเสมอเท่านั้น   (อืม...แล้วฉันก็ดันไปชนะท่านพี่  อ๊าก...) (ผู้ท้าคือคนที่จะลงไปมีความสัมพันธ์กับมนุษย์)
  4. ถ้าผู้ชนะมีอายุน้อยกว่าผู้ท้า...ผู้ชนะจะต้องถูกทำโทษ!!!...

 

             ผู้ตั้งกฎ....เทพเมอร์ริซ่า....

____________________________________________________________________เจอกันเสาร์หน้าเหมือนเดิมนะจ้ะ  ขอบคุณที่ติดตามจ้า...

ติดตามต่อได้ที่

http://writer.dek-d.com/ealfamoon/writer/view.php?id=1229685

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา