The Revenge ความแค้นที่หอมหวาน

9.2

เขียนโดย MeTang

วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 04.06 น.

  36 ตอน
  10 วิจารณ์
  37.08K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 15.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) ตอนที่ 13

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

               กว่าที่ปอนด์จะมาถึงวายสตาร์คลับก็เป็นเวลา 3 ทุ่มกว่าแล้ว ที่นี่คนยังแน่นเหมือนเดิมไม่ต่างจากที่เขามาเที่ยวกับโจ๊กเมื่อเกือบ 2 ปีที่แล้ว ทั้งชายหญิงต่างแต่งตัวประชันเหมือนแคทวอร์คสำหรับเหล่านายแบบนางแบบ ทุกคนที่มาเที่ยวนี้ต่างก็มีหลากหลายเหตุผล เช่นเดียวกับปอนด์แม้ไม่ได้มาเที่ยว แต่เขาก็มีธุระที่ต้องเคลียร์กับเจ้าของถานที่แห่งนี้

                คนเริ่มทยอยเข้ามากันเรื่อยๆและเริ่มจับจองพื้นที่กันอย่างหนาตา จนพื้นที่ที่กว้างขวางอย่างที่นี่ดูเล็กลงไปถนัดตา สำหรับวายสตาร์คลับที่นี่แบ่งออกเป็น 2 โซน คือโซนที่โล่งเหมาะสำหรับนั่งสังสรรค์เคล้าด้วนดนตรี แต่อีกโซนจะจัดหนักสำหรับคนชอบที่มืดแคบแบบผับหรือบาร์

                ปอนด์เดินเลี่ยงสถานที่บันเทิงนี้ไปยังตึกติดกัน ที่เปิดเป็นลานจอดรถและออฟฟิส แม้คราวก่อนเขาจะแวะมาในสภาพที่ไม่มีสติ แต่การค้นคว้าข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตทำให้เขามั่นใจแล้วว่ามาถูกทางเขาหยิบมือถือขึ้นมาโทรทันทีเมื่อมาถึงภายใต้อาคาร

                “ครับเจสัน ผมอยู่ที่ลานจอดรถแล้วครับ ชั้น 1 ครับ”

                “คุณปอนด์รออยู่แถวทางเข้าเลยนะครับ ไม่เกิน 5 นาทีผมจะไปรับ”

                “ครับ”

                ปอนด์วางสายและเดินตามหาอะไรสักอย่างที่เขาคิดว่าใกล้เคียงกับคำว่าทางเข้าระหว่างที่เขากำลังรอก็มีรถหลากหลายราคาขับวนเวียนมาจอดเรื่อยๆ บางคนดูหรูหน่อยก็อาจจะเป็นพนักงานรับรถขับมาจอดให้

                “สวัสดีครับคุณปอนด์” เจสันวางฝ่ามือที่นุ่นนวลลงบนบ่าของปอนด์

                ปอนด์เอี้ยวตัวกลับไปเบื้องหลัง พบเจสันในชุดสูทอย่างเป็นทางการเหมือนที่เขาเจอเมื่อเกือบอาทิตย์ที่ผ่านมา ปอนด์เองยังนึกสงสัยว่าเจสันจะใส่ชุดอื่นได้บ้างมั้ย ที่ไม่ใช่ชุดที่ดูทางการแบบนี้ หรือริวกิจะสั่งให้เขายิงตัวตายถ้าหากเห็นเจสันใส่เสื้อยืดไปทำงาน

                เจสันเดินนำทางปอนด์ไปยังทางที่ค่อนข้างเปลี่ยว ดูเหมือนจะเป็นพื้นที่ที่ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามายุ่มย่ามได้ ทั้งคู่ต่างเดินมาโดยที่ไม่ได้ทักทายอะไรกันอีกเลย จนมาถึงลิฟท์สำหรับพนักงานออฟฟิสตัวหนึ่ง ปอนด์พยายามจดจำรายละเอียดทางหนีทีไล่ทั้งหมดไว้อย่างละเอียด ทั้งคู่เข้าลิฟท์ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิด โดยเจสันผายมือเชื้อเชิญให้ปอนด์เป็นคนเข้าไปก่อน

                “ทำไมวันนี้ยอมให้ผมเดินเข้ามาเองได้ล่ะครับ” ปอนด์ถามขณะที่เจสันกำลังกดลิฟท์

                “ท่านริวกิให้ผมพาคุณปอนด์ไปหา ท่านไม่ได้สั่งให้ทำอะไรนอกเหนือจากนี้ครับ”

                “คุณทำแค่ตามคำสั่งของเจ้านายอย่างนั้นเหรอครับ”

                เจสันไม่ได้ตอบคำถามใดๆ ปล่อยให้ความเงียบนำบรรยากาศวังเวงเข้ามาครอบคลุม

                “ผมขอโทษสำหรับเรื่องวันก่อนนะครับ”

                “อ... อ่อครับ” ปอนด์หน้าแดง “ผมลืมมันไปหมดแล้วครับ ถ้าผมยังโกรธอยู่ ผมคงไม่กลับมาที่นี่”

                “ผมรู้ครับว่าสิ่งที่ท่านริวกิทำไป อาจเป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัย แต่ท่านริวกิเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลที่มั่งคั่ง จึงเติบโตมาในสภาพแวดล้อมการเลี้ยงดูที่ตึงเครียด…”

                “แล้วยังไงครับ ไม่ว่าชีวิตเขาจะเจอเรื่องแย่ขนาดไหน มันก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่เขาจะมาระบายอารมณ์กับใครก็ได้”

                “ครับ” น้ำเสียงของเจสันที่ตอบออกมา แม้แต่ปอนด์ก็คาดเดาความรู้สึกไม่ได้

                ไม่นานนักลิฟท์ก็ถูกลากขึ้นมาถึงชั้นที่ 24 ประตูเปิดออกเผยให้เห็นทางเดินที่งดงาม พรมสีแดงถูกปูไว้ย่างหรูหราราวกับคฤหาสน์

                “ถึงแล้วครับ”

                เจสันก้าวนำปอนด์ไปยังห้องทำงานของริวกิ ทางเดินที่โอ่อ่าประดับไปด้วยแจกัน รูปปั้นและภาพวาดที่สวยงาม มันทำให้รู้สึกไม่เหมือนออฟฟิส แต่เหมือนโรงแรม 5 ดาวที่มีระดับ เว้นแต่ไม่มีแขกเข้าพักอยู่จริง

                ปอนด์ตามเจสันมายังประตูไม้ที่มีลูกบิดคริสตัลบานใหญ่ ข้างหน้ามีเค้าเตอร์ตั้งอยู่ ปอนด์คิดว่าน่าจะเป็นของเลขาส่วนตัวของริวกิแน่นอน เพราะเขาเห็นแฟ้มเอกสารกองพะเนิน จนอดสงสัยไม่ได้ว่าต้องใช้เวลากี่เดือนถึงจะอ่านเอกสารข้างในนั้นได้หมด

เจสันเคาะประตู 3 ครั้งก่อนที่เสียงในห้องนั้นจะตอบอนุญาต เจสันเปิดประตูที่มีป้ายชื่อ ริวกิ มิยากาว่า ก่อนจะผายมือเชิญให้ปอนด์เข้าไป

                “เจสันแกออกไปดูแลความเรียบร้อยที่โซน D ด้วยนะ อย่าให้ลูกค้ามีเรื่องกันเหมือนเมื่อวานอีก” เสียงทุ้มใหญ่ที่ดูมีอำนาจสั่งขึ้น

                “ครับท่าน” เจสันโค้งตอบรับคำสั่ง

                “แล้วถ้าฉันยังไม่เรียกให้แกขึ้นมา ก็ไม่ต้องมาป้วนเปี้ยนแถวนี้”

                “ครับ” เจสันโค้งรับอีกครั้งก่อนจะปิดประตู

                ปอนด์ไม่รู้ว่าในแต่ละวันเจสันต้องก้มโค้งคำนับริวกิวันละกี่รอบ แล้วคนอย่างเจสันจะเคยมีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลังหรือมีเวลาส่วนตัวบ้างหรือเปล่า เพราะดูเหมือนว่าชีวิตเขาทั้งชีวิตต้องอุทิศให้เจ้านายคนเดียว

                “นายมีธุระอะไร” ริวกิถาม

                “ฉันแค่อยากจะมาขอบคุณนาย”

                “เรื่องไหน... เงิน หรือ เซ็กซ์”

                “คนทุเรศ สมองนายคงคิดได้แต่เรื่องต่ำๆแบบนี้สินะ”

                “หรือนายไม่คิด”

                การเถียงกับริวกิดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องดีสำหรับปอนด์สักเท่าไหร่ เขาพยามข่มอารมณ์ไม่ให้ระเบิดออกมา แต่เจ้าริวกิก็เหลือเกินเห็นหน้าแล้วรู้สึกหมั่นไส้ คำพูดที่เอาแต่ใจก็ยิ่งทำให้โมโห

                “ช่างมันเถอะ นายจะคิดอย่างไรมันก็เรื่องของนาย”

                “นั่งก่อนสิ ทำตัวตามสบายนะเรามันคนคุ้นเคยกันอยู่แล้ว” ริวกิยิ้มมุมปาก

                ปอนด์ฟึดฟัดก่อนจะเลือกเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้าของริวกิ โดยมีโต๊ะทำงานขนาดใหญ่กั้นไว้เท่านั้น

                “จริงๆถ้าแค่เรื่องเงินนายไม่น่าจะต้องลำบากมาขอบคุณฉันก็ได้” ริวกิเอนหลังบนเก้าอี้อย่างสบายใจ “ปกติฉันทำบุญกับพวกมูลนิธิยังมากกว่านี้เลย”

                “ปากดีนักนะนาย” ปอนด์พยามข่มใจ

                “ดื่มอะไรดีล่ะ ว็อดก้าหน่อยมั้ย” ริวกิลุกขึ้น

                “ไม่ต้อง... นายเอาแก้วไวน์ 2 ใบมาก็พอ”

                ริวกิสงสัยอยู่ในใจกับท่าทีแปลกๆของปอนด์ แต่ก็ยอมไปหยิบแก้วไวน์ตามที่ปอนด์ขอ

                “วันนี้ฉันเตรียมไวน์มาเพื่อเป็นการตอบแทนนาย มันอาจจะไม่ได้แพงมากมาย แต่เชื่อเหอะว่า ฉันอยากดื่มกับนายจริงๆ” ปอนด์หยิบไวน์ทั้ง 2 ขวดจากในกระเป๋าขึ้นมา

                “ถ้าอย่างนั้นฉันจะเอาไปเปิดให้”

ริวกิคว้าขวดไวน์ทั้งหมดหายวับไปในโวนห้องครัว ถ้าปอนด์ไม่รู้ว่านี่คือห้องทำงาน เขาคงคิดว่านี่คือคอนโดหรูของริวกิ เพราะนอกจะมีห้องทำงานขนาดใหญ่แล้ว ยังมีห้องนอน ห้องครัว และห้องน้ำภายในนี้อีกด้วย

“นายจะเอาอะไรอีกมั้ย” ริวกิกลับมาพร้อมพร้อมไวน์ 2 ขวดที่เปิดฝาแล้ว

                 “นายมีอะไรกินเล่นมั้ย ถ้าไม่มีฉันขอน้ำเปล่าสักแก้วเผื่อเมาแล้วกัน”

                แม้จะตงิดในใจแต่ริวกิก็ยอมทำตามที่ปอนด์เรียกร้องทุกอย่าง สำหรับริวกิแล้วปอนด์ก็แค่หนูทดลองตัวเล็กที่ไร้พิษภัยใดๆ แม้จะกัดเขาก็คงไม่รู้สึกเจ็บสักเท่าไหร่

                ปอนด์รินไวน์จนเกือบเต็มแก้วให้ตัวเองส่วนอีกแก้วที่เป็นของริวกิ เขารินไวน์จากอีกขวดในปริมาณเท่ากันกับแก้วแรก แต่ต่างกันที่ขวดที่รินให้ริวกิ ปอนด์ได้ผสมอะไรบางอย่างลงไปก่อนหน้านี้แล้ว เขาพยายามรินให้ช้าที่สุด เพื่อให้ริวกิมาเห็นตอนเขารินไวน์ให้

                ริวกิเดินกลับมาจากห้องครัวและยื่นแก้วน้ำให้ปอนด์ ปอนด์กล่าวขอบคุณก่อนจะยื่นแก้วไวน์ที่ผสมยาไว้เป็นการแลกเปลี่ยน

                “ปกติไม่มีใครเขารินไว้จนเกือบเต็มแก้วหรอกนะ” ริวกิอ้อมไปนั่งตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามปอนด์

                “สำหรับคนไม่ปกติเช่นนายและฉัน” ปอนด์ยกแก้วไวน์ในมือพร้อมพยักหน้าท้าทาย “ทำไม... นายกลัวฉันจะวางยานายเหรอ”

                “ในตัวนายไม่มีอะไรให้ฉันต้องกลัวเลยสักนิด” ริวกิยกแก้วไวน์ตอบกลับ

                “ฉันไม่คิดทำอะไรโง่ๆแบบนั้นหรอก” ปอนด์ยิ้มมุมปากอย่างมีชัย

                “ก็ดีที่นายคิดได้ เพราะถ้านายทำอะไรโง่ๆแบบนั้นจริง เกรงว่าคนที่เดือดร้อนจะเป็นนาย”

                “หมดแก้ว แด่ปีศาจต่ำทรามอย่างนาย”

                “ค่อยสมกับเป็นนายหน่อย” ริวกิหัวเราะอย่างพอใจ

                ทั้งคู่ทำท่าเหมือนชนแก้วกันกลางอากาศ ก่อนจะเริ่มกรอกไวน์ในแก้วของตัวเองเข้าปากจนแก้วว่างเปล่า ปอนด์หายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะใช้หลังมือเช็ดปากที่เปื้อนเขาก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือเพื่อจับเวลาการออกฤทธิ์ของยา ในขณะที่ริวกิวางแก้วเปล่าลงต่อหน้า

                “กลิ่นเหมือนน้ำยาล้างห้องน้ำเลยว่ามั้ย” ริวกิปล่อยเสียงหัวเราะออกมา

                “ก็ใช่สิ นี่มันไม่ใช่ไวน์ขวดละหมื่นละแสนเหมือนที่นายชอบดื่มหนิ”

                “เปล่า ฉันไม่ชอบดื่มไวน์หรอกนะ แต่ฉันจะบอกอะไรให้นายรู้ไว้อย่าง” ริวกิหัวเราะต่อ “ฉันมีความรู้เรื่องไวน์มากกว่านาย”

                “มันก็คงมีกลิ่นแปลกๆเป็นธรรมดาของอยู่แล้วล่ะ” ปอนด์ยิ้มอย่างเก็บงำเล่ห์เหลี่ยม

                “ใช่ เพราะไวน์ยี่ห้อนี้กลิ่นจะฉุนแรงขึ้นจมูก ไม่ละมุนลิ้นเป็นธรรมดาอยู่แล้ว” ริวกิหัวเราะ “คราวหน้าถ้านายไม่มีรสนิยมให้การเลือกเครื่องดื่มแบบนี้นายก็ไม่จำเป็นต้องซื้อมาก็ได้นะ... นายมาแค่ตัวก็พอแล้ว”

                “มันคงจะไม่มีคราวหน้าหรอก เพราะฉันจะจัดการนายให้ได้ในคราวนี้” ปอนด์ลุกขึ้นยืน “ก็ไม่แปลกหรอกหากไวน์ในแก้วนั้นจะมีกลิ่นหรือรสที่แปลก เพราะฉันผสมยาที่ทำให้กล้ามเนื้อนายอ่อนแรงลงไป”

                “ดูท่านายคงจะไม่เคยดื่มไวน์ยี่ห้อนี้มาก่อนสินะ” ริวกิหัวเราะร่วน

“หัวเราะไปก่อนเหอะ เพราะอีกไม่กี่วินาทีต่อจากนี้นายอาจจะไม่มีแรงแม้แต่จะเปล่งเสียงออกมา” ปอนด์ใช้มือค้ำโต๊ะเอาไว้ “แต่ไม่ต้องกลัวนะ เพราะมันแค่ทำให้นายหมดแรงแต่ไม่ทำลายความรู้สึกของนาย”

                “แล้วอีกนานมั้ยกว่าฉันจะเห็นผล”

                “เตรียมรับถอยหลังได้เลย” ปอนด์จ้องนาฬิกาที่ข้อมืออีกครั้ง

                “…5…” ปอนด์ยิ้มที่มุมปาก

                “…4…”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา