The Revenge ความแค้นที่หอมหวาน

9.2

เขียนโดย MeTang

วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 04.06 น.

  36 ตอน
  10 วิจารณ์
  37.09K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 15.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

17) ตอนที่ 17

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

               ปอนด์ลืมตาตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของริวกิ เขาจำแทบไม่ได้ว่าเขาเผลอหลับไปเมื่อไหร่ ภาพสุดท้ายของคืนคือภาพริวกิดึงตัวเขาราวกับหมอนข้างที่ไม่ใช่ใส่ น่าแปลกที่ยิ่งใกล้ชิดริวกิปอนด์กลับรู้สึกปลอดภัย ไม่หวาดกลัวเหมือนครั้งก่อน แต่จะอย่างไรก็ตามความผิดของริวกิที่เคยทำกับปอนด์ กลับตามหลอกหลอนให้เขารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

                ในห้องนอนของริวกินอกจากจะเงียบแล้ว ยังปราศจากหน้าต่างจึงทำให้ไม่มีแสงสว่างจากภายนอกเล็ดลอดมารบกวนได้ ปอนด์พยายามงัวเงียภายใต้วงแขนเนียนนุ่มของริวกิอย่างเกรงใจ เขากลัวริวกิจะตื่นขึ้นมาในขณะที่เขายังอยู่ที่นี่ เพราะปอนด์ไม่รู้ว่าริวกิที่มีสติจะทำอะไรร้ายกาจกับเขาบ้าง

                ปอนด์ค่อยๆผละตัวออกจากอ้อมอกของริวกิอย่างเงียบกริบที่สุด เขาพยายามสอดส่ายสายตาหาอะไรก็ได้ที่สามารถบอกเวลาเขาได้ แต่จะว่าไปแล้วจะกี่โมงก็ช่างเถอะ เพราะอย่างไรเสียมันก็ถึงเวลาที่ปอนด์จะไปจากที่นี่อยู่ดี เขาจะจากไปเป็นครั้งสุดท้าย และปอนด์ไม่คิดจะกลับมาอีก เขายืนยันกับใจตัวเองเช่นนี้

                ริวกิยังคงนอนหลับตาพริ้มด้วยความเหนื่อยล้า ในขณะเท้าของปอนด์แตะพื้นเป็นครั้งแรกของวัน เรี่ยวแรงที่สลายไปดูเหมือนจะกลับมาเป็นปกติแล้ว เขาค่อยๆเปิดผ้าห่มที่คลุมกายอยู่ออก ก่อนจะยืนทรงตัวขึ้นบนพรมสีขาวที่มีขนนุ่มนิ่ม

                “เฮ้ย!” ปอนด์อุทานออกมาเบาๆเมื่อพบสภาพตัวเองเปลือยล่อนจ้อนอยู่ นี่เขานอนกอดริวกิในสภาพที่ไม่ใส่อะไรทั้งคืนเลยหรือนี่ ด้วยความอายเขาจึงเริ่มมองหาเสื้อผ้าที่ถูกปลดทิ้งไป

                ปอนด์กวาดสายตาไปรอบๆห้อง มองเห็นนาฬิกาที่ตั้งใกล้โคมไฟที่บอกเวลาว่าตอนนี้ 6 โมงเช้าแล้ว จากนั้นก็เป็นภาพริวกินอนเปลือยท่อนบนอยู่ โดยมีผ้าห่มคลุมครึ่งล่างไว้ และที่สุดเขาก็สะดุดอยู่กับกล้องที่ตั้งไว้ข้างเตียง ปอนด์หยิบมันขึ้นมาก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่เตียงใกล้ๆริวกิ เขามองไปยังใบหน้าที่ไร้พิษสงของริวกิ

                “ตอนนอนนี่คงเป็นตอนที่นายน่าอยู่ด้วยที่สุดแล้วล่ะสำหรับฉัน” ปอนด์คิดในใจก่อนจะยกกล้องขึ้นมาแนบดวงตา ใบหน้าของริวกิที่ปอนด์มองผ่านเลนซ์เข้ามามันทำให้เขารู้สึกว่าริวกิเป็นคนที่มี่เสน่ห์อยู่ไม่น้อย “ท่าทางนายตอนหลับก็ดูน่ารักเหมือนกันนะ”

                ปอนด์เผลอกดชัตเตอร์เก็บภาพมุมต่างๆของริวกิไว้อย่างไม่รู้ตัว วงแขนที่มีมัดกล้าม เนินอกที่ขาวเนียน ลอนท้องที่สวยงาม จนไปถึงดวงตาที่เรียวสวย ปอนด์เก็บภาพความทรงจำนี้ไว้เวลาที่จะไม่ได้เจอกันอีก โดยที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะเก็บภาพของผู้ชายคนนี้ไว้ทำไม

                เมื่อเริ่มได้สติว่าการกระทำของตัวเองดูงี่เง่าและเหมือนพวกโรคจิต ปอนด์ก็เริ่มมองหาเสื้อผ้าอีกครั้ง เขามองไปยังประตูห้องของริวกิที่ปิดสนิท ซึ่งปกติแล้วมันจะเปิดอยู่ตลอดเวลา จากนั้นเขาก็เริ่มสอดส่ายสายตาลงต่ำอีกครั้ง และกางเกงในลายกัปตันอเมริกาก็เป็นสิ่งแรกที่เขาเจอ ปอนด์รีบลุกขึ้นทันทีเพื่อจะหยิบมาใส่

                “จะไปไหน” ริวกิคว้ามือปอนด์ไว้แม้จะยังหลับตาอยู่

                “ป... เปล่า” ปอนด์หันหลังมองอย่างตกใจ

                “ทำไมทุกคนชอบทิ้งฉัน” ริวกิกระชากปอนด์ให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขน ก่อนจะกอดรัดให้หลังที่เปลือยเปล่าของปอนด์แนบชิดกับกล้ามหน้าท้องของตัวเอง

                “ไอ้บ้านี่... ละเมอแล้วแรงยังเยอะอยู่อีกนะ” ปอนด์ดิ้นตัวเบาๆภายใต้ความอบอุ่นแห่งอ้อมแขนที่ริวกิมอบให้ ปอนด์เริ่มไม่แน่ใจว่าริวกิแรงเยอะจริงๆ หรือเพราะเขาไม่อยากขัดขืน

                ปอนด์รู้สึกแปลกๆเพราะเขาไม่เคยโดนกอดจากข้างหลังมาก่อน และยิ่งในสภาพที่ไม่ใส่อะไรเลย สำหรับเขาแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าอายชะมัด

“ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว”

เสียงริวกิดังแว่วมาจากข้างหลังของปอนด์ ความโดดเดี่ยวอ้างว้างปรากฏออกมาอย่างชัดเจนจากน้ำเสียงของริวกิ และในฉับพลันที่ปอนด์ได้ยินประโยคนี้ เขากลับรู้สึกสงสารริวกิขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ปอนด์ใช้มือข้างหนึ่งกุมมือของริวกิที่กอดเขาไว้ เป็นการส่งภาษากายให้ริวกิรับรู้ไว้ว่า เขาไม่ได้อยู่คนเดียว

“ขอบคุณนะ”

ริวกิเริ่มกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น จนความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านไปถึงหัวใจของปอนด์ เขาวางกล้องไว้ข้างตัวและตอบกลับอ้อมกอดนั้นด้วยการพลิกตัวหันไปหาริวกิ

                ใบหน้าที่ถูกกดให้แนบชิดกับกล้ามหน้าอก ทำให้ปอนด์สูดกลิ่นกายของริวกิได้อย่างเต็มปอด เขาเป็นผู้ชายที่หอมใช่เล่น อาจจะเป็นเพราะครีมอาบน้ำที่ริวกิใช้เมื่อคืน ปอนด์คิดในใจก่อนจะเอียงหน้าเพื่อให้ปลายจมูกของตัวเอง สัมผัสกับหน้าอกของริวกิ ปอนด์วางฝ่ามือไว้บนต้นแขนของริวกิก่อนจะหลับตาพริ้ม

                “ไม่ต้องกลัวหรอกริวกิ... นายไม่ได้อยู่คนเดียว”

 

 

                “ถ้านายยังไม่ตาย ก็ควรจะลุกขึ้นมาได้แล้ว” เสียงริวกิดังขึ้นพร้อมแรงสั่นอย่างรุนแรง

                “โธ่เอ๊ย ปลุกฉันดีๆแบบคนมีมารยาทหน่อยไม่ได้เหรอ” ปอนด์เด้งตัวขึ้นมา แต่ตายังคงหลับอยู่

                “นี่มันจะได้เวลาอาหารเที่ยงแล้วนะฉันหิว”

                “หิวมากนายก็ไปกินก่อนสิ จะมารอฉันทำไม”

                “ถ้านายไม่อยากมีเรื่องก็ไปอาบน้ำซะ หรือที่ลีลาอยู่นี่ต้องการยั่วให้ฉันโมโห นายคงอยากให้ฉันทำอะไรแบบนั้นอีกสินะ”

                “หัวนายคงสกปรกมากสินะ ถึงคิดเรื่องที่มันสูงกว่าสะดือไม่ได้” ปอนด์ลืมตา ภาพที่เขาเห็นคือริวกิที่กำลังติดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวอยู่ “นายคงคิดว่านายดูดีมากจนฉันอยากจะยั่วนายมากสินะ”

                ริวกิไม่ตอบแต่ใช้สายตาลวนลามไปยังร่างกายทุกส่วนของปอนด์

                “อะไร” ปอนด์จ้องสายตาที่อยู่ไม่นิ่ง ก่อนจะก้มมองไปยังร่างกายของตัวเองเพื่อพบกับร่างที่ล่อนจ้อนของตัวเอง

                “ฉันให้แม่บ้านเอาผ้าห่มไปซัก เพราะมันเลอะมาก” ริวกิยิ้มมุมปาก “วันหลังนอนก็หัดหุบปากซะบ้างคราวนี้จะไปอาบน้ำได้หรือยัง”

                ปอนด์ทำหน้ามุ่ยก่อนจะเดินลงอ่างที่มีคนเตรียมน้ำอุ่นไว้รอแล้ว ชุดคลุมอาบน้ำสีขาวก็ถูกพับตั้งไว้ที่อ่างล้างหน้า ปอนด์รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกคุณหนูขึ้นมาทันที ไม่นานนักปอนด์ก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ถุงเสื้อผ้าใบใหญ่ถูกตั้งไว้บนเตียงอยู่หลายถุง ปอนด์ตรงไปยังถุงเหล่านั้นทันที เขาเอื้อมมือหยิบกระดาษโน๊ตที่ถูกแปะไว้ข้างๆขึ้นมาอ่าน

                “รีบแต่งตัวซะ ฉันรอทานข้าวอยู่ข้างนอก ชอบชุดไหนก็ใส่เลย ถ้านายช้ามากจนฉันรอไม่ไหว ฉันจะไปแต่งตัวให้นายเอง”   

                ปอนด์อมยิ้มให้กระดาษสีเหลืองในมืออย่างที่อธิบายความรู้สึกไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ปอนด์สามารถอธิบายได้คือ ลายมือนี้คุ้นตาเขามาก เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

 

 

 

                โต๊ะทำงานของริวกิถูกปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นโต๊ะอาหารขนาดเล็ก มีกับข้าวอย่างหรูอยู่ 4 อย่างบนโต๊ะ ปูอลาสก้า กุ้งล็อบสเตอร์ ซุปมิโสะ และปลาหิมะย่างเกลือ

                ปอนด์ออกมาในชุดเสื้อยืดสีขาวและกางเกงขาสั้นสีดำ เขาเดินมานั่งตรงข้ามริวกิอย่างประหม่า เป็นครั้งแรกที่เขามานั่งทานข้าวกับคนใหญ่คนโตแบบนี้

                “นายอยากได้อะไรเพิ่มมั้ย” ริวกิถามอย่างห่วงใย

                “ม... ไม่ล่ะ” ปอนด์ตื่นเต้นกับอาหารที่อยู่ตรงหน้า “นี่มื้อปกติของนายเหรอ”

                “เปล่า”

                “แล้ว... คุณเจสันไม่มาทานด้วยกันเหรอครับ” ปอนด์แก้เขินด้วยการชวนเจสันที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟาหนังสีดำ

                “เจสันเขาไม่นั่งร่วมโต๊ะกับเจ้านาย” ริวกิส่งเสียงดุ “คนที่นายควรจะห่วงคือฉัน ที่นั่งรอนายตั้งนาน”

                เจสันโค้งคำนับเป็นการยืนยันคำพูดของริวกิว่ามันคือเรื่องจริง ก่อนที่ริวกิตักกุ้งล็อบเสตอร์ตัวใหญ่ใส่จานที่ว่างเปล่าของปอนด์ และเริ่มจัดการกุ้งอีกตัวบนจานของตัวเอง

                “นายไม่ถนัดใช้มีดเหรอ” ริวกิถามปอนด์ที่พยามใช้ส้อมกับมีดแกะเนื้อกุ้งที่ติดอยู่ตามเปลือก

                “นายจะหัวเราะเยาะก็ได้นะ” ปอนด์ค้อน

                “ก็น่าจะบอกตั้งแต่แรก” ริวกิแบ่งเนื้อกุ้งที่เขาแกะออกมาแล้วใส่จานของปอนด์

                “นายกินข้าวคนเดียวทุกวันเลยเหรอ” ปอนด์นึกสงสัยเพราะเห็นว่าแทบจะไม่มีใครคบกับริวกิเลย และแม้แต่เจสันที่ดูจะเป็นเพื่อนคนเดียวของริวกิ เขาก็ยังไม่ให้ร่วมโต๊ะรับประทานอาหารด้วยกัน

                “ทำไม? ถ้าใช่นายจะมานั่งกินข้าวกับฉันทุกวันเหรอ”

                “ป... เปล่า”

                “ถ้าไม่คิดจะทำอะไรให้ดีขึ้น ก็อย่าถามดีกว่า”

                “เย็นชาชะมัด” ปอนด์บ่นเบาๆ

                “อะไรนะ”

                “เปล่านี่ ฉันแค่บอกว่าเย็นชะมัด”

                “นายไม่สบายหรือเปล่า” ริวกิทำท่าทางเป็นห่วง “เจสันไปหรี่แอร์หน่อยสิ”

                “ไม่ต้อง” ปอนด์ร้องลั่น “ฉันไม่เป็นไร”

                ริวกิจ้องหน้าปอนด์เขม็ง

                “จริงๆ” ปอนด์เน้นย้ำ “นายนี่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายนะ”

                “นายก็เดี๋ยวดีเดี๋ยวกวนนะ” ริวกิสวน

                สำหรับปอนด์ในตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกว่าริวกิอาจจะไม่ใช่คนที่ร้ายกาจอย่างที่เขาคิด ความจริงริวกิอาจจะแค่อ้างว้างและแสดงออกถึงความอ่อนโยนไม่เป็น คงจะเป็นอย่างที่เจสันเคยบอกไว้ว่า ริวกิเติบโตมาจากน้ำแข็ง หัวใจเขาถึงได้เย็นชาไร้ความรู้สึกถึงเพียงนี้

                เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น ก่อนที่สาวสวยรวบผมหางม้าจะประกฎกายขึ้น เธอเป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่งในสายตาปอนด์ โครงหน้าที่เรียวสวยเมื่อถูกรวบผมตึงไว้ ยิ่งทำให้สัดบนในหน้าของเธอเด่นชัดขึ้น

                “รุ่งรัตน์เธอเข้ามาทำไม?” ริวกิถามอย่างคนมีอำนาจ “เจสันไม่ได้บอกเหรอว่าวันนี้ฉันห้ามคนรบกวน”

                “ขออภัยค่ะคุณริวกิ เจสันบอกดิฉันแล้ว แต่พอดีมีเรื่องเร่งด่วนค่ะ”

                “แล้วทำไมไม่ต่อสายตรงเข้ามาที่ห้องทำงานของฉัน”

                “มีเอกสารที่ต้องเซ็นค่ะคุณริวกิ” รุ่งรัตน์เดินมาข้างๆริวกิก่อนจะยื่นกระดาษแผ่นบางๆให้ “เป็นค่ารักษาพยาบาลของลูกค้าที่โดนรถเฉี่ยวหน้าคลับของเราค่ะ”

                ริวกิรับเอกสารมาตรวจสอบก่อนจะเซ็นชื่ออนุมัติการเบิกเงินของเลขาสาวสุดสวย

                “ฝากเน้นย้ำลูกค้าคนนี้ไปอีกครั้งด้วยนะว่าทางเราจะช่วยแค่นี้ เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมันเกิดจากความประมาทของเขาเอง และหากเขาจะเรียกร้องอะไรมากกว่านี้ เราจะส่งทนายไปคุยด้วยแทน”

                “ค่ะ” รุ่งรัตน์รับเอกสารมาก่อนจะเดินออกจากห้องนี้ไป

                ปอนด์รู้สึกว่ารุ่งรัตน์แอบจ้องมองเขาตอนที่ริวกิอ่านเอกสาร อาจจะเพราะริวกิไม่เคยมีแขกมาหาเลยก็ได้ มันจึงทำให้พนักงานที่นี่ตกใจกับเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นนี้ก็ได้

                “นายได้ออกไปไหนมาไหนเหมือนชาวบ้านปกติบ้างหรือเปล่า” ปอนด์พยายามหาเรื่องคุย “หรือชีวิตนายต้องอยู่แต่บนนี้... เคยได้รับลมธรรมชาติบ้างมั้ย”

                “มันเหมือนชีวิตที่ต้องคำสาป เป็นปีศาจร้ายที่ต้องเฝ้าขุมสมบัติ” ริวกิตอบอย่างเศร้าสร้อย “นายคงไม่รู้หรอกว่าการมีเงินทองกองไว้มากมาย แต่หาซื้อความสุขให้ชีวิตไม่ได้มันเป็นอย่างไร”

                “ฉันไม่เข้าใจหรอกนะ เพราะฉันก็ไม่ได้เกิดมาเป็นนาย ความสุขของนายกับของฉันมันถึงได้ต่างกัน”

                “นายอยากให้ฉันขอโทษกับเรื่องราวที่ผ่านมา... อย่างนั้นสินะ”

                “ฉันไม่ได้อยากเรียกร้องอะไรจากนาย เพราะนายไม่มีสิ่งที่ฉันอยากจะได้”

                “อะไรล่ะ?”

                “ฉันมีเพื่อน ความอบอุ่น และความจริงมากกว่านายเยอะ”

                “ฉันควรอิจฉานายมั้ย”

                “ไม่จำเป็น... แต่ก่อนจะเป็นผู้รับ นายควรจะเป็นผู้ให้ก่อน”

                “ฉันให้คนอื่นตั้งเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็นนาย หรือแม้แต่ลูกค้าที่ฉันไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ แค่เขาถูกรถเฉี่ยวหน้าคลับของฉัน ฉันก็ยินดีช่วยเหลือค่าพยาบาลให้เขา” ริวกิแย้ง “มีตรงไหนที่ฉันยังไม่ได้ให้ใครมั้ย”

                “นายแค่จ่ายเงินเพื่อซื้อความรู้สึก เมื่อเงินหมดความรู้สึกดีๆเหล่านั้นจะหมดไปตามเช่นกัน... นายต้องใช้ใจแลกใจมันถึงจะเป็นมิตรภาพที่ยั่งยืน”

                “มิตรภาพคือจุดอ่อนของมนุษย์ เพราะความใจอ่อนและความอ่อนแอมันถึงทำให้นายต้องเป็นเหยื่อของฉันถึง 2 ครั้งยังไงล่ะ”

                “มันไม่ใช่ความอ่อนแอ ฉันแค่ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมคนอย่างนาย”

                “จะอะไรก็ช่างเถอะ สิ่งที่ฉันเป็นอยู่มันทำให้ฉันอยู่รอดในโลกธุรกิจได้”

                “นั่นสินะ... มันก็เป็นชีวิตของนาย ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันเลย”

                “เดี๋ยวฉันไปส่งนายที่อพาร์ทเม้นต์ตอนดึกๆนะ”

                “ไม่เป็นไรฉันกลับเองได้”

                “มันจะมีบ้างมั้ยที่นายจะไม่ดื้อ” ปอนด์ยิ้มอย่าละมุน “นายก็รู้ว่าท้ายที่สุด นายก็ต้องยอมฉันทุกอย่างอยู่ดี”

                ปอนด์เงียบเฉย เพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะต้องเถียงกับความจริงที่เขาไม่มีวันชนะเขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมริวกิถึงทำดีกับเขามากมายขนาดนี้  ถ้าไม่ใช่เพราะสำนึกผิดก็คงเป็นเพราะเห็นเขาเป็นสัตว์เลี้ยงแก้เบื่อ แต่สำหรับปอนด์ที่ความแค้นเริ่มมอดดับลงไป เขาก็ยังทำใจให้อภัยริวกิยังไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่ค้างคาในใจไม่ให้เขารู้สึกดีกับริวกิมากไปกว่านี้

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา