สะดุดรัก นายหน้าหวานจอมป่วน (yaoi 18+ 3P)

-

เขียนโดย กระดาษษา

วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.47 น.

  3 ตอน
  1 วิจารณ์
  8,711 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2557 17.49 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) พบเจอ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ผม ชื่อ ปัจวัฒน์  แต่ทุกคนมักเรียก ปันปัน  หรือที่ชอบเรียกกันบ่อยๆ ตัวเล็กไม่ก็เตี้ย  แต่คำว่าเตี้ยนิมันช่างเกาะกินหัวใจผมมาก  มีใครที่อยากเกิดเป็นผู้ชายแล้วสูง 162  บ้าง  พ่อแม่รังแกฉัน  ทั้งที่พอผมก็สูง ตั้ง 182  แต่ ผมดันได้ยีนเด่นมาเต็มจาก แม่ ที่สูงแค่ 152  ดีหน่อยที่ผมสูงกว่าแม่ตั้ง 10 เซน 

      “ปัน   ลูก แม่จะออกไปตลาด เอาผลไม้ไปส่ง  จะฝากซื้ออะไรไหม”

      “ไม่”ผมปฏิเศษ ก่อนจะลงมือเก็บของลงกระเป๋าเดินทาง อย่างเป็นระเบียบ   พรุ่งนี้ผมก็จะได้ไปมหาวิทยาลัยวันแรก  ผมรู้สึกตื่นเต้นหน่อยๆ สามวันมานี้ผมแทบจะไม่ได้ทานข้าวเลย

       “งั้นแม่ไปก่อนนะ  รีบเก็บของล่ะพรุ่งนี้เราจะออกรถตั้งแต่เช้ามืด”

        “ครับผม”

       ผมมองแม่เดินไปขึ้นรถที่พ่อสตาร์ทรอ  ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเก็บของต่อ  บ้านผมเป็นบ้านชั้นเดียวแต่มีสองหลัง หลังหนึ่งเป็นบ้านพ่อกับแม่  อีกหลังหนึ่งเป็นของตายกับยายแต่ท่านเสียแล้ว มันเลยตกเป็นของผมโดยปริยาย  และหลังบ้านผมเป็นสวนผลไม้ย้อมๆ ไม่ว่าจะเป็นกล้วย  ลำไย  ส้มโอ  เงาะ  และแตงโม  แม่ผมทำสวนต่อจากยายที่เสียไป  ส่วนพ่อ รับจ้างทั่วไป ซ่อมไฟ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ต่าง ๆ   และตอนนี้ผมกำลังจะเรียนต่อคณะวิศวกรรมศาสตร์สาขาอิเล็กทรอนิกส์ เพราะจบไปจะได้ช่วยพ่อทำงาน  และจะได้ไม่ต้องไกลบ้าน

 

 **************************************

       “แม่ครับ  ปันมาเรียนนะ  ไม่ได้ไปไหนไกลซะหน่อย คิดถึงก็มาหาปันก็ได้”ผมปลอบมารดาที่ร้องให้ตั้งแต่พ่อขับรถออกจากบ้านจนขนของเข้าห้อพักเสร็จแม่ผมยังไม่เลิกร้อง  แถมยังสะอึกสะอื้นอย่างกับเด็กอายุสิบขวบ  พ่อผมได้แต่สายหัวไปมา

        “ก็คนมันคิดถึงอ่ะ ร้อยวันพันปีปันไม่เคยจะอยู่บ้านคนเดียว  ทำอะไรก็ไม่เป็นสักอย่างขนาดรีดผ้าบ้านก็เกือบไหม หุงข้าวหม้อข้าวก็ระเบิด  ทอดไข่ก็ยังกินไม่ได้ ต้มมาม่ายังทำหม้อแม่ทะลุเลย แล้วแบบนี้ปันของแม่จะอยู่ยังไง  ให้แม่มาอยู่เป็นเพื่อนไหม”

       “ไม่ต้องเลยคุณ  ถ้าคุณมาอยู่เป็นเพื่อลูกแล้วผมจะอยู่กับใคร”

      “งั้น มาอยู่ด้วยกันทั้งสามคนเลยเอาไหม”แม่ผมออกความคิดเห็นซึ่งพ่อได้แต่ส่ายหัวไปมา

      “ถ้าแม่มาอยู่กับผมแล้วบ้านล่ะ  สวนนั้นอีก  ไอ้ดำกับไอ้ด่างล่ะ แม่กลับไปกับพ่อเถอะนะ  เดียวเสื้อผ้าปันจะส่งซักรีด  ข้าวก็จะซื้ออาหารตามสั่งเอา  ไข่ก็จะไม่ทอดกินเอง ม่าม่าก็จะไม่ต้มกินเองถ้าไม่จำเป็น  แม่ไม่ต้องเป็นห่วงปันหรอก”ผมยกเหตุผลร้อยแปดขึ้นมาอ้าง

   “นั้นสิคุณ”พ่อผมเสริม  “ถ้าคุณมาอยู่กับลูก  จะอยู่ยังไง  บ้านก็แคบ  ห้องก็เล็กเราอยู่สามคนไม่ไหวหรอก  เอางี้ ผมจะพาคุณมาหาลูกเดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่าสองครั้ง หรือ ถ้าลูกปิดเรียนเราก็มารับลูกกลับไปอยู่ด้วย  ตกลงไหม”

   “จริงน่ะ”แม่ผมมองหน้าพ่อก่อนจะหยิบชายเสื้อพ่อขึ้นมาเช็ดน้ำตาแถมยังซั่งน้ำมูกเสียงดัง  จนคนเป็นพ่อได้แต่ทำหน้าเอ็นดู 

    “ผมสัญญา   งั้นเรามากลับกันเถอะเพราะลูกจะได้พักผ่อนพรุ่งนี้เปิดเรียนแต่เช้า”

     “งันแม่กลับก่อนนะ  แล้วเจอกัน รักษาตัวให้ดีล่ะ  อย่าซนอย่าไปไหนคนเดียว  ห้ามกลับบ้านหลังหกโมงแม่จะโทรหาเราทุกๆ 1ชั้วโมง  หลังหกโมงเย็น”

     “ครับ  กลับบ้านดีนะ  แล้ว ปันจะโทรหา”ผมยิ้มให้แม่ที่ทำท่าทางเป็นห่วงจนน้ำตาเม็ดโตเริ่มจะไหลอีกครั้ง

      “เดียว   มาให้ปันจุ๊บลาหน่อย”ผมวิ่งเข้าไปหอมแก้มพ่อกับแม่  ก่อนจะถอยหลังกลับมายืนที่เดิม  “กลับบ้านปลอดภัยนะครับ  แล้วปันจะโทรหาบ่อยๆ”

    “รักษาตัวเองให้ดีนะลูกแม่เป็นห่วง”แม่ทำท่าจะเดินเข้ามากอดผมอีกรอบแต่โดนพ่อห้ามไว้ก่อนไม่อย่างนั้นวันนี้คงไม่ได้กลับบ้าน

   “ครับ  แม่กับพ่อก็รักษาตัวดีๆนะ”ผมบอก ก่อนพ่อจะลากแม่ขึ้นรถ  ซึ่งแม่ผมได้แต่ทำท่าไม่พอใจแต่ก็ยอมตามขึ้นแต่โดยดี  ผมมองรถวีโก รุ่นล่าสุดวิ่งออกไปจนสุดสายตาก่อนจะเดินขึ้นห้อง

*************************************

วันนี้เป็นวันประถมนิเทศ ผมเดินเข้าหอประชุมด้วยชุดนักศึกษาชายเป็นระเบียบ  ซึ่งทุกสายตามองมาที่ผมอย่างแปลกใจ   ผมสังเกตตัวเองว่ามีสิ่งไหนผิดปรกติก็ไม่เห็นมีอะไร จึงเดินไปเข้าแถว

“นี้เธอ”ผู้หญิงข้างๆทักผม  ผมหันไปมองก็เห็นเธออยู่ในชุดพิธีการของผู้หญิงเป็นระเบียบซึ่งเธอสูงกว่าผมหน่อยๆ

  “ครับ”ผมตอบรับก่อนจะยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร

   “เป็นตัวอะไร”เธอถามผม  ผมได้แต่ทำหน้างงเธอจึงพูดเสริมขึ้น

   “เป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย  หน้าเหมือนผู้หญิงแต่แต่งตัวเป็นผู้ชาย”

   ผมได้แต่ถอนหายใจเพราะครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมโดนทักแบบนี้  มันแทบจะเป็นส่วนนึ่งในชีวิตผมแล้ว  ที่คนมักมองว่าผมเป็นผู้หญิง  หรือบางครั้งก็โดนทักว่าเป็นทอม  ทั้งที่ผมเป็นผู้ชาย

   “ผู้ชายครับ  100% ”

     ผู้หญิงคนนี้ทำท่าทางไม่เชื่อ  ก่อนจะเธอจะเอามือมาจับหน้าผม เหมือนตั้งการพิสูจน์อะไรสักอย่าง

   “อย่ามาโกหก”

   “ผมไม่ได้โกหก”ผมเถียงคอเป็นเอ็น  แต่ผู้หญิงคนนี้ไม่มีทีท่าว่าจะเชื้อผมสักนิด

   “นวดสักเส้นก็ไม่มี  ปากก็แดง ตาก็กลม ขนตาก็ยาว  ผิวก็ดีอย่างกลับกลีบบัวแถมยังนุ่มอีกต่างหาก  จมูกนั้นอีก  มันเชิดอย่างกับจมูกผู้หญิง  บอกตรงๆ หน้านายจิ้มลิ้ม หน้าจับทำเมียมากกว่าทำสามี  แล้วนายชื่ออะไร  ฉันชื่อ แพร”

    “ปันปัน”ผมตอบพร้อมกับยิ้ม ให้กับความตรงไปตรงมาของแพร 

    “ปันปัน นายรู้ไหม  ฉันเกิดมาเป็นผู้หญิงยังอาย เลย  โอ้ยฟ้าช่างไม่ยุติธรรม  ตกลงนายเป็นผู้หญิงใช้ไหม”เธอยังทำท่าทางไม่เชื่อสายตาตัวเอง

   “ผู้ชาย  ฟังชัดๆน่ะ   ปันปัน เป็นผู้ชาย 100%”

     “โอเค  นายเป็นผู้ชายที่สวยมากๆ   ฉันยอมรับ   นายเรียนสาขาอะไร  ฉันเรียนอิเล็กทรอนิกส์”เธอถามพร้อมกับตอบของเธอเสร็จสัพ

    “เหมือนกันผมก็เรียนอิเล็กทรอนิกส์”ผมตอบ

    “เครตกลงว่าเราเป็นเพื่อกันแล้วใช่ไหม”เธอถามผมพร้อมกับมองมาที่ผมด้วยสายตาไม่น่าเชื่อ  ใครจะเชื่อขนาดพ่อกับแม่ผมยังไม่เชื่อเลยเมื่อผมสอบติดคณะวิศวะ สาขาอิเล็กทรอนิกส์  ไม่ใช่วาผมเรียนไม่เก่ง  แต่เขาบอกว่ารุ่นพี่รับน้องโหด  พ่อกับแม่เลยเป็นห่วงผมเป็นพิเศษ  กลัวว่าผมจะรับไม่ไหวแล้วลาออกเพราะทนความกดดัน

    “นายสังเกตุเห็นไหมตอนนายเดินมา”

    “เห็นดิ”

 “รู้ไหมเพราะอะไร”

  “ไม่รู้จะรู้ได้ไง”ผมตอบ พร้อมกับมองหน้าเธออย่างไม่เข้าใจ

   “เพราะนายสวย  จบไหม”เธอตอบพร้อมกับมองหน้าผมอย่างไม่พอใจก่อนจะสะบัดหน้าหนี  แล้วหันกลับมาอีกครั้ง

     “นายใช้ครีมทาหน้าทาตัวอะไร อาบน้ำแร่แชน้ำนมยี่ห้อไหน นวดหน้าอาทิตย์ล่ะกี่ครั้ง ทำสะปากี่ครั้งต่อเดือน   นายช่วยบอกฉันหน่อย”เธอยิงขำถามที่ผมอดขำไม่ได้  ผมได้แต่มองหน้าเธอแล้วตอบยิ้มๆว่า

      “ไม่ได้ทำอะไรเลย”

     “นายอย่ามาโกหก ฉันไม่เชื่อ” เธอตะโกนอย่างลืมตัว

     “ตรงนั้นใครเป็นอะไรหรือเปล่า”รุ่นพี่ที่มานั่งคุมแถมถามขึ้นพร้อมกับสายตาของทุกคนมองมาที่ผมกับเธอสองคนเป็นตาเดียว

      เธอทำได้แต่ยิ้มแหยะส่งไปให้เพื่อนและรุ่นพี่ก่อนจะหันหน้ามามองผมอีกครั้ง  ผมได้แต่สายหัวไปมา

      เราสองคนนั่งคุยกันตั่งแต่เริมประถมนิเทศจนจบประถมนิเทศ  คุยเรื่องสัพเพเหระ ส่วนมากแพรจะเป็นคนพูดมากกว่าส่วนผมเป็นผู้ฟังทีดีนั่งฟังเธอพูด ไปเรื่อยจนเขาปล่อย  เราสองคนจึงเดินไปทานข้าวก่อนจะแยกย้ายกันกลับหอเพราะพรุ่งนี้จะมีรับน้อง  ช่วงเช้า  จนถึงตอนเย็น

     ผมกลับถึงหอประมานสามทุ่ม ยังไม่ทันจะอาบน้ำก็ผล็อยหลับไปตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นเวลาตีห้ากว่า  ผมลุกขึ้นมาอาบน้ำลางหน้าแปลงฟัน ก่อนจะแต่งตัวด้วยกางเกงขายาวสีดำเสื้อสีขาว 

*****************************************************

ผมเดินทางมาถึงคณะโดนใช้รถฟรี  ผมนั่งรอแพรหน้าคณะไม่ถึงชั้วโมงเธอก็เดินมาด้วยชุดสีเดียวกันกับผม  เธอหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า  ก่อนจะกระชากหัวผมอย่างแรง   ใช้คำว่ากระชากนะครับ

  “เจ็บ เบาๆหน่อย ทำอะไร”

  “ก็มัดแกะให้นายไง  เห็นไหมหน้ารักออก”

เธอยื่นกระจกมาให้ผมพร้อมกับยิ้มอย่างพอใจในผลงานของตัวเอง  ผมที่ข้อนข้างจะยาวนิดหน่อยถูกดึงมารวมกันเป็นกระจุกอยู่ตรงกางหัวสองกระจุก  ผมสายหัวไปมาทำท่าจะดึงออก

    “นายเอาออกเราเลิกคบกัน”

    “อะไร  ทำแบบนี้ ผมก็เหมือนกระเทยสิ”

   “ใครจะกล้าว่านายเหมือนกระเทย  ฉันว่านายเหมือนทอมมากกว่า  ปะไปได้แล้ว  แล้วอย่าดึงออกนะ  ไม่งั้นเลิกคบ”เธอไม่วายหันหน้ามาขู่ก่อนจะยิ้มอย่างพอใจในผลงานตัวเอง.

       ผมกับแพรเดินมาถึงที่นัดรวม  แต่เพื่อนยังมาไม่ครบ เพราะยังไม่ถึงเวลา  ผมกับเธอจึงนั่งเกาะกลุ่มกับเพื่อนผู้ชายอีกสองคนชื่อ พล  กับ แทน 

    “นายเป็นผู้ชายใช้ไหม เพราะวันประถมนิเทศ พวกเราไม่มั่นใจว่านานเป็นตัวอะไร”

     “เป็นตัวอีกแล้ว  ผมเป็นคน ไม่ได้เรียกเป็นตัว”

     “พวกเราขอโทษ”พลกล่าวขอโทษเมื่อผมทำท่าทางไม่พอใจ  แต่ผมแค่ทำเล่นๆนะไม่ได้จริงจังอะไร แค่อยากแกล้งเฉยๆ

     “ผมล้อเล่น  ไม่ต้องพูดเพราะก็ได้  เรียก  มึงๆ กูๆ แต่ไม่เอาตัวนะ อ่อ หรือเรียกอย่างที่พ่อกับแม่ผมเรียกก็ได้ ตัวเล็ก”

     “งั้นเราเรียกนายว่าตัวเล็กนะ”

      “ตามสะดวกเลย”ผมยิ้มให้ทั้งสองคน  ทั้งสองมีท่าทางผ่อนคลายเกือบจะเป็นปกติ

พวกเราคุยเรืองสัพเพเหระจนรุ่นพี่นัดรวม

     “นายที่มัดจุกนะ เดินออกมาข้างหน้าสิ”เสียงรุ่นพี่คนหนึ่งเรียก ผมมองซ้ายมองขาวว่าเป็นใครก็ไม่เห็นใครจะลุกขึ้น 

       “นายที่หน้าหวานๆมัดจุกอ่ะลุกขึ้นแล้วเดินมานี้”

      ผมรู้ในทันทีว่าเขาเรียกใคร  ผมลุกขึ้นก่อนจะเดินออกไปข้างหน้า

      “แนะนำตัว”รุ่นพี่คนนึ่งบอก

     “ผมนายปัจวัฒน์  ชื่อเล่น ปันปัน ครับ”ผมตอบพร้อมกับมองเพื่อนที่มองมาที่ผมอย่างไม่เชื่อคำขึ้นหน้า  แล้วบางคนก็หันไปถามกับว่าผมใช่ผู้ชายหรือเปล่า

        “ว้ายย  น้องเป็นผู้ชาย  อย่างนี้ก็เลนเกมที่เราเตรียมมาได้นะสิ  ไปโอ๊ด  แกจัดเลย”

       “จัดไปอย่าให้เสีย”ทั้งคู่มองหน้ากันก่อนจะยิ้มอย่างเจ้าเลห์   เมื่อผมหันไปมองก็สังเกตเห็นว่ารุ่นพี่มีจำนวน  มากขึ้น  จนไม่ต่างจากพวกผมเลยแม้แต่น้อย

         “น้องจับฉลากเลือกคนที่จะมาเป็นคู่น้องซิ  รายชื่อของรุ่นพี่ทั้งหมด จะอยู่ในถุง  น้องจับได้ใครคนนั้นต้องเดินออกมาข้างหน้าสามก้าว”รุ่นพี่เขาพูดเสียงดังเหมือนจะเป็นการบอกใน ๆ ว่าให้เพื่อนตนเองทำตามกติกา

        “น้องจับ”

เข้ายื่นกล่องที่มีกระดาษม้วนจนเต็มออกมา  ผู้หญิงบางคนถึงกับลุ้นว่าจะเป็นตัวเองหรือเปล่า  ผมยื่นกระดาษที่จับได้  ให้พี่โอ๊ดทันทีก่อนจะเปิดอ่าน

        “ผู้โชคดีคนนั้นได้แก่ อิธาน”  ผมมองหาคนที่เป็นเจ้าของชื่อแต่ไม่เจอ  จนผ่านมาแล้วเกือบนาที  ก็ยังไม่มีใครก้าวมาข้างหน้า 

        “ให้ผมจับใหม่ ได้ไหม เหมือนพี่เขาจะไม่อยู่”ผมทำท่าจะจับกระดาษในกล่องใหม่ก็มีผู้ชาย คนนึ่งเดินออกมา  เขาอยู่ใสชุดนิสิตชาย ที่ไม่คอยถูกระเบียบมากนักเพราะเสื้อสีขาวถูกปล่อยชายออกจากกางเกง ไม่สวมเนคไท  ผมสีดำสะนิด ถูกเสยอย่างลวกๆ  ใบหน้าคม เข้มผิวสีขาวดังกับหิมะ  มองมาที่ผมอย่างไม่พอใจ

           “มาแล้วครับเจ้าชายของเราออกมาแล้ว”เสียงพี่โอ๊ดเอ่ยแซวคนที่เดินออกมายื่นข้างผม เขาแทบจะไม่มองหน้าผมด้วยซ้ำ  เราสองคนต่างกันราวกับฟ้ากับเหว เขาสูงอย่างกับเจ้าชาย ใบหน้าคมเข็ม ดวงตาคมทอดมองไปข้างหน้าอย่างไม่มีจุดหมายเขามองเหมือนทุกอย่างไร้ชีวิต ริมฝีปากบางรับกับจมูกอย่างลงตัว

        “หุบปากเลยน่ะ”เขาเอ่ยขึ้นเมื่อคนที่แซวยังไม่หยุดแซว

       “โอเค  งั้นเรามาเริ่มเกมกันเลย  กติกาง่าย  จับฉลากในกล่อง  ที่จะมีวิธีการลงโทษอย่างวาบหวาน  คนที่ได้ไม้ยายจะเป็นฝ่ายเริ่ม จับจะได้คำว่าอะไรในกล่องไป  เอาเริ่มจับไม้สั้นไม้ยาว”ผมยื้นมือไปจับไม้  ก่อนจะยิ้มอย่างพอใจเมื่อผมได่ไม้ยาว

         “ว่าว ปันปัน จะได้เป็นฝ่ายกระทำนะครับ  ส่วน อิธานจะได้เป็นผ่านถูกกระทำ”

        ผมยิ้มอย่างมีหวังอีกครั้งท้ามกลางเสียงเชียของเพื่อนๆ  ผมลวงมือลงไปจับกระดาษแผ่นหนึ่งพร้อมกับยื่นให้พี่โอ๊ดเหมือนเดิม  พี่โอ๊ดมองกระดาษในมือก่อนจะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

             “ จูบ  ปาก  3  นาที”

         “อะไรน่ะครับ” ผมถาม เพราะยังไม่เข้าใจ

         “จูบ ปาก 3  นาที”พี่เขาเน้นชัดถ้อยชัดคำ  ผมได้แต่มองคนที่ทำหน้านิ่งๆอย่างเกรงใจ

        “ส่วนนายอีธานนายเป็นฝ่ายรับ นายต้องทนเจ็บหน่อยแล้วกัน”ผมมองพี่โอ๊ดที่แซวคนตรงหน้าที่ใบหน้าบอกบุญไม่รับ  ผมไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่เพราะเราเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ดูท่าทางคนที่ชื่ออิธานจะไม่ชอบ  กับเกมนี้สักเท่าไหร่

        “จูบเลยจูบเลย”เสียงเชียจากเพื่อนๆและรุ่นพี่ที่ดังไม่ขาดสาย  โดยเฉพาะเสียงแพรที่ดังกว่าใครอื่น

       “นายไม่เล่นเดียวฉันเล่นแทนนะโว้ย”

        “ฉันจะเล่น”เสียงคนที่ชื่ออิธานพูดตัดบทอย่างไม่พอใจ

        “เอาจูบ”เขาลากเก้าอีที่อยู่ใกล้ที่สุดมานั่งเพื่อที่ผมจะได้จูบสบายๆ หน่อยเพราะพี่เขาเล่นตัวสูงขนาดนั้น

         ผมก้มหน้าลงไปอย่างอายๆ  ตอนนี้ผมคิดว่าหน้าผมคงแดงมากๆ เหมือนผ่านการวิ่งรอบสนามมาร้อยรอบ

         “ผมขอโทษครับ”ผมก้มลงเอาริมฝีปากผมไปแตะค้างไว้อย่างนั้น ผมวางมือไว้บนบ่าคนที่ชื่ออิธานเพราะ ไม่รู้จะวางมือไว้ตรงไหน  เพราะมือไม้มันช่างเกะกะไปหมด  ผมหลับตาเพราะไม่อยากเห็นสายตาไม่พอใจของคนตรงหน้า 

          “กรี้ดดดดดดดดดดด”เสียงกรี้ดของผู้หญิงที่ชอบจิ้น  ดังไปทั่ว  ผมถอนจูบออกเมื่อครบสามนาที  ผมรีบเดินถ้อยหลังไปอยู่หลังพี่โอ๊ดทันทีพร้อมกับซ้อนความเขินไว้เต็มใบหน้า  ผมคิดว่าตอนนี้หน้าผมคงแดงเป็นลูกมะเขือเทศแล้ว  แม่จะรู้ไหมน่ะว่าผมเสียจูบแรกให้กับผู้ชายแถมผมยังเป็นผ่านจูบเขาก่อนอีก

            “ดูสิครับ   น้อง ปันปัน ของเราเขินจนหน้าแดงแล้ว  เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา  คนที่ได้ไม้สั้นจะเป็นฝ่ายรุก กลับ”

           พี่โอ๊ดยื่นกล่องที่มีกระดาษไปตรงหน้าคนที่ชื่ออิธาน  เขายื่นมือลงไปจับ ก่อนจะส่งกลับให้  พี่โอ๊ดอย่างเดิม

        “จูบ  อย่างดูดดื่ม  สองนาที”ผมตาค้างมองข้อความในกระดาษจูบอีกแล้วหรอ 

ผมมองใบหน้าของอิธานที่ยังทำใบหน้าเรียบเฉยดังเดิม

          “เอ่อ  พี่ ครับ  จูบ อย่างดูดดื่มนี้ทำยังไง”ผมถามอย่างสงใส  พร้อมกับมองหน้าคนตรงหน้าที่ทำท่าทางไม่เชื่อคำถามของผม

         “เดียวน้องก็จะรู้เอง   เริ่ม”  

          อิธานลุกจากเก้าอีก่อนจะเดินมาหาผม  ไม่ทันได้ตั้งตัวเขาก็ฉกริมฝีปากบางลงบนปากผมทัน ที   ไม่นะ  เขาพยายามดันลิ้นเข้ามาในปากผม  ผมเม้นไว้จนแน่นแต่เขากับกัดริมฝีปากบนจนผมต้องร้องออกมาเพราะความเจ็บ  เขาใช้จังหวะนั้นแทรกเรียวลิ้นเข้ามา ก่อนจะควานหาความหอมหวานในปาก  ขาผมเริ่มยืนไม่อยู่แต่เขากับกอดเอวผมไว้แน่ ลมหายใจผมเริ่มขาดเป็นห่วงๆเพราะขาดอากาศหายใจ  ก่อนสติผมจะดับไป

          อิธานมองคนตรงหน้าที่หมดสติไปแล้วอย่างเอ็นดู

         “เดียวฉันพาเขาไปห้องพยาบาลเอง พวกแกเล่นเกมกันต่อ”

         เขาพูดตัดบทเมื่อทุกคนมองมาที่คนในอ้อมแขนอย่างเป็นห่วง

 

***********************************************

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา