ลิขิตรักคำสั่งวิวาห์ NC+ (หวานๆ กุ๊กกิ๊กน่ารัก)

9.0

เขียนโดย สุภาวดี

วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 19.22 น.

  15 ตอน
  3 วิจารณ์
  23.27K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557 19.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

15) ตอนที่ 8 ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว 50%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

8

ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว

 

            อรณิชาเดินลงมาจากชั้นบนด้วยอาการง่วงงุนสะลึมสะลือ วันนี้เธอตื่นเช้ากว่าทุกวันอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ทั้งๆ ที่เมื่อคืนกว่าจะข่มตาให้หลับลงได้ก็ล่วงเลยเข้าสู่เช้าวันใหม่ไปหลายชั่วโมงแล้ว เพราะนึกถึงคำขู่ของชายหนุ่มที่บอกว่าหากเธอลงมาช้ากว่าเขา เขาจะขึ้นไปปลุกและอาบน้ำแต่งตัวให้เธอด้วยตัวเอง แค่คิดร่างบางก็ชาวาบขึ้นมาจนไม่อาจทนนอนต่อไปได้

            “พี่ชื่น...” เสียงงัวเงียเรียกหาคนเป็นพี่เลี้ยงทันทีที่เท้าบางแตะถึงพื้น

            “อ้าว คุณหนู มีงานด่วนหรือคะ ลงมาแต่เช้าเชียว” ชื่นเดินออกมาจากในครัวเอ่ยทักนายสาวอย่างประหลาดใจ

            “งานน่ะไม่ด่วน แต่คนที่จะไปส่งน่ะ... เขารีบ” ร่างบางยังคงงัวเงียตอบ ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้ของโต๊ะอาหาร

            “งั้นนั่งรอพี่ชื่นแป๊บนึงนะคะ เดี๋ยวพี่ชื่นไปตักข้าวต้มกุ้งมาให้” พี่เลี้ยงสาวบอกก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัว แล้วกลับออกมาพร้อมด้วยชามข้าวต้มร้อนๆ หอมกรุ่นสำหรับนายสาว

            ไม่นานชายหนุ่มเจ้าของบ้านก็เดินลงมาแล้วตรงดิ่งไปที่โต๊ะอาหารทันทีในเวลาปกติ ร่างสูงชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นหญิงสาวที่รบกวนจิตใจของเขามาตลอดทั้งคืนจนนอนไม่หลับ กำลังนั่งหน้ามุ่ยบอกบุญไม่รับอยู่ก่อนแล้ว

            “ฮึ... นึกว่าจะได้จับเด็กอาบน้ำแต่งตัวซะแล้ว” หมอหนุ่มเอ่ยแซวยิ้มๆ รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

            “ชิ!ฝันไปเถอะ ตาหมอลามก” ใบหน้าหวานหันมาค้อนขวับ ก่อนจะก้มลงตักข้าวต้มที่กำลังอุ่นๆ เข้าปาก

            “ขยันด่าผมจังนะ ระวังเถอะ... จะโดนมิใช่น้อย” วิทยาเอ่ยขู่คาดโทษหญิงสาวพร้อมกับหยักยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ เมื่อเห็นเธอไม่พูดอะไรออกมาอีกหมอหนุ่มจึงหันไปสนใจกับอาหารเช้าของเขา ซึ่งก็คือกาแฟกับขนมปัง และหนังสือพิมพ์ฉบับของเช้าวันนี้

            “คุณไม่ทานข้าวเหรอ” จู่ๆ คนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตากินก็พูดขึ้น

            “อยากให้ผมทานหรือเปล่าล่ะ” ชายหนุ่มถามกลับด้วยรอยยิ้ม พลางลดแขนที่กางหนังสือพิมพ์อยู่เพื่อมองหน้าหญิงสาว

            “ไม่รู้” อรณิชาสะบัดหน้าพรืดทันทีเมื่อรู้ว่าเขาหันมาสนใจเธอมากกว่าหนังสือพิมพ์ในมือ ‘ปากนะปาก ไม่น่าถามเลย เขาไม่กินก็เรื่องของเขาสิ’ หญิงสาวนึกโทษตัวเองในใจ           

            “แล้วถามทำไม” ดวงตาคมเข้มหรี่มองอย่างยียวน

            “ฉันก็แค่คิดว่าอาหารเช้าเป็นมื้อที่สำคัญ แต่ทำไมคนเป็นหมออย่างคุณกลับไม่ทาน” หญิงสาวตอบตามตรงด้วยความสงสัย ทั้งๆ ที่หมอทุกคนต่างก็พร่ำบอกว่าอาหารเช้านั้นสำคัญแต่ชายหนุ่มตรงหน้าที่เป็นหมอกลับไม่กินซะเอง แล้วอย่างนี้จะไปตักเตือนคนอื่นได้ยังไง

            “เป็นห่วงผมเหรอ” คนหลงตัวเองเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ความรู้สึกอบอุ่นแปลกๆ ตีตื้นขึ้นมาในอกอย่างไม่มีสาเหตุ

            “เปล่า...” เสียงแข้งน้อยๆ บอกปัดทันควัน แล้วต้องรีบก้มหน้าสนใจกับข้าวต้มของตัวเองเงียบๆ เพื่อหลบซ่อนรอยยิ้มเก้อเขิน แต่ไม่ว่าจะซ่อนยังไงคนที่ตั้งใจมองก็เห็นอยู่ดี

            “พี่ชื่นขอข้าวต้มให้ผมสักชามสิครับ” ชายหนุ่มอมยิ้มกับตัวเองแล้วหันไปสั่งสาวใช้ที่ยืนอยู่บริเวณนั้น ก่อนจะหันกลับมาจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยดวงตาวาววับเป็นประกาย

            จู่ๆ เขาก็รู้สึกอยากกินข้าวต้มขึ้นมาเสียดื้อๆ หรือเพราะเห็นเธอกินเขาก็เลยอยากจะกินบ้างก็ไม่รู้สินะ ชายหนุ่มตอบตัวเองในใจ แล้วตักข้าวต้มกุ้งที่สาวใช้นำมาให้ใส่ปากพร้อมกับมองหน้าหญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามไปด้วย เขาไม่อยากยอมรับเลยว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันเรียกว่าความสุข

 

            ณ โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังใจกลางเมืองหลวงซึ่งเป็นที่ทำงานประจำของนายแพทย์วิทยา เดชาวัฒนสกุล เช้านี้หมอหนุ่มไม่ได้เข้ามาเพื่อตรวจรักษาคนไข้ แต่เขาจำเป็นต้องมาเอาเอกสารสำคัญเกี่ยวกับตัวเองที่คนเป็นพ่อตาบอกให้ถือไปให้ด้วยในวันนี้ ดังนั้น เขาจึงต้องเข้ามาที่นี่ก่อน

            “คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม ฉันจะไปทำงาน” อรณิชาร้องบอกอย่างไม่ค่อยพอใจ ร่างบางสะบัดสะบิ้งเล็กน้อยเมื่อเขาฉุดรั้งเธอเข้ามาในโรงพยาบาล และมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องซึ่งมีชื่อของเขาแปะไว้

            “คุณจะเข้าบริษัทกี่โมงก็ได้ไม่ใช่เหรอ” วิทยาหันมาพูดเสียงเรียบ มือใหญ่ยังคงบีบกำข้อมือบางไว้แน่น

            “ก็ใช่... แต่ฉันไม่ได้อยากมาที่นี่” คนตัวเล็กค้อนขวับ แต่ไม่กล้าออกฤทธิ์มากนักเพราะที่นี่ไม่เหมาะที่เธอจะทำแบบนั้นได้

            “ผมเข้ามาเอาเอกสารน่ะ วันนี้ผมนัดกับคุณพ่อของคุณเอาไว้... คุณเข้าไปรอผมในห้องก่อน เดี๋ยวผมมา” หมอหนุ่มพูดเร็วกึ่งรีบร้อน เขาก็ไม่อยากจะแวะเข้ามาที่นี่ให้เสียเวลานักหรอก ถ้าเมื่อคืนตอนที่โทรไปหาพ่อตาท่านไม่สั่งให้เอาเอกสารไปเพิ่ม

            “แล้วทำไมไม่ไปส่งฉันก่อนล่ะ” หญิงสาวกระแทกเสียงหงุดหงิดน้อยๆ

            “มันเป็นทางผ่านน่ะคุณ อย่าเรื่องมากน่า... เข้าไป” หมอหนุ่มดันร่างบางให้เข้าไปในห้องทำงานของเขา ก่อนจะหันมาเตือนหญิงสาวอีกนิด

            “อ่อ แล้วเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นน่ะ กรุณาพูดกับผมดีๆ หน่อย... เดี๋ยวใครจะหาว่าผมมีเมียที่ไร้มารยาท”

            “ชิ!รู้แล้วน่ะ” เสียงหวานตอบรับพลางสะบัดหน้าพรืดอย่างน่าหยิก จากนั้นก็เดินไปหาที่นั่งเพื่อรอเขา

            วิทยายิ้มให้กับท่าทางน่ารักน่ามันเขี้ยวของเธอ แล้วรีบก้าวออกไปทันที เพราะเขาต้องไปที่ห้องทะเบียนเพื่อขอเอกสารสำคัญของตัวเอง

 

            อรณิชานั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของชายหนุ่มสักพักก็รู้สึกเบื่อ จึงลุกขึ้นเดินสำรวจดูข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ของคนเป็นเจ้าของห้อง เธอยอมรับว่าเขาเป็นคนที่จัดโต๊ะทำงานได้เรียบร้อยมาก สะอาด เป็นระเบียบ มองแล้วสบายตา ขณะที่หญิงสาวกำลังเดินไปเดินมาอยู่ภายในห้องนั้น จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ ก่อนจะถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับเสียงหวานร้องทัก

            “สวัสดีค่ะคุณหมอวิท...” พยาบาลสาวชะงักค้างเมื่อคนที่อยู่ในห้องไม่ใช่หมอหนุ่มในดวงใจ แต่กลับเป็นหญิงสาวร่างบางสะโอดสะองที่ดูยังไงก็สวยไม่มีที่ติจนเธอนึกหวาดหวั่นขึ้นมา ก่อนที่เสียงหวานจะแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้างทันทีแล้วถามออกไป

            “นี่!หล่อนเป็นใครยะ เข้ามาในห้องคุณหมอได้ยังไง”

            “ฉันก็เดินเข้ามาน่ะสิ... ถามมาได้” อรณิชาบอกยียวน รู้สึกไม่พอใจกับท่าทางไม่เป็นมิตรของอีกฝ่าย พลางนึกต่อว่าในใจ ‘เป็นพยาบาลภาษาอะไร พูดจาไม่ไพเราะเอาเสียเลย’

            “แล้วใครอนุญาตให้หล่อนเข้ามายะ... จะพบคุณหมอก็ต้องนั่งรอข้างนอกก่อน” ขนิษฐากระแทกเสียงชี้แจงกึ่งไล่เล็กน้อย เพราะยังไม่แน่ใจว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนไข้หรือเปล่า

            “เหรอ... แต่ฉันไม่ได้มาพบเขานี่” อรณิชายังคงยียวนไม่เลิก เพราะในเมื่ออีกฝ่ายที่เป็นเจ้าของสถานที่พูดจาไม่ดีกับเธอก่อน เธอก็ไม่จำเป็นต้องรักษามารยาทมากนัก

            “แล้วหล่อนเข้ามาทำไม... ออกไปเลยนะ!” ขนิษฐาตะคอกใส่อย่างเหลืออดเมื่อคนตรงหน้ากำลังกวนประสาทเธอ ในเมื่อหล่อนบอกว่าไม่ได้มาหาคุณหมอก็แสดงว่าไม่ได้เป็นคนไข้ เธอสามารถไล่ได้

            “ไม่ไป!” อรณิชาตอกกลับไม่แพ้กัน

            “มานี่เลย... ฉันบอกให้ออกไปไงล่ะ” พยาบาลสาวตรงเข้ากระชากข้อมือบางของอรณิชาเพื่อจะรั้งให้ออกไปจากห้อง

            “ไม่!ปล่อยฉันนะ ปล่อยสิ” คนถูกจับพยายามสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย ทั้งสองจึงฉุดกระชากลากถูกันอย่างทุลักทุเล จนไม่ทันได้ยินเสียงประตูห้องที่เปิดผัวะเข้ามาอย่างรวดเร็ว

            “หยุดนะ!นี่มันอะไรกัน” วิทยาร้องห้ามสองสาวที่กำลังผลักดันฉุดดึงกันนัวเนียอยู่ในห้องของเขา

            เสียงของชายหนุ่มเจ้าของห้องทำให้พยาบาลสาวรีบปล่อยมือจนแทบจะเป็นผลักหญิงสาวที่เธอจับไว้แล้วผลุนผลันเข้าไปหาหมอหนุ่มทันทีด้วยท่าทางออดอ้อนขอความเป็นธรรม

            “คุณหมอ... คือผู้หญิงคนนี้เข้ามาในห้องคุณหมอโดยไม่ได้รับอนุญาตค่ะ ขิมพยายามจะบอกให้เธอออกไปข้างนอก แต่เธอก็ไม่ยอม” มือบางคว้าหมับที่แขนกำยำของชายหนุ่มพร้อมกับปลายตาเยาะเย้ยหญิงสาวอีกคนที่กำลังยืนมองการกระทำนั้นด้วยความมึนงงปนโกรธเคือง

            วิทยาตัวชาดิกเมื่อไม่คิดว่าพยาบาลสาวจะกล้าเข้าถึงเนื้อถึงตัวของเขาแบบนี้ ก่อนจะค่อยๆ ขยับออกห่างอย่างรักษามารยาท แล้วตรงดิ่งไปโอบรั้งร่างบางของคนเป็นภรรยามาไว้ในวงแขนทันที ภายในใจภาวนาขออย่าให้ยัยตัวแสบแผงฤทธิ์ตอนนี้เลย ไม่งั้นเขาคงได้หน้าแตกเป็นแน่

            “เธอมากับผมครับ” หมอหนุ่มบอกพลางก้มลงสบตาอรณิชาอย่างขอร้องแกมขอโทษ ซึ่งเธอก็มองเขาด้วยแววตาที่อ่านไม่ออกจนเขานึกกลัวว่าเธอจะเล่นอะไรแผงๆ หรือเปล่า

            “อะ เอ่อ... มา... กับคุณหมอ” ขนิษฐาตะกุกตะกักย้อนถามด้วยความตกใจจนแทบล้มทั้งยืน

            “ครับ นี่คุณอรณิชา ภรรยาผม... แล้วน้องอรครับ นี่คุณขิมเธอเป็นพยาบาลผู้ช่วยของพี่” วิทยากล่าวแนะนำสองสาวให้รู้จักกัน โดยเน้นสรรพนามให้ดูใกล้ชิดแนบสนิทจนพยาบาลสาวรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที

            “สวัสดีค่ะ คุณขิม” อรณิชายิ้มหวานพร้อมกับทักทายอย่างมีมารยาท แต่ภายในใจทั้งโกรธทั้งโมโหและร้อนรุ่มจวนจะระเบิด ยิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายคือพยาบาลผู้ช่วย ซึ่งต้องเป็นคนเดียวกับที่ชายหนุ่มอ้างว่าทำโยเกริ์ตหกในรถเขา ทำให้อารมณ์ของเธอยิ่งเดือดพล่านจนบอกไม่ถูก

            “สวัสดีค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ เมื่อกี้ขิมไม่ทราบจริงๆ” ขนิษฐามีสีหน้าจืดเจือนลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงกับสลดเซื่องซึม ดวงตากลมโตคู่นั้นยังคงฉายแววริษยาอยู่ลึกๆ ซึ่งอรณิชาเองก็สัมผัสมันได้

            “ไม่เป็นไรค่ะ... อรเข้าใจ คุณขิมอาจจะลืมตัวน่ะค่ะ แต่ลืมบ่อยๆ ก็ไม่ดีนะคะ เสียภาพลักษณ์ชุดขาวที่คุณสวมใส่อยู่มากเชียวค่ะ” อรณิชาแดกดันอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสุภาพ ก่อนจะหันมากอดแขนชายหนุ่มข้างกายไว้แน่นแล้วเงยหน้าช้อนตามองเขาอย่างออดอ้อน

            “พี่วิทขา... ไปกันเถอะค่ะ อรสายมากแล้ว” เสียงหวานของหญิงสาวข้างกายทำให้เจ้าของลำแขนแกร่งรู้สึกขนลุกเกรียวอย่างบอกไม่ถูก ‘ผีเข้าหรือเปล่าเนี่ยยัยตัวแสบ’ แต่ก็ทำให้เขารู้สึกดีๆ ด้วยเช่นกัน

            “ครับ ไปครับ...” หมอหนุ่มยกมือขึ้นจับมือบางที่เกาะแขนของเขาไว้เพื่อยืนยันความสนิทสนม แม้จะรู้สึกเจ็บเล็กน้อยเมื่อคมเล็บของเธอจิกเข้ามาที่เนื้อบ้างก็ตาม

            แต่ยังไม่ทันจะได้ขยับตัว ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดเข้ามาอีกครั้งอย่างตั้งใจจากฝีมือของคนคุ้นเคย

            “ไอ้หมอ ไหนว่าจะไม่เข้ามาไง อะ อ้าว...” ก้องเกียรติร้องทักขึ้นมาทันที ก่อนจะตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าภายในห้องไม่ได้มีแค่เพื่อนรักของเขาคนเดียว

            “ฉันมาเอาเอกสารนิดหน่อยน่ะ แล้วนี่...” วิทยาบอกพร้อมทั้งเตรียมจะเอ่ยแนะนำหญิงสาวข้างกายให้เพื่อนได้รู้จัก แต่อีกฝ่ายกลับสวนขึ้นมาทันควัน

            “คุณอรณิชาใช่ไหมครับ... ผมก้องเกียรติครับ เรียกพี่ก้องก็ได้ ผมเป็นเพื่อนรักของไอ้หมอมัน เราสนิทกันมากเลยครับ” ก้องเกียรติแนะนำตัวเองก่อนจะตรงดิ่งเข้าคว้ามือบางอีกข้างของหญิงสาวขึ้นมาจับเหมือนเป็นการทักทายแต่กลับไม่ยอมปล่อยมือนุ่มนิ่มนั้นง่ายๆ อรณิชาที่ยังมึนๆ งงๆ ก็ได้แต่ยืนแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่คิดว่าผู้ชายตรงหน้าจะกล้าขนาดนี้ แต่ก็รีบตอบกลับไปเมื่อตั้งสติได้

            “เอ่อ สะ สวัสดีค่ะคุณก้อง ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เสียงตะกุกตะกักตอบไปพร้อมกับยิ้มเจือนด้วยไม่รู้จะทำหน้าอย่างไรดี จะดึงมือกลับทันทีก็น่าเกลียด จะให้จับไว้แบบนี้ก็คงดูไม่ดีนัก

            “พอแล้วๆ ไอ้ก้อง นี่แกจะสื่ออะไรหรือเปล่าเนี่ย... ปล่อยมือจากเมียฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ” หมอหนุ่มร้องเตือนอย่างไม่ไว้ใจ เพราะรู้ดีว่าเพื่อนของเขาคนนี้ทั้งกะล่อน และขึ้นชื่อเรื่องผู้หญิง ‘หน๊อย! ไอ้เพื่อนเวร แม้แต่เมียเพื่อนก็ไม่เว้น นี่ขนาดต่อหน้าต่อตาเขานะเนี่ยมันยังทำขนาดนี้และถ้าลับหลังจะเหลือเหรอ’ วิทยาต่อว่าเพื่อนรักในใจก่อนจะตวัดสายตามองอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจนิดๆ

            “แหม่... พอเมียมาด้วยถึงกับขึ้นไอ้กับเพื่อนเลยนะ” ก้องเกียรติยอกย้อนอย่างอารมณ์ดีแล้วปล่อยมือบางอ่อนนุ่มของหญิงสาวให้เป็นอิสระ พร้อมทั้งกวาดตาไปมองพยาบาลสาวที่ยืนสงบนิ่งอยู่ข้างหลังของเพื่อนรัก ‘ผู้ชายเขาพาเมียมาเปิดตัวขนาดนี้แล้ว ยังจะลุ่มหลงอยู่ได้ก็ให้มันรู้ไป... น้องขิมยอดยาหยีของพี่ก้อง ฮึฮึ’

            “อย่ายียวนน่า... แกมาก็ดีแล้ว ฉันมีเรื่องต้องสะสางกับแก” วิทยาบอกเพื่อนเสียงจริงจัง

            “เรื่องอะไรวะ” คนถูกสะสางถามกลับอย่างไม่เข้าใจ

            “ก็เมื่อวานที่แกยืมรถฉันไปใช้ไง” หมอหนุ่มว่าพลางหันมาสบตากับหญิงสาวข้างกายเพื่อบ่งบอกว่าเมื่อวานเขาไม่ได้โกหก

            “อ้าว ฉันก็เอามาคืนให้แล้วนี่หว่า ยังจะอะไรอีกวะ”

            “เออ ไอ้อะไรของแกน่ะ มีแน่ เที่ยงนี้ไปเจอฉันที่ร้านเดิมด้วย ฉันไปก่อนละ” วิทยาบอกปัดพร้อมออกคำสั่งอย่างเอาแต่ใจ

            “เห้ย นี่แกจะไม่ถามฉันสักคำเหรอวะ ว่าว่างไปกินข้าวกับแกหรือเปล่าน่ะ” ก้องเกียรติแย้งขึ้นมาอย่างไม่จริงจังนัก แต่เขาก็ว่างนั่นแหละ แค่อยากจะกวนประสาทอีกฝ่ายเล่นๆ เท่านั้นเอง

            “แกต้องว่าง... ผมไปนะครับคุณขิม” หมอหนุ่มตวัดเสียงเขียวใส่เพื่อนรัก ก่อนจะหันไปบอกพยาบาลสาวที่ยืนอยู่ข้างหลัง

            “อรไปก่อนนะคะคุณขิม คุณก้อง” อรณิชายิ้มหวานให้กับทั้งสองคนในห้อง ก้องเกียรติยิ้มรับให้เธอ แต่ขนิษฐากลับเบ้ปากให้น้อยๆ แล้วสะบัดหน้าพรืดอย่างจงใจให้เธอหน้าแตก อรณิชาจึงแกล้งซบใบหน้าหวานกับลำแขนของหมอหนุ่มพร้อมกับแลบลิ้นเป็นการยียวนให้พยาบาลสาวได้ขัดใจเล่น

            วิทยาก้มมองการกระทำของหญิงสาวข้างกายแบบงงๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะคิดว่าเธอคงเล่นไปตามน้ำแหละมั้ง และเขาก็รู้สึกดีที่เธอยอมใกล้ชิดเขาแบบนี้ด้วย จากนั้นหมอหนุ่มก็หันไปพยักหน้าให้เพื่อนรักก่อนจะตรงไปเปิดประตูแล้วก้าวออกไปพร้อมกับร่างบางของภรรยาในนามที่มือเล็กๆ ของเธอยังซุกอยู่ที่ลำแขนแกร่งของเขา

 

            เมื่อสองสามีภรรยาออกไปแล้ว ยังเหลือเพียงผู้จัดการหนุ่มกับพยาบาลสาวที่ยังอยู่ภายในห้อง ก้องเกียรติมองหญิงสาวตรงหน้าที่มีอาการฮึดฮัดกระฟัดกระเฟียดเหมือนกำลังไม่พอใจอะไรสักอย่าง ซึ่งเขาก็รู้ดีว่ามันคืออะไร

            “นี่คุณ!ผมว่าถอนตัวตอนนี้ยังทันนะ ผู้ชายเขาพาเมียมาเปิดตัวขนาดนี้น่ะ” น้ำเสียงเย้ยหยันของชายหนุ่มที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของพยาบาลสาวเอ่ยขึ้นมาลอยๆ

            “เรื่องของฉัน!” หญิงสาวหันมาตะคอกเสียงเขียว

            “อย่าแม้แต่จะคิดนะ... ขนิษฐา ไม่งั้นคุณเจอผมแน่” ก้องเกียรติปรามขู่เสียงรอดไรฟัน บ่งบอกว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น

            “ฉันไม่กลัวหรอก” พยาบาลสาวเชิดหน้าใส่อย่างไม่กลัวเกรง และนั่นทำให้คนขู่หมดความอดทน มือหนาจึงตรงเข้ากระชากร่างบางในชุดขาวมาปะทะกับอกแกร่งอย่างไม่ปราณี

            “โอ๊ย!ปล่อยนะ” เสียงหวานอุทานพร้อมกับพยายามสะบัดตัวดีดดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุมของชายหนุ่ม

            “อ่อ... จะลองว่างั้น... ได้เลย พี่ก้องจัดให้” ก้องเกียรติยกมืออีกข้างรั้งเอวบางให้แนบชิดกับร่างหนาของเขามากขึ้น ก่อนจะก้มลงกลืนกินเสียงร้องโวยวายของคนในอ้อมกอดทันที

            “ไม่นะอีตาผู้จัดการบ้า ปล่อยสิ อะ อื้อ...” ริมฝีปากหนาปิดทับเรียวปากอวบอิ่มที่กำลังขยับเอื้อนเอ่ยคำด่าทอออกมาจนแนบสนิท ก่อนจะบังคับขบเม้นบดคลึงให้เธอเผยอปากรับลิ้นอุ่นๆ ของเขาเข้าไปจนสำเร็จ เรียวลิ้นแข็งแรงตวัดเกี่ยวดึงลิ้นเล็กๆ ในโพรงปากนุ่ม พร้อมทั้งดูดซับความหอมหวานจนทั่ว คนอ่อนประสบการณ์หรือจะสู้คนช่ำชองและเชี่ยวชาญอย่างเขาได้ ผ่านไปไม่นานแรงขัดขืนต่อต้านของร่างเล็กในอ้อมกอดก็ลดลงเรื่อยๆ มือบางที่ทั้งทุบตีหยิกข่วนไปบนอกกว้างเปลี่ยนเป็นโอบกอดรอบคอของชายหนุ่มเอาไว้แน่นอย่างต้องการที่ยึดเกาะอิงแอบ เมื่อสั่งสอนหญิงสาวในวงแขนด้วยรสจูบจนพอใจแล้ว เจ้าของร่างสูงใหญ่ก็ผละออกช้าๆ อย่างอ้อยอิ่ง

            ขนิษฐาสะบัดตัวออกห่างทันทีเมื่อร่างบางของเธอถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ก่อนจะยกฝ่ามือขึ้นหมายจะฟาดลงไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มตรงหน้า แต่ยังช้ากว่าเขา เพราะนอกจากเขาจะรู้ทันแล้ว เขายังรั้งข้อมือของเธอไว้ได้อีก ทำให้มือบางไม่ฟาดลงไปที่แก้มสากอย่างใจคิด

            “ผมรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ ผมจะเตือนคุณอีกครั้งนะคุณขิม อย่าไปยุ่งกับหมอวิทยาอีก ไม่งั้นผมไม่ปล่อยคุณไว้แน่” ก้องเกียรติขู่เสียงเข้มอีกครั้ง คราวนี้ดวงตาของผู้จัดการหนุ่มฉายแววกรุ่นโกรธอย่างเห็นได้ชัด ‘ผู้หญิงอะไรดื้อด้านชะมัด ผู้ชายหน้าตาดี แถมยังโสด การงานก็มั่นคงอย่างเขา กลับไม่สนใจ ไปลุ่มหลงอะไรกับผู้ชายมีเจ้าของแบบนั้น’ ชายหนุ่มต่อว่าหญิงสาวในใจอย่างเหลืออด ก่อนจะปล่อยแขนเรียวให้เป็นอิสระ จากนั้นก็ตรงดิ่งไปที่ประตูแล้วเปิดออกไปทันที เพราะหากเขาอยู่นานกว่านี้รับรองได้ข่มขืนพยาบาลสาวเป็นแน่ แค่นี้เขาก็แทบจะอดใจไม่ไหวแล้ว

            “อี๋... อีตาผู้จัดการบ้า ฉันไม่กลัวหรอก คุณหมอวิทยาจะต้องเป็นของฉัน” ขนิษฐาตะโกนบอกหลังจากชายหนุ่มที่ปล้ำจูบเธอออกไปจากห้องแล้ว มือบางยกขึ้นเช็ดถูริมฝีปากอ่อนนุ่มจนแดงช้ำ เพราะอยากจะลบเลือนสัมผัสจากเขาออกไปให้หมด แต่ดูเหมือนยิ่งเช็ดความรู้สึกหวั่นไหวก็ตีตื้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งลบกลับยิ่งจำยิ่งเช็ดกลับยิ่งตอกย้ำ

            พยาบาลสาวยืนเข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเจ็บใจเมื่อนึกถึงแผนสร้างสถานกาณ์สกปรกในรถของหมอหนุ่มเมื่อวานซึ่งดูเหมือนจะไม่เป็นผลอย่างที่คิด เพราะดูท่าสามีภรรยายังจะรักกันดีอยู่ ไม่ได้หมางเมินหรือมึนตึงอย่างที่เธออยากให้เป็น ‘ฝากไว้ก่อนเถอะนังคุณหนูหน้าใส สักวันแกจะต้องมัวหมองจนช้ำใจตาย’

 

               วิทยาและอรณิชาเดินควงแขนกันออกมาถึงที่ลานจอดรถของโรงพยาบาล ก่อนที่เจ้าของมือเล็กจะพยายามดีดดิ้นฉุดดึงมือของตนออกจากลำแขนแกร่งของชายหนุ่มจนสำเร็จ หลังจากที่พยายามดึงอยู่นานตั้งแต่พ้นออกมาจากห้องทำงานของเขาแล้ว

            “ปล่อยสิ...” เสียงจิ๊จ๊ะขัดใจของหญิงสาวดังขึ้น เมื่อเอ่ยประโยคสุดท้ายก่อนที่มือเล็กๆ ของเธอจะเป็นอิสระ

            “ยังไม่ถึงรถเลยจะรีบดึงออกทำไม” หมอหนุ่มหยุดยืนเพื่อหันมาต่อว่าหญิงสาวข้างกาย

            “หมดเวลาเล่นตลกแล้วย่ะ กรุณาเร็วๆ ด้วย... ฉันรีบ” อรณิชาสะบัดหน้าพรืดแล้วเดินนำไปที่รถของเขาทันที

            “แต่ผมไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องตลกเลยนะ ไอ้การที่ผัวเมียจะเดินควงแขนกันไปไหนมาไหนเนี่ย” วิทยารีบสาวเท้าตามไปก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าร่างบางที่ยืนกระฟัดกระเฟียดอยู่ข้างๆ รถของเขา

            “แต่คุณกับฉัน...มันไม่ใช่!” คนตัวเล็กกระแทกเสียงใส่จากนั้นก็เดินไปเปิดประตูรถฝั่งข้างๆ คนขับแล้วก้าวขึ้นไปนั่งทันที โดยไม่ฟังอะไรๆ จากชายหนุ่มเจ้าของรถอีก

            วิทยาส่ายหน้าอย่างนึกระอาในความเป็นเด็กและเอาแต่ใจของเธอ แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกโกรธหรือหงุดหงิดอะไรมาก ออกจะมันเขี้ยวด้วยซ้ำ ยิ่งดื้อ ยิ่งพยศ ก็ยิ่งอยากอยู่ใกล้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน หมอหนุ่มคิดอย่างไม่เข้าใจตัวเอง ก่อนจะรีบเปิดประตูรถแล้วก้าวขึ้นไปนั่งประจำที่ จากนั้นก็ขับออกไปทันทีเพราะเขาเองก็มีนัดสำคัญรออยู่ 

 

            วิทยาขับรถออกจากโรงพยาบาลเพียงไม่นานก็มาถึงอาคารคีตาพิพัฒน์ซึ่งเป็นที่ทำงานของหญิงสาวข้างกาย หมอหนุ่มจอดรถบริเวณลานกว้างหน้าทางขึ้นตึก เมื่อรถจอดสนิทร่างบางที่นั่งมาด้วยก็ทำท่าจะหันไปเปิดประตูรถโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

            “เดี๋ยว...” วิทยาร้องห้ามพร้อมทั้งกดล็อกประตูอัตโนมัติอย่างแน่นหนา

            “อะไรอีกล่ะ ฉันสายแล้วนะ” คนตัวเล็กจิ๊ปากอย่างขัดใจเมื่อเปิดประตูไม่ได้

            “ผมอยากให้คุณพูดกับผมดีๆ” น้ำเสียงราบเรียบของชายหนุ่มบ่งบอกว่าเขาต้องการอย่างที่พูดจริงๆ

            “อะไร!” อรณิชาตะคอกอีกครั้งด้วยความไม่พอใจ เขาจะเอาอะไรกับเธอนักหนา รถก็ไม่ให้ใช้ พอให้มาส่งก็ทำตัวมีปัญหาอีก

            “งั้นก็นั่งอยู่อย่างนี้แหละ หรือจะไปหาคุณพ่อพร้อมกับผม... ก็ได้นะ” เจ้าของรถบอกทีเล่นทีจริงพร้อมกับทำท่าจะเคลื่อนรถออกไป

            “นี่! ฉันมีงานต้องทำนะ ไม่มีเวลามาล้อเล่น” คนเป็นห่วงงานบอกเสียงแข็ง เธอไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้

            “ผมไม่ได้ล้อเล่น... ผมอยากให้คุณพูดกับผมดีๆ เหมือนเมื่อกี้นี้” ชายหนุ่มบอกจริงจัง พร้อมกับจ้องเข้าไปในดวงตากลมโตของเธอ

            “ฉันลืมไปแล้ว” ใบหน้าหวานสะบัดพรืดใส่เขาอย่างดื้อรั้น

            “งั้นผมจะช่วยเตือนความจำให้ แต่ผมคิดค่าจ้างนะ” คนตัวใหญ่ปลดเข็มขัดนิรภัยออกพร้อมทั้งขยับตัวจัดท่าทางให้เหมาะสำหรับการคิดค่าจ้างช่วยเตือนความจำให้หญิงสาว

            “อะๆ พูดแล้วๆ ขอบคุณค่ะคุณวิท” อรณิชารีบละล่ำละลักพูดออกมาอย่างรวดเร็ว ด้วยนึกหวาดหวั่นกับท่าทีของอีกฝ่าย

            “ไม่เห็นหวานเหมือนเมื่อกี้เลยล่ะ... เอาใหม่” คนถือไพ่เหนือกว่าได้ทีออกคำสั่ง

            “หือ... อะไรล่ะ ฉันก็พูดแล้วไง” คนรีบร้อนหันขวับมามองหน้าเขาทันทีอย่างไม่พอใจ ‘นี่เขาจะยียวนกวนประสาทเธอไปถึงไหนกันนะ’ อรณิชาบ่นว่าชายหนุ่มในใจ

            “พี่วิท...” หมอหนุ่มเอื้อนเอ่ยสรรพนามของตัวเองที่อยากให้หญิงสาวเรียกออกมา

            “คุณวิท... คุณเป็นคนบอกฉันเองนะว่าให้ฉันเรียกว่าคุณวิทน่ะ” อรณิชายอกย้อนทันควัน เพราะมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ในคืนวันแต่งงานเธอเรียกเขาว่าพี่แล้ว แต่เขากลับปฏิเสธและยินดีให้เธอเรียกเขาว่าคุณแบบนี้

            “งั้นต่อไปก็เรียกพี่วิท”

            “ไม่!”

            “ก็ได้... คุณวิท ก็คุณวิท แต่ต่อไปนี้คุณต้องแทนตัวเองด้วยชื่อเวลาพูดกับผมเหมือนที่เคยชิน อย่าให้ผมได้ยินคำว่าฉันอีก” ชายหนุ่มต่อรอง เพราะอยากให้เธอแทนตัวเองด้วยชื่อตามความเคยชินจะได้ดูสนิทสนมกันมากขึ้น และเขาก็รู้สึกว่ามันรื่นหูกว่าคำว่าฉันเป็นไหนๆ

            “เอ๊ะ!...” อรณิชาตวัดเสียงเขียวอย่างไม่พอใจเมื่อได้ยินคำสั่งของเขา เอะอะก็บังคับก็ขู่ไม่รู้จะเอาอะไรกับเธอนักหนา

            “หรือจะให้บังคับทั้งสองอย่าง” หมอหนุ่มขยับตัวอีกครั้ง แต่คราวนี้เขายื่นใบหน้าหล่อเหลาเข้าไปใกล้หญิงสาวอีกด้วย

            “ไม่! อรขอพูดตามที่ตัวเองถนัดก็แล้วกันค่ะ พอใจหรือยังคะคุณวิทยา” คนตัวเล็กย้ำสรรพนามแทนคำตอบ พร้อมทั้งขยับเบียดร่างบางไปชิดกับประตูรถให้มากที่สุด เพื่อหลบใบหน้าของเขาที่เข้ามาใกล้จนแทบจะสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ

            “ก็แค่นั้น... แล้วเย็นนี้จะกลับกี่โมง” วิทยาถอยตัวเองออกมานั่งตรงๆ ยังตำแหน่งเดิม ก่อนจะถามถึงเวลาเลิกงานของเธอ แม้ลึกๆ จะไม่พอใจอยู่บ้างที่เธอไม่ยอมเรียกเขาอย่างที่เขาต้องการ แต่เมื่อคิดว่าแค่เธอยอมแทนตัวเองด้วยชื่อก็ถือว่าน่าฟังขึ้นมากแล้ว ส่วนจะให้เรียกเขาว่าพี่นั้นคงต้องค่อยเป็นค่อยไป

            “อรยังบอกไม่ได้ ต้องดูงานก่อน ถ้ายังไงอรขอกลับเองดีกว่าค่ะ” อรณิชาบอกเสียงเรียบเพราะเธอก็หมายความอย่างที่พูดจริงๆ งานของเธอจำกัดเวลาไม่ได้แน่นอนนักหรอก จะหยุดตรงไหนจะเสร็จตรงไหนต้องดูความต่อเนื่องของงานด้วย

            “ไม่ได้!” หมอหนุ่มพูดเสียงดังจนเกือบเป็นตะคอก

            “เอ๊ะ! อรบอกว่าจะกลับเองไงล่ะ” ร่างบางหันมามองเขาตาขวาง

            “ก็บอกว่าไม่ได้... งั้นก็ไม่ต้องทงต้องทำมันแล้วงานน่ะ ลาออกซะวันนี้เลย ไปช่วยผมกับคุณพ่อของคุณที่โรงพยาบาลดีกว่า” เสียงเข้มเอ่ยออกมาอย่างจริงจังไม่ใช่แค่ขู่เล่นๆ เหมือนที่ผ่านมา

            “ไม่ได้นะ ยังไงอรก็ไม่ยอมลาออกเด็ดขาด” คนรักงานรีบแย้งทันควัน

            “งั้นก็บอกสิจะให้มารับกี่โมง”

            “อรจะโทรบอกอีกทีก็แล้วกันค่ะ”

            เมื่อได้คำตอบที่พอใจแล้ววิทยาก็ปลดล็อกประตูรถให้หญิงสาว แต่ยังไม่ทันที่เท้าบางจะแตะถึงพื้น เสียงเข้มๆ ของหมอหนุ่มก็ตามมาอีก

            “เดี๋ยว...”

            “อะไรอีกล่ะ” ร่างบางหันไปมองอย่างนึกหงุดหงิดรำคาญใจ เขาจะเล่นตลกอะไรกับเธออีกเนี่ย

            “ผมจะเดินไปส่งคุณที่ลิฟต์” ว่าจบคนตัวใหญ่ก็เปิดประตูรถแล้วก้าวลงไปด้วยความรวดเร็ว พร้อมทั้งเดินอ้อมไปหาหญิงสาวที่ลงมาจากรถเรียบร้อยแล้ว

            “ไม่ต้อง” คนตัวเล็กร้องห้ามทันควันเมื่อเห็นเขาทำท่าจะเข้าไปข้างในตึกกับเธอจริงๆ... มีหวังได้ลือกันทั้งบริษัทแน่

            “หรือจะให้ผมอุ้มไป... ผมทำได้นะ... ไม่แคร์สื่อด้วยเอาสิ” หมอหนุ่มยิ้มบอกอย่างยียวนแต่ก็พร้อมจะทำอย่างที่พูดจริงๆ ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาอยากแสดงความเป็นเจ้าของหญิงสาวตรงหน้าขึ้นมาทั้งๆ ที่ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะไม่ผูกมัดใดๆ กับเธอทั้งสิ้น วิทยาคิดอย่างไม่เข้าใจตัวเอง

            “ฮึ้ย!ถ้างั้นก็ตามมาเร็วๆ เลย” อรณิชาฮึดฮัดขัดใจก่อนจะกระแทกเท้าเดินนำชายหนุ่มเข้าไปในอาคารที่เธอทำงานอยู่

 

 

 

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

^_^

 

Thumbnail Seller Link
เสน่หาทาสซาตาน
สุภาวดี
www.mebmarket.com
เขา... เกลียดผู้หญิงที่เอาตัวเข้าแลก เพื่อหวังรวยทางลัด! เธอ... เกลียดผู้ชายหลงตัวเอง ที่ปรักปรำว่าเธอจ้องจะจับเขา ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยคิด!
Get it now
Thumbnail Seller Link
ลิขิตรักคำสั่งวิวาห์
สุภาวดี
www.mebmarket.com
เธอ... ถูกบังคับให้แต่งงานเพื่อแลกกับความเป็นอิสระในอนาคต ส่วนเขา... แต่งงานกับเธอเพราะมีความฝันอันสูงสุดเป็นรางวัล ดังนั้น เส้นทางชีวิตคู่ที่ปราศจา...
Get it now
Thumbnail Seller Link
เสน่หาซ้อนซ่อนรักร้าย
สุภาวดี
www.mebmarket.com
...เธอขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงต้องห้ามสำหรับเขา... นาวินจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เธอเกลียดเขามากที่สุด แม้จะฝืนความรู้สึกและต้องเจ็บปวดทุกครั้งที...
Get it now
Thumbnail Seller Link
ตามรักพรางใจ
ในฝันเสน่หา/สุภาวดี
www.mebmarket.com
สาวน้อยหน้าใส ตามขยี้หัวใจหนุ่มใหญ่บาร์โฮสสุดฮอต จะเป็นอย่างไรเมื่อคนที่เธอแอบปลื้มจนถึงขั้นหลงรัก จู่ๆ ก็มาเป็นบาร์โฮสสุดฮอตเบอร์หนึ่งในผับหรู ...
Get it now

 

สนใจนิยายเล่มนี้ในรูปแบบ E-Book สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่

mebmarket ...และ... ookbee

หากสนใจสั่งซื้อในรูปแบบเล่ม

สามารถติดต่อผู้แต่งได้โดยตรงทาง

E-mail : oilza24@hotmail.com

โทร : 094-4942566

ไลน์ : oilza_writer

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา