P.P.Rising The Bullet Time อภินิหารพลังจิตเหนือโลก

8.1

เขียนโดย Spy442299

วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 10.54 น.

  46 chapter
  28 วิจารณ์
  42.03K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2557 17.28 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

19) เมื่อพลังจิตผงาด บทที่ 6 [ทางแยก]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

P.P. Rising: The Bullet Time

เดอะบูลเลตไทม์ อภินิหารพลังจิตเหนือโลก

  1. Ch.16 เมื่อพลังจิตผงาด บทที่ 6 [ทางแยก]

Rewrite V.3

 

◊◊◊

 

[29/12/2057] [4 วัน หลังเหตุการณ์ P.P. Rising]

 

---บันทึกไดอารี่ของพี #1---

“หิมะหยุดตกไปตั้งแต่ตอนไหน ไม่ทันได้สังเกตเลยแฮะ” นั่นคือสิ่งที่ฉันเพิ่งสังเกตก่อนที่จะเขียนไดอารี่ในมือถือนี่

ใช่ หิมะที่หายไปพร้อมกับชีวิตคนๆ หนึ่ง

โฮลี่บาเรีย ซิสเซอร์เทเรซ่า นัมเบอร์ไฟว์ (Holy Barrier Sister-Teresa No.5) หนึ่งในแปดผู้ใช้พลังจิตขั้นสูง ฉันได้ยินข่าวของเธอจากเฟียน่า หลังเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของคุณเหม่ยซิงที่เดินสวนออกจากห้องที่เฟียน่าอยู่ไป เห็นว่าเธอสิ้นใจก่อนที่จะถึงโรงพยาบาลและรัมเบิลกำลังนำศพเธอกลับ Area JP สถานที่ที่เรียกว่า ‘ชินโคเซ็น’ ซึ่งเห็นบอกว่าเป็นบ้านเกิดของเธอ

เทเรซ่าตายเพราะฉัน...เป็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าฉันขอร้องไม่ให้เธอตามไปคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้...เธอคงไม่ถูกหน่วยรักษาความปลอดภัยที่นั่นยิงใส่

ฉันนี่มันเป็นตัวซวยสำหรับคนอื่นจริงๆ พาคนอื่นตายแถมยังไม่ได้ข้อมูลของเมงุมิมาอีก ไม้เท้าของเทเรซ่าก็พลัดตกไประหว่างหนี แม้ว่าวันนี้ฉันจะตระเวนสถานที่ที่น่าจะเกี่ยวข้องกับไฮเทคอัพเปอร์อีกสามทีพบแต่ความว่างเปล่า เรื่องนี้พอสืบดูก็รู้ว่าหน่วยงานย่อยของไฮเทคอัพเปอร์เกือบทั้งหมดถูกยุบรวมกันไปอยู่ที่สนามบินดอนเมืองที่ที่มีแร่คริสตัลชายน์คล้ายดอกบัวนั่น คงจะเร่งมือจัดการกับมันอย่างเต็มที่ แม้แต่ด็อกเตอร์ซิสลุงของเฟียน่าก็ถูกเรียกตัวไปเช่นกัน

บางทีฉันน่าจะอยู่เฉยๆ เลิกตามหาตามที่เฟียน่าแนะนำ เพื่อที่จะไม่ทำให้ใครเดือดร้อนอีก

แต่ถ้าทำแบบนั้น...ใจของฉันจะไม่มีวันสงบ

ฉันจะต้องรู้ให้ได้ เมงุมิ...เธอยังอยู่หรือไม่อยู่แล้วกันแน่

เฟียน่าเธอเห็นฉันยังไม่ลดล่ะเรื่องของเมงุมิ เลยแนะนำหนทางหนึ่งคือไปติดต่อกับประธานบริษัทไฮเทคอัพเปอร์ซึ่งเป็นพ่อของเมงุมิโดยตรง แน่นอนว่าฉันลองแล้ว...ติดต่อยากมาก เห็นว่างานยุ่งชุลมุลตั้งแต่หลังเหตุการณ์พีทูไรซิ่ง ไม่มีใครแทบเห็นตัวเขาเลย (คนที่รับบริษัทแม่ที่ฉันโทรไปว่าอย่างงั้น) สุดท้ายก็ต้องกลับมาใช้วิธีตามสืบหาเอง แต่สำหรับวันนี้คงพอไว้ก่อนเพราะมืดแปดด้านเหลือเกิน

เอาล่ะ วันนี้มีเรื่องฮาๆ หน่อย เจ้าทอมมี่ขับรถมาหาพอของที่ซื้อกันไว้เมื่อวาน แน่นอนเจ้านั่นโดนเฟียน่าตะเพิดใส่เพราะไม่เอาของมาให้เธอ โดนเป็นชุดจนฉันแทบทนฟังไม่ได้เลยทีเดียว

ส่วนสถานการณ์ภายนอกนั้น โลกก็ยังคงวุ่นกับพีทูที่เกือบทุกคนใช้พลังจิตได้ แต่ความวุ่นวายน้อยกว่าช่วงสองวันแรกแล้ว เริ่มมีการประชุมในเครือข่าย Area ต่างๆ ในการกฎมาตราการควบคุมการใช้พีทู แน่นอนว่าโดนคนเกือบทั้งคนโวยใส่ เพราะไม่อยากที่จะอยู่ในกรอบอีกต่อไป อีกทั้งไม่มั่นใจด้วยว่ากฎนั่นจะเป็นธรรมต่อผู้ใช้พีทูประเภทต่างๆ หรือไม่ ความเห็นหลายๆ ฝ่ายเห็นว่าต้องใช้เวลาทำการศึกษามากกว่านี้ การออกกฎหมายหรือมาตราการควบคุมตอนนี้มีแต่จะเสีย ผลก็คือมีมติให้ยืดการพิจารณาร่างกฎหมายพีทูออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด พอฉันได้ข่าวแบบนั้นเลยเริ่มสนใจว่าพลังจิตตอนนี้มีประเภทไหนบ้าง ไม่รู้ว่าสิ่งเขาเคยศึกษาเล่นๆ เป็นงานอดิเรทจะช่วยมากน้อยขนาดไหน พอเปิดเข้าดูเว็บไซต์หนึ่งที่คล้ายระบบวิกิที่เปิดให้ผู้คนทั่วไปลงข้อมูลได้อย่างอิสระ มันทำให้ฉันตกใจมาก มันมีผลสรุปความแตกต่างอยู่ขวามือของเว็บอยู่ว่า มีความแตกต่างของพีทูมากกว่าสองหมื่นแบบจากจำนวนผู้ทะเบียนที่ต้องยืนยันด้วยคลิปวิดีโอกว่าหนึ่งล้านคน

แต่มันน่าแปลกอยู่อย่างหนึ่ง พลังบลูเลตไทม์ที่ฉันได้มาจากเรสเทียร์ ไม่เห็นจะมีในเว็บนี้เลย หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอแฮะ สำหรับไดอารี่ของวันนี้ขอจบลงแค่นี้แหละ ง่วงๆ

ปล. เหมือนจะลืมอะไรบางอย่าง...ที่สำคัญมากๆ แต่ก็นึกไม่ออกสักที

ปล2. เกือบลืม ขาเฟียน่าหายดีล่ะ หายไวมาก

 

◊◊◊

 

[30/12/2057] [5 วัน หลังเหตุการณ์ P.P. Rising]

 

---บันทึกไดอารี่ของพี #2---

ช่วงเช้าของวันนี้ฉันถูกทะยักทะยอแสดงพลังให้นักวิจัยทั้งสี่คนให้ดู แน่นอนว่าเรสเทียร์ออกตัวห้ามเด็ดขาด ระหว่างโต้เถียงกัน ฉันเพิ่งรู้จักนักวิจัยชายอีกสองคนอย่างเป็นทางการเสียที

คนแรกเป็นคุณโทมัส เป็นผู้ชายที่สูงผอมหน่อย หน้ายาวๆ ผมสั้นดำ ที่ชอบทำเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ของแล็ปเห็นว่าเป็นคนที่ทำมีดไฟฟ้าของเฟียน่าและไพ่ช็อคไฟฟ้าของรัมเบิล

คนที่สอง คุณกัส เป็นผู้ชายที่ค่อนข้างอ้วนหน่อย หน้ากลมๆ ผมสีทอง เห็นเข้ากับคุณเอริสเป็นปี่เป็นขลุ่ยอย่างดี

การอ้อนขอร้องฉันได้จบลง เมื่อมีคำสั่งจากศูนย์ใหญ่ไฮเทคอัพเปอร์ให้นักวิจัยทั้งสี่คนตามไปสบทบกับด็อกเตอร์ซิสที่ไปตั้งแต่เมื่อวานไปยังสนามบินดอนเมือง พอพวกเขาออกไป ฉันก็เลยถือโอกาสสำรวจทั้งบ้านทั้งแล็ปวิจัยลับให้ทั่วซะเลย เริ่มส่วนที่เป็นบ้านก่อนล่ะกัน มี 3 ชั้น

1F : ชั้นแรกของบ้าน เข้าประตูมาก็จะเจอห้องรับแขกที่มีครัวในตัว พอเปิดประตูอีกบ้านเข้าไป ก็เป็นทางเดินยาวเป็นรูปตัว T ระหว่างทางเดินนั้นก็จะมีห้องน้ำ, ประตูออกไปหลังบ้าน, ประตูออกไปโรงรถ, ห้องเก็บของ(ทางลงไปสถาบันวิจัยลับ), ห้องนั่งเล่น และบันไดขึ้นชั้นสอง

2F : ขึ้นไปเป็นทางเดินยาวตรงๆ เลย ซ้ายมือก็จะมีสองห้องคือ ห้องน้ำใหญ่และห้องนอนใหญ่ที่เฟียน่ากับโซตะอยู่ ส่วนขวามือก็มีแค่ห้องเดี่ยวคือห้องนอนเล็กที่ฉันอยู่ ส่วนเรสเทียร์นี่...ตอนแรกจะนอนกับฉัน แน่นอนทั้งฉันและเฟียน่าไม่ยอมเลยไปอยู่กับเฟียน่านั่นแหละ

3F : ก็คือดาดฟ้าที่ไม่มีอะไรเลย

ต่อไปก็จะส่วนใต้ดินที่เป็นสถาบันวิจัยลับ

B1 : ออกจากลิฟท์มาก็เจอกับทางเดินตัว T อีกแล้ว โดยลิฟท์จะอยู่ล่างสุดของตัว T โดยก่อนถึงทางแยก จะมีอยู่ 4 ห้อง ซึ่งทุกห้องล็อคหมด ถึงทางแยกแล้ว ก็จะเห็นข้างหน้าเป็นกระจกใสยาวที่มองลงไปจะเห็นลานกว้างๆ ทางซ้ายมือจะมีห้องพยาบาลและห้องเอ็กซเรย์ที่ฉันเคยมากับบันไดที่เดินลงไป ทางขวามือจะมีอีก 2 ห้องที่ล็อคเข้าไปดูไม่ได้และมีบันไดให้เดินลงไปอีกเช่นกัน

B2 : คราวนี้ทางเดินจะเป็นสี่แยกไฟแดงเลย แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ลานกว้างที่มีอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ฉันไม่อยากยุ่งและมีประตูออกไปที่ฉันไปไม่ได้, ห้องใหญ่ๆ ที่มีเตียงใหญ่ๆ สามตัวและของอะไรอีกไม่รู้เต็มไปหมดและทางเดิน

ฉันเซ็งที่แอบเข้าห้องที่ล็อคไม่ได้ ฮ่าๆ

เอ่อ...ใช่ ตอนนั้นฉันเพิ่งนึกอะไรออกว่าไม่เห็นพวกบอดี้การ์ดมาตั้งแต่เมื่อวานล่ะเลยถามเฟียน่าที่กำลังทำกายภาพบำบัดด้วยตัวเองว่า พวกเขาไม่ได้หายไปไหนเพียงแต่อยู่รอบๆ สถาบันวิจัยนี้ ทำตัวเป็นชาวบ้านตามปกตินั่นแหละ มันเป็นแผนรักษาความปลอดภัยใหม่เพื่อที่จะไม่ทำให้คนแถวนี้สังเกตเห็น

ปล. วันนี้ไม่ได้เรื่องของเมงุมิเลย

 

◊◊◊

 

[31/12/2057] [6 วัน หลังเหตุการณ์ P.P. Rising]

 

---บันทึกไดอารี่ #3---

ฉันว่ากลางดึกเมื่อคืนตาไม่ฟาดนะ ฉันเห็นเฟียน่าแอบย่องออกจากบ้าน

ที่ใช้คำว่าย่องเพราะเธอย่องจริงๆ คือ...เธอใช้พีทูล่องหนออกไปก็ได้นะ แต่ทำไมเธอถึงไม่ได้ใช้ฉันล่ะแปลกใจจริงๆ แล้วนี่เธอออกไปกลางดึกก็ไม่รู้ ฉันไม่กล้าถามซะด้วยสิ แอบเที่ยวงั้นเหรอ? ไม่รู้ล่ะ ไม่ใช่เรื่องของฉันแถมตอนนี้เราก็อาศัยบ้านของเธอด้วย...ยิ่งไม่กล้าถาม

วันนี้ฉันได้คุยกับโซตะมากหน่อยเพราะสองวันก่อนหน้านี้ เด็กนี่ไม่สบายนอนทางเดียว ฮ่าๆ ซึ่งฉันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจู่ๆ เด็กคนนี้ถึงหายไข้เร็วขนาดนี้ เมื่อวานยังแอบแตะหน้าผากอยู่เลยว่าร้อนมาก แต่ไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะ

และแล้วทอมมี่ก็แวะมาเอาของกินมาฝาก แต่โดนหัวหน้าที่ทำงานของมันโทรเรียกกลับด่วน ทอมมี่เข่าอ่อนลงไปเลยแล้วค่อยๆ คลานขึ้นรถกลับไป ฉันก็พอได้ข่าวอยู่ว่าการ์เดี้ยนใน Area TH-7 นี้งานยุ่งกับการฟื้นฟูเมืองจากการโจมตีของพวกไอริสที่ได้ทำความเสียหายไว้มาก...มากซะจนฉันตกใจ เพราะฉันมานั่งไล่ดูจุดต่างๆ ของเมืองแล้ว มันเหมือนมีอะไรยักษ์ใหญ่ไม่ก็ระเบิดหลุมขนาดห้าสิบเมตรกระจายอยู่ทั่วเมือง

ท้ายที่สุดของวันนี้ เรสเทียร์ไม่ค่อยอยู่ให้เห็นหน้าเห็นตา คงบินเล่นแถวๆ นี้ล่ะมั้ง ยิ่งวันนี้มีเทศกาลส่งท้ายปีเก่าที่มีจัดยิงพลุให้ชมเท่านั้น ไม่มีพวกร้านคาแผงลอยเพราะสภาพเมืองยังไม่ฟื้นเต็มที่

 

◊◊◊

 

[01/01/2058-02/01/2058] [7-8 วัน หลังเหตุการณ์ P.P. Rising]

 

---บันทึกไดอารี่ #4---

เมื่อคืนฉันไม่ได้ดูว่าเฟียน่าแอบย่องออกจากบ้านหรือเปล่า...ถึงจะย่องคงเพราะช่วงปีใหม่อ่ะมั้ง แต่ตอนเช้าของวันนี้เธอกลับมาด้วยสภาพเลอะทั่วตัวเหมือนจะไปฟัดกับใครที่ไหนมา แน่นอนว่าเธอไม่ยอมบอกอะไรทั้งนั้น แม้กระทั่งทำแผลให้ก็ยังไม่ยอมให้ทำ ยิ่งทำให้เรื่องที่เธอแอบหนีออกจากบ้านกวนใจฉันอยู่เรื่อยๆ ความอยากรู้อยากเห็นก็มากขึ้นทุกที เลยตัดสินใจจะดักถามคืนนี้ก่อนที่เธอจะย่องหนีออกไป แต่ทว่าคาดสายตาจนได้แถมพวกด็อกเตอร์ซิสและนักวิจัยทั้งสี่คนกลับมาในสภาพอดหลับอดนอน ทำให้ฉันต้องโกหกไปว่าเฟียน่าหลับแล้วเลยโดนใช้งานช่วยขนของจนถึงเวลาตีสี่ที่ฉันนั่งพิมพ์ไดอารี่อยู่นี่ พอทั้งห้าคนหลับอยู่ชั้นใต้ดินฉันก็ขึ้นมานั่งอยู่ห้องรับแขก รอดักเธอขากลับมาเพื่อที่จะถามให้รู้เรื่อง

หวังว่าเฟียน่ากลับมาในสภาพที่สมบูรณ์นะ

 

◊◊◊

 

[05:49][02/01/2058]

[Area TH-7 เขตกลาง, Blue Zone, สถาบันวิจัยลับเก่า ชั้นแรก “บ้านเฟียน่า”]

 

‘ให้ตายสิ’

 

พีที่อยู่ในชุดนอนลายแถบขาวเขียวทั้งตัวนั่งหายใจทิ้งเล่นอยู่ตรงโซฟาห้องรับแขก เขานอนไม่หลับเพราะได้ยินเสียงรถของพวกด็อกเตอร์ซิส พอพวกเขาลงไปข้างล่างว่าจะกลับขึ้นไปนอนที่ห้องต่อ แต่ดันนอนไม่หลับ

 

‘ไหนๆ ใกล้จะเช้าแล้ว คงนอนไม่หลับล่ะ...ลองนั่งเฝ้าตรงนี้ เผื่อยัยนั่นจะกลับมา’

 

พีถอนหายใจอีกรอบแล้วเงยหน้าขึ้นเพดาน

 

‘ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้วงั้นเหรอ...ไวดีแฮะ เป็นสัปดาห์แรก ที่ยังไม่ชินกับชีวิตใหม่สักที แต่ก็เริ่มคุ้นเคยแล้วบ้างล่ะ โดยเฉพาะโซตะ น้องชายเฟียน่า เด็กคนนี้ขี้เล่นตลอดเวลาเลยแฮะ วันๆ เอาแต่ขี่หลังฉันอยู่ได้ เฟียน่าก็ทำเป็นหน้าที่เป็นครูสอนให้โซตะอีก เพราะเรียนแบบ Home School  ใช่ๆ สองพี่น้องคู่นี้สนิทกันดีเหมือนคนอื่นเขาถ้าไม่ติดที่เฟียน่าชอบหายไปตัวกลางดึกบ่อยๆ นะ

เธอแอบไปทำอะไรหรือป่าวนิ? บางครั้งถึงกับต้องใช้ไม้เท้าเดิน บางวันฉันแอบเห็นแผลตามตัวบ้าง และอาจจะมองไม่เห็นด้วยซ้ำ เพราะเธอใช้พลังจิตแบบ Invisibility ล่องหนด้วยการหักเหบิดเบือนของแสง ทำให้ไม่เห็นส่วนที่มีผ้าพันแผลอยู่

ใช้พลังจิตได้สมบูรณ์แบบนี้ น่าจะ---‘

 

เอี๊ยด...

 

เสียงบานพับประตูเสียดสีเล็กน้อย ประตูถูกเปิดออกอย่างช้าๆ และคนที่เปิดมันก็คือ เฟียน่า มีคราบเลือดติดตรงแก้มขวากับเสื้อพอสมควร

 

‘นั่นเธอไปทำอะไรมา!?’

 

พีคิดตามสภาพที่เห็น เฟียน่าที่เปิดประตูเข้าบ้านมาพร้อมถือโดรน ‘ซันเต’ ที่อยู่ในสภาพส่วนบนหายไปเสี้ยวหนึ่ง พอเฟียน่าเห็นเขาก็ทำหน้าตกใจก่อนที่จะเปลี่ยนสีเป็นเคร่งครึมและจะเดินผ่านหน้าเขาไป

 

‘อ้าว...ไม่คิดที่จะพูดกับฉันเลยสินะ ก็ได้...ทนไม่ไหวล่ะ!’

 

พีลุกขึ้นไปยืนขวางหน้าประตูที่เธอจะไป เฟียน่าพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง

 

“ถอยไป”

“เฟียน่า...” พีจ้องหน้าเธอที่พยายามหลบหน้าเขาอยู่

“บอกว่าให้ถอยไป”

“ไม่ถอย! จนกว่าเธอจะบอกก่อนว่า ไปทำอะไรมากันแน่!?”

“...เคยบอกแล้วไม่ใช่หรือไง? มันไม่ใช่เรื่องของนาย”

 

‘ไม่ยอมบอกง่ายๆ แฮะ

จะเอาอะไรดี ที่มาอ้างให้เธอยอมปริปาก?’

 

“เลือดนั่น...” พีเบนมาเรื่องนี้ “ไม่ใช่ของเธอใช่ไหม?”

“ไม่ใช่เรื่องของนาย” เฟียน่าพูดย้ำเน้นๆ ทุกคำ

“งั้นเหรอ!?” พีเริ่มขึ้นเสียง “มีเพื่อนเลือดตกยางออก แล้วจะให้ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ปล่อยไปเฉยๆ เนี่ยนะ”

“ใช่” เธอประชด

“เฟียน่า! ป่านนี้ยังจะดื้ออีก” พีเอามือจับบ่าเธอทั้งสองข้าง “ตอนอยู่มอปลาย เราสองคนไม่เคยมีเรื่องอะไรปิดปังไม่ใช่หรือไง? ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นให้ฉันช่วยเธอได้ไหม?”

“พอสักทีเถอะ”

 

ไหล่เฟียน่าเริ่มสั่น ก่อนที่จะปัดแขนเขาทั้งสองข้างออกไปแล้วตวาดด้วยเสียงแหบ

 

“เลิกยุ่งกับฉันสักที!” เฟียน่าน้ำตาคลอ “ทำไมนายถึงชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นอยู่เรื่อย! กี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ที่นาย...ช่วย...ฉัน ทั้งๆ ที่ฉันไม่ต้องการ! ถึงเป็นอย่างงั้น...ฉันอุตสาห์...คิดจะตอบแทนนายแล้วแท้ๆ แต่นายกลับทำมันพังหมด!”

“หา!? เธอพูดเรื่องอะไร?”

“ตอนนั้น ตอนที่นายโดนน้ำกรดสาดหน้าแทนฉัน นายมัวแต่หมกตัวในบ้านหลายวัน ฉันพยายาม...ฉันพยายามที่จะช่วยนายแล้ว แต่นายนะ...ปฏิเสธหมด...ทุกๆ อย่าง ต่อว่าฉัน...แล้วยังหนีหายตัวไปอีก ตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมา ทำให้ฉัน...รู้สึกผิดต่อนายมากขนาดไหน รู้ตัวบ้างไหม!”

 

เรื่องสมัยมอปลายที่เลวร้ายของพี ย้อนเข้าแทงที่หัวใจเต็มๆ

 

‘ใช่...ตอนนั้นฉันทำตัวแย่ๆ หมกตัวอยู่ในห้อง ขังตัวเองไว้อย่างงั้น จนกระทั่งเพื่อนๆ รวมถึงเฟียน่ามาหา พวกเขาพูดอยู่หน้าห้อง ฉันได้แต่ฟัง ไม่ได้ตอบกลับ...หลายวันที่พวกเขาทำอาหารมาไว้หน้าห้อง แต่ฉันเตะทิ้งหมด แถมยังด่าทอ...ไปเยอะด้วย และฉันก็ตัดสินใจ ย้ายหนีและย้ายห้องเรียนโดยปลอมตัวเป็นชื่อคนอื่น’

 

ตอนนี้พีกลายเป็นฝ่ายหลบหน้าเฟียน่า แต่เขาไม่ถอยหนี

 

“รู้ตัวก็หลบไปซะ” เฟียน่าเอ่ย

“ไม่”

“...ฉันบอกให้หลบไป!” เฟียน่าพยายามแทรกตัวแต่พีไม่ให้ผ่าน“อยากตายมากใช่ไหม?”

 

พีจ้องเธอนิ่งๆ ไม่บอกคำตอบนั่นไป เฟียน่าใช้มือขวาหยิบมีดสั้นสามแฉกขึ้นมา มีประกายไฟฟ้าขึ้นอยู่รอบๆ ตัวมีดนั้น มีเส้นสีแดงที่เตือนอันตรายปรากฎขึ้นใส่หน้าฉัน ก่อนที่จะหายไปและปรากฎขึ้นใหม่ สลับไปสลับมา มือที่เธอถืออยู่สั่นมาก

 

‘นี่เธอกำลังลังเล...’

 

“เอาเลยสิ”

 

พีท้าเฟียน่า

 

“นาย...นายนี่มัน...นายนี่มัน!!”

 

เฟียน่าใช้มือขวาที่ถือมีดสั้นสามแฉกของเธอ พุ่งแทงเฉียดแก้มขวาพีไปปักกลางกำแพงแทน สะเก็ตไฟฟ้าไหลออกมาโดนหลังคอ ทำให้ชาไปทั้งตัว แล้วก็ร่วงลงไปกับพื้น

 

‘เล็งตรงนั้น...ไว้แต่แรก...แล้วงั้นเหรอ!? ขยับตัวไม่ได้’

 

พีพยายามขยับลูกตามองเฟียน่าที่ยืนอยู่ มองไม่ค่อยเห็นหน้าของเธอ เพราะในห้องไม่ได้เปิดไฟไว้...แต่เห็นน้ำตาตกร่วงลงมา และเธอก็เดินเปิดประตูเข้าตรงทางเดินไปโดยที่ปล่อยให้มีดสั้นสามแฉกของเธอปักกลางกำแพงไว้อย่างนั้น

 

‘ดื้อจริงๆ แฮะ...แต่ที่เธอว่ามาก็ถูกอยู่ ฉันก็เคยทำตัวแบบที่เธอทำกับฉัน...สมควรแล้วล่ะ’

 

ตุ๊บ!

 

เสียงอะไรสักอย่างกระแทกกับพื้นตรงที่เฟียน่าเดินไป พีพยายามคลานตัวให้พ้นประตูไป แล้วมองทอดยาวไปทางเดิน...เห็นร่างของเฟียน่านอนสลบกับพื้น ตัวเธอมีไอจางๆ ค่อยๆ ระเหยขึ้นไป จนเห็นสภาพจริงของเฟียน่า ทั้งตัวเธออาบไปด้วยเลือดสีแดงฉาน

 

“เฟียน่า...เฟียน่า!”

 

◊◊◊

 

“โอ๊ย ปวดๆ”

 

ผ้าเย็นประทบอยู่หลังคอพี พอบรรเทาอาการชาและปวดได้บ้าง แต่เขาก็ยังรู้สึกปวดมากอยู่ดี ตอนนี้นั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องพักฟื้นที่มีอุปกรณ์ปฐมพยาบาลชั้นใต้ดินของสถาบันวิจัยลับ และเฟียน่าก็นอนสลบอยู่บนเตียงโดยมีเหม่ยซิงกำลังตรวจอาการและเช็คคราบเลือดเธออยู่

ตอนที่อยู่ข้างบน เขาพยายามจะช่วยเฟียน่าแต่ร่างกายชาไปทั้งตัว พยุงตัวเฟียน่าไม่ค่อยได้ โชคดีที่คุณเอริสมาพอดี เลยช่วยพยุงตัวเฟียน่าลงมา และคุณเอริสนั่งอยู่ข้างๆ เขา และยังมีด็อกเตอร์ซิสที่ยืนดูเฟียน่าอยู่ข้างๆ อย่างเป็นห่วง

 

‘โจทย์มากันเกือบครบ’

 

เหม่ยซิงเช็คคราบเลือดจุดสุดท้าย ก่อนที่จะขยับแว่นบอกอาการให้ด็อกเตอร์ซิสรู้

 

“คราวนี้เธอบาดเจ็บน้อย มีแต่รอยถลอกตามแขนและขา แต่ว่าร่างกายเธออ่อนแรงมาก ให้พักสักวัน น่าจะดีขึ้นค่ะ ด็อกเตอร์”

“งั้นหรือ...” ด็อกเตอร์ซิสพยักหน้า “เรื่องนั้นเธอจัดการแล้วใช่ไหม?”

“ให้สองคนนั้นไปทำแล้วค่ะ”

“ดี...ช่วงบ่ายฝากดูแลหลานฉันให้ด้วย ส่วนตอนเช้านี้...” ด็อกเตอร์ซิสหันมาทางฉัน”เอริสช่วยเฝ้าให้ที”

“ไว้ใจได้เลยค่ะ!” อยู่ดีๆ เอริสลุกขึ้นพรวดทำท่าทหารรับคำสั่ง

“เดี๋ยวก่อนครับ” พียกมือขวาขึ้นถาม อีกมือหนึ่งก็จับผ้าเย็นที่ประคบหลังคอไว้อยู่ “ช่วยบอกได้ไหม นี่มันเรื่องอะไร? ทำไมเฟียน่าต้องออกไปกลางดึกเกือบทุกคืนแล้วเจ็บตัวแบบนี้

 

พอถามไป พีก็เห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของด็อกเตอร์ซิส

 

‘จี้ถามลุงเธอ น่าจะได้คำตอบ’

 

“คุณลุง ช่วยบอกหน่อยครับ”

“คือ หนูพี...” ด็อกเตอร์ซิสยกมือสองข้างขึ้นมา “ลุงอยากจะบอกอยู่นะ แต่ว่า---”

“ไม่มีเหตุผลที่บอกไม่ได้ใช่ไหมฮ่ะ? เฟียน่าเป็นเพื่อนสำคัญคนหนึ่ง ถ้ามีเรื่องอะไรบอกมาเถอะครับ ยินดีช่วย”

“หนูพี...แน่ใจงั้นหรือ?”

“แน่ใจอย่างมากครับ”

“เฮ้อ...” ด็อกเตอร์ซิสทำท่าเหมือนจะยอมบอกแล้ว “เรื่องมันค่อนข้างยาว---”

“เดี๋ยวก่อนค่ะ”

 

เหม่ยซิงพูดขัดจังหวะขึ้นมา เธอเดินมาใกล้ๆ พี มองด้วยสายตาไม่เป็นมิตร

 

“แม่หนุ่มน้อย...” เหม่ยซิงยังคงเรียกฉายาแปลกๆ “ฉันเดาว่าเฟียน่าไม่ยอมบอกเธอสินะ”

“...ใช่” พีจ้องตาสู้กลับ

“...ถ้าเป็นแบบนั้น ทางเราก็ไม่มีเหตุผลจำเป็นที่ต้องบอกเธอ”

 

‘อ้าว...’

 

ความโกรธเริ่มหลั่งทั่วร่างกายพี

 

“ทำไมล่ะ!”

“เพราะเฟียน่าไม่อนุญาติ”

“อะไรนะ!?” มือไม้พีเริ่มออกอาการตามอารมณ์ “ถึงไม่บอก...แต่พวกคุณก็ไม่ควรปล่อยให้เธอไปหาเรื่องเสี่ยงอันตรายจนกลายเป็นแบบนี้!”

“ถึงเฟียน่าจะตาย มันก็เป็นเรื่อง...ที่ช่วยไม่ได้ ยังไงซะ เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเธอแม้แต่สักนิดเดียว”

 

เหม่ยซิงพูดได้หน้าตาเฉย

 

‘อะไรกัน...คนพวกนี้...’

 

ตอนนี้อารมณ์เขาแปรปรวนมากซะจนอยากชกหน้าใครสักคน พีหันไปมองด็อกเตอร์ซิสที่ทำตัวไม่ถูกและก็หันไปมองเอริสที่ตกใจเพราะเขาหันมา เธอพูดด้วยเสียงตะกุกตะกะ

 

“เอ่อ...คือว่า...ฉันก็คงช่วยไม่ได้หรอกนะ เพราะว่า---”

“ก็ได้!” อารมณ์พีฟิวส์ขาดไปซะแล้ว“ในเมื่อทุกคนทำแบบนี้...ฉันจะไม่อยู่ที่นี่ต่อไปแล้ว!!”

 

พีหาข้อโต้แย้งอะไรไม่ได้ เลยพูดแบบนั้นไป ก่อนที่จะคิดที่หลังว่ามันไม่ช่วยอะไรขึ้นมาเลย

 

“เชิญ...”

 

เหม่ยซิงตอบกลับหน้านิ่ง พีเดินหนีออกจากห้องไปทันที

 

‘อะไรของคนพวกนี้ว่ะเนี่ย! ทั้งๆ มีเรื่องคอขาดบาดตายขนาดนี้ ยังทำหน้าตาเฉยได้

อยู่ที่นี่ไปก็เปลื้องตัวให้พวกนั้นแอบวิจัยเล่นซะเปล่าๆ

เพราะรู้ว่าทุกมุมทุกซอกในที่นี่มีกล้องแอบติดไว้เกือบทุกที่ และมันจับตาดูฉันตลอด...

ไปเอาตัวรอดคนเดียวข้างนอกยังซะดีกว่า!’

 

ในหัวพีก็คิดวนๆ แต่เรื่องพวกนี้ จนกระทั่งมาถึงห้องตัวเองชั้นสองตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ เขารีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อกล้ามขาวสั้นโชว์เอว แล้วใส่เสื้อคลุมสั้นสีน้ำตาลและกางเกงยีนส์สั้นและคว้ากระเป๋าตังค์และมือถือเดินออกจากห้องแล้วปิดประตู พีมองประตูหน้าห้องเฟียน่าที่มีเรสเทียร์นอนอยู่ข้างใน

 

‘ปล่อยยัยนั่นไว้ที่นี้แหละ’

 

แล้วเขาก็เดินลงบันได มุ่งตรงไปห้องรับแขกและเปิดประตูออกจากบ้านหลังนี้ไป พอเห็นแสงพระอาทิตย์อยู่ปลายขอบฟ้าถึงเวลาเช้า เขาก็มุ่งเดินตรงไปตามซอยจนอยู่ริมถนนใหญ่ที่มีรถวิ่งอยู่บ้าง เดินไปสักพักใหญ่ อารมณ์ของพีเริ่มเย็นลง

 

‘อากาศเย็นอยู่บ้าง...ก่อนอื่น ฉันจะไปไหนดี? หอสมุดที่ไปประจำ? ไม่ล่ะ ไปทำไมก็ไม่รู้

ที่รับจ๊อบ Part-Time ที่ทำอยู่...ยังไม่ได้ติดต่อหลังจากเกิดเรื่องเลย...แถมหน้าตาฉันก็เปลี่ยนไปแล้วด้วย ป่านนี้คงเอาชื่อออกไปแล้วล่ะ

ตกงาน...จะไปสมัครงานใหม่...ตอนนี้แทบไม่มีที่ไหนเปิดรับเพราะผลของก่อการร้ายของพวกไอริส

ที่บ้านฉัน...

เออ...มีของที่ต้องไปเอาอยู่นี่หว่า

ไม่รู้มันจะอยู่ไหมเนี่ย? มีคนปล้นเอาหรือยัง?

ลองไปดูก่อน’

 

และพีก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดแผนที่ดูระยะทางจากที่ยืนอยู่ไปบ้านเขา ห่างกันห้ากิโลเมตร

 

‘เอาวะ...เดินไปเรื่อยๆ เนี่ยแหละ’

 

ระหว่างทางที่เขาเดิน ก็เปิดดูข่าวสารผ่านมือถือไปเรื่อย ก็ยังเจอแต่ข่าวเดิมๆ

 

‘ความไม่สงบตาม Area ต่างๆ โดยผู้ใช้พลังจิต

ลัทธิแปลกๆ ที่มีพลังจิตเกี่ยวข้อง

นำเสนอการใช้พลังจิตแบบต่างๆ

แข่งกันอวดใช้พลังจิต และเรื่องบ้าๆ บอๆ อีกเยอะแยะ

และมีการประเมินว่า ยอดผู้เพิ่มข้อมูลในเน็ต อนาคตจะมีอีกสิบล้านคน

ถ้ามีคนใช้พลังจิตได้เยอะขนาดนั้น...สมแล้วล่ะ ที่โฆษกของเวิลด์เจเรนัลเคยบอกไว้...โลกกำลังเข้าสู่ยุคใหม่

ยุคใหม่...ยุคของอะไรล่ะ? พลังจิต? เทคโนโลยี?

หรือไปด้วยกันทั้งคู่!?’

 

บนจอมือถือมีข้อความข่าวด่วนขึ้นมาสองอัน อันแรกเกี่ยวกับเหตุการณ์ P.P. Rising ที่มีรูปพีขึ้น

 

‘โห๊ยๆ นี่ยังไม่เลิกสนใจฉันอีกเหรอเนี่ย?’

 

พีกดเข้าไปอ่านดู ก็เป็นบทความของนักวิเคราะห์...อ่านไปเรื่อยๆ เหมือนเป็นการ ‘เดาสุ่ม’ ซะมากกว่า

 

‘ดีนะ ที่ยังไม่มีใครขุดรูปในอดีตขึ้นมา’

 

พีกดออกจากบทความนี้ ไปดูอีกหัวข้อข่าวอันหนึ่ง เขียนไว้ว่า ‘ข่าวลือ อาจจะมีการเรียกใช้สนธิสัญญาเวิลด์เจเนรัล (Treaty Of World General) ในเขต Area TH-7’

 

‘เฮ้ยๆๆ สนธิสัญญานี้มัน---’

 

เป๊ะ!

 

ศีรษะพีชนอะไรเข้าสักอย่าง ถึงกับต้องนั่งยองๆ กุมหัวแบบเจ็บๆ มองเหนือหัวแว๊บๆ เป็นป้ายรถเมล์

 

‘มัวก้มดูมือถือมากไปหน่อย’

 

“ฮ่าๆๆๆๆ”

“ฮ่ะฮ่าๆๆ พี่สาวคนนั้นตลกจัง”

“อิอิอิ เดินไปชนได้ยังไงหน๊า ฮ่าๆๆ”

 

มีเด็กผู้ชายตัวกระเปี๊ยะสามคนข้างขวามือเขา ยืนหัวเราะอยู่ในสนามเด็กเล่นข้างๆ

 

‘หน๊อยๆๆ มาขำฉัน ยัยเด็ก---

เย็นไว้ๆ เราต้องใจดีกับเด็ก’

 

แล้วพีก็ทำหน้ายิ้มเข้าหาเด็กๆ โดยมือขวายกขึ้นมากุมเป็นกำปั้นไว้

 

“ขำอะไรกันเหรอจ๊ะ? เด็กๆ”

 

และเหมือนเด็กๆ ทั้งสามคนที่พีเรียกจะรู้ตัวว่าพีโกรธอยู่ ถึงได้ทำหน้าเหมือนอยากขอโทษแล้วก็พูดทีล่ะคน

 

“ขะขะขอโทษครับ พี่สาวคนสวย”

“พวกหนูไม่ได้ขำพี่จริงๆ นะครับ”

“โอ๊ต!”

 

เด็กผู้ชายคนสุดท้าย โบกมือตะโกนเรียกเด็กผู้ชายที่สวมหมวกสีแดงอีกคนที่อยู่อีกฝั่งของถนน

 

“เฮ! โทษที มาช้าหน่อย”

 

เด็กผู้ชายที่สวมหมวกสีแดงตะโกนบอกเพื่อนฝั่งนี้ แล้วเด็กคนนั้นก็วิ่งข้ามถนนมา...ทันใดนั้นมีเสียงแตรรถใหญ่มาจากทางขวา รถบรรทุกสิบล้อที่วิ่งด้วยความเร็วสูงกำลังขับแล่นมาทางที่เด็กนั้นในอีกสามวินาที

 

‘ชนแน่ๆ!’

 

“โฟกัส!”

 

พีลั่นเสียงที่ทำให้ทุกอย่างรอบข้างช้าลง มีเสียงนาฬิกาเดินหนึ่งครั้งเป็นสัญญาณว่าบูลเลตไทม์ได้ถูกทำงานแล้ว

 

‘วิ่งไปช่วย คงโดนชนไปด้วยกันแน่ๆ

คงต้องใช้ลมช่วยส่งตัว...’

 

พีเริ่มตั้งสมาธิคิดจดจ่อไปที่เท้า ย่อเข่าลง เอนตัวไปด้านหน้า

 

‘ลมรอบตัวฉัน จงมาช่วยผลักดันไปข้างหน้าที!’

 

แล้วพีก็ดีดเท้าพุ่งออกไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง จนเกือบจะอ้าแขนรับตัวเด็กนั้นแทบไม่ทัน ทันทีที่คว้าเด็กคนที่สวมหัวแดงไว้ได้ เวลารอบข้างกลับมาเป็นปกติ ทั้งเขาและเด็กในอ้อมแขนเกือบโดนรถบรรทุกชน โดยเฉี่ยวไปนิดเดียวและพุ่งไปข้างหน้าไปทางเสาไฟสัญญาณข้ามทางม้าลาย พีเอี่ยวตัวใช้แผ่นหลังชนเสาแทน

 

‘หลังฉัน! เจ็บๆๆๆ!’

 

ระหว่างที่พีระบมกับความเจ็บที่แผ่นหลัง เด็กในอ้อมแขนมองขึ้นมาทำหน้างงๆ ก่อนที่จะมองกลับไปที่รถบรรทุกที่แล่นไปไกลแล้วกลับมามองที่พีอีกรอบ

 

“นี่...คุณพี่...ช่วยผมไว้ใช่ไหมครับ?”

“คงเป็นอย่างงั้นมั้ง อ่าฮ่ะ โอ้ย” พีพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเพราะยังเจ็บอยู่

“ว้าว! พี่สาวเป็นฮีโร่ปกป้องผมไว้สินะครับ...อ่ะนี่ครับ ผมให้”

 

เด็กคนนี้ถอดหมวกสีแดงออกมา แล้วสวมที่หัวเขาอย่างหลวมๆ

 

“โอ๊ต!! เป็นอะไรหรือเปล่า!?” เด็กฝั่งตรงข้ามตะโกนถามมา

“สบายดี” เด็กคนที่เพิ่งให้หมวกฉันตะกี้ตะโกนกลับไป “ได้พี่สาวคนสวยช่วยไว้นะ!”

“อ่า...ที่จริงพี่เป็น---”

 

‘ผู้ชาย’

 

คำสุดท้ายเกือบหลุดไป

 

‘ปล่อยให้เข้าใจผิดอย่างนี้ดีแล้ว

ถือโอกาสฝึกปลอมตัวเป็นผู้หญิงไปเลยล่ะกัน’

 

“พี่สาวครับ ขอบคุณมากๆ นะครับ”

 

เด็กคนที่อยู่ในอ้อมแขน พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มออกมา ทำให้พีรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาอย่างประหลาด

 

“งั้นผมไปหาเพื่อนก่อนนะครับ”

 

เด็กคนนี้กล่าวขอบคุณแล้วเดินจะข้ามถนนอีกครั้ง แต่พีจับชายเสื้อเด็กนั้นไว้

 

“อย่าเพิ่ง...เดี๋ยวพี่ไปส่ง” พีค่อยๆ พยุงตัวเองขึ้น “วันหลังจะข้ามถนน ดูสัญญาณไฟคนข้ามถนนซะก่อนนะ”

“คะ ครับ”

 

หลังจากนั้นพีก็พาเด็กนั่นข้ามถนนมาเจอกับเพื่อนๆ ของเขา เด็กทั้งสี่คนกล่าวขอโทษและขอบคุณอีกครั้งหนึ่ง เขาก็ตักเตือนให้ระมัดระวังตัวเองไป...แล้วเด็กทั้งสี่คนก็วิ่งเข้าไปเล่นในสนามเด็กเล่น พีมองดูพวกเขาสักพักขยับหมวกสวมให้แน่นที่เด็กคนนั้นให้มาก่อนที่จะตัดสินใจเดินมุ่งตรงไปยังบ้านตนเองต่อไป

 

‘ว่าแต่...ที่ฉันทำไปตะกี้ นึกถึงเรื่องที่เมงุมิเคยบอกว่า พี่สาวฝาแฝดช่วยฉันไว้จากรถชน

แต่ทำไม ฉันถึงนึกอะไรไม่ออกเลยแฮะ ทั้งๆ ที่เหตุการณ์น่าจะคล้ายๆ กัน

หรือฉันจะคิดมากไปเอง? คงงั้นมั้ง’

 

◊◊◊

 

[12:02] [02/01/2058]

[Area TH-7 เขตกลาง, Blue Zone, สวนสาธารณะคริส]

 

‘น้ำส้มยี่ห้อนี้ ยังอร่อยไม่เคยเปลี่ยนแฮะ’

 

พีเพิ่งกระดกดื่มน้ำส้มกระป๋องยี่ห้อ ‘ซันชายน์’ หนึ่งอึก ที่เขากดออกมาจากตู้ขายน้ำกระป๋องข้างๆ ที่นั่งอยู่ใกล้ม้านั่งไม้ เขาเพิ่งไปเอาเงินที่ซ่อนอยู่ในบ้านหลังเก่ามาก่อนเข้าไป พีต้องซุ่มรอจนไม่มีคน แล้วใช้กุญแจสำรองเปิดเข้าไปขนที่ลิ้นชักเก็บของข้างๆ ครัว แล้วใช้มือคล้ำด้านบน เป็นเงินที่เขาซ่อนโดยใส่ไว้ในซองและแปะติดด้วยสก็อตเทปติดไว้ด้านบนของลิ้นชัก ถ้าไม่สังเกตดีๆ ก็จะไม่เห็น ส่วนของอื่นๆ ในบ้าน...โดนรื้อกระจายเละเทะ

 

‘ใครมาทำแบบนี้กันว่ะ? และยังพวกหนังสือข้อมูลพลังจิตที่เป็นชั้นๆ อีก หายไปหมด ไม่รู้ว่าพวกเอ็มแอลเอหรือพวกไหนมาเอาไป บ้านเขาแทบจะไม่เหลืออะไรอยู่แล้ว ดีนะที่ลิ้นชักซ่อนเงินนี้ยังอยู่’

 

แล้วพีก็แกะซองเงินนี้ออกมา มีเงินสกุลเงินบาท แบงค์พันจำนวนสิบใบ

 

‘มันคือเงินสำรองฉุกเฉินที่ฉันเก็บไว้ แต่ถ้าเอามาใช้ คงไม่สะดวกแน่ๆ ต้องเอาไปแลกเป็นเงินสกุลชิฟก่อน’

 

ประมาณสิบปีได้แล้ว หลังจากที่เกิดวิกฤติจากผลสงครามโลกครั้งสาม ทั่วโลกพร้อมกันเปลี่ยนสกุลเงินใช้เหมือนกันหมด โดยเลือกใช้สกุลเงิน ‘ชิฟ’ (Chip) ของทุกอย่างล้วนซื้อด้วยเงินสกุลนี้ทั้งนั้น แต่ถึงเป็นอย่างงั้น เงินสกุลเก่าทั้งหลายแลก็ยังมีหมุนในระบบอยู่บ้าง

 

‘เดี๋ยวช่วงบ่ายไปแลกที่ธนาคารดีกว่า’

 

พีกดมือถือดูแผนที่ที่ตั้งธนาคารที่ใกล้ที่สุด ปรากฎชื่อสถานที่ “ห้างเซ็นเตอร์บีส” ระยะทางสามร้อยเมตร และมีภาพกล้องวงจรปิดขึ้นมาให้ดูว่ามันคนมากน้อยแค่ไหน

 

‘มีคนพอควรแฮะ

จริงสิ มันเพิ่งหมดช่วงหิมะตกไปนี่หว่าและก็มันผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่พวกไอริสบุก...คนคงก็แห่กลับเข้าเมืองกัน

งั้นโอกาสที่ในเมืองวุ่นวายเพราะพลังจิตก็เยอะมากขึ้น

แถมแถวๆ สนามบินที่มีแร่คริสตัลชายน์ตั้งเด่นเป็นอนุสาวรีย์ คนแห่ไปดูกันเยอะ ถึงแต่ว่าจะกักบริเวณขนาดใหญ่ ไม่ให้คนเห็นได้ในระยะห้าร้อยเมตรแล้วก็เหอะ

แต่นี่มันในเขตเมือง ดูแลให้ทั่วถึงมันยากจะตายไป...เฮ้อ’

 

พียกกระป๋องน้ำส้มขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะโยนลงถังขยะสำหรับกระป๋องข้างๆ ม้านั่ง แล้วลุกขึ้นบิดขี้เกียจ

 

‘ไปเดินเล่นแถวๆ ห้างนั่นก่อนล่ะกัน’

 

ติ๊ดๆๆ

 

เสียงมือถือของพีมีคนโทรเข้ามา หยิบขึ้นมาดูก็เป็นชื่อและรูปของทอมมี่ สายที่เข้ามาเป็นแบบโทรเห็นหน้ากัน แต่พีเลือกที่จะรับแบบปกติแทนแล้วเดินไปด้วย

 

“ฮัลโหล”

“พีจัง!” เสียงทอมมี่ตะโกนลั่น จนพีต้องผงะเอามือถือออกจากหู “เป็นไงบ้าง? ได้ยินว่าหนีออกจากบ้าน”

“ก็สบายดี”

 

‘มีคนไปบอกทอมมี่เหรอเนี่ย? เฟียน่าล่ะมั้ง’

 

“งั้นเหรอ...ดีใจจัง ว่าแต่เธอไปจะอยู่ที่ไหน?” ทอมมี่ถาม

“คงจะเช่าห้องใหม่อยู่มั้ง”

 

‘เดี๋ยวก่อนสิ ค่าเช่าสมัยนี้ก็แพงอยู่ แถมเช่ารายเดือนไม่ได้ด้วยและช่วงหลังก่อการร้าย...ที่มีเปิดหรือเปล่าเหอะ...

ให้ตายสิ ฉันลืมคิดเรื่องคืนนี้จะไปอยู่ได้ไงว่ะเนี่ย’

 

“พีจัง...มาอยู่กับฉันตามเดิมไหมล่ะ?”

 

ทอมมี่ยื่นข้อเสนอมา...

 

‘อยู่กับมันเหรอ...ขืนอยู่กับมันล่ะก็...ได้เสียเชิงชายแน่ๆ

แต่ตอนนี้ฉันไม่ค่อยมีทางเลือกมาเลยแฮะ...’

 

“งืม...” พีกำลังใช้ความคิดอยู่ ก่อนที่จะตัดสินใจ “งั้นรบกวนด้วยล่ะกัน”

“เย้!”

“แต่มีข้อแม้...ห้ามเล่นพิเรนเด็ดขาด” พีพูดดักไว้ “และจะขออยู่ไม่นานด้วย จนกว่าจะหางานหาเงินใหม่ได้”

“จัดให้เลยครับ!” เสียงทอมมี่ดีใจมากจนเขารู้สึกหวั่นๆ ยังไงก็ไม่รู้ “งั้นเดี๋ยวตอนเย็นหลังเลิกงานจะมารับหน่า...จะให้ไปรับที่ไหน?”

“...ที่ห้างเซ็นเตอร์บีสเหมือนเดิมล่ะกัน”

“รับทราบจ้า สาวดุ้นของฉัน”

“ไอ้ทอมมี่! เลิกเรียกแบบนั้นได้แล้ว! ฉันไม่ชอบ!”

 

ติ๊ดๆ

 

ทอมมี่ตัดสายทิ้งไปก่อนที่เขาจะด่าจบ

 

‘ไอ้หมอนี้มันน่าตบกระบาลให้เละ แต่ต้องขอบคุณมันล่ะกัน สำหรับที่พัก

และฉันคงมีเวลาหาเบาะแสเมงุมิมากขึ้น’

 

และแล้วพีก็ตกใจกับตัวเองว่าเดินมาถึงหน้าห้างเซ็นเตอร์บีสแบบไม่รู้ตัว

 

‘ขืนเดินเผลอไม่รู้ตัวบ่อยๆ มีหวังได้แผลอีกแน่ๆ

พูดแล้วยังเจ็บหัวกับหลังไม่หาย’

 

แล้วเขาก็เดินเข้าห้างไป โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนแอบตามสะกดรอยมา

 

◊◊◊

 

จบลงไปแล้วตอนนะจ๊ะ

พีกับเฟียน่าแตกหักกันแล้ว!? ทำไมถึงไวนักล่ะ!?

แล้วพีจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิตตัวเอง?

แล้วเรื่องของเมงุมิจะเป็นยังไงต่อไป

โปรดติดตามตอนต่อไปที่มีชื่อว่า เมื่อพลังจิตผงาด บทที่ 7 [เส้นทางที่แตกต่าง]

ถ้าชอบก็ Comment ให้กำลังใจกันบ้างเน้อ ฮ่าๆ

By Spy442299 & Nattanan Srising

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา