P.P.Rising The Bullet Time อภินิหารพลังจิตเหนือโลก

8.1

เขียนโดย Spy442299

วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 10.54 น.

  46 chapter
  28 วิจารณ์
  42.02K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2557 17.28 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

28) อิลลูชั่น (illusion) บทที่ 1 [สุสาน]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

P.P. Rising: The Bullet Time

เดอะบูลเลตไทม์ อภินิหารพลังจิตเหนือโลก

  1. Ch.24 อิลลูชั่น (illusion) บทที่ 1 [สุสาน]

Rewrite V.3

 

◊◊◊

 

[ครึ่งชั่วโมงต่อมา]

[15:34] [03/01/2058]

[Area TH-7 เขตกลาง, Blue Zone, รถพยาบาลใกล้ๆ ซากหุ่นยนต์แมงมุมยักษ์เนโอ-ไททันสไปเดอร์]

 

“พีจัง...เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”

 

ทอมมี่เอ่ยถาม ณ ท้ายรถพยาบาลนั่งคู่กับพีที่ก้มหน้าเอามือซ้ายกุมขมับ

 

“ปวดหัวนิดหน่อย” พีตอบด้วยเสียงอันแผ่วเบา “สงสัยจะฝืนมากไป”

“ก็พีจังเล่นกระโดดไปอยู่บนเจ้าตัวนั่นเลยนี่ครับ”

 

ทอมมี่พูดแล้วมองไปยังซากขาหุ่นยนต์แมงมุมอันหนึ่ง ณ เบื้องหน้า ที่ล่มเข้าไปในตัวตึกสูงสามชั้นก่อนที่เห็นหัวหน้าไลพ์เดินคู่กับมาเทลแต่ไกลเลยหันมาฝากเพื่อนรักกับเรสเทียร์ในร่างนางฟ้าน้อยที่อยู่บนไหล่ขวาของพี...สีหน้าเธอเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด

 

“เรสเทียร์ครับ ฝากพีจังด้วยนะครับ”

 

เรสเทียร์พยักหน้าตอบรับ ทอมมี่เลยลุกขึ้นเดินออกมาผ่านเจ้าหน้าที่ทั้งเอ็มแอลเอและการ์เดี้ยนที่กำลังช่วยกันจัดการซากหักปักพังโดยรอบมากมาย เขาตะโกนเรียกหัวหน้าการ์เดี้ยน

 

“หัวหน้าไลพ์ครับ!”

“คุณพี่ทอมมี่!? กำลังหาอยู่พอดี” ไลพ์พูด “แล้วสามสาวนั่นอยู่ไหน?”

“อ๋อสามคนนั่นเหรอครับ?” ทอมมี่กรอกตาขึ้นฟ้า “น่าจะไปช่วยอพยพคนแถวๆ นี้อยู่ล่ะครับ”

“งั้นเดี๋ยวผมขอตัวไปหาเจ้าพวกนั่นก่อนนะครับ”

 

เทลที่อยู่ข้างๆ เสนอตัวจะปลีกออกจากหัวหน้าไลพ์ แต่โดนเธอดึงเสื้อไว้ก่อน

 

“นายยังไม่ไปไม่ได้” ไลพ์ดุ “วันนี้นายต้องเป็นคนขับฮอให้ฉันทั้งวัน”

“โห เจ๊ ใช้งานคนอื่นที่มีใบอนุญาติบินบ้างสิครับ” เทลบ่น “ให้ผมขับให้ ทั้งๆ ที่ยังไม่มีใบ มันไม่ดีหรอกครับ”

“แล้วทำไมไม่ทำ?”

“อายุยังไม่ถึงครับเจ๊”

“เรียกเจ๊สองรอบแล้วนะ!”

“ไม่เรียกก็ได้ครับ ฮ่าๆ”

“ฉันยังไม่แก่ขนาดนั้น” ไลพ์ทำหน้าเบี้ยว “คุณพี่ทอมมี่...แล้วเพื่อนของคุณล่ะ? ฉันอยากจะไปขอบคุณเธอสักหน่อย ถ้าไม่ได้เธอช่วยเปิดผนึกแท่งพลังงานขึ้นมาล่ะก็ คงล้มเจ้าตัวนี้ไม่ได้แน่ๆ”

 

ไลพ์ที่คิดว่าตนเองเป็นคนจัดการเนโอ-ไททันสไปเดอร์ได้ หยิบไฟแช็คขึ้นมาเปิดปิดฝาเล่น

 

“อยู่ตรงรถพยาบาลนั่นล่ะครับ” ทอมมี่หันขวาชี้นำไลพ์ให้ดู เห็นพีที่เอามือกุมขมับ แต่มือขวากดมือถืออยู่ “แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งเข้าไปเลยดีกว่า เหมือนว่าจะได้รับบาดเจ็บมาเลยปวดหัวหนักขนาดนั้น”

 “อืม...งั้นให้เพื่อนคุณพักงานวันนี้ได้เลย ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นก็แจ้งฉันมาด้วย”

“ได้เลยครับหัวหน้า” ทอมมี่ยกมือขึ้นรับคำสั่ง “ว่าแต่...คนๆ นั้นไม่ได้มาด้วยกันเหรอครับ?”

“คนๆ นั้น!?” ไลพ์ขมวดคิ้ว ก่อนที่จะนึกออก “อ๋อ ต้นนั่นหรอ...หมอนั่นอาสาแยกทางไปดูโรงงานผลิตยาที่เกิดเหตุระเบิดขึ้นทางเหนือน่ะ ฉันถึงได้มาสนับสนุนที่นี่ทันไง”

“งืม...งั้นหรอครับ” ทอมมี่ที่มีเรื่องติดใจกับเขา เก็บความรู้สึกนั่นไว้ในใจ “แล้วพอรู้ไหมครับ ว่าทำไมโรงงานนั่นถึงระเบิด?”

“ยังไม่รู้เลย ต้นยังไม่ติดต่อมาสักที แต่ถ้ามีลักษณะการก่อเหตุที่คล้ายๆ กันใน Area TH ที่หกล่ะก็...เราคงได้งานช้างเพิ่มขึ้นอีกแน่ๆ”

“เรื่องนั่น พวกเธอไม่ต้องยุ่งก็ได้นะ ปล่อยให้พวกฉันจัดการกันเอง”

 

เฟลิกซ์ เจ้าหน้าที่เอ็มแอลเอที่เดินหน้าเครียดมาแทรกวงสนทนา ไลพ์ก้มหัวรับ

 

“ขอบคุณมากค่ะ แต่ว่าเรื่องนี้ก็อยู่ในความรับผิดชอบของการ์เดี้ยนเช่นกันค่ะ หวังว่าเราคงได้ร่วมงานกันบ่อยมากขึ้นนะคะ คุณเฟลิกซ์”

“ถ้าพวกเธอไม่ก้าวล้ำขอบเขตเข้ามามากเหมือนเรื่องคราวนั่น ฉันก็ไม่ขัด” เฟลิกซ์พูด “เพราะช่วงนี้มันเกิดเรื่องขึ้นมากมาย...ฝ่ายไหนยื่นความช่วยเหลือมา ทางเรายินดีรับหมด...ขอบคุณเรื่องวันนี้ด้วย แต่จะดีกว่านี้ถ้าแจ้งมาล่วงหน้า”

 

ทั้งทอมมี่และเทลเห็นทั้งสองกำลังจ้องดวงตากันและกันเหมือนเคยมีเรื่องกันมาก่อน เลยหาเรื่องเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

 

“อ่า...คุณเฟลิกซ์ครับ เจ้าหุ่นนั่น...มันจะตื่นขึ้นมาอีกไหมครับนิ?” ทอมมี่ถาม

“แก่นกลางหลักที่ส่งพลังงานหลักพังจนใช้งานไม่ได้แล้ว สบายใจได้” เฟลิกซ์ตอบ “อีกเดี๋ยวพวกนั่นจะมาแล้วล่ะ”

“พวกไหนคะ?” ไลพ์ถามต่อ

“เวิลด์เจเนรัล เห็นบอกว่าส่งคนบินมาดูสถานการณ์แล้ว...พูดถึงก็มาพอดี”

 

เฟลิกซ์เงยหน้ามองเครื่องบินไอพ่นสีเทาขนาดกลางที่มีขนาดใหญ่กว่ารถบรรทุกสิบล้อเล็กน้อย รูปร่างคล้ายตัวที โดยที่ปลายปีกทั้งสองข้างเป็นไอพ่นที่ปรับแนวตั้งแนวนอนได้ มีอักษร WG สีน้ำเงินสลักอยู่ข้างลำตัวเครื่องบิน ลอยข้ามหัวพวกเขาไปสองร้อยเมตรก่อนที่จะหยุดอยู่กลางอากาศแล้วค่อยๆ ร่อนลงจอดพื้นตรงที่ว่าง

 

“เครื่องบินเจ็ท WG-421 รุ่นที่สี่ ผลิตในปี 2042 สินะ” เฟลิกซ์พูดราวกับว่าเป็นสิ่งที่เธอชื่นชอบ “อยากได้มาประจำหน่วยสักลำ”

“ทำไมมาถึงช้านักล่ะครับ?” ทอมมี่ถาม “ไม่เห็นจะมาตอนที่เจ้าหุ่นนั่นเดินขยี้เมืองเล่นเลย”

“Area TH เป็น Area ที่มี Tech เป็นอันดับสามนะ อย่าลืมสิ” เฟลิกซ์กล่าว “ไม่มีกำลังพลของพวกนั้นประจำการอยู่ใน Area นี้หรอก...นี่คงส่งตรงมาจาก Area SP Tech อันดับสองทางใต้มา“

“รู้ทั้งรู้ว่า Area ที่เราอยู่เป็นแค่อันดับสาม...ยังจะส่งแร่คริสตัลชายน์ ที่เขาว่ามันสำคัญนักหนาของพวกนั้นมาผ่าน Area นี่อีก” ไลพ์บ่น “พวกไอริสถึงได้ย่ามใจมาขโมยไป”

“เอาเถอะ...พวกเธอมากับฉันหน่อย” เฟลิกซ์ขอร้องแล้วเดินไปหาเครื่องบินที่กำลังร่อนลงจอด “ช่วยกันรายงานสถานการณ์ที่นี่ให้คนของเวิลด์เจเรนัลฟัง”

“รู้แล้วค่ะ”

 

ไลพ์ตอบอย่างไม่ค่อยเป็นมิตรนัก แต่ก็เดินตามเฟลิกซ์ไป เทลตามหัวหน้าของเขาไปติดๆ ส่วนทอมมี่ก็เดินตามไปเช่นกัน แต่เดินไม่เพียงกี่ก้าว เขาหันกลับมามองหาพีที่ควรอยู่ที่รถพยาบาล

 

‘อ้าว? พีจังหายไปไหนแล้วล่ะ?’

 

◊◊◊

 

‘ถ้ามันเป็นตามที่ฉันคิดล่ะก็...เมงุมิ

 

พีกัดฟันกับความคิดก่อนหน้านี้ ในขณะที่เขากำลังวิ่งผ่านซอยซอกตามตึกต่างๆ โดยมีเรสเทียร์ในร่างน้อยบินนำทางไป

 

‘-พีคุง...ช่วยฉันด้วย...-’

 

เสียงของเมงุมิดังขึ้นก้องหัวอีกครั้ง มันทำให้เขาปวดหัวหนักขึ้นกว่าเดิม

 

‘ไม่อยากจะเชื่อ...คงต้องไปพิสูจน์ให้เห็นกับตาเท่านั้น’

 

ก่อนหน้านี้ หลังจากที่หุ่นยนต์แมงมุมยักษ์นั่นล้มลง จู่ๆ ก็มีเสียงของเมงุมิดังขึ้นเรียกเขาในหัวตลอดเวลา ตอนแรกคิดว่าคงหลอนไปเอง แต่พอบอกเรื่องนี้กับเรสเทียร์ตอนที่อยู่หลังรถพยาบาล เธอแตะตัวเขาแล้วทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่จะบอกว่าสิ่งที่เขาได้ยิน ไม่ใช่หลอนไปเอง แต่เป็นคลื่นวิทยุบางอย่างที่ถูกส่งตรงมาหาเขา

เท่านั้นแหละ เขารีบค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องผ่านมือถือทันที...ผลก็คือ มันมีพลังจิตอย่างหนึ่งที่ถูกค้นพบไม่นานนักนี่ คือ พลังจิตที่สามารถสื่อสารโทรจิตกับความคิดคนอื่นได้ หรือเรียกว่า เทเลพาธี (Telepathy) ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ แสดงว่าเมงุมิยังไม่ตาย

 

“ทางนี้ค่ะ! พี่หญิง”

 

เรสเทียร์ที่บินเลี้ยวไปทางขวาเอ่ยขึ้น พีวิ่งตามไปติดๆ

 

ส่วนเรสเทียร์ที่กำลังนำทางพีอยู่ เธอบอกว่าสามารถหาต้นตอที่มาของคลื่นวิทยุหรือสถานที่ที่เมงุมิส่งกระแสจิตมาหาเขาได้เลยให้เธอช่วยพาไป จนตอนนี้วิ่งทะลุออกซอยมาเจอกับถนนใหญ่

 

 “ข้ามไปข้างหน้าอีกสองกิโลเมตรก็จะถึงแล้วค่ะ พี่หญิง”

 

เรสเทียร์ที่ลอยตัวอยู่ข้างถนนบอก พีมองไปทางขวาเจอกับสะพานลอยไม่ไกลนัก เขารีบวิ่งตรงไปต่อทันที ฝนเริ่มตกโปรยปราย

 

‘-พีคุง...พีคุง...ช่วยฉันที-’

‘อดทนไว้นะ เมจัง ฉันกำลังไปช่วยเดี๋ยวนี่แหละ!’

 

◊◊◊

 

[มุมมองของเฟท]

[15:46] [03/01/2058]

[Area TH-7 เขตกลาง, Blue Zone, รถขนผู้ต้องหาของเอ็มแอลเอ บนถนนที่การจราจรติดขัดสายที่สี่]

 

“ชิ่งหนีคนเดียว น่าไม่อาย”

 

เฟทที่ถูกกุญแจมือสวมข้อมือไว้ข้างหลัง บ่นพึมพำก่อนที่จะกระทืบเท้าอย่างหงุดหงิดเพราะโดนจับได้หลังเข้าไปก่อความวุ่นวายหุ่นยนต์เนโอ-ไททันสไปเดอร์

 

‘มันไม่ควรเป็นแบบนี้ ถ้าหัวหน้าแว่นจอมเซอะซะนั่นทำอะไรไม่ยั้งคิด ใช้พลังจิตทั้งๆ ที่รู้ว่ามันเสี่ยง...มันได้เป็นหัวหน้ากลุ่ม Area TH ยังไงก็ไม่รู้’

 

“เฮ้ยๆ! หยุดถีบรถได้แล้ว!” เสียงคนขับเจ้าหน้าที่เอ็มแอลเอตะโกนบอกมาข้างหลัง

“ค่ะ!” เฟทประชดด้วยการกระทืบบนพื้นรถอีกที

“ยังอีก!”

 

‘เชอะ หัวหน้าแว่น คอยดูเถอะหน่า ถ้าหลุดออกไปได้เมื่อไร---’

 

แปล๊บๆ

 

เสียงช็อตกันอะไรบางอย่างดังขึ้น ก่อนที่ตัวเครื่องยนต์รถขนผู้ต้องหาของเอ็มแอลเอดดับลง คนขับข้างหน้าพยายามสตาร์ทรถใหม่แต่ไม่เป็นผล เลยจะลงรถไปดูเครื่องยนต์หน้ารถ...ซึ่งเปิดประตูคนขับไม่ออก แต่ประตูหลังที่คุมนักโทษอยู่กลับถูกเปิดออกแทนด้วยชายผมยาวตั้งสีฟ้าคนหนึ่ง

 

“เฮๆ โทษทีมาช้าหน่อย ป่ะ เรารีบไปที่สุสาน...โอ้ย!”

 

ชายผมยาวตั้งสีฟ้าที่ตั้งใจมาช่วยคนที่อยู่ข้างในโดนลูกถีบของเฟทลอยเข้าที่ท้องเต็มๆ จนลงไปนอนกองกับพื้น

 

“ทิ้งฉันหนีไปคนเดียวทำไม! หัวหน้าแว่น!”

“วันนี้เธอถีบฉันสองรอบแล้วนะ!” หัวหน้าแว่นตอบทั้งๆ ที่กระอักน้ำลายออกมาด้วย

“ก็ทำตัวน่าถีบไหมล่ะ?”

“ช่วยฟังที่พูดก่อนได้ไหม!” หัวหน้าแว่นลุกขึ้น “ถ้าไม่หนีไปก่อน แล้วจะมาช่วยเธอได้ยังไงเล่า”

“อ๋อ!” เฟทขึ้นเสียง “สรุปว่าที่ทำไป ช่วยว่างั้น!?”

“ก็ใช่นะสิ...ขืนช่วยเธอมาด้วยตอนนั้น มีหวังโดนเขาจับได้แน่ๆ เธอก็รู้ไม่ใช่หรือ? ว่าคนๆ นั้นทำอะไรได้บ้าง...สู้มาแอบช่วยทีหลังยังจะดีกว่า”

“อ๋อเหรอ...”

 

เฟทที่กำลังโกรธเลือดขึ้นหน้า ค่อยๆ บรรเทาความรู้สึกนั้นให้เบาลง...แล้วถอนหายใจยาวๆ

 

‘หาข้อแก้ตัวเก่งจังนะ หัวหน้าแว่น...’

 

 “งั้น...เลี้ยงพาเฟต์สามวันด้วยล่ะกัน” เฟทยื่นข้อเสนอไม่กล้าสบตาตรงๆ

 “จ้า เรารีบไปกันเถอะ เดี๋ยวคนขับนั่นจะลงมาลากพวกเราไปซะก่อน”

 

หัวหน้าแว่นพูด ทำให้เฟทหันกลับไปมองรถขนนักโทษของเอ็มแอลเอที่มีคนขับพยายามพังประตูออกมา

 

‘เหอะๆ หัวหน้าแว่นใช้พีทูอิเล็กโทรคิเนซิส (Electrokinesis P.P.) ของตัวเขาเอง ช็อคระบบล็อครถไฟฟ้าแน่ๆ’

 

หลังจากนั้นเฟทได้ยินเสียงหัวหน้าแว่นเดินเรียบทางซ้ายมือเผื่อที่จะขึ้นฝั่งจากกลางถนนที่รถติดแน่น เธอวิ่งตามไปชนแผ่นหลังของเขา

 

“อะไรอีกล่ะ” หัวหน้าแว่นถาม

“กุญแจมือ”

               

เฟทพูดแล้วหันหลังให้เห็นมือทั้งสองที่ถูกกุญแม่มือแบบล็อคด้วยระบบไฟฟ้า หัวหน้าแว่นก้มลงไปใช้มือข้างขวาแตะ

 

“เจ็บหน่อยนะ เฟท”

 

แปล็บ!! แก๊ะ!

 

เสียงกระแสไฟฟ้าช็อคกับกุญแจมือ ทำให้วงแหวนที่ล็อคอยู่ถูกปลดออก ก่อนที่มือของเฟทจะทำงานอัตโนมัติ ฟาดเข้าที่ใบหน้าหัวหน้าแว่น

 

“โอ้ย! อะไรของเธอเนี่ย!”

“อุ้ย ขอโทษค่ะ โดนไฟช็อคแล้วมือมันไปเอง แบร่”

 

เฟทแลบลิ้นแล้ววิ่งนำไปข้างหน้า หัวหน้าแว่นเอามือกุบหน้าไว้ก่อนที่จะตะโกนบอก

 

“เฟท! สุสานไม่ได้ไปทางนั้นนะ”

 

◊◊◊

 

[16:21] [03/01/2058]

[Area TH-7 เขตกลาง, Blue Zone, สุสานชาวคริสต์ ‘มิสเทน’]

 

“แฮ่ก แฮ่ก...ที่นี่งั้นหรอ!?”

 

พีถามเรสเทียร์ในร่างน้อยลอยอยู่ข้างหน้าทางเข้าสุสานชาวคริสต์ ‘มิสเทน’ หลังจากที่เขาหอบเพราะวิ่งไม่ได้หยุดเลยเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง

 

“ใช่ค่ะ แต่เหมือนว่าคลื่นโทรจิตนั่น...จะหายไปแล้ว พี่หญิง”

 

‘คลื่นโทรจิต!? นั่นสิ ฉันไม่ได้ยินเสียงของเมงุมิมาสักพักแล้ว’

 

พีเงยหน้ามองไปยังข้างในสุสานที่ค่อนข้างเงียบและไม่มีคนอยู่

 

‘เดี๋ยวก่อนนะ สุสานนี่ที่เขาว่าที่ประชุมเมื่อวานนี่ว่าจะจัดงานไว้อาลัยผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่พวกไอริสบุกโจมตีนี่หว่า!? แล้วไงไม่เห็นมีใครสักคน’

 

พีคิดอย่างเหนื่อยใจก่อนที่จะเดินตรงเข้าไปสุสานที่มีต้นไม้เปราะปราย ต้นหญ้าเรียบๆกว้างขวางและป้ายสุสานมากมาย โดยเรสเทียร์ที่บินตามมาเข้าไปอยู่ในกระเป๋าเสื้อของเขา ก่อนที่จะเห็นลุงแก่ๆ ใส่หมวกสีน้ำตาล ชุดโทนครึมทั้งตัวคนหนึ่งนั่งอยู่บนม้านั่งระหว่างทาง เขาเลยเข้าไปถาม

 

“ลุงๆ ที่นี่ใช่หรือป่าวครับ? ที่จัดงานไว้อาลัยจากเหตุสงคราม?”

“อ๋อ...แค่กๆ” ลุงเงยหน้าขึ้นมาดู...ซึ่งไม่ค่อยเห็นตาของแกเพราะเนื้อย่นปิด “แม่หนูไปอยู่ไหนมา เขายกเลิกงานวันนี้แล้ว เห็นว่ามีหุ่นๆ อะไรสักอย่างกำลังออกอาละวาดอยู่ ลุงนั่งอยู่ที่นี่ตั้งนานยังไม่เห็นสักกะตัว แค่กๆ แล้วทำไมแม่หนูใช้คำว่า ‘ครับ’ ล่ะนิ เป็นผู้หญิงต้องใช้ ‘ค่ะ’ ไม่ก็ ‘ข๊า’ ไม่ใช่หรือ แค่กๆ”

“อ่า...ค่ะๆ ขอบคุณนะคะ”

               

‘ให้ตายสิ ลืมเนียนเป็นผู้หญิงซะได้ เอาเหอะ..งานถูกยกเลิกงั้นเหรอ ก็น่าจะสมควรเลิกอยู่หรอก เพราะไอ้หุ่นยนต์ตัวยักษ์นั่นเดินเหยียบเมืองเป็นของเล่นอยู่ใกล้ๆ นี่หว่า’

               

พีเดินละจากลุงคนนั้น เดินผ่านหลุมป้ายสุสานไปเรื่อยๆ มองหาอะไรบางอย่าง

 

“เรสเทียร์...ระบุได้ไหมว่าคลื่นที่เธอบอกนะ มาจากตรงไหน?”

“ขออภัยค่ะ พี่หญิง” เรสเทียร์ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อตอบ “ความสามารถของเรสเทียร์ทำได้เพียงแค่นี้ค่ะ ถ้าไม่มีคลื่นนั่นมาอีก เรสเทียร์ก็ระบุตำแหน่งที่แน่นอนไม่ได้”

“งั้นเหรอ...ไม่เป็นไร บางทีฉันอาจจะคิดไปเองก็ได้”

“เรสเทียร์ว่า ไม่เป็นแบบนั้นหรอกค่ะ เพราะคลื่นนั่นมันมี---“

“อาจจะเป็นคลื่นอย่างอื่นก็ได้” พีเริ่มคิดไปอีกอย่าง “ฉันคงหลอนไปเองนั่นแหละ เรสเทียร์”

“แต่ว่า---”

“ขอบใจมากนะ แค่นี้ก็ทำให้ฉันพอเข้าใจตัวเองมากขึ้นแล้วล่ะ ว่าจิตใจตอนนี้มันไม่ปกติ”

 

‘ใช่ คงเป็นแบบที่ฉันพูดไปตะกี้นั่นแหละ คิดมากไปเอง’

               

พีถอนหายใจราวกับว่าเขาปลงกับชีวิตตนเอง แล้วเริ่มมองตามป้ายสุสาน

 

‘แต่ไหนๆ ก็มาที่นี่แล้ว น่าจะมีป้ายสุสานของเมงุมินะ...เยี่ยมเธอสักหน่อยก็ยังดี’

 

พีคิดเสร็จก็ตะเวนเดินตามหาป้ายต่อ เวลาผ่านไปห้านาที ในที่สุดก็เจอป้ายหนึ่งที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก มีชื่อ ‘มิซากะ เมงุมิ’ อยู่ เขายืนจ้องสักพัก ก่อนที่จะโค้งคำนับลงอย่างตั้งใจ

 

‘เมงุมิ...ฉันขอโทษนะที่ทำตามสัญญาไว้ไม่ได้’

 

“เธอรู้จักกับลูกสาวฉันด้วยหรือ?”

 

เสียงชายหนุ่มเคร่งครึมดังขึ้นข้างขวาของพี เขาผงะตัวขึ้นมาดูว่าเป็นใคร เป็นชายอายุสี่สิบปลายๆ ดูจากรูปร่างหน้าตาแล้ว น่าจะเป็นคนเอเซียตะวันออกแดนไกล สูงร้อยเจ็ดสิบกว่าๆ ผมสั้นสีดำ ใส่แว่นตาอันเล็กกรอบสีเหลือง อยู่ชุดสูทดำแลดูไว้ทุกข์ มือซ้ายของเขาถืออะไรสักอย่างเป็นแท่งสี่เหลี่ยมสีฟ้า

 

‘คนๆ นี้ฉันรู้จักดี...เคยเห็นตามหน้าสื่อต่างๆ และความทรงจำวัยเด็กที่หายไปของฉัน

มิซากะ เคนชิโร่ ซีอีโอของบริษัทไฮเทคอัพเปอร์จำกัด หรือรู้จักในอีกฐานะหนึ่งก็คือ พ่อของเมงุมิ

ท่าทางน่ากลัวจังแฮะ’

 

 “อ่า...คือ ก็รู้จักกันนิดหน่อยค่ะ”

 

พีตอบด้วยเสียงสั่นกับชายตรงหน้าที่มาแบบไม่ทันตั้งตัว

 

“อ๋อ งั้นหรือ...ลูกสาวฉันคบหาสมาคมกับคนอื่นเป็นด้วยเหรอนี่?”

 

คำถามที่ไม่รู้ว่าได้ถามถึงพีหรือแค่บ่นให้ฟังเฉยๆ จากปากของเคนชิโร่ ทำให้พีสงสัยขึ้นมา

 

“คบหาคนอื่นไม่เป็น!?”

“หือ ก็ใช่นั่นสิ” เคนนิโร่เดินเข้ามาใกล้ๆ ก่อนที่จะก้มตัวลงไปวางดอกไม้สีขาวอันหนึ่งลงบนหน้าป้ายสุสานของเมงุมิ “ไม่นึกเลยว่าต้องจบชีวิตลงแบบนี้”

 

เคนชิโร่ถอนหายใจ ก่อนที่จะลุกขึ้นมายืนตามเดิม

 

‘-พีคุง...หนีไป...-’

‘หือ!? เมงุมิ!?’

 

พีที่ได้ยินเสียงของเมงุมิดังขึ้นอีกรอบหนึ่งในหัว หันมองซ้ายขวาหาต้นตอของเสียงก่อนที่จะเห็นคนปริศนาคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังเคนชิโร่เป็นสาวผมยาวสีดำที่มีหน้ากากเรืองแสงสีดำปิดใบหน้าอยู่ เว้นซะแต่ตาซ้ายเป็นสีแดงส่องแสงจ้า ทั้งตัวเธอมีชุดเกราะสีดำสลับสีขาวแปลกๆ ทั้งตัว และที่แผ่นหลังมีปืนกระบอกยาวสีดำแดงเรียบคล้ายสไนเปอร์

 

‘ใครน่ะ!? เหมือนกับ...’

 

พียืนนิ่งตะลึงค้างมองไปยังเธอคนนั้น เคนชิโร่ที่รู้สึกตัวว่าพีกำลังมองบางสิ่งบางอย่าง เขาหันไปดูเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนที่จะหันกลับมาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปราวกับคนที่เหมือนมีแผนร้ายอะไรบ้างอย่าง

 

“หึ...ใครสั่งให้เธอออกมา?” เคนชิโร่ถามคนข้างหลัง

“ไม่มีค่ะ จิตใต้สำนึกของร่างกายผู้หญิงคนนี้เป็นคนทำค่ะ...นายท่าน”

 

เสียงที่คล้ายเสียงสังเคราะห์ด้วยโปรแกรมหุ่นยนต์ดังออกมาจากตัวเธอ แต่ถึงอย่างงั้น พีก็จำลักษณะเสียงนั่นได้...จนเผลอเรียกชื่อออกมา

               

 “เมงุมิ”

 

สายตาที่เต็มไปด้วยความแปลกใจปรากฎขึ้นแก่เคนชิโร่ก่อนที่เขาจะหัวเราะอยู่ในลำคอ

 

“หึหึ เหมือนเธอจะไม่ใช่แค่รู้จักกับเมงุมิเฉยๆ สินะ” เคนชิโร่เดินถอยหลังไปอยู่ข้างๆ ผู้หญิงคนนั้น “ฉันขอแนะนำให้รู้จัก โปรเจคประจำตระกูลมิซากะที่สร้างขึ้นจากร่างกายของลูกสาวฉันเอง...’เรซเซอร์เรกชั่น: โค้ดเนม เมงุมิ’ (Resurrection: Codename Megumi)”

 

เมื่อเคนชิโร่แนะนำเสร็จ หน้ากากที่ปิดใบหน้าปริศนาของผู้หญิงตรงหน้าถูกเปิดออกเก็บเข้าไปด้านข้าง ปรากฎให้เห็นใบหน้าที่พีรู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดียกเว้นใบหน้าซีกซ้ายของเธอถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักรเหมือนในความฝันที่เขาเจอเธอ

 

◊◊◊

 

คุยกับคนเขียนกันนะจ๊ะ

จบลงไปแล้วสำหรับบท ‘อิลลูชั่น (illusion)’ บทแรกนะจ๊ะ

และแล้วเหตุการณ์ในเมืองเริ่มที่จะสงบขึ้น

แต่ทว่าพีต้องมาเจอเรื่องที่ไม่คาดฝันซะแล้วสิ

แล้วพีจะทำยังไงต่อไป เมื่อคนที่เขาเจอตรงหน้าคือเมงุมิที่สมควรตายไปแล้ว?

โปรดติดตามตอนต่อไปที่มีชื่อว่า อิลลูชั่น (illusion) บทที่ 2 [ด้วยคำมั่นสัญญา]

ถ้าชอบก็ Comment ให้กำลังใจกันบ้างเน้อ ฮ่าๆ

By Spy442299 & Nattanan Srising

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา