P.P.Rising The Bullet Time อภินิหารพลังจิตเหนือโลก

8.1

เขียนโดย Spy442299

วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 10.54 น.

  46 chapter
  28 วิจารณ์
  42.05K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2557 17.28 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) วิกฤตการณ์กลางเมือง บทที่ 2 [สายสัมพันธ์]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

P.P. Rising: The Bullet Time

เดอะบูลเลตไทม์ อภินิหารพลังจิตเหนือโลก

  1. Ch.2 – วิกฤตการณ์กลางเมือง บทที่ 2 [สายสัมพันธ์]

Rewrite V.3

 

◊◊◊

 

‘ตาขวาฉัน...ปวดมาก’

 

นั่นเป็นความรู้สึกแรกที่วิ่งเข้ามาในความคิดหลังจากที่พีเริ่มรู้สึกตัว ก่อนที่ชายหนุ่มจะลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่บนโซฟาในห้องคล้ายออฟฟิศแห่งหนึ่ง

 

‘นี่ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย...อ๋อ ผู้หญิงผมฟ้าคนนั้น...’

 

พีเอามือซ้ายกุมตาข้างขวาไว้ ก่อนที่จะรู้สึกตัวได้ว่ามีอะไรบางอย่างหายไป

 

‘หน้ากากฉัน!?’

 

“หือ!? ฟื้นแล้ว! รู้สึกเจ็บตรงไหนหรือเปล่าฮะ?”

 

เสียงผู้หญิงห้าวคนหนึ่งถามเข้ามา พีลุกขึ้นนั่งมองหาต้นเสียงเป็นผู้หญิงผมสั้นสีดำนัยน์ตาสีดำ หน้าตาดูคมอยู่ในชุดนักเรียนมอปลายสีเขียวขาวของโรงเรียนซิสเซลโดยมีปลอกข้อมือของการ์เดี้ยนใส่ไว้อยู่ เธอเดินเข้ามานั่งโซฟาฝั่งตรงข้ามหยิบแก้วชาที่ถือมาวางบนโต๊ะตรงหน้าพี

 

“เอ่อ...น่าจะนิดหน่อยครับ” พีสำรวจร่างกายตัวเองมีแค่คราบขี้เถาเปรอะเปื้อนเต็มตัว “คงไม่เป็นไรแล้ว...ว่าแต่ฉันรอดมาได้ไงเนี่ย?”

“หน่วยดับเพลิงเข้าไปช่วยไว้ทันฮะ แล้วเห็นว่าคุณไม่เป็นอะไรมากเลยให้ผมดูแลฮะ”

“...แล้วเจออีกคนไหม”

“อีกคน?”

 

เอชเคียงคอรับคำถามแล้วพยายามนึก พีบอกลักษณะคนที่จะมาฆ่าเขาคร่าวๆ

 

“เป็นผู้หญิงผมสั้นสีฟ้าๆ สวมผู้สีดำ...”

“ไม่นี่ฮะ มีแต่คุณพีคนเดียวฮะ” เอชตอบ

“จริงเหรอครับ?” พีย้ำ

“จริงสิฮะ” เอชก็ย้ำเช่นกัน

 

‘อ้าว...หรือว่าหนีไป...หรือว่าฉัน...อาจจะเพี๊ยนไปเอง’

 

พีคิดแบบนั้นเพราะตัวเขามีอาการผิดปกติอย่างหนึ่ง ก็คือช่วงไม่สบายจิตจะหลอนประสาทสร้างภาพขึ้นมาเองอยู่เรื่อย ซึ่งมันเป็นผลมาจากที่เขาเคยป่วยเป็นโรคประสาทหลายปีก่อน...

 

“อ๋อ...แล้วฉันอยู่ที่ไหนครับนี่?” พีเปลี่ยนเรื่องถาม

“สำนักงานการ์เดี้ยน Area TH ที่เจ็ดเขตกลางฮะ” ผู้หญิงผมดำห้าวตอบก่อนแนะนำตัว “ผมมีชื่อว่าเอชฮะ อายุสิบห้าปี ถึงจะเป็นการ์เดี้ยนฝึกหัดแต่ผมสัญญาว่าจะคอยปกป้องความสงบสุขของชาวเมืองอย่างเต็มที่ฮะ!”

 

บทแนะนำที่ฟังดูเวอร์ของเอช ทำให้เขายิ้มแฮ่กๆ

 

‘โหยๆ เด็กคนนี้ไฟแรงจังแฮะ’

 

พีเอื้อมมือหยิบถ้วยชายยกขึ้นมาดื่ม สาวทอมตรงหน้าหยิบหน้ากากสีขาวที่เขาหาอยู่มาวางไว้บนโต๊ะ

 

“อันนี้ของคุณใช่ไหมฮะ?”

“ใช่ครับ นึกว่าจะหาไม่เจอซะแล้ว ขอบคุณมากครับ”

 

พีเอื้อมตัวไปหยิบหน้ากากแล้วยกขึ้นสวมหน้าตามเดิมแล้วสายตาเขาเหลือบไปเห็นหน้าปัดนาฬิกาดิจิตอลที่ติดไว้บนผนัง

 

‘17:45 น. นี่ฉันสลบไปเป็นชั่วโมงเลยเหรอเนี่ย

เดี๋ยวก่อนนะ...

งืม...

เฮ้ย! ใกล้เวลานัดหกโมงแล้วนี่หว่า!’

 

“คุณพีฮะ” เอชเอ่ย “เดี๋ยวรบกวนช่วยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด จะแจ้งเรื่องไปยังเอ็มแอลเอ---”

“ขอโทษนะครับ! พอดีมีธุระด่วนไว้ค่อยคุยที่หลังได้ไหม? ขอตัวก่อนนะครับ!”

 

เอชกำลังสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่พีกำลังร้อนรนเพราะใกล้ถึงเวลาที่เมงุมินัด รีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินหาทางออกเจอประตูเปิดออกไป...อีกไม่กี่วินาทีต่อมา เขาเดินกลับมาเปิดประตูแล้วก้มหัวลง

 

“ขอบคุณที่ช่วยผมไว้นะครับ”

“คือว่า---“

 

พีไม่รอให้เอชพูดจบ เขาปิดประตูลง ก่อนที่จะพบว่าตนเองอยู่ทางบันไดชั้นสอง เขารีบวิ่งลงบันไดมาชั้นหนึ่งจนเห็นถนนข้างหน้า แต่แล้วก็เจอกับชายผมเขียวที่ใส่ผ้าคลุมสีเหลืองทั้งตัวยืนขวางทางไว้

 

‘เฮ้ย! ใครเนี่ย!?’

 

พีคิดแบบนั้น คนตรงหน้ายื่นมือขวามาจับข้อมือขวาของเขา หงายฝ่ามือขึ้นดู

 

“ท่าทางมันจะเข้ากับนายนะ”

 

‘หือ!? อะไรเข้ากัน’

 

พีก้มดูฝ่ามือขวาตัวเองที่ถูกคนแปลกหน้าจับดูอยู่ก็พบว่ามีอะไรบางอย่างติดฝังแน่นอยู่กลางฝ่ามือเขา คล้ายๆ แผ่นกระจกกลมเล็ก เขาเอามือซ้ายแตะมันและพยายามแกะออก แต่แล้วมันไม่เป็นผลเพราะแผ่นกระจกกลายเป็นเนื้อเดียวกันกับฝ่ามือ

 

“อะไรเนี่ย!?” พีผวา

“ตัวนายต้องมีอะไรแน่ๆ...”

 

ชายผมเขียวตรงหน้าพูดเรื่องปริศนาอีกครั้งแล้วส่งสายตาที่ดูไม่น่าไว้ใจ พีจะถามคนตรงหน้าให้รู้เรื่อง แต่แล้วเอชที่ตามมาเรียกจากข้างหลัง

 

“คุณพีฮะ!!” เสียงเอชดังขึ้นมา พีหันหลังไปเห็นเอชกำลังเดินลงมาหา “รบกวนขอข้อมูลติดต่อไว้ก่อนฮะ”

“อ่า...อ๋อๆ ได้ครับ”

 

พีหยิบมือถือขึ้นมา ส่วนเอชหยิบมือถือขนาดใหญ่กว่านิ้วเล็กน้อยที่แนบหูอยู่ออกมาและเอามาแตะกับเครื่องมือถือของพี เป็นการแลกข้อมูลติดต่อกัน พอแลกกันเสร็จ พีก็ถามเรื่องคนข้างหลังที่สวมชุดดำ

 

“อ่า รู้จักกับคนนี้ไหมครับ?” พีพูดแล้วชี้ไปข้างหลังเขาเอง

“รู้จัก!? ใครฮะ? ผมไม่เห็นมีใครอยู่ตรงนั้นเลย”

“หือ!? ก็ที่อยู่ข้างหลังฉันไง” พีพูดแล้วหันหลังไปดู “อ้าว---”

 

‘หายไปไหนแล้ว!?’

 

คนที่สวมชุดดำที่ควรอยู่กลับหายไปแล้ว เขามองดูรอบๆ ตัวก็หาไม่เจอ

 

‘อะไรเนี่ย...ช่างมันเหอะ ตอนนี้รีบไปตามนัดก่อนดีกว่า’

 

“ไม่มีอะไรครับ” พีพูด เขาลืมเรื่องฝ่ามือขวาไปสนิท “งั้นไว้ว่างเมื่อไหร่จะรีบติดต่อกลับมานะครับ”

“ทางนี้ไม่มีปัญหาอยู่แล้วฮะ การ์เดี้ยนพร้อมที่จะสร้างความสงบสุขให้แก่ผู้คนฮะ...”

 

เอชพูดแล้วยกมือขึ้นโชว์ปลอกข้อมือการ์เดี้ยนขึ้นมา ก่อนที่จะหน้าแตก เมื่อคนที่เธออยากจะพูดโชว์ให้เห็นกลับวิ่งไปตั้งนานแล้ว

 

◊◊◊

 

[17:57] [25/12/2057]

[Area TH-7 เขตกลาง, Blue Zone, ห้างสรรพสินค้าบีส]

 

‘นึกว่ามาไม่ทันซะแล้ว’

 

พีก้มตัวลงหายใจหอบอย่างอ่อนแรงเพราะรีบวิ่งมาจุดนัดพบที่หน้าร้านพาเฟ่ต์สุดชีวิต แถมยังมีอาการปวดตามตัวขึ้นมาอีก เขาเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นคนที่นัดเขาไว้ เธอมีผมยาวสีดำใบหน้าดูอ่อนไหวต่อสิ่งรอบข้างอยู่ในชุดลุกไม้ยาวสีดำ

 

‘มิซากะ เมงุมิ’

 

เธอคนนั้นกำลังคุยกับใครบางคนอยู่ข้างๆ เป็นผู้หญิงที่มีผมชี้ฟูสีแดงยาวเกือบถึงบ่า นัยน์ตาสีแดง ผิวสีขาวชมพูอยู่ในชุดสีขาวที่รัดรูปเอาเรื่องและที่แผ่นหลังของเธอสะพายดาบไม้อยู่ ทำให้พีรู้สึกเหมือนเคยเห็นคนๆ นี้ที่ไหนสักแห่ง

 

‘คุ้นๆ แฮะ...’

 

คนที่พีกำลังคิดว่าเป็นใครที่เขาเคยรู้จัก เดินละออกไปอีกทางซ้าย เมงุมิหันมาเห็นพีพอดี เลยเดินเข้ามาหา

 

“คุณพี!”

 

เสียงเรียกของเธอพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มราวกับนางฟ้าชวนให้เขารู้สึกแปลกใจทุกครั้งที่ได้เห็น

 

‘ความรู้สึกคุ้นเคยหน้าของเมงุมิมากมายราวกับเคยรู้จักกันมาก่อน นี่มันยังไงกันแน่นะ!?’

 

“ว้าย! ทำไมตัวคุณเลอะแบบนี้คะ?” เมงุมิถามเพราะเห็นสภาพที่ดูไม่ได้ของเขา

“มีเรื่องมีนิดหน่อยครับ” พีเลือกที่จะเลี่ยงตอบ

“เหมือนจะมีแผลด้วย...” เมงุมิว่า

“ต้องขอโทษด้วยครับ ที่...มาในสภาพแบบนี้”

“งั้น...เอางี้” เมงุมิมองหาอะไรบางอย่าง “เดี๋ยวเราไปร้านเสื้อผ้าเปลี่ยนชุดให้คุณก่อนละกัน”

“อ่า...ครับ”

 

แล้วพีก็โดนเมงุมิลากไปร้านเสื้อผ้าที่อยู่ใกล้ๆ ในห้างนี้

 

[หนึ่งชั่วโมงต่อมา]

 

‘เหนื่อยเวอร์’

 

พีบ่นในใจ

 

‘ไม่คิดว่าหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าทำความสะอาดร่างกายและกินพาเฟ่ต์เสร็จ คุณเมงุมิพาเขาเดินไปดูของทั่วห้างจนขาลากแทบเดินไม่ได้ แต่ก็ขัดเธอไม่ได้สงสัยฉันจะขี้เกรงใจคนอื่นล่ะมั้งเนี่ย’

 

“วันนี้สนุกมากๆ เลยค่ะ”

 

คำกล่าวขอบคุณจากเมงุมิที่พีรับไว้แบบงงๆ ตอนนี้ทั้งเขาและเธออยู่หน้าห้างที่มีต้นสนประดับแสงไฟต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสอยู่

 

“ไม่เป็นไรครับ นิดๆ หน่อยๆ เอง” พีตอบไป

“แต่ฉันมีความสุขมากเลยนะคะ”

 

เมงุมิยิ้มมือทั้งสองพาดที่หลัง แต่นั่นทำให้พีที่เห็นท่าทางของผู้หญิงต่อหน้ารู้สึกคุ้นขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ

 

‘คำพูดแบบนี้นี่มันอะไรกัน...’

 

แล้วเธอก็หันไปทางต้นไม้ที่ประดับแสงไฟมองขึ้นไปแล้วเหม่อลอยพูดขึ้นมา

 

“แต่ความสุขแบบนี้ มักอยู่ได้ไม่นานนะคะ...ฉันไม่ค่อยชอบกฎแบบนี้สักเท่าไร”

 

เสียงเมงุมิเศร้าลงและมองไปทางต้นคริสมาร์ต ส่วนพี...

 

‘โหยๆ นี่มันอะไรกัน บรรยากาศแบบนี้ คำพูดแบบนี้ สีหน้าเธอที่ฉันได้เห็นแค่ข้างๆ แต่ก็รู้ว่าเธอกำลังระบายความในใจสักอย่าง ไอ้แบบนี้...หรือว่าจะสารภาพรัก?

ไม่มั้ง คนอย่างฉันมันไม่น่าจะมีจุดไหนให้น่าคบหานี่...ช่างมันเหอะ

แต่ไอ้ความรู้สึกแปลกๆ นี่มันอะไรกัน รู้สึกเหมือนลืมอะไรสักอย่าง เหมือนจะเป็นคำพูดประโยคแบบที่เธอพูด เหมือนเคยได้ยินได้ที่ไหน แล้วรู้สึกว่าฉันจะตอบไปว่า...’

 

“อย่าคิดมากหน่า ความสุขตอนนี้ มันจะกลายเป็นความทรงจำที่มีค่าตลอดไปนะ เมงุมิ”

 

พีพูดออกไปอย่างลืมตัวแถมเอามือไปวางไว้บนศีรษะของเมงุมิ

 

‘งานเข้า! นี่ฉันพูดอะไรออกไป? แล้วทำไมฉันถึงไปลูบหัวเธอละ’

 

สีหน้าเมงุมิเหมือนตกตะลึงกับสิ่งที่เขาพูดไปอย่างมาก...ตัวพีเหงื่อแตกซิก เริ่มทำอะไรไม่ถูก แต่ก็เอามือลูบไว้บนหัวเธอ

 

‘เอาไงดี!? ดันเผลอไปแตะตัวเธอแบบไม่น่าทำแล้ว เริ่มไม่ค่อยแปลกใจกับตัวเองสักเท่าไหร่แล้ว ว่าทำไมถึงไม่ค่อยมีใครคบ เพราะชอบทำอะไรแปลกๆ แบบนี้มั้งเนี่ย’

 

“ตาบ้า”

 

คำพูดของเมงุมิที่เรียกสติกลับมา แต่สติจะแตกกระเจิงอีกครั้งเมื่อเธออยู่ดีๆ เข้ามาจูบเขา

 

‘First Kiss!

ใช่ จูบแรกของฉันเลยแหละ...แต่เป็นฝ่ายรับนี่มันแปลกๆ นะ

เฮ้ย! เดี๋ยวก่อน แล้วไงอยู่ดีๆ เธอมาจูบฉันล่ะ? ทำไม ฉันมัน...’

 

“คุณไม่เปลี่ยนจริงๆ”

 

เมงุมิพูดให้พีกลับไปมองสีหน้าเธอที่...บอกได้คำเดียวว่าน่ารักเท่าที่สุดที่เคยเห็นมา ก่อนที่เธอจะยื่นของให้

 

“สุขสันต์วันเกิดนะคะ คุณพี”

 

‘หา!? วันเกิดฉัน?’

 

พีรับกล่องของขวัญสีน้ำตาลขนาดใหญ่กว่ามือนิดหน่อยจากเธอ

 

‘เฮ้ยๆ เดี๋ยวก่อน วันเกิดฉัน ฉันยังไม่เคยบอก---’

 

“ได้เวลาที่ฉันต้องไปแล้วนะคะ”

 

เมงุมิเธอพูดแบบนั้นยิ้มให้แล้วเดินสวนไป...พีก็มองตามหลังเธอในสภาพงุนงงไม่หาย และเมงุมิเธอก็หันมาบอกคำกล่าวสุดท้าย

 

“จำไว้นะคะ จูบนั้น...ไม่ใช่จูบสุดท้าย”

 

แล้วพีก็ได้แต่ยืนนิ่งเป็นก้อนหิน...

 

◊◊◊

 

[มุมมองของเมงุมิ]

 

เมงุมิที่เดินออกมาจนถึงม้านั่งแห่งหนึ่งที่มีชายชุดสูทดำยืนรออยู่ แล้วเธอก็คิดเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่

 

‘เขาไม่เคยเปลี่ยน...

ใช่ๆ แม้กระทั่งรสชาติจูบนั้น ตั้งแต่เด็กก็ไม่เคยเปลี่ยนด้วย

ยิ่งคิดยิ่งเขินมากเลย ฉันถึงยืนตรงนั้นได้ไม่นาน หนีมาเลย

แต่ถึงอย่างงั้น ในกล่องนั้นก็มีความในใจกับเรื่องที่อยากบอก เขียนไว้หมดแล้ว

รวมทั้งเรื่องที่ฉันรักษาสัญญาของคุณไว้ไม่ได้

ถึงแม้ว่าคุณจะลืมเรื่องของฉันไปแล้วก็ตามที แต่ไม่เสียดายเลย อุตส่าห์ตามติดเขาตั้งเดือนกว่าๆ คุยกับเขา อยู่ใกล้ๆ เขา ก่อนที่จะหมดเวลา

ใช่ เวลาของฉันกับเขามันหมดลงแล้ว เพราะฉันตัดสินใจเรื่องแบบนั้นไป ถึงกลายเป็นเรื่องที่ฉันรักษาสัญญาระหว่างกันไว้ไม่ได้

ขอแค่ได้มีความสุขเวลาอยู่ใกล้ๆ เขาก็เพียงพอแล้ว แล้วฉันก็จะทำตามคำพูดเขาไว้ตอนนี้และก่อนหน้านี้เมื่อสิบสองปีที่แล้ว

เฮ้อ...ฉันคงเข้มแข็งขึ้นบ้างแล้วสินะ’

 

เมงุมิถอนหายใจก่อน ก่อนที่จะพูดกับชายชุดสูทดำที่เป็นบอดี้การ์ดห่างๆ ของเธอเอง

 

“ฉันมาล่ะ”

“คุณหนูทำธุระเสร็จแล้วหรือครับ”

“ใช่ค่ะ...งั้นเรากลับกันดีกว่า ฉันไม่อยากอยู่นานๆ กลัวเปลี่ยนใจทีหลังค่ะ”

“ครับ คุณหนู”

 

แล้วบอดี้การ์ดทั้งสองคนเดินประกบด้านข้างเมงุมิ คนซ้ายมือหยิบแท่งแก้วสีฟ้าขึ้นมา แล้วกดปุ่มบนนั้น

 

“ตั้งพิกัดเป้าหมายที่โรงแรมของคุณหนู เริ่มขั้นตอนเทเลพอตได้”

 

รอบๆ ตัวทั้งสามคนมีแสงออร่าสีฟ้าลอยขึ้นมา เมงุมิคิดบางเรื่องก่อนที่ทั้งสามจะถูกแสงสีฟ้ากลืนหายไป

 

‘หลังจากนี้ฉันคงจะมา Area TH ไม่ได้อีกนานแน่ เพราะเรื่องที่ Area JP ชินโคเซ็นนั่น...’

 

◊◊◊

 

[19:00] [25/12/2057]

[Area TH-7, Blue Zone, ชั้นแรกของอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง]

 

ป๊าง!

 

เสียงประตูห้องพีที่โดนลมพัดปิดเอง

 

‘จริงๆ แล้วปิดเบาๆ ตามปกติก็ได้นะ ถ้าหายช็อคกับเรื่องที่เมงุมิทำไว้ ฉันยังตกใจไม่หาย กับการโดนขโมยจูบแรก ตามหลักฉันน่าจะดีใจสิ แล้วทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ มันรู้สึกเหมือนกำลังโดนทิ้ง...เหมือนที่พ่อแม่ทำกับเราเมื่อเจ็ดปีก่อน’

 

พีคิดอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจัดแจงของที่มีอยู่กับตัว มาวางไว้บนโต๊ะญี่ปุ่น แล้วดูฝ่ามือขวาของตัวเอง

 

‘กระจก...อะไรเนี่ย มันมาจากไหน’

 

เจ้าตัวคิดแบบนั้นแล้วพยายามงัดออกแต่ไร้ผลแล้วสายตาเขาเห็นของที่ได้มาจากเมงุมิเป็นกล่องของขวัญสีน้ำตาลที่ถูกห่อไว้อยู่

 

‘เฮะ? กล่องนี้มัน ที่เมงุมิให้มานี่หว่า จำได้ว่าเธอให้เพราะเป็นวันนี้เกิดเรา...

วันเกิดฉัน หลายปีที่ผ่านมา ตัวฉันทำเหมือนว่ามันเป็นวันธรรมดา เพราะว่าไม่มีใครที่สนใจ

แต่ประเด็นก็คือ เธอรู้ได้ไง? แล้ว...

ใช่ แล้วเรื่องที่ฉันเหมือนจะนึกอะไรออกแล้วเผลอพูดไปอีก พอพยายามจะนึกว่าตอนเด็กเกิดอะไรขึ้นบ้าง ก็จำไม่ได้และเริ่มปวดหัวขึ้นมา

เฮ้ย...ลืมไป ตอนเด็กเหมือนฉันจะเคยเล่นกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง บางทีเมงุมิอาจจะเป็น...’

 

สายตาพีมองลงมาที่กล่องอีกครั้งแล้วตัดสินใจเปิดให้รู้ว่ามันคืออะไร พอแกะหมดเห็นเป็นกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีน้ำตาลมีลายนาฬิกาที่เป็นเลขโรมันเต็มไปหมดเหมือนตัวกล่องจะเปิดฝาได้คล้ายๆ กล่องดนตรี

 

‘งั้น...ในนี้ต้องมีของอะไรสักอย่าง’

 

พีคิดตามนั้นแล้วทำตามที่ว่าในใจ เขาเปิดฝากล่องขึ้นข้างในเป็นสีแดงๆ มีกระดาษพับไว้อยู่และมีกลไลของกล่องดนตรีที่ถูกทำงาน

 

ฟริ๊ง...ฟริ๊ง...

 

‘ว่าแล้วเชียว เป็นกล่องดนตรีจริงๆ ด้วย...แต่เพลงนี้มัน...มะ...มัน...’

 

ตุ๊บ!!

 

พีอยู่ดีๆ รู้สึกปวดหัวจนหัวล้มไปบนโต๊ะ...สายตาเขามันเลือนรางมาก เห็นแต่กล่องดนตรีตรงหน้าที่บรรเลงเพลงไปเรื่อยๆ แล้วเหมือนมีภาพซับซ้อนอะไรสักอย่างเข้ามาในหัวมากมาย จนนึกบางเรื่องที่ควรจะจำได้ขึ้นมา

 

‘ใช่ ฉันจำได้แล้ว...เมจัง’

 

[เมื่อ 12 ปีที่แล้ว]

 

"กล่องนี่สวยไหมคะ? พีคุง"

 

เสียงเด็กหวานๆ เธอคือเมงุมิวัยเด็กที่ผมยังไม่ยาวมาก ตอนนั้นพีกำลังจ้องกล่องดนตรีนั่นที่เธอเอามาอวดให้ดู

 

"ก็คงสวยล่ะมั้ง เพลงนี้เพราะมากเลยล่ะ เมจัง" พีวัยเด็กในความทรงจำพูด

"แหงสิค่ะ มันเป็นของที่สืบทอดจากปู่ของปู่ของปู่ของปู่เลยน้า"

"แสดงว่ามันแพงมากเลยสิ"

"ช่าย ช่าย แพงจนขายไม่ได้เลยค่ะ"

"อ้าว ทำไมขายไม่ได้ละ"

"ไม่รู้สิค่ะ...แต่เห็น*ฮะฮะบอกว่า มันไว้แสดงความรักระหว่างกันชายหญิงของตระกูลเราค่ะ" (*ฮะฮะ ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า แม่)

 

ถึงตอนนี้พีก็เพิ่งนึกออกว่า เมงุมิเป็นคนที่สุภาพมาก มีหางเสียงลงท้ายตลอด จนบางทีตัวเขาเองรำคาญ สงสัยเธอยังไม่ค่อยรู้ละมั่ง ว่าไม่จำเป็นต้อง ค่ะ คะ ทุกประโยคก็ได้ แต่นั้นมันทำให้เมงุมิแตกต่างกว่าเด็กคนอื่นๆ ในตอนนั้นทั้งหมด

 

"เอ๊...งั้นเธอคงมีคนที่ชอบแล้วสิ ถึงมาให้ฉันดู" พีถาม

"ก็คุณไงค่ะ พีคุง"

"หา!?"

 

‘เริ่มพอจำได้แล้ว ว่าเมงุมิวัยเด็กชอบพูดจารักๆ ใคร่ๆ ตามประสาเด็ก แต่ที่แปลกคือ เธอมักเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน ทั้งๆ มันควรจะเป็นผู้ชาย ถึงเขาจะขี้อายก็เหอะ’

 

พีคิดแบบนั้นก่อนที่จะนึกดูเหตุการณ์วัยเด็กของตนเองต่อไป

 

"ก็...ฉัน...ชอบ...นายไงเล่า จะให้พูดสักกี่รอบกัน ที่จริงเราสองคนพูดกันออกจะบ่อยไปนะคะ"

"ก็มัน....น่าอายนี่นา"

"ลืมสัญญาแล้วหรอคะ"

 

‘สัญญา? สัญญาอะไร’

 

พีที่กำลังดูความทรงจำอยู่สงสัยขึ้นมา ตัวพีวัยเด็กตอบเมงุมิที่เป็นวัยเด็กไป

 

"ม่ะไม่ลืม ไม่มีวันลืมซะหรอก"

"งั้นเรามาเกี่ยวก้อยสัญญากันอีกรอบกัน"

 

และมันก็เป็นความทรงจำที่พีเคยฝันถึงตลอด ฝันที่มีมือเด็กทั้งสองเกี่ยวก้อยแล้วพูดพร้อมกันว่า...

 

"ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราสองคนจะไม่ทิ้งกัน สร้างความทรงจำดีๆ ต่อกันและกัน"

 

แล้วเราทั้งสองคนก็หน้าแดงพร้อมกัน ต่างฝ่ายก็มองหน้าแล้วขำอีกฝ่ายและเป็นแบบนี้กันตลอด...

 

[ปัจจุบัน]

 

ติ๊งๆ ติ๊งๆ

 

เสียงมือถือของพีดังขึ้น มันเรียกสติเขาขึ้นมาจากห้วงแห่งความทรงจำ

 

‘ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย ตาฉันมัวไปหมด’

 

และเขาพบตัวเองว่านอนแนบโต๊ะที่มีกล่องดนตรีที่หยุดเล่นไปแล้ว

 

‘อ๋อ นี่ฉันเผลอหลับไปหรือไงเนี่ย ถึงจะพอนึกๆ เรื่องในอดีตได้บ้างแล้วก็เหอะ แต่ถ้าเป็นแบบนี้บ่อยๆ มันก็ไม่ไหวนะ...

ว่าแต่ใครโทรมา’

 

พีหยิบมือถือขึ้นมาดู ซึ่งในจอขึ้นว่าไม่ได้รับสายจากเอช-การ์เดี้ยนสามสาย

 

‘อ๋อ...การ์เดี้ยน’

 

พีกำลังจะกดโทรกลับแต่เปลี่ยนใจไม่โทรในที่สุด เพราะเขาเห็นในกล่องดนตรีมีกระดาษแผ่นหนึ่งอยู่ เขาหยิบขึ้นมาจากกล่องแล้วเปิดดูข้อความที่เขียนอยู่ข้างใน

 

‘เป็นลายมือที่คุ้นตามาก คงเป็นของ เมงุมิ สินะ’

 

ถึง พีคุง...

อย่างแรกที่ฉันอยากกล่าวคือ

ต้องขออภัยที่ทำตัวเหมือนไม่รู้จักคุณ

พอดีดิฉันต้องการทดสอบอะไรเล็กน้อยในตัวพีคุง...และขอโทษด้วยที่ไม่ได้เรียกว่า “พีคุง” ตั้งแต่แรก ทั้งๆ ที่เราสองคนเคยสนิทกันมาก่อน

และฉันก็พบคำตอบแล้วว่า คุณไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ ถึงแม้ว่าจะลืมเรื่องของฉันไปซะหมด

แต่ถึงอย่างงั้น ฉันก็มีเวลาไม่มากที่ได้อยู่ใกล้คุณ เพราะมีภารกิจที่ต้องกลับไปทำที่ Area JP

อันที่จริง ดิฉันไม่จำเป็นต้องเขียนจดหมายและมอบสิ่งนั้นให้คุณก็ได้

แต่เพิ่งได้ข่าวมาว่า การกลับไปทำภารกิจของบริษัทคราวนี้ คงไม่ได้กลับมา Area TH นานแน่ๆ

ดิฉันคิดว่าอาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่ได้คุยกัน ก็เลยเขียนจดหมายและมอบของนั่นให้คุณ

สิ่งนั้นเหมาะสมกับคุณมากกว่าคนไม่รักษาสัญญาอย่างฉันค่ะ

ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ ทางบ้านไม่ต่อว่าหรอกค่ะ ของสิ่งนั้นมันไม่จำเป็นต่อครอบครัวดิฉันแล้ว

เพราะครอบครัวดิฉัน สนใจแต่บริษัทของทางครอบครัวอย่างเดียวแล้วค่ะ

อันที่จริง ดิฉันไม่ควรเขียนจดหมายให้คุณรำลึกความหลังที่มีต่อฉัน เพราะฉันได้ทำร้ายมันด้วยมือของตัวเองไปแล้ว

แต่คงเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของดิฉันมั้งค่ะ ในใจมันอยากให้คุณรู้ไว้ว่า มีฉันอยู่ทั้งคนและมีเรื่องดีๆ ร่วมกันในวัยเด็กค่ะ

แต่สัญญานั้น....คุณลืมมันไปแล้ว ก็ดีแล้วค่ะ เพราะคุณคงรู้สึกไม่ดีแน่ๆ ถ้าจำได้ว่าฉันทำอะไรกับคุณไว้บ้าง

ให้นึกซะว่า ไม่มีฉันอยู่บนโลกนี้แล้วล่ะกันค่ะ

 

                                                            ขอให้โชคดี

                                                                        มิซากะ เมงุมิ

 

‘เดี๋ยวก่อนนะ นี่มันเรื่องอะไร?’

 

พีกำลังสับสนกับเรื่องที่เมงุมิกล่าวมาในจดหมายทั้งหมด

 

‘บางเรื่องฉันพอปะติดปะต่อได้ แต่เหมือนมีอีกหลายเรื่องที่ฉันยังนึกไม่ออก...

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ คำตอบนั่น ฉันคงต้องถามเธอตรงๆ แล้วล่ะ เมงุมิ’

 

ว่าแล้วเจ้าตัวก็หยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาเมงุมิทันทีและเป็นครั้งแรกที่เขาโทรหาเธอด้วย หน้าจอมือถือขึ้นว่าจะโทรด้วยเสียงหรือพร้อมภาพด้วย

 

‘งืม...ตอนนี้เธอคงไม่กล้าสู้หน้าเราแน่ๆ งั้นก็เสียงอย่างเดียว

สายแรก เธอยังไม่ได้รับ...

สายที่สามก็ยังไม่รับ...

สายที่แปดก็ยังไม่รับอีก...

ฉันจะโทรจนโลกแตกค่อยดูสิ เมงุมิ!’

 

กึก!

 

เสียงปลายทางรับสายแล้ว พีเป็นฝ่ายทักก่อน

 

"เมงุมิ..."

 

ไร้เสียงตอบรับ

 

"เมงุมิ... "

 

‘ฉันไม่ได้ยินเสียงเธอตอบ...หรือเธอไม่เลือกที่จะพูด

ให้ตายสิ ฉันไม่เคยทำเรื่องแบบนี้ด้วยสิ

เอาวะ ลองดูล่ะกัน’

 

"เมงุมิ...ขอบใจนะที่...มีความรู้สึกดีๆ กับฉันมาตลอด ฉันพอๆ จำได้บางเรื่องแล้ว และก็ยังมีบางเรื่องที่ฉันยังนึกไม่ออกอยู่ดี"

 

‘เงียบแฮะ เธอยังไม่ตอบ แต่เธอต้องฟังฉันอยู่แน่ๆ ต้องพูดต่อไปเรื่อยๆ ล่ะกัน’

 

"แต่เรื่องสัญญานะ ฉันจำได้ตลอดเสมอมานะ ฉันฝันถึงมันตลอด เพียงแต่ฉันเห็นหน้าไม่ชัดว่าเป็นใครกันแน่ แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเป็นเธอนะ เมงุมิ...ไม่ใช่สิ...เมจัง"

"อือ..."

 

‘เหมือนฉันได้ยินเสียงลมหายใจของเธอ เธอฟังอยู่สินะ’

 

"เพราะฉะนั้น ช่วยเล่ามาเถอะนะ ตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกับฉันบ้าง พวกเราเกี่ยวก้อยสัญญาแล้วนิ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราสองคนจะไม่ทิ้งกัน จะสร้างความทรงจำดีๆ ต่อกันและตลอดไปนะ"

"แต่ฉันเป็นคนทำลายสัญญานั้นด้วยมือของฉันเองนะ พีคุง"

 

เสียงเมงุมิตอบมา พีในตอนนี้ไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรเลยทำให้เขารู้สึกแปลกใจขึ้นมา

 

‘ปกติเวลาเราเจอผู้หญิงที่ชอบคนแรกตอนมัธยมต้นสมัยก่อน มักจะตื่นเต้น วิ่งหนีตลอด แต่ทำไมคราวนี้ในใจมันสงบมากขนาดนี้...

คงเป็นเพราะเป็นเธอเท่านั้นสินะ เมงุมิ

และฉันก็อยากได้ยินเรื่องราวตัวฉันและเธอให้มากขึ้นด้วย’

 

พีพยายามโน้มน้าวเมงุมิต่อไป

 

"เอาหน่า ตอนนั้นพวกเรายังเด็กนี่หน่า ก็คงมีเรื่องที่เผลอบ้างแหละ...ไม่ต้องเป็นกังวลนะ เล่ามาให้หมดเลย ฉันไม่โกรธเธอเลย ฉันสัญญานะ"

"แต่ว่า---"

"ก็บอกแล้วไง ว่าฉันไม่โกรธหรอก พวกเราก็โตๆ กันแล้ว ถ้ามีเรื่องอะไรก็คุยกันได้อีกอย่างเธอเป็นคนผิดนะ มาเขียนจดหมายมาให้ฉันค้างคาใจแล้วหนีกลับ Area ตัวเองแบบนี้ ฉันโกรธแย่นะ"

 

‘ไม่รู้ว่าคำพูดที่ฉันกล่าวไปนั้น มันดูเท่มากน้อยแค่ไหน แต่นั้นเป็นเพียงไม่กี่ครั้ง ที่ฉันพูดจากใจจริง’

 

"หือ...อือ...แง๊ง!"

 

เสียงเมงุมิเหมือนจะร้องไห้

 

‘อ้าว เวรกรรม ทำเธอร้องไห้ไปซะแล้ว แล้วจะปลอบเธอยังไงเนี่ย?’

 

พีหนักใจขึ้นมาจนไม่รู้จะพูดอะไรออกไป แต่สุดท้ายแล้วเมงุมิเป็นฝ่ายเริ่มก่อน

 

"...พะ...พีคุง...แต่มันเลวร้ายมากเลยนะ"

 

"อือ! ฉันพร้อมที่จะฟังแล้วล่ะ เมจัง"

 

‘เหมือนเธอจะย้ำมาตลอดแฮะ ว่ามันเลวร้าย แต่ถึงอย่างงั้น ฉันก็อยากรู้ไว้ บางทีมันอาจจะเกี่ยวกับพ่อแม่เราก็ได้แฮะ’

 

"พีคุง...ว้าย!!!"

 

เมงุมิอยู่ดีๆ ก็ร้องลั่นมือถือขึ้นมา พีก็ผวาตามไปด้วย

 

‘ฉันยิ่งเป็นพวกตกใจง่ายๆ อยู่’

 

พอเขาหายตกใจแล้วจึงรีบถามเมงุมิ

 

"นี่! เมงุมิ! เมงุมิ! เกิดอะไรขึ้น"

"อ่า...คือว่า...ฉันเพิ่งเดินออกมาข้างนอกอะคะ แล้วลมมันแรงไปหน่อย กระโปรงก็เลย..."

 

เมื่อเมงุมิอธิบายถึงตรงนี้ พีก็จินตนาการที่เกิดขึ้นได้

 

‘อ่ะอ้าว เอาแล้วไงเหตุการณ์แบบนี้มันไปได้ล่ะ ไม่สิ...มันอาจจะดีก็ได้นะ คงช่วยลดอาการประหม่าที่จะเล่าเรื่องนั้นให้ฟังก็ได้ เราก็ถามแบบนั้นไปดีกว่า’

 

"แล้วชั้นในเธอสีดำใช่ไหมละ?"

"สีขาวต่างหาก...หา!?...พีคุง ตาบ้า! ตาบ้า! ตาบ้า! ตาบ้า! ตาบ้า!"

 

พีโดนเมงุมิพูดใส่มือถือเป็นชุด

 

‘อยากเห็นหน้าเธอตอนนี้จัง แต่ว่ามีเรื่องสำคัญกว่าต้องถามล่ะนะ’

 

"ฉันมันบ้าจริงๆ แหละเมจัง แต่ว่านะ แค่นี้เธอก็คงรู้สึกดีขึ้นแล้วสินะ" พีถามขึ้นมา

 

"อ่า...คือ...อือ ดีขึ้นบ้างแล้วละค่ะ...ขอบคุณมากๆ นะคะ...แต่คราวหลังอย่าพูดเรื่องนั้นกับผู้หญิงคนอื่นน่าจะดีกว่านะคะ"

"ครับ สัญญาเลย"

 

‘นี่เธอคิดว่าฉันจะมีผู้หญิงคนอื่นหรอเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆ

เอ๊ะ เดี๋ยวสิ มันเหมือนกับว่า ฉันกับเธอ จะไม่ได้คุยกันแบบนี้อีก อย่างไงอย่างงั้น’

 

"ว่าแต่ เมจัง เริ่มเล่ามาเลย ฉันพร้อมแล้ว" พีพูด

"ได้ค่ะ...ก่อนอื่นนะคะ เมื่อก่อนครอบครัวฉันย้ายมาดูแลงานที่บริษัทสาขาใน Area TH ที่เจ็ดค่ะ ก็เลยรู้จักกับเพื่อนสนิททั้งสองของพ่อแม่ดิฉัน ก็คือพ่อแม่ของคุณพีค่ะ"

 

เมงุมิเริ่มอธิบาย

 

‘นั่นไง ว่าแล้ว พ่อแม่ฉันรู้จักพ่อแม่ของเธอมาก่อนแน่ๆ เดาไม่ผิดแฮะ’

 

"และครอบครัวเราทั้งสองก็อยู่บ้านใกล้ๆ กัน ฉันกับพีคุงก็เลยมาเล่นด้วยกันตลอดทั้งสองบ้านเลยค่ะ บางครั้งฉันสับสนบ้างแต่อยู่นานๆ ไปก็เดาออกค่ะคนไหนเป็นพีคุง"

 

มีบางอย่างในสิ่งที่เมงุมิเล่า ทำให้พีรู้สึกทะแม่ง

 

‘เฮ้ย เดี๋ยวก่อน เธอพูดเรื่องอะไรกันเนี่ย บางทีคงเป็นเรื่องที่ฉันไม่รู้มั้ง งั้นฟังๆ เธอไปก่อน’

 

"พวกเราเล่นด้วยกันตลอดจนประมาณเก้าขวบค่ะ” เมงุมิเล่าต่อ “หรือเมื่อประมาณสิบปีที่แล้ว วันที่เกิดเรื่องดิฉันยังจำได้อยู่นะคะ เป็นวันที่อากาศสดใสมากเล่นกองทรายที่สนามเด็กเล่นข้างๆ บ้านสนุกมากๆ เลยค่ะ ฉันกับคุณยังเกี่ยวก้อยสัญญาเล่นๆ กันอยู่เหมือนทุกวันแล้วคุณก็แกล้งฉันด้วยการเอาลูกบอลเล็กๆ ปาใส่หัวฉัน ตอนนั้นฉันโกรธมากจริงๆ เลยค่ะ ก็เลยปาใส่กลับไป แต่ลูกบอลเด้งไปบนถนน พีคุงรีบวิ่งไปเก็บแล้วก็มีรถวิ่งผ่านมาพอดี ก็เลย..."

 

เมงุมิเล่าถึงตอนนี้ทำให้พีพอที่จะเดาอะไรบางอย่างออกแล้ว

 

‘ก็เลย ทำให้ฉันความจำเสื่อม...เพราะงี้เธอก็โทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุ แต่ว่าคนที่ผิดยังไงก็ฉันอยู่ดี ถ้าไม่ปาลูกบอลเล่นๆ แต่แรกเหมือนที่เธอเล่าก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก...

ฉันคงต้องปลอบเธออีกแล้วสินะ’

 

"ถ้าเป็นงั้นจริง อย่าโทษตัวเองเลย เมจัง” พีพูด “ถ้าฉันไม่ปาลูกบอลเล่นก่อน รถคงไม่ชนจนฉันเป็นแบบนี้หรอกนะ...เรากลับมา---"

"หือ? เปล่านะคะ พีไม่ได้โดนรถชนหรอกค่ะ"

 

เมงุมิปฏิเสธเรื่องที่พีคิดไปเอง

 

‘อ้าว? มีเรื่องให้งงอีกละรอบล่ะ แล้วฉันความจำเสื่อมเพราะอะไรล่ะ?’

 

"ถ้างั้นที่ฉันเป็นแบบนี้ เพราะเอาหัวไปโขกเล่นหรอ?" พีย้อนถาม

"ไม่ๆๆ ค่ะ ก็ตอนนั้นพี่สาวฝาแฝดคุณเขาไปช่วยผลักคุณไม่ให้รถชนค่ะ...พี่สาวคุณก็เลย..."

 

‘พี่สาวฝาแฝด!? เฮ้ๆ ไม่ตลกนะ ฉันจำไม่เคยได้สักนิดเลยว่าฉันมีฝาแฝดด้วย...

เริ่มชักรู้สึกไม่ดีขึ้นมาแล้วสิ’

 

"เดี๋ยวก่อนนะ เมจัง” น้ำเสียงพีเริ่มจริงจัง “ล้อเล่นหรือเปล่าเนี่ย ถ้าฉันมีฝาแฝดจริงๆ ก็ต้องรู้แล้วสิ พ่อแม่ต้องบอกฉันอยู่แล้วนะ"

"ก็นั่นแหละค่ะปัญหา เป็นปัญหาใหญ่เลยค่ะ"

 

‘ปัญหางั้นหรอ?

ปัญหาอะไร? มันเกี่ยวกับเรื่องที่พ่อแม่ทิ้งเราไปหรือเปล่า ยิ่งคิดยิ่งเริ่มหัวปวดแฮะ’

 

"เมจัง ช่วยบอกเรื่องพวกนี้ให้มันละเอียดกว่านี้หน่อยสิ ฉันจำไม่ได้เลยสักนิดว่าฉันมีฝาแฝด"

 

พีถามไป เมงุมินิ่งไปสักพัก ก่อนที่จะตอบมา

 

"พีคุง แน่ใจนะ ว่าจะรับมันไหว?"

"มาขนาดนี้แล้ว ฉันก็ต้องไหวแหละน้า เมจัง"

 

พีบอกไปแบบนั้นก็จริง แต่ในใจเขามันเริ่มรู้สึกหวั่นๆ เหมือนจิตใต้สำนึกมันเขาบอกว่า อย่ารับรู้มันเด็ดขาด แต่จะให้มันค้างคามากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เขาต้องรู้ทุกๆ เรื่อง

 

"ค่ะ พี่สาวฝาแฝดของพี ชื่อเล่นว่า ‘ที’ ค่ะ คลอดมาก่อนพีคุงนิดหน่อยก็เลยเป็นพี่สาว เวลาฉันไปเล่นกับพีคุงก็เจอเธอ ชวนมาเล่นด้วยกันตลอดค่ะ พวกคุณสองคนรักกันมากๆ เลย เพราะฉะนั้น ฉันก็เลยเห็น...สีหน้าพี เวลาเห็นฝาแฝดนอนจมกองเลือด เป็นสีหน้าที่...ฉันไม่รู้ว่าจะบรรยายยังไงดีค่ะ แล้วคุณสลบไป"

 

บทสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้พีได้รับรู้เรื่องที่คาดไม่ถึง

 

‘พี่สาวฝาแฝดช่วยชีวิตฉันไว้!? ไอ้ความรู้สึกแปลกๆ ที่ผ่านมาเป็นเพราะงี้หรอ? ก็สงสัยอยู่นะ ว่าเรามีความรู้สึกกลัวเลือดอยู่บ้าง ถ้ามีใครตายหรือฉากตายแบบจมกองเลือดทีไร ฉันมันจะทนไม่ไหวแล้วอ๊วกแบบแย่สุดๆ ทั้งๆ ที่ตัวฉันเองก็ไม่คิดว่าจะเป็นหนักขนาดนี้ แต่ฉันกลับจำเรื่องอุบัติเหตุไม่ได้เลยสักนิด’

 

พีคิดแบบนั้นยิ่งทำให้เขาจิตตก

 

"ฉันมันแย่จริงๆ แฮะ เมจัง"

"คะ?"

"ทั้งๆ มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นฉันกลับจำอะไรไม่ได้เลย"

"อย่าโทษตัวเองเลยค่ะ เพราะเกิดขึ้นแบบนั้น พีคุงเลยช็อคซะจนความจำเสื่อมทั้งหมดค่ะ ถึงแม้ว่าภายหลังจะจำได้บ้างแต่ก็จำได้ไม่หมดค่ะ"

 

‘หา!?’

 

พีช็อคกับสิ่งที่เมงุมิพูดมา

 

‘นี่ฉันเป็นขนาดนั้นเชียว...

โหยๆ ความจำเสื่อมแบบจำอะไรไม่ได้ทุกอย่างเลยหรอเนี่ย?

แต่เดี๋ยวก่อนสิ จะว่าไปฉันก็...จำไม่ได้เหมือนกันแฮะ นึกว่าความทรงจำเด็กๆ มันลืมง่ายซะอีก นี่ฉันคิดไปเองทั้งหมดเลยหรอเนี่ย’

 

"แล้วมีอะไรที่ฉันยังไม่รู้อีกไหม?" พีถามเพื่อความแน่ใจ

"ก็คงเป็นหลังจากนั้นสามวัน ที่พีคุงฟื้นได้สติล่ะค่ะ ฉันกับพ่อแม่ของฉันไปเยี่ยมคุณ เจอพ่อแม่พีคุงอยู่ด้วย แล้วตอนนั้น..." เสียงเมงุมิเหมือนจะร้องไห้อีกแล้ว "ตอนนั้น...ฉันเห็นพีคุงหันมามองด้วยสายตาที่ฉันไม่เคยเห็น...ฉันก็เลยถามว่า สบายดีไหม...แล้วพีคุงก็ตอบกลับว่า ยัยนี่เป็นใคร ฉันไม่รู้จักคนน่ารังเกียจแบบเธอนะ”

 

อึก...

 

พีรู้สึกหายใจไม่ออก

 

‘นี่ฉันพูดแบบนั้นจริงๆ หรอเนี่ย เราฟังเองยังรู้สึกไม่ชอบใจเลยแฮะ...

แต่แล้วทำไม ฉันจำไม่ได้เลยแฮะ ว่าฉันเคยพูด---’

 

ความคิดเขาหยุดชะงักลงเพราะมีความทรงจำเลือนลางและเสียงกระซิบหนึ่งดังเข้ามา

 

‘-น่ารังเกียจ!! น่ารังเกียจ!! น่ารังเกียจ!!-’

 

พีรู้สึกปวดหัวเหมือนมีไฟมาจี้และมีภาพความทรงจำลางๆ ขึ้นมาในหัว เหมือนจะเป็นเมงุมิตอนเด็กที่มีสีหน้าตกใจสุดขีดขึ้นมา

 

"พีคุง! พีคุง! พีคุง! พีคุง! ยังอยู่ไหมคะ พีคุง!"

 

เสียงเมงุมิกำลังเรียกสติเขาอยู่

 

"อือๆ ยังอยู่ๆ" พีตอบแล้วเอามือกุมหัว

"ค่อยยังชั่ว นึกว่าพีคุงจะเป็นอะไรไปซะแล้ว"

"ไม่หรอกๆ แค่ปวดหัวนิดหน่อย...ว่าแต่หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างล่ะ เมจัง ฉันอยากรู้"

 

พีพูดออกไปสวนกับความต้องการในใจ

 

‘ที่จริง ในใจชักไม่อยากรู้ขึ้นมาแล้วแฮะ แต่ปากดันพูดแบบนั้นไปซะได้’

 

"ก็...หลังที่พีคุงพูดแบบนั้น” เมงุมิเล่าต่อ “ฉันร้องไห้วิ่งออกไปเลยล่ะ และหลังจากนั้นฉันก็ไม่กล้าสู้หน้าพีคุงอีกเลย ฉันนี่มันเป็นคนไม่ดีจริงๆ ทั้งๆ ที่ฉันสัญญากับคุณไว้แล้วแท้ๆ ว่าจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แต่ฉันกับอ่อนแอไม่กล้าแม้จะ...จะ..."

 

แล้วเมงุมิก็ปล่อยโฮร้องไห้ยาว

 

‘ถ้าตอนนี้ฉันอยู่ข้างๆ เธอ คงค่อยๆ ปลอบเธอไปนานแล้ว’

 

"...นี่ เมจัง” พีเริ่มพูดปลอบใจอีกครั้ง “ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนิ เป็นใครเจอแบบนั้นเข้าไป คงทำแบบนั้นมั้ง และที่สำคัญตอนนี้ฉันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้วด้วย ถึงจะจำไม่ค่อยได้ก็เหอะ แต่รู้สึกฉันจะพูดกับเธอไปแบบนั้นจริงๆ แต่ว่านะ เมจัง ฉันต้องขอบคุณเธอจริงๆ ที่ช่วยเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวฉัน ไม่เหมือนพ่อแม่ของฉันที่ปิดบังแล้วหนีหายไปทิ้งฉันไว้คนเดียวล่ะนะ"

 

พีพูดไปพูดมา น้ำตาเริ่มคลอเบ้าเอง

 

‘ฉันก็อ่อนแอเหมือนกันนะ เมจัง’

 

"อือๆ ถ้าเรื่องนั้นฉันพอรู้อะไรบ้างนะ พีคุง" เมงุมิเสนอเรื่องที่น่าสนใจ

"หือ? เรื่องอะไร"

"ก็...หลังจากเรื่องนั้น พ่อแม่ของฉันและพีคุงก็ทะเลาะกันหนักมากจนตัดสัมพันธ์กันเลยค่ะ และพอได้ยินมาว่า พ่อแม่ของพีคุงหลังจากจัดงานศพเรียบร้อยแล้ว เริ่มทำเหมือนคุณพี่ทีไม่มีตัวตน เอารูปที่มีเขาอยู่เผาทิ้งหมด ข้าวของที่เกี่ยวข้องก็ทิ้งหมด เวลามีเพื่อนมาเล่นก็ไล่กลับหมด ตอนนั้นฉันก็กังวลมากเลยนะคะ แต่ว่าบริษัทแม่ที่ Area JP เรียกตัวกลับไปด่วนมากซะจนฉันไม่มีเวลาทำอะไรเลย...มันก็กลายมาเป็นทุกวันนี้"

 

แน่นอน พีช็อคอีกครั้งกับสิ่งที่เมงุมิเล่า

 

‘โห ถ้าจริงที่อย่างเธอว่านี่...พ่อกับแม่ทำถึงขนาดนี้...มันโหดร้ายกับฉันมากไปแล้วนะ

เฮ้อ...ชักเริ่มไม่อยากจะฟังอะไรแล้วสิ’

 

"เมจัง แล้วทำอะไรอยู่ล่ะ" พีเปลี่ยนเรื่องทันที

"อ๋อ บอดี้การ์ดฉันกำลังจัดการเรื่องเครื่องบินให้ฉันอยู่"

 

‘บอดี้การ์ด? อ้าว...เธอไม่ได้มาอยู่ Area TH คนเดียวงั้นหรอ’

 

"เครื่องบิน?" พีทวน

"ก็ฉันมีภารกิจด่วนที่บริษัทใน Area JP และคงจะบินอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้"

 

‘อ๋อ...มิน่าถึงได้บอกในจดหมายแบบนั้น สงสัยเรื่องด่วนจริงๆ แหละ’

 

"ฉันเองก็รู้สึกไม่ค่อยอยากทำสักเท่าไหร่ค่ะ” เมงุมิบ่น “แต่ที่บริษัทฉันดันเป็นบริษัทไฮเทคอัพเปอร์ด้วยสิ งานวิจัยที่ฉันช่วยคุณพ่อก็เลยมีให้ทำตลอดเวลาเลย..."

 

‘ไฮเทคอัพเปอร์!?’

 

พีสะดุ้งชื่อบริษัทขึ้นมา

 

‘โห๊ยๆ นั้นมันบริษัทด้านเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่เป็นที่หนึ่งตอนนี้เลยนะ...

นี่พ่อแม่เธอทำงานให้บริษัทหรอเนี่ย?

เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนๆ คงไม่ใช่อย่างที่คิดมั้ง พ่อแม่ของเธอคงไม่ใช่---’

 

"จริงหรอเนี่ย?” พีถามเรื่องที่เขาคิดไว้ “ว่าแต่พ่อแม่เธอคงทำงานตำแหน่งสำคัญน่าดู"

"ใช่ค่ะ ก็พ่อดิฉันเป็นประธาน แม่ดิฉันก็เป็นรองประธานค่ะ"

 

‘นั้นไง...หา! เอาจริงดิ แบบนี้ก็เท่ากับว่ามีคนที่ทรงอิทธิพลมากในโลก มาอยู่ใกล้ๆ ชีวิตฉันขนาดนี้เลยหรอเนี่ย’

 

พีรู้สึกดีใจนิดๆ แต่เพราะเรื่องตัวเขาเองก่อนนี้เลยทำให้รู้สึกไม่ดีอยู่

 

"ถึงงั้น ฉันก็เลยรักษาสัญญาอีกอย่างที่ให้ไว้ไม่ได้ค่ะ" เมงุมิเอ่ย

"สัญญา? อ๋อถ้าเป็นเรื่องนั้นฉันเข้าใจแล้ว ถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นล่ะกัน เราก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้นี่หน่า"

"ไม่ใช่ค่ะ...คือว่า...ฉันต้องแต่งงานกับลูกคนที่มีอิทธิพลค่ะ...ฉันก็เลยอยู่เคียงข้างกันไม่ได้แล้ว ก็เลยมอบของสิ่งนั้นให้พีคุงค่ะ"

 

‘บังคับแต่ง...ตอนนี้ชักเริ่มรับเรื่องอะไรไม่ค่อยได้แล้ว ยังรู้สึกช็อคกับเรื่องของตัวเองไม่ได้ แล้วเรื่องของเมงุมินี่อีก’

 

พีคิดแบบนั้นเลยพูดออกไป

 

"บังคับแต่งเนี่ยนะ เรื่องรักษาอิทธิพลก็เข้าใจอยู่ แต่คนมันไม่ได้รักกัน แบบนี้มันไม่ต่างจากนรกเลยนะ"

"อ่า...ที่จริงดิฉัน...ก็ไม่ได้รังเกียจอะไรเขานะคะ"

 

เรื่องช็อคที่สามตามมาติดๆ

 

‘เดี๋ยวๆ ไอ้คำพูดคำจาแบบนี้มันอะไรกัน...’

 

"เมงุมิ มันยังไงกันแน่?" พีถามให้แน่ใจ

"ก็ที่จริงแล้ว หลังจากย้ายกลับ Area JP ฉันที่รู้สึกช้ำใจเรื่องนั้นมาก ก็ได้รู้จักกับเขาคนนั้น ได้ใกล้ชิดรู้จักกันหลายปี และฉันกับเขาก็ตัดสินใจที่จะ...แต่งงานกันค่ะ"

"หา!"

 

เรื่องช็อคที่สามเป็นจริงในที่สุด

 

‘แล้วไงเป็นแบบนี้ล่ะ? แล้วเรื่องที่เธอกับฉันก่อนหน้านี่ล่ะ?

ใครก็ได้ช่วยมาทำให้ฉันตื่นจากฝันที!’

 

"เอ่อ...พีคุง คงรู้สึกแปลกๆ สินะคะ” เมงุมิพูดขึ้นเหมือนจะรู้ตัว “เรื่องที่ฉันทำกับคุณก่อนหน้านี่ ฉันแค่ต้องการทำเรื่องที่คาใจมานานให้หายไปค่ะ ขอโทษนะคะ ถ้ามันทำให้คุณคิดไปไกล"

"อ่า คงไม่เป็นไรครับ"

 

พีตอบไปอย่างจนใจ

 

‘คงจะเป็นตามนั้นมั้ง...ที่จริงคิดไปคิดมา เรื่องตอนเด็กมันคงไม่สำคัญเท่าตอนนี้แล้วสินะ

มันก็เป็นเรื่องปกตินิ เธอกำลังมีชีวิตที่ดี ทุกอย่างสมหวัง ฉันควรดีใจกับเธอสิ...รู้สึกขอบใจเธอเรื่องอดีตของฉันและรู้สึกงงๆ เรื่องจูบนั้นมันยังไงกันแน่วะ...

ฉันไม่เข้าใจผู้หญิงคนนี้โว้ย!’

 

ขณะที่ในใจพีกำลังสับสน เมงุมิก็เดาเรื่องที่เขาคิดอยู่ถูก

 

"ให้ฉันเดา พีคุงกำลังสงสัยที่ฉันทำที่หน้าต้นไม้คริสมาสต์แน่ๆ เลย ใช่ไหมคะ?"

 

‘ใช่ครับ! แต่พูดไม่ออกครับ!’

 

"พีคุง...ก็ฉันนะ” เมงุมิพูด “อยากมอบจูบอีกครั้งของฉันให้กับรักแรกนี่น้า...ไม่ได้หรอคะ?"

"อ่า...ผมบอกไม่ถูกแฮะ...แต่ว่ามันหมายความว่ายังไง ที่เธอบอกว่า จูบนั้นไม่ใช่จูบสุดท้าย?"

 

‘ฉันสงสัยตามที่พูดไปจริงๆ แฮะ คือตอนนี้ไม่เข้าใจอารมณ์ผู้หญิงสักนิดและถ้าตามการ์ตูนที่ฉันดูบ่อยๆ คงจะตอบว่า...’

 

"ความลับค่ะ หึหึ"

 

เมงุมิตอบตามที่เขาคิด

 

‘นั่นไง! ถ้าเธออยู่ตรงหน้า จะบีบคลายความลับออกให้หมดเลย!

เฮ้ยๆ คิดแบบนั้นไม่ได้สิ มันออก...ทุเรศไปนะ’

 

พีตบหัวกับความคิดชั่วร้ายของตนเอง แล้วเมงุมิก็กล่าวลา

 

"นี่พีคุง ได้เวลาที่ฉันต้องไปแล้วนะ"

"ไปไหน?"

"ก็บินกลับ Area JP ไง"

 

‘กลับ Area JP หรอ? ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร พวกเราสองคนก็ติดต่อกันทางมือถือก็ได้

เอ๊ะแต่เดี๋ยวก่อน เธอบอกว่าจะแต่งงานนี่...

งั้นก็หมายความว่าตอนนี้อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่ได้พบเธอ’

 

พีคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วถามเรื่องหนึ่งกับเมงุมิ

 

"นี่ เมจัง"

"คะ?"

"ฉันว่านะ...ฉันจะไปส่งเธอที่สนามบินด้วยล่ะ"

"หือ?...แต่ว่าจะมาทันหรอค่ะ"

"หา? เดี๋ยวก่อนนะ เที่ยวบินเธอจะขึ้นอีกกี่ชั่วโมงนะ"

"อีกหนึ่งชั่วโมงค่ะ"

 

‘เฮ้ย! หนึ่งชั่วโมง ระยะทางจากที่เราอยู่กับสนามบินใกล้ๆ นี่ ไกลไม่ใช่เล่นๆ นะเนี่ย นั่งแท็กซี่แบบด่วนๆ ไปถึงทันหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย’

 

"ฉันจะไป เมจัง"

"คะ?"

"ฉันจะไปทันให้ได้ ค่อยดูสิ"

 

ความมุ่งมั่นแรงกล้าแบบนี้มันอะไรกัน รู้สึกว่าไม่ว่าอะไรก็ตาม ก็ไม่มีอะไรมาหยุดเราได้แล้ว

 

"จริงหรอคะ?"

"จริงสิ เธอเป็นคนสำคัญของฉันนี่หน่า จะไม่ให้ฉันไปส่งเธอได้ไงเล่า"

"อือ! มาให้ทันให้ได้นะคะ"

 

‘คำตอบรับของเธอ ฉันรับมันมาเต็มเปี่ยม!’

 

แล้วพีกดตัดสาย รีบคว้ารองเท้าเตรียมตัวออกไปทันที

 

ป๊าง!

 

เสียงปิดประตูห้องดังอย่างรุนแรงมาก คราวนี้มันเป็นเพราะความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยมของเขา โดยที่ตัวเขาเองไม่รู้ว่า ตนเองได้ลืมอะไรบางอย่างไปในมือเขา

 

◊◊◊

 

[มุมมองของเมงุมิ]

 

‘ตาบ้า คุณนี่มันบ้าจริงๆ’

 

เมงุมิกอดมือถือไว้กลางอกแน่น เหมือนพยายามซึบซับความพูดเมื่อครู่ของพีให้เข้ามาในใจเธอ

 

‘ถ้าหาก ว่าที่สามีฉันทำตัวไม่ดีล่ะก็...คนต่อไปก็คือคุณนะ พีคุง’

 

เมงุมิคิดแล้วก็แอบขำกับความคิดตนเอง

 

‘นี่เราก็ร้ายเหมือนกันนะ’

 

"คุณหนูครับ เราต้องออกจากโรงแรมไปสนามบินแล้วครับ"

 

บอดี้การ์ดมาเตือนเธอ

 

"ทราบแล้วค่ะ งั้นเราไปกันเถอะค่ะ"

 

พอบอกบอดี้การ์ดเสร็จแล้ว ก็เดินออกจากตรงระเบียงที่ยืนคุยกับพีตั้งนานสองนาน ก่อนที่จะเดินเข้าลิฟท์เพื่อลงชั้นล่างสุด

 

‘มาให้ทันนะคะ รักแรกของฉัน

ถ้ามาทัน...บางทีฉันอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้’

 

◊◊◊

 

จบไปแล้วนะจ๊ะ สำหรับ วิกฤตการณ์กลางเมือง บทที่ 2 [สายสัมพันธ์]

เป็นการเล่าความหลังของตัวเอกจร๊า

แล้วพีจะไปหาเมงุมิทันหรือไม่?

โปรดติดตามตอนต่อไปชื่อว่า วิกฤตการณ์กลางเมือง บทที่ 3 [ลาจาก]

By Spy442299 & Nattanan Srising

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา