P.P.Rising The Bullet Time อภินิหารพลังจิตเหนือโลก

8.1

เขียนโดย Spy442299

วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 10.54 น.

  46 chapter
  28 วิจารณ์
  42.04K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2557 17.28 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) วิกฤตการณ์กลางเมือง บทที่ 6 [เดิมพันด้วยชีวิต]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

P.P. Rising: The Bullet Time

เดอะบูลเลตไทม์ อภินิหารพลังจิตเหนือโลก

Ch.6 วิกฤตการณ์กลางเมือง บทที่ 6 [เดิมพันด้วยชีวิต]

Rewrite V.3

 

◊◊◊

 

[เมื่อห้านาทีก่อน]

 

‘เอ๊ะ!? ทำไม?’

 

พีแปลกใจกับสิ่งทีเขาเห็นลืมตาขึ้นหลังจากเจอเรสเทียร์ ผู้หญิงแปลกๆ ที่ทำอะไรก็ไม่รู้กับตัวเขา เศษกระจกที่แตกพร้อมกันเนโอสไปเดอร์ที่กำลังจะร่วงลงใส่เขากับโซตะถูกหยุดกลางอากาศ

 

“พี่ชาย!? ทำไมมันลอยได้ฮะ”

 

โซตะที่กุมมือพีไว้ถามด้วยความสงสัยพอๆ กัน เขามองไปทางอื่น ทุกอย่างรอบๆ ตัวก็หยุดเหมือนกันหมด

 

‘มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย’

‘-นายมัวทำอะไรอยู่! รีบพาเด็กหนีออกไป เร็วเข้า!-’

 

จู่ๆ มีเสียงเรสเทียร์ดังขึ้นก้องหัว

 

‘เรสเทียร์!? นั่นเธอหรอ’

‘-ใช่! อย่าเหม่อให้มาก! ฉันหยุดเวลาได้แค่อีกสิบวินาที  รีบออกจากตรงนั้นได้แล้ว!-’

 

คำเตือนของเธอแม้ทำให้พีสับสนบ้าง แต่เขาก็รู้ว่าต้องรีบพาโซตะออกจากตรงนี้ พีอุ้มตัวโซตะขึ้นแล้วรีบวิ่งออกไปทันที

 

“เอ๋? พี่ชาย ทำไมทุกคนเขานิ่งกันแบบนั้นฮะ”

“...อ่า...พี่ใช้พลังจิต...หยุดเวลาเอาไว้”

 

‘ตอบมั่วๆ ไปก่อนล่ะกัน’

‘-คนใช้คือฉันต่างหาก-’

‘หา!? นี่เธอได้ยินที่ฉันคิด!?’

‘-นายคิดอะไร ฉันรับรู้ได้ทั้งหมด เวลาจะหมดลงภายในอีก...สาม...สอง...หนึ่ง...Time Out!-’

 

เรสเทียร์นับเวลาจนหมด สิ่งรอบข้างกลับมาเคลื่อนไหวตามปกติและจังหวะเดียวกันกับพีพาโซตะเข้ามุมหลบสายตาพวกไอริสได้พอดี

 

ตูม!

 

เสียงกระแทกกับพื้นดังสนั่นของเนโอสเปเดอร์ ควันขึ้นปิดจนไม่สามารถเห็นสภาพเจ้าหุ่นยนต์นั่นได้ ในฝ่ามือขวาของเขาที่มีถุงมือสีดำใส่อยู่แต่ตรงกลางเป็นรูขาดขนาดใหญ่จนเห็นแผ่นกระจกที่ฝังอยู่ข้างในมือเขา ซึ่งบนกระจกนั้นมีตัวอักษร XII ขึ้นอยู่ ก่อนที่มันจะหายจางไปและเขาก็ได้ยินเสียงเรสเทียร์พร้อมกับบทสนทนาที่เต็มไปด้วยความสับสนอีกครั้ง

 

‘-ต่อไปนี้นายเป็นทาสของฉัน-’

‘หา!? ทาส?’

‘-นายจงฟัง ฉันมอบพลังส่วนหนึ่งให้นายแล้ว-’

‘พลัง? เธอหมายถึง---’

‘-เดอะบูลเลตไทม์-’

‘บูลเลตไทม์!?’

‘-นายต้องใช้พลังนั่น ช่วย...เพื่อนหญิงของนาย ถ้าอยากช่วย---’

‘เพื่อนหญิง...เฟียน่า!’

 

พีเพิ่งนึกออกตามที่เรสเทียร์บอก มองหาเฟียน่า...และก็เจอเธอที่โดนปืนของนาธานจ่อหัวอยู่

 

“ฉันก็ไม่รู้ว่าเป็นเธอนะเนี่ย...แต่มันทำให้---”

 

นาธานกำลังบรรยาย

 

‘ไอ้คุณชายนี่มันต้องยิงเธอทิ้งแน่ๆ หายตัวสิ เฟียน่า!’

 

พีคิดแบบนั้น เพราะพีทูของเธอน่าจะเอาตัวรอดได้แต่แล้วพีต้องคิดใหม่ เมื่อเห็นสีหน้าของเฟียน่าที่หวั่นวิตกเหมือนจะคุมสติตัวเองไม่อยู่มองตรงไปที่ซากเนโอสไปเดอร์ตรงหน้า

 

‘แย่ล่ะ ยัยนั่นคิดว่าตัวเองทำให้น้องชายเธอตายแน่ๆ’

‘-รีบเข้าไปช่วยเธอคนนั้น ตอนนี้มีแต่นายเท่านั้นที่ช่วยได้-’

‘ช่วยได้!?’

‘-ใช่ แค่นายวิ่งเข้าไปแล้วพูดว่า โฟกัส-’

‘หา!? โฟกัส? แล้วมันจะ---’

‘-อย่ามัวแต่คิด เดี๋ยวเธอคนนั้นตายก่อน วิ่งไปซะ!!- ’

 

เรสเทียร์เธอเร่งเขามาก ถึงพีจะยังไม่ค่อยเชื่อสิ่งที่เขาได้ยินในหัวตัวเอง แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว หันไปบอกโซตะ

 

“โซตะ แอบอยู่ตรงนี้ก่อนนะ!”

 

แล้วเขาก็วิ่งตรงไปข้างหน้า และพูดตามที่เรสเทียร์บอก

 

“โฟกัส!”

 

พอพูดออกมามีเสียงเดินนาฬิกาหนึ่งครั้งแล้วสิ่งรอบข้างตัวทั้งหมดเกิดขึ้นคล้ายๆ กับตอนที่จะโดนเนโอสไปเดอร์ทับ ต่างตรงที่ว่ามันไม่ได้หยุดนิ่งสนิทแต่ทุกอย่างเคลื่อนที่ช้าลงอย่างมาก มีแต่เขาคนเดียวเท่านั้นที่ยังเคลื่อนไหวได้ตามปกติอยู่ เรสเทียร์อธิบายเพิ่มเติม

 

‘-ทุกอย่างที่ช้ารอบตัวเจ้าจะลงสิบเท่า...แต่ผลของมันอยู่ได้เพียงชั่วครู่-’

‘...แล้วอยู่ได้นานเท่าไหร่?’

‘-ห้าวินาที แต่ใช้มันได้ต่อเนื่องได้สิบครั้งติด ชาร์จครั้งล่ะสิบนาที-’

‘ห้าวิ? แต่นี่มันจะห้าวิแล้ว!! ’

ทุกสิ่งรอบข้างกลับมาเป็นปกติ อีกหลายสิบกว่าก้าวก็จะถึงตัว

 

“หือ? สำนึกผิดขึ้นมา เลยอยากตายว่า---” นาธานกำลังพูด

“โฟกัส!”

 

พีใช้โฟกัสเพิ่มและวิ่งอีกหลายวินาทีจนมาถึงตัวนาธาน กำหมัดแน่นๆ แฝงไปด้วยสิ่งที่มันทำไว้ก่อนหน้านี้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเตะเสยคาง ยิงคน ฯลฯ ก่อนที่จะปล่อยหมัดขวาเข้าที่ท้องของมันเต็มๆ

 

“ย๊ากกกกกกกก!”

“---ซะเถอะ!! อ๊ากกกกกกกกก!!!”

 

ทันทีที่หมัดถึงตัว ทุกอย่างรอบข้างกลับมาเคลื่อนปกติยกเว้นแต่คุณชายนั่นกระเด็นลอยพุ่งทะลุประตูสนามบินออกไปเกินกว่าห้าสิบเมตร

 

‘เฮ้ย! ทำไมฉันใช้พีทูได้อีกเนี่ย!? วันนี้ฉันใช้ไปแล้วนะ’

 

เขามองลงที่มือขวาตะลึงกับสิ่งที่เห็นเหมือนมีสายลมพัดเวียนอยู่รอบมือขวาของพีอยู่

 

‘-เพราะฉันปลดบาเรียให้นายใช้พีทูได้เต็มทีแล้วยังไงเล่า-’

 

เสียงเรสเทียร์ดังขึ้นมา แต่ก่อนที่จะถามนั้นเฟียน่าที่นั่งคุกเข่าอยู่ทักขึ้นมา

 

“พี...”

 

พีหันกลับไปมองตามเสียง สภาพเฟียน่าตอนนี้คงบอกได้ว่าเธอดูอ่อนแออย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

 

‘รู้สึกเหมือนตัวเองขี่ม้าขาวมาช่วย---’

 

ยังไม่ทันจะคิดเสร็จ ก็มีลำแสงแดงๆ ที่ออกมาจากคนของไอริสและพวกเนโอสไนเปอร์ทั้งหลายเล็งใส่จำนวนมาก ก็ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร แต่สัมผัสได้ถึงอันตรายที่จะตามมาแน่ๆ

 

“โฟ---”

 

‘-อย่าเพิ่งใช้โฟกัส แตะตัวเพื่อนนายก่อนแล้วค่อยใช้-’

‘หา!? ’

‘-รีบทำเร็วเข้า ถ้ายังไม่อยากตาย-’

 

เรสเทียร์ตะคอกสั่งซะจนเขารีบทำตามทันที

เฟียน่าพยายามจะพูดอะไรสักอย่าง พีมัวแต่คิดว่า ‘แตะ’ นี่ความหมายมันยังไงกันแน่ ก็เลยเข้ากอดเธอเลยล่ะกัน

 

“พี นี่นาย---”

“โฟกัส...”

 

ทุกอย่างรอบข้างช้าลง และพีก็ไม่รอช้า รีบอุ้มตัวเฟียน่าขึ้นถึงตัวจะหนักไปหน่อย แล้วรีบวิ่งไปทางที่โซตะอยู่ พีเพิ่งสังเกตว่าถ้าแตะหรือโดนตัวคนอื่นก่อนที่จะใช้โฟกัส คนที่โดนแตะจะไม่โดนผลของพลังไปด้วย

 

‘ว่าแต่ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ตอนนี้เลย ไม่แน่ฉันอาจจะนอนเลือดกระอักแล้วฝันเพี๊ยนอยู่แหงๆ’

‘-เมื่อครู่ นายเห็นลำแสงสีแดงใช่ไหม?-’

‘อือ...มันคืออะไร?’

‘-แดนเจอร์ไลน์ (Danger Line) มันจะปรากฎให้นายเห็น เมื่อมีอันตรายเข้าใกล้ แสดงทิศทางที่มันมาก่อนที่จะตัวสามวินาที-’

‘...เหอะๆ เหมือนกับการ์ตูนมังงะที่เคยอ่านแฮะ’

 

พีคิดแล้วก็พูดโฟกัสอีกรอบ เพราะผ่านไปห้าวินาทีพอดีเฟียน่าในอ้อมแขนถามเขาด้วยน้ำเสียงสั่นคลอ

 

“ทะ...ทำไมนาย...ทำแบบนี้...กับฉัน...อยู่เรื่อย”

 

‘ทำไมนั่นหรอ...นั่นสิ...คงไม่ใช่เพราะใจดี หรืออยากเป็นฮีโร่...แต่ถ้าไม่ทำทั้งๆ ที่รู้ว่าทำได้ คงเสียใจไปตลอดชีวิต’

‘-เป็นคนดีจังเลยนะ-’

‘เฮ้อ...อย่าเรียกแบบนั้นเลย มันไม่ใช่หรอก’

 

เรสเทียร์พูดให้พีต้องกัดฟันกับความคิดตัวเอง ก่อนที่จะบอกเฟียน่าไป

 

“เพราะฉันไม่อยากเห็นใครเป็นอะไรไป ทั้งๆ ที่ฉันช่วยได้”

 

‘รู้สึกคุ้นๆ แฮะ...เหมือนเคยพูดอะไรแบบนี้มาก่อน...

อยากคิดให้ออกอยู่ แต่ไม่มีเวลามากต้องรีบวิ่งมาหลบมุมที่พาโซตะอยู่ก่อนหน้านี้’

 

“พี่สาว!”

 

โซตะร้อง เหมือนเฟียน่าจะดีใจมากที่รู้ว่าโซตะยังสบายดีเลยพูดคุยกัน

 

‘-นายจะเอายังไงต่อ?-’

 

เรสเทียร์ถาม พีกลับไปมองทางที่วิ่งมาอีกครั้ง พวกไอริสทุกคนกำลังอลหม่านวุ่นวายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พากันเข้าที่กำบัง และก็เห็นลุงของเฟียน่าและนักวิทยาศาสตร์ที่เหลืออีกสี่คน โดนลากตัวไปชิดกำแพงฝั่งขวา มีพวกไอริสยืนคุมกันตัวประกันไว้รอบตัว แต่ว่ามีเนโอสไปเดอร์พร้อมคนพวกมันจำนวนหนึ่งแห่วิ่งออกไปข้างนอก

 

‘ออกไปทำไม? ถ้าตามหาหัวหน้าพวกมัน...ออกไปกันเยอะไปหน่อยมั้ง’

 

ว่าแล้วก็มีเสียงปืนกับระเบิดปะทะไกลๆ จากข้างนอกสนามบินลอยเข้าหู

 

‘เอ็มแอลเอเริ่มบุกแล้วสินะ นี่เรสเทียร์...มีอาวุธที่พอจะทำลายเจ้าหุ่นยนต์นั้นได้ไหม?’

‘-...มี...เพียงแต่ไม่ค่อยมั่นใจว่า จะใช้ได้ดีกับนาย-’

‘...งั้นหรอ...ขืนเป็นแบบนี้...’

 

“โฟกัส”

 

พีใช้มันเพื่อยืดเวลาคิดออกไป แล้วพยายามมองรอบตัวและประเมินสถานการณ์ให้มากที่สุด

 

‘ออกไปทางซ้ายมือมีพวกมันอยู่ไม่ต่ำกว่าห้าคนหลบอยู่หลังเคาน์เตอร์ ขวามือก็มีพวกนักวิทยาศาสตร์ที่จะไปช่วย มีคนยืนคุ้มรอบตัวอยู่สามคน และเนโอสไปเดอร์อีกสองตัว

ถึงตอนนี้ฉันจะมีพลังแปลกๆ อยู่กับตัว แต่ก็ทำอะไรพวกมันไม่ได้อยู่ดี จะให้ใช้โฟกัสค่อยๆ เข้าไป แต่จะพาพวกนักวิทยาศาสตร์ออกมาให้หมดหรือทีล่ะคนก็ยังยากเลย...

แถมยังมีข้อจำกัดการใช้พลังที่เรสเทียร์บอกไว้อีก นี่ยังไม่รู้ว่าใช้ติดๆ กันไปแล้วกี่ครั้งแล้ว

จะรอให้เอ็มแอลเอเข้ามาช่วย...พวกไอริสคงลักพาตัวพวกนั้นหนีไปไกลซะก่อน’

 

แล้วพีก็ได้ยินเรสเทียร์ถอนหายใจพร้อมข้อเสนอดีๆ

 

‘-เฮ้อ แต่ลองพยายามดูก่อน ดีกว่าไม่ลอง...เอ๊กซ์แทรคกัน!(Extract-Gun)-’

 

เมื่อเรสเทียร์เอ่ยเสร็จ มือข้างซ้ายของพีมีลูกกลมสีฟ้าแสบตาเท่าฝ่ามือออกมาจากแผ่นกระจกบนฝ่ามือขวาของเขาก่อนที่จะกลายเป็นปืนพกกระบอกสีขาวฟ้าที่จับถนัดมือ รูปทรงโดยรวมแล้วดูล้ำยุคไปไกล ปากกระบอกปืนเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสแปลกๆ เรสเทียร์อธิบายต่อ

 

‘-ปืนมันจะดึงพลังที่อยู่ในตัวผู้ถือมันออกใช้โดยตรง ผลของมันจะขึ้นอยู่กับประเภทพลังที่มีอยู่ในตัวนาย-’

‘พลังในตัว? พีทู!?’

 

พอพีคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็นึกถึงตอนที่เห็นกลุ่มก้อนพลังงานสีขาวที่มีก้อนสีฟ้าคุมอยู่

 

‘-อย่างที่นายคิด...ตอนที่นายไปชกกับคนๆ นั้น...บาเรียแห่งอาคาเดียในตัวนายอ่อนลงจนพลังนั่นไหลออกมา-’

‘งั้นเองหรอ? ก็ว่าอยู่...งั้นแสดงว่าตอนนี้ฉันใช้พีทูได้ตลอดเลยนะสิ?’

 

“พี...นายทำแบบนั้นได้ไง นายเองก็ใช้พีทูได้?”

 

เฟียน่าถามขัดขึ้นมาหลังผลการใช้โฟกัสหมดลงพอดี

 

‘พีทู...พลังจิตในตัวที่ฉันค้นพบเจอหลังจากที่พ่อกับแม่หายไป แต่ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากได้พ่อแม่กลับคืนมามากกว่า...แต่มันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว คงต้องใช้พลังที่ได้มานี่ให้คุ้มค่าที่สุดแล้วล่ะกัน!’

 

เขาคิดเสร็จก็เผลอยิ้มออกมาอย่างมั่นใจแล้วมองไปยังเป้าหมายคนที่เขาจะไปช่วยข้างหน้า

 

“คงงั้นมั้ง...พวกเธอสองคนรีบหนีไป ฉันมีธุระต้องช่วยลุงเธอต่อ”

“ลุงฉัน!? ดะเดี๋ยว!”

“โฟกัส!”

 

เขาตัดสินใจพุ่งไปทางซ้ายก่อน เข้าไปด้านข้างของเคาน์เตอร์เจอพวกมันนั่งเรียงเป็นแถวตอนลึก แล้วเอาปืนจ่อและกดลั่นไกปืนค้าง

 

‘เอ๊ะ!? ทำไมยิงไม่ออก’

 

ปลายกระบอกปืนเหมือนกำลังดูดรวมแสงสีฟ้าขาวอะไรสักอย่างแล้วพีก็เอานิ้วออกจากลั่นไก เวลาโฟกัสหมดลงพอดีแล้วมีกลุ่มก้อนพลังงานสีขาวฟ้าขนาดลูกบอลแต่ใหญ่กว่านั้นหลายเท่าตัวจากปลายกระบอกปืน พุ่งออกไปโดนพวกทหารไอริสทั้งห้าคนจนกระเด็นออกไปข้างหน้าหลายร้อยเมตร

 

‘ชาร์จได้หรอเนี่ย’

‘-ใช่-’

 

พีมองดูร่างกายของพวกไอริสที่กระเด็นไป เหมือนจะยังไม่ตายแต่เพราะโดนที่เขายิงออกไปกระแทกปลิ้วไปไกลจนสลบแทนเลยได้คำตอบว่าอาวุธนี้มันดึงพลังควบคุมลมของเขาออกมาใช้

 

ปัง!

 

กระสุนที่ยิงจากพวกไอริสทางฝั่งที่มีด็อกเตอร์ซิสอยู่เฉียดหน้าเขาไป พอได้สติก็รีบหลบลงหลังเคาน์เตอร์ ดงกระสุนจำนวนมากยิงใส่กำบังที่เขาอยู่

 

‘เกือบไปแล้ว เผลอมากไปหน่อย’

 

พีเอามือปาดเลือดที่ไหลเป็นทางยาวบนใบหน้าออกไปและจี้ถามเรสเทียร์ในใจ

 

‘เรสเทียร์! ทำไมฉันไม่เห็นไอ้เส้นแดงๆ ที่เธอบอกนั่นล่ะ’

‘-นายหันหลังอยู่ จะไปเห็นได้ยังไง-’

‘เอ่อ...ก็จริงแฮะ’

 

ระหว่างที่คุยกันอยู่ก็มีเส้นสีแดงขนาดใหญ่มากแทบจะคลุมทั้งตัวเขาได้ ปรากฎขึ้นมาทะลุเคาน์เตอร์มาลงที่พื้นใกล้ๆ

 

‘อย่าบอกนะว่า...ไอ้หุ่นยนต์แมงมุมนั่นจะยิงระเบิดมา!’

 

“โฟกัส!”

 

พอพูดเสร็จรีบกระโดดจากเคาน์เตอร์ที่อยู่แล้ววิ่งเฉียงออกซ้ายไป กระสุนหัวระเบิด (HE) ถูกยิงออกมาจากเนโอสไปเดอร์อย่างช้าๆ ก่อนที่จะพุ่งใส่เคาน์เตอร์นั่นอย่างรวดเร็ว เพราะระยะเวลาโฟกัสหมดพอดี พวกไอริสตรงหน้าที่อยู่กับตัวประกันหันมาเห็นตัวเขาแล้วเตรียมยกปืนยิงใส่

 

“โฟกัส!”

 

พีใช้มันอีกครั้ง เร่งฝีเท้าเท่าที่จะทำได้เข้าด้านข้างของเนโอสไปเดอร์ทางซ้าย เพื่อให้กระสุนที่เขาจะยิงออกไปโดนหุ่นอีกตัวด้วย

 

‘เอาไปกินซะ!’

พีชาร์จปืนสองวินาทีแล้วปล่อยออกไป เวลาที่ช้ากลับมาเป็นปกติ กระสุนลมขนาดใหญ่โดนเนโอสไปเดอร์และพวกไอริสหนึ่งคนกระเด็นไปชนกับกำแพงจนหมดสภาพ อีกสองคนที่เหลือหันไปดูเพื่อนที่โดนกระสุนลมเมื่อครู่

 

‘ได้จังหวะล่ะ!’

 

พีวิ่งเข้าไปกระโดดเตะหน้าพวกไอริสคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ที่สุดจนลงไปนอนกับพื้น พวกไอริสอีกคนหันกลับมาเห็นแล้วรีบยกปืนขึ้นมายิง เส้นสีแดงปรากฎขึ้นมาทางเขาเป็นสิบๆ เส้น

 

“โฟกัส!”

 

เวลาช้าลงอีกครั้ง คราวนี้เขาวิ่งเข้าไปทางข้างหลังมันใช้มือที่ว่างอยู่กำหมัดเข้าศีรษะด้านข้าง หวังว่าจะให้มันกระเด็นออกไปไกลเหมือนที่ทำกับไอ้คุณชายนาธาน แต่กลับไม่เป็นแบบนั้นแถมตัวเองยังเจ็บมือ เวลาที่ช้าก็กลับมาเป็นปกติทันทีที่สัมผัสตัว

 

‘เวรล่ะ’

 

พีรีบใช้ด้ามปืนกระแทกหัวมันอีกครั้งจนมันสลบไป เขารีบถามเรสเทียร์ทันที

 

‘เรสเทียร์! เมื่อกี้ทำไมฉันถึงใช้พีทูไม่ได้’

‘-คงเป็นเพราะ...พลังนายยังไม่ตื่นเต็มที่ ใช้ได้เป็นบางครั้ง นายควรใช้ปืนนั่นจะดีกว่า-’

 

“นี่เธอทำแบบนั้นได้ยังไง”

 

คำถามจากด็อกเตอร์ซิสทำให้พีเงยหน้าขึ้นไปมอง ทั้งเขาและคนอื่นๆ ในกลุ่มนักวิจัยมองเขาด้วยสายตาที่ตกตะลึง

 

‘พวกเขาก็น่าจะตะลึงอยู่นะ...ที่ฉันทำไปก่อนหน้านี้ทั้งหมด มันค่อนข้างที่จะ---’

 

ยังไม่ทันที่จะคิดจบ พีเห็นคนของไอริสที่พีกระโดดเตะอัดหน้าไปหยิบปืนพกขึ้นมาจะยิงใส่ เขาก็เลยใช้โฟกัสเข้าไปเตะปืนจากมือของมันออก ก่อนที่จะใช้ปืนที่เขาถืออยู่กดลั่นไกไม่แช่ค้าง กระสุนลมออกมาเป็นลูกเล็ก ยิงเข้าอัดท้องมันจนสลบไป

 

‘จริงด้วยแฮะ ถ้าไม่กดแช่ไว้ก็ยิงเหมือนปืนทั่วๆ ไป’ พีคิดถามที่เห็น

‘-เมื่อครู่นายใช้โฟกัสเป็นครั้งที่สิบ-’ เรสเทียร์กล่าว ‘-เวลาที่จะใช้ได้อีกเป็นครั้งต่อไปคืออีกเจ็ดนาที-’

‘อ้าวไม่ใช่สิบนาทีหรือไง?’

‘-ตั้งแต่ที่นายใช้ครั้งแรกถึงตอนนี้ก็ผ่านมาสามนาทีแล้ว-’

‘อ๋อ...’

 

หลังจากนั้นพีก็เดินเข้าหาด็อกเตอร์ซิสบอกคำตอบกับเขาไป

 

“ตอนนี้ยังไม่รู้ครับ ว่าทำแบบนี้ได้ไงแต่ว่าตอนนี้รีบเผ่นกันก่อนดีกว่านะครับ”

 

พีพูดไปพร้อมยื่นมือออกไปเพื่อจะช่วยให้เขาลุกขึ้นยืนง่ายขึ้น...ด็อกเตอร์ซิสยื่นมือมาจับประคองตัวขึ้นมา คนอื่นลุกขึ้นเอง แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรมีเส้นแสงสีแดงขนาดใหญ่พุ่งผ่านทะลุตัวเขาและทุกๆ คนไปตกอยู่ใกล้ตัว เขารีบพลิกตัวหันหลังไปดูเป็นโอสไปเดอร์ตัวที่น่าจะล้มทับเขากับโซตะตั้งแต่แรกกำลังเล็งปลายกระบอกปืนใหญ่ที่ติดอยู่ที่หลังมัน เพื่อจะยิงกระสุนหัวระเบิด (HE) ใส่

 

‘แย่ล่ะ มันยังไม่เดี้ยงสนิท โฟกัสก็หมดแล้ว งั้นยิง---’

 

แล้วเขาต้องหยุดชะงักความคิดไว้ เมื่อมีร่างสาวที่คุ้นเคยลอยลงมาจากข้างบนที่พื้นกระจกแตกไปหมดแล้ว ที่มีเธอถืออาวุธไว้ทั้งสองมือเป็นมีดสั้นสามแฉกแต่ปลายสองข้างจะสั้นกว่าตรงกลางมากและตรงกลางก็ยาวประมาณห้าสิบเซนติเมตรได้ มีประกายไฟฟ้าออกมาจากมีดนั้นด้วยก่อนที่จะลอยลงมาบนตัวหุ่นแมงมุมแล้วใช้มีดคล้ายส้อมทั้งสองจิ้มเข้าในตัวเครื่องเนโอสไปเดอร์ ประกายไฟฟ้าวิ่งทั่วรอบทั้งหุ่น แล้วเส้นแสงสีแดงที่เคยเล็งใส่ก็หายไป

 

‘เฟียน่า!’

 

เธอกระโดดถอยออกมาอยู่ตรงหน้าพี แต่ยังหันหลังอยู่เธอกางแขนทั้งสองกว้างออกแล้วเหวี่ยงแขนทั้งสองไปตรงหน้าให้มีดทั้งสองปะทะจนเป็นม่านคลื่นพลังงานขนาดใหญ่ขึ้นมา เนโอสไปเดอร์ข้างหน้าระเบิด แรงกระแทกและแรงระเบิดถูกม่านพลังงานนี้กั้นไว้ได้ทั้งหมด พอระเบิดนั้นจบลง เฟียน่าหันมาทักทาย

 

“นี่นาย คงคิดว่าฉันอ่อนแอสินะ ถึงได้ออกมาบู๊ล้างผลาญคนเดียวแบบเนี่ย!”

“อ้าว ก็ฉันไม่รู้ว่าเธอมีของแบบนั้นกับตัวด้วย” พีทำเป็นไม่รู้เรื่อง...ซึ่งเขาไม่รู้เรื่องจริงๆ

“ก็ไม่ได้ติดตัวแต่แรก!” เฟียน่าตาโตใส่ “นี่ฉันวิ่งไปเอาไอ้นี่ที่กระเป๋าที่ทิ้งไว้ต่างหาก ไม่งั้นฉันก็จัดการพวกมันตั้งแต่แรกแล้ว!”

 

‘โห้ยๆ มาถึงก็เถียงฉอดๆ เลยแม่คุณ’

 

พีเหนื่อยใจนิดหน่อย แต่ก็เข้าใจที่เธอลงทุนทำถึงขนาดนี้ แทนที่จะหนีไปเพราะ...

 

“...นี่เธอกลับมา เป็นห่วงลุงเธอใช่ไหมล่ะ”

 

พีเอ่ยถามแบบนั้น มีดสั้นสามแฉกข้างขวาของเฟียน่าถึงเข้าประทับที่ต้นคอพีทันที

 

“ไม่ใช่โว้ย!”

 

‘เธอเขินขึ้นมาแน่ๆ แต่ทำไมต้องเอาไอ้มีดนี่จ่อที่คอฉันด้วย แถมมีประกายไฟฟ้าที่ชวนเสียวไหม้เกรียมอีก’

 

พีคิดแล้วยิ้มกระตุก

 

“นายหญิง! ผมส่งนายน้อยไว้ที่ปลอดภัยแล้วครับ!”

 

เสียงผู้ชายที่คล้ายๆ หุ่นยนต์จากทางซ้ายเป็นลูกบอลสีขาวๆ ที่มีกล้องตรงกลางลอยเข้ามาหาเฟียน่า

 

‘ไอ้หุ่นลูกบอลนี้...คุ้นๆ เหมือนจะเป็นโดรนหุ่นยนต์รับใช้ที่ขายตามตลาดแฮะ’

 

พอเฟียน่าได้ยินแล้วหันไป...เธอทำหน้าเหนื่อยใจเหมือนเห็นอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะตะคอกใส่โดรนรับใช้ของเธอ

 

“แล้วข้างหลังที่ตามมามันเรียกว่าอะไร!”

 

พีมองตามเฟียน่าไป เห็นโซตะที่แอบหลบมุมทำหน้ายิ้มเหมือนสำนึกผิดก่อนที่จะวิ่งเข้ามาหา

 

“พี่สาว!”

 

เปรี้ยะ!

 

เสียงโดนตบหน้าที่โซตะโดนเข้าให้จนร้องไห้

 

“พี่บอกแล้วใช่ไหม? ว่าอย่าตามมา!!”

“...ก็ป๋มเป็นห่วงพี่นี่ฮะ!”

“เฮ้อ ให้มันได้แบบนี้สิ...”

 

เฟียน่ายืนถอนหายใจ...ส่วนพีเพิ่งคิดได้ว่าไม่ควรอยู่ที่นี่นานเลยเร่งทุกๆ คน

 

“เฟียน่า...พวกเรารีบออกจากที่นี้กันดีกว่า”

“อ่า...อืม...ซันเต! ช่วยหาทางออกที่ปลอดภัยที่สุดให้ด้วย”

 

เฟียน่าเธอสั่งโดรนหุ่นรับใช้ของเธอ ลูกกลมๆ นั่นเอ่ยรับคำสั่ง

 

“รับทราบครับ นายหญิง ถ้าทางที่ปลอดภัยที่สุด ก็ไปทางซ้ายแล้วก็---”

 

แป๊ะๆๆ

 

เสียงตบมือของใครบางคนก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงเจ้าตัว

 

“แหมๆ น่าประทับจริงๆ อัดคนของฉันซะน่วมเลยนะพวกเธอ”

 

‘เสียงนี้มัน...เจ้านาธาน!’

 

นาธานในสภาพยับเยินพร้อมพรรคพวกไอริสที่มาเป็นฝูงใหญ่อยู่ด้านหน้าตรงทางเข้าสนามบิน พีเอาปืนเล็งใส่แต่ก็มีเนโอสไปเดอร์สิบกว่าตัวเล็งปลายกระบอกปืนใหญ่ใส่เหมือนกัน ทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำอะไรไม่ได้

 

“แล้วจะชิ่งหนีไป มันง่ายหน่อยมั้ง...” นาธานพูด “ไม่อยากจะเชื่อว่าพวกที่ใช้พลังจิตได้จะมาอยู่ที่นี่...แต่ดูเหมือนจะทำบ่อยๆ ไม่ได้สินะ ไม่งั้นป่านนี้พวกฉันของเละกันไปแล้ว”

“แล้วแกต้องการอะไร?”

 

เฟียน่าถามกลับไป เจ้าคุณชายนั่นหัวเราะเหมือนเยาะเย้ยก่อนที่จะเสนอข้อตกลงขึ้นมา

 

“ง่ายๆ แค่พวกแกสัญญาว่าจะเป็นหมารับใช้ของฉันเท่านั้นเอง ส่วนผู้หญิงก็คอยเลียฉันแค่นั้น”

“หา!?”

 

พีกับเฟียน่าประสานเสียงกัน ก่อนที่เฟียน่าจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

 

“แกนะแก! คิดว่าฉันอยากจะเป็นหมาบ้าเลียขาแกเหรอ!? หา!”

 

เฟียน่าโกรธจนเห็นไฟลุกขึ้นลางๆ แล้วพีก็รู้สึกหน่ายกับคำพูดเมื่อครู่

 

‘เป็นการเจรจาที่ห่วยแตกบรมที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา’

 

“คุณนาธาน ยังไม่เลิกใช้ไม้เดิมๆ อีกหรือ?”

 

ด็อกเตอร์ซิสกล่าวขึ้นมาอย่างเรียบๆ เหมือนเป็นเรื่องปกติ

 

“หมายความว่ายังไงครับ? คุณด็อกเตอร์”

“เห็นคุณเอ่ยเจรจาครั้งไหน ลงท้ายด้วยกระสุนปืนทุกครั้ง”

“อ๋อ แหม คุณไม่ต้องกลัวหรอกครับ สำหรับคุณแล้วต้องพาตัวกลับไปให้ได้ตามคำสั่งนายใหญ่...แต่คราวนี้ผมต้องการสองคนนี้ด้วยจริงๆ นะครับ”

 

นาธานพูดเสร็จก็เผยรอยยิ้มอันแสนชั่วร้ายออกมา...ยิ่งทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่มันพูดไม่มีความจริงสักนิด แต่ก่อนที่จะทำอะไรต่อนั้นมีแสงไฟและควันบนท้องฟ้าใกล้ๆ จากทางด้านหลังสามลูกกำลังลอยมาทางนี้

 

‘นั่นมันอะไร’

 

พีจ้องมันสักพักจนคุณชายเห็นว่าเมินเขาไปก็โวย

 

“เฮ้ยๆ นี่แกไม่สนใจฉันหรือไง สถานการณ์ตอนนี้แกทำแบบนี้ไม่ได้นะ!”

“อ่า...ข้างหลังบนท้องฟ้านี้ มันอะไร” พีถามตรงๆ

“บนท้องฟ้า?” นาธานพูดแล้วเกือบจะหันไป แต่ก็หันกลับมา “อย่าคิดว่าลูกไม้ตื้นๆ จะหลอกให้ฉันหันหลังให้แกได้!”

 

หลังจากที่นาธานพูดเสร็จ แสงไฟทั้งสามนั้นแตกตัวออกส่องแสงออกมามากจนแสบตา คุณชายนั่นก็เห็นแสงไฟที่ส่องมาจากด้านหลังเหมือนกันก็หันไปมองพอแสงที่แสบตาหายไป ปรากฎเป็นมิสไซล์จำนวนมากเกินร้อยลูกได้กำลังมุ่งมาทางนี้ นาธานแล้วตะโกนออกมาแบบไม่คิดชีวิต

 

“มิสไซล์!”

 

เส้นแสงสีแดงปรากฎขึ้นมาทางที่พีอยู่เป็นร้อยๆ เส้นแถมมีขนาดใหญ่มาก

 

เวรแล้ว! หลบไม่ทันแน่! แต่เฟียน่ายังมี---

 

“บาเรียของฉันยังใช้ไม่ได้!”

 

เฟียน่าตะโกนออกมาทำให้ความหวังสุดท้ายหายไปในสายลมทันที

 

ตูมๆๆๆๆๆๆๆ!

 

เหล่ามิสไซล์ร้อยลูกถล่มเข้าตัวสนามบิน แต่ก่อนที่รัศมีระเบิดจะถึงตัวมีลำแสงสีฟ้าพุ่งออกมาจากแผ่นกระจกบนฝ่ามือขวาของเขาไปยังตรงหน้าพี แสงนั้นเป็นรูปร่างคนขึ้นมาแขนขวาของแสงนั่นที่เหมือนจะมีดาบยาวอยู่ในมือของแสงนั้นยกขึ้นตั้งรับ เมื่อมิสไซล์เข้าปะทะก็มีม่านพลังงานที่ครอบทั้งพี เฟียน่าและพวกนักวิจัยกั้นระเบิดของมิสไซล์นั้นได้หมด เมื่อมิสไซล์หมดลงลำแสงที่ออกจากฝ่านมือขวาก็หายไป เหลือแต่แสงสีฟ้าที่มีรูปร่างคล้ายคนตรงนั้นทีค่อยๆ ปรากฏเรือนร่างที่ชัดเจนเป็นมนุษย์ผู้หญิงที่พีเคยเห็นก่อนหน้านี้ แต่ต่างกันนิดหน่อยที่ในมือขวาเธอนั่นถือดาบเรียวยาวสีขาวที่คล้ายเข็มนาฬิกาแต่มีขนาดใหญ่กว่ามากและที่ด้ามจับเป็นวงแหวน

 

“เรสเทียร์!”

 

พีเรียกชื่อคนตรงหน้า เธอก็หันมาด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์เช่นเคย แล้วเธอก็พูดน้ำเสียงเรียบๆ ตามบุคลิก

 

“ในที่สุดก็ต้องออกมาจนได้”

“อ่า...เรสเทียร์ ขอบคุณที่ช่วยนะ” พีว่า

“เรื่องเล็กน้อย ฉันไม่ถือสา”

 

‘โห้ยๆ แล้วทำไมไม่ออกมาตั้งแต่ทีแรกล่ะเนี่ย’

 

ว่าแล้วพีเพิ่งมองดูโดยรอบพื้นที่ที่มิสไซล์เพิ่งถล่มไป พื้นที่โดยรอบยับเยินมีซากเหล็กเต็มไปหมด เหลือแต่ตรงที่พวกเขายืนอยู่เท่านั้น

 

“...นี่เธอเป็นใคร”

 

เฟียน่าเดินเข้ามาถาม เรสเทียร์มองหน้าเธอแล้วมองมาที่พี เดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วบอกความสัมพันธ์ที่แปลกไป

 

“นายหญิงของทาสชายคนนี้”

“หา!?” เฟียน่าร้องสวน “มัน...ยะ...ยังไงกันแน่? นี่นายต้มตุ๋มคนไปทั่วเลยใช่ไหมเนี่ย! หน่อยแน๊! ยกโทษให้ไม่ได้แล้ว!”

“เฮ้ย! อย่านะ!” พีร้อง

 

เฟียน่ายกมีดสั้นสามแฉกนั้นขึ้นมาเตรียมจะแทงใส่พี แต่เรสเทียร์เดินเข้ามาขวางไว้

 

“นี่เธอ! ถอยไปนะ! ฉันมีเรื่องต้องเคลียร์กับเจ้านั่น!”

“ขอปฏิเสธ”

 

เรสเทียร์ยกดาบขึ้นมาตั้งเตรียมเข้าปะทะ พีเห็นว่าเริ่มท่าจะไม่ดี เข้ามาขวางทั้งคู่ไว้

 

“พวกเธอใจเย็นๆ กันก่อนสิ นี่มันใช่เวลาที่จะทำเรื่องนี้ไหม!?”

“พะ...พวกแก...”

 

เสียงคนเจ็บที่คุ้นเคยดังขึ้นมา พีหันไปมองก็เห็นเจ้าคุณชายนาธานในสภาพ...แขนซ้ายหายไป ตัวทั้งตัวเลือดอาบไปหมด กำลังค่อยๆ เดินเข้ามา

 

“ต้อง...ตาย....ให้หมด!”

 

สิ้นเสียงนาธานก็หลับฟุ่บกับพื้นไป...ก่อนที่จะมีอะไรที่คล้ายๆ แท่งแก้วสีดำขนาดเท่าข้อมือ กลิ้งออกมาใกล้ๆ พีจนหยุดมีนาฬิกาเดินถอยหลังขึ้นปรากฎด้วย

 

00:01:04

 

“นี่มัน...IS-0412 ระเบิดไฮนิวตรอน ของพวกไอริส”

 

ด็อกเตอร์ซิสเข้ามาอธิบาย...ทำให้พีนึกออก ว่าระเบิดที่พูดถึงมันเคยถูกใช้หลายปีก่อนที่นอกเขตเมืองแถวๆ Area EU จนเป็นหลุมกว้างหนึ่งกิโลเมตร ทำให้เขารู้สึกว่าคงได้ตายแน่ๆ แล้วคราวนี้ แต่ถึงอย่างงั้นก็หันไปถามด็อกเตอร์

 

“ด็อกเตอร์...พอทำให้มันไม่จุดฉนวนได้ไหม?”

“ขอโทษด้วยนะพ่อหนุ่ม ถึงเป็นฉันก็ทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้มันได้ทำงานถึงเฟสสุดท้ายแล้ว”

“...เรสเทียร์ พอทำอะไรได้ไหม?”

 

พีหันไปถามเรสเทียร์ต่อ เห็นเธอจ้องแท่งแก้วสีดำนั้น ในตาสีแดงเห็นเหมือนจะมีข้อมูลอักษรวิ่งผ่านตลอดเวลา ก่อนที่จะหยุดไปแล้วบอกคำตอบ

 

“คนเดียวไม่ได้...แต่ถ้าให้นายช่วย---”

“เอาเลย!”

“ถ้าทำแบบนั้น ฉันไม่แน่ใจว่าร่างกายนายจะรับมือไหว”

“ต่อให้เดิมพันด้วยชีวิต ฉันก็ยอม!”

 

‘ใช่ จะไม่ยอมให้คนอื่นต้องมาตาย ทั้งๆ ที่ฉันช่วยได้อีกต่อไปแล้ว!’

 

เพราะความทรงจำที่โหดร้ายในอดีตมันผลักดันให้พีพูดแบบนั้น เรสเทียร์จ้องตาเขาสักพัก...ก็ยิ้มออกมา

 

“งั้นก็หยิบสิ่งนั้น แล้วเดินตามฉันมา”

 

พีรีบก้มเก็บเจ้าแท่งแก้วดำแล้วเดินตามเรสเทียร์ที่เดินไปที่โล่งๆ เฟียน่าตะโกนเรียกเขา

 

“พี!”

 

‘ให้ตายสิ...ฉันไม่อยากหันกลับไปดูเลยแฮะ’

 

พียืนนิ่งตอนที่เธอเรียกชื่อก่อนที่จะเดินหน้าต่อไปแล้วหยุดตรงหน้าเรสเทียร์ เธออธิบายสิ่งที่จะทำต่อไป

 

“ฉันจะเพิ่มพลังที่ควบคุมในตัวนาย แล้วส่งสิ่งนั้นขึ้นไปสุดขอบฟ้า ขอให้นายทำตามสิ่งที่ฉันบอกทุกคำ”

“อือ! ฉันพร้อมล่ะ”

“นายชูแขนที่ถือของไว้ขึ้น ฉันจะทำพิธีเริ่มต้นก่อน...” เรสเทียรสั่งก่อนที่อยู่ดีๆ เหมือนอารมณ์เสียขึ้นมา “ใครเป็นคนคิดชุดคำสั่งนี้ขึ้นมานะ ยุ่งยากชะมัด”

“เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ?”

“เปล่าๆ ไม่มีอะไร...ในนามของข้า เรสเทียร์ ผู้สืบทอดเวทมนตร์กาลเวลา!”

 

เรสเทียร์เริ่มทำพิธีที่เธอเคยทำให้พี มีวงล้อสีฟ้ารูปร่างคล้ายหน้าปัดนาฬิกาโรมันขึ้นใต้เท้าของเขาอีกครั้ง บนฝ่ามือขวามืออักษา VIII ขึ้นมา

 

“วงล้อกาลเวลาเอ๋ย เคลื่อนฟันเฟืองเดินหน้าตอบรับบัญชาการของข้า!” เรสเทียร์ร่ายบท “เหล่าเศษเสี้ยวบิดเบี้ยวกาลเวลา จงเพิ่มพลังให้แก่ชายตรงหน้าข้าซะ...แร็คนาร็อค!!”

 

วงล้อใต้เท้าพีกว้างขึ้นหลายเท่าตัว มีเส้นสีฟ้าคล้ายเชือกสามเส้นที่ปรากฎขึ้นบนวงล้อใต้เท้าขึ้นมาจับมัดข้อมือขวาที่ยกขึ้นชูอยู่และแล้วมีแสงฟ้าจางๆ ขึ้นมาเป็นเสาขนาดใหญ่ปรากฎขึ้นบนฝ่ามือขวาส่องแสงไปยังสุดขอบฟ้า ก่อนที่จะรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างไหลเข้าตัวเขาอย่างมหาศาลจากใต้เท้า เรสเทียร์ย้ำเตือนเขาอีกรอบ

 

“นาย! จงรวบรวมสติและคิดว่าต้องส่งเจ้าสิ่งนั้นขึ้นสุดปลายขอบฟ้า...เริ่มเลย!”

 

‘รวบรวมความคิด...ฉันจะต้องส่งไอ้นี่ขึ้นไปให้พ้นเขตเมืองนี้!’

 

พีปล่อยมือออกจากแท่งหัวระเบิดนั่น มันค่อยๆ ลอยขึ้นไป แต่ค่อนข้างช้าอยู่

 

“อย่าเสียสมาธิ! จงคิดอย่างเดียวว่าต้องพามันขึ้นไปให้ได้!!”

 

เรสเทียร์เตือนพี

 

‘ใช่ ต้องทำให้ได้ จงปลิวหายไปซะ!’

 

พอคิดแบบนั้น มีแสงจากปลายมือเป็นลำแสงบีมขนาดใหญ่สีฟ้าพุ่งออกไปผลักหัวระเบิดนั้นความเร็วสูงมาก แต่มือข้างนั่นรู้สึกหนักขึ้นมาก ถึงมีเชือกทั้งสามช่วยรั้งไว้แต่ก็ต้องเอามือซ้ายจับประคองที่ข้อมือขวาอยู่ดี พื้นดินแถวนี้สั่นไหวไปหมด

 

‘นี่มันอะไรว่ะเนี่ย มันจะแรงไปแล้ว! เหมือนโดนดูดพลังไปเลย’

 

พีเกร็งขากับเท้าให้ยันกับพื้น พยายามประคองตัวไว้ เพราะว่าลำแสงที่พุ่งออกจากตัวเขาเหมือนมันจะกินแรงเขาเยอะเอาเรื่อง

 

ตูม!

 

เสียงระเบิดกลางอากาศที่ไกลแสนไกลมากเหมือนจะทำได้สำเร็จแล้ว

 

“เรสเทียร์! สำเร็จแล้ว!”

 

พีหันไปมองแล้วยิ้มให้ เรสเทียร์ก็ยิ้มตอบ...ก่อนที่เธอจะทำสีหน้าตกใจเหมือนเห็นอะไรบางอย่างที่ตัวเขา พอก้มลงไปมองวงล้อนาฬิกาสีฟ้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีขาวแดง และเริ่มลามที่เท้าค่อยๆ ขึ้นมาที่ตัวเรื่อยๆ จะขยับตัวก็ขยับไม่ได้

 

‘เกิดอะไรขึ้นว่ะเนี่ย!’

 

พีกระวนกระวายอย่างหนัก แสงสีขาวแดงเริ่มกินขึ้นศีรษะเขาแล้ว เห็นทุกอย่างเป็นสีแดงๆ ไปหมด...และมันยังขึ้นไปสุดปลายแขนนั้น จากนั้นลำแสงสีฟ้าที่ปล่อยออกจากตัวพีกลายเป็นสีขาวแดงและขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าตัวก่อนที่จะรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกาย

 

‘รู้สึกเหมือนทั้งตัวจะหลอมละลายแล้ว! ร้อน...ร้อนมาก!’

 

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!”

 

พีร้องสุดเสียงและหยุดไม่ได้ หางตาเขาพอเห็นเรสเทียร์กับเฟียน่ากำลังเอาอาวุธตัวเองทุบม่านพลังงานหรือบาเรียสีแดงที่ขึ้นรอบตัวเขาเข้ามาให้ได้ พวกเธอพยายามพูดอะไรสักอย่างแต่พีไม่ได้ยินก่อนที่จะมองเห็นบนท้องฟ้าที่มีบางอย่างเกิดขึ้น...

ท้องฟ้าที่มืดมิด มีคลื่นสีฟ้าครอบคลุมสุดลูกหูลูกตาคล้ายบาเรียที่คลุมทั้งโลกเหมือนคลื่นสีฟ้านั้นไหลเวียนไปมาราวกับว่าเกิดปั่นป่วน...ลำแสงสีแดงที่ออกจากตัวเขามันค่อยๆ เจาะบาเรียนั่นจนทะลุไป บาเรียสีฟ้าค่อยๆ ร้าวและแตกออกคล้ายกระจกเป็นลูกโซ่ที่แตกออกไปเรื่อยๆ

และแล้วลำแสงสีแดงที่ออกจากตัวเขาก็หยุดลง ความร้อนในร่างกายที่ราวจะละลายตัวพีก็หยุดลงเช่นกัน ตัวเขาไม่สามารถประคองตัวได้ ก็เลยล้มฟุบไปกับพื้น ก่อนที่จะสิ้นสติไป เขาเห็นเฟียน่าที่เข้ามาประคองตัว แล้วทำหน้าตกใจอะไรสักอย่าง...ก่อนที่เขาก็สลบไป

 

◊◊◊

 

คุยกับคนเขียนหน่อยนะจ๊ะ เย้ๆ ในที่สุดเหตุการณ์สำคัญก็มาถึงแล้ว ฮ่าๆ

เกิดอะไรขึ้นกับพี? แล้วลำแสงสีแดงคืออะไร?

บาเรียสีฟ้าที่ครอบคลุมโลกไว้แตกเป็นเสี่ยงๆ คืออะไร?

โปรดติดตามกับตอนต่อไปที่มีชื่อว่า วิกฤตการณ์กลางเมือง บทที่ 7 [สิ่งที่เปลี่ยนไป]By Spy442299 & Nattanan Srising

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา