สัญญา

10.0

เขียนโดย KlassicBoom

วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 12.14 น.

  3 ตอนที่1-ชีวิตที่กำลังเปลี่ยนไป
  1 วิจารณ์
  5,182 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 12.47 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ชีวิตที่ขาดบางสิ่ง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“เย้ สนุกจังเลย บุญ แกว่งอีกสิ อย่าเพิ่งหยุดสิ”

                “เหนื่อยแล้วอ่ะ ....เล่นนานจัง เมื่อไหร่จะถึงตาเราซักทีล่ะ”

                “อีกทีเดียวนะๆ แล้ว.....จะแกว่งให้เลย สัญญาๆ”

                “โอเคๆ เอาล่ะนะ อึ้บ”

                “เย้ สูงจังๆ อ่ะ แย่แล้ว ถึงเวลากลับแล้วอ่ะ ไปล่ะนะ .....ต้องรีบไปแล้ว ไม่งั้นโดนดุแน่ๆเลย”

                “เดี๋ยวสิ แล้วที่สัญญากันไว้ล่ะ .....อย่าเพิ่งไปสิ”

                “อืม ฝันต่อจากครั้งที่แล้วแหะ โอย เจ็บหัวจัง อ่ะ ที่นี้คุ้นๆจังเลย ทำไมเรามานอนอยู่ตรงนี้ได้เนี่ย” อาจารย์บุญมองไปรอบๆ ที่ๆเขาอยู่

                “ดีใจจัง คุณฟื้นแล้ว”ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาดูอาการของเขา

                “อ่ะครับ อ้าว คุณที่เป็นพนักงานของร้านก๋วยเตี๋ยวที่ผมมากินเมื่อวานนี่ งั้นแสดงว่าที่นี่ก็”

                “ใช่แล้ว ต้องขอโทษจริงๆนะ จักรยานฉันเบรกแตก ฉันไม่รู้จะทำยังไงจริง ขอโทษๆ”

                “ช่างเถอะครับ ผมไม่เป็นอะไรแล้ว แล้วคุณก็ไม่เป็นอะไรด้วย ดีซะอีกนะครับ ถ้าเกิดไม่ชนผม ก็ไม่รู้ว่าคุณจะชนอะไร ที่แย่กว่านี้”

                “คุณนี่แปลกจัง ทั้งที่คุณหัวกระแทกสลบไป ตอนนี้ยังจะมาห่วงฉันที่เป็นคนชนคุณอีก ไม่เคยเจอคนแบบนี้เลยจริงๆ นี่ค่ะ คุณกินซะสิ นี่เป็นน้ำซุปไก่ตุ๋นยาจีน ถ้าคุณกินแล้วอาการจะได้ดีขึ้น”

                “ขอบคุณครับ โอ๊ะ อร่อยจริงๆ ดูท่าแล้วคุณจะไม่ได้เป็นแค่พนักงานของร้านธรรมดานนะนี่”

                “ฉันเป็นลูกสาวของร้านนี่น่ะ ตอนนี้ก็แค่ทำได้ไม่กี่อย่าง เลยได้เป็นแค่พนักงานน่ะ”

                “ถึงยังงั้น ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าทำไมการต้อนรับลูกค้าของคุณ ถึงได้ดูดียิ่งกว่าพนักงานร้านไหนๆ ทั้งที่ร้านคุณก็ไม่ได้หรูอะไรเลย”

                “ฉันก็แค่คิดว่า ถ้าทำดีแล้วคนจะเข้าร้านมาเยอะๆน่ะ  ไม่มีอะไรหรอก แต่ก็ดูบ้าๆเนอะ ฮิฮิ” ท่าทางของเธอช่างดูสดใส น่ารัก ผิดกับบุคลิกท่าทาง ที่ดูห้าว

                “ครับๆ  หืม นี่มัน ๔ ทุ่มแล้วเหรอเนี่ย”

                “ก็คุณสลบนี่ มันก็ต้องนานหน่อยแหละ”

                “โทษทีนะครับ ผมขอตัวนะ เดี๋ยวรถไฟฟ้าจะหมดซะก่อน ขอบคุณที่ช่วยดูแลผมนะ”อาจารย์บุญรีบวิ่งออกจากร้านไปทันที อย่างรีบร้อน โดยไม่ทันระวัง ทำให้สมุดสำหรับจดบันทึกการสอนหล่น

                “เดี๋ยวสิคุณ เอ แล้วนี่สมุดอะไรเนี่ย หืม อาจารย์บารมี อืม โรงเรียนบูรณาการวิทยา งั้นเหรอ”

                อาจารย์บุญวิ่งมาตลอดทางจนถึงสถานีรถไฟฟ้า โชคดีที่เป็นเที่ยวสุดท้ายพอดี เมื่อมาถึงบ้านเขาก็รีบเตรียมตัวนอนทันที โดยที่ไม่ได้อาบน้ำรืเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่อย่างใด มีเพียงแค่ความคิดในใจว่า “เดี๋ยวเมื่อถึงเวลานั้น จะนอนไม่หลับ”

                เช้านี้เขาตื่นขึ้นมาไวกว่าปกติ  เพราะต้องทำอาหารเช้าทานเอง และที่สำคัญคือต้องทำกับข้าวเป็นตัวอย่างที่ถูกต้องให้กับอาจารย์หมิว

                “อาจารย์หมิวนะ อาจารย์หมิว แค่ทำข้าวเช้ากินเองเราก็ต้องตื่นเช้าอยู่แล้ว นี่ต้องตื่นเช้ามากขึ้นอีก แถมเมื่อคืนเรายังนอนดึกอีก เฮ้อ”เขาคิดพลางเตรียมทำกับข้าว

                สำหรับเขาแล้ว การเตรียมอาหารนั้น ไม่ยากเลย เพราะเมื่อก่อนนั้น เขาต้องทำกับข้าวทานเองเป็นประจำ ด้วยเวลาที่มีมาก แหละเพื่อคนที่เขารัก

                “ให้ตายสิ ทำไมกันนะ จะต้องมีเรื่องให้รื้อฟื้นอดีตเป็นประจำเลยสิ เฮ้อ เราถอนหายใจบ่อยไปรึเปล่านะ โอย จะบ้าตาย”เขาบ่นไปทำอาหารไปอย่างอารมไม่ดีนัก

                เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เขาก็เดินทางไปโรงเรียนทันที วันนี้เขาก็ยังคงไปเร็วกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไป โดยที่เขานั้น แถบไม่รู้ตัวเลยซักนิด หรือบางทีเขาอาจจะหลอกตัวเองว่าไม่รู้สึกอะไรเลยเพื่อตัวเขาเอง

                “สวัสดีค่ะ อาจารย์บุญ เอ วันนี้มีเหตุอะไรให้มาแต่เช้าอีกคะเนี่ย ไม่ใช่ว่าต้องทานข้าวเช้าที่บ้านเหรอคะ”อาจารย์นุ่นเข้ามาทักทายด้วยความสดใส

                “สวัสดีครับ อาจารย์นุ่น  พอดีว่าอยากเปลี่ยนบรรยากาศการทานข้าวเช้าน่ะครับ อีกอย่าง ผมเห็นอาจารย์ใหม่อย่างอาจารย์นุ่น เอาเคล็ดลับของผมไปใช้แบบนี้ ผมก็คงต้องทำอะไรซักอย่าง ไม่งั้นผมก็คงเป็นแค่คนดีแต่ปาก”

                “โห อาจารย์บุญ ไม่เห็นต้องลำบากเลยค่ะ นุ่นก็แค่ทำตามด้วยตัวนุ่นเอง นุ่นไม่คิดอะไรแบบนั้นเลย แต่ก็ดีค่ะ เช้านี้นุ่นก็จะได้มีเพื่อนทานเช้าอีกวัน”คำพูดที่อาจารย์นุ่นได้พูดออกมา ทำให้ภายในใจของอาจารย์บุญรู้สึกหวั่นไหว แต่ยิ่งหวั่นไหวก็ยิ่งทรมาน เพราะเขากลัว กลัวว่าความทรงจำที่ได้ลืมไปแล้ว จะย้อนกลับมาทำร้ายเขาอีก

                “เราไปทานเข้าก็เถอะครับ ยิ่งมีเวลาเตรียมตัวเยอะ เวลาว่างก็เยอะขึ้นนะครับ”

                “ดีค่ะ”ในระหว่างที่ทั้งคู่ได้เดินไปโรงอาหาร ทั้งสองได้คุยกันเรื่องต่างๆ ทั้งเรื่องการสอน นักเรียนรวมถึงเรื่องประสบการณ์การเล่นดนตรีก่อนที่จะมาเป็นอาจารย์ แม้ว่ากำลังทานข้าว ก็ยังคุยกันไม่เลิก

                “ว่าแต่ไม่นึกเลย ว่าคุณนุ่นมีเครื่องเอกเป็นดับเบิ้ลเบส ตัวเล็กแบบนี้ ผมคิดว่าเล่นฟลุทไม่ก็คลาริเนทซะอีก”

                “มีแต่คนไม่เชื่อกันทั้งนั้นล่ะค่ะ

“อาจารย์บุญนี่เก่งจังเลยนะคะ เล่นมาหลายที่มากเลย”

                “ตอนนั้น ไฟผมยังแรงอยู่น่ะครับ ค่ำไหนนอนนั้น หนักเบาเอาสู้ ให้ไปไหนก็ไปหมด เหนื่อยนะครับ แต่สนุกมาก นอกกรอบสุดๆ นั้นคือชีวิตของผมเลยล่ะครับ”

                “เอ๋ ถ้านั้นคือชีวิตของอาจารย์บุญ แล้วทำไมถึงมาเป็นอาจารย์ที่นี่ซะล่ะค่ะ”อาจารย์นุ่นไม่รู้เลย ว่าคำถามนี้ มันไปกระตุ้นความทรงจำที่ยากจะลืมเลือน แต่ไม่อยากจำของอาจารย์บุญเข้าซะแล้ว

                “อะ เออ มีเรื่องนิดหน่อยน่ะครับ อ่ะ จริงสิ ผมต้องไปซะแล้วล่ะครับ นึกได้ว่ายังมีงานค้างอยู่อีกเยอะ ไปนะครับ”

                “เดี๋ยวค่ะ เอ นี่เราพูดอะไรผิดไปรึเปล่านะ”อาจารย์บุญลุกและเดินจากไปอย่ารวดเร็ว ทิ้งไว้แต่อาจารย์นุ่น ที่รู้สึกถึงความไม่ค่อยรู้สึกดีถึงคำถามของเธอ

                “ขอโทษนะครับ อาจารย์นุ่น ถึงผมอยากจะพูดคุยกับคุณมากขึ้นกว่านี้ แต่ถ้าผมพูดหรือรู้สึกมากกว่านี้ เราคงจะไม่ได้พูดคุยหรือเจอกันอีกเลย”เขาคิดขณะที่รีบเดินไปที่ห้องพักของอาจารย์

                “เอาล่ะ ก่อนอื่นก็ต้องดูสมุดที่เราจดไว้ก่อน อืม อยู่ไหนนะ เอ ไม่มี ไม่มีได้ยังไง ตั้งแต่เมื่อวานยังไม่ได้เปิดกระเป๋าเลยนิ แย่ล่ะ เมื่อวานไม่ได้ทำอะไรเลย กะจะมาสรุปตอนเช้าทีเดียว ยังงี้เราจะเอาอะไรไปสอนเด็กเนี่ย ให้ตายสิ”เขาไม่รู้จะทำยังไงต่อไป รู้แค่ว่าก็คงต้องดูที่นักเรียนจดเอาไว้ก่อนหน้านี้

                “ขอโทษค่า ไม่ทราบว่าอาจารย์บารมีอยู่ในห้องนี่ไหมค่า”ในระหว่างที่เขากำลังนั่งนึกถึงการสอนเมื่อวาน ก็มีเสียงตะโกนมาจากหน้าประตู

                “ใครมีธุระอะไรกับเรา ถึงต้องตะโกนหากันขนาดนี้นะ อ่ะ คุณ มาได้ยังไงเนี่ย”

                “เจอซะที คุณนี่หาตัวยากจริงๆ โรงเรียนนี่ก็ใหญ่ซะ แถมยังมีตั้งสองตึก ดูซิ ฉันต้องตื่นแต่เช้ามาเนี่ย”

                “เดี๋ยวก่อนนะ คุณมาตามหาผมเนี่ยนะ แล้วยังมาถูกซะด้วย ลมอะไรหอบคุณมาล่ะ”

                “ก็นี่ไง สมุดของคุณมีทั้งชื่อ ทั้งโรงเรียน แต่ไม่ได้บอกว่าอยู่ตรงไหน เกือบไม่ทันแล้วไหมล่ะ ฉันเดาว่าคุณต้องสอนตอนเก้าโมงแน่ๆ ฉันเก่งไหมล่ะ”

”โอ ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณจริงๆ เท่านี้ผมก็ไม่ต้องนั่งปวดหัวแล้วล่ะ เอาล่ะ เดี๋ยวผมไปส่งคุณล่ะกันนะ”

“เอ๋ รู้สึกว่าในสมุดเล่นนี้มันเกี่ยวกับสรุปการสอนของคุณนี่ แล้วยังไม่ได้สรุปการสอนของเมื่อวานแบบนี้ มันจะดีเหรอที่จะไปส่งฉัน”

“นี่แอบดูสมุดของผมแล้วเหรอเนี่ย ไม่ดีเลยนะครับ ช่างเถอะครับ เดี๋ยวค่อยทำทีหลังก็ได้ ยังไงมันก็คงไม่ทันแล้วล่ะ แต่ก็มีเวลามากพอที่จะไปส่งคุณ แล้วก็แวะร้านกาแฟซักหน่อย”ทั้งสองเดินออกจากห้องพักอาจารย์ โดยที่ไม่รู้เลยว่าอาจารย์นุ่นที่กำลังจะเข้ามาคุยกับอาจารย์บุญ แอบดูอยู่ไกลๆ

                “เอาล่ะ ทีนี้คุณก็คงนอนต่อได้แล้วนะ ผมขอบคุณอีกครั้งนะ ไปล่ะครับ”

                “เดี๋ยวสิๆ คุณบอกว่าจะแวะร้านกาแฟใช่ไหม ไหนก็ไหนมากินในร้านฉันเลยล่ะกัน ฉันเองก็ทำกาแฟดีๆเป็นนะ”

                “หืม ทำกาแฟเนี่ยนะ อืม จะดีเหรอครับ ร้านยังปิดอยู่เลย”

“ไม่เป็นหรอก มาเถอะ”อาจารย์บุญเข้าไปนั่งรอตรงที่นั่งเดิม กับที่เขามานั่งสั่งก๋วยเตี๋ยวก่อนหน้านี้ พอมองดูไปรอบๆเขาก็ได้สังเกตว่าที่นี่ ก็ไม่ได้เก่าไปกว่าที่เขาคิดไว้เพียงแค่มันดูเก่าเท่านั้น

“เอานี่ มอคค่าแบบบ้านๆ ฉันทำได้แค่นี้แหละ เพราะว่ามีแต่ของที่ฉันกินเองอยู่นิดหน่อยน่ะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ โอะ อร่อยแหะ ยังงี้เปิดร้านกาแฟได้เลยนะนี่”

“ใช่ไหมๆ จริงๆแล้ว ฉันน่ะ เคยเปิดร้านกาแฟแต่มันเจ๊งล่ะ เลยต้องกลับมาทำที่ร้านนี่”

“อร่อยแบบนี้ยังเจ๊ง คุณคงไปขายผิดที่แน่ๆ ที่ว่าคุณต้องกลับมาทำร้านนี้ แสดงว่าที่นี่คือร้านของคุณงั้นเหรอ”

“ใช่แล้วล่ะ ที่นี่คือร้านและบ้านของฉันเอง ฉันอยู่คนเดียวที่นี่ ทำทุกอย่างคนเดียวที่นี่”

“ที่ว่าทำทุกอย่าง ถ้าอย่างนั้น คุณเป็นทั้งพนักงานต้อนรับแล้วก็คนทำเลยสิ”

“อื้ม ฉันทำอร่อยใช่ไหมล่ะ”

“ก๋วยเตี๋ยว ซุปเมื่อวานและก็กาแฟวันนี้ มันอร่อยทุกอย่างเลย ทำไมคุณถึงไม่จ้างพนักงานเพิ่มล่ะครับ จะได้ทำหลายๆอย่างพร้อมกันไปเลย”

“ก็ฉันเพิ่งกลับมาทำน่ะ ก็อย่างที่บอกเคยไปทำร้านกาแฟเจ๊งไม่เป็นท่า เงินทุนก็เหลือน้อย ตอนนี้ก็ทำได้แค่กินไปวัน แค่นี้ฉันก็เหนื่อยแล้ว คนขี้เกียจอย่างฉัน ก็คงแค่นี้แหละ”

“ถ้าไม่จ้างก็ให้ญาติ หรือคนในครอบครัวมาช่วยไปก่อนสิครับ”

“ฉันอยู่คนเดียวน่ะ ไม่มีใครทั้งนั้น”เธอทำหน้าเศร้าและเงียบไป อาจารย์บุญรู้สึกผิดที่พูดแบบนั้นไป เขารู้สึกสงสารเธอจริงๆ อยากช่วยเหลืออะไรเธอบ้าง

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ใกล้ได้เวลาแล้ว ยังไงก็ขอบคุณสำหรับกาแฟ”

“อืม ฉันก็ขอบคุณคุณนะ ที่มาส่งฉัน ทำไมฉันถึงรู้สึกถูกชะตากับคุณจัง”

“อะไรนะครับ”

“ไม่มีอะไรๆ จริงสิ คุณชื่ออะไรล่ะ จะให้เรียกว่าคุณบารมี  มันก็คงเรียบร้อยไม่สมกับกับเป็นฉันเท่าไหร่”

“บุญ เรียกผมห้วนๆแบบนี้ก็ได้ครับ ไปล่ะครับ เดี๋ยวไม่ทัน”อาจารย์บุญโบกมือลา ก่อนเดินออกจากร้านไป

“หวังว่าเขาคงมาที่นี่อีกนะ”

ถึงแม้ว่าอาจารย์บุญจะได้สมุดคืนมาแล้ว เขาก็ยังคงต้องดูสมุดของนักเรียนในห้อง เพื่อที่จะให้รู้แน่ว่าสิ่งที่เขาจะสอนไปจะไม่ผิด วันนี้มิ้นนักเรียนสุดแสบในสายตาเขา ไม่มาเข้าเรียน ซึ่งขาดไปอย่างไม่มีสาเหตุ เขาจึงคิดว่าวันนี้คงต้องไปดูที่บ้านซักหน่อยว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอกันแน่

ช่วงเที่ยงของวันนี้ อาจารย์บุญมีนัดไว้ว่า ต้องทำกับข้าวเป็นตัวอย่างที่ถูกต้องให้อาจารย์หมิว เขาเตรียมทุกอย่างมาพร้อม ใส่มากับกล่องข้าวอย่างดี เขารีบเดินไปที่โรงอาหาร ก็พบว่าอาจารย์หมิวรออยู่แล้ว

“สวัสดีครับ อาจารย์หมิวรอนานไหมครับ”

“ไม่นานเลยค่ะ เพราะฉันรู้ว่าคุณจะไม่ปล่อยให้ฉันอดข้าวแน่นอน”

“งั้นเรามาทานกันเลยล่ะกันครับ”

“อุ๊ย นี่มันอร่อยมากเลยค่ะ อร่อยกว่าที่คิดไว้เยอะเลย ต้มจืดนี่ ทั้งรสชาติของน้ำซุป และก็หมู มันลงตัวสุดๆ ส่วนกะเพรานี่ อร่อยแบบสุดๆเลย”

“ขอบคุณครับ ลองทานกะเพรากับข้าวพร้อมกันสิครับ”

“นี่มัน ยิ่งทานกับข้าวยิ่งอร่อย ทำไมคุณถึงทำอร่อยได้ขนาดนี้ล่ะคะ ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วล่ะค่ะ”

“อย่าชมผมเลยครับ เมื่อก่อนผมแค่มีเวลาเยอะ จนสามารถให้เวลากับพวกนี้ได้ก็แค่นั้นล่ะครับ”

“เอ ถึงยังไง ถ้าจะใช้เวลาว่างให้กับพวกนี้ได้ และยังอร่อยแบบนี้ ก็คงต้องใช้เวลาเยอะเป็นอย่างมาก หรือไม่ก็เพราะมีแรงบันดาลใจ อย่างทำให้ใครซักคน ฉันว่าต้องเป็นอย่างหลังแน่ๆเลย อิอิ” เธอยิ้มน่ารัก อย่างที่อาจารย์บุญไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เพราะคำพูดของเธอทำให้อาจารย์บุญกลับรู้สึกแย่ลงเหมือนเมื่อตอนเช้าทำเขาหยุดทานทันที

“เพราะเวลาเยอะต่างหากล่ะครับ ผมว่าเรารีบทานเถอะครับ พอดีว่าผมยังต้องมีอะไรให้ทำอีกเยอะเลยล่ะครับ”

“เอ นี่ฉัน พูดอะไรผิดไปหรือเปล่านะ คุณดูเครียดๆขี้นมานิดหนึ่งนะ”

“ไม่หรอกครับๆ เมื่อคืนผมนอนไม่ค่อยเต็มอิ่มน่ะครับ เลยทำให้ไม่ค่อยเจริญอาหารไปด้วย”เขาฝืนยิ้ม

“คุณดูไม่ค่อยดีจริงๆด้วย ไปเถอะค่ะ ฉันรู้ว่าคุณคงไม่ทานแล้ว เดี๋ยวฉันเก็บให้”

“เออ ไม่เป็นไรครับๆ ผมรอคุณทานเสร็จดีกว่า”

“ฉันเก็บเองค่ะ อร่อยขนาดนี้ ฉันคงต้องค่อยๆทาน แล้วอีกอย่างฉันบังคับให้คุณช่วยฉัน ฉันก็ควรจะเก็บให้คุณ แล้วพรุ่งนี้ ฉันจะเอามาคืนแน่นอน”

“ขอบคุณนะครับ ถ้างั้นผมฝากด้วยล่ะกันครับ”เขายิ้มและเดินออกไป เขาหันกลับไปมองอาจารย์หมิว ในใจก็รู้สึกผิด ที่ไม่สามารถจะเปิดใจไปได้มากกว่านี้ ในตอนนี้เขาคิดว่า ทำไมในช่วงนี้ตั้งแต่เริ่มเทอมมา จะต้องพบเจออะไร ที่ทำให้เขาต้องคิดถึงเรื่องเก่าๆ จนทำให้เขาอึดอัดมากขนาดนี้นะ

ในระหว่างช่วงบ่ายนี้ เขาได้แต่คิด ว่าจะทำอย่างไงต่อไป ที่จะให้ทุกอย่างมันหยุดอยู่แค่ตรงนี้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ เขาก็คงต้องไปเป็นฝ่ายเดินออกไปเอง

หลังจากที่โรงเรียนเลิกแล้ว เขารีบสรุปการเรียนการสอน เพื่อที่จะไปดูที่บ้านของมิ้น แต่ในใจของเขาก็ยังคงคิดไม่ตก ถึงเรื่องที่เขาจะต้องจัดการอะไรซักอย่างเกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่เข้ามา จนทำให้เขาอึดอัดและรู้สึกแย่

“เฮ้อ จะทำยังไงดีนะ เราชอบที่นี่เข้าซะแล้ว จะให้ออกไปทำที่อื่นก็คงยาก อุตส่าหนีสิ่งต่าง มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ เผื่อว่าอะไรจะดี แต่ถึงตอนนี้เราก็ยังเอาแต่หนี หนีเท่าไหร่ก็ไม่เคยพ้น พอจะพ้นก็มาเจออะไรแบบนี้อีก จริงสิ ยังมีวิธีนั้นอยู่นี่นา ถึงเราจะเคยคิดไว้เพราะเรื่องอื่น ตอนนี้คงต้องเอามาใช้เป็นวิธีแก้ของเรื่องนี้ซะแล้ว”เขารู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาอีกนิด

เมื่อเขาจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เขาก็ไม่รอช้าที่จะเดินทางไปบ้านของมิ้นเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น พอเขาถึงบ้านของเธอนั้น ก็เห็นได้ชัดว่าไฟในบ้านเปิดอยู่ เขาลองกดกริ่งที่หน้าบ้าน หวังว่าจะมีคนมาเปิดประตูบ้านให้

“กดก็หลายครั้งแล้วนะ ไม่มีใครอยู่หรือยังไง เจ้าเด็กแสบนี่ ถ้าเจอพ่อแม่ละก็ จะเล่าให้ฟังหมดเลย ว่าเธอทำอะไรเราไว้บ้าง ต่อด้วยอบรมให้ยับ หึหึ”เขาทำหน้าชั่วร้ายเหมือนมีความแค้นกันมานาน

เขารออยู่ได้ซัก ๑๐ นาที เขาจึงลองหมุนลูกบิดประตูดู ก็พบว่าไม่ได้ล็อกอยู่ เขาจึงถือวิสาสะ เปิดเข้าไป

“ขอโทษครับ มีใครอยู่ไหมครับ อืม ไฟก็เปิด ทีวีก็เปิด”เขาเดินดูรอบๆ

“เอ๊ะ มีคนอยู่ที่โซฟา ขอโทษครับ เอ๋ นี่เธอ”

“อืม”มิ้นนั่งหลับอยู่ที่โซฟา แต่งตัวไม่สุภาพนัก คงเป็นเพราะเธออยู่ที่บ้านของตัวเอง

“แย่ล่ะ ทำยังไงดี ถ้าเธอตื่นมาเจอเราล่ะก็ต้องได้เรื่องมาปั่นหัวเราอีกแน่ กลับก่อนล่ะ หวังว่าพรุ่งนี้เธอคงไปเรียนนะ อ่ะ แย่แล้ว”อาจารย์บุญไม่ทันระวังเดินถอยหลัง ไปกับชนโต๊ะ ทำให้เกิดเสียงดัง

“อืม อ่ะ เอ๋ อาจารย์ อาจารย์มาทำอะไรที่นี่ เข้ามาได้ยังไงเนี่ย”มิ้นตื่นมาพร้อมกับตกใจ

“เออ คือ ไฟ เออ ประตู เออ ไปล่ะ”อาจารย์บุญตกใจถึงกับพูดไม่รู้เรื่อง เขารีบเดินออกไปทันที

“เดี๋ยวสิ หนูไม่รู้ว่าอาจารย์มาทำไม เข้ามายังไง แต่ไหนๆก็มาแล้ว อาจารย์ก็นั่งก่อนค่ะ เดี๋ยวหนูจะไปแต่งตัวให้เรียบร้อย”

“เออ ได้ๆ”เขานั่งลงตรงเก้าอี้ใกล้ๆ ด้วยท่าทีเขินๆ ในระหว่างที่เขานั่งรอ เขาได้มองไปรอบๆบริเวณนั้น แล้วสังเกตเห็นว่า ตรงหน้าโซฟามีทุกอย่าง พร้อมสำหรับคนที่อยากนั่งอยู่ตรงนั้นได้ทั้งวัน โดยไม่ต้องไปไหน

“แหม่ อาจารย์นี่ละก็ อยากจะมาหาหนูโดยที่ไม่บอกกันก่อนแบบนี้ คิดอะไรกับหนูรึเปล่า”เธอนั่งลงตรงโซฟา

“เธอนี่ เจอหน้าผมแล้วมาพูดแบบนี้ นี่เธอยังเห็นผมเป็นอาจารย์อยู่ไหมเนี่ย”

“แล้วที่เรียกว่าอาจารย์นี่ มันคืออะไรล่ะคะ อาจารย์นั้นแหละบุกมาหาหนูแบบนี้ ยังคิดว่าหนูเป็นลูกศิษอยู่อีกเหรอค่ะ”เธอใช้สายตาเจ้าเล่ห์จ้องมองอาจารย์บุญอาจารย์บุญถึงกับหลบตา

“พอเถอะๆ เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า เอาล่ะ ก่อนอื่นทำไมไปโรงเรียน”เขาเปลี่ยนท่าทีทันที

“ก็ขี้เกียจอ่ะ โรงเรียนมันน่าเบื่อ”

“ขี้เกียจ น่าเบื่อ มันเป็นคำพูดที่ไร้ความรับผิดชอบมากๆเลยนะ”

“ก็มันจริงนี่นา เรียนในสิ่งที่รู้อยู่แล้วมันคือน่าเบื่อ พอเบื่อมันก็ขี้เกียจก็แค่นั้น”

“ผมเข้าใจนะ ว่าคนเก่งๆอย่างเธอ มันเป็นอะไรที่น่าเบื่อ แต่การกระทำของเธอนั้นแหละ ที่มันทำให้น่าเบื่อ ทำไมไม่ลองหาเพื่อนหรือหาอย่างอย่างอื่นที่ตัวเองชอบทำล่ะ”

“สิ่งที่หนูชอบก็คือดนตรี และหนูก็ทำมันได้ดี ส่วนเรื่องเพื่อน หนูไม่จำเป็นต้องมี หนูอยู่คนเดียวได้”

“อยู่คนเดียวยังงั้นเหรอ รู้ไหมว่าการอยู่คนเดียวมันทรมาน คิดรึเปล่าว่า ถ้าวันนี้คิดได้แค่นี้ สักวันหนึ่งเธอจะไม่เหลืออะไร ถึงตอนนี้มันจะไม่รู้สึกอะไรก็เถอะ”

“แล้วจะให้หนูทำยังไง”เธอลุกขึ้น “หนูก็ไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ ตั้งแต่หนูเกิดมาบนโลกนี้ ไม่มีใครเลยที่อยู่กับหนูจริงๆ”ท่าทางของเธอทำให้อาจารย์บุถึงกับผงะ

“ก็ พ่อแม่ของเธอ พ่อแม่ของเธอไงที่จะอยู่กับเธอจริงๆ แค่นั้นมันยังไม่พออีกเหรอ”อาจารย์บุญลุกขึ้นโต้ตอบ แต่มิ้นกลับก้มหน้าลงเงียบไป และตัวเริ่มสั่น

“ไม่มี”เธอพูดเสียงสั่นและเบา

“เอ๊ะ”

“หนูไม่มีพ่อแม่ เข้าใจไหม ท่านตายไปแล้ว”เธอตะโกนใส่และมองอาจารย์บุญด้วยดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำตา ตาของเธอจ้องเขม็ง

“ขอโทษนะ”เขาหลบตา บรรยากาศในห้องช่างน่าอึดอัด ทั้งสองยืนนิ่งเงียบไม่พูดอะไรทั้งสิ้น

“ผมช่วยเธอได้นะ ผมยอมให้เธอปั่นหัวผมเล่นต่อไปก็ได้นะ”

“ช่างเถอะค่ะ”เธอก้มหน้า “ที่หนูทำไปหนูก็แค่เบื่อ เลยอยากหาคนแกล้ง แล้วอาจารย์ก็เข้ามาคุยกับหนูพอดี  หนูรู้ว่าอาจารย์ไม่ชอบ หนูขอโทษ เพราะงั้น หนูจะไม่ทำอีก”เธอไม่มองหน้าอาจารย์บุญเลยซักนิด

“แต่”

“อาจารย์กลับไปเถอะค่ะ หนูจะพักผ่อนแล้ว เอาเป็นว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ หนูจะไปโรงเรียน อาจารย์จะได้ไม่ต้องมาหาหนูอีก”เธอไม่พูดอะไรต่อและยืนอยู่อย่างเดิม อาจารย์บุญไม่สามารถพูดอะไรต่อไปได้ ได้แต่เพียงเดินออกไปจากบ้านอย่างช้าๆ

เขาเดินออกไปจากบ้านโดยมุ่งหน้าสู่บ้านทันที เขาเดินทางไปโดยที่คิดว่า จะทำยังไงต่อไป เธอช่างเหมือนเขาเหลือเกิน ที่จะต้องทนอยู่กับอดีตที่ไม่มีวันถูกลบเลือน ตั้งแต่เช้ามีเรื่องต่างๆมากมาย ที่เขาไม่อยากเจอและแปลกใหม่ แต่ถึงอย่างนั้นตัวเขาเองก็ต้องใช้ชีวิตต่อไป โดยไม่รู้ว่าจะทนไปได้ถึงเมื่อไหร่

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา