Evoden

7.3

เขียนโดย Toliew

วันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 14.45 น.

  4 บท
  6 วิจารณ์
  6,142 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2557 14.04 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) มหานครการศึกษาอีโวเดน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

[บทที่ 2] มหานครการศึกษาอีโวเดน

 

          ลม เย็นๆที่เต็มไปด้วยกลิ่นไอความเค็มกระทบจมูกของนัยที่กำลังยืนอยู่ชั้นสอง ของเรือโดยสารข้ามเกาะจนรู้สึกแปลกๆที่จมูกเพราะความไม่เคยชิน ตอนนี้เมื่อหันมองไปข้างหลังก็แทบจะมองไม่เห็นแผ่นดินใหญ่อีกต่อไป ไม่ว่าจะมองไปด้านไหนก็เห็นเพียงเส้นขอบฟ้าที่ขั้นกลางระหว่างผืนฟ้าและผืน น้ำสีฟ้าคราม จากที่รู้มาเรือต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมงอยู่พอสมควรกว่าจะเดินทางไปถึงยัง เกาะ

          ระหว่างนั้นนัยก็ได้สำรวจเรือลำนี้เรียบร้อยแล้ว เขาพบว่ามีคนธรรมดาเจ็ดคนที่เป็นเจ้าหน้าที่หรือคนงานที่จะไปทำงานบนเกาะ กับอีกหนึ่งหญิงสาวในชุดกระโปรงสีฟ้าขาวเหมือนกับก้อนเมฆที่ล่องลอยบนท้อง ฟ้าในตอนนี้ อายุของเธอรุ่นราวคราวเดียวกันกับนัย ตามที่คุณวีระบอกนัยว่าอาจจะมีอีโวเดนที่ตกหล่นคนอื่นๆขึ้นเรือรอบเดียวกัน ซึ่งนั้นอาจจะเป็นเธอ เธอมีอาการเกร็งๆและคอยจะหลบสายตาของทุกคนที่มองมาหาเธอ ซึ่งตอนนี้เธอก็ยังคงนั่งอยู่ที่ชั้นหนึ่งของเรือคนเดียว นัยไม่รู้หรอกว่าเธอชอบปลีกวิเวกหรือไม่กล้าที่จะคุยกับใคร แต่ไม่ว่าเธอจะอยู่ในข้อไหนนัยก็ตั้งเป้าไว้แล้วว่าต้องขอทำลายกำแพงนั้น เพื่อที่จะสร้างคนรู้จักให้ได้สักคนก่อนที่เข้าไปอยู่ในเกาะให้ได้

          นัย เดินลงจากชั้นสองเข้าไปในห้องผู้โดยสารที่ชั้นหนึ่ง เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่คนเดียวในห้องกว้าง เธอรวบผมสีดำผสมน้ำตาลของเธอเอาไว้ไม่ให้ปลิวตามลมที่พัดเข้ามาทางหน้าต่าง

          “สวัสดีครับ” นัยเริ่มทักทายเธอที่กำลังจ้องมองออกไปที่นอกหน้าต่าง

          “คะ!!!! หมายถึงชั้นเหรอคะ!!?” เธอถาม

          “ที่ตรงข้ามมีใครนั่งไหม”

          “ไม่มี...แต่..”

          ไม่ทันที่เธอจะพูดจบ นัยก็ตัดบทนั่งเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามเธอในทันที

          “ผมชื่อนัยยินดีที่ได้รู้จัก แล้วเธอละชื่ออะไร”

          เธอเงียบอยู่ซักพัก

          “.....นภา”เธอพูดกระตุกกระตักและก็ยังคงหลบสายตาของนัย แต่นัยก็คิดว่ายังดีที่เธอยอมพูดด้วย

          “....คือว่านัยมีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่าคะ” นภาก้มหน้าถาม

          “ผมก็แค่อยากจะถามว่า นภาเป็นอีโวเดนใช่ไหม” นัยพูดกระซิบเบาๆ

          “!!!.” เธอแสดงอาการแปลกใจเล็กน้อย

          “ค่ะ มีคนบอกว่าชั้นคืออีโวเดนชั้นก็เลยถูกพามาที่นี่ นัยก็เป็นอีโวเดนเหมือนกันเหรอคะ?” นภาถามกลับ

          “ใช้ แล้ว เพราะงั้นผมก็เลยอยากทำความรู้จักใครสักคนก่อนที่จะเข้าไปที่เกาะ แล้วนภามีความสามารถอะไร ของผมถึงจะยังไม่รู้แต่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องของการใช้ความคิดนี่แหละ” นัยชี้มาที่หัวของเขา

          “ยังไงค่ะ?”

          “งั้น เรามาเล่นเกมกัน นภาเล่นหมากรุกเป็นไหม” นัยถามเธอขณะที่หยิบกล่องหมากรุกขึ้นมากางบนโต๊ะ เพราะนัยเชื่อว่าเกมคือเครื่องมือวิเศษที่ทำให้คนสองคนสนิทกันเร็วยิ่งขึ้น

          “ไม่เป็นค่ะ แต่ถ้าเป็นหมากฮอสก็พอเล่นเป็นอยู่บ้าง”

          “ตกลงเล่นหมากฮอสแทนนะ” นัยหยิบเอาเบี้ยของตัวหมากรุกทั้งสิบหกตัวมาเป็นตัวตัวหมากในหมากฮอส

          “นภาเริ่มก่อนเลย” นัยบอกเธอหลังจากจัดตัวหมากเสร็จเรียบร้อย

          หลังจากนั้นเกมก็ได้เริ่มขึ้น แม้ในตอนแรกเหมือนว่าเธอจะไม่ค่อยจริงจังแต่พอเล่นไปเรื่อยๆดูเหมือนเธอเริ่มมีอารมณ์ร่วมกับเกมอยู่บ้าง

          “เสร็จ ชั้นละ” นภาเผลอพูดเสียงดังเมื่อเธอกินหมากของนัยได้ตัวหนึ่ง แล้วหลังจากที่รู้ตัวว่าพูดเสียงดังเธอก็กลับมานั่งนิ่งก้มหน้าอีกครั้ง

          เกมดำเนินไปเรื่อยๆ นภาเหลือตัวหมากอยู่หกตัวที่กระจายอยู่ทั่วสนาม  ส่วนของนัยเหลือเพียงหมากเพียงตัวเดียวอยู่หน้าตำแหน่งที่พร้อมจะกลายเป็น ฮอส ซึ่งใครๆที่เห็นก็จะต้องบอกว่านัยกำลังจะแพ้อย่างเเน่นอน แต่ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในเกมกระดานไม่ใช่แค่เรื่องของจำนวนเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของตำแหน่งที่ถูกในช่วงเวลาที่ถูกด้วย จากที่ดูจากสีหน้าของนภาเชื่อได้เลยว่าเธอกำลังคิดเหมือนคนทั่วไปว่าเธอกำลังชนะ แต่หลังจากที่นัยเดินหมากตัวสุดท้ายของเขา รับรองว่าเธอจะต้องประหลาดใจ

          “ผมมีฉายาเล่นๆอยู่ ตอนที่เล่นหมากรุก” นัยพูดขึ้น

          “ฉายา?”

          “ราชา ผู้ไร้พ่าย เป็นฉายาที่เขาตั้งให้ผม” นัยพูดพร้อมกับเดินเบี้ยตัวสุดท้ายของเขาเดินไปสุดช่องของฝ่ายตรงข้าม และเขาเลือกที่จะเปลี่ยนตัวเบี้ยเป็นฮอสโดยใช้ตัวคิงของหมากรุก มันตั้งสูงเด่นเป็นสง่าอยู่บนกระดาน

          “แต่ดูจากจำนวนหมากชั้นว่ายังไงชั้นก็ชนะ แม้ว่านัยจะได้ฮอสก็เถอะ” นภาพูดแล้วหยิบหมากตัวหนึ่งของเธอเดินไปข้างหน้า

          “นั่นสินะครับ”

          นัยหยิบคิงขึ้นมาก่อนที่จะว่างมันลงบนกระดานแล้วหยิบหมากของนภาที่ถูกกินออกจาก สนาม หลังจากนั้นนัยก็หยิบคิงขึ้นมาแล้วก็วางมันลงบนกระดานแล้วหยิบหมากของนภาออกจากสนาม นัยทำวนอย่างนี้จนกระทั้งหมากที่เหลือทั้งหกตัวของนภาถูกกินพร้อมกันหมดทุก ตัวในคราวเดียว และเขาก็กลายเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด ซึ่งทำให้นภาแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาทันที

          “ส.....”

          “ครับ?”

          “สุดยอดเลย!!! นายทำได้ยังไง ชั้นไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย” น้ำเสียงตื่นเต้นที่เธอแสดงออกมาดูมีความสุขจนเธอลืมตัวเงยหน้าของเธอขึ้นมา

          “ก็ประมาณนี่แหละครับความสามารถของผม ไม่รู้ว่าจะเรียกมันว่าความสามารถวิเศษได้หรือเปล่า?” นัยเงยหน้าขึ้นจ้องมองตาของนภาก็พบว่าเธอมีดวงตาสีฟ้าที่ดูมีเสน่ห์มากจนนัยคิดว่ามันช่างน่าเสียดายที่เธอพยายามเอาแต่ซ่อนมันไว้

          “แล้วความสามารถของนภาคือ...” นัยกำลังจะถามเรื่องความสามารถของเธอแต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆเขาก็รู้สึกง่วงจนควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไป...

<><><><><><><><><><> 

 

          “นัยตื่นได้แล้วเราใกล้จะถึงแล้วนะ” เสียงของนภาดังเข้ามาให้หัวของนัยมันค่อยๆทำให้เขาได้สติขึ้นมา

          “ใกล้จะถึงแล้ว?” นัยพูดออย่างสะลึมสะลือเพราะความง่วงยังหายไปไม่หมด

          “ใช่” นภาตอบ

          “ทำไมจู่ๆถึงได้รู้สึกง่วงขึ้นมาก็ไม่รู้” นัยลุกขึ้นเพื่อพยายามปลุกให้ตัวเองตื่นตัว

          “ขอโทษจริงๆนัย เพราะชั้นประมาณก็เลยทำให้นายเผลอหลับไป” นภาพูด และประโยคนี้เองเป็นเหมือนกับเป็นยากระตุ้นที่ทำให้นัยตาสว่างขึ้นมาทันที

                “หรือว่านั่นคือความสามารถของนภา!!!?” นัยอุทาน

                “อืม... ดวงตาของชั้นสามารถสะกดจิตคนอื่นได้เพียงแค่มองตา ไม่ว่าใครก็ตามที่มองตาคนนั้นก็จะหลับในทันทีเลยละ..”

          นัยรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก “นี่น่ะหรอพลังของอีโวเดน!!

          “พลังของผมดูธรรมดาๆไปเลย”

          “ไม่ หรอกพลังของนัยมีประโยชน์กว่าตั้งเยอะ ของชั้นมีแต่ทำให้คนหลับไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่เห็นจะมีประโยชน์ตรงไหน แถมพาแต่เรื่องแย่ๆมาหาตลอด ชั้นไม่เห็นอยากจะได้พลังแบบนี้เลย” นภาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ

          “เชื่อผมสิพลังของนภาต้องมีประโยชน์อะไรสักอย่างแน่นอนเพียงแค่เธอต้องหาให้พบ อย่างเช่น...ช่วยคนที่นอนไม่หลับ หรือไม่ก็ใช้กล่อมให้เด็กที่ไม่ยอมนอนก็ได้เห็นไหมมีประโยชน์จะตาย” นัยพยายามพูดไม่ให้นภารู้สึกว่าพลังของเธอไม่มีค่า

          “ฮะฮะฮุบ” เธอปิดปากและหัวเราะเบาๆ

          “มีอะไรตรงไหนตลกหรอ ผมจริงจังนะเนี่ย”

          “เปล่าหรอก” นภาพูด

          “แล้วแบบนี้ทุกคนที่มองตาของนภา ก็ต้องหลับกันหมดทุกคนเลยใช่ไหม” นัยถาม

          “อืม แต่ปกติชั้นจะใส่แว่นเอาไว้ เพราะกระจกสามารถหยุดพลังของชั้นเอาไว้ได้ แต่ชั้นกลับทำมันหายตอนที่เดินทางมาขึ้นเรือนะ” เธอเล่า

          “แบบนี้นี่เอง งั้นถ้าเราไปถึงเกาะไปหาร้านขายแว่นซื้อแว่นกันเอาไหม ถ้ามีนะ”

          “อืม สัญญาแล้วนะ”

          “แน่นอน” นัยตอบ

          ทันใดนั้นเสียงหวูดเรือก็ร้องขึ้นอีกครั้ง เป็นสัญญาณว่าใกล้ถึงจุดหมายเต็มทีแล้ว

          “นภาขึ้นไปชั้นสองกันไหมไปที่หน้าเรือกัน” นัยชวนนภา

          “อืม” เธอตอบ

           เมื่อพวกผมขึ้นไปที่หน้าเรือชั้นสอง นัยก็พบว่าท้องฟ้าจากที่เคยเป็นสีฟ้าตอนนี้ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีส้มอมแดงแล้ว นภาเดินตรงไปยังหน้าเรืออย่างรวดเร็วและปล่อยให้ตัวของเธอสัมผัสกับลงที่พัดมากระทบ ซึ่งนัยได้แต่มองนภาจากทางด้านหลังเพราะไม่อยากจะหลับอีกในตอนนี้

          “นัยดูนั้น” นภาบอกนัยพร้อมกับชี้ไปข้างหน้า

          มหานครการศึกษาอีโวเดนค่อยๆปรากฏเด่นขึ้นที่เส้นขอบฟ้าที่ว่างเปล่า แม้ว่าจะเห็นเกาะแต่เรือก็ยังต้องใช้เวลาอีกกว่าครึ่งชั่วโมงถึงจะไปถึงเกาะ ซึ่งพระอาทิตย์ก็ได้รับขอบฟ้าไปแล้ว ทำให้หลอดไฟทั่วทั้งเกาะเริ่มเปล่งแสงสว่างไสวต้อนรับค่ำคืนที่มาถึง เป็นแสงสว่างที่ตั้งอยู่กลางมหาสมุทรที่มืดมิดและว่างเปล่า

          “สวยจัง” นภาอุทานขึ้น

          เมื่อเข้าไปใกล้ๆเกาะยิ่งดูใหญ่ขึ้นจนหน้าแปลกใจ เป็นสถาปัตยกรรมที่ใหญ่ชิ้นหนึ่งที่มนุษย์ได้สร้างขึ้น

          เรือรับส่งเริ่มชะลอเครื่องยนต์เพื่อจะเข้าไปยังอุโมงค์ข้างใต้เกาะ อุโมงค์มีขนาดใหญ่พอที่จะให้เรือรับส่งสามลำสามารถเข้าไปพร้อมๆกันได้ ภายในอุโมงค์ไม่ได้มืดสนิทเพราะมีหลอดไฟติดที่พนังทั้งสองข้างตลอดทางที่ เรือแล่นผ่าน และแล้วเรือก็แล่นออกจากอุโมงค์ปรากฏท่าเรือที่มีเรือรับส่งจอดอยู่อีกลำ

          เรือค่อยๆขับไปเทียบท่าอย่างนิ่มนวล นัยกับนภาเดินลงไปห้องโดยสารชั้นหนึ่งเพื่อหยิบสัมภาระที่เธอวางทิ้งเอาไว้ ซึ่งแตกต่างจากนัยมากที่มีแต่กระเป๋าเป้สำหรับใส่กล่องหมากรุกเท่านั้น

          “ให้ผมช่วยถือนะ” นัยยื่นแขนไปทางกระเป๋าถือไปใหญ่ของนภา

เมื่อ นัยกับนภาเดินมาถึงทางออกของเรือก็พบว่าคนอื่นๆที่โดยสารมาด้วยต่างเดินแยก ย้ายหายไปกันหมดแล้ว ทำให้นัยไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องทำยังไงต่อดีได้แต่ยืนมองไปรอบๆเพื่อหาคำ ตอบ หรือใครสักคนที่พอจะให้คำตอบเขาได้

          “พวกเธอสองคนคือนัยกับนภา ที่มาใหม่ใช่ไหม” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งเรียกนัยกับนภา เธอมีผมสีทองสวมชุดสูทผู้หญิงสีม่วงเข้ม

          “ครับ/ค่ะ” นัยกับนภาตอบรับ

          “ฉันชื่อ มาริลิน เป็นคนที่จะคอยแนะนำเรื่องต่างๆให้กับนักเรียนที่พึ่งเข้ามาใหม่ ตามมาทางนี้เลยเดียวฉันจะพาเธอไปที่พักและระหว่างทางจะอธิบายเรื่องต่างๆให้ ฟังเอง”

          “ที่ๆ เราอยู่ตอนนี้คือท่าเรือหมาเลขสองจากทั้งหมดสี่ท่า ซึ่งอยู่ใต้เกาะมหานครการศึกษาแห่งนี้” ระหว่างที่เธอพูดเธอก็พานัยกับนภาเข้าไปในลิฟต์ ภายในลิฟต์มีปุ่มชั้นเพียงสองปุ่มคือปุ่มจี(G)กับบี(B) ก่อนที่เธอจะกดเลือกชั้นเธอก็นำเหรียญสีเงินบางอย่างวางทาบบนรูปวงกลมที่อยู่ข้างใต้ปุ่มกดแล้วจึงกดปุ่ม

          ดูเหมือนว่ามาริลินจะรู้ตัวด้วยว่านัยกำลังจ้องที่เหรียญของเธออยู่ เธอจึงหันกลับมาพูดขึ้นต่อว่า “เจ้านี่เรียกว่าคอยน์(Coin) เป็น เหมือนบัตรประจำตัวและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกหลายๆอย่าง ซึ่งทุกคนบนเกาะนี้ต้องมีกันไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม สองอันนี้เป็นของพวกเธอสองคน” มาริลินส่งเหรียญที่เหมือนกับของเธอให้กับนัยและนภา

          “ลองเอานิ้วโป้งไปทาบที่เหรียญดูสิ”

          นัยลองทำตามทันทีที่เธอบอก ทันใดนั้นเหรียญที่ถืออยู่ก็ฉายแสงออกมาเป็นหน้าจอขนาดเท่ากับกระดาษเอห้า(A5)ที่มีเมนูต่างๆให้เลือก

          “ลองคลิกที่โปรไฟล์ดูสิ (Profile)” มาริลินบอก

          นัยลองเอานิ้วจิ้มไปบนปุ่มที่เขียนว่าโปรไฟล์ หน้าจอก็แสดงรูปของนัยและประวัติส่วนตัวต่างๆขึ้นมา

          “คอยน์ ยังใช้งานอีกหลายอย่างเลย เธอรู้แล้วใช่ไหมว่าตลอดเวลาที่เธออยู่ที่นี่จะมีเงินเดือนให้ซึ่งเงินเดือน จะถูกโอนเข้าไปไว้ในคอยน์นี่แหละ แล้วเวลาเธอจะซื้ออะไรก็ใช้คอยน์ได้เลย และเธอไม่ต้องห่วงว่าจะมีคนเอาคอยน์ของเธอไปใช้เพราะการจะเปิดคอยน์ได้ต้อง เป็นเจ้าของที่มีลายนิ้วมือตรงเท่านั้น แนะนำให้เธอพกไว้ตลอดเวลาที่เป็นไปได้ดีกว่า เพราะทุกอย่างในมหานครแห่งนี้ใช้คอยน์ไปหมดทุกอย่าง” มาริลินที่กำลังสาธิตวิธีใช้คอยน์ ลิฟต์ก็ขึ้นถึงมาชั้นจีแล้ว

          ประตูลิฟต์ที่เปิดออกปรากฏทางเดินตรงออกจากอาคารแต่ต้องผ่านด้านตรวจที่มีเจ้าหน้าที่ตัวใหญ่ห้าคนยืนรออยู่

          “รบกวนเอากระเป๋าว่างไว้บนรางด้วยครับ” เจ้าหน้าที่ร่างใหญ่คนหนึ่งบอกกับนัยให้นำกระเป๋าไปวางบนรางเลื่อน

          นัย กับนภาจึงเอากระเป๋าไปวางเพื่อสแกนหาสิ่งแปลกปลอม แต่เพราะว่าไม่ได้พกอะไรที่น่าสงสัยมาด้วยจึงผ่านด้านตรวจได้อย่างไม่มี ปัญหาอะไร เมื่อออกมาจากอาคารก็มีรถจอดรอรับอยู่

          หลังจากเอากระเป๋าไปเก็บที่ท้ายรถเรียบร้อย มาริลินก็บอกให้นัยกับนภาไปนั่งที่เบาะหลัง ส่วนมาริลินนั่งข้างคนขับ

          “ไปที่อาคารดับเบิลยูสาม(W3)” มาริลินบอกคนขับ ทันใดนั้นรถก็เคลื่อนตัวออกไป

          “อาคารดับเบิลยูสามเป็นหนึ่งในอาคารที่พักสำหรับผู้หญิง ส่วนของผู้ชายจะเป็นรหัสตัวเอ็ม(M)”มาริลินเล่า

          ทั้ง สองข้างทางเป็นร้านค้าร้านอาหารห้างสรรพสินค้าสว่างไสวจนดูเหมือนเมืองทั่วๆ ไปยามกลางคืน แต่ที่ต่างไปก็คือผู้คนที่เดินไปมาล้วนแล้วแต่กำลังสวมเครื่องแบบนักเรียน ที่เหมือนๆกันและพวกเขาต่างอายุเท่าๆกับนัยทั้งนั้น

          “คุณมาริลินครับผมมีคำถาม”

          “สงสัยเรื่องอะไร ถามมาได้เลย”

          “ที่นี่มีร้านขายแว่นตาไหมครับ”

          “มีแน่นอน ว่าแต่ทำไมถึงได้ถามหาร้านขายแว่นตาละ”

          “เพราะนภาจำเป็นต้องใช้ครับ”

          “แต่ คุณหนูคนนี้จากประวัติเธอไม่ได้สายตาสั้นเลยนิ......อ๋อเข้าใจแล้ว เพราะแบบนี้เองคุณหนูคนนี้ถึงได้ก้มหน้าก้มตาอย่างเดียว ถ้างั้นเดียวฉันจะให้คนไปจัดหาให้”

          “ไม่เป็นไรค่ะ!!” นภาพูดขึ้นเสียงดังจนทำให้นัยกับคุณมาริลินรู้สึกตกใจว่าเธอพูดอะไรผิดไปหรือไม่

          “หนูหมายถึงไม่เป็นไรค่ะเดียวหนูไปซื้อเองได้ ไม่อยากรบกวนคุณมาริลิน”นภาอธิบาย

          “ถ้าเป็นของใช้ทั่วๆไปพวกเธออาจจะต้องซื้อเอง แต่ถ้าเป็นของที่จำเป็นอย่างนี้ทางนี้จะจัดหาให้ไม่ต้องเกรงใจไปหรอกนะ” มาริลินบอก

          “...”นภานั่งเงียบไม่ตอบอะไร

          “ ไหนๆก็มาเรื่องนี้แล้วเรามาคุยเรื่องสำคัญที่สุดกันดีกว่า” มาริลินเริ่มพูดอย่างจริงจัง

          “พวกเธอรู้ใช่ไหมว่าทำไมถึงได้ถูกส่งตัวมาที่มหานครแห่งนี้ ถ้ามองสองข้างทางก็จะเห็นว่ามหานครแห่งนี้ก็เหมือนเมืองทั่วไปเลยแต่อย่าลืม ว่าคนรุ่นเท่าเธอที่เดินไปมาล้วนแต่เป็นเหมือนกับเธอพวกเขามีพลังมีความสามารถที่เหนือมนุษย์ ดังนั้นที่แห่งนี้จึงเกิดมายังไงละ” มาริลินอธิบาย

           “พวกเธอหลังจากถึงห้องของตัวเองต้องอ่านเริ่มกฎของที่นี่และปฏิบัติอย่างเคร่งครัดนะ ไม่อย่างนั้นที่นี่ก็มีบทลงโทษในแบบที่นี่อยู่พวกเธอต้องจำเอาไว้ให้ดี”

          “ครับ/ค่ะ”

          “นี่ก็ใกล้จะถึงที่พักหญิงแล้วคงต้องรีบอธิบายอย่างสุดท้ายก็คือเรื่องของการ ศึกษา ที่นี่เริ่มเรียนตอนแปดโมงเช้า และเลิกตอนเที่ยงหลังจากนั้นช่วงบ่ายคือช่วงเวลาการศึกษาด้วยตนเองหรือจะให้ พูดง่ายๆ เวลาอิสระที่เธอสามารถเลือกใช้ได้อย่างอิสระว่าจะต้องการทำอะไร”

          “อิสระขนาดไหนครับ” นัยถาม

          “อิสระแบบอิสระเลยละ แต่วันแรกหลังจากเรียนเสร็จพวกเธอต้องไปตรวจวัดความสามารถเพื่อจะได้รู้ว่าพวกเธออยู่ระดับไหน”

          รถหยุดลงหน้าอาคารสูงดูทันสมัยแล้วประตูก็เปิดอออกโดยอัตโนมัติ หลังจากนั้นนัยก็ช่วยนภาขนกระเป๋าของเธอลงจากรถ ก่อนที่คุณมาริลินจะแนะนำบ้างอย่างให้กับนภาเป็นอย่างสุดท้าย

          “ที่คอยน์ในส่วนของเมนูช่วยเหลือจะมีปุ่มที่สามารถติดต่อไปยังแผนกช่วยเหลือ โดยใช้คอยล์เป็นโทรศัพท์ได้เลย ถ้ามีปัญหาก็อะไรก็ถามได้ตลอดเวลา และเมื่อเธอเข้าไปในอาคารจะมีคนดูแลอาคารมารับช่วงต่อจากฉันอยู่ว่างใจได้”

          “ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณมาริลิน”

          “ไว้เจอกันพรุ่งนี่นะนภา” นัยบอกลาเธอ

          “อืม ฝันดีนะนัย”

          “ฝันดีๆ”

          หลังจากนั้นนภาก็เดินตรงเข้าไปในอาคาร เมื่อคุณมาริลินเห็นนภาเดินเข้าไปในอาคารเรียบร้อยเธอก็สั่งให้รถมุ่งหน้าไป ยังอาคารที่พักของผู้ชายเป็นที่ต่อไป

          หลังจากที่นภาไปแล้วนัยจึงอยากลองแกล้งถามบ้างอย่างจากคุณมาริลินดู “คุณมาริลินครับ คือว่าที่นี่คงใช้ทุนมหาศาลในการสร้างขึ้นมาเลยนะครับ ทำไมถึงต้องลงทุนขนาดนี่ด้วย”

          “ก็เพราะที่นี่ถูกสร้างมาเพื่อรวมอีโวเดนที่มีพรสวรรค์และความสามารถยังไงละ” มาริลินตอบ ซึ่งมันก็ไม่ค่อยตรงตามที่นัยอยากจะรู้สักเท่าไหร่เหมือนเธอเลี่ยงคำตอบที่ แท้จริง

          “อีกอย่างผมแปลกใจมากเลยนะครับที่ จู่ๆก็มีข้อมูลหลายๆอย่างของผมรวมถึงลายนิ้วมืออยู่ในคอยน์ทั้งที่ผมได้จับมันครั้งแรกเอง”

          “ก็เพราะเธอจะมาเป็นนักเรียนของเรา เราก็ต้องอำนวยความสะดวกจัดการเรื่องต่างๆของเธอให้พร้อมนะสิ”

          นัยเริ่มรู้สึกว่าคุณมาริลินคนนี้มีทักษะในการพูดที่ไม่ธรรมดาจริงๆ

          “คุณมาริลินทำงานที่นี่มากนานแค่ไหนแล้วละครับ”

          “ชั้นก็เข้ามาทำงานที่นี่ตั้งแต่รับนักเรียนรุ่นแรกเลยละนะ รวมปีนี้ก็ขึ้นปีที่สาม”

          “แสดงว่าที่นี่ก็มีอีโวเดนทั้งหมดสามรุ่นแล้วสินะครับ”

          “ใช่ เพราะอย่างนั้นเพื่อรองรับคนที่กำลังจะเอามาใหม่อีกในปีต่อๆไป เกาะแห่งนี้จึงกำลังสร้างต่อเติมออกไปทางทิศใต้ของเกาะในตอนนี้”

          ไม่นานรถก็หยุดอีกครั้งหน้าอาคารสูงทันสมัยไม่ต่างจากอาคารก่อนหน้านี้ และเป็นคราวของนัยที่ต้องลงจากรถ

          “เธอเป็นคนที่พูดเก่งจังเลยนะ” คุณมาริลินบอกกับนัยที่กำลังลงจากรถ

          “จริงหรอครับ ถ้าทำให้รำคาญก็ขอโทษด้วยครับ”

          “เปล่าๆ ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ชั้นชอบคนพูดเก่งอยู่แล้ว แค่อยากจะฝากให้เธอดูแลคุณหนูพูดน้อยคนนั้นด้วยเพราะเธอไม่ค่อยคุ้นเคยกับโลกภายนอกเหมือนกับเธอ”

          “ถ้าเรื่องนั้นไว้ใจผมได้ครับ”

          “ขอบใจมาก ชั้นคงต้องไปทำงานต่อแล้ว ไว้พบกันใหม่”

          “ครับเกาะเล็กๆแบบนี้ยังไงก็ต้องได้พบกันแน่นอน”

          “ชั้นถึงบอกยังไงละว่าเธอพูดเก่ง” คุณมาริลินพูดตบท้ายก่อนที่จากไป

<><><><><><><><><><> 

          เมื่อนัยเดินเข้ามาในอาคารก็พบกับเจ้าหน้าที่ดูแล เขาเป็นชายร่างใหญ่หน้าตาเข้มงวดเพราะคิ้วเข้มๆของเขา

          “สวัสดีครับ”นัยกล่าวทักทาย

          “อืม.. เธอชื่อนัยใช่ไหม ฉันชื่อมานูเอลเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลอาคารแห่งนี้หากมีปัญหาอะไรภายในอาคารก็ แจ้งตรงมายังฉันได้ตลอดเวลา” มานูเอลบอกกับนัย เสียงของเข้าฟังดูใหญ่และหนักแน่นไม่ต่างจากรูปร่างของเขาแม้แต่น้อย

          “ครับ”

          “ตามมาจะพาไปที่ห้องของเธอ”

          เขาพาเดินเข้าไปในอาคารผ่านห้องโถงขนาดใหญ่ที่มีโซฟาและโต๊ะนั่งเล่น ห้องโถงถูกตกแต่งให้ดูโมเดิลด้วยกระจกและของตกแต่งที่ทำจากอลูมิเนียมสีเงิน มันเงา ซึ่งในตอนนี้มีนักเรียนสามสี่คนกำลังนั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่ พวกเขาหันมองมายังนัยสักพักก่อนที่จะกลับไปคุยกันเหมือนเดิม

          “ทางซ้ายมือจะเป็นห้องอาหารที่จะมีอาหารเช้าและเย็นให้ฟรี โดยจะเปิดตอนหกโมงถึงเก้าโมงในตอนเช้า และห้าโมงถึงสองทุ่มในตอนเย็น แต่ถ้าเธอเบื่อก็ออกไปกินข้างนอกได้” มานูเอลชี้ไปยังทางเข้าห้องอาหารที่อยู่ติดกับห้องโถง

          นัยเดินมาหยุดรออยู่หน้าประตูลิฟต์ทั้งสี่บานหลังจากเดินเลยห้องโถงมา หลังจากที่เข้าไปในลิฟต์มานูเอลก็นำเหรียญของเขาไปประทับที่รูปวงกลมก่อนที่ จะกดปุ่มหมายเลขสาม

          “ห้องของเธอคือห้องเบอร์ เอ็มสามศูนย์สาม(M303) ”

“ครับ”

          เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกก็ปรากฏทางเดินถอดยาวที่มีบานประตูอยู่ตลอดทั้งสองข้าง ห้องแรกคือห้อง เอ็มสามศูนย์ศูนย์ที่อยู่ทางขวามือและไล่เรียงสลับซ้ายขวาไปเรื่อยๆ ดังนั้นห้องของนัยจึงอยู่ทางซ้ายมือเป็นห้องที่สองจากประตูลิฟต์ เขาเดินไปถึงที่หน้าประตูก็พบว่าเป็นอย่างที่เขาคาดเอาไว้ว่าจะต้องมีรูปวงกลมอยู่บริเวณประตู นัยไม่รอช้าหยิบคอยน์ออกมาประทับและประตูก็เลื่อนเปิดออกอัตโนมัติ “วืดดด”

          ภายในห้องมีเตียงโต๊ะเก้าอี้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ และห้องน้ำภายในตัว พื้นของห้องเป็นพื้นหินขัดสีขาวครึ่งห้องและเป็นพรมอีกครึ่งห้องบริเวณเตียง นอน ภายในตู้เสื้อผ้าก็มีชุดนักเรียนพร้อมใช้สำหรับทั้งสัปดาห์ นอกจากนั้นยังมีระเบียงที่มองออกไปเห็นตัวเมืองอีกด้วย

          “ถ้ามีปัญหาอะไร ห้องผู้ดูแลอาคารอยู่ที่ชั้นหนึ่งไปแจ้งได้ตลอดเวลา แล้วก็อย่าลืมอ่านกฎของที่พักที่อยู่ในคอยน์ด้วย” มานูเอลพูดเตือนซ้ำถึงเรื่องกฎ

          “ขอบคุณครับ” นัยบอกกับมานูเอลที่กำลังเดินตรงไปยังลิฟต์ จากที่เห็นแม้ว่าเขาจะดูเข้มงวดแต่ตอนนี้นัยคิดว่าเขาเป็นคนเรื่อยๆมากกว่า

          “วืดดด” เสียงประตูเลื่อนดังขึ้น และไม่ใช่ประตูห้องของนัยแต่เป็นประตูของห้องเอ็มสามศูนย์ห้าที่อยู่ข้างๆ

          ชายหนุ่มดวงตาดุดันที่มีจุดสังเกตที่เด่นชัดคือรอยแผลเป็นยาวเกือบนิ้วที่คิ้ว ขวาเดินออกมาจากห้อง เขามองมาทางนัยด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แล้วเดินผ่านนัยตรงไปยังลิฟต์ทำเหมือนนัยเป็นอากาศธาตุที่ไร้ตัวตน แม้ในทีแรกนัยคิดจะทักทายเพื่อทำความรู้จัก แต่เขาก็ยกเลิกความคิดนั้นไปเพราะสำหรับนัยคนแบบนี้แหละที่รับมือได้ยากที่สุด

          นัยกลับเข้าไปที่ห้องแล้วเดินตรงไปที่ระเบียง และสังเกตเห็นแสงไฟดวงใหญ่อยู่เหนือท้องฟ้า

          “วันนี้พระจันทร์เต็มดวงสินะ” นัยพูดออกมาเบาๆ

<><><><><><><><><><> 

 

          ภายในตรอกมืดระหว่างอาคารสูงสองหลังแห่งหนึ่งใจกลางเมืองที่ค่อยไม่มีใครเดิน ผ่าน หญิงสาวในชุดนักเรียนคนหนึ่งกลับกำลังเดินเข้าไปในตรอกด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ

          “สวัสดีสาวน้อยดูเหมือนว่าเธอกำลังหลงทางนะ”ชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าของเธอ เพราะความตกใจทำให้เธอค่อยๆก้าวถอยหลังหนีชายคนนั้น

          “ใจเย็นๆสาวน้อย พวกเราไม่ทำร้ายเธอหรอก” จู่ๆก็มีชายหนุ่มอีกคนปรากฏอยู่ข้างหลังเธอและจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอเอาไว้

          “พวกนายเป็นใครกัน”

          “เราต่างหากที่อยากถามว่าสาวน้อยเป็นใคร”ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหน้าถามเธอกลับ

เธอเงียบไปสักพักก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “....สองศูนย์ศูนย์สาม”

          “ที่ แท้ก็ลูกค้านี่เอง แล้วทำไมไม่ยอมพูดรหัสตั้งแต่แรก” ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังพูด ก่อนที่จะเดินไปหาชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหน้าของหญิงสาว

          “พวกนายมีของที่ว่าใช่ไหม”หญิงสาวถาม

          “แน่นอน” ชายหนุ่มคนหนึ่งหยิบเอาหลอดแก้วขนาดเท่ากับนิ้วก้อยที่บรรจุของเหลวใสอยู่จนเกือบเต็มออกมา

          ทันทีที่ชายคนนั้นหยิบหลอดแก้วออกมา ชายหนุ่มทั้งสองสัมผัสได้ถึงไอเย็นที่แพร่ออกมาจากเธอคนนี้

          หญิงสาวหยิบปลอกแขนสีแดงที่มีข้อความสีขาวปักอยู่ว่า “Inspector(อินสเปกเตอร์)” สวมเข้าที่แขนซ้ายของเธอในทันที แล้วโชว์มันให้กับชายหนุ่มทั้งสองที่ยืนหน้าซีดอยู่ตรงหน้า

          “หรือว่าเธอคือแม่มดน้ำเเข็ง!!!!”ชายหนึ่งในสองคนนั้นอุทานขึ้น เมื่อเห็นใบหน้าที่จ้องมายังพวกเขา

          “ฉันขอจับพวกนายทั้งสองคน และอย่าคิดที่จะขัดขืน” หญิงสาวพูด

<><><><><><To be continued><><><><><>

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา