The last Blood.สายเลือด นิทรา [BL , Yaoi]

9.0

เขียนโดย เฟรล่าฟลอเร

วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.47 น.

  24 ตอน
  0 วิจารณ์
  22.09K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557 19.00 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

24)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ทริสทรี่มองคนที่หิ้วถุงช้อปปิ้งด้วยความเห็นใจยิ่ง เขาแจ้งไปตามตรงว่าวาเลนเซียเพิ่งกลับห้องพักไปเมื่อไม่นานนี้เอง หากไม่ใช่ธุระของเขา หญิงสาวคงไม่ยอมเปิดประตูห้องให้โดยง่ายแน่นอน

 

     เมอยาสก้าทิ้งตัวลงกับโซฟารับแขกด้วยความเหน็ดเหนื่อย เธอต้องสะกดจิตบีเอเคาท์เตอร์ให้ลุกขึ้นมาทำหน้าที่ต่อเพื่อเทสต์น้ำหอมตั้งไม่รู้กี่กลิ่น ไฟทั้งชั้นก็เหลือไม่กี่จุดที่ยังเปิดสว่าง ผู้รักษาความปลอดภัยก็ตามประกบคล้ายจะเร่งให้ลูกค้าออกจากห้างสรรพสินค้าตรงกับเวลาปิด ทั้งหมดนี้เพื่อให้ได้น้ำหอมกลิ่นที่อ่อนที่สุด

 

     ทริสทรี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับวาเลนเซีย แต่เขาอยากผูกมิตรเอาไว้ในฐานที่เธอดูเอาใจใส่แวมไพร์สาวเหลือเกิน “ข้าบอกให้นางเปิดประตูรับเจ้าได้นะ”

 

     เมอยาสก้าโบกมือไปมา “ฉันขี้เกียจโดนไล่ออกมาจากห้อง ถ้าไม่ใช่นาย เธอไม่มีวันปล่อยให้กวนใจหรอก เฮ้อ...นั่นสินะ ขนาดนายทำเรื่องวุ่นวายปวดหัวขนาดนี้ เธอยังใจดีไม่ดุไม่ว่าไม่กล่าวสักคำ น่าอิจฉาอะไรอย่างนี้นะ ฮึ่ย ไม่ต้องทำหน้างง ฉันว่านายนั่นแหละย่ะ”

 

     เธอเป็นลูกผู้หญิงพอจะยอมรับตรงๆ แต่นั่นยิ่งทำให้ใบหน้าที่งุนงงอยู่แล้วยิ่งทวีความงงงวยเข้าไปใหญ่

 

     “นายไม่เคยออกมาที่หมู่บ้าน ฉันไม่สนหรอกว่านายจะเป็นยังไง เป็นใคร ฉันสนแต่วาเลนเซียเท่านั้นแหละ” เมอยาสก้ายักไหล่ไม่แคร์ หากว่ากันตามตรงแล้ว เธอออกจะไม่ชอบเขาเท่าไหร่นัก ด้วยเหตุผลด้านความใส่ใจเต็มร้อยของแวมไพร์สาว ซึ่งต่างจากเธอแทบพลิกฝ่ามือ

 

     ทริสทรี่เข้าไปในครัวแล้วกลับมาพร้อมกาแฟถ้วยใหม่ นั่นทำให้เมอยาสก้ามองอย่างไม่ไว้ใจ วาเลนเซียไม่เคยพูดเรื่องเขาให้ฟังสักครั้ง นิสัยใจคออีกฝ่ายเป็นเช่นไร วางยาอะไรไว้ในกาแฟเพื่อตัดกำลังคู่ต่อสู้หรือไม่ ถ้าเธอเป็นมนุษย์ธรรมดา เขาอาจใช้กำลังเข้าประหัตประหารได้ง่ายดาย แต่เธอเป็นแวมไพร์เหมือนเขา เลยต้องมีกลยุทธ์ตัดกำลังกันบ้าง

 

     ทริสทรี่เห็นเด็กสาวยังนิ่งอยู่ จึงเลื่อนจานใส่ซองน้ำตาลให้อย่างใจดี พร้อมแจกแจงเรียบร้อยว่าเขายังไม่ได้ใส่น้ำตาลสักช้อนเพื่อให้เธอปรุงเอง

 

     เธอกอดอกนั่งหน้าเข้ม “ทำไมนายถึงยกกาแฟมาให้ฉันล่ะ ทั้งที่ฉันเพิ่งบอกว่าไม่ชอบนายแท้ๆ”

 

     เขาประหลาดใจในความคิดเล็กคิดน้อยของเธอ “เจ้าเป็นมิตรของวาเลนเซียมิใช่หรือ มิตรของนางก็เหมือนมิตรของข้า แม้เจ้าจะไม่ชอบข้า แต่มิใช่ว่าข้าต้องไม่ชอบเจ้าตอบนี่นา”

 

     คำตอบน่าพอใจดี กอปรกับใบหน้าซื่อๆ พ่วงมาเป็นเครดิต ทำให้เมอยาสก้ายอมยกกาแฟขึ้นจรดริมฝีปาก กลิ่นกาแฟที่ลอยมาแตะจมูกจางๆ ทำให้เธอขมวดคิ้ว “นาย...ชงกาแฟเป็นด้วยเหรอ?”

 

     ทริสทรี่พยักหน้าหงึกหงัก หลังจากฮิโรชิหายป่วย เขาได้รับการสอนอะไรต่อมิอะไรพอสมควร ส่วนหนึ่งก็เป็นคำขอร้องเผื่อการป่วยครั้งหน้า เขาไม่อยากอุ่นอาหารกล่องให้อีกฝ่ายรับประทาน สาวผมทองกำชับมาเรียบร้อยว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพของมนุษย์ที่กำลังป่วย นอกเหนือจากอาหาร เขายังฝึกปรุงเครื่องดื่มอีกด้วย นั่นเป็นครั้งแรกที่ทริสทรี่รู้ว่าการดำรงอยู่ในฐานะมนุษย์ก็เป็นเรื่องยุ่งยากเหมือนกัน แต่ในขณะเดียวกัน ความยุ่งยากนี้ก่อให้เกิดอาหารเลิศรสมากมายอย่างที่เขาเคยสัมผัสมานับครั้งไม่ถ้วน

 

     ทริสทรี่มองถ้วยกาแฟแล้วอดยิ้มน้อยๆ ไม่ได้ “ข้าหวังว่าเจ้าจะชอบ ฮิโรชิเคยบอกว่าข้าชงกาแฟได้รสเยี่ยมที่สุดเท่าที่เขาเคยชิมมา... ไม่อร่อยหรือ?”

 

     เมอยาสก้าวางถ้วยกระเบื้องลายทองลงทันใด นัยเนตรสีเลือตวัดมองด้วยความโกรธขึ้ง “นี่มันน้ำล้างชามชัดๆ!”

 

     คำวิจารณ์อันตรงไปตรงมาทำเอาร่างบางอ้าปากค้าง เขาไม่ค่อยได้ดื่มกาแฟเพราะไม่ค่อยชอบรสสัมผัสของมัน ชงแต่ละครั้งจึงไม่รู้รสมือตัวเอง แต่เขาก็ชงตามสูตรที่เคยทำให้ฮิโรชิดื่มถูกต้องทุกประการ แล้วทำไมผลของมันถึงออกมาจากหน้ามือเป็นหลังมือเสียขนาดนี้

 

     “นายใส่กาแฟกี่ช้อน”

 

     เท่าที่ทริสทรี่จำได้ ฮิโรชิสอนเขาให้ใส่เพียงครึ่งช้อน

 

     “ครึ่งช้อน!? ช้อนที่นายเคยใช้มันใหญ่ขนาดไหนกันน่ะ!”

 

     ร่างบางคะเนจากสายตาว่าช้อนของฮิโรมิกับช้อนที่เขาเคยใช้น่าจะขนาดเท่าๆ กัน อัตราส่วนจึงไม่น่าจะพลาดไปได้ ร่างบางหน้าซีดลง “จะว่าไป ข้าก็เห็นเขาแอบเห็นเขาเติมกาแฟทุกที แต่เข้าใจว่าเป็นการปรุงรสเหมือนใส่น้ำตาล...”

 

     “แน่อยู่แล้ว! กาแฟถ้วยนี้มันจางจนไม่อาจเรียกได้ว่ากาแฟด้วยซ้ำ ตามมา ฉันจะสอนเอง” เมอยาสก้างุ่นง่านเข้าห้องครัวไป พอเห็นว่าอีกฝ่ายมิได้มีทีท่าเป็นปฏิปักษ์ ความไม่ชอบใจในตัวเขาก็พลันลดลงครึ่งหนึ่ง แล้วอีกอย่าง เธอไม่อยากเจอกับดักน้ำล้างชามอีกต่อไปแล้ว

 

     ระหว่างอธิบายเรื่องอัตราส่วนและเติมผงกาแฟลงไป เรียวมือของเธอพลันชะงักอย่างนึกขึ้นมาได้ “จริงสิ นายแน่ใจนะ ว่าไม่ได้จับผิดระหว่างครึ่งช้อนกับช้อนครึ่ง?”

 

     สีหน้าของทริสทรี่ลุกลี้ลุกลนทันใด ความมั่นใจเรื่องกาแฟลดฮวบตั้งแต่เธอออกปากวิจาณณ์คำแรกแล้ว ซึ่งดูจากความลนลานนั้น เด็กสาวค่อนข้างแน่ใจว่าการคาดเดาของตัวเองต้องถูกต้องแน่นอน

 

     บัดนี้ บนโต๊ะสำหรับผสมวัตถุดิบในครัวมีกาแฟวางอยู่สองถ้วย ถ้วยแรกหอมกรุ่นด้วยสูตรเข้มข้นพอดี และอีกถ้วยที่ดูเจือจางอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งเห็น ทริสทรี่ยิ่งรู้สึกผิดต่อคนที่เคยดื่มเครื่องดื่มฝีมือเขามากขึ้นทุกที

 

     แต่บางที สวรรค์อาจประทานโอกาสให้เขาได้ลิ้มรสความขมขื่นในความเจือจางนั้นเพื่อไถ่บาป เมื่อเด็กสาวยื่นเรียวนิ้วประดับสีช็อกกิ้งพิ้งค์ไปยังถ้วยกาแฟทั้งสอง

 

     “ดื่มเสีย!” เมอยาสก้ามองความลังเลบนใบหน้าอีกฝ่ายด้วยความโมโห “ถ้าไม่ดื่ม นายจะรู้ได้ยังไงว่าอะไรคือของดี แล้วไม่มีมือสมัครเล่นที่ไหนเขาเสิร์ฟเครื่องดื่มก่อนชิมหรอกนะยะ ถ้าไม่เห็นใจพี่ชายฮิโรมิก็เห็นใจฉันบ้างเถอะ นั่นเป็นกาแฟรสชาติสยองที่สุดเท่าที่ฉันเคยดื่มมาเชียวนะ!”

 

     เมื่อโดนกระตุ้น ทริสทรี่ตัดสินใจยกถ้วยกาแฟถ้วยแรกขึ้นจิบ รสสัมผัสนุ่มลิ้นอมหวาน มันเป็นกาแฟที่ไม่เลวเลยทีเดียว เขาลังเลระหว่างยกสูตรจำผิดของตัวเองขึ้นจิบ ก่อนจะตัดสินใจลิ้มรสของมันเพื่อแสดงความสำนึกผิดต่อบุคคลทั้งสอง รวมไปถึงการทดสอบว่ารสชาติของมันร้ายกาจอย่างที่ถูกกล่าวหาหรือไม่

 

     ไม่ว่าจะเป็นเลือดหรือน้ำซุป ร่างบางล้วนเคยลิ้มลองมาแล้วทั้งสิ้น แต่ของเหลวที่กลืนได้ยากขนาดนี้ เพิ่งมีสิ่งนี้เป็นสิ่งแรกตั้งแต่ช่วงหลายร้อยปีที่เขาเกิดมา

 

     “ไง ไม่อร่อยล่ะสิ แหงล่ะ ฉันยังอยากมอบโล่กล้าหาญให้ตัวเองที่กลืนมันลงด้วยซ้ำ” เด็กสาวว่า “ถ้าเทียบกับของฉันแล้วต่างกันลิบเลยใช่ไหมล่ะ”

 

     ทริสทรี่พยักหน้าหงึกๆ เขาดูลนลานเล็กน้อยในการเอ่ยออกมา “อร่อย...กว่าของฮิโรชิอีก ข้าเคยดื่มถ้วยของเขาแล้วไม่มีรสหวานเอาเสียเลย”

 

     “กาแฟเป็นเอกลักษณ์ของผู้ดื่มนะ บางคนนิยมหวาน บางคนมันไว้ก่อน แต่บางคนน่ะชอบเข้มขม พี่ชายฮิโรมิคงเป็นแบบนั้นมั้ง แต่การชงกาแฟต้องดูนิสัย ฉันเองก็เป็นแวมไพร์มาพักหนึ่งแล้ว เลือดที่เคยชิมมันหวานขึ้นกว่าปกติ แต่ก็กลมกล่อมดี ฉันเลยคิดว่านายน่าจะโตมากับของหวานๆ เหมือนเลือด เลยใส่น้ำตาลให้เป็นพิเศษ” เมอยาสก้ากอดอก “คราวนี้เข้าใจแล้วสินะ ทั้งเรื่องที่ว่าทำไมพี่ชายฮิโรมิถึงต้องเติมกาแฟเพิ่ม แล้วก็เรื่องที่ทำไมเขาถึงบอกว่ามันอร่อย ไม่ต้องทำหน้างงเลยนะยะ! เขาก็เหมือนนายนั่นแหละ ไม่อยากพูดออกมาตรงๆ ว่ารสชาติฝีมือคนรักตัวเองมันห่วย ตอนที่บอกว่ากาแฟของฉันอร่อยกว่า นายก็กลัวว่าเขาจะบังเอิญเปิดประตูมาได้ยินใช่ไหมล่ะ”

 

     ทริสทรี่พยักหน้าหงึกหงัก ดวงตาเขาเลื่อมใสขึ้น “เจ้ารอบรู้ดี เคยมีความรักงั้นหรือ”

 

     เมื่อเจอคำถามนี้เข้าไป เด็กสาวอดหน้าบูดไม่ได้ “สองสิ่งต้องห้ามสำหรับผู้หญิง คือน้ำหนักกับความรัก ห้ามถามเด็ดขาดเลย!”

 

     แม้จะไม่เข้าใจ แต่ร่างบางแอบเก็บคำแนะนำของเธอไว้ ถึงเขาจะเคยถามคำถามเดียวกันนี้กับวาเลนเซียแล้วไม่พบว่าเธอจะโกรธอะไรก็ตาม บางที มันอาจเป็นคำถามต้องห้ามสำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์

 

     น้ำเสียงเศร้าๆ ผสมลงในประโยคต่อมา “แล้วก็นะ...เรื่องกาแฟนั่นน่ะ ถึงรสชาติมันจะแย่ยิ่งกว่านี้ ถ้ามันเป็นของของคนที่เราชอบแล้วล่ะก็ ต่อให้ต้องน้ำตาไหลพรากออกมา ฉันก็จะดื่มจนหยดสุดท้ายเลยล่ะ”

 

     เมอยาสก้าถอดผ้ากันเปื้อนเดินออกจากห้องครัวไป ขณะที่ทริสทรี่มองตามแผ่นหลัง ซึ่งดูเหงาหงอยกว่าทุกครั้ง ด้วยความเข้าใจในความหมายที่ซ่อนอยู่ภายใต้คำกล่าวเหล่านั้น

 

    

 

     เสียงประตูครั้งที่สองไม่ได้เกิดจากเด็กสาวช็อกกิ้งพิ้งค์ซึ่งออกไปพักใหญ่แล้ว หากแต่เป็นฮิโรมิ

 

     เธอจิบนมอุ่นใส่น้ำผึ้งซึ่งชวนให้คิดถึงพี่ชายอยู่เงียบๆ โดยมีนัยเนตรสีแดงคู่หนึ่งจ้องมองอยู่

 

     สำหรับทริสทรี่ การได้พบอายาซาชิอีกครั้งนับเป็นเรื่องมหัศจรรย์ แต่การได้พบอีกฝ่ายในร่างเด็กผู้หญิงดูจะกลายเป็นเรื่องที่ทั้งแปลกและขบขันในเวลาเดียวกัน จากที่เขาเข้าใจ ฮิโรชิฟังเรื่องราวเมื่อร้อยปีก่อนผ่านความทรงจำและความฝันของเธอ กลายเป็นละครที่ปรากฏขึ้นทีละฉาก ก่อนจะจบลงด้วยโศกนาฏกรรม

 

     ถึงจะอาศัยอยู่ในโรงแรมของครอบครัวเธอ แต่นี่อาจเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับเธอเป็นการส่วนตัว ห้องของเธออยู่ถัดไปอีกหมายเลขหนึ่ง และการที่เธอะเคาะประตูย่อมหมายความว่าเธอทราบดีว่าคีย์การ์ดของตัวเองไม่ได้มีปัญหาหรือว่าเข้าห้องผิด

 

     “ข้าดีใจที่ได้พบเจ้านะ”

 

     เป็นประโยคที่คนพูดและคนฟังไม่รู้ว่าเขาสื่อถึงใคร แต่กระนั้น ฮิโรมิยังคงน้อมรับคำพูดนั้นไว้ในนามของตัวเอง “เช่นกันค่ะ ในฐานะ...อืม...? นั่นสินะ จะว่าพี่สะใภ้หรือพี่เขยดีล่ะ เอาเป็นว่าในฐานะแฟนของพี่ชายแล้วกัน”

 

     โชคดีที่ทริสทรี่ยังไม่เคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับอายาซาชิ เพราะเธอคงรู้สึกแปลกพิลึกในการเห็นพี่ชายคบหากับคนรักที่ตนเคยมีความสัมพันธ์ดังนั้น แม้จะเป็นตัวเองในอดีตชาติก็ตาม

 

     “จากที่ฟังมา พี่ชายเกือบโดนคุณดูดเลือดอยู่แล้วสินะคะ”

 

     หัวข้อสนทนานี้สร้างความอึดอัดแก่ทริสทรี่ขึ้นมาอย่างชัดเจน เขาเบือนหน้าหนีรอยยิ้มสบายๆ ของเธอด้วยความรู้สึกผิด ต้นเหตุที่ทำให้เธอถูกยิงส่วนหนึ่งนั่นก็เพราะเขา มาคราวนี้ยังเกือบทำให้พี่ชายของเธอเอาชีวิตแทบไม่รอด

 

     “งั้นขอถามตามตรงเลยแล้วกันนะคะ ในฐานะคนที่เกือบฆ่าคนที่ตัวเองรักตายคามืออย่างคุณ คุณอยากจะกลับไปพบเขาอีกครั้ง หรือจะยอมจากไปเพื่อความปลอดภัยของเขากันคะ”

 

     ดูเหมือนคืนนี้จะมีแต่คนที่อยากรู้ว่าเขาจะให้คำตอบเช่นไร

 

     “ข้าจะลองคิดดู” เขาตอบเหมือนอย่างที่ตอบวาเลนเซีย “ไว้ฮิโรชิหายดี ข้าจะให้คำตอบเจ้าเอง”

 

     “พี่ชายปลอดภัยดี เขาไม่ได้บาดเจ็บอะไรด้วยซ้ำ แต่ฉันให้ทางโรงพยาบาลตรวจต่ออีกคืนเพื่อความแน่ใจ เพราะฉะนั้น คืนนี้อาจเป็นโอกาสเดียวสำหรับเรื่องนี้” ฮิโรมิหยิบปืนสั้นขนาดเท่าฝ่ามือผู้ใหญ่ออกมาวางบนโต๊ะกระจกรับแขก “ต่อให้คุณเลือกจะหนีไป พี่ชายก็ตามหาคุณเจออยู่ดี แต่นั่นก็เป็นกรณีที่คุณยังอยู่บนโลกนี้น่ะนะ”

 

     เธอส่งยิ้มแก่เขาอีกครั้ง มันสะท้อนอยู่ภายในดวงตาเบิกกว้างของทริสทรี่

 

     “พี่ชายคงจะโกรธ แต่ว่า...ฉันทำให้คุณเจอกับเขา ฉันก็ต้องทำให้ทุกอย่างมันจบเช่นกันค่ะ”

 

    

 

To be continue.

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา