[Come with me?] ไปกับผมไหมล่ะ? [Thriller&Romance]

8.7

เขียนโดย GlennTray99

วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.00 น.

  2 ตอน
  1 วิจารณ์
  3,748 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2557 23.27 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ตัวซวยงั้นหรือ..?

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

.

.

.

ร่างนั้นกำลังดิ่งสู่พื้น..

แต่..

ผมช่วยอะไรไม่ได้เลยเหรอ....

ทุกอย่างผ่านไปไวมาก ผมลุกขึ้นพร้อมกับเสียงกรีดร้องของนักเรียนหญิงที่ดูบอลอยู่ข้างสนาม เธอคงจะเห็นอย่างที่ผมเห็น ผมวิ่งไปที่อาคาร9 ภาพตรงหน้าผมช่างสยดสยองที่สุดในชีวิต ผมไม่แน่ใจเขาตายรึยัง มีนักเรียนหลายคนที่อยู่แถวนั้นสีหน้าตกใจสุดชีวิต ไม่มีใครทำอะไรนอกจากยืนตัวสั่น บางคนปิดตาทำท่าเหมือนจะร้องไห้ให้ได้ ผมหยิบมือถือออกมาและโทรไปโรงพยาบาลทันที

ณ สถานีตำรวจซังเบ

ผมได้มาให้ปากคำกับตำรวจ นอกจากนั้นยังมีฮันจิ ที่มาเป็นเพื่อนผม และเพื่อนสนิทของนักเรียนคนที่โดดตึกนั่นรวมทั้งยามเฝ้าตึก9

“เจอเขาครั้งล่าสุดเมื่อไหร่” ตำรวจซักเพื่อนสนิท

“ประมาณอาทิตย์ก่อนครับ” สีหน้านักเรียนหนุ่มสลดยิ่งนัก “เราไปตีปิงปองกันที่สนาม แถวบ้านเขานั่นแหละครับ พอตกเย็น..”

“มีอะไร รีบเล่ามาสิ”

“ครับ.. พอตกเย็น เราเลิกตีปิงปอง เขาชวนผมกับเพื่อนๆไปที่สวนสาธารณะร้าง... แต่พวกผมไม่ไป เพราะมันใกล้มืดแล้ว อีกอย่าง สวนสาธารณะนั่น..มัน..เอ่อ”

“อืม เรื่องเล่าเขย่าขวัญอะไรนั่นสินะ.. แล้วเขาได้เข้าไปมั้ย”

นักเรียนผู้ให้ปากคำส่ายหน้า.. “ผมไม่รู้ครับว่าเขาได้เข้าไปมั้ย...แต่หลังจากวันนั้นเขาก็ไม่ได้มาโรงเรียนอีกเลย”

“อืม แล้วคุณยามครับ คุณทราบไหมว่าเขาขึ้นไปบนตึกได้อย่างไร” ตำรวจหันมาซักถามหัวหน้ายามตึก 9

“อ๋อ ครับ เขาเดินมุ่งหน้ามาที่ตึกนี้ ผมถามเขาว่ามาทำอะไร เพราะมันเป็นเวลาเลิกเรียนแล้ว เขาบอกว่าจะมาทำความสะอาดสระน่ะครับ ผมเลยปล่อยให้เขาขึ้นไป”

“เขามากับใคร และสีหน้าเป็นอย่างไร”

“เอ่อ...มาคนเดียวครับ ” ยามประจำตึกพูดช้าๆ “ผมค่อนข้างตกใจกับใบหน้าเขาครับ.. เขาดูเหมือนคนอดหลับอดนอนมาหลายวันดวงตาแดงก่ำ ขอบตาดำคล้ำ ปากซีดและตัวสั่น..”

จากนั้นตำรวจได้ถามข้อมูลจากผม ผมเล่าไปตามความเป็นจริงและในที่สุด...

....ตำรวจสรุปว่านี่เป็นการฆ่าตัวตาย

ผมเดินออกจากสถานีตำรวจกับฮันจิ ตอนนี้เวลาประมาณหนึ่งทุ่ม

“แย่ชะมัด ฉันอุตส่าห์ทำประตูได้แท้ๆ แต่ทำไมกัน..ทำไมเด็กนั่นต้องโดดลงมาด้วย”

“คงมีเรื่องเครียด”ผมตอบ

“นายไม่คิดว่ามันเป็นเพราะเจ้าเด็กนั่นไปที่สวนสาธารณะร้างแล้วเจอของดีหรอ...”

“ไร้สาระน่า คนเราเครียดและหาทางออกไม่ได้ก็จบลงด้วยการฆ่าตัวตายทั้งนั้น ตามข่าวมีให้เห็นเยอะแยะ อย่าเพ้อเจ้อหน่อยเลย” ผมตอบอย่างรำคาญ นี่ก็โตๆกันแล้วยังจะเชื่ออะไรไร้สาระอย่างนี้อีก

ฮันจิเงียบไป เขาไม่โต้ตอบอะไร จริงๆแล้วฮันจิเป็นผู้ชายเฮฮาและตลก แต่เจอแบบนี้ใครยังจะขำออก

ผมขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้านและแยกทางกับฮันจิไป รอคอยพรุ่งนี้เช้า รับรองว่าโรงเรียนต้องฮือฮากับเรื่องนี้แน่..

 

เช้าวันรุ่งขึ้น ผมมาโรงเรียนตามปกติ แต่จะเร็วกว่าชาวบ้านเขาหน่อย เพราะผมเป็นคนตื่นเช้า ปกติผมมาจะไม่เห็นใครนั่งอยู่ในห้อง คือพูดง่ายๆว่ามาคนแรกนั่นเอง แต่วันนี้กลับไม่ใช่

ผมเห็นริยองนั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะ..

ยัยนี่มาเร็วเหมือนกันแฮะ ผมคิด วางกระเป๋าไว้ข้างๆเธอ เธอเงยหน้าขึ้นมองแล้วยิ้มทักทาย

“อรุณสวัสดิ์ มาแต่เช้าเลยนะ ”

แต่ก็ยังช้ากว่าเธอน่ะนะ.. ผมคิดในใจ แต่ไม่ได้ตอบหรือทักทายอะไรเธอไป ผมหยิบหนังสือนิยายขึ้นมาอ่าน ความเงียบปกคลุมอยู่พักนึง แต่ริยองทำลายความเงียบนั้น

“นายชอบอ่านโฮล์มเหมือนกันเลย ฉันชอบมากเลยนะ เขาเป็นคนฉลาด”

ผมเงียบ.. มองตาเธอแวบนึงให้เธอรู้ว่าผมได้ยินที่เธอพูด แต่ไม่ได้ตอบอะไรออกไป

“จะว่าไป ฉันยังไม่รู้จักชื่อนายเลย ทั้งที่นั่งข้างกันแท้ๆ ฉันริยองนะ นายชื่อ..”

“ไคล์” ผมตอบสั้นๆ สายตายังคงมองที่ตัวหนังสือ ให้ตายเถอะ ยัยนี่ชักจะอัธยาศัยดีไปหน่อยแฮะ ผมหวังว่าเธอคงไม่เป็นเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆที่ชอบทำทีมานั่งข้างผม ชวนคุยไม่หยุด แถมยังชวนไปเดทบ่อยๆอีกต่างหาก ยัยพวกนั่นช่างน่ารำคาญ ผมต้องใช้คำพูดที่รุนแรงแทงใจทีเดียว พวกนั้นถึงยอมย้ายที่ และผมหวังว่าผมจะไม่ได้ใช้คำพูดเหล่านั่นกับริยองนะ แต่ถ้ามันจะเป็นผมก็เลี่ยงไม่ได้จริงๆ

“ไคล์ดูเหมือนไม่ชอบสุงสิงกับใครนะ..”

“งั้นเธอก็เงียบไปสิ ฉันอ่านหนังสืออยู่”

มองหางตาก็เห็นได้ชัดว่าเธอมีสีหน้าตกใจนิดๆ แต่ผมพูดตามความรู้สึก ผมต้องใช้สมาธิในการอ่านนิยายเล่มโปรด

ไม่นานนักก็มีนักเรียนเดินเข้ามาในห้อง พวกนี้มาสายกันเป็นว่าเล่น แถมมาแล้วยังกับกลุ่มเม้าท์กันอีก และแน่นอน หัวข้อสนทนาคงหนีไม่พ้นเรื่องเด็กนักเรียนโดดตึกเมื่อวาน นอกจากนี้หลายๆคนเดินมาทักทายริยองอย่างเป็นมิตร ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ชายกันทั้งนั้น..

ผมเห็นนายะมองมาทางผมกับริยอง สายตาเธอเหมือนเคืองๆอะไรสักอย่างแต่ผมไม่ได้สนใจ

ไม่นานเธอกับฮิวริก็เดินมาโต๊ะผมกับริยอง

“สวัสดีริยอง ฉันนายะนะ นี่ฮิวริ”

“ยินดีที่ได้รู้จักนะ” ริยองยิ้มอย่างเป็นมิตร

“เธอได้ยินข่าวที่นักเรียนโดดตึก9 หรือยัง เมื่อวานนี้เอง” ฮิวริถาม

“ฮะ! จริงหรอ ฉันไม่ยักกะรู้เรื่องนี้เลย เขาเป็นยังไงบ้าง”

“ก็ตายน่ะสิ ถามได้” นายะแขวะ ผมกะแล้วว่ายัยพวกนี้ต้องมาหาเรื่องริยองแน่นอน เพราะผู้ชายส่วนใหญ่จับจ้องมาที่เธอ และนายะเกลียดพวกที่เด่นกว่าตัวเองเสียด้วย ผมล่ะเกลียดผู้หญิงประเภทนี้ชะมัด

“โอ... ฉันเสียใจที่ได้ยินอย่างนั้นนะ...”

“เมื่อวานเธอก็เพิ่งจะย้ายมานี่... เหตุการณ์ช่างบังเอิญจริงๆเนอะ” นายะพูด “เธอคงไม่ใช่นางตัวซวยหรอกใช่ไหม”

ริยองสะดุ้ง ผมไม่เห็นสีหน้าเธอหรอก แต่เดาได้ว่าคงตะใจที่เพื่อนใหม่พูดอย่างนั้น และเหมือนเธอจะรู้แล้วว่าพวกนายะไม่ได้ตั้งใจมาเป็นมิตรกับเธอ

“ฉะ.ฉันเปล่า..” ริยองพูดแผ่วเบา

“หึๆ ไม่ใช่เป็นเพราะเธอเป็นตัวซวยของโรงเรียนเก่า แล้วโดนเนรเทศออกจากโรงเรียนจนต้องย้ายมาที่นี่หรอกนะ! ใช่ไหมไคล์^^”

“ช่วยหุบปากพล่ามเรื่องไร้สาระแล้วเงียบหน่อยได้ไหม ไม่เห็นเหรอว่าฉันทำอะไรอยู่” ผมตอบอย่างรำคาญ สายตายังคงมองที่ตัวหนังสือ ให้ตายเถอะ ยัยพวกนี้ไม่น่าคบหาด้วยเลยจริงๆ

นายะถอนหายใจแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง

“ขอบใจนะ...”  ริยองหันมาพูดกับผม

“ฉันไม่ได้ช่วยเธอ ฉันแค่รำคาญก็เท่านั้น”

“ฉันไม่รู้ว่าทำไมนายะถึงพูดแบบนั้น หรือว่าเธอจะไม่ชอบฉัน...”

“ใช่ หล่อนไม่ชอบเธอ และฉันจะไม่ชอบเธอด้วยถ้าเธอยังไม่เงียบให้ฉันอ่านหนังสือซะที”

ริยองจะรู้สึกว่าโลกทั้งใบมีแต่คนเกลียดชังหรือเปล่านะบางทีผมก็สงสารที่เธอต้องมานั่งข้างคนแบบผม บางทีเธอควรจะนั่งข้างชังเจมากกว่า

เธอก้มหน้าก้มตาไม่พูดอะไร..

 

RIYONG PART

ฉันรู้สึกเสียใจที่นายะพูดกับฉันแบบนั้น แถมไคล์ยังไม่ค่อยเป็นมิตรกับฉันอีกต่างหาก ฉันรู้สึกว่าฉันโชคร้ายเหลือเกิน วันแรกที่ฉันเข้ามาที่นี่ ฉันคิดว่าเพื่อนทุกคนคงจะเป็นมิตร ฉันเห็นไคล์ครั้งแรกฉันดูออกว่าเขาเป็นคนไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา แต่ไม่คิดว่าเขาจะขี้รำคาญและพูดไม่รักษาน้ำใจขนาดนี้ เขาเป็นคนหล่อ สูงประมาร 185 หุ่นดี ใบหน้าที่แหลมคมกับจมูกโด่งๆและดวงตาสีดำสนิทนั่น ฉันเดาได้ว่านายะและสาวๆอีกหลายคนคงชอบเขา ฉันเห็นนายะมองมาทางฉันกับไคล์และส่งสายตาเคืองๆมา เธอคงไม่พอใจที่ฉันนั่งตรงนี้ หรือบางทีฉันควรย้ายไปนั่งข้างชังเจดีไหม .... แต่นั่นจะทำให้ไคล์เกลียดฉันหรือเปล่า

 

กริ๊ง....

เสียงออดคาบสุดท้ายของภาคเช้าหมดเวลา

ฉันหยิบกล่องข้าวขึ้นมา ท้องฉันร้องเหลือประดุจมีสงครามโลกอยู่ในท้อง ฉันเห็นไคล์ยังอยู่ที่เดิม เขาไม่ได้หยิบกล่องข้าวหรือออกไปทานข้าวที่โรงอาหาร ในใจฉันอยากจะถามเขาว่าไม่กินข้าวหรอ หรือชวนคุยอะไรนิดหน่อย แต่กลัวเขาจะรำคาญแล้วเกลียดฉันไปด้วยนี่สิ โฮฮฮ TToTT ทำไมชีวิตริยองน้อยถึงอึดอัดขนาดเน้!!

เงียบมากไปแล้ว.. มาคุมากไปแล้ว...

“ไคล์ ไม่หิวหรอ..” อ๊ากกก ในที่สุดฉันก็ถาม เกร็งหน้าเตรียมรับแรงกระแทกคำพูดที่ตรงไปตรงมาผสมกวนตีนของเขา T^T

“ไม่” คุณพระ!! หมอนี่เย็นชาสุดๆไปเลย

“อ๋อ อืม.. นายอยากจะลองชิมซูชิไหม แม่ฉันทำอร่อยนะ...”

ฉันยื่นตะเกียบไป อะไรดลใจให้ฉันพูดแบบนั้นกัน ทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แก่ใจ

“ฉันบอกไปว่าฉันไม่หิวไม่ใช่หรอ” อ๊ากกก ริยอง เธอทำอะไรลงไป T.T

 ฉันไม่พูดอะไรต่อ หน้านี่ชาเป็นแถบๆ เขาไม่รักษาน้ำใจเลยแฮะ โฮฮฮ อึดอัดชะมัด

“ไม่ชวนฉันกินบ้างเหรอริยอง หรือว่าเลือกเฉพาะคนจ้ะ ^^”

อา.. นายะนั่นเอง เธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แต่เธอคงอยู่ได้นานจนได้ยินฉันชวนไคล์น่ะแหละ - -

“อ๋ออ เอาสิ” ฉันยิ้มพร้อมยื่นตะเกียบไปให้ นายะรับไป คีบซูชิขึ้นและ...

....ร่วง....

“อ๋า....ริยองฉันขอโทษนะไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” เธอพูดสีหน้า.... เหมือนจะเสียใจปนเยาะเย้ย

เธอตั้งใจทำมันหล่นหรอ!

“อ่าไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันเก็บเอง” ฉันพูด

ถ้าไม่รู้สึกไปเอง .. ฉันรู้สึกได้ว่านายะยิ้มแบบมีเลิศนัย

“ขอโทษจริงๆนะ ริยอง ว๊า.. ปกติฉันแม่นการจับตะเกียบมากเลยนะ แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน หรือเป็นเพราะว่าเป็นตะเกียบของเธอ ทำอะไรก็ซวยไปหมด..”

ปากฉันสั่นไม่รู้ตัว รู้สึกกำลังจะร้องไห้ให้ได้ .. ฉันนั่นซูชิ ที่แม่ฉันตั้งใจทำให้ฉันกินนะ...

รู้สึกเหมือนกำลังจะร้องไห้ รู้สึกถึงน้ำอุ่นๆที่ตา แต่ฉันไม่ร้องหรอก ฉันไม่ได้ขี้แยขนาดนั้น ฉันไม่ได้..

“ริยอง ไปเดินเล่นกันเถอะ”...

ฉันเงยหน้ามองเจ้าของเสียง...

“อะ..อืม”

 

 

...........................

ผมสูดอากาศเข้าไปเต็มปอด เดินไปที่สนามบอล นั่งลงแล้วดูเพื่อนเตะบอล...

“เฮ้ยยย ไคล์ ไม่ลงมาเล่นหน่อยเหรอวะ” ฮันจิทัก

“ตามสบาย ฉันไม่มีอารมณ์”

ผมนึกย้อนกลับไปที่ห้องเรียนเมื่อครู่นี้ นายะทำเกินไปจริงๆ ทำไมเธอถึงเหมือนแม่มดขนาดนั้น ผมสงสารริยองนะ ใจนึงอยากจะช่วยเธอแต่คิดอีกที มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของผม ยังดีที่เจ้าชังเจชวนเธอออกไปข้างนอก เธอคงจะได้ผ่อนคลายบ้างแหละ...

“ไคล์ วันนี้มีประชุมตอนบ่ายนะรู้รึยัง ท่านผอ.อยากพูดถึงเรื่องเมื่อวานนี้น่ะ” ซาระ ประธานนักเรียนนั่นเอง

“อ่อ อืม ก็ใกล้แล้วนี่ จะไปกันเลยไหมล่ะ”

“รอฮันจิเตะบอลบวกเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เสร็จก่อนแล้วกัน...เฮ้อ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีคนโดดตึกนั่น” แม้ซาระจะเป็นผู้หญิงฉลาด มีบุคลิกมาดมั่นสมเป็นประธานนักเรียน แต่เรื่องแบบนี้ยังคงสะเทือนใจเธออยู่ดี....

 

หลังจากประชุมเสร็จ

ผมเดินกลับเข้าห้องเรียน นั่งลงที่เดิม เห็นริยองมีสีหน้าดีขึ้นกว่าช่วงพักกลางวันแล้ว

เจ้าเชจิคงทำให้ยิ้มล่ะสินะ

แน่นอนว่าเชจินั่นหน้าตาดีพอสมควร สาวๆคนไหนใกล้เป็นได้ใจหวั่นไหวระทวยเห็นใจริยองนิดๆที่ไปพัวพันกับเสือผู้หญิงแบบเจ้าหมอนั่น

ตึกตักๆๆๆๆ

ครืดดดดด...

แฮ่กๆ ๆ ๆ

นักเรียนคนนึงวิ่งมา ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ สีหน้าตกใจ

“ทุกคน มีคนโดดตึกอาคาร 8 อีกแล้ว!! เดือนที่แล้วเขาได้ไปสวนสาธารณะแห่งนั้น ต้องเป็นคำสาปแน่!!!”

น..นี่มัน..เรื่องบ้าอะไรกัน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา