Dare to Die กล้าเข้ามาก็ต้องกล้าตาย

9.5

เขียนโดย Popete

วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2558 เวลา 22.57 น.

  3 ตอน
  10 วิจารณ์
  5,711 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 มกราคม พ.ศ. 2558 23.05 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ตอนที่ 1 : รายงาน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 1 : รายงาน               

               6.14 น.

                “จะทำที่นี่จริงอ่อวะ” ‘ลาเต้’ หนุ่มหน้าใสเอ่ยด้วยท่าทีที่กระวนกระวายพลางหลบไปอยู่หลังเพื่อนคนอื่นๆ

                “เออ จริงดิวะ เมื่อช้าวก็หารือกันแล้วว่าจะมาทำกันที่นี่” ‘มิดฟิลด์’ หนุ่มผู้มีนิสัยเงียบขรึมตอบกลับด้วยท่าทีไม่พอใจพลางหันมาจ้องลาเต้ด้วยความหงุดหงิด ทำเอาลาเต้จุกเลยทีเดียว

                “เออๆ มิดฟิลด์ ไม่ต้องมองด้วยสายตาแบบนั้นก็ได้มันน่ากลัว”

                “ป๊อดจริงๆเลยอะเต้ แมนปะเนี่ย” ‘จี’ สาวมาดเท่ห์เอ่ยแซวเด็กหนุ่ม การที่ลาเต้โดนแซวแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องที่ลาเต้เจอจนชินแล้ว เพราะหน้าที่ใสแทบจะไม่มีสิวและนิสัยที่แสนจะขี้กลัวของเขานั่นเอง ทำให้เขาโดนล้อตั้งแต่เด็กๆ

                “เอาอีกแล้วนะจี เลิกล้อเราได้แล้ว..เออ..ก็ได้..ชินแล้วก็ได้”

                “เอาน่าๆ พอได้แล้ว รีบเข้าไปเก็บข้อมูลกันเถอะเดี๋ยวมันจะดึกไปมากกว่านี้” ‘ไลท์’ เด็กหนุ่มที่ดูเหมือนจะมีความเป็นผู้นำมากที่สุดในกลุ่มเอ่ยขึ้นพลางมองนาฬิกาข้อมือเรือนโปรดที่ข้อมือขวาของเขา เป็นเพราะว่าเขียนหนังสือด้วยมือข้างซ้าย จึงทำให้เขาต้องใส่นาฬิกาข้อมือที่ข้อมือขวาของเขานั่นเอง

                “เออ ‘เบอร์ดี้’ เธอไม่ได้ลืมเอากล้องถ่ายรูปมาใช่มั้ย” ไลท์เอ่ยถาม

                “ไม่ได้ลืมเอามาไลท์..นี่ไง” เบอร์ดี้สาวน้อยน่ารักที่มีส่วนสูงที่ไม่มากนักชั่งภาพประจำกลุ่มเอ่ยพลางหยิบกล้องถ่ายรูปที่ห้อยคอของเธออยู่ขึ้นมาโชว์ไลท์..กล้องอย่างดีเลยทีเดียว..พูดไม่ทันจบเบอร์ดี้ก็เอากล้องถ่ายรูปที่ห้อยคอมาถ่ายรูปเพื่อนๆในยามเผลอซะเลย

                แชะ !!

                “เห้ยๆ จะถ่ายไม่บอกกันเลย อย่างงี้เราก็น่าเกลียดแย่เลยอะดิ” ลาเต้บ่นกระปอดกระแปดอย่างกับผู้หญิง

                “เอาใหม่ได้ปะเบอร์ดี้ คราวนี้บอกด้วยน้า” จีเอ่ยพลางลากๆเพื่อนๆมารวมกลุ่มกันเพื่อที่จะถ่ายรูป

                “นี่ฉันต้องถ่ายรูปกับพวกเธอจริงๆหรอ โอยอยากจะบ้าตาย” มิดฟิลด์เอ่ยอย่างไม่พอใจแต่ใจจริงแล้วเขาก็อยากจะมีรูปกับเพื่อนๆของเขาบ้าง

                “เอาละนะ..1..2..” เบอร์ดี้เริ่มนับแต่แล้ว

                “เอ๊ะเดี๋ยวสิ..แล้วเบอร์ดี้หละ..ถ้าเธอถ่ายเธอก็ไม่มีรูปกับพวกเราหนะสิ” ไลท์เอ่ยขัดจังหวะเพราะเบอร์ดี้ก็เป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มเหมือนกัน

                “งั้นเบอร์ดี้เซลฟี้มาสิ ให้เห็นทุกคน” ลาเต้เสนอความคิดเห็น

                “ดีๆ เป็นความที่เยี่ยม” เบอร์ดี้เอ่ยพลางเดินเข้าไปหากลุ่มเพื่อนๆและถือหันหน้าเข้าหาตัวพร้อมที่จะเซลฟี่

                “เอาละนะ..1..2..” พอเบอร์ดี้นับแต่แล้วเธอก็คิดอะไรได้

                “เฮ้ยๆ เดี๋ยวๆ ถ้าฉันเป็นคนถือกล้อง หน้าฉันก็ต้องใหญ่ที่สุดอะสิ ไม่เอาด้วยหรอก” เบอร์ดี้เอ่ยพลางทำหน้าบูดบึ้ง

                “เอาเถอะน่า คนที่หน้าเกลียดควรที่จะเป็นฉันไม่ใช่เธอ” จีเอ่ยให้กำลังใจเพื่อนของเธอ

                “ก็ได้ๆ เอาหละนะ..1..2..3..แชะ!” เธอนับถึงสามแล้วกดชัตเตอร์เพื่อถ่ายภาพ

                “เฮ้ย ขอดูหน่อย” ลาเต้เอ่ยพลางพุ่งเข้าไปดูรูปพร้อมกับคนอื่นๆ

                “เฮ้ย ดูดิ เพิ่งเคยเห็นมิดฟิลด์ยิ้มเป็นครั้งแรกนะเนี่ย เป็นบุญตาจริงๆ ฮ่าๆ” จีตกใจกับสิ่งที่เห็นเพราะตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมายังไม่เคยเห็นมิดฟิลด์ยิ้มอย่างงี้สักครั้ง

                “อะไรกัน..มะ..ไม่ได้ยิ้มสักหน่อย” มิดฟิลด์พูดกลบเกลื่อน

                “แหนะๆ กลบเกลื่อนๆ” จีเอ่ยแกล้งพยามยามจะให้มืดฟิลด์ยอมรับ

                “ปล่าวสักหน่อย” มิดฟิลด์พยายามกลบเกลื่อนให้มากกว่าเดิม

                “อะค่ะๆ ไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร”

                “รูปนี้เบอร์ดี้ยิ้มน่ารักมากเลยอะ” ไลท์เอ่ยชมสาวน้อย..ใช่แล้วเขาแอบชอบเบอร์ดี่อยู่นั่นเอง

                “น่ารักอะไรกันเล่า หน้าบานขนาดนี้ รู้งี้ไม่น่าถ่ายเลย ชิชะ” เบอร์ดี้เอ่ยพลางทำหน้าบูดบึ้งแสดงทีท่าไม่พอใจ

                “เอาน่าๆ ภาพรวมกลุ่มของพวกเราก็ไม่ค่อยจะมีสักเท่าไหร่”

                “ก็ได้ๆ” เบอร์ดี้ก็ยังคงแสดงท่าทีบูดบึ้งอยู่เหมือนเดิม

ในรูปภาพกลุ่มทุกคนดูมีความสุขกันจัง..ไม่เคยได้เห็นโมเมนต์แบบนี้มานานละ..ทุกคนยิ้มแย้มสดใส..ไร้ความเสแสร้ง..และพวกเราสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป..ไม่มีวันทิ้งกัน

                “เดี๋ยวฉันจะไปอัดรูปมาให้ทุกคนนะ” เบอร์ดี้เอ่ยพลางเปลี่ยนจุดสนใจไปยังสาถานที่ข้างหน้าเธอ เธอถ่ายรูปไว้ประมาณสองสามช็อตให้ทั่วสถานที่ตรงหน้า สถานที่ข้างหน้าเหล่านี้นั่นก็คือบ้านร้างที่เขาลือกันว่าเป็น ‘บ้านผีเฮี๊ยน’ ซึ่งว่าวกันว่าถ้ามีสิ่งมีชีวิตชนิดไหนก็ตามเหยียบย่ำเข้าไปในพื้อนที่บ้านหลังนี้..จะไม่มีวันได้ออกมาอีกเลย !! ซึ่งเป็นสถานที่ที่พวกเขาเหล่านี้จะมาทำรายงานกันในค่ำคืนนี้

                “เอาหละเข้าไปเก็บข้อมูลกันเลย”

 

                เมื่อเช้า

                บรรยากาศเช้าวันเสาร์นี่มันชั่งสดใสเสียจริง การได้นอนตื่นสายเปรียบเหมือนสวรรค์จริงๆ เสียนกร้องกันเกรี้ยวกร้าวไปหมด แต่กลับเป็นเสียงที่ไพเราะจริงๆ เป็นเสียงที่บ่งบอกถึงเวลายามเช้าได้ดีที่สุด

                กริ้งๆๆ

                เสียงโทรศัพท์ทำเอาเด็กหนุ่มที่นอนอยู่ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย เขาบิดขี้เกียจเล็กน้อย ก่อนที่จะขยี้ตาเพื่อปรับแสงสว่างในตา

ใครฟะโทรมาแต่เช้า..คนกำลังฝันดีแท้ๆ..ง่วงจริง

เด็กหนุ่มเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่ได้ชารจ์แบ็ตจนเต็มที่มุมห้อง เขาถอดปลั้กก่อนที่จะรับสาย

ครูโทรมาหรอ..ปกติไม่เคยเห็นครูจะโทรมา..ส่วนใหญ่ถ้าครูมีอะไรจะส่งอีเมลมาบอกหนิ

                “ฮัลโหลครับครู”

                [ฮัลโหลไลท์ คือว่าครูขอเปลี่ยนหัวข้อรายงานของกลุ่มเธอหน่อยได้มั้ย]

                “อ๋อ..ได้สิครับ”

                อะไรกันมาขอเปลี่ยนกันง่ายๆแบบนี้ได้ไง เมื่อวานพึ่งจะนัดว่าจะไปที่ไหน ถ้าเปลี่ยนหัวข้อก็เท่ากับจะต้องเปลี่ยนสถานที่ โอย ให้ตายเถอะ

                “งั้นครูเปลี่ยนหัวข้อเป็น ‘สถานที่ลึกลับ’ นะ ตามนี้” คำพูดของครูหนุ่มทำไมไลท์ตกใจไม่มากก็น้อย

                ห้ะ.. ‘สถานที่ลึกลับ’ แบบพวกสภานที่ที่มีผีอะหรอ..เราจะไปหาสถานที่ลึกลับได้ที่ไหนเนี่ย..ให้ตายเถอะ..อยากจะรู้เหตุผลจริงๆเลย ว่าทำไมต้องเปลี่ยนให้มันยุ่งยาก

                “ครับ สวัสดีครับ”

                [สวัสดีครับ]

                “ตึ้ด” เสียงวางสายจากอีกฝ่ายดังขึ้น ไม่รอช้าเด็กหนุ่มรีบเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อหา ‘สถานที่ลึกลับ’ ตามหัวข้อใหม่ที่ครูให้มา ไม่ช้าเด็กหนุ่มก็ไปสะดุดตาเจอกับสถานที่ที่น่าสนใจเข้า..ด้วยความไม่กลัวผี ทำให้เขาตัดสินใจเลือกโดยไม่ลังเล..เหมือนเขาจะคิดว่าผีไม่มีจริงด้วยซ้ำ

                บ้านร้างที่ขึ้นชื่อว่าผีเฮี๊ยนที่สุด..เจ้าของบ้านคงจะหวงบ้านจนเข้าไส้..ถึงกุเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้..น่าขำจริงๆ

                ไม่รอช้าเด็กหนุ่มรีบโทรนัดเพื่อนๆให้มารวมตัวกันที่บ้านของเขา

               

                “ทุกคนคือเมื่อเช้าครูโทรมาบอกว่าอยากจะขอเปลี่ยนหัวข้อรายงานของกลุ่มเราเป็น ‘สถานที่ลึกลับ’” สีหน้าของทุกคนดูไม่ค่อยพอใจนัก เพราะว่าเมื่อวานพวกเขาพึ่งจะปรึกษากันได้ลงตัวแล้วแท้..และนี่อะไร..เปลี่ยนหัวข้อกระทันหันสะงั้น ทำให้พวกเขาจะต้องมานั่งปรึกษากันใหม่ แล้วมันจะทันเหรอกำหนดส่งคือวันจันทร์นี้นะ

                “ที่จริงฉันเจอสถานที่ที่น่าสนใจแล้วว่ะ” ไลท์เอ่ยพลางให้เพื่อนๆของเขาไปดูที่คอมพิวเตอร์ของเขา

                “บ้านร้างที่ขึ้นชื่อว่าผีเฮี๊ยนที่สุด ว่ากันว่าเมื่อมีสิ่งมีชีวิตชนิดใดก็ตามเหยียบย่ำเข้าไปในพื้นที่บ้านแห่งนั้น จะไม่มีชีวิตรอดออกมาทั้งนั้น..เบรื๋อ แค่พูดชื่อก็ขนลุกแล้วอะ” เบอร์ดี้สาวน้อยน่ารักเอ่ยพลางพยายามลูบขนแขนของเธอให้ระนาบกลับไปเหมือนเดิม แต่นั่นก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้มาก

                “ไม่เอาอะไลท์ เรากลัว..เปลี่ยนเป็นที่อื่นได้มั้ย..เรายังไม่อยากตาย” ลาเต้หนุ่มหน้าใสเสนอความคิดเห็นด้วยความกลัวตาย..ใครๆก็กลัวตายทั้งนั้นจริงมั้ย

                “โธ่ๆ นี่เชื่อกันด้วยเหรอเนี่ย..นี่มันเรื่องกุขึ้นชัดๆ เจ้าของบ้านคงจะหวงบ้านจนเข้าไส้ เลยไม่อยากให้ใครไปยุ่งกับบ้านตน” ไลท์พูดเหมือนรู้ความจริงทุกอย่าง

                พวกบ้าเท่านั้นแหละที่จะเชื่อ

                “มันก็บอกอยู่โต้งๆว่าถ้าเข้าไปก็ไม่มีวันได้กลับออกมา..ตาบอดหรือไงกันเนี่ย” ลาเต้บ่นกระปอดกระแปดใส่ไลท์

                “ไลท์นายพูดแบบนั้นได้ไง คนอย่างนายก็ไม่เคยเห็นผีสินะ ถึงคิดแบบนั้น..แต่ก็แล้วแต่นายแล้วกัน ถ้านายไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร เอาเป็นว่าฉันไปละกัน เพราะฉันชอบเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว” จีสาวมาดเท่ห์เอ่ยเชิงสนับสนุนไลท์เพราะเธอเป็นคนที่ชอบเรื่องผีสางต่างๆอยู่แล้ว..ตรงข้ามกับไลท์ที่เขาไม่เคยคิดว่าผีมีอยู่จริง

                “ฉันก็เห็นด้วย” มิดฟิลด์หนุ่มผู้มีนิสัยเงียบขรึมเห็นด้วยอีกคนเพราะเขาขี้เกียจจะเถียงนั่นเอง ประมาณว่า..ตัดสินใจกันไปเถอะขี้เกียจแสดงความคิดเห็น จะที่ไหนฉันก็ไปหมดแหละ

                “แล้วแต่พวกเธอแล้วกัน ถ้าพวกเธอว่ายังไงฉันก็ว่าอย่างงั้นแหละ” เนื่องจากเสียงส่วนใหญ่ไปทางไลท์ สาวตัวเล็กๆอย่างเธอคงจะเถียงไม่ขึ้น..ถึงเธอจะกลัวแค่ไหนก็ตาม

                “แต่เราไม่ไป..เรากลัวผี..เรายังไม่อยากตาย” ลาเต้เอ่ยด้วยท่าทีกระวนกระวาย

                “ถ้านายไม่ไปฉันจะบอกครูว่านายไม่มีส่วนร่วมในงานกลุ่มนี้และนายก็จะได้ศูนย์คะแนน” ไลท์เอ่ยพลางจ้องไปที่ลาเต้ ทำเอาลาเต้จุกเลยทีเดียว

                “ก็ได้ๆ ยอมแล้วๆ..ถ้าเราตายเราจะเป็นผีมาหลอกทุคน” ลาเต้เอ่ยอย่างไม่เต็มใจมากนัก

                “เอาหละๆ เราจะไปกันวันนี้ตอนเย็น เพราะเราไม่มีเวลามากนัก..ใครพอจะเตรียมอุปกรณ์เล่น ‘ผีถ้วยแก้ว’ ไปได้บ้าง”

                “ฉันๆ ฉันเตรียมได้เพราะตอนสมัยประถมฉันเล่นกับเพื่อนบ่อยมาก” จีเอ่ยเสนอเพราะเธอเป็นผู้เชี่ยวชาญในเกมนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

                มันก็คงมีคนกลัวจนตัวสั่นจนแก้วมันก็ขยับไปเองแค่นั้นแหละ..เราก็แค่ทำเป็นพิธีไปอย่างนั้นจะได้เอาไปเขียนเรียงความ

                “นี่ไลท์ นายจะเล่นผีถ้วยแก้วด้วยหรอ” ลาเต้เอ่ยด้วยท่าทีแบบเดิม

                “ก็ใช้หนะสิ ถ้าเราไม่ถามผี แล้วจะไปถามใครหละ” จีชิงตัดหน้าตอบด้วยท่าทีที่ไม่พอใจ..เธอเริ่มเบื่อกับนิสัยขี้กลัวของลาเต้สะแล้ว

                “เอาหละงั้นเจอกันเย็นนี้นะ”

                ไม่แน่..ความเชื่อของไลท์นั้น..อาจเป็นหนทางนำทุกคนไปสู่ความตายก็เป็นได้...

 

                6.47 น. แอ้ดๆ

                เสียงของรั้วเหล็กที่เปิดออกอย่างช้าๆ..เสียงที่บ่งบอกถึงสภาพรั้วที่เก่าเต็มที..ฟ้าในยามเย็นกำลังจะหายไป..ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนจากสีส้มเป็นสีดำ..ดวงจันทร์กำลังมาแทนที่ดวงอาทิตย์ที่หายไป..ยามที่พวกเขาทั้งห้าเหยียบเข้าไปในพื้นที่ของบ้านแห่งนี้ลมก็เริ่มโชยมาพาตั้นไม้ที่ไร้ใบไม้เอนไหวไปตามๆกัน เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า..ยินดีต้อนรับ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา