Miracle Of Pet มหัศจรรย์รักนายสัตว์เลี้ยงซาตาน

10.0

เขียนโดย PimZPank

วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 16.23 น.

  2 ตอน
  2 วิจารณ์
  4,672 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 มีนาคม พ.ศ. 2558 16.38 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) 2 สาป

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     

2

                ให้ทายว่าความรู้สึกตอนนี้ผมเป็นยังไง อึ้ง ทึ่ง กลัว จะบอกว่าตอนนี้กูเป็นทั้งสามอย่างเลยครับ จู่ๆไอหมาที่ผมเก็บมาเลี้ยงแปลงร่างกลายเป็นคนได้ ก็อึ้งสิครับ แล้วก็กลัวว่าเขาจะแปลงร่างเป็นอย่างอื่นได้อีกป่าว แล้วๆ แล้วอะไรอีกวะ ไม่รู้ล่ะ ตอนนี้ผมสับสันไปหมด ไม่รู้จะทำยังไงแล้วตอนนี้

                “เป็นอะไรรึเปล่าครับ” เขาถามพลางเอื้อมมือมาจับไหล่เปล่าๆของผม

                “เฮือก!!” ผมสะดุ้งด้วยความตกใจ มือเขาเย็น เย็นมากๆเลยด้วย ผมเดินถอยหลังออกจากเขาด้วยความกลัว เป็นคนอื่นคงไม่เชื่อ แต่กูเชื่อครับ ว่าเขาเป็นหมาตัวนั้นจริงๆเพราอะไรน่ะเหรอ ผมเห็นแผลตรงท้องที่เดียวกับหมาตัวนั้นมันเป็นแผลที่โดนผ่าตัดเหมือนกัน แล้วหูคู่นั่นกับหางนั้นมันเหมือนของหมาตัวนั้นจริงๆ ต่อมน้ำตาที่ถูกปิดตายตั้งแต่ที่แม่เสียของผมมันค่อยๆเปิดออกมาด้วยความกลัวจับใจ ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงกลัว ผมรู้สึกว่าคนตรงหน้ามีอะไรบางอย่าง บางอย่างในตัวของเขาที่ทำผมกลัวและหลงใหลในเวลาเดียวกัน

                “คุณกลัวผมใช่ไหม?”เขาพูดก่อนจะถอยหนีไปก้าวหนึ่ง

                “นายเป็นใคร? เป็นตัวอะไรกันแน่?” ผมถามเขาเสียงสั่น ปกติผมไม่อ่อนแอแบบนี้นะ

                “ผมเป็นคนธรรมดาที่กลายร่างเป็นหมาเท่านั้นเองคุณไม่ต้องกลัวนะ” เขาพูดอย่างอ่อนโยนพร้อมส่งยิ้มบางๆให้ผม คนธรรมดาที่ไหนเขากลายร่างเป็นหมาได้วะ

                “แล้วนายกลายร่างได้ไงห๊ะ? อย่าบอกนะว่าโดนสาปมาอะ?” ผมพูดทีเล่นทีจริง แต่ทว่า..

                “ใช่ ผมโดนสาป” เออ วุ้ย เสือกถูกอีกครับพี่น้อง ไอเรื่องสาปเสิปนั่นมีจริงๆเหรอเนี่ย

                “ผมน่ะ เคยทำไม่ดีเอาไว้อย่างหนึ่งไว้กับคนคนหนึ่งไว้แล้วแม่ของเขาเป็นแม่มดเลยสาปให้ผมเป็นสุนัข จนกว่าจะเจอรักแท้รักแบบคนรักจริงๆ หล่อนบอกว่าผมจะสามารถกลับเป็นคนได้เมื่อตะวันตกดิน ภายในหนึ่งปีถ้าผมหารักแท้ไม่ได้ผมกลายเป็นหมาทั้งตัวและจิตใจไปจนกว่าจะตาย” เขาค่อยๆเล่าเรื่องเหนือธรรมชาติไปเรื่อยๆ โดยที่ผมฟังเงียบๆ

                “ผมถูกสาปมานานสี่เดือนแล้วแต่ก็ไม่มีวี่แววจะเจอรักแท้เลย” เขาเล่า ดวงตาของเขาหม่นอย่างบอกไม่ถูก แต่จู่ๆดวงตาก็แปรเปลี่ยนเป็นหื่นกามเมื่อมองมาที่ผม

Part Kuro

                ทำไมคนตรงหน้าผมถึงทำให้ผมรู้สึกตื่นอ่ะ ผิวขาวๆ ถูกแต้มด้วยยอดอกสีกุหลาบตัวเล็กๆ แม่เจ้า สาบานได้ไหมว่าเป็นผู้ชาย นี่พึ่งสังเกตนะว่าคนตัวบางมันหน้าสวยแบบนี้อ่ะ  แล้วดูสิ นุ่งผ้าขนหนูจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่อยู่แล้ว ปกติผมไม่ใช่คนหื่นนะตอนเป็นคนอ่ะเห็นผู้หญิงแก้ผ้าให้ดูยังไม่ตื่นขนาดนี้เลยนะเว้ย

                “นี่ มองอะไรไม่ทราบ?” เขาว่าพลางกอดอกเอียงคอมองผมอย่างหาเรื่อง ทำไมน่ารักจัง

                “มองคุณนั่นแหละ” ผมตอบนิ่งๆ

                “ชิ ช่างเถอะว่าแต่ว่านายชื่ออะไรล่ะ?” ปากสีส้มสดขยับช้าๆ น่าจับจูบชิบ

                “คุโระครับ” ผมตอบพลางมองปากนั่นไม่วางตา

                “ชั้นฟอน ในฐานะที่ชั้นจะเลี้ยงนาย ชั้นจะช่วยนายล่ะกัน”

                “ช่วยอะไรครับ?”

                “ช่วยหารักแท้ไง” เขาบอกก่อนจะเดินไปตรงตู้เสื้อผ้าแล้ว..

พึ่บ!!

                ร่างบางสะบัดผ้าขนหนูออกจากตัวโดยไม่อายผมเลย จะว่าไปเขาเห็นผมก็ไม่มีท่าจะกลัวผมเท่าไหร่เลยนะ ไม่อายผมเลยด้วย ไม่ตกใจเลยสักนิด มีแวบเดียวเท่านั้นที่ผมเห็นน้ำตาของเขานะ นับว่าเป็นคนที่เด็ดมากครับ เด็ดจริงๆนะ เอวบางๆ ขาเรียวๆ แก่นกายเล็กๆ ก้นนั่นอีก ผู้ชายคนนี้กำลังทำผมคลั่งนะ

                ฟอนใส่เสื้อผ้าโดยให้ผมยืนนิ่งๆอึนๆอยู่ ก่อนที่จะโยนเสื้อผ้ามาให้ผมชุดหนึ่ง

                “ใส่ซะถ้าไม่อยากหนาวตาย” คนตัวเล็กบอกก่อนจะหยิบหนังสือที่ถือเข้าห้องมานอนอ่าน เออ สนใจผมหน่อยครับ ผมคิดในใจก่อนจะใสเสื้อผ้าที่เขาโยนมาให้เมื่อกี้ พอดีเลยแหะ แต่ดูจากตัวเขาไม่น่าจะใส่ไซส์นี้น่า

                “อ่อ นายคงไม่รังเกียจที่จะใส่เสื้อผ้าคนอื่นใช่ไหม?” คนตัวเล็กละใบหน้าออกจากหนังสือพลางมองหน้าผม

                “ไม่รังเกียจครับ นี่ ของคุณเหรอ?” ผมถาม

                “อื้อ” เขาตอบเบาๆ เย็นชาชิบเป๋งเลย

ก๊อก ก๊อก

                จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาจากด้านนอก ทำให้คนตัวเล็กละออกจากหนังสืออีกครั้งไปเปิดประตู เออ บ๊อกเซอร์สั้นจัง -.,-

                “เฟาล มีธุระอะไร?” เสียงหวานเอ่ยถามผู้มาเยือนเสียงเรียบ ผมเลยวิ่งไปหลบในห้องน้ำ (หลบทำไมฟะ)

                “ชั้นอยากมาเล่นหมาของพี่” เสียงแหลมปรอดแตกดังขึ้น เสียงคุ้นๆแหะ ผมได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบกับพื้นกำลังเดินเข้ามา แต่เสียงก็หยุดลงตรงหน้าห้อง

                “มันหลับแล้ว มันไม่สบายกลับห้องไปเถอะ” เสียงหวานเอ่ยอย่างเย็นชา

                “ชั้นขอดูหน่อยไม่ได้เหรอ ชั้นน้องพี่นะ ดูหน่อยเดียวเอง” เสียงแหลมยังคงจีบปากจีบคอต่อไป

                “พี่บอกว่ามันหลับแล้วไงล่ะ กลับไปก่อนพรุ่งนี้เช้าค่อยเล่น”

                “ชิ ก็ได้” สิ้นเสียงแหลมนั่นผมก็ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นอีกครั้ง แล้วก็ค่อยๆเบาลงจนผมไม่ได้ยินก่อนจะได้ยินเสียงปิดประตูตามมา

                “ออกมาได้แล้ว” เมื่อได้ยินอย่างนั้นผมก็ค่อยๆเปิดประตูออกไปพร้อมส่งยิ้มหวานให้คนตรงหน้าที่ยืนกอดอกอยู่

                “เมื่อกี้น้องคุณเหรอ?” ผมถามพลางมองขาอ่อนขาวตรงหน้า ผมไม่ได้หื่นนะผมแค่ไม่รู้ว่าจะวางตาไว้ตรงไหน -.,-

                “อื้อ หาวว นอนได้ล่ะพรุ่งนี้เช้าผมจะอาบน้ำให้นะ แต่ถ้าเหนียวตัวจนทนไม่ไหวก็อาบเอาเองเลยนะ” ห๊ะ?? ว่าไงนะ อาบน้ำให้พรุ่งนี้เช้าผมก็กลายเป็นหมาแล้วดิ อาบให้ตอนนี้ไม่ได้เหรอ

                “อาบตอนนี้ไม่ได้เหรอ” ผมถาม

                “ถ้าอยากอาบตอนนี้ก็อาบเองไง” ร่างเล็กว่าพลางล้มตัวนอนบนโซฟาปลายเตียง

                “รอเช้าก็ได้ แล้วทำไมคุณไม่นอนบนเตียง”

                “ผมไม่อยากเอาเปรียบคนป่วย” ร่างเล็กพูดแล้วค่อยๆหลับตาลง

                “คุณมานอนบนเตียงเถอะ” ผมว่าพลางเดินไปโซฟาที่คนตัวเล็กนอนอยู่

                “ไม่” สั้นง่ายได้ใจความ แต่ผมไม่สน ผมใช้แขนหนาๆของตัวเองช้อนคนตรงหน้าขึ้นมา

                “เฮ้ย! ทำอะไร ปล่อยนะ!” ร่างเล็กโวยวายพลางดิ้นในอ้อมกอดผม เอ้า! ปล่อยก็ได้ แต่ปล่อยบนเตียงนะ แล้วผมก็ล้มตัวนอนข้างๆฟอนก่อนจะใช้แขนโอบลำตัวคนตัวเล็กไว้ ผมซุกหน้าไว้ที่อกเล็กอ้อนๆ

                “น..นี่ออกไปนะ” คนตัวเล็กว่าเบาๆพลางใช้มือดันไหล่ผมออกห่าง แต่แรงอันน้อยนิดไม่สามารถทำอะไรผมได้เลย

ตึกตัก ตึกตัก

                ผมได้ยินหัวใจของคนแถวนี้ดังอ่ะ ดังมากด้วย แล้วมันดังพร้อมกับหัวใจของผมเลย หัวใจผมกับเขากำลังเต้นในจังหวะเดียวกัน ผมค่อยๆเงยหน้ามองคนตัวเล็ก กำลังหน้าแดงจริงๆด้วย เสียงหัวใจยังคงเต้นไปพร้อมๆกัน ผมค่อยๆขยับตัวขึ้นทำให้ใบหน้าของเราอยู่ในระดับเดียวกัน ใบหน้าเนียนมีสีระเรื่อแต่งแต้มอยู่ มันทำให้คนตรงหน้าน่ารักยิ่งขึ้น น่ารักเกินไปแล้วนะ

ฟอดด

                หอมแก้มแม่งเลย อดใจไม่ไหวแล้วจริงๆ ดูสิหอมแก้มนิดเดียวเองแก้มแดงเป็นมะเขือเทศสุกแล้วนั่น จะน่ารักไปไหนวะครับ

                “นายหอมแก้มชั้นทำไมเนี่ย” ตากลมๆเบิกโพลงด้วยความตกใจปนโกรธฟีจเจอริ่งกับความเขิน

                “ไม่รู้นอนเถอะ ง่วงแล้ว” ผมหลับตาลง ผมได้ยินเสียงพ่นลมหายใจแรงๆ หลังจากนั้นก็เป็นเสียงหายใจอย่างสม่ำเสมอแทน ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมองคนตรงหน้าปรากฏว่าคนตรงหน้าได้หลับไปแล้ว หลับเร็วจัง ผมยิ้มพลางเอื้อมมือไปปิดโคมไฟบนหัวเตียงเหลือแต่ไฟห้องที่ยังเปิดอยู่ช่างมันเถอะหลับทั้งๆแบบนี้แหละ ว่าแล้วก็ขอหอมอีกทีนะ แต่ไม่ดีกว่าทำรอยไว้ดีกว่า ผมก้มลงดูดเม้มซอกคอขาวพอเป็นรอย ทำให้ผมได้กลิ่นสบู่อ่อนๆ อ่า อดทนไว้คุโระ อดทนไว้ อดเปรี้ยวไว้กินหวานท่องไว้ๆ ผมบอกกับตัวเองก่อนจะข่มตาหลับในที่สุด

 

Part Fawn

                ผมลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามีแสงสว่างวูบขึ้นมาโดนดวงตาของผม เมื่อผมมองไปที่มาของแสงนั่นผมก็ต้องเห็นหมาน้อยตัวหนึ่งส่องแสงสว่างแล้วมันค่อยๆหายไปในตัวของหมาตัวนั่น รอบตัวของมันมีเสื้อผ้าชุดหนึ่งกองอยู่บนเตียงเป็นเสื้อผ้าที่ผมโยนให้คนคนหนึ่งไว้ใส่เมื่อคืน อ่า เรื่องจริงเหรอเนี่ยนึกว่าฝันซักอีก หมากลายเป็นคน คนกลายเป็นหมา เฮ้อ..

                ผมค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นจากเตียงช้าๆเพราะกลัวว่าเจ้าตูบมันตื่น แล้วทำไมผมต้องแคร์หมานี่ด้วยเนี่ย= = ผมเดินเอื่อยๆไปที่ห้องน้ำว่าจะล้างแปรงฟันก่อนลงไปกินข้าว แล้วจู่ๆเจ้าสี่ขาก็วิ่งตามผมมา ตัวป้อมๆของมันกำลังพันแข้งพันขาผมเหมือนจะอ้อนอะไรซักอย่าง

                “นายจะเอาอะไร หิวเหรอ” ผมว่าพลางอุ้มมันขึ้นมา หมาน้อยมองตาแป๋วพลางส่ายหน้า

                “แล้วจะเอาอะไรล่ะ” ผมเอียงคอด้วยความสงสัย

โฮ่ง!

                มันเห่าก่อนจะโดดลงจากมือผมแล้ววิ่งไปทางอ่างอาบน้ำ อ่อ อยากให้อาบน้ำให้ เมื่อคืนเราบอกจะอาบน้ำให้มันนี่นะ ผมค่อยๆเดินไปตรงอ่างน้ำ หมาน้อยกำลังนั่งในอ่างพลางมองผมตาแป๋วมันควงหางของมันเป็นพวงอย่างดีใจ ผมอุ้มมันขึ้นมาอยู่ในอ้อมกอดก่อนจะพูดว่า..

                “เดี๋ยวกินข้าวก่อนแล้วจะอาบให้ เข้าใจไหม?” เจ้าตูบพยักหน้าเชิงรับรู้ก่อนจะวิ่งขึ้นไปนอนบนเตียงอีกครั้ง เอาเป็นว่าเข้าใจละกัน ผมเดินออกจากห้องไปข้างล่างเพื่อจะไปห้องอาหารกินข้าวกินปลาก่อนจะไปจัดการไอหมาข้างบนต่อ

                “เป็นไงมั่งหางานได้ไหม” เสียงทุ้มนุ่มแต่เต็มแฝงไปด้วยพลังของพ่อดังขึ้นมาจากหัวโต๊ะอาหาร ผมเดินไปนั่งข้างๆพี่ฟอซที่มานั่งอยู่ก่อนแล้ว โดยฝั่งตรงข้ามเป็นน้องสาวคนเล็ก

                “ไมได้ครับ” ผมตอบพลางยิ้มให้ป้าแม่บ้านที่ตักข้าวต้มให้ผมเป็นการขอบคุณ

                “งั้นแกก็มา..”

                “ผมบอกไปแล้วนะครับ ว่ายังไงผมก็ไม่มีวันทำงานที่บริษัทพ่อเด็ดขาด” ผมพูดแทรกก่อนที่พ่อจะพูดจบประโยคด้วยความหงุดหงิดเพราะผมรู้ดีว่าท่านจะพูดเรื่องอะไร จะเป็นเรื่องอะไรนอกจากจะให้ผมไปทำงานที่บริษัทท่าน ซึ่งผมยืนยันไปหลายครั้งแล้วว่าจะไปเข้าไปทำงานบริษัทของพ่ออีก แต่พ่อก็ยังรั้นให้ผมทำให้ได้

                “แล้วแกจะเอาเงินที่ไหนกิน พ่อไม่มีปัญญาดูแลแกไปจนตายนะ” พ่อบอก แต่ก็เหมือนเดิมผมไม่ฟังก้มหน้าก้มตากินข้าวต้มอย่างเดียว

                “พี่นี่ จะเล่นตัวไปถึงไหนพ่ออุตส่าห์ให้โอกาสคนอย่างพี่นะ” เสียงแหลมสูงที่น่ารำคาญที่สุดในสามโลกดังขึ้น ทำให้ผมต้องช้อนตาขึ้นมองน้องคนเล็ก

                “คนอย่างพี่ทำไมเหรอ” ผมถามเสียงเรียบ จนพี่ฟอซเห็นว่าท่าไม่ดีจึงห้ามทับ

                “เอาน่า กินข้าวเดี๋ยวข้าวเย็นหมดนะ เฟาลรีบกินสิเดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายหรอก ว่าแต่คอเราไปโดนอะไรมานะฟอน” พี่ฟอซว่าพลางลูบหลังผมเบาๆเหมือนพยายามให้ผมใจเย็นลงพลางถามเมื่อสังเกตสิ่งที่ผิดปกติบนคอผม รอยที่คอเหรอ สงสัยโดนมดกัดมั้ง ผมก้มลงกินข้าวต้มอีกครั้ง วันนี้ข้าวต้มอร่อยจัง ไม่นานผมก็กินหมด แต่อยากกินอีกอ่ะ ก็เมื่อวานผมไม่ได้กินนี่เนอะ

                “มดกัดมั้งครับ ป้าครับ ขออีกได้ไหมครับ” ผมตอบพี่ฟอซพร้อมบอกป้าแม่บ้านพลางยกชามขึ้นขอป้าเขาอีกชาม

                “ได้สิคะ ป้าทำไว้เยอะเลยนะคะ” ป้าแม่บ้านบอกยิ้มก่อนจะหยิบชามในมือผมไปเติมให้

                “อะไรเนี่ย น้องพี่กินเยอะแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” พี่ฟอซถามยิ้มๆพลางเอื้อมมือมายีหัวผมแรงๆ เห็นหัวผมเป็นอะไรครับพี่

                “ก็มันอร่อยนี่” ผมตอบพลางยู่หน้าใส่พี่ชาย

                “ทำเป็นคนอดอยากไปได้” เสียงแหลมเหน็บผมพลางส่งสายตาเหยียดใส่ผม คุณสงสัยใช่ไหมว่าทำไมผมกับยัยนี่ถึงไม่ถูกกัน ก็เพราะเฟาลเป็นลูกของภรรยาใหม่ของพ่อไงล่ะ ผมลืมเล่าเรื่องที่แม่ผมเสียตั้งแต่เด็กใช่ไหม พ่อเล่าให้ฟังว่าแม่เสียตั้งแต่คลอดผมแล้วพี่ฟอซอายุสิบปี หลังจากนั้นห้าปีพี่ฟอซก็มาทำงาน ใช่ ที่ผมเล่าให้ฟังไงที่พี่ฟอซทำงานตั้งแต่สิบห้าเพราะไม่มีคนทำแทนแม่เขาเลยทำแทน แต่ไม่นานไม่ถึงเดือนพ่อก็มีภรรยาใหม่แล้วมีเฟาลไม่กี่เดือนต่อมา แต่แม่ของเฟาลก็เสียตอนที่เฟาลอายุเพียงสิบห้าปีนี่ก็สองปีแล้วที่คุณป้าเสีย เธอมีสายเลือดเดียวกับผมแค่ครึ่งเดียวเท่านั้นแต่นิสัยเราห่างกันสุดขั้ว ผมติดดิน เธอติดหรู ในฐานะที่เป็นน้องเล็กจึงถูกตามใจมากที่สุด แค่เธอบอกเพียงคำเดียวพ่อก็ประเคนให้แทบจะทันที แต่เรื่องนั่นผมไม่ค่อยแคร์อ่ะนะ มีไม่กี่เหตุผลที่ผมไม่ชอบเธอคือ เธอไม่รู้จักมีสัมมาคารวะไง ดูอย่างเมื่อคืนสิ เธอพยายามจะเข้าห้องผมให้ได้ทั้งๆที่ผมห้ามแล้วนะ  แล้วก็เสียงแหลมๆนั่นอีกที่ทำให้ผมรำคาญ แต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงไม่ชอบผม ผมไม่ได้แสดงออกอะไรมาก แต่เธอแสดงออกมาชัดเจนเลย  สายตานั่น ท่าทางถือดี มีเพียงผมที่เธอแสดงออกมาแบบนั้น

                “ข้าวต้มมาแล้วค่ะคุณฟอน” เสียงป้าแม่บ้านดังขึ้นทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ เมื่อผมมองไปที่เฟาลเธอก็ยังส่งสายตาเหยียดๆมาให้ผมเหมือนเหมือนเดิม

                “ขอบคุณครับ” ผมหันไปขอบคุณป้าแม่บ้านก่อนจะก้มหน้ากินต่อโดยไม่สนใจน้องสาวคนเล็ก เหนื่อยแล้วครับเหนื่อยแล้วที่จะมาต่อล้อต่อเถียงกับน้องมัน

โฮ่งๆๆ

                จู่ๆก็มีเสียงของไอหมานั่นดังขึ้นจากด้านบน ทำให้ผมต้องหันไปมองทางบันได พบว่าหมานั่นกำลังถูกแม่บ้านคนหนึ่งวิ่งไล่จับมัน เจ้าตูบวิ่งหางจุกตูดมาทางผมแล้วกระโดดขึ้นมานั่งตักผมอย่างถือวิสาสะ

                “เกิดอะไรขึ้น” ผมถามเสียงเรียบ

                “ก็สุนัขตัวนี้นะสิคะ เห่าเสียงดังดิฉันก็เลยจะจับมันไปปล่อยข้างนอก ไม่รู้มาจากไหนแล้วขึ้นไปข้างบนได้ยังไงก็ไม่รู้” แม่บ้านคนนั้นอธิบาย ผมมองหน้าหมาเจ้าปัญหาบนตักมันก้มหน้าอย่างสำนึกผิด คงหิวสินะ ว่าแต่ออกมาได้ไงวะ ช่างเถอะๆ

                “สุนัขตัวนี้เป็นของชั้น เธอไม่มีสิทธ์เอามันไปปล่อย ทีหน้าทีหลังก็ดูมั่งว่ามันอยู่กับใคร” ผมว่าเสียงเย็น

                “ค่ะ ด..ดิฉันขออภัยค่ะ” แม่บ้านพูดเสียงสั่น ก่อนจะวิ่งไปทำงานตัวเองต่อ

                “หิวล่ะสินายอ่ะ ถึงได้เห่าให้ชั้นไปให้อาหารใช่ไหมล่ะ” ผมพูดกับหมาบนตัก มันก็เห่าเบาๆแล้วเอาหน้าของมันมาคลอเคลียแขนผมอ้อนๆ

                “ป้าครับ เดี๋ยวช่วยเอาข้าวให้หมาตัวนี้ชามหนึ่งนะครับ” ผมสั่งป้าแม่บ้านเบาๆ

                “ให้มันกินอาหารหมาสิ ให้กินข้าวต้มทำไม” เสียงแหลมแทรกขึ้นอีกครั้ง ผมเงยมองหน้าเธอผมเห็นแววตาของเธอเจือปนด้วยความโกรธแค้นและเศร้าไปเวลาเดียวกัน เธอมองหมาของผมด้วยแววตาแบบนั้นทำไมกันนะ

                “มันไม่ชอบน่ะ” ผมตอบแบบขอไปที ก่อนจะวางเจ้าตูบลงบนพื้น แล้วให้ป้าแม่บ้านวางข้าวต้มให้มันกิน ดูท่าจะชอบแหะแทบจะเอาหัวมุดชามแล้วนั่น

                “ดูท่ามันจะชอบนะ” พี่ฟอซพูดยิ้มๆพลางลุกขึ้นไปนั่งข้างหมานั่นด้วย

                “ตั้งชื่อให้มันรึยังฟอน” พ่อถามพร้อมมองไปที่หมานี่ยิ้มๆ

                “ผมชอบเรียกมันว่าเจ้าตูบอ่ะครับ” ผมตอบพลางมองไปที่พี่ฟอซที่กำลังเล่นกับเจ้าตูบอยู่

                “เจ้านี่มันน่ารักจังเนอะ” พี่ฟอซว่าพลางเอามือแหย่ปากเจ้าตูบให้มันงับเล่น ผมยิ้มให้กับการกระทำนั่น เจ้านี่เป็นที่รักของพี่ฟอซกับพ่อไปซะแล้ว นี่ถ้าพวกเขารู้ว่ามันเป็นคนได้เขาจะรักมันแบบนี้ไหมเนี่ย

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา