ปมลิขิตรัก

10.0

เขียนโดย ลันตนา

วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 09.51 น.

  6 บท
  4 วิจารณ์
  8,700 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 เมษายน พ.ศ. 2562 19.56 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) หน้าเงียบๆ หญิงเพียบนะคะ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 5/1

               “ฉันเจอคุณเควินที่ไหน รู้จักกันได้ยังไง มันเกี่ยวอะไรกับคุณ” ญาณิศาตอกกลับ เธอเริ่มรู้สึกว่าหญิงสาวแปลกหน้าคนนี้อยากรู้เรื่องส่วนตัวมากเกินไป ดาเลนหรี่ตาลงอย่างพิจารณาสาวตรงหน้า

               “เกี่ยวแน่ เพราะฉันเป็น...”

               “เกรซ เข้าบ้านได้แล้ว” ดาเลนเอ่ยประโยคยังไม่จบก็มีเสียงหนึ่งดังขัดจังหวะขึ้นมา เจ้าของเสียงโผล่ออกมาพูดจบแล้วหลุบหายเข้าไปในบ้าน ดาเลนยัดสัมภาระทั้งหมดในมือใส่ในมือญาณิศา หญิงสาวรับมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

               “ช่วยถือหน่อยนะ เกรซ” ดาเลนกดยิ้มมุมปากข้างหนึ่งก่อนหันหลังสาวเท้าเดินเข้าในบ้าน ญาณิศาจำใจต้องถือสัมภาระในมือเพราะเจ้าของ มันเดินห่างไปไกลแล้ว เธอพาพวกมันเข้ามาอย่างทุลักทุเลในมือเธอมีแฟ้มเอกสารสี่แฟ้มซึ่งต้องถือด้วยแขนข้างเดียวและถุงช็อปปิ้งใบโต

               “ใครให้คุณถือของพวกนี้” คาร์ลอสเดินเข้ามาหาญาณิศาและจับสิ่งของพวกนั้นมาถือเอง ญาณิศาเบี่ยงสายตาไปที่หญิงสาวอีกคนหนึ่ง ชายหนุ่มหันตามเธอ

               “คุณให้เกรซถือของพวกนี้เหรอ” เขาถามทั้งที่รู้เห็นทุกอย่างตั้งแต่ดาเลนเดินเข้ามาในบ้านและยัดเยียดสิ่งของให้ญาณิศา ดาเลนเห็นดังนั้นจึงคิดเอาตัวรอด

               “ค่ะ คือฉันเจ็บมือฉันเลยขอร้องให้เธอช่วยถือของ” ดาเลนยกมือขึ้นลูบคล้ายว่าเจ็บปวด ญาณิศาไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกเขาพูดแต่พอสื่อความหมายได้ว่าพวกเขากำลังพูดถึงเธอเพราะทั้งสองมองมาที่เธอเป็นระยะ

               “คุณช่วยดาเลนถือของจริงมั้ย”คาร์ลอสถาม

               ญาณิศามองดาเลนเล็กน้อย “จริงคุณดาเลนขอร้องให้ฉันช่วยถือของ” ญาณิศายอมตอบไม่ตรงความจริงเพราะเธอคิดว่าเธออยู่ที่นี่อีกไม่นานจึงไม่อยากสร้างปัญหาหรือมีเรื่องกับใคร

              ‘ทำไมต้องโกหก’ คาร์ลอสคิดในใจเพราะตอนนั้นสิ่งที่เขาเห็นคือดาเลนยัดเยียดสิ่งของในมือตัวเองให้ญาณิศาโดย ไม่ทันตั้งตัวจนร่างเล็กเซเกือบล้ม และมือของดาเลนไม่เจ็บจริงเพราะเขาเห็นเธอสามารถถือสัมภาระได้ดีตั้งแต่หน้าประตูจนมาเจอญาณิศาข้างรั่ว น้ำหนักของของที่เขาเพิ่งถือเมื่อครู่ก็มิใช้น้อย และดาเลนยังสามารถส่งแรกผลักให้ญาณิศาได้ คาร์ลอสไม่อยากคิดติดใจเค้นเอาความจริงจากฝ่ายใด เขาไม่อยากทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่จึงปล่อยให้ผ่านไป

              คาร์ลอสเอ่ยถามถึงธุระของดาเลนที่ต้องมาหาถึงบ้าน ดาเลนบอกถึงเหตุผล จากนั้นดาเลนจึงไปจัดเตรียมตัวอย่างกาแฟสูตรใหม่ให้ชายหนุ่มลองชิม

               “คุณเกรซคะถ้าไม่รังเกียจช่วยชิมกาแฟสูตรใหม่และช่วยวิจารณ์ได้ไหมคะ” ดาเลนถามเป็นกันเอง น้ำเสียงและรอยยิ้มแลดูเป็นมิตร ต่างจากเมื่อครู่ราวกับคนละคน

               “ขอบคุณค่ะแต่ฉันแพ้กาแฟ” ญาณิศาเอ่ยกระชับและยิ้มอ่อนๆ ให้ดาเลน

                คาร์ลอสและดาเลนต่างช่วยกันชิมกาแฟสูตรใหม่ ตรงนั้นยังมีญาณิศานั่งอ่านนิตยาสารอยู่ด้วยแต่เธอรู้สึกว่าไม่ได้เป็นส่วนร่วมเท่าไหร่เธอรู้สึกอย่างเดียวตอนนี้คือคล้ายเป็นส่วนเกิน ทั้งสองพูดคุยกันอย่างออกรส ยิ่งเธอเห็นชายหนุ่มพูดคุยอย่างสนุกสนานกับดาเลนเธออยากออกไปจากตรงนี้ให้พ้น

                ขณะที่ญาณิศารู้สึกเป็นส่วนเกินในตอนนั้นเดรโก้เดินเข้ามาในบ้าน คนรู้สึกเป็นส่วนเกินใจชื่นขึ้นมาเป็นกอง เดรโก้เดินตรงเข้ามาในกลุ่มหญิงสองชายหนึ่งกำลังนั่งอยู่ ดาเลนเอ่ยทักเดรโก้และชวนชายหนุ่มชิมกาแฟสูตรใหม่ พอชิมเสร็จเขาวิจารณ์ตามระเบียบ

                “วันนี้วันหยุดนายมาทำไม” คาร์ลอสถามคนมาใหม่และไม่วายแอบเหลือบมองคนแพ้กาแฟกำลังนั่งจิบน้ำผลไม้บนโซฟาตรงข้าม

                 “วันนี้ฉันมาหาลูก” เดรโก้ตอบสบายๆ เขามองที่ญาณิศา หญิงสาวเห็นเขามองมาจึงยิ้มตอบ “คุณเกรซไปเยี่ยมลูกๆ ของผมไหมครับ” ดาเลนและคาร์ลอสเข้าใจคำว่า ลูกๆ ของเดรโก้

                 “ลูกๆ?” คนถูกถามทวนคำ เรียวคิ้วสวยขมวดกันยุ่งๆ พร้อมเอียงคอเล็กน้อย เดรโก้ยิ้มบางๆ กับท่าทางของเธอ

                 “ฉันไม่อนุญาต” มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ญาณิศา เดรโก้ และดาเลนหันมองต้นเสียงกันเป็นตาเดียว คาร์ลอสเร่งคิดหาเหตุผล “เธอเพิ่งหายป่วยออกไปตากแดดตากลมไม่ได้เดี๋ยวไข้กลับ”

                  “ฉันหายดีแล้ว” ญาณิศาแย้ง

                 “ใช่ ฉันว่าเกรซอาการดีขึ้นมาก ให้เธอออกไปเดินเล่นบ้างเธอจะได้ไม่เบื่อ ไม่ต้องห่วงฉันดูแลเธออย่างดี” เดรโก้ให้คำมั่น คาร์ลอสได้ยินดังนั้นจึงยอมอนุญาต

                  “ฉันอยากเจอลูกๆ ของคุณจัง” ญาณิศาบอกเจ้าของเด็กๆอย่างตื่นเต้น ‘จะน่ารักเหมือนคุณพ่อมั้ยหนอ’ ญาณิศาเผยยิ้มกว้างให้เดรโก้

                  “ลูกๆ ของผมก็อยากเจอคุณเหมือนกัน” แล้วทั้งสองก็พากันออกไปข้างนอก กระทั่งเสียงมอเตอร์ไซคันใหญ่ของเดรโก้ดังขึ้นแล้วแล่นหายห่างไปไกลจนทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ

                   ดาเลนออกมองออกไปหน้าบ้านซึ่งไร้เงาคนแล้วหันกลับมามองหน้าคาร์ลอสเงียบๆ ‘...ไม่ต้องห่วงฉันดูแลเธออย่างดี’ ดาเลนคิดทวนคำพูดประโยคหนึ่งของเดรโก้คล้ายกับว่ามีความนัยน์บางอย่างแอบแฝง ถ้าเกรซเป็นเพียงแค่เพื่อนของคาร์ลอสจริงทำไมต้องห่วงและดูแลอย่างดี

                  “เกรซกับนายเป็นเพื่อนกันจริงหรือปล่า” ดาเลนถามคาร์ลอสแต่เขาคล้ายเหม่อลอยเธอจึงเรียกชื่อเขาซ้ำๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ

                  “อ้อ...กาแฟสูตรใหม่อร่อยดี” คาร์ลอสหลุดออกจากภวังค์ ดาเลนเห็นเช่นนั้นจึงหรี่ตามองชายหนุ่ม

                  “ทำไมช่วงนี้ดูเหม่อลอยจังนายไม่เคยเป็นแบบนี้เลย” ดาเลนพูดตามที่เห็น

                  “ช่วงนี้เหนื่อยๆ ขอตัว” คาร์ลอสยืดร่างลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนเดินไปหยุดอยู่ที่ประตูห้องทำงาน

                  “อ๊ะ  อ้าว เรื่องกาแฟละ” ดาเลนลุกขึ้นบ้าง

                  “เอาไปปรับใหม่อีกนิดแล้วค่อยเอามาให้ฉันชิมใหม่” พูดจบชายหนุ่มหลุบหายเข้าไปในห้อง ดาเลนหย่อนร่างลงนั่งมองบานประตูปิดสนิท

                   ช่วงหลังมานี้คาร์ลอสเปลี่ยนไปมาก ในวันจันทร์ถึงวันอาทิตย์คาร์ลอสชอบเข้าไปเก็บตัวอยู่ในออฟฟิสตั้งแต่เช้ายันค่ำแต่ช่วงนี้ทุกวันปกติพอได้เวลาสี่โมงเย็นเขาเก็บของกลับบ้านแม้มีงานค้างเขายังหอบไปทำต่อที่บ้าน เกิดอะไรขึ้นกับผู้ชายบ้างานอย่างคาร์ลอส

 

                  ทางด้านคนมาเยี่ยมเด็กๆ อย่างญาณิศากำลังดีใจเมื่อได้ออกมาเปิดหูเปิดตาข้างนอก เธอไม่อยากเอาแต่อุดอู้อยู่แต่ในบ้านอยู่กับคนบ้าอารมณ์แปรปรวนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย และอีกอย่างเธอไม่อยากนั่งเป็นส่วนเกินของสองคนนั่น

                 “คุณเป็นอะไรมั้ย ไหวหรือเปล่า” เดรโก้ถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของคนตามมาด้วยไม่ค่อยดีนักเกรงว่าหญิงสาวจะไข้กลับ

                 “ฉันโอเคถึงแล้วเหรอ” หญิงสาวเอ่ยถามเพื่อความมั่นใจเพราะตอนนี้ด้านหน้าของเธอคือสถานที่กว้างๆ ซึ่งมุงหลังคาด้วยพลาสติก ใต้หลังคามีถุงเพาะเรียงรายตั่งอยู่เป็นกลุ่มเรียงกันเป็นแถว

                 “ลูกๆ คุณอยู่ที่นี่เหรอคะ” ญาณิศาชี้นิ้วเข้าไปในที่นั่น เรียวคิ้วสวยขมวดกันจนยุ่ง เดรโก้แอบยิ้มบางๆ เขาตอบยอมรับก่อนพาเธอเดินเข้าไปข้างใน

                  ‘เขาเลี้ยงลูกในโรงเพาะชำเหรอ...เด็กจะนอนยังไง กินยังไง แม่เขาละ’ ญาณิศาคิดในใจพลางมองท้ายทอยคนเดินนำ เมื่อเดินตามมาถึงที่ชายหนุ่มจึงแนะนำให้รู้จักลูกๆ ของเขา

                  “นี่ไงลูกของผม” เดรโก้หยิบถุงเพาะต้นไม้ถุงหนึ่งขึ้นมา ในถุงนั่นมีหน่ออ่อนสีเขียวของต้นไม้โผล่ขึ้นมาพ้นดิน ญาณิศารับถุงเพาะมาไว้ในมือ หญิงสาวเผยยิ้มกว้างให้กับลูกของเขาและยิ้มให้กับคนนำเธอมา เธอไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายหน้าเข้มๆ อย่างเดรโก้มีอารมณ์น่ารักเช่นนี้ เดรโก้ยังเล่าอีกว่าที่นี่เป็นโรงเพาะต้นกล้ากาแฟต้นใหม่มากมาย เพาะไว้ขายและเพาะปลูกใช่ภายในไร่

                  “คุณมาหาพวกเขาทุกวันเหรอ” ญาณิศาถามอย่างสนใจ

                  “ไม่ทุกวันครับ ที่นี่มีคนดูแลตลอดแต่วันหยุดพวกเขาขอพักผมจึงต้องมาดูแลเอง” ชายหนุ่มมองหญิงสาว                            “สนใจจะสมัครเป็นแม่ของลูกๆ ผมมั้ย” ชายหนุ่มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ หญิงสาวมองลูกของเขาสลับคนที่บอกว่าตัวเองเป็นพ่อ

                 “ฉันคงดูแลพวกเขาได้ไม่ดีเท่าคุณหรอก” ญาณิศาตอบเขา นัยน์ตาของเธอส่งแววขอโทษกลายๆ ก่อนส่งถุงสีดำคืนเดรโก้

                  เขารับมันมา “ไม่ต้องดูแลพวกเขาเหมือนที่ผมทำแค่คุณมาที่นี่กับผมทุกวันหยุดก็พอ เท่านี้ลูกๆ ของผมเขาก็ดีใจมาก” เดรโก้ส่งยิ้มกล้างให้หญิงสาว

                 ญาณิศาได้ยินดังนั่นจึงบอกว่า “ได้สิคะ” เธอส่งยิ้มกว้างโชว์ฟันสวย ดีเสียอีกจะได้มีอะไรทำแก้เบื่อ

                 ชายหนุ่มเดินไปหยิบบัวรดน้ำมารดน้ำต้นอ่อนกาแฟ ญาณิศาขออาสาช่วยเดรโก้ปฏิเสธแต่ว่า

                “ให้ฉันช่วยนะคะ เห็นคุณทำอยู่คนเดียวคงเหนื่อยแย่ เด็กๆ ก็คงอยากให้ฉันรดน้ำให้” ญาณิศาแย่งบัวรดน้ำในมือหนา ยิ้มอ่อนๆ ระบายบนหน้าชายหนุ่ม เดรโก้มองหญิงสาวที่อาสาขอช่วย เดรโก้คิดถึงการมาอยู่ที่นี่ของเธอไม่ใช่เรื่องธรรมดาดังนั้นเธออาจจะเครียดและคิดถึงบ้าน

               “คุณเครียดเรื่องคดีหรือเปล่า” คนถูกถามละสายตาจากการรดน้ำต้นไม้ เธอมองเขาราวกับว่ารู้ว่าเธอมาอยู่ที่นี้เพราะอะไร

                “ผมทราบเรื่องคุณเป็นพยานครับ เรื่องนี้มีผม เควินและพี่เบลล่าเท่านั่นที่ทราบ” ชายหนุ่มเฉลย นั่นทำให้เธออุ่นใจมากขึ้น

                ญาณิศาถอนหายใจ “เครียดสิคะ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตำรวจบอกว่าพวกคนร้ายน่าจะเป็นพวกมีอิทธิพลมากถึงกล้าลงมือได้อย่างอุกอาจ” ใบหน้าเล็กสลดลง ญาณิศามาบราซิลเพื่อต้องการหนีร้อนมาพึ่งเย็นแต่พอมาถึงที่นี้กลับพบเจอเรื่องร้อนกว่าเก่า เธอไม่รู้เลยว่าชะตากรรมวันข้างหน้าเป็นอย่างไร

               เดรโก้รู้สึกสลดใจไม่แพ้เธอ ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาท่องเที่ยวแต่ต้องประสบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน  เขาคิดผิดที่ถามเธอถึงเรื่องนี้

               “สู้ๆ ครับ ผมเชื่อว่ามันต้องผ่านไปได้ด้วยดี” เดรโก้ส่งยิ้มกว้างให้ญาณิศา จากนั้นเขาบอกให้เธอหยุดรดน้ำเพราะเขาบอกว่าจะพาไปดูอะไรบางอย่าง

               อะไรบางอย่างของเดรโก้ทำให้ญาณิศาตื่นเต้นจนต้องซอยเท้ารัวๆ ตามร่างสูงแต่เกิดสะดุดกับท่อพีวีซีบนพื้นจนร่างเล็กล้มขมัมลงบนถุงเพาะ

               เดรโก้ซึ่งเดินนำได้ยินเสียงดังโอ๊ยข้างหลังจึงหันมามอง เขาสาวเท้าเข้ามาหาหญิงสาว ญาณิศาจับข้อเท้าตัวเองพร้อมใบหน้าเหยเก เดรโก้เข้าไปสำรวจข้อเท้าของเธอพบว่าหญิงสาวมีอาการข้อเท้าแพลง เจ้าของโรงเพาะจึงช้อนร่างพยานสาวขึ้นมาและพาเธอไปหาที่นั่ง ร่างสูงนั่งยองๆ ข้างหน้าญาณิศาและพยายามนวดข้อเท้าเธอ

              “ไม่เป็นไรฉันนวดเองได้” ญาณิศาพยายามปรามชายหนุ่มที่พยายามนวดข้อเท้า

              “ผมเป็นคนทำให้คุณเจ็บตัว ดังนั่นผมต้องช่วยคุณ” เขายังยืนยันในความจำนง ญาณิศาเผยยิ้มอ่อนๆ ให้กับศีรษะของชายหนุ่มกำลังก้ม

              “พวกนายกำลังทำอะไร” เสียงทุ่มของใครบางคนดังขึ้น ทำให้เดรโก้หยุดสิ่งที่ทำอยู่และทั้งสองพร้อมใจกันหันไปมองต้นเสียง

 

 5/2

                    ทั้งสองหันไปมองพร้อมกันพบว่าคาร์ลอสยืนอยู่ ดวงตาคมกล้าไม่ได้มองมาที่ญาณิศาแต่มองมาที่เดรโก้ ดวงตานั่นคล้ายกับว่ากำลังไม่พอใจบางอย่าง

                   “ใครอนุญาตให้พาคนนอกเข้ามาในโรงเพาะ” คาร์ลอสมองญาณิศานิ่ง คนถูกมองหลบสายตาไปทางอื่น เดรโก้มองชายหญิงสองคนสลับกัน เขาทราบดีในเรื่องที่เพื่อนหนุ่มพูด

                   “ทำไมต้นไม้พังเละแทะแบบนั้น” เขาชี้ไปที่ซากต้นไม้ปรักหักพัง

                   “ไม่มีใครอนุญาต ฉันพาเธอมาเองและเมื่อกี้เธอหกล้ม” เดรโก้สารภาพพร้อมหันมอหญิงสาวที่พามาด้วย เธอหน้าจ๋อย

                   “คุณออกมานานมากกลับบ้านได้แล้ว” ญาณิศาลุกขึ้นตามแรกกระชากของอีกฝ่าย ข้อเท้าเพิ่งนวดใกล้หายดีเป็นต้องอาการหนักกว่าเดิม เสียงทักของเดรโก้บอกว่าเธอเจ็บข้อเท้าไม่ได้ทำให้คาร์ลอสหยุดเดิน

                   “เดินช้าๆ หน่อยสิฉันเจ็บข้อเท้า” ญาณิศาพยายามร้องบอกเขาแต่เสียงของเธอเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาของคาร์ลอส

                    คาร์ลอสปล่อยให้ญาณิศาออกมาข้างนอกกับเดรโก้จนเขาเกือบลืมหน้าที่และอีกอย่างเขาเห็นแดดข้างนอกยิ่งแรงพอใกล้ช่วงเที่ยงกลัวว่าหญิงสาวจะไข้กลับแม้ว่าเดรโก้ให้คำมั่นแล้วว่าจะดูแลเธออย่างดีแต่เขาไม่อาจวางใจได้ พอมาถึงโรงเพาะชำเขาเห็นภาพที่คิดว่าถ้าใครเห็นก็ต้องคิดเป็นอย่างอื่น บอกตามตรงว่าภาพใกล้ชิดสนิทสนมของทั้งสองทำให้เขาร้อนรุ่มอย่างประหลาด

                   มาถึงบ้าน คาร์ลอสจัดการหายาทาและยาทานแก้ปวดให้เธอ เขามานั่งคุกเขาตรงหน้าญาณิศาและจัดการนวดบริเวณข้อเท้าบวมเป่ง

                  “พอเถอะฉันนวดเองดีกว่าถ้าขืนให้นายนวดต่อไปฉันคงพิการพอดี” ญาณิศาบอกแกมประชด ถ้าขืนให้เขาทำเธอเกรงว่าตัวเองจะอาการหนักกว่าเดิมและตอนนี้เธอไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มไปกินรังแตนมาจากไหนถึงได้ระบายอารมณ์ผ่านการนวด คาร์ลอสปล่อยมือจากข้อเท้าแล้วยืดตัวขึ้นยืน

                  “เควินขาาา” เสียงแจ๋นๆ ของใครบางคนดังขึ้นที่ประตู ญาณิศาและคาร์ลอสหันไปหาต้นเสียง ในตอนนั้นเดรโก้ ออสตินและเกรย์เข้ามาในบ้าน เสียงแจ๋นที่ได้ยินคือเสียงของเคธี่

                   เคธี่เดินเข้าในในโซนห้องรับแขกก่อนใคร วันนี้เธอสามารถเข้ามาได้โดยไม่ต้องเกรงว่าชายหนุ่มเจ้าของบ้านจะพ่นไฟใส่เพราะวันนี้พี่ออสตินมาด้วย เคธี่เดินตรงไปทางหนุ่มเจ้าของบ้านพร้อมคล้องแขนอย่างถือตนว่าเป็นเจ้าของ เคธี่ลดสายตาลงต่ำเมื่อเห็นใครบางคนนั่งสลอนอยู่บนโซฟา

“เกรซคุณเป็นไงบ้าง” เดรโก้ถามอย่างร้อนใจ ไม่รู้ว่าคาร์ลอสทำอะไรเธอบ้าง

                      “ฉันไม่เป็นไรแล้วค่ะ” ญาณิศายิ้มแห้งๆ ให้เดรโก้เพื่อให้เขาสบายใจ เดรโก้เดินเข้ามาใกล้แต่

                      “นายกลับไปเถอะเธอดีขึ้นแล้ว” คาร์ลอสพูด เดรโก้พยายามจะเดินเข้าไปแด่ถูกมือของคร์ลอสดันตัวเขาไว้ เดรโก้ยอมถอยห่าง

                     “ฝากดูแลเธอด้วย” เดรโก้บอก

                     “นั่นมันหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว” คาร์ลอสบอกเสียงเรียบพร้อมสบตาเพื่อน เดรโก้ได้ยินเช่นนั้นจึงยอมกลับไปโดยดี

                     เคธี่ยืนอยู่ใกล้ในตอนแรกไม่คิดสนใจหญิงสาวผิวขาวน้ำนมคนนี้เสียเท่าไหร่แต่พอได้ยินคำพูดของเดรโก้และคาร์ลอสจึงเกิดความสนใจขึ้นมา

“ยัยนี้ใครคะ” เคธี่เบ้ปากให้ศีรษะของหญิงสาว

“เพื่อนของผม” เจ้าของบ้านตอบโดยไม่ได้หันมองคนบนโซฟา “พวกนายมีธุระอะไร” เสียงทุ่มเอ่ยปนเซ็งถามชายหนุ่มสองคนมาใหม่

“ธุรงธุระอะไรฉันแค่มาเยี่ยมเพื่อน” ออสตินพูด สายตาไม่วายชำเลืองมองหญิงสาวบนโซฟา

“ใช่ๆ นี่นายไม่คิดจะแนะนำเพื่อนของนายให้พวกฉันรู้จักหน่อยเหรอ” เกรย์พูดและยังส่งสายตากรุ้มกริ่มให้หญิงสาว หญิงสาวบนโซฟาบนโซฟารู้สึกอึดอัดน้อยๆ กับสายตาของเกรย์ที่มองมา

“ไม่จำเป็น ฉันคิดว่าเสียเวลาเปล่าที่รู้จักกับคนอย่างนาย” คาร์ลอสมองเกรย์เขม็ง “คุณขึ้นไปข้างบนก่อน” คาร์ลอสส่งยาในมือให้ญาณิศา

ญาณิศาพาร่างตัวเองกับข้อเท้าบวมแดงเดินขึ้นไปชั้นสองอย่างทุลักทุเล ในมือถือยาและยังต้องจับราวบันใดขาข้างไม่เจ็บช่วยพยุงร่างไม่ให้ล้มแต่มันช่างลำบากเหลือเกิน คาร์ลอสเห็นดังนั้นรู้สึกรำคาญสายตาเขาแกะมือเหนียวๆ ของเคธี่ออกจากนั่นตรงไปทางบันใดแล้วช้อนร่างของคนเจ็บขาขึ้นมาไว้บนแขน

“เควินคะอย่าไปช่วยมันนะ” เสียงเคธี่ร้องทักไม่ทำให้เขาหยุด

“ปล่อย! ฉันเดินเองได้กลับไปดูแลแขกของนายเถอะ”

คาร์ลอสหยักยิ้มข้างเดียว “ออกมาเดี๋ยวเดียวคงไม่เป็นไร ส่วนคุณละเดินยังไงเดินอยู่ห้านาทีเพิ่งได้สองขั้น พรุ่งนี้คงไม่ถึง” ชายหนุ่มเอ่ยเย้ย คาร์ลอสเดินขึ้นมาหยุดอยู่หน้าห้อง

“ส่งแค่นี้ละหวังว่าถ้าผมเสร็จธุระแล้วขึ้นมาคุณคงเดินเข้าถึงข้างในห้องแล้ว” ชายหนุ่มกลับหลังหันเดิน

‘รีบไปเอาใจแม่สาวเสียงแจ๋นละสิ’ ญาณิศาคิดเคืองในใจ หญิงสาวยกกำปั้นขึ้นทำท่าต่อยแต่กลายเป็นเกาท้ายทอยเพราะเขาหันมาแล้วหันกลับไป

 “ชิ! คนนะยะไม่ใช้เต่า” ญาณิศาเบ้ปากให้กับทางเดินว่างเปล่าที่ชายหนุ่มเพิ่งเดินออกไป

ญาณิศาเดินย่องไปทางระเบียงและมองลงไปข้างล่างเห็นชายหนุ่มสองคนนั่งฝั่งตรงข้ามของคาร์ลอส ส่วนฝั่งของคาร์ลอสมีเขาและหญิงสาวอีกคนนั่งเคียงอยู่

“เห็นหน้าเงียบๆ แต่หญิงเพียบนะคะ” ญาณิศาเอ่ยเสียงเบาพร้อมยิ้มเล็กๆ บนใบหน้า

ในวันนั้นวันที่คาร์ลอสมารับเธอที่โรงพักระหว่างขากลับเธอเห็นตำรวจสาวๆ ทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ส่งสายตาปิ้งปั้งให้เขาแต่ชายหนุ่มไม่มีท่าทีสนใจ ช่วงนั่งเครื่องบินมาจีเรสเหล่าแอร์โฮสเตดสาวต่างส่งสายตาหวานเชื่อมและรอยยิ้มพิมพ์ใจให้เขาแต่เหล่านางฟ้าต้องรับประทานแห้วกันเป็นแถว จนกระทั่งมาถึงไร่มีทั้งดาเลนและแม่สาวเสียงแจ๋นแล่นมาหาถึงบ้านเขาก็ไม่คิดแยแส บางครั้งเธอแอบคิดว่าเขาไม่ชอบผู้หญิงหรือเปล่า และอีกกรณีหนึ่งคือ...เขารักใครไม่เป็น

ญาณิศาต้องหยุดสิ่งที่กำลังคิดเมื่อชายหนุ่มที่กำลังอยู่ในความคิดแหงนหน้าขึ้นมาตรงระเบียงจนเธอต้องรีบถอยหลบข้อเท้าของเธอมันดันไม่สามัคคีกันทำให้เจ้านายหงายหลังลงดังตึง

“บ้าจริงฉันจะรีบหลบทำไมเนี่ย” ใบหน้าสวยแหยเก ญาณิศายกมือขึ้นลูบข้อเท้าปอยๆ

คาร์ลอสไม่รู้ตัวว่าทำไมช่วงนี้ชอบกินอมยิ้มทุกครั้งที่เห็นหน้าหญิงสาว เรื่องพวกนี้มันหาคำอธิบายให้ตัวเองเข้าใจยากเหลือเกิน

“ว่าไงเงินแค่นี้พอมั้ย” เกรย์เสนอราคาที่ดิน เสียงนั่นทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์ความคิด

คาร์ลอสถอนหายใจ “ไม่ว่านายจะเพิ่มจำนวนเงินขึ้นมากเท่าไหร่ที่ดินฝั่งตะวันออกไม่มีวันเป็นของนาย” คาร์ลอสว่าเสียงเข้ม แววตาคมเอาจริงของเจ้าของที่ดินมิได้ทำให้เกรย์หวั่นเกรงล้มเลกความตั้งใจ

“ไร่ของนายมีตั้งร้อยๆ ไร่ขายแค่สี่หน้าไร่ไม่ทำให้นายเจ้งหรอก และอีกอย่างฉันสัญญาว่าจะผลิตแต่ปุ๋ยดีมีคุณภาพขายให้ชาวบ้าน” เกรย์ให้คำมั่นเสียงหนักแน่น

คาร์ลอสมองหน้าเพื่อนบ้านนิ่ง คำมั่นสัญญาแบบมักง่ายฟังได้แต่ยอมรับคำสัญญาไม่ได้

“ขอบคุณเงินจำนวนมากที่พยายามเสนอเพื่อแลกเปลี่ยนกับที่ดินอันน้อยนิดแต่ฉันอยากให้เงินของนายมาพัฒนาสิ่งแวดล้อมในจีเรสมากกว่า ดีกว่ามาสร้างมลภาวะเพิ่มให้เมืองนี้” ดวงตาคมเข้มมองเกรย์นิ่งเฉยไม่บอกอารมณ์ “หมดธุระของนายแล้วใช่ไหม” คาร์ลอสผายมือไปทางประตู “เชิญ!”

“แหม เดี๋ยวสินานๆ มาทั้งทีนายจะใจดำไล่ฉันกลับตั้งแต่ห้านาทีแรกเลยเหรอ” เจ้าของไร่โปนามามองเจ้าของบ้านสลับกับชั้นลอยข้างบนที่คาร์ลอสเพิ่มมองขึ้นไป

“เพื่อสาวนายมาที่บ้านไม่คิดจะแนะนำให้พวกเรารู้จักหน่อยเหรอ” ออสตินนั่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นบ้างพร้อมชำเลืองขึ้นมองที่เดียวกับคาร์ลอส

“บอกแล้วไงว่าเสียวเวลาหมดธุระแล้วใช้ไหมเชิญพวกนายกลับไปได้แล้ว”

“เดี๋ยวสิคะพวกเราเพิ่งมาเองนี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ววันนี้เคธี่ทานข้าวที่บ้านคุณนะ” หญิงสาวพูดอ้อนพร้อมซบลงบนไหล่หนา คาร์ลอสดันศีรษะนั่นออกอย่างรำคาญ

“ฉันเห็นข่าวพ่อนายถูกยิงตอนนี้ท่านเป็นไงบ้าง” ออสตินพูด คาร์ลอสได้ยินเช่นนั้นก็สบตาผู้พูด

“ใช่ๆ ฉันก็เห็นข่าว” เกรย์วางแก้วน้ำผลไม้และคุกกี้ในมือ

“ท่านอาการทรงตัวไม่แย่ลงและไม่ดีขึ้น” คาร์ลอสจงใจพูดปดเพื่อความปลอดภัยของเดวิด หากหนึ่งในสองคนนี้เป็นคนบงการอาจจะลอบทำร้ายท่านอีกก็ได้

“ฉันไปเยี่ยมท่านได้ไหม” ออสตินพูดด้วยนัยน์ตาสลด

“คงไม่ได้เพราะไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าเยี่ยม”

“แหม เควินคะพวกเราเป็นคนกันเองทั้งนั่นไม่ใช่คนอื่นเสียหน่อยใช่ไหมคะพี่ออสติน คุณเกรย์” เคธี่ยิ้มหวาน หญิงสาวเอื้อมมือจะไปแตะแขนกำยำแต่ชายหนุ่มหลบแขนและขยับตัวออกห่าง ท่าทางนั่นทำให้หญิงสาวต้องมู่หน้า

“ใช่ๆ” เกรย์ส่งเสริมพร้อมหยิบคุ้กกี้เข้าปาก “คุ้กกี้บ้านนายอร่อยดีเนอะ”

“ช่วงนี้นายมีกาแฟสูตรใหม่ๆ หรือเปล่าพอดีฉันอยากชิม” ออสตินเอ่ยถาม

“ตอนนี้อยู่ในช่วงกำลังปรับปรุงสูตรเอาไว้จดลิขสิทธิ์เสร็จเมื่อไหร่ฉันจะให้นายชิมคนแรก” คาร์ลอสยิ้มกริ่ม

คาร์ลอสมองมองออสตินและเกรย์สลับกัน เขาเข้าใจจุดประสงค์การมาที่นี่ของเกรย์ แต่ออสตินถามแค่เรื่องบิดากับเรื่องกาแฟเขาเดาทางไม่ถูกจริง ๆ ส่วนยัยน้องสาวน่ะหรือ...มาอ่อยผู้ชาย

“อีกไม่นานจะมีการแข่งขันบาริสต้านายจะลงแข่งหรือเปล่า” ออสตินถาม คาร์ลอสนึกขึ้นได้เขาลืมเรื่องนี้เสียสนิท

“ฉันลงแข่งแน่” เกรย์ว่าจริงจัง “ว่าแต่เขาจะอนุญาตให้คนมีคดีอย่างเควินลงแข่งเหรอ” เกรย์เอ่ยเย้ยหยั่น สายตามองเจ้าของบ้านอย่างดูหมิ่น เรื่องในอดีตของคาร์ลอสเขาเองก็พอรู้มาบ้าง

ออสตินมองเจ้าของบ้านสลับกับเกรย์ “นายก็พูดเกินไปเขาแข่งกันที่ความสามรถ ไม่ได้แข่งกันที่เรื่องในอดีต” ออสตินว่าอย่างเห็นใจเจ้าของบ้าน เรื่องในอดีตคาร์ลอสเจอมานั้นไม่น้อยหากเป็นตัวเขาเองคงรับไม่ได้เช่นกัน

เกรย์ดีดนิ้วดังเปาะ “เอาอย่างนี้ ถ้าฉันแข่งชนะนาย นายต้องยอมขายที่ดินให้ฉัน” เกรย์ยื่นข้อเสนอ

คาร์ลอสกดยิ้มข้างเดียว “แน่นอน” เขาเอ่ยอย่างมั่นใจในฝีมือและตำแหน่งแชมป์บาริสต้าสี่ปีซ้อน

 

บทที่ 5/3

                เดรโก้นั่งไม่ติดที่ในร้าน CarBel’ Lus Café เขามาที่นี้ตั้งแต่คาร์ลอสห้ามเข้าดูอาการของญาณิศา เขาไม่เข้าใจคาร์ลอสแค่ขอเข้าไปดูอาการของเธอเพราะตอนออกมาจากโรงเพาะคาร์ลอสกระชากลากหญิงสาวกลับบ้านอย่างไม่สนใจว่าข้อเท้าของเธอกำลังบาดเจ็บ

                ดาเลนนั่งซึ่งอยู่ก่อนเดรโก้จะเข้ามาในร้านร้องทัก “นายหยุดเดินสักทีได้มั้ยฉันเวียนหัว” ดาเลนว่าอย่างรำคาน ตั้งแต่เดรโก้เข้ามาในร้านเขาเดินวนไปเวียนมานับสิบรอบ

                เดรโก้ได้ยินเสียงเพื่อนสาวร้องทักจึงหยุดเดิน “โทษที ฉันเป็นห่วงเกรซมาก ไม่รู้เควินจะทำอะไรเธอบ้าง” ไม่เพียงแค่น้ำเสียงที่แสดงถึงความห่วงใยแต่แววดาและสีหน้าออกมาเช่นกัน

                ดาเลนย้อนนึกถึงหญิงสาวชาวเอเชียที่เพิ่งได้เจอเมื่อเช้า เธอคนนั่นชื่อเกรซ เป็นเพื่อนกับคาร์ลอส ดาเลนไม่รู้ว่าสอนคนนี้ไปรู้จักมักจี่กันตั้งแต่เมื่อไหร่ ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคาร์ลอสเธอรู้ทุกสิ่งอย่างแต่ทำไมเรื่องนี้เธอไม่รู้

                “เดรโก้นายรู้หรือเปล่าว่าเควินกับเกรซรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่”

                เดรโก้ได้ยินคำถามของเพื่อนสาวถึงกับง้างปากพูดไม่ค่อยออก หญิงสาวคนนั้นรู้จักกับคาร์ลอสได้อย่างไรหรือมาอยู่ไร่คาร์เบลลัสเพราะสาเหตุอะไร มันช่างหาเหตุผลมาอธิบายยากเหลือเกิน

                “ฉันไม่รู้” เขาตอบส่งๆ เพราะมันคือคำตอบเดียวที่คิดออกในขณะนี้ ดาเลนถอนหายใจหนักหน่วง

                ภายในใจส่วนลึกดาเลนหวังเพียงแค่ว่าเธอคนนั้นเป็นเพียงแค่เพื่อนของชายหนุ่มจริงเพราะมิเช่นนั่นถ้าไม่ใช่แค่เพื่อน เธออาจต้องรีบตัดไฟเสียแต่ต้นลม ดาเลนลองคิดใหม่อีกรอบทำให้เธอเบาใจได้ว่าผู้หญิงคนนั่นไม่ใช้ผู้หญิงในอุดมคติของคาร์ลอสเพราะเขาไม่นิยมของซีดและแห้ง แต่อย่างไรเสียก็ไม่สามารถวางใจได้ทั้งหมดเนื่องจากเธอคนนั่นมีหน้าตาสวยน่ารักบวกกับรูปร่างสมส่วน ผิวพรรณนวลเนียนน่าหลงไหล

                ทางคนเป็นห่วงญาณิศาอย่างเดรโก้ก็ยังคงภาวนาให้เพื่อนหนุ่มไม่ทำอะไรรุนแรงกับเธอเหมือนตอนพาเธอกลับบ้านและภาวนาให้หญิงสาวหายดีในเร็ววัน

                ผู้จัดการร้านอย่างเลโอนั่งมองเพื่อนหนุ่มและเพื่อนสาวสองคนเข้ามานั่งในร้านตั้งแต่แรก เขาเห็นสีหน้าของทั้งสองบอกเขาว่ามีเรื่องไม่ค่อยดี

                “ดาเลนฉันคิดว่ากาแฟสูตรใหม่อร่อยดีนะ ทำไมเควินยังให้เอาไปปรับอีกละ” เลโอจิบกาแฟเสริม

                ดาเลนถอนหายใจอีกรอบ “ไม่รู้” เธอตอบทั้งยังหงุดหงิดจากการคิดเรื่องหญิงสาวคนนั้น ส่วนเดรโก้ก็ท่าทางไม่ต่างกัน

                “เฮ้! พวกนายอีกไม่นานจะมีการแข่งบาริสต้าแล้ว ฉันคิดว่าพวกเรามาลองหาสูตรใหม่ๆ ให้เควินกันดีมั้ย” เลโอหนุ่มอารมณ์ดีเอ่ยออกมาเพื่ออยากดึงความสนใจของทั้งคู่ และการโน้มน้าวของเลโอได้ผลเมื่อเดรโก้และดาเลนหันมาให้ความสนใจเพราะงานแข่งขันบาริสต้าคืองานชิงรางวัลของผู้ที่มีความเป็นเลิศทางกาแฟ งานนี้หากใครได้เป็นแชมป์จะเป็นการการ์รันตีได้ว่าเป็นผู้ดีเลศทางด้านการชงกาแฟและยังทำให้ร้านมีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นอีกด้วย งานนี้เรียกได้ว่าเป็นงานใหญ่ประจำปีได้ไม่ผิด

                สำหรับเลโอไม่ว่าเกรซ หญิงสาวคนนั้นจะเป็นใครมาจากไหน เขาไม่คิดใส่ใจเพราะเธอเป็นเพื่อนกับคาร์ลอสก็นับว่าเป็นเพื่อนของเขาด้วยเช่นกัน เลโอยังคิดเล่นๆ อีกว่าถ้าเกรซเป็นคนรักของคาร์ลอสได้ก็ดีเพราะเขาไม่อยากให้คาร์ลอสต้องนั่งจมจ่อมอยู่กับอดีตที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้

 

                หลังจากส่งแขกเสร็จเรียบร้อยคาร์ลอสขึ้นไปดูอาการของพยานบนห้อง เขาอยากรู้ว่าเธอเป็นอย่างไรบ้างเพราะตอนพาเธออกจากโรงเพาะเขาทำรุนแรงกับทั้งที่รู้ว่าข้อเท้าของเธอบาดเจ็บ

                “คุณเควินจะรับอะไรเพิ่มไหมคะ” เสียงของป้าโซเฟียเอ่ยทักชายหนุ่มรุ่นหลานเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเปื้อนเคราดูยุ่งๆ

                คาร์ลอสเอ่ยสิ่งที่ต้องการ หญิงสูงวัยแปลกใจเล็กน้อยกับสิ่งที่ชายหนุ่มร้องขอแต่ไม่ได้เอ่ยถามเหตุผล นางไปจัดหาสิ่งของพวกนั้นไม่นานนางก็ออกมาพร้อมกับสิ่งที่คาร์ลอสต้องการ ป้าโซเฟียมองร่างสูงเดินขึ้นบันใดไปจนสุดสายตา

‘หมู่นี้คุณเควินดูแปลกไป’ นางคิดในใจ ทุกวันคุณเควินชอบเก็บตัวอยู่ห้องทำงานหรือในไร่แต่ช่วงนี้เขาชอบอยู่แต่ในห้องนอน

 

                เกรย์เดินกระทืบเท้าปึงปังเข้ามาในบ้านเพราะการไปต่อรองราคาที่ดินกี่ทีก็ไม่สำเร็จ

“เชอะ! เอามลภาวะสิ่งแวดล้อมมาอ้างมันกินได้ไหมว้ะ” เกรย์สบถอย่างฉุนเฉียว “ทำตัวเป็นพ่อพระรักสายลม รักน้ำ รักแสงแดดไร้สาระสิ้นดี!”

                “ผมว่าเขาก็พูดถูกนะครับ” หนึ่งในสมุนคนหนึ่งบ่นกำตัวเองแต่ยังมีคนหูดีได้ยิน

                “แกว่าอะไรนะ” เกรย์พูด

                “อ้อๆ ผมว่าคุณเกรย์พูดถูกครับมลพิษไร้สาระ” สมุนคนนั่นตอบเสร็จลอบถอนหายใจ

                “การแข่งขันบาริสต้าครั้งนี้ฉันต้องชนะให้ได้!” เกรย์ให้คำมั่นหนักแน่น เพื่อที่ดินฝั่งทิศตะวันออกของไร่คาร์เบลลัสไม่ว่าด้วยวิธีไหนต้องเอามันมาให้ได้

                “และอีกเรื่องหนึ่ง” เกรย์ดีดนิ้วดังเปาะ

“ยังมีอีกเหรอครับ” สมุนคนเดิมพูดและไม่วายถูกเตะป๊าบเข้าที่สะโพกข้อหากวนสมาธิ

เกรย์ทำหน้านึกคิด “สาวสวยเจ้าของผมลอนสีช็อกโกแลตคนนั้น” เกรย์เอ่ยถึงเธออย่างเคลิ้มฝัน

               “ใครฮะเจ้านาย” สาวหล่อเอ่ยขึ้นบ้างเพราะตอนเธอไปบ้านคาร์ลอสกับเกรย์ เขาเอาแต่มองเธอตลอดเวลาจนสาวหล่อรู้สึกเคืองน้อยๆ

              “เพื่อนสาวไอ้เควินไงพวกนายไปตามสืบมาให้ฉันทีว่าเธอเป็นใครมาจากไหน” ชายหนุ่มพูดรัวเร็วจนคนฟังแทบจับใจความไม่ทัน พอจับใจความสมุนทั้งสี่พากันออกไปทำตามคำสั่ง

 

                “นายใหญ่จะเอายังไงดีครับไอแก่นั่น...” อาซิสมือขวาหนุ่มต้องหยุดพูดเมื่อเจ้านายหนุ่มยกมือขึ้นปราม

                “ไม่ว่าอาการของมันยังห้าสิบห้าสิบหรือพ้นขีดอันตราย ยังไงซะฉันไม่มีวันให้มันลุกขึ้นมาขัดขวางงานของฉันเด็ดขาด” ชายหนุ่มคำรามเสียงกร้าว

                “นายใหญ่จะทำยังไงต่อครับ”

                “ตามหาตัวไอแก่แล้วทำให้มันหลับตลอดกาล” เรียวปากหนาหยักยิ้มข้างเดียว “ไอ้พวกชอบสะเออะเรื่องชาวบ้านมันต้องโดน!” ออสตินให้คำมั่นแววตาแข็งกร้าวเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ

“อ้อ จริงสิเพื่อนสาวของเควิน” ออสตินนึกถึงหญิงชาวเอเชียเจ้าผิวสีน้ำนมคนนั่น

                “ดาเลนเหรอครับ” สมุนมือขวาเอ่ย ออสตินส่ายหน้า

                “ไม่ใช่ ผู้หญิงเอเชียคนนั่นน่ะฉันอยากรู้จักเธอ” ชายหนุ่มกระดกไวน์เข้าปากในท่าทางสบาย

                “ถ้าคุณออสตินเสนอผมจะสนองครับ”

               

                 คาร์ลอสเปิดประตูห้องเข้ามาพบหญิงสาวนอนอยู่ใต้ผ้าห่ม ขาเพรียวยาวค่อยๆ ก้าวเข้าไปทางเตียงนอนร่างสูงย่อกายลงนั่งที่ขอบเตียงอย่างแผ่วเบา ใบหน้ายามหลับไหลของหญิงสาวช่างชวนมองยิ่งกว่าตอนตื่น ถ้าเลือกได้เขาอยากนั่งมองเธอยามนี้มากกว่ามองเธอทำหน้าบึ้งถมึงทึงหรือเย็นชาใส่ตลอดเวลา

                 คนใต้ผ้าห่มเกือบทำให้เขาลืมจุดประสงค์ของการมาอยู่ตรงนี้ คาร์ลอสเปลี่ยนที่นั่งไปอยู่ที่ปลายเท้าของญาณิศาจากนั้นเขาเลิกผืนผ้าขึ้น ข้อเท้าบวมของเธอทำให้เขาใจหายเพราะมันบวมขึ้นมาก ตอนนั้นถ้ายับยั้งแรงได้เขาไม่อยากทำรุนแรงแต่ไม่รู้ทำไมเขายับยั้งไม่ได้หรืออาจจะเป็นเพราะเดรโก้ทำหน้าที่แทนเขา คาร์ลอสรีบปัดความคิดที่ทำให้ปั่นป่วนสมองออกไป ตอนนี้ชายหนุ่มคิดได้อย่างเดียวคือเขาได้ให้ยาเธอมาแต่เธอไม่ได้ทาหรอกหรือ ผู้คุ้มครองจ้องดวงหน้าสวยกำลังหลับไหลเขม็ง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา