Eternal Night The second of heartbeat.

7.7

เขียนโดย Rafael

วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 02.50 น.

  13 ตอน
  0 วิจารณ์
  12.17K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 มีนาคม พ.ศ. 2558 02.58 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) HEART BEAT second 13

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

HEART BEAT second 13

Raf Rafael

            ผมตื่นขึ้นมาอย่างหงุดหงิดเพราะโดนปลุกด้วยเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือ ว่าแต่เขวี้ยงมือถือไปไว้ไหนกันนะ ผมพยายามขยับตัวหวังจะหาต้นตอที่มาของเสียงที่ดังไม่ยอมหยุด แต่ร่างกายขยับลำบากชะมัด รู้สึกว่าแขนเป็นเหน็บชาไปทั้งแขน

ผมค่อยๆปรือดวงตาขึ้น ศีรษะกลมมนของเรนกำลังซุกอยู่ที่อกโดยใช้แขนของผมต่างหมอน มิน่ารู้สึกว่าเลือดไม่ไหลเวียน ผมมองใบหน้าของสาวน้อยอยู่พักหนึ่ง ลมหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ากำลังหลับสนิท มุมปากของเรนกำลังยกขึ้นแย้มยิ้มกำลังฝันดีรึเปล่านะ นอนมองอยู่ได้ไม่นานเสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นอีกครั้ง

ใครกันนะพยายามจริง ผมค่อยๆพยุงศีรษะเรนขึ้นพลางดันหมอนไปให้หนุนแทน ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นไปตามหาเสียงเจ้ากรรมที่ดังไม่เลิก คุ้ยกองเสื้อผ้าตรงมุมห้องอยู่พักหนึ่งจนเจอโทรศัพท์ซุกอยู่ในกระเป๋าของชุดการแสดงที่ใช้ขึ้นไลฟ์คอนเสิร์ตเมื่อคืนนี้

เมื่อมองชื่อที่แสดงอยู่บนหน้าจอแล้วอยากจะวางกลับไปที่เดิม ผมถือโทรศัพท์เอาไว้จนเสียงเรียกเข้าดับไปอีกครั้ง แล้วมันก็ดังขึ้นใหม่ในอีกไม่กี่อึดใจต่อมา อะไรนักหนาวะเพิ่งจะเที่ยง

“ไร!” ผมทักทายอย่างไม่ค่อยจะเป็นมิตรนัก

“ประธานงานยังไม่ตื่นอีกหรอวะ” เสียงเรย์ดังขึ้นมาจากปลายสาย ผมขยี้หัวตัวเองสองสามที

“พี่อาโอเรียกให้มาเจอกันที่สตูดิโอ”

“ไม่ไปที่ร้านเลยหรอวะ” ผมขยี้ตาพลางคุยกับเรย์ด้วยความงัวเงีย ยังดีที่เมื่อคืนดื่มไปไม่มาก แต่เคลนท่าจะแฮงค์เพราะโดนเรย์ท้าไปหลายแก้วถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วคนท้าจะเสียท่าผู้ท้าชิงไปเต็มๆ

“เออน่า...เจอกันที่สตู ให้เวลาแกตื่นสองชั่วโมง เข้าใจ๊?”

“เออๆ” ผมกดวางสายแทบจะทันทีที่รับคำ เฮ่อ...ง่วง ความง่วงงุนเข้าปะทะจนคิดไม่ออกว่าควรทำอะไรต่อไป ผมทิ้งร่างลงนอนกับพื้น เล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยเปื่อยอยู่พักหนึ่งจนได้ยินเสียงลอเรนพลิกตัวดังมาจากเตียง

ผมจ้องโทรศัพท์สลับกับร่างที่นอนหลับสบายอยู่บนเตียง ก่อนจะตัดสินใจทำการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ย่องเข้าไปข้างเตียงอย่างเงียบเชียบที่สุด

น่ารัก...คนเราเวลานอนเนี่ย แลดูเหมือนเด็กแม้ว่าตัวจะไม่เล็กแล้วก็ตาม เรนหลับตาพริ้มเหมือนกำลังหลับสบายจนปลุกไม่ลง ปกติเธอก็มานั่งมองแบบนี้สินะ พอได้มานั่งมองเธอบ้าง รู้สึกเขินขึ้นมาอย่างตั้งตัวไม่ทัน ผมโดนเธอจ้องแบบนี้ทุกวันเนี่ยนะ

เมื่อจ้องมองเธอจนพอใจ สุดท้ายก็...ขอสักรูปสองรูปละกันนะ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดโหมดกล้องหามุมที่เธอน่ารักที่สุดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะกดชัตเตอร์ไปหลายรูป

รู้สึกเกลียดเสียงกล้องก็ตอนนี้ละ ทำไมญี่ปุ่นต้องมีกฏหมายห้ามปิดเสียงกล้องด้วยนะ หลังจากนั้นไม่นานถึงระลึกได้ว่ามีกฎหมายนี้ไว้เพื่อป้องกันคนอย่างผมเนี่ยละ

ถึงแม้เสียงชัตเตอร์จะไม่เบาเลย แต่สาวน้อยก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมา ผมหัวเราะกับท่าทางไร้เดียงสาของเธอพลางทอดสายตานั่งมองอยู่ข้างเตียง

หัวใจกำลังเต้นไม่เป็นจังหวะ มันเต้นโครมครามจนรู้สึกอึดอัด ยิ่งเอื้อมมือไปไล้แก้มเธอเบาๆก็ยิ่งรับรู้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจที่กำลังเร่งจังหวะขึ้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ

ลอเรน...ถ้าฉันชอบเธอจริงๆ ฉันควร...ทำยังไงดีนะ

 

ตอนบ่ายสองผมแบกสังขารมาที่สตูดิโอตามที่เรย์บอก ค่อยๆย่างก้าวขึ้นมาที่ห้องซ้อมชั้นสามเมื่อแง้มประตูห้องเข้าไปด้านในเรย์กับยูก็ส่งสายตามาทักทาย พร้อมกับนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มอันคมกริบของพี่อาโอที่ส่งมาให้จากมุมโซฟาภายในห้อง

“เคลนล่ะ” พี่อาโอเป็นคนส่งเสียงถามพร้อมรอยยิ้มพลายบนใบหน้า

“เดี๋ยวไปเจอกันที่ร้านครับ” ผมค้อมตัวลงทักทายพี่อาโอไปด้วย ก่อนจะกวาดสายตามองสภาพภายในห้องซ้อม มันออกจะ...เลอะเทอะ อืม...คงต้องเรียกว่าเละ

เมื่อคืนพวกเรามาต่อกันที่นี่จนถึงเช้า ยังไม่ได้เก็บกวาดเลยสักอย่าง ทั้งเศษซากขวดไวท์ กระป๋องเบียร์อีกมากมายก่ายกองถูกสุมไว้ที่ผนังห้องด้านหนึ่ง ไม่นับรวมเศษอาหารที่กระจายตัวอยู่ตามจุดต่างๆของห้อง ผมได้แต่เกาหัวกับภาพเบื้องหน้า เฮ้ย!! ผมไม่ได้ทำนะ แค่สมรู้ร่วมคิด ส่วนใหญ่เป็นผลงานไอ้เรย์มัน

พี่อาโอฉีกยิ้มให้จนชักจะเสียวสันหลังวาป ยิ้มหวานจนขนลุกขนพอง

โดนโกรธอีกแน่ๆ เวลาพวกเราทำห้องสกปรกมักจะโดนบ่นไปเป็นวัน โดนเฉพาะผมที่เป็นลีดเดอร์มักโดนบ่นเป็นอาทิตย์ แต่วันนี้วันเกิดผมนะ หยวนๆหน่อยดิ

“เอ่อ...” ผมส่งเสียงออกไปเพื่อทำลายบรรยากาศมาคุ พี่อาโอยิ้มพรายไม่หุบ ส่วนอีกสองชีวิตกำลังทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างยาวชี้นกชี้ไม้ไม่รู้ร้อนรู้หนาว

“ไม่ต้องห่วง พี่ชินละ” พี่อาโอกล่าวพลางกวาดสายตามองสภาพในห้อง “เดี๋ยวให้แม่บ้านมาเก็บให้แล้วกัน”

วันนี้อารมณ์ดีจังนะ เวลาพี่อาโอยิ้มไม่หุบเป็นช่วงน่าขนลุกขนพองเย็นวาบไปถึงไขสันหลัง มีไม่กี่เรื่องหรอกที่ทำให้พี่แกอารมณ์ดีแบบนี้ และส่วนใหญ่เรื่องพวกนั้น...มักจะทำให้พวกเราเดือดร้อน แล้วลางสังหรณ์ของผมก็ไม่พลาด พี่อาโอวางเอกสารสามสี่แผ่นลงบนโต๊ะเล็กๆ ด้านหน้าโซฟาที่พี่อาโอนั่งอยู่ ผมกลืนน้ำลายลงคอแทนการทำใจ ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปหา

เรื่องที่ต้องเรียกลีดเดอร์มารับรู้มันคงเป็นชะตากรรมของวงแน่ๆ ผมกวาดสายตามองตัวอักษรบนกระดาษ มันเป็นสัญญาการทำงานระยะยาวฉบับหนึ่ง

เมื่ออ่านจบถึงกับต้องเบิกตาโพลง หันไปมองหน้าเรย์กับยู สลับกับใบหน้าพี่อาโอ ก่อนยกกระดาษแผ่นเดิมขึ้นมาอ่านทวนอีกหลายรอบ

นี่มัน...! สัญญาการทำงานในคลับของคุณซินเซียร์ พวกเราทำงานตามสัญญาว่าจ้างไปจนครบแล้วนี่ แล้วในสัญญาว่าจ้างฉบับนี้ ผูกมัดเราถึงสองปี พร้อมระบุไว้ว่าเมื่อสัญญาฉบับนี้หมดอายุอาจมีการต่อสัญญาโดยการยินยอมพร้อมใจกันของทั้งสองฝ่าย

ยิมยอมพร้อมใจ...ผมก้มลงมองส่วนท้ายสุดของหน้าสัญญา ส่วนที่ต้องเซ็นยอมรับสัญญา ไล่สายตาผ่านลายเซ็นของพี่อาโอ ลายเซ็นของคุณซินเซียร์ แล้วก็ลายเซ็นของพวกเรา!

ผมเบิกตามองพี่อาโอ พลางพยายามทบทวนความทรงจำเต็มที่ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...เมื่อไหร่กัน!

ไม่นานก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ เมื่อคืนหลังจากที่พวกเรากลับมาฉลองกันที่นี่ จำได้ว่ามีช่วงหนึ่งที่พี่อาโอเข้ามาร่วมวงด้วย ช่วงนั้นผมกำลังเป็นห่วงเคลนที่กรอกเครื่องดื่มเข้าปากตามคำท้าของเรย์ ส่วนยูก็ดื่มอยู่ใกล้ๆ หลังจากนั้นพวกเราน็อกกันไปพักหนึ่ง พี่อาโอเป็นคนสะกิดให้ผมตื่น แต่ก่อนหน้าที่ผมจะรวบรวมสติสัมปชัญญะจนครบ หรือว่า!?

“พี่อาโอแอบให้เซ็นอีกแล้วหรอครับ! แบบนี้มันผิดกฏหมายนะพี่” พี่อาโอเอาแต่หัวเราะร่วนตอบกลับมา ก่อนจะโบกสัญญาแผ่นจริงให้ดูอย่างเหนือกว่า แผ่นที่อยู่ในมือของผมเป็นเพียงฉบับก๊อบปี้เท่านั้น เผลอเป็นไม่ได้ แล้วเมื่อคืนเราจะฉลองปิดงานกันทำไมวะ! ได้งานระยะยาวอีกเป็นปีแถมมาด้วย

“พวกนายเป็นพนักงานของเซียร์แล้วนะ” เรียกกันอย่างสนิทสนมเชียวนะ

“ได้ค่าตัวเท่าไหร่ล่ะครับ” ผมถามเชิงประชด พี่อาโอเอาแต่ยิ้มกรุ่มกริ่มก่อนจะตอบกลับมา

“สามสิบเปอร์เซ็นจากค่าตัวพวกนาย ไม่รวมส่วนแบ่งจากการขายสินค้า” สินค้า! จะทำสินค้าอะไรขายอีก พอมีช่องทางกอบโกยละ เอาซะคุ้ม! แล้วค่าตัวพวกเราเหลือเท่าไหร่กันล่ะทีนี้

“เริ่มงานอาทิตย์หน้า!” รอยยิ้มฉีกกว้างซะจนแทบจะถึงใบหู ผมว่าคงได้เม็ดเงินเป็นกอบเป็นกำเลยสิท่า พี่อาโอถึงได้ดูใจดีกับพวกเราจนขนลุกซู่ ของขวัญชิ้นแรกของปีกลายเป็นความทุกข์ทรมานแบบสาหัสสากรรจ์ทั้งปีไปซะแล้ว

“อ๋อ...สุขสันต์วันเกิดนะ คุณลีดเดอร์” ของขวัญเซอร์ไพรส์ขนาดนี้ไม่ต้องอวยพรก็ได้ครับ

 

หลังจากโวยวายเรื่องสัญญาว่าจ้างอยู่พักใหญ่ สุดท้ายพวกเราก็โดนพี่อาโอพามาโยนทิ้งที่หน้าไนท์คลับ Alpha Jewelry ส่วนเจ้าตัวก็ทำทีเป็นเอารถไปจอดทิ้งให้พวกเราสามหน่อยืนอยู่หน้ามงกุฎอันโตด้านหน้าร้าน

ผมเงยหน้ามองรูปขนาดเกินคนจริงบนยอดมงกุฎ คนพวกนี้คงพยายามอย่างหนักกว่าจะมาเฉิดฉายอยู่หน้าร้านแบบนี้ แต่ผมไม่เคยเห็นพวกเขาตัวจริงเลยสักคน หรือต้องเรียกว่าไม่เคยสนใจพนักงานคนอื่นในร้านดีนะ

เมื่อก้าวเข้าไปในร้านเพียงกวาดสายตามองก็พบคุณซินเซียร์ได้ไม่ยาก เธอยังงามสง่าเช่นทุกวัน รอยยิ้มยังคงพิมพ์เดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง

“สุขสันต์วันเกิดนะจ้ะ บลัดเทีย”

“ขอบคุณครับ” ผมค้อมตัวขอบคุณคุณซินเซียร์ ก่อนนั่งลงที่มุมหนึ่งของโต๊ะอาหาร วันนี้เรามานั่งอยู่ที่โต๊ะตัวใหญ่มุมหนึ่งของร้าน มุมนี้มองเห็นเวทีใหญ่ของร้านได้อย่างชัดเจน ผมเหล่สายตามองการแสดงที่อยู่บนนั้น อาหารมากมายหลากหลายเริ่มถูกวางเรียงลงบนโต๊ะ

“เต็มที่เลยนะ เครื่องดื่มไม่อั้น ถือว่าเลี้ยงต้อนรับไปในตัวนะจ้ะ” คุณซินเซียร์ขยิบตาส่งมาให้ เตรียมตัวกันมาอย่างดีแล้วสิท่า ผมลอบถอนหายใจ

หลังจากนั้นไม่นาน เคลนก็เดินเข้ามาภายในร้านพร้อมกับสมาชิกอีกสองคน ในมือเคลนถือกล่องข้าวติดมาด้วยดึงความสนใจของผมออกจากอาหารบนโต๊ะได้อย่างดีเยี่ยม

“สุขสันต์วันเกิดครับ พี่ชาย” เคลนกล่าวพร้อมยื่นกล่องข้าวที่ถือมาให้ผมด้วย ปีนี้จะเป็นเมนูอะไรนะ เมื่อฝากล่องถูกเปิดออกกลิ่นครีมสปาเก็ตตี้หอมฟุ้งลอยตลบออกมาจากด้านใน

“สุดฝีมือเลยสิเนี่ย” เคลนส่งยิ้มตอบรับคำของผม

“ปีนี้เป็นสปาเก็ตตี้หรอ ขอคำดิ” เรย์โผล่หน้ามาทันทีที่ผมเริ่มม้วนเส้นขึ้นมาจากกล่อง มันทำท่าจะเอื้อมมือมาจับมือของผมที่ถือส้อมไว้เข้าปากมันแทน

ผมปล่อยส้อมออกจากมือเพื่อไม่ให้ของขวัญจากน้องชายได้แตะลงบนลิ้นของเรย์ ก่อนจะใช้มือที่ว่างอยู่ผลักหัวมันออกไปเต็มแรง ท่าของมันต่อจากนั้นไม่ได้สนใจเท่าไหร่ รู้แค่ว่ามันหงายลงไปกลิ้งกับพื้นพร้อมเก้าอี้ ท่าทางคงไม่น่าดูเท่าไหร่

หลังจากพวกเราเริ่มดื่มฉลองกันพักใหญ่ เครื่องดื่มสารพัดชนิดรินลงแก้วของผมไม่ขาดสาย ค็อกเทลของที่นี่รสชาติดีไม่เบา ผมจิบไปเพลินๆระหว่างนั้นก็กวาดสายตาหาสองพี่น้องที่หายตัวไปตั้งแต่เข้าร้าน ลอเรนกับลูคัสน่าจะมาร่วมโต๊ะด้วยกันนะ มั่นใจว่าเห็นพวกเขาเดินเข้ามาในร้านพร้อมเคลน แต่กลับไม่เห็นพวกเขานั่งลงที่โต๊ะตั้งแต่แรก เหมือนจะหายไปด้านหลังเวทีรึเปล่านะ

“เรนล่ะ” ผมสะกิดเคลน นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนหันมาจ้องผมตาแป๋วก่อนจะหรี่ลงพร้อมคลี่ยิ้มหวานที่ดูมีเลศนัยยังไงชอบกล

“เดี๋ยวก็มา”

“หืม? ก็มาพร้อมกันไม่ใช่หรอ”

เคลนยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากเป็นสัญญาณให้ผมเงียบ หลังจากนั้นมันก็ยกมือขึ้น ชูสองนิ้วขึ้นในระดับสายตา หลังจากเคลนชูนิ้วนางขึ้นเป็นสามนิ้ว แสงสีทั้งคลับก็ดับลงทุกอย่างรอบตัวตกอยู่ในความมืดมิดและเงียบงัน

ไม่ใช่ผมคนเดียวที่ตกใจ เสียงเซ็งแซ่ดังขึ้นจากทั่วสารทิศ รีบๆสว่างสักทีเถอะ ขอร้อง!เล่นแบบนี้ไม่ขำนะ

ผมพยายามปรับสายตาให้ชินกับความมืดเพื่อมองหาเคลน แต่กลับไม่รู้สึกถึงสัญญาณชีวิตรอบๆตัวเลย เหมือนไม่มีใครเลยสักคนที่นั่งอยู่ข้างตัว หัวใจเต้นแรงอย่างหวาดหวั่น ผมเกลียดความมืดอย่างที่สุดหากต้องอยู่ในสภาพนี้ต่อไปอีกสักนาที ผมต้องเป็นบ้าขึ้นมาแน่

“บลัดเทีย!” อยู่ๆเสียงอันคุ้นหูของสาวน้อยก็ดังขึ้น พร้อมกับแสงไฟสปอตไลท์ที่ส่องจากด้านบนเวทีลงมากระทบตัวเธอทุกด้าน ทำให้ตอนนี้ทั้งคลับมีเพียงแสงไฟจากบนเวทีเพียงจุดเดียวเท่านั้นที่ส่องสว่างอยู่ ผมหันกลับไปมองร่างบางที่ยืนเด่นอยู่ด้านบนเวที

“สุขสันต์วันเกิด!” เสียงประสานจากสมาชิกทุกคนในโต๊ะดังขึ้นกึกก้องจากด้านบนเวที ไฟด้านบนเวทีสว่างขึ้นพร้อมกับแสงภายในคลับทั้งหมดที่กลับมาสู่สภาวะปกติ สมาชิกทุกคนในโต๊ะที่ควรจะนั่งข้างตัวเมื่อไม่กี่นาทีก่อนตอนนี้ทุกคนกลับยืนอยู่บนเวที รายล้อมลอเรนไว้เป็นศูนย์กลาง

ผมเบิกตามองอย่างนิ่งงัน เสียงดนตรีอินโทรเพลงดังขึ้นจากกีตาร์ของลูคัสที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเรนนัก

ลอเรนจับไมโครโฟนในมือไว้อย่างมั่นคง สูดลมหายใจลึก ก่อนจะเปล่งเสียงสดใสคลอไปกับเสียงกีตาร์ของลุค เสียงปรบมือให้จังหวะดังขึ้นจากสมาชิกที่เหลือด้านหลัง ผมได้แต่มองภาพตรงหน้านิ่ง...

 

Wishing you  a very special happy birthday

We wish you  a very very beautiful day

 

เอาล่ะ! Let's get ready!

ก่อนที่แขกคนสำคัญจะมาเยือน ต้องตกแต่งต้อนรับให้สมบูรณ์

พวกเราต้องการ เค้กที่แสนวิเศษ

 

เพราะว่าในวันนี้จะเป็นหนึ่งวันที่แสนพิเศษในรอบปี

ถึงเวลาที่พวกเราต้องรวมแรงกันให้สุดพลัง

เพื่อทำให้วันนี้ยิ่งใหญ่ที่สุด

จังหวะในหัวใจของฉันเต้นแรงเพราะว่าในวันนี้

เป็นวันที่รอคอยมาเนิ่นนาน วันเกิดของคุณ

 

ยินดีด้วยนะ! วันนี้คือวันที่คุณได้เกิดขึ้นมา

เอาล่ะมาฉลองกันด้วยความจริงใจ

You are my best friend

ขอบคุณในปาฏิหาริย์ของคุณที่ทำให้เราได้มาพบกัน

ฉันหวังว่าคุณจะสามารถคลี่ยิ้มได้อย่างเต็มที่

เพื่อต้อนรับการเริ่มต้นใหม่ของคุณ

Wishing you many more!

ฉันขออธิษฐานเพื่อคุณ

เอาล่ะ! พวกเรา

Happy birthday to you!

 

เอาล่ะนะ! Let’s get it started!

พร้อมกับแสงสีของพลุ หนึ่ง สอง!

ใบหน้าคุณช่างดูแปลกใจ

เทียนกำลังละลายแล้ว อธิษฐานออกมาเลยสิ

 

Say cheese!

เรามาถ่ายรูปกัน

แน่นอน! ทุกคนคือแขกที่แสนสำคัญ

เธอคือศูนย์กลางใช่ไหม?

มาทำให้วันนี้เป็นความทรงจำที่ดีที่สุดแห่งปี

ฉันรู้สึกตื่นเต้นไปหมดเพราะทุกคนกำลังมีความสุขในวันเกิดของคุณ

 

ยินดีด้วยนะ! วันนี้คือวันที่คุณได้ลืมตาขึ้นมา

พวกเราทุกคนจะโอบอุ้มเธอไว้ด้วยรอยยิ้ม

You are my best friends

ฉันนั้นรักคุณหมดใจ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่ง

ฉันจะอธิษฐานให้คุณแม้ในฝัน

คุณสามารถอธิษฐานกับประกายไฟของแสงเทียนแล้วคุณจะสมปรารถนา

Wishing you many more!

และฉันจะอธิษฐานสำหรับคุณ

เอาล่ะ! พวกเรา

Happy birthday to you!

 

แม้ในปีหน้า หรือปีต่อไปที่กำลังจะมาถึง

พวกเราทุกคนจะเฉลิมฉลองในวันเกิดอันล้ำค่า

ต่อให้พวกเราทุกคนจะเติบโต

ไม่ว่าตอนนี้ หรือตลอดไป จงจดจำพวกเราเอาไว้

 

Wishing you  a very special happy birthday

My best friend

We wish you  a very very beautiful day

We're best friends

 

Forever and ever

Be friends forever

 

ยินดีด้วยนะ! สำหรับวันที่คุณได้เกิดขึ้นมา

เอาล่ะมาฉลองกันด้วยความจริงใจ

You are my best friend

ขอบคุณในปาฏิหาริย์ของคุณ ที่ทำให้เราได้มาพบกัน

ฉันหวังว่าคุณจะสามารถคลี่ยิ้มได้อย่างเต็มที่

เพื่อต้อนรับการเริ่มต้นใหม่ของคุณ

Wishing you many more!

ฉันจะขออธิษฐานเพื่อคุณ

เอาล่ะ! พวกเรา

Happy birthday to you!

Happy Birthday : Kana Nishino

 

“บลัด” ผมหันกลับมาตามเสียงเรียก พี่อาโอวางเค้กปอนด์ใหญ่ลงบนโต๊ะ บนหน้าเค้กปักเทียนไว้โดยรอบ ตรงกลางหน้าเค้กถูกเขียนไว้ด้วยครีมสีหวาน ‘Wishing you many more! Happy birthday Bloodtia’

ผมมองเค้กตรงหน้านิ่งไม่อาจสรรหาคำใดเอื้อนเอ่ย ภายในอกสั่นไหวอย่างบรรยายไม่ได้ มันเรียกว่า ‘ตื้นตัน’ รึเปล่านะ

“อธิษฐานไปเลย บลัด” เรย์กระโดดมากอดคอไว้จนผมเกือบหงายไปตามแรง ทอดสายตามองเปลวเทียนที่กำลังพลิ้วไหว อธิษฐานหรอ...ผมกวาดสายตามองใบหน้ารอบๆตัว รอยยิ้มของเคลนที่เห็นจนชินตา รอยยิ้มทะเล้นๆของเจ้าเรย์ที่ทุกข์สุขกันมาก็เยอะ แม้แต่รอยยิ้มบางๆของยูที่แม้ไม่พูดพวกเราก็เข้าใจ

รอยยิ้มของพี่อาโอที่มักจะแฝงแววเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มที่หวานหยดของคุณซินเซียร์ ทั้งลูคัสน้องชายจากแดนไกล สุดท้ายผมเบนสายตาไปจ้องนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลไว้ รอยยิ้มสดใสคลี่ออกจากใบหน้าขาวผ่องของลอเรน

ผมหันกลับไปสบกับเปลวเทียนอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มกว้าง เคยคิดฝันมาก่อนไหมว่า เด็กชายอมทุกข์อย่างผมจะได้เติบโตมาจนมาอยู่ในจุดนี้ เด็กชายที่ไม่มีแม้แต่คนเหลือบตามอง ในที่สุดก็ยืนอยู่กลางพวกพ้อง

ขอให้...รอยยิ้มรอบตัวไม่จางหายไปด้วยเถอะครับ

 

 


 

เนื่องจากพื้นหลังเรื่องนี้อยู่ในประเทศญี่ปุ่นครับ เพราะฉะนั้นจึงอยากฝากเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆไว้สำหรับให้ผู้อ่านทุกคนสามารถทำความเข้าใจเนื้อเรื่องได้ง่ายขึ้นครับ ส่วนใหญ่เกร็ดความรู้จะเขียนมาจากประสบการณ์ตรงของไรเตอร์เอง อาจจะมีข้อมูลบางส่วนที่อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ของประเทศนะครับ

- กฎหมายห้ามปิดเสียงกล้อง = ที่ญี่ปุ่นเรื่องสิทธิส่วนบุคคลค่อนข้างเป็นเรื่องซีเรียสครับ เพราะฉะนั้นเสียงชัตเตอร์กล้องจึงเป็นเรื่องหนึ่งที่ทางญี่ปุ่นให้ความสำคัญ หากโทรศัพท์ที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่นจะไม่สามารถปิดเสียงชัตเตอร์ได้ก็เพราะเหตุนี้นี่เองครับเพื่อป้องกันการแอบถ่ายนั่นเอง

- เพลงที่ใช้ตอนนี้คือ เพลง Happy Birthday : Kana Nishino ไรเตอร์นำมาลงทั้งเพลงเพราะความหมายในแต่ละท่อนคล้ายกันแต่แตกต่างกันครับ เป็นอีกหนึ่งเพลงที่ไรเตอร์ชอบ ลองฟังคลอไประหว่างอ่านดูนะครับ

เบื้องหลังกำลังแง้มออกมาแล้วครับ

อะไรคือสิ่งที่บลัดเก็บไว้ในใจกันนะ!

Raf Rafael

(58/09/14)

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา