[YAOI] CLOSE FRIENDS เพื่อนรัก รักเพื่อน

9.3

วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 18.12 น.

  5 chapter
  2 วิจารณ์
  8,307 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 22.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) CHAPTER 4 : TRIP เที่ยวทะเล

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

 

CLOSE FRIENDS เพื่อนรัก รักเพื่อน

[เป็นหมีสีตัวสีเหลือง]

 

 

 

CHAPTER 4 : TRIP เที่ยวทะเล

 

 

          “ทำไมวะ”

 

          หลังจากที่ผมปฏิเสธมันไป ชินก็มีสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันที

 

         ไม่รู้เพราะอะไรดลใจให้ผมปฏิเสธมันไปเหมือนกัน...ผมอาจจะอยากประชดมันก็ได้ ผมอยากจะรู้เหตุผลที่มันต้องมาคอยห้ามนู้นห้ามนี่ด้วย แค่คบเพื่อนใหม่มันจะเป็นอะไรไป

 

         “มึงซีเรียสป่ะเนี่ย...กูแค่คุยๆกับเพื่อนคนอื่นเองมึงจะอะไรนักหนาวะ”

 

          “งั้นหรอ...แล้วแต่มึงเลยริว”

 

          ชินพูดเพียงแค่นั้นและหันไปสนใจหน้าชั้นเรียนเพราะเห็นว่าอาจารย์เดินเข้ามาสอนแล้ว ระหว่างเรียนผมไม่มีกระจิตรกระใจฟังที่อาจารย์สอนเลย ฟังเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวา ขอโทษนะครับม๊าที่ผมมัวแต่คิดเรื่องผู้ชายจนเรียนไม่รู้เรื่อง

 

           บ้าจริง -__-

 

           ผมมองไอ้ชินที่ก้มหน้าก้มตาจดแลกเชอร์อย่างขยันขันแข็ง ทำมาเป็นขยันปกติมันหลับตลอดตอนนี้มาแปลก สงสัยงอนจริงๆ

 

          มึงทำแบบนี้กูคิดมากรู้ไหม...

 

          กูกำลังคิดเข้าข้างตัวเอง...มึงรู้รึเปล่าชิน

 

           เมื่อไหร่มึงจะหันมามองเพื่อนแบบกูวะ แล้วเมื่อไหร่กูจะเลิกแอบมองแอบชอบแอบรักมึงล่ะ

 

          “มองอะไรของมึง”

 

           ไอ้ชินที่ดูเหมือนจทนสายตากดดันของผมไม่ไหว สุดท้ายก็เอ่ยถามผมในที่สุด

 

           “มองมึงไง จะงอนกูไปอีกนานไหมไม่ต้องสตอแอ๊บจดเลยกูรู้ว่ามึงไม่ได้จดที่อาจารย์พูด”

 

           ใช่มองดูดีๆหน้ากระดาษที่ไอ้ชินเขียนมันไม่ใช่เนื้อหาที่อาจารย์กำลังสอนอยู่มันมีคำว่า ‘ไอ้ฝรั่งขี้นก’ เป็นร้อยๆตัวเขียนติดอยู่ มันไม่ชอบวินขนาดนั้นเลยหรอ

 

            “แล้วไง ก็มึงขัดใจกูอ่ะ”ไอ้ชินตอบและทำหน้าอึนๆ

 

            “มึงเป็นเพื่อนนะครับชิน ไม่ใช่แม่กูถึงขัดใจมึงไม่ได้ =__=”ผมละปวดหัวกับนิสัยส่วนนี้ของมันที่สุด

 

            “ง่า...กูหวงมึงนะเว้ย มึงเป็นเพื่อนกูไม่อยากให้มึงคบกับคนอื่น”

 

             ชินมึงจะรู้ไหมว่ามึงเห็นแก่ตัวที่สุดเลย...กับคนอื่นมันดูเป็นผู้ใหญ่แต่กับผมมันก็เป็นแบบนี้ประจำหรือเราสนิทกันมากเกินไปมันถึงมองข้ามความรู้สึกผมอยู่เรื่อย

 

            “ถึงแม้กูจะมีเพื่อนใหม่...แต่มึงสำคัญสำหรับกูที่สุดแล้วชิน”

 

            “แน่ใจหรอ...แล้วไอ้ฝรั่งนั้นล่ะกูเห็นมึงดูสนิทกันเร็วดีนะ”มันพูดเหมือนไม่เชื่อสักเท่าไหร่

 

            “ชิน..ไหนมึงบอกว่ากูเป็นเพื่อนสนิทมึงไงแค่นี้กูยังไม่ชัดเจนพอรึไงที่ทุกวันนี้กูมีมึงคนเดียวเป็นเพื่อน กูกลายเป็นคนไม่มีใครคบเข้ากับคนอื่นไม่ได้ไม่ใช่เพราะมึงพูดกรอกหูกูบ่อยๆรึไงว่าให้มีแค่มึงก็พอ”

 

            ผมอดไม่ได้ที่จะระบายความในใจออกไป ชินมองหน้าผมนิ่งๆ มันนิ่งมากจนผมกลัว

 

            “มึงคิดแบบนั้นหรอ...กูผิดงั้นสิ”

 

            “...”

 

            “เอาสิ...มึงอยากจะไปมีเพื่อนกี่คนกับใครก็ไปเลยไม่ต้องมาสนใจกูหรอก!”ชินพูดออกมาเสียงดังจนคนอื่นหันมามองที่เราอย่างสนใจ

 

            “นักศึกษา จะคุยอะไรกันถ้าไม่เรียนก็ออกไป รบกวนคนอื่น”อาจารย์ประจำวิชาเอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบ ไอ้ชินลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไปเลย ไม่สนใจอาจารย์ที่มองอย่างอึ้งๆว่ามันจะกล้าไปจริง

 

            “ชิน!”ผมลุกขึ้นและขอโทษอาจารย์และวิ่งตามไอ้ชินออกไปอีกคน

 

            แผ่นหลังกว้างของมันเดินไปแบบไม่สนใจผมที่วิ่งตาม ผมวิ่งตามจนเหนื่อยหอบสองขาสั้นๆของผมคงวิ่งตามมันไม่ทัน...ถ้ามันไม่คิดจะชะลอหรือหยุดเดิน...ผมคงไม่มีวันก้าวตามมันทัน

 

            ผมหยุดวิ่งและยืนอยู่กับที่ มองตามชินที่เดินลับตาไปในที่สุด

 

            วิ่งแล้วมันเหนื่อยจริงๆ...ถ้ามึงยังไม่หยุดเดิน...กูควรจะหยุดวิ่งดีไหม...กูควรหยุดรักมึงจริงๆสักทีดีไหม...ชิน

 

 

 

             “ริว”

 

             “ริว”

 

            ห๊ะ? อะไรนะ

 

              ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อวินมันเรียกผมซะเสียงดังหลังจากที่โดดเรียนผมก็บังเอิญไปเจอวินมันนั่งอยู่แถวๆสนามกีฬาที่เดิมพอดี มันเลยชวนผมมาเดินเล่นที่ห้าง ตอนแรกผมก็ไม่อยากมาหรอกนะแต่ทนลูกตื้อของวินไม่ไหวจนต้องจำใจมากับมัน

 

               “กูเรียกตั้งนานไม่ตอบ มัวแต่เหม่ออยู่นั้นแหละไอติมมึงละลายหมดแล้ว”

 

               “อ๊ะ..”

 

              ผมรีบเลียไอติดที่ถืออยู่อย่างรีบเมื่อรู้ตัวว่าเผลอคิดจนลืม ถ้าไอ้วินไม่เตือนคงจะไม่ได้กิน ดูสิไหลมาโดนมือจนเหนียวแล้ว

 

             “กินอย่างกับเด็ก”

 

             ไอ้วินหัวเราะก่อนจะยื่นมือมาเช็ดคราบไอติมที่เลอะมุมปากของผมออกให้ ผมมองหน้ามันนิ่ง จะไม่ตกใจเลยถ้ามันไม่เลียคราบไอติมที่ติดมือมันต่อ

 

             “มึง...”

 

             “อะไร”

 

            “มะ..ไม่มีอะไรไปกันเถอะ”ผมรู้สึกแปลกๆแหะ ถึงจะรู้จักกันมานานแต่เราไม่ถูกกันนะ เพิ่งจะมาญาติดีเองมันทำตัวอย่างกับสนิทกับผมมาเป็นชาติ

 

             “ดูหนังสักเรื่องดิ”วินเสนอขณะที่เรากำลังเดินผ่านโรงหนัง

 

              “ได้สิ จะดูเรื่องอะไรล่ะ”

 

              ผมตกลงไหนๆก็มาทั้งทีนานๆมาด้วยเพราะชินไม่ชอบดูหนังผมไม่มีเพื่อนเลยไม่ค่อยมีโอกาสได้มา

 

              “เรื่องนี้เป็นไง”วินชี้ไปทางหนังสยองขวัญเรื่องหนึ่งที่กำลังมาใหม่

 

              “ไม่เอาอ่ะกูกลัว”ผมยิ่งเป็นพวกเพ้อๆอยู่ถ้าดูหนังเรื่องนี้มีหวังนอนไม่หลับแน่ๆ

 

              “เพื่อนสนิท...คิดไม่ซื้อ งั้นดูเรื่องนี้ป่ะเห็นเขาบอกว่าสนุก”

 

              หนังเรื่องนี้มันสร้างมาตอกย้ำผมรึไงวะ แค่ฟังชื่อก็พาหดหู่ไอ้ห่า

 

              “ไม่เอาไม่ชอบ”

 

              “เอ้าทำไมอีกละ”วินเกาหัวอย่างงงๆกับความเรื่องมากของผม ใจจริงก็เกรงใจนิดหน่อยนะผมกับมันก็ไม่ได้สนิทอะไรขนาดนั้น แต่เวลาอยู่กับมันผมสบายใจอย่างไม่หน้าเชื่ออ่ะ ทั้งๆที่คนอย่างมันไม่น่าจะมาเป็นเพื่อนผมได้ด้วยซ้ำ เมื่อก่อนตอนเด็กๆผมโคตรเกลียดขี้หน้ามันเลย แต่พอมันไปเรียนต่อผมก็แทบจะลืมมันไปแล้ว

 

               “กูอยากดูการ์ตูนไปดูเรื่องนี้กัน”ผมตัดสินใจเองเสร็จสรรพรีบดึงไอ้วินไปซื้อตั๋วแบบไม่ถามความคิดเห็นมันเลย ไอ้คนตัวสูงทำหน้าตาเอ๋อรับประทานแต่มันก็ไม่ได้ขัดอะไรยอมเดินตามผมมาไม่บ่นสักคำ

 

               “เด็กจังนะมึง”

 

               “ใครๆก็ดูได้เว้ย อีกอย่างกูยังไม่แก่จะดูการ์ตูนก็ไม่เห็นแปลก”

 

               ใช่ถึงจะอยู่มหาลัยปีสองแล้ว แต่ผมก็ชอบดูอนิเมะอยู่น่า ก็เวลาว่างตอนอยู่คอนโดคนเดียวไงนั่งดูก็เพลินดีนะ

 

               “ครับๆ ไปเหอะถึงเวลาพอดี”

 

               รอไม่นานก็ถึงเวลาฉาย เราสองคนเดินเข้าไปนั่งอยู่โซนวีไอพี ไม่รู้ว่าทำไมต้องซื้อแพงๆให้เปลืองตัง วีไม่วีก็ดูได้เหมือนกันปะวะ ตอนแรกผมก็โวยวายอยู่นะแต่สุดท้ายก็ขัดไอ้วินไม่ได้ มันให้เหตุผลว่ามันจ่ายตังจบ

 

               ถึงจะบอกว่าอยากดู แต่หัวผมเหมือนจะไม่รับรู้เลยว่าเนื้อเรื่องมันเป็นยังไงรู้ตัวอีกทีหนังก็จบแล้ว

 

               “เป็นอะไรวะ มึงเหม่อๆนะตั้งแต่เมื่อเช้าละ”วินถามเหมือนเป็นห่วง

 

                “เปล่าหรอก ไว้เจอกันนะกูต้องกลับแล้วล่ะ”ผมรู้สึกอยากกลับไปนอนแล้ว ไม่มีอารมณ์จะเที่ยว

 

                “ให้ไปส่งนะ”

 

               “ไม่เป็นไร แค่มึงเลี้ยงข้าวเลี้ยงหนังก็พอแล้วคอนโดกูอยู่คนละทางกับบ้านมึงเลยนิ”

 

               “งั้นหรอ เอางี้กูไปส่งขึ้นแท็กซี่ละกัน”วินเสนอผมจึงยอมตกลงให้มันไปส่งหน้าห้าง มันก็เวอร์เนอะทำอย่างกับผมเป็นเด็กสามขวบ

 

                ป่านนี้ไอ้ชินจะทำอะไรอยู่นะ

 

               เรื่องของชินยังอยู่ในความคิดผมไม่เลิก ไม่รู้ว่ามันจะยังโกรธผมอยู่รึเปล่า ผมจะทำยังไงดี ตอนแรกก็ฉุนเอาเรื่องอยู่นะที่มันทำนิสัยเด็กๆแบบนั้นแต่พอผ่านไปผมก็ใจอ่อนกับมันอีกแล้ว

 

              ผมเดินไปคิดไปเรื่อยๆไม่ได้ฟังที่วินพูดข้างๆเลย...จนสายตาเหลือบไปเห็นคนสองคน...ถ้าเป็นคนอื่นผมคงไม่สนใจแต่นี้มันคือ ไอ้ชินกับน้องแป้ง

 

              ทั้งสองเดินเคียงข้างกัน มือของพวกเขาจับกันแน่นบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ไอ้ชินหัวเราะคิกคักราวกับว่ามีความสุขผมไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกันแต่ภาพที่เห็นมันทำให้ผมรู้สึก...อิจฉา ไอ้ชินยกมืออีกข้างมายี้หัวของแป้งเหมือนที่ชอบทำกับผม น้องแป้งทำหน้างอโวยวายนิดหน่อย แต่ใบหน้าทั้งคู่ยังเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มอยู่ดี

 

              ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนางร้ายในละคร...เพราะแวบหนึ่งในหัวผมมีความคิดอยากจะเข้าไปผลักให้น้องแป้งออกห่างจากชิน...แต่ความจริงผมไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นก็ผมกับมันก็แค่เพื่อนกัน

 

               หยุดคิดได้แล้วริว...มึงมองแล้วจำเอาไว้นั้นเพื่อนรักมึงไงมันกำลังมีความสุขนะ มึงก็เป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้นแหละรีบกลับคอนโดไปนอนซะจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน

 

              “ไอ้ชินนี่”วินเองก็เห็นไอ้ชิน มันชี้ไปทางที่สองคนนั้นยืนอยู่

 

              “อืม รีบไปกันเถอะ”ผมทำเหมือนไม่สนใจ รีบเดินออกมาจากตรงนั้น โดยที่ไม่มองไปที่สองคนนั้นอีก ถ้ามองผมคงจะเห็นว่าชินเองก็มองเห็นผมเหมือนกัน

 

                หลังจากแยกกับวินผมก็กลับมาถึงคอนโดไม่นานผมเดินทำหน้าอึนมานั่งอยู่ในร้านคอฟฟี่ช็อปใต้คอนโดยังไม่อยากขึ้นห้องน่ะ ขึ้นไปก็ไม่รู้จะทำอะไรเลยมานั่งชิวๆคุยกับพี่เจ้าของร้านเพลินๆ

 

                “พี่แพร...พี่ว่าผมควรทำยังไงดี”ผมถามพี่แพรเจ้าของร้านคอฟฟี่ช็อปแห่งนี้ ผมกับพี่แพรค่อนข้างสนิทกันเพราะผมมักจะมานั่งบ่อยตอนเหงาๆน่ะ

 

                “จากที่ริวเล่ามา...พี่ว่าริวถามใจตัวเองดูก่อนไหมว่าอยากทำอะไรมากที่สุดและลงมือทำซะ ไม่งั้นริวเองที่จะมานั่งคิดมากแบบนี้”พี่แพรออกความเห็นหลังจากที่ผมมาปรึกษากับเธอ ผมเล่าเรื่องที่แอบรักชินให้เธอฟัง

 

                 “แต่ถ้าผมบอกไป...ผมกลัวว่ามันจะตีตัวออกห่างผมไปอีกอย่างชินมันมีแฟนอยู่แล้วอ่ะพี่”

 

                 ถ้าพูดไป ผมคิดว่ามันต้องไม่เหมือนเดิมแน่ๆ...ไอ้ชินเป็นคนที่เดาใจยาก

 

                 “ถ้าริวพูดออกไปมันอาจจะดีกว่าก็ได้...ไม่ต้องมาทนเจ็บอยู่แบบนี้ต่อไปในความคิดของพี่ถ้าริวไม่ยอมพูดริวต้องคิดมากแบบนี้ต่อไปไม่มีวันจบสิ้นแน่ๆ...ไม่เหนื่อยบ้างหรอ”

 

                 ผมฟังพี่แพรพูดและก็คิดตาม...ก็จริงอย่างที่แกพูดอ่ะถ้าผมไม่ทำอะไรสักอย่างมันก็เป็นแบบนี้ไปตลอดแน่ๆ

 

                 “ผมจะลองเอาเก็บไปคิดดูครับพี่ วันนี้ขอบคุณพี่มากนะที่ให้คำปรึกษากับผม ถ้าไม่ได้ระบายออกมาผมคงอึดอัดใจตายแน่ๆ”ผมยิ้มให้พี่แพร เธอเหมือนพี่สาวของผมคนหนึ่งเพราะผมเป็นลูกคนเดียวจึงมักจะเหงาอยู่เรื่อยผมอยากมีพี่น้องแบบคนอื่นนะแต่หลังจากม๊าคลอดผมม๊าก็มีลูกอีกไม่ได้เพราะม๊ามดลูกไม่แข็งแรงตอนม๊าท้องผมเกือบแท้งมาสองครั้งแนะดีนะที่ยังรอดปลอดภัย ถึงจะคลอดก่อนกำหนดก็เถอะนี้แหละสาเหตุที่ผมตัวเตี้ยแบบนี้ไง แต่อย่างน้อยๆผมก็เกิดมาครบ 32

 

                “ยังไงผมขอตัวก่อนนะพี่ ไว้มาอุดหนุนใหม่ครับ”

 

                “จ้าค่อยๆคิดนะริวมีอะไรปรึกษาพี่ เหงาก็มานั่งเล่นที่นี้นะ”พี่แพรบอกอย่างเป็นห่วง เธอใจดีแบบนี้เสมอ ถ้าไม่ติดว่าผมรักไอ้ชินผมคงจะชอบพี่แพรไปแล้วแน่ๆ

 

                ผมกลับมาที่คอนโดตัวเองก่อนจะเดินไปรอลิฟต์จะไปนอนจริงๆสักที เมื่อไหร่ที่คิดว่าจะกลับห้องแล้วนอน...ผมก็นอนไม่หลับสักทีไม่รู้เป็นอะไร

 

               “ริว!”

 

               อยู่ๆเสียงไอ้ชินก็ดังมาจากด้านหลังจนผมสะดุ้งเล็กน้อย

 

               “...”ผมเลือกที่จะเงียบ ไม่ยอมหันไปมองมัน จนชินเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ

 

               “ริว”มันเรียกผมอีกครั้ง แต่ผมก็ทำเหมือนไม่สนใจ

 

               “...”

 

               “กูขอโทษ...ที่อารมณ์เสียใส่มึงเมื่อเช้า”ชินพูดเสียงอ่อยๆใบหน้าหล่อๆของมันดูหง่อยๆเหมือนจะแสดงให้ผมรู้ว่ามันสำนึกผิดจริงๆ

 

                “...”

 

                “ริว...มึงอย่าเป็นแบบนี้ดิกูขอโทษหายงอนนะๆๆ”มันเอื้อมมือมาเขย่าแขนผมเหมือนจะง้อ...อย่าทำหน้าแบบนี้สิวะกูเห็นแล้วมันใจอ่อน

 

                 ผมถอนหายใจอย่าปลงๆพยักหน้าให้มันอย่างเสียไม่ได้ “ต่อไปมึงอย่าทำแบบนั้นอีกละมีเหตุผลหน่อย”ผมบอกมันด้วยน้ำเสียงเนื่อยๆ

 

                “ก็กูไม่ชอบไอ้ลูกครึ่งนั้นนี้ แค่เห็นหน้าก็พาลพาอารมณ์เสียกูไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม”

 

                “แล้วก็มาลงกับกูว่างั้น”

 

                “เออ กูขอโทษ...แต่มึงเลิกคุยกับมันไม่ได้หรอวะ”

 

                “ชิน...”

 

               “ก็ได้ๆไม่พูดละ ไปเที่ยวกันไหม”อยู่ๆชินก็ชวนเที่ยวแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

 

                “เที่ยวไหนล่ะ พรุ้งนี้มีเรียนนะเว้ย”ถึงจะมีเรียนวิชาเสริมวิชาเดียวก็เถอะแต่วันนี้ก็โดดวันหนึ่งแล้วนะ

 

                 “แค่วิชาเดียวเอง ขาดอีกสักวันมึงไม่ติดเอฟหรอก”

 

                  “แต่...”

 

                  “ไปเหอะ นะๆ”ไอ้ชินทำหน้าอ้อนๆ แบบนี้ตลอดเวลาจะขออะไรมันรู้ว่าทำแบบนี้ผมจะยอมทำให้...นิสัยเสียไปแล้วมึง

 

                  “แล้วแฟนมึงละ”นั้นสิ ชวนผมไปแบบนี้แล้วมันจะพาแฟนมันไปด้วยไหม...

 

                   “แป้งมีเรียนไปไม่ได้หรอก มีแค่กูกับมึงเนี้ยแหละ อีกอย่างเราไม่ได้เที่ยวด้วยกันสองคนแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ”

 

                   เที่ยวสองคนงั้นหรอคิดแล้วอดยิ้มไม่ได้

 

                   ม๊าครับ ผมกำลังจะโดดเรียนไปเที่ยวกับผู้ชาย ให้อภัยลูกคนนี้ด้วยเถอะ

 

                  “ก็ได้”ผมพยักหน้าตอบตกลงไอ้ชินก็รีบลากขึ้นไปเก็บของที่ห้องทันที

 

                  “เอาไปสองสามชุดเลยนะ”มันสั่งขณะที่นั่งรอผมเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า

 

                   “ไหนบอกคืนเดียวไง”

 

                  “ก็เผื่อมึงอยากเที่ยวต่อไง เก็บๆไปเหอะ”ชินพูดเหมือนไม่ใส่ใจก่อนที่เสียงไลน์ของมันจะดังขึ้น ไอ้ชินรีบคว้าโทรศัพท์ออกมาดูมันยิ้มกว้างทันทีเมื่อเห็นว่าใครทักมา

 

                   “เสร็จแล้ว!”ผมบอกและลุกขึ้นเดินกระแทกเท้าออกไปอย่างหงุดหงิด

 

                      ระหว่างที่เดินทางในรถมีเพียงเสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆ ผมนั่งเงียบมาตั้งแต่ขึ้นรถ ไอ้ชินก็คอยเหลียวมองผมอย่างงุนงงกับพฤติกรรมแปรปรวนของผมเป็นระยะ

 

                  “หิวไหม”

 

                   “ไม่”

  

                   “หิวก็บอกนะ”

  

                   “อืม”จบการสนทนาเพียงแค่นี้ เพราะยังไม่หายหงุดหงิดได้แต่มองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อระบายอารมณ์ ไอ้ชินเองก็ไม่พูดอะไรอีกตลอดทาง

  

                   จนในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงหัวหิน เราช่วยกันขนกระเป๋าเดินเข้าไปในคอนโดของชินที่ซื้อไว้นานแล้ว เมื่อก่อนผมกับมันก็มาเที่ยวบ่อยๆอีกอย่างพ่อกับแม่มันมีธุระกิจร้านอาหารอยู่หลายจังหวัดประจวบฯก็เป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่ครอบครัวชินเปิดสาขาอยู่

  

                    ผมเดินตามตูดไปชินขึ้นลิฟต์มาถึงชั้นเกือบๆสูงสุดของคอนโดหรูแห่งนี้ ภายในห้องตกแต่งสวยงามเข้ากับทะเลอย่างลงตัวผมก็เห็นจนเบื่อแล้วล่ะ ผมวางกระเป๋าไว้ตรงมุมห้องก่อนจะเดินไปเปิดม่านให้แสงสว่างส่องเข้ามาข้างนอกมองเห็นทะเลกว้างที่อยู่ไปจากที่นี้ไม่ไกลนัก

  

                  “หิวข้าวอ่า”อยู่ๆชินก็เดินมหยุดยืนอยู่ข้างๆแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆพลางลูบท้องปอยๆ

  

                  “โทรสั่งดิ”

  

                  “ไม่เอาอ่า อยากกินฝีมือมึงนะๆทำให้กูกินหน่อย”มันยื่นหน้าหล่อเข้ามาอ้อนใกล้ๆจนผมต้องผละออกมานิดหนึ่ง ตกใจนะครับแหม่ยื่นมาทำไมเดี๋ยวกูก็จูบซะเลย

  

                    “ของในตู้เย็นไม่มี”

  

                    “เดี๋ยวไปซื้อ ที่ซุปเปอร์ข้างล่างกันนะ”

   

                    “ก็ได้”ผมจำใจตอบตกลงไป ใครจะทนกับลูกตื้อของมันไหวล่ะ แค่นี้ก็สั่นไปทั้งใจแล้ว ทั้งที่คิดว่าจะเก๊กขรึมอีกนิดแล้วเชียว

  

                     “เย้ รักมึงที่สุดเลยเพื่อนริว”ไอ้ชินทำท่าทางดีใจเหมือนกับเด็ก

 

ผมมองมันด้วยความรู้สึกหลากหลาย แค่คำพูดที่พูดออกมาไม่คิดก็ทำให้ผมดีใจจนเนื้อเต้นได้...ท่าทางจะเป็นหนัก

 

 

ยังไม่ได้แก้ไขคำผิดน้า ผิดตรงไหนแจ้งเค้าหน่อย ตอนนี้เรื่อยๆไม่มีอะไรมากไม่รู้ออกแนวน่าเบื่อรึเปล่า ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ รีดทุกท่านอ่านแล้ววิจารณ์ได้นะ ว่ามันดีไหมสนุกไหม 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา