มลทินปรารถนา

-

เขียนโดย ศิริพารา

วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.58 น.

  8 ตอน
  1 วิจารณ์
  9,538 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 21.07 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) นางบำเรอเลื่อนขั้น ตอนที่ 2 100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

นีราภามองนาฬิกาด้วยความร้อนรนใจเพราะกลัวว่าจะไปไม่ทันนัดกับเจ้าของร้านสปาสุดหรูแห่งหนึ่งที่เพื่อนติดต่อไว้ หญิงสาวตระเวนยื่นใบสมัครงานอยู่ครึ่งวัน ช่วงบ่ายก็ได้รับข่าวดีจากเพื่อนว่ามีร้านสปาแห่งหนึ่งต้องการพนักงานนวดพาร์ทไทม์ ซึ่งหญิงสาวเคยลองไปเรียนวิชานวดจับเส้น ผ่อนคลายนี้มาจากศูนย์ฝึกอบรมแรงงานของจังหวัดที่จัดการเรียนการสอนโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ เพราะคิดว่ามันเป็นวิชาความรู้แขนงหนึ่งที่อาจจะช่วยเหลือในยามคับขัน และไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นจริงขึ้นมา

                ปี๊น... ปี๊น...

                เสียงแตรรถยนต์ที่ดังมาแต่ไกล ทำให้เจ้าของใบหน้างดงาม ผ่องใสหันไปมองยังต้นกำเนิดของเสียง

                “โดดขึ้นมาเลยองุ่น... ตรงนี้จอดนานไม่ได้” ทันทีที่ร่างระหงของเพื่อนก้าวขึ้นมานั่งบนเมอร์เซเดสเบนซ์ ชีวินก็ออกตัวซุปเปอร์คาร์คันงามออกไปจากป้ายรถเมล์หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว

                “ทำไมมาเอาป่านนี้ล่ะ นายมาสายเกือบยี่สิบนาทีแล้วถ้าฉันไปสัมภาษณ์งานไม่ทันเวลาแล้วจะทำยังไง” นีราภาต่อว่าเพื่อนเพราะอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะถึงเวลานัดกับเจ้าของร้านสปาแล้ว

                “ได้งานทำที่ไหนกัน อะไรจะรวดเร็วปานนั้น?” ชีวินหันมาถามเพื่อนสาวคนสวยที่คิดกับเธอมากกว่าเพื่อนมานานเกือบปีด้วยความสงสัย

                “ก็ไม่ใช่งานประจำแต่มันก็รายได้ดีแล้วอีกอย่างก็ดีกว่าอยู่เฉยๆ เตะฝุ่นไปวันๆ” นีราภาบอกพร้อมหันไปบอกเส้นทางที่จะมุ่งหน้าไปยังร้านสปา

                ชีวินพยักหน้ารับพลางชิดขวาเปลี่ยนช่องการจราจรเพื่อทำความเร็วให้ได้มากขึ้น “ทำไมต้องว่ากระแทกด้วย ถึงฉันจะเตะฝุ่นไปวันๆแต่ก็ทำตัวเป็นประโยชน์นะ เห็นม่ะ เธอเรียกใช้ปุ๊บฉันก็มาปั๊บ ด่วนกว่ารถไฟความเร็วสูงซะอีก”

                “ฉันไม่ได้ทำอย่างนั้นซักหน่อย ที่พูดนี่หมายถึงตัวเองทั้งนั้นทำงานตรงนี้ไปพลาง มันก็เกิดเป็นรายได้ดีกว่าตระเวนหางานไปวันๆ ฉันไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองเหมือนเธอสักหน่อย อย่าร้อนตัวสิ!” นีราภาพูด ใจจริงแล้วไม่ได้อยากขอความช่วยเหลือจากชีวินเลย แต่ด้วยเวลากระชั้นชิดและบังเอิญว่าชายหนุ่มโทรเข้ามาหาในช่วงเวลาที่กำลังหาทางไปยังร้านสปาให้ตรงเวลาพอดี จึงต้องจำใจเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ

                “ฉันบอกว่าให้ไปทำงานที่บริษัทของปะป๊ากับแม่ฉัน เธอก็ไม่เชื่อ ไม่รู้จะเกรงใจอะไรนักหนา”

                นีราภาถอนหายใจเฮือกเพราะตนนั้นชี้แจงเหตุผลมาไม่รู้กี่ครั้งกี่หน “วิน เธอน่าจะเข้าใจที่ฉันพูดนะ ฉันให้เธอได้แค่เพื่อนแต่ถ้ามากกว่านั้น ฉันก็ไม่มีให้”

                “โอเคๆ แค่หยอกเล่นเท่านั้นน่า... ทำไมต้องทำหน้าซีเรียสขนาดนั้น ฉันอาจจะอกหักที่เธอไม่รับรักแต่ผู้หญิงสวยๆไม่ได้มีเธอคนเดียวสักหน่อย ไม่รักก็ไม่รักสิ” ชีวินบอกอย่างเข้าใจ แต่ความจริงในใจแล้วยังรู้สึกห่วงหา รักและเป็นห่วงเธออยู่ทุกเวลา

                “สำหรับฉัน ฉันไม่ชอบให้เพื่อนมารู้สึกพิเศษจนเลยเถิดมาเป็นคนรัก ไม่ได้หมายความว่าคู่รักที่เริ่มจากความเป็นเพื่อนมันไม่ดีนะ แต่ในความรู้สึกของฉันแล้วรักเพื่อนกับรักผู้ชายคนนึงมันต่างกัน เป็นเพื่อนกันน่ะดีแล้ว ถ้าเป็นแฟนกัน... ทะเลาะกันเลิกกันขี้คร้านจะเกลียดหน้ากันด้วยซ้ำ” นีราภาอธิบาย... น้ำเสียงท้าทายประโยคสดใสราวกับจะให้กำลังใจคนข้างๆ

                “จ้ะๆ รับทราบแล้ว... ก็บอกแล้วว่าผู้หญิงสวยไม่ได้มีเธอคนเดียวสักหน่อย เดี๋ยวถ้าฉันหาสาวได้สวยกว่าเธอแล้วจะควงมาแนะนำให้เธอรู้จักเป็นคนแรกเลย” ชีวินบอกพลางบังคับพวงมาลัยอย่างมั่นคง เหลือบมองใบหน้าผ่องใสของเพื่อนที่นั่งชี้นิ้ว บอกทางข้างๆด้วยความรู้สึกเศร้า เสียดาย เธอน่ารัก สดใส อยู่ใกล้ๆแล้วมีความสุข ยิ่งคุยด้วยก็เหมือนยิ่งมีเรื่องราวให้น่าค้นหาไม่จบสิ้น ไม่น่าเบื่อเหมือนผู้หญิงบางคน แต่เมื่อนิ้วเรียวบางชี้ไปยังจุดหมายที่อยู่อีกไม่ไกล

                เรือนไม้ทรงไทยหลังเล็กๆ เรียงรายกันเป็นแนวยาวตั้งอยู่กลางใจเมืองเชียงใหม่เป็นที่รู้จักกันดีว่านี่คือสปาอันหรูหราและแพงที่สุดในจังหวัด มีเฉพาะคนรวย ผู้มีฐานะทางสังคมอันเป็นที่นับหน้าถือตามาใช้บริการเท่านั้น

                “ขอบใจมากนะ เดี๋ยวถ้าได้งานแล้วจะเลี้ยงน้ำปั่นแก้วหนึ่ง” นีราภาก้มตัวบอกกับเพื่อน หลังจากที่ก้าวลงมาจากรถคันหรูแล้ว

                “งานอะไรของเธอองุ่นถึงได้มาร้านสปานี่?” ชีวินถามอย่างสงสัย

                “ก็เป็นหมอนวดแผนไทยน่ะสิ หรือคิดว่าฉันจะมาเป็นหมอนวดอย่างว่า?” นีราภาถามทั้งใบหน้าบึ้งตึง

                “บ้า! ใครก็รู้ว่านี่ร้านสปาแพงมหาโหด ที่ฉันถามนี่แค่แปลกใจว่าเธอจะมีฝีมือนวดเข้าขั้นที่ร้านสุดหรูอย่างนี้รับเข้าทำงานเลยเหรอ ไม่ได้คิดอกุศลอย่างที่เธอว่ามาเสียหน่อย” ชีวินอธิบายคำถามของตัวเองอย่างละเอียด วัยหนุ่มคึกคะนองอย่างเขารู้ดีเชียวล่ะ ว่าถ้าอยากจะนวดพร้อมนาบต้องไปที่ไหน แต่ที่แน่ๆไม่ใช่ร้านสปาที่มีชื่อเสียงการนวดผ่อนคลายเป็นอันดับหนึ่งเช่นนี้แน่

                “งั้นก็แล้วไป”

                “แล้วถ้าได้งานก็อย่าลืมมาเลี้ยงด้วยล่ะ เขาว่ากันว่าทิปของพนักงานที่นี่ได้ครั้งละหลายตังค์เชียวนะ” ชีวินบอก

                “อือ... ให้ได้ก่อนเถอะ ฉันไปนะ จวนถึงเวลานัดแล้ว” นีราภาบอกพลางโบกไม้โบกมือลาเพื่อน โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาคมกริบของทัตเทพมองตามอย่างเย้ยหยัน!

                เส้นทางที่ทัตเทพออกจากโรงแรมหรูหลังจากที่สั่งสอนไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแล้วนั้น มันบังเอิญเป็นเส้นทางเดียวกันกับที่ชีวินบึ่งรถสปอร์ตเร็วเป็นพายุจอดรับผู้หญิงหน้าตางดงามที่ทัตเทพยอมรับว่าหลงเข้าไปในดวงตากลมโตสีน้ำตาลนั้นอย่างหาทางออกไม่เจอ และมันทำให้เขาบังคับพวงมาลัยสะกดรอยตามมาติดๆเพราะอยากรู้ว่าหนุ่มสาวทั้งสองจะพากันไปสิ้นสุดที่จุดหมายแห่งใด

                ภายในใจทัตเทพนั้นเกิดความหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเห็นว่าแม่คนงามที่สามารถดึงดูดสายตาได้นั้นก้าวลงจากรถแล้วยังเดินเข้าไปในสปาที่มีชื่อเสียงของจังหวัด

                ก็เธอคือ ‘หญิง’ ที่ไอ้เด็กชีวินนั่นพูดถึง ซ้ำร้ายเธอยังเดินหายเข้าไปในสปาสุดหรูที่มีราคาแพงลิบลิ่ว เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไปใช้บริการในเมื่อว่าเมื่อเช้าเธอเพิ่งใช้บริการรถเมล์สาธารณะ สิ่งเดียวที่ทำให้เธอเดินเข้าไปในสปาแห่งนี้ก็คือเป็นพนักงานเท่านั้น จริงอยู่ว่าสปาแห่งนี้ไม่มีประวัติทำธุรกิจบังหน้าเพื่อค้าเนื้อสด! แต่เขาไม่เคยเชื่อเลยว่ามันจะเป็นเช่นนั้นเพราะเจ้าของสปาแห่งนี้นั้นเป็นภรรยาของเจ้าพ่ออาบอบนวดในกรุงเทพ!

                ให้เธอตกนรกหมกไหม้เถอะ! ทำไมแค่เพียงคิดว่ามือเรียวๆของเธอจะไปสัมผัส ลูบไล้เนื้อตัวของใครต่อใคร ก็ทำให้เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลอย่างนี้นะ!!

 

                ในขณะที่ชีวินมองกระจกหลังตามร่างระหงที่เดินหายเข้าไปในสปาสุดหรูด้วยความรู้สึกเสียดาย ความหวิวใจบังเกิดขึ้นในใจทันที มันน่าน้อยใจนักที่เธอไม่มอบไมตรีนั้นกลับคืน ทั้งยังขู่ว่าหากไม่เลิกคิดกับเธอมากกว่าเพื่อน ก็ไม่ต้องคบหากันอีกต่อไป เขามีทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นความรักและฐานะที่มั่นคง การเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของคหบดีในเมืองใหญ่อย่างเชียงใหม่ ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของนีราภาให้หันมามอง รับรักตนเลย เธอต้องการเป็นเพียงแค่เพื่อนและไม่เคยใช้ความเป็นเพื่อนเอื้อประโยชน์ในการดำเนินชีวิตเลยแม้แต่น้อย หากก็ต้องถอยออกมายืนในจุดที่เธอพอใจ ไม่ล้ำเส้นเข้าไปมากกว่าเพื่อนอย่างเช่นที่เธอขอไว้ ทำตัวเป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วง คอยอารักขาเธออยู่ไม่ไกล ถึงแม้ว่าจะไม่เคยขาดผู้หญิงข้างกายแต่ก็ไม่เคยมีใครทำให้รู้สึกเบิกบานใจได้เท่ากับรอยยิ้มสดใสของเธอ

                ทั้งหมดนี้มันจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกเสียจากว่าหลงรักเธอเข้าแล้วทั้งหัวใจ หากแต่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากเฝ้ามองดูเธอในฐานะเพื่อนที่หวังดีต่อไปเรื่อยๆ ชีวินคิดในใจ แสยะยิ้มให้กับความโง่งมของใจตัวเองพลางขับรถต่อไปอย่างไร้จุดหมาย!

 

                ราวชั่วโมงถัดมา... หลังจากที่นีราภาได้พูดคุยกับเจ้าของร้านสปาอันใหญ่โตหรูหราแห่งนี้แล้ว นีราภาก็กำลังโชว์ฝีมือที่ร่ำเรียนมากับร่างอวบของเจ้าของร้าน น้ำมันหอมระเหยกลิ่นยูคาลิปตัสช่วยทำให้หายใจปลอดโปร่งโล่งสบาย

                “อืม... น้ำหนักมือเธอดีมากเลยนะองุ่น” เจ้าของร้านร่างขาวอวบกำลังนอนคว่ำหน้า เปลือยแผ่นหลังเพื่อทดสอบฝีมือลูกจ้างพาร์ทไทม์คนใหม่ หลังจากที่ได้ดูประวัติและสอบถามถึงประวัติการทำงานมาเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะไม่มีประสบการณ์ในการทำงานด้านนี้มาก่อน แต่ก็ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพอย่างถูกต้อง อีกทั้งฝีไม้ลายมือในการนวด กด รีดเส้นนั้นก็ไม่ต่างจากคนที่ทำงานด้านนี้มาเป็นแรมปีเลยแม้แต่น้อย

                “องุ่นยิ่งกลัวว่าน้ำหนักมือจะน้อยไป ไม่ถูกใจคุณมากกว่าค่ะ” นีราภาอมยิ้ม ยิ่งได้คำชมยิ่งตั้งใจทำตามขั้นตอนที่ได้รับฝึกฝนมาอย่างเต็มที่

                “สำหรับผู้หญิงแรงกดประมาณนี้กำลังดี แต่ถ้านวดผู้ชายเธอต้องออกแรงมากกว่านี้อีกเท่าตัว” เจ้าของร้านพูดพลางหลับตา ถูกใจเหลือเกินกับมือนุ่มที่สัมผัสตนอยู่นี้ “ตกลงว่าฉันรับเธอเข้าทำงานที่นี่นะ ค่าจ้างก็แบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์เหมือนร้านทั่วไป แต่ทิปที่ลูกค้าจ่ายฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว”

                “คุณพูดจริงๆเหรอคะ แปลว่าหนูได้งานทำแล้วใช่ไหมคะ?” นีราภาถามด้วยน้ำเสียงดีใจ

                “อืม... ไม่ใช่แค่พาร์ทไทม์นะ ฉันรับเธอเข้าทำงานประจำเลยล่ะ ฉันรู้ว่าเธอเรียนจบมาสูงคงกำลังหางานทำเพื่อนรองานที่ไปยื่นใบสมัครไว้ แต่ถ้าได้งานที่ชอบแล้วจริงๆ จะลาออกฉันก็ไม่ว่า ขอแค่แจ้งฉันล่วงหน้าให้พอได้มีเวลาหาคนอื่นมาแทนเท่านั้น”

                “ค่ะๆ งานอะไรองุ่นก็ไม่เกี่ยง ขอให้ได้ทำงานมีรายได้เป็นของตัวเองก็พอใจแล้วค่ะ” นีราภารับคำอย่างขันแข็ง

                “แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าร้านนี้จะมีธุรกิจค้าเนื้อสดบังหน้านะ ฉันทำแค่เท่าที่เห็น ไม่มีแอบซ่อนแต่อย่างใด แน่นอนว่าลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการก็ต้องมีทั้งหญิงชายปะปนกันไป แต่ก็ไม่มีบริการแอบแฝงเน้นไปในเรื่องอย่างว่าแน่นอน “เจ้าของร้านสปาร่างอวบ เอี้ยวใบหน้าหันมายิ้มให้อย่างเอ็นดูไม่รู้ว่าทำไมถึงได้คิดถึงตัวเองในครั้นอดีตเมื่อมองเห็นเด็กผู้หญิงคนนี้

                “ค่ะ องุ่นอยู่ที่นี่มาสี่ปีเต็ม พอจะรู้ว่าที่นี่ไม่เคยมีเรื่องส่อไปในทางนั้นค่ะ” นีราภาบอกพลางตั้งแต่นวดเจ้านายหมาดๆของตัวเองอย่างสุดฝีมือ ในขณะที่ฟังเรื่องราวชีวิตอย่างคร่าวๆของเธอไปพร้อมๆกัน

 

                ในขณะเดียวกันกับที่ทัตเทพเพิ่งเดินทางออกมาจากโชว์รูม หลังจากที่ชายหนุ่มเข้าไปเซ็นเอกสารสำคัญในห้องทำงานเมื่อชั่วโมงที่แล้ว ความเงียบสงบในช่วงเวลาหลังเลิกงานทำให้มีสมาธิในการตรวจตราเอกสารได้รวดเร็ว หลังจากนั้นจากนั้นร่างสูงใหญ่ของทัตเทพก็เดินตรงออกมาขึ้นซุปเปอร์คาร์สุดหรูคันเดิม มุ่งหน้าสู่บ้านพักตากอากาศที่สร้างไว้พักในยามที่มาทำงานเพราะมันย่อมให้ความเป็นส่วนตัวและสะดวกสบายกว่าจะไปพักในโรงแรมอยู่มาก ชานเมืองเชียงใหม่ที่ยังมีผู้คนอาศัยอยู่บางตา หากแต่มีสิ่งก่อสร้างหลังงามที่ก่อสร้างด้วยสไตล์โมเดิร์นคลาสสิกตั้งเด่นเป็นสง่า เปิดไฟอย่างสว่างไสวเป็นที่สะดุดตาของผู้เดินทางผ่านไปมานัก มันไม่ใช่คฤหาสน์หลังมโหฬารแต่มันคือบ้านที่สร้างอยู่ในพื้นที่กว้างใหญ่ มีรั้วรอบขอบชิด บ่งบอกถึงรสนิยมอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าของได้เป็นอย่างดี

                ทัตเทพแสยะยิ้มที่มุมปากบางเฉียบของตัวเอง เมื่อขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านหลังงามที่สร้างขึ้นมาจากความชอบของตัวเองล้วนๆ แล้วได้เห็นว่าลูกน้องมือขวาของตนยืนรออยู่กลางบ้านพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่!

                “ผมนึกว่าคุณเทมส์มาถึงก่อนแล้วเสียอีก” สาธิตถามเจ้านายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

                “ฉันต้องไปเซ็นเอกสารที่กองเท่าดอยสุเทพก่อน ถึงได้กลับมานี่” ทัตเทพบอกพลางพันแขนเสื้อทั้งสองข้างขึ้นไว้บริเวณข้อศอก “เปิดออกดูสิ ของฉันอยู่ครบไหม”

                สาธิตฟังรหัสจากปากของเจ้านายแล้วลงมือเปิดกระเป๋าออกมาทันที เมื่อเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าเรียบเฉยของเจ้านายแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก กวักมือเรียกแม่บ้านที่อยู่อยู่ไม่ไกลให้นำกระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นไปจัดไว้ในห้องส่วนตัวของท่าน จากนั้นจึงรีบเดินตามร่างสูงใหญ่ไปยังโต๊ะอาหาร

                “วันนี้ผมสั่งให้แม่บ้านจัดขันโตก เพราะคิดว่าคุณเทมส์น่าจะอยากรับประทาน”

                ทัตเทพพยักหน้ารับ เมื่อลูกน้องมือขวาคนรู้ใจยังเดาใจตนได้เหมือนเดิม ถ้าไม่นับความผิดที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ จากการตรวจเอกสารและบัญชีต่างๆนั้นก็ถือว่าสาธิตทำงานได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

                “พรุ่งนี้แกลองหารือกับทางไฟแนนซ์ดูว่าถ้าหากเราจะจัดแคมเปญไม่ต้องให้ลูกค้าจ่ายเงินดาวน์เนี่ย มันจะพอเป็นไปได้ไหม แล้วตอนบ่ายก็นัดประชุมประจำเดือนด้วย” ทัตเทพบอกพลางรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างเจริญอาหาร

                “โอ้โห... จะผ่อนไหวเหรอครับ” สาธิตถามแบบพาซื่อ

                “ไหวไม่ไหวแล้วมันเกี่ยวอะไรกับแก แกไปผ่อนกับเขาด้วยหรือไง?”

                “ปะ...เปล่าคร้าบ ผมก็แค่เป็นห่วงลูกค้า ทำไมคุณเทมส์ต้องจัดโปรโมชั่นทำนองนี้ขึ้นมาด้วยล่ะครับ ยอดขายเราก็ยังดีอยู่นี่ครับ”

                ทัตเทพเคี้ยวอาหารพลางพูดกับลูกน้องมือขวาด้วยท่าทางสบายๆ “ตอนนี้น่ะดีอยู่หรอก แต่ถ้าการเมืองยังเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ เราก็ทำเซฟตัวเองไว้ก่อน ฉวยโอกาสจัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายก่อนที่คนอื่นจะทำเสียก่อน เติมน้ำมันฟรีให้เต็มถังมีส่วนลดประกันภัยนิดๆหน่อยๆ ฉันว่าน่าจะดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้อยู่มาก”

                “ก็ดีอยู่หรอกครับ แต่ผมกลัวไฟแนนซ์จะไม่เล่นด้วย เพราะราคารถยนต์แต่ละคันของเราเกินสามล้านบาททั้งนั้น โอกาสเสี่ยงสูงนะครับ” สาธิตแสดงความคิดเห็น

                “ไปติดต่อดูก่อนแล้วค่อยมาให้คำตอบฉัน หรือถ้าแกคิดโปรโมชั่นได้ดีกว่านี้ก็ว่ามา อีกอย่างเวลาเราทำโฆษณาออกไปก็เปิดหัวให้น่าสนใจว่าผ่อนรถหรูโดยไม่ต้องมีเงินดาวน์ แต่ในหลักการพิจารณาจริงๆก็จัดให้โปรโมชั่นนี้ใช้ได้เฉพาะกับรถที่มีราคาไม่เกินห้าหกล้าน นั่นก็แล้วแต่ไฟแนนซ์จะเห็นสมควร คุณสมบัติของลูกค้าอาจจะดูให้ละเอียดกว่าเดิมอีกสักหน่อย หรือถ้าไฟแนนซ์ต่างๆไม่เล่นด้วย ก็ดึงลูกค้าที่สนใจมาจัดไฟแนนซ์กับเราเสียเอง”

                “แต่...”

                ปัง!

                “อะไรอีกวะไอ้ธิต!” ทัตเทพใช้มือหนาตบลงบนโต๊ะอาหารพลางตวาดถามลูกน้องมือขวาด้วยความรำคาญใจ “แกจะให้ฉันกินข้าวอย่างมีความสุขหน่อยไม่ได้หรือไงวะ? แกรู้ไหมว่าไม่มีอาหารตกถึงท้องฉันมาตั้งแต่ฉันกินอาหารเช้าที่กรุงเทพ”

                สาธิตเบิกตาโพลง เมื่อได้ยินเจ้านายพูดเช่นนั้นพลางพยักหน้ารับคำด้วยความเกรงใจ “ครับๆ ผมก็แค่เป็นห่วง ไม่อยากให้คุณเทมส์ขยับตัวทำอะไรมากในช่วงที่การเมืองยังไม่นิ่งแบบนี้”

                “จำไว้นะว่าเราทำธุรกิจ ถ้าย่ำอยู่กับที่นั่นหมายถึงคนอื่นกำลังจะเดินแซงหน้า เพราะฉะนั้นเราต้องหาทางงัดทั้งเล่ห์ทั้งกลออกมาใช้ ถ้ามันจะเจ๊งหรือจะกำไรมหาศาลฉันก็ไม่เคยเสียใจเพราะนั่นเขาเรียกว่าโอกาสทางธุรกิจ ยังไงเสียมันก็ต้องเสี่ยงมากกว่าการทำงานกินเงินเดือน แกไม่ได้อยู่ใกล้ๆฉันแค่ไม่ถึงปี แกหมดความเชื่อมั่นในตัวฉันขนาดต้องมาซักไซ้ไล่เรียงอย่างนี้เลยหรือไงวะ?” ทัตเทพถามด้วยน้ำเสียงดุห้วน

                “ปะ...เปล่าครับ ผมไม่มีวันหมดความเชื่อมั่น เชื่อถือ นับถือในตัวคุณเทมส์เลย”

                “ถ้าอย่างนั้นก็ย้ายก้นแกกลับบ้านไปหาลูกหาเมียได้แล้ว ฉันจะกินข้าว” ทัตเทพชิงพูดดักหน้าก่อนที่ต้องฟังต่อไปว่าผู้ชายตรงหน้าจะกล่าวสุนทรพจน์ยกย่องเชิดชูตัวเอง “รู้ไหมว่าฉันทำงานที่กรุงเทพก็หนัก เหนื่อย ปวดหัวมามาก ที่มานี่ก็ถือโอกาสมาดูแลความเรียบร้อยนิดๆหน่อยๆเพราะเห็นว่ามีแกดูแลอยู่แล้วคงไม่เกิดเรื่องน่าปวดหัวอะไร แล้วนี่มันอะไรวะ ฉันต้องมานั่งอธิบายเหตุผลให้แกฟังตอนกินข้าวมื้อเที่ยงของวันในตอนเกือบทุ่มเนี่ยนะ?!”

                “ครับๆ ผมมันหัวช้า คิดอะไรไม่ทันคุณเทมส์อยู่เรื่อยๆ ผมมันไม่ดีเองครับ”

                “ตกลงว่าแกจะนอนที่นี่ใช่ไหม ฉันจะได้ย้ายไปนอนโรงแรม?” ทัตเทพถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อสาธิตยังพล่ามต่อไปไม่มีทีท่าว่าจะกลับ หากแต่เมื่อรู้ตัวก็รีบเผ่นออกมาจากโต๊ะอาหารก่อนที่จะถูดตัดเงินเดือนทันที ชายหนุ่มจึงหันไปรับประทานอาหารต่อ...

                “แต่เดี๋ยวผมไปหาสาวมานวดให้นายผ่อนคลาย สนุกไปยันเช้า กระปรี้กระเปร่าทั้งวันดีกว่านะครับ” สาธิตบอกด้วยน้ำเสียงที่ไม่เบานักเพราะยืนอยู่ห่างจากเจ้านายอยู่มาก และรู้ดีว่าเจ้านายนั้นชอบนวดเป็นพิเศษ ส่วนบริการเสริมก็แล้วแต่ท่านจะเห็นสมควร

                “เฮ้ย... ไอ้ธิต! เอาหมอนวดมือฉมังจริงๆนะโว้ย ไม่เอาแบบนวดพร้อมนาบ วันนี้ไม่มีอารมณ์!” ทัตเทพตะโกนก้องแต่ไม่ได้สนใจว่าคนที่รับคำสั่งจะได้ยินและปฏิบัติตามหรือไม่เพราะตอนนี้ ในสมองอันชาญฉลาดกำลังคิดถึงใบหน้าผ่องใส ดวงตากลมโตสีน้ำตาลที่ทำให้หลงวนอย่างยากที่จะถอนตัว ถ้าเธอทำงานอยู่ที่นั่นจริง พรุ่งนี้คงได้แล่นไปใช้บริการเธอถึงที่เพราะเพียงแค่คิดว่ามือเรียวเล็กกำลังบีบนวดเนื้อตัวเขาก็คึกจนจะตายห่าอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือรีบจัดการกับอาหารตรงหน้าให้เต็มคราบ อาบน้ำแล้วคลานขึ้นเตียงพักผ่อนให้เต็มที่ให้สมกับความเมื่อยล้าที่สะสมไว้ในร่างกายมาตลอดทั้งเดือน!

 

                สาธิตขับรถมาถึงร้านสปาที่มีชื่อเสียงที่สุดในตัวจังหวัดด้วยความรวดเร็ว เพราะติดต่อหาสาวๆนวดดีลีลาเด็ดให้เจ้านายไม่ได้สักราย แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องที่คนดีๆทำกันนักแต่การทำธุรกิจที่ต้องติดต่อกับชาวต่างชาติแล้วพวกเขาเหล่านั้นยังต้องเข้ามาพำนักในประเทศไทยนานหลายวัน การใช้เงินซื้อหาความสุข ปลดเปลื้องความใคร่จึงเป็นเรื่องปกติสำหรับเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง มันไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยหากแต่เป็นเช่นนี้เกือบทุกประเทศ

                ชายหนุ่มถอนหายใจเมื่อหญิงสาวที่หมายตาไว้ต่างก็ติดภาระกิจกันทั้งนั้น หากแต่คำพูดของเจ้านายก่อนที่ตนจะแยกจากท่านนั้น ทำให้ตัดสินใจเลี้ยวรถเข้ามาในร้านสปาที่มีชื่อเสียงโด่งดังในการนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อและไม่มีธุรกิจอย่างว่าแอบแฝงแห่งนี้

                “สวัสดีค่ะ วันนี้คุณลูกค้าต้องการนวดแบบไหนคะ” พนักงานต้อนรับแต่งตัวสะอาดสะอ้านกล่าวทักทายลูกค้าทันทีที่เดินเข้ามาในร้าน

                “นวดแผนไทยครับ แต่จะรับไปนวดให้เจ้านายที่บ้าน หมอนวดประจำชื่อพี่นี” สาธิตบอกชื่อหมอนวดร่างท้วม อายุราวสี่สิบต้นๆที่เจ้านายติดใจในฝีมือการจับเส้นของเธอนักและยังเรียกใช้อยู่บ่อยครั้ง หากได้มาพักที่นี่ แต่ยังไม่ทันที่พนักงานต้อนรับจะตอบว่าเช่นไร เสียงทักทายที่ดังขึ้นด้านหลังก็ทำให้ผู้จัดการโชว์รูมรถสุดหรูหันไปตามต้นกำเนิดเสียงทันที

                “อ้าว... คุณสาธิต วันนี้ลมอะไรหอบมาคะ?” สาวใหญ่เจ้าของร้านสปาสุดหรู ซึ่งเป็นลูกค้าสำคัญคนหนึ่งของโชว์รูมเดินออกมาทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

                “สวัสดีครับคุณพี่พิศมัย” สาธิตยกมือไหว้อย่างนอบน้อม “ผมมารับหมอนวดคนเดิมไปให้เจ้านายครับ”

                “เอ่อ... พี่นี ติดลูกค้าอยู่นะคะ อีกเกือบชั่วโมงถึงจะจบคอร์ส” พนักงานสาวรายงานทั้งเจ้านายและลูกค้าไปพร้อมๆกัน

                “คุณทัตเทพมาเหรอคะ?” พิศมัยถาม

                “ครับ มาถึงเมื่อเช้านี้ครับ ท่านดูเหนื่อยๆ สงสัยงานที่กรุงเทพจะหนักเอาการน่ะครับ”

                “ตายจริง! คุณทัตเทพไม่เคยเรียกใช้คนอื่นเสียด้วย ทำยังไงดีล่ะคราวนี้” พิศมัยหันรีหันขวางเพราะไม่อยากให้ลูกค้าคนสำคัญเสียความรู้สึกหรือต้องรอนานเป็นชั่วโมง หากสายตาก็ไปปะทะกับร่างระหงที่ยืนอยู่ข้างหลังตนเข้า สาวใหญ่จึงคิดว่าลูกค้าคนสำคัญน่าจะชอบฝีไม้ลายมือในการนวดของหญิงสาวเพราะขนาดเธอเองก็ยังชื่นชอบเอามากๆ จึงเดินเข้าไปกระซิบถามหญิงสาวให้พอได้ยินกันสองคน

                “องุ่นจะว่ายังไง หากฉันให้เริ่มงานวันนี้”

                นีราภาเบิกตาโตอย่างไม่เชื่อหูตัวเองหากแต่การพยักหน้าย้ำในคำพูดของเจ้าของร้านทำให้ต้องยิ้มแหยๆออกไปอย่างไม่มั่นใจ “คุณว่าองุ่นนวดใช้ได้เหรอคะ?”

                “โธ่! ทำไมถึงได้ไม่มีความมั่นใจในตัวเองเสียเลย เธอน่ะไม่ใช่แค่นวดใช้ได้แต่นวดได้ดีมากๆเลยทีเดียว แล้วอีกอย่างนะ ลูกค้าคนนี้กระเป๋าหนักมาก นี่ถ้าพี่นี ไม่ติดลูกค้าอยู่ล่ะก็ เธอไม่มีทางได้โอกาสดีๆอย่างนี้แน่ น่าจะฉวยโอกาสนี้ไว้นะ” พิศมัยพูดให้กำลังใจหญิงสาว

                “แล้วถ้าลูกค้าไม่ชอบ ไล่ตะเพิดออกมา จะยังรับองุ่นทำงานอยู่ไหมคะ?” นีราภาออกไปซื่อๆ อย่างกล้าๆกลัวๆ หากแต่สามารถเรียกเสียงหัวเราะพึงใจจากเจ้าของร้านได้เป็นอย่างดี

                “คุณทัตเทพต้องชอบฝีมือการนวดของเธอแน่องุ่น นวดเหมือนอย่างที่ทำให้ฉันทุกขั้นตอนเพียงแค่ออกแรงกดให้หนักกว่าเดิมอีกนิด เพราะกล้ามเนื้อของผู้ชายจะแข็งกว่าเนื้อของผู้หญิง แล้วก็ไม่ต้องห่วงว่าจะถูกไล่ออกมา ฉันว่า... พรุ่งนี้เธอต้องกลับมาพร้อมทิปที่ทำให้มีตังค์ไว้ซื้อขนมกินอีกเป็นเดือนเชียวล่ะ” พิศมัยบอกพลางออกแรงดันแผ่นหลังบางให้เดินเข้าไปเตรียมตัวด้านใน แล้วจึงหันกลับมาบอกผู้จัดการโชว์รูมรถสุดหรูที่นั่งรออยู่บนโซฟา

                “รอสักครู่นะคะ ขอเตรียมตัวสักพัก”

                “เอ่อ... หมายถึงจะให้เด็กผู้หญิงคนนั้นไปกับผมใช่ไหมครับ” สาธิตถามด้วยหน้าตาที่บ่งบอกว่าไม่เชื่อฝีมือของเธอนัก “คือ... คุณพี่พิศมัยรับรองว่าเธอจะไม่ถูกท่านไล่ออกมาภายในห้านาทีใช่ไหมครับ?”

                “รับรองค่ะ พี่เทคคอร์สมาด้วยตัวเอง เชื่อไหมคะว่าไม่มีใครนวดแล้วทำให้ตัวเบาได้เหมือนน้องคนนี้เลย หน้าตาอาจจะดูเด็กไปสักหน่อยแต่เธอเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วนะคะ ฝีมือการจับเส้นก็ไม่ได้ดูอ่อนเหมือนหน้าตาด้วย”

                บทสนทนาหยุดชะงักลงเมื่อร่างระหงของนีราภาเดินออกมาอีกครั้งในชุดผ้าฝ้ายสีน้ำตาลอ่อน ซึ่งเป็นแบบฟอร์มของทางร้านซึ่งตัดเย็บออกมาให้พนักงานทุกคนได้สวมใส่

                “โอเค งั้นไปแล้วนะครับ” สาธิตกล่าวคำลาพร้อมยกมือไหว้ลูกค้าคนสำคัญของตน เดินออกจากร้านสปาสุดหรูพร้อมกับสาวน้อยที่ดูหน่อยก้านแล้วไม่เหมือนกับหมอนวดแผนไทยเลยสักนิด แต่เมื่อเจ้าของร้านออกปากการันตีเองเสียขนาดนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องกังวลใจอะไรอีก

                นีราภานั่งนิ่งบนรถยนต์คันงามที่มุ่งหน้าออกสู่ชานเมืองอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักเสียงห้าวของคนข้างๆก็ดังขึ้นถามว่ารับประทานข้าวปลาอาหารบ้างแล้วหรือยัง นั่นถึงทำให้หญิงสาวนึกขึ้นกับตัวเองได้ว่ามันเลยเวลาอาหารเย็นของเธอไปแล้วเกือบชั่วโมง หากต้องโกหกออกไปว่าเรียบร้อยแล้วเพราะกลัวว่าจะเป็นภาระของลูกค้าจัดหาข้าวปลาอาหารให้วุ่นวายอีก พลางคิดในใจว่า... นวดเสร็จแล้วค่อยออกมาหาอะไรทานก็ได้แต่ก็ต้องลอบถอนหายใจเมื่อยังไม่รู้ว่าตัวเองจะทำงานชิ้นแรกนี้ได้สำเร็จดังที่เจ้าของร้านสปาตั้งความหวังและให้กำลังใจรึเปล่า?!

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา