เมียบำเรอครึ่งคืน

-

เขียนโดย ศิริพารา

วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.53 น.

  11 ตอน
  3 วิจารณ์
  15.51K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) เมียบำเรอครึ่งคืน ตอนที่ 1 100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

กริ๊ง... กริ๊ง... กริ๊ง...

                เสียงโทรศัพท์ที่กรีดร้องขึ้นในรุ่งเช้าของวันทำให้เวทิศผงกหัวขึ้นจากชุดเครื่องนอนชั้นเยี่ยมของเพนต์เฮาส์สุดหรู ใจกลางย่านธุรกิจของฮ่องกง มือใหญ่ควานหาโทรศัพท์เครื่องบางแล้วเลื่อนรับสายโดยไม่ได้สนใจมองว่าใครติดต่อเข้ามา

                “อือ... ว่าไง” ส่งเสียงงัวเงียออกไปจนคนที่ปลายสายนึกฉุนขึ้นมาในทันที

                “ไอ้น้องเวร! ตกลงแกจะกลับมาทำงานดีๆ หรือต้องให้ฉันไปลากตัวแกกลับมาเมืองไทย” ผู้เป็นพี่ชายถามออกมาอย่างเดือดดาล

                ก็จะไม่ให้โมโหได้อย่างไร ในเมื่อเขาแต่งงานมาได้หนึ่งอาทิตย์เต็มๆ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับภรรยาเพราะต้องรอน้องชายมาดูแลธุรกิจแทน แต่จนป่านนี้ยังไม่เห็นหัว

                “โธ่!... แล้วใครไปดึงขานายไว้เล่า อยากพาเมียไปกกที่ไหนก็ไปสิ มันเกี่ยวอะไรกับฉัน” เวทิศตอบพี่ชายเพียงคนเดียวด้วยน้ำเสียงรำคาญใจสุดๆ จะว่าไปแล้วทั้งคู่ก็เหมือนเพื่อนกันเสียมากกว่าเพราะอายุห่างกันแค่ปีเดียวเท่านั้น

                “อย่ามาลีลากับฉัน แกก็รู้ว่าฉันไม่มีทางวางบริษัทของเราไว้ในมือใครนอกจากแก เพราะฉะนั้นรีบไสหัวของแกกลับมาภายในวันนี้ เท่าที่แกไม่มางานแต่งงานของฉันนี่มันก็เกินไปแล้วนะ ไอ้น้องเลว!”

                “เออ... ด่าเข้าไป ก็บอกแล้วว่าเกิดแอคซิเดนนิดหน่อย” เวทิศพลิกร่างเปลือยเปล่าที่เปี่ยมไปด้วยกล้ามมัดอันอุดมสมบูรณ์ขึ้นมานอนหงายพลางตีคิ้วให้แอร์โฮสเตสสาวสวยที่หิ้วมาเป็นคู่นอน เพียงเท่านั้นสาวผิวสวย หน้าอกสะบึมก็ดีดตัวขึ้นแล้ววาดขาเพรียวคร่อมช่วงกลางลำตัวเขาไว้ บดเบียดส่วนอ่อนไหวกลางกายเข้าหาเขาอย่างยั่วยุ!

                “เลิกเอาเหตุผลนี้มาอ้างซะที เที่ยวบินไปกลับกรุงเทพฯ – ฮ่องกง วันๆเขาบินกันให้ควั่ก เด็กอมมือยังไม่เชื่อแกเลยว่าภายในหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมานี้มันจะไม่มีที่นั่งสำหรับแก” ทัตเทพขมวดคิ้วเพราะได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของผู้หญิงดังลอดเข้ามาในสาย ส่ายหน้าพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อรู้ว่าน้องชายของตนไม่ได้อยู่คนเดียว แถมเสียงซี้ดซ้าดที่เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆทำให้รู้ว่ากำลังเกิดกิจกรรมสุดเหวี่ยงขึ้น “แกบอกให้อีหนูหยุดโยกสักนาทีก่อนได้ไหมวะ ฉันกำลังคุยเรื่องซีเรียสกับแกอยู่นะ กาย!”

                ความจริงแล้วอีหนูยังไม่ได้เริ่มโยก แต่กำลังเตรียมพร้อมที่จะโยกต่างหาก

                เวทิศไม่ได้สนใจฟังเสียงของพี่ชายนักเพราะสายตากำลังจับจ้องที่ใบหน้าของคู่นอน ซึ่งเคลื่อนตัวต่ำลงไปสวมเครื่องป้องกันให้เขาอย่างถึงใจด้วยริมฝีปาก

                “เฮ้ย! ไม่เอาน่า... ก็แค่แต่งงาน มันไม่ได้ทำให้นายเปลี่ยนสถานะจากพี่ชายที่แก่กว่าปีเดียวมาเป็นพ่อนี่หว่า เมื่อก่อนเราเคยใช้...”

                “หุบปากเดี๋ยวนี้ แกมีหน้าที่ทำตามคำสั่งของฉัน” ทัตเทพไม่รีรอฟังน้องชายปากมอมขุดคุ้ยเรื่องในอดีตจนจบประโยค เพราะข้างกายมีเมียเด็กแสนสวย ขี้หึงและกำลังตั้งท้องนั่งดูรายการข่าว “วันนี้ฉันจะไปอเมริกา ถ้าพรุ่งนี้แกยังไม่เข้าบริษัท ได้เห็นดีกับฉันแน่”

                “โอเคๆ อ๊ะ... เบาก่อนอีหนู” เวทิศตอบตกลงพร้อมครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน เมื่ออีหนูที่ว่ากำลังอยู่ในอารมณ์เสียวซ่านจนไม่สามารถฉุดรั้งตัวเองไว้ได้ “ไปกกเมียให้ได้ลูกแฝดเถอะน่า ฝากสวัสดีพี่สะใภ้ด้วยแล้วกัน บอกเธอด้วยว่าฉันมีของขวัญขอโทษที่มางานแต่งไม่ทันด้วย รับรองเธอจะชอบ อูย... แม่คุณ”

                ทัตเทพหลุดด่าน้องชายจอมเสเพลก่อนจะเป็นฝ่ายกดตัดสาย แล้วจึงหันมากดจูบหนักๆที่หน้าผากมนของภรรยาอย่างแสนรัก ฝ่ามือหนาเลื่อนลงไปลูบต้นแขนเรียวขึ้นลงอย่างเอาใจพลางก้มหน้าลงตอบคำถามเธอด้วยอาการละมุนละม่อม อธิบายที่เธอกำลังเอ็ดเพราะพูดจาไม่น่าฟัง แตกต่างกับผู้เป็นน้องชายที่ดึงโทรศัพท์ออกมามองด้วยความพิศวง ไม่เข้าใจว่าการตกหลุมรักผู้หญิงสักคนจนยอมสละชีวิตโสดในตอนที่มีอายุเพียงแค่สามสิบปี คิดไม่ออกว่าต้องเจอผู้หญิงหน้าตา นิสัยใจคอเช่นไรถึงจะยอมสละอิสรภาพอย่างนั้นได้บ้าง

                หากร่างเปลือยที่กดตัวกระแทกกระทั้นลงมาอย่างไม่กลัวเจ็บก็ทำให้เวทิศสูดปากคราง

                “สนใจฉันบ้างสิคะ สุดหล่อ” สาวหุ่นยั่วน้ำลายว่าพลางถอยตัวออกห่างแล้วกระแทกกลับลงมาราวกับเรียกร้องความสนใจ

                “อู้ว... เอาเลย ข่มขืนฉันได้ตามใจเพราะเราคงไม่ได้เจอกันแล้ว”

                “ใจร้ายที่สุด ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะคะ” บังคับน้ำเสียงถามให้เป็นประโยคเพราะความอลังการที่สอดแทรกลึกล้ำนี้ทำให้เธอร้อนฉ่าจนแทบขาดใจ

                “งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา ฉันจะกลับเมืองไทยแล้ว” บอกพลางผงกหัวเสพภาพเร้าอารมณ์กลางกาย ทรวงอกใหญ่ของเธอก็กระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรง ยอมรับล่ะว่าลีลาเธอยอดเยี่ยม แต่มันก็ไม่ได้พิเศษ ไม่แตกต่างจากผู้หญิงที่เคยมีสัมพันธ์ด้วยเท่าไหร่นักและแน่นอนว่า... เธอคงอยากได้เครื่องเพชร เสื้อผ้าหรือกระเป๋าแบรนด์เนมดังๆเป็นสินน้ำใจ

                หากการขยับตัวขึ้นลงของเธอที่กระแทกกระทั้นลงมาอย่างไม่กลัวเจ็บก็ทำให้เวทิศต้องเลิกคิ้วมองด้วยความแปลกใจ “ฉันจะทำให้คุณลืมไม่ลง คุณจะไม่มีวันสนุกอย่างนี้กับใครได้อีก”

                เวทิศบดกรามแน่น สะกดกลั้นอารมณ์ที่เริ่มจะพวยพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ เขาชอบนักล่ะไอ้อาการท้าทายอย่างนี้ “เอาสิ ฉันก็อยากรู้ว่าเธอจะดีแต่ราคาคุยรึเปล่า”

                จบคำพูดแอร์โฮสเตสสาวก็ต้องหวีดร้องออกมาสุดเสียง เมื่อหนุ่มใต้ร่างคว้าที่ช่วงเอวแล้วพลิกตัวให้เธอลงไปนอนหงายอยู่บนเตียงแทน

                “พนันกันไหมว่าฉันจะทำให้เธอครางได้ดังกว่าที่เธอทำรึเปล่า?” เวทิศพูดอย่างผยอง ใช้มือทั้งสองข้างกดขาอ่อนด้านในของเธอให้แยกออกจากกัน แล้วสอดแทรกเข้าหาอย่างลืมตัวลืมตายในองศาที่ทำให้สาวหุ่นสะบึม กรีดร้อง คร่ำครวญอย่างหนัก

                ไม่ผิดหวังเลยสักนิดเดียวที่ได้มีโอกาสขึ้นเตียงกับเขา แม้จะมีเวลาอยู่กับเขาเพียงแค่ไม่กี่วัน แต่ก็เป็นไม่กี่วันที่เปี่ยมไปด้วยเสน่หาอันเผ็ดร้อนซึ่งไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อน ใบหน้าหล่อเหลาซึ่งบดกรามแน่นก้มลงเสพภาพสอดประสานนั้นอยู่เป็นระยะๆ ร่างกายสูงใหญ่ซึ่งหาได้ยากจากชายเอเชียทั่วไป เป็นขุมพลังที่กำลังขับเคลื่อนให้กรีดร้องออกมาดังๆอย่างที่เขาพูดไว้ ฉุดให้ก้าวไปสู่จุดแตกดับอันเผ็ดร้อนพร้อมเปล่งเสียงครวญครางออกมาอย่างไม่อาย

                หากไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็ยินดีที่จะทำให้เขาเดินทางไปถึงจุดสูงสุดนั้นด้วยริมฝีปาก การปรนเปรออย่างมอบกายถวายหัวในครั้งนี้ก็เพียงเพราะอยากทำให้เขารู้ว่าหากต้องการจะสานต่อความสัมพันธ์ เธอก็ยินดียิ่งนัก เชื้อพันธุ์อันเข้มข้นที่เธอรับเอาไว้ด้วยปากและลิ้นอย่างเต็มใจทำให้เขารู้โดยสัญชาตญาณว่า คู่นอนตรงหน้ากำลังอยากเพิ่มระดับความสัมพันธ์ ถึงได้มีท่าทางศิโรราบเช่นนี้

                เวทิศค่อยๆพ่นลมหายใจออกทางริมฝีปากเมื่อเวลาผ่านไปชั่วครู่ จังหวะการเต้นของหัวใจเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ “จองตั๋วเครื่องบินกลับกรุงเทพฯให้ฉันด้วย”

                “อื้อ... ฉันเปลี่ยนใจคุณไม่ได้เลยเหรอคะที่รัก” ถามด้วยน้ำเสียงและสายตาอ้วนวอน ในขณะที่ปากยังไล่จูบความอลังการโดยไม่มีท่าทีรังเกียจรังงอน

                เวทิศเอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูผืนสะอาดที่วางอยู่โซฟาปลายเตียงยัดใส่มือให้เธอ ย้ำถามอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำด้วยสีหน้าที่เธอยากจะคาดเดาอารมณ์ “มันเหลือบ่ากว่าแรงเธอรึเปล่า?”

                “ไม่ค่ะ ฉันจะจัดการให้เดี๋ยวนี้เลย” รีบรับคำ และลุกขึ้นเดินไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก การจองตั๋วเครื่องบินและชำระเงินด้วยบัตรเครดิตไม่ได้กินเวลามากนัก เพราะเธอรู้ดีว่าเวลาที่เหลืออันน้อยนิดนี้จะต้องตักตวงเอาความสุขให้มากที่สุด

                เมื่อทำตามความต้องการของเขาเรียบร้อยแล้ว เธอก็เดินเข้าไปสมทบกับหนุ่มหุ่นเร้าใจซึ่งยืนปล่อยให้สายน้ำผ่านการเปลือยเปล่า สอดมือเข้าไปโอบรัด นวดเฟ้นเนื้อตัวเขาอย่างปลุกเร้าและยิ้มออกมาอย่างพอใจเมื่อเขาดันแผ่นหลังของตนให้แนบไปกับผนังห้องน้ำ แขนกำยำเกี่ยวเอาขาเรียวข้างหนึ่งขึ้นพาดไว้แล้วเบียดแทรกตัวตนเข้าไปในจังหวะเดียวจนหมดมิด และนานกว่าเสียงครวญครางที่ลอดออกมาจากห้องน้ำจะเงียบลง

               

                บ่ายจัดของวันเดียวกันทั้งคู่เดินออกจากโรงแรมสุดหรู โดยที่แอร์โฮสเตสสาวได้รับชุดเครื่องเพชรคาร์เทียเป็นสินน้ำใจ มองร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในเสื้อคอโปโลแขนยาวและกางเกงยีนส์ยี่ห้อดังเดินขึ้นลีมูซีนที่จอดรออยู่หน้าโรงแรมด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์

                แต่คนถูกมองกลับไม่ได้สนใจ เขาเดินขึ้นรถโดยไม่หันหลังกลับมาแม้แต่น้อยเพราะกำลังคิดถึงชีวิตการนั่งทำงานในออฟฟิศที่สุดแสนจะน่าเบื่อ! ถึงแม้ว่ามันจะชั่วคราวก็เถอะ มีใครให้คำตอบเขาได้บ้างว่าผู้เป็นพี่ชายจะลาพักร้อนนานแค่ไหน ก็ดูท่าว่าติดเมีย รักเมียออกอย่างนั้น ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์เนี่ย หนึ่งเดือนมันอิ่มไหมวะ? คำถามที่เกิดขึ้นกับตัวเองทำให้ต้องส่ายหน้าระอาใจ

เวทิศ วิชิตเมธาหรือกาย ผู้ชายวัย 29 ปีเต็ม ยกมือขึ้นคลึงขมับในระหว่างที่เดินทางไปยังสนามบิน เมื่อต้องดูแลตำแหน่งของพี่ชายในระยะหนึ่ง กลุ่มวิชิตยนต์ เป็นธุรกิจที่พ่อของเขาสร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรง พูดได้ว่าท่านเป็นคนบุกเบิกการนำเข้ารถยนต์หรูเป็นรายแรกของประเทศ ท่านทำงานหนักไม่มีเวลาดูแลตัวเอง สุขภาพย่ำแย่และจากไปอย่างสงบในช่วงที่เขาและพี่ชายเข้ามารับช่วงต่อได้ราวสามปี

แน่นอนว่าสองเสือหนุ่มของกลุ่มวิชิตยนต์ บริหารงานได้อย่างชาญฉลาด จากธุรกิจระดับประเทศกลายเป็นธุรกิจระดับภูมิภาคและเป็นเอเย่นนำเข้ารถยนต์สุดหรู หลากหลายแบรนด์ที่สุดในภูมิภาคเอเชียก็ว่าได้ ทั้งหมดนี้เกิดจากการแบ่งหน้าที่อย่างชัดเจน

ทัตเทพผู้เป็นพี่ชายรั้งตำแหน่งบอร์ดบริหารสูงสุดของกลุ่มวิชิตยนต์ ดูแลความเรียบร้อยโดยรวมซึ่งจะใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพมหานครเสียเป็นส่วนใหญ่ เขาจึงอาสาที่จะเป็นคนเดินทางไปยังสาขาต่างๆทั่วเอเชียเพราะโดยนิสัยส่วนตัวแล้วไม่ชอบนั่งทำงานออฟฟิศ ซึ่งเห็นว่ามันน่าเบื่อ

อ้อ... ข้อดีของการได้เดินทางบ่อยและใช้ชีวิตในแต่ละประเทศด้วยระยะเวลาสั้นๆ มันทำให้เขาสามารถเปลี่ยนคู่ควงได้ไม่ซ้ำหน้า ไม่ต้องอยู่ที่เดิมๆและยึดติดกับผู้หญิงเพียงคนเดียว เมื่อก่อนมีพี่ชายและเพื่อนของพี่ชายอีกคนร่วมกลุ่ม แต่ตอนนี้คงเหลือเขาคนเดียวเพราะเพียงแค่ไม่ถึงสองเดือนที่ไม่ได้กลับประเทศไทย ทั้งคู่ก็แต่งงานเรียบร้อย แถมได้ข่าวว่าเมียตั้งท้องอีกด้วย

เอาวะ! ผู้หญิงไทยสวยๆก็เยอะแยะไป ถือเสียว่าเป็นการไถ่โทษที่มาไม่ทันงานแต่งของพี่ชายก็แล้วกัน เวทิศคิดอย่างปลอบใจตัวเอง ซึ่งความจริงแล้วในวันแต่งงานของพี่ชายนั้น เขาติดเซ็นสัญญาที่ญี่ปุ่นและต้องบินกลับในบ่ายวันเดียวกัน หากเครื่องบินเกิดขัดข้องจนต้องขอลงจอดฉุกเฉินในฮ่องกง เสียเวลาอยู่หลายชั่วโมงและตั๋วเครื่องบินที่หาได้ในช่วงทุ่มครึ่งก็ช้าเกินกว่าที่จะเดินทางไปให้ทันงานแต่งที่จัดขึ้น เขาจึงได้แต่โทรศัพท์บอกกับพี่ชายและแสดงความยินดีเท่านั้น

หากแต่แอร์โฮสเตสสาวที่เดินชนเธอเข้าอย่างจัง ในช่วงเวลาวุ่นวายที่กำลังหาตั๋วเครื่องบินนั้นก็ทำให้เกิดเปลี่ยนใจอยากอยู่ในฮ่องกงสักสองสามวัน เพราะสายตาเชิญชวนที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าความต้องการของเธอและเขาตรงกันแค่ไหน มันร้อนแรงจนสามารถยืดเวลาให้เขาอยู่ในฮ่องกงได้ถึงหนึ่งสัปดาห์ แต่ต่อจากนี้ไปเธอก็คงเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่นานวันอาจจะจำหน้าตาของเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่กี่อึดใจเขาก็เลิกคิดถึงเรื่องนี้เมื่อเดินทางมาถึงสนามบินและเดินทางกลับสู่ประเทศไทยในชั่วโมงต่อมา

 

กรุงเทพมหานคร

สำนักงานใหญ่ กลุ่มวิชิตยนต์

“เลิกงานแล้วไปทานอาหารเกาหลีกันนะส้มโอ วันนี้วันเกิดคุณราชิต หัวหน้าฝ่ายช่าง”

กันตาภาเงยหน้ามองเพื่อนร่วมงานแล้วทำหน้าแหยๆ เพราะตนเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่ถึงสัปดาห์ ไม่รู้ว่าเจ้าของวันเกิดซึ่งเป็นถึงระดับหัวหน้าฝ่ายจะรู้จักและเชื้อเชิญตนจริงหรือไม่ “อย่าดีกว่า คือฉันไม่รู้ว่ามันจะเหมาะไหม”

รุจิราถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ไม่เข้าใจว่าเพื่อนร่วมงานแสนสวยจะมีนิสัยขี้เกรงใจขนาดนี้ “ไปเถอะน่า... หัวหน้าชวน ถ้าไม่ไปสิจะไม่เหมาะ”

“แปลกจัง เลี้ยงทั้งออฟฟิศนี่เลยเหรอ ฉันนึกว่าจะเลี้ยงเฉพาะฝ่ายช่างเสียอีก” กันตาภาถามด้วยความสงสัยเพราะถ้าหากเลี้ยงทั้งบริษัทนี่คงต้องล่มจมทั้งตัว

“ไม่หรอก ความจริงแล้วก็เลี้ยงเฉพาะที่ชวนไง ก็มีฝ่ายช่างสักสิบคน ฝ่ายเราสักห้าหกคนมั้ง รวมๆแล้วไม่น่าจะเกินยี่สิบคน” รุจิราบอกพลางเดินเข้ามารั้งแขนเรียวของกันตาภาให้ลุกขึ้น “แล้วก็ไม่ต้องสงสัยว่าฝ่ายเราไปเกี่ยวกับฝ่ายช่างได้ยังไง ก็เพราะว่าหัวหน้าฝ่ายเราเป็นภรรยาของคุณราชิต แล้วหัวหน้าของเราก็เห็นว่าเธอทำงานดี ไม่เรื่องเยอะ เลยชวนเธอด้วย”

“อ่อ...” กันตาภารับคำพลางกวาดสายตามองเพื่อนร่วมงานในฝ่ายเดียวกันซึ่งนั่งอยู่ในห้องกว้างนี้ราวสามสิบคน แล้วหันมากระซิบถามรุจิราอีกครั้งหนึ่ง “แล้วที่เหลือนี่จะไม่หมั่นไส้ฉันใช่ไหม?”

“ใครจะกล้า เธอเป็นฝาแฝดของเมียเจ้าของบริษัทเชียวนะ ส้มโอ!” รุจิราย้ำ

“จุ... เบาๆสิ เดี๋ยวคนอื่นก็ได้ยินหรอก”

รุจิรายกมือขึ้นปิดปากหากไม่นานก็ส่ายหน้าให้กับความขี้เกรงใจ เพราะจากที่ได้รู้จักกันเกือบเดือน ก็พอจะรู้นิสัยใจคอบ้างแล้วว่า กันตาภานั้นไม่ได้เป็นคนอวดเบ่ง แต่ตรงกันข้ามกลับอ่อนน้อมถ่อมตัวจนเธอเองก็ประหลาดใจ

“ก็นี่แหละที่ทำให้ฉันกลัว ฉันไม่อยากให้ใครมองว่าฉันเป็นเด็กเส้น มันไม่ดี” เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่กันตาภาขอร้องคู่แฝดของตน ไม่ให้เปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอย่างไรกับเจ้าของบริษัท เพราะแค่หัวหน้างานรู้ถึงสถานะเกี่ยวดองกันอย่างไรก็สัมผัสได้ความเกรงใจที่เกิดขึ้นแล้ว

“ไม่มีใครรู้หรอกน่า... ก็หัวหน้าฝ่ายเรากำชับฉันนักหนา แต่ถ้าเธอยังทำตัวมีพิรุธอย่างนี้ คนอื่นยิ่งจะสงสัย” รุจิราบอกพลางเอื้อมมือที่ว่างไปคว้ากระเป๋าสะพายใบขนาดย่อมใส่มือเพื่อนร่วมงาน “ไปรอข้างนอกกันดีกว่า”

กันตาภาไม่ได้ขัดขืนยอมเดินตามแรงจูงที่ข้อมือไปแต่โดยดี เมื่อเดินออกมาถึงลานจอดรถยนต์ของบริษัท เมื่อทุกคนที่ถูกเชิญในครั้งนี้มารวมตัวกันครบที่ลานจอดรถแล้ว ทั้งหมดก็แยกย้ายกันขึ้นรถยนต์เพื่อเดินทางไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ไกลจากนี้เท่าใดนักโดยกันตาภาและรุจิรานั่งอยู่เบาะหลังของรถเก๋งขนาดกลาง ซึ่งมีเจ้าของวันเกิดเป็นคนขับรถและภรรยานั่งอยู่ข้างๆ ทั้งคู่เอ่ยถาม ชวนกันตาภาคุยเรื่องสัพเพเหระด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร จากที่สังเกตในช่วงเวลาทำงานก็ทำให้รู้ว่ากันตาภาเป็นหญิงสาวที่มีความกระตือรือร้น มีความรับผิดชอบในระดับหนึ่ง แต่ที่ทำให้หัวหน้าฝ่ายทั้งสองเอ็นดูอย่างมากคือกิริยาอันอ่อนน้อมถ่อมตนนั่นเอง

 

ราวชั่วโมงต่อมา... หลังจากที่เจ้าของวันเกิดเอ่ยอนุญาตทุกคนบนโต๊ะก็ลงมือรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย สั่งได้ไม่อั้นเพราะเป็นบุฟเฟ่ต์

“น้องครับ ขอเนื้อเพิ่มอีกครับ” หนึ่งในที่นั่งร่วมวงอยู่เอ่ยขึ้น ไม่นานนักพนักงานเสิร์ฟของร้านอาหารญี่ปุ่นก็นำเนื้อวัวมาเสิร์ฟให้ตามสั่ง

“ขอเนื้อเพิ่มอีกสองที่นะครับ” อีกคนหนึ่งสั่งขึ้นทันที บริกรหนุ่มคนดังกล่าวรีบรับคำและหมุนตัวเดินกลับเข้าไปด้านในทันที โดยไม่รู้ตัวว่ามีสายตาของกันตาภามองตามอย่างไม่กะพริบตา! กระทั่งบริกรหนุ่มเดินกลับมาวางเนื้อวัวสดลงบนโต๊ะอีกครั้ง

กันตาภายิ้มให้กับเขาอย่างเป็นมิตรทั้งส่งสายตาขอโทษอยู่ในที แต่ทว่าบริกรหนุ่มกลับหน้าบึ้ง มองเธอด้วยสายตาเฉยเมยแล้วหมุนตัวกลับไปทำงานของเขาต่อ ทำราวกับว่าไม่เคยรู้จักมักคุ้นกันมาก่อน ท่าทีดังกล่าวทำให้กันตาภาถึงหน้าถอดสี คิดในใจว่าสมควรแล้วที่จะได้รับปฏิกิริยาเช่นนี้

บริกรหนุ่มคนดังกล่าวคือรวิ ซึ่งเคยคบหากับชยาภา พี่สาวคนโตของกันตาภา แต่ด้วยเล่ห์กลของอัครรัฐที่อยากได้ชยาภามาครอบครองจึงวางแผนให้ทั้งคู่เข้าใจผิดกัน จนเกิดเรื่องราวบานปลายเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่ฟ้าหลังฝนย่อมงดงามเสมอเมื่ออัครรัฐนั้นมีความจริงใจให้ชยาภาอย่างแท้จริง จนตกลงใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

ส่วนคนที่ต้องจมอยู่บนความทุกข์ก็เห็นจะเป็นรวิ ไม่เพียงต้องลาออกจากโรงแรมที่อัครรัฐเป็นเจ้าของ เมื่อสองสัปดาห์ก่อนที่บังเอิญพบหน้ากับกันตาภาในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เธอยังต่อว่าเขาไปเสียๆหายๆ กระทั่งรู้ความจริงในเวลาต่อมาว่าทุกอย่างเป็นแผนการของอัครรัฐ สามีของพี่สาวคนโต วางแผนร่วมกับทัตเทพ ที่ไม่รู้ว่าจับพลัดจับพลูเช่นไรถึงได้มาเป็นสามีคู่แฝดของเธอนั่นเอง

“ส้มโอ... ส้มโอ... เป็นอะไรรึเปล่า เห็นนั่งนิ่งอยู่ตั้งนานแล้ว?” รุจิราถามพลางเขย่าที่ต้นแขนของเพื่อน

“ปะ...เปล่า คือ ไม่มีอะไรหรอก ทานต่อเถอะ” กันตาภาตอบแล้วหันมาจัดการกับอาหารตรงหน้าด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อยอย่างคนมีเรื่องคิดในใจ จนทำให้หนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยถามออกมาด้วยความเป็นห่วง

“อาหารไม่ถูกปากหรือไม่สบายรึเปล่าครับ?” ปราโมทย์ รองหัวหน้าฝ่ายช่างเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอาทร

“เปล่าค่ะ อาหารอร่อยมาก” กันตาภาบอกพลางยิ้มให้หนุ่มที่นั่งตรงข้ามด้วยความเกรงใจ

“งั้นทานเยอะๆนะครับ” ปราโมทย์บอกพลางใช้ตะเกียบคีบปูอัดให้หญิงสาว

ราชิตซึ่งเป็นหัวหน้าของปราโมทย์ก็รู้ทันทีว่า ลูกน้องของตนสนใจสาวน้อยหน้าตางดงามเข้าให้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะอธิบายถึงฐานะที่แท้จริงของเธออย่างไร จึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเฮฮาเพราะกลัวว่าคนอื่นๆจะเอาไปล้อเล่น แซวเล่นภายหลัง “อร่อยก็ทานเยอะๆนะ ถือซะว่าวันนี้เลี้ยงต้อนรับน้องใหม่ไปด้วยเลย”

เพล้ง... เพล้ง...

“ว้าย... ทำไมถึงได้ซุ่มซ่ามอย่างนี้ เห็นไหมว่าเสื้อฉันเลอะหมด!” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของลูกค้าโต๊ะติดกันดังขึ้น ดึงความสนใจของคนส่วนมากในร้านอาหารให้หันไปมองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสายตาเดียวกัน

“ขอโทษครับคุณผู้หญิง คือลูกชายของคุณผู้หญิงวิ่งมาชนผมด้านหลัง ผมไม่ทันระวังเลยทำแก้วน้ำตกเลอะเสื้อครับ” รวิอธิบายพลางดึงกระดาษชำระซับที่เสื้อของลูกค้าด้วยอาการลนลาน

“หน็อย... ไม่ยอมรับผิดแล้วยังมาโยนความผิดให้เด็กอีก ไปเรียกผู้จัดการร้านมาเดี๋ยวนี้เลย” เพียงเท่านั้นรวิและพนักงานอีกสองคนก็เข้ามาขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ หากแต่ไม่เป็นผลแต่อย่างใด “ฉันไม่ยอมปล่อยให้เรื่องนี้จบลงง่ายๆแน่ ไปเรียกผู้จัดการร้านมาเดี๋ยวนี้”

เมื่อได้ยินเสียงเกรี้ยวกราดยืนกรานเช่นนั้นหนึ่งในพนักงานที่กำลังขอโทษจึงต้องแยกออกไปเพื่อไปแจ้งกับผู้จัดการร้าน ไม่กี่อึดใจต่อมาผู้จัดการร้านก็เดินออกมาพร้อมพนมมือไหวลูกค้าอย่างนอบน้อม

“ต้องขออภัยกับเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยนะคะ เป็นความผิดของพนักงานเราเอง” พูดพลางพยักพเยิดให้รวิ กล่าวคำขอโทษอีกครั้ง แต่เมื่อชายหนุ่มทำตามแล้ว ลูกค้าคนดังกล่าวก็ยังไม่ยอมเช่นเดิม

“นึกว่าแค่ยกมือไหว้ขอโทษแล้วเรื่องจะจบอย่างนั้นเหรอ รู้ไหมว่าเสื้อของฉันราคาเท่าไหร่ เสียหายขนาดนี้ใครจะรับผิดชอบ”

จบคำถามทุกคนก็มองหน้ากันเลิ่กลั่กเพราะไม่อาจเดาราคาของเสื้อตัวดังกล่าวได้ เมื่อความเงียบกริบเกิดขึ้น เสียงเกรี้ยวกราดของลูกค้าก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“เห็นไหมล่ะ แค่นี้ยังไม่มีใครรับผิดชอบแล้วยังจะมีหน้ามาโยนความผิดให้เด็กอีก”

“เอาอย่างนี้ดีไหมคะ ทางเราจะขอมอบส่วนลดค่าอาหารให้เป็นพิเศษยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนเสื้อก็จะนำไปซักรีดให้สะอาดเหมือนเดิม แล้วจะส่งให้ถึงบ้านเลยนะคะ” ผู้จัดการร้านบอกด้วยน้ำเสียงประนีประนอม หากแต่ไม่เป็นผลใดๆ

“ดิฉันว่าตกลงตามที่ผู้จัดการร้านบอกเถอะค่ะ เสื้อผ้าคุณก็ไม่ได้เสียหายอะไรมาก อีกอย่างมันก็แค่น้ำเปล่าไม่ใช่น้ำสีที่จะทำให้เสื้อเสียหายมากมายนี่คะ” เมื่ออดรนทนไม่ได้ กันตาภาก็ลุกขึ้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็ง ลุกขึ้นเดินเข้าไปยืนข้างๆรวิ

“เธอเป็นใคร มาแส่เรื่องนี้ทำไม?”

“เป็นคนที่เห็นกับสองตาว่าลูกชายของคุณวิ่งชนด้านหลังเขาจริงๆ ไม่ใช่แค่ฉันเห็น หลายคนในร้านก็เห็นด้วย การที่คุณกดขี่ข่มเหงคนอื่นแบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอคะ ส่วนลดยี่สิบเปอร์เซ็นต์กับส่งเสื้อซักรีดให้คุณก็น่าจะพอใจแล้ว” กันตาภาพูดด้วยน้ำเสียงมั่นคงจนสายตาหลายคู่จ้องมองมายังเธอ “หรือว่าที่ไม่ยอมนี่เพราะอยากทานอาหารฟรี?”

จบคำพูดของกันตาภาเสียงของลูกค้าหลายคนก็เอ่ยขึ้นอย่างเห็นด้วย จนทำให้ลูกค้าคนดังกล่าวถึงกับหน้าเสียกระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้อย่างไม่พอใจ ยอมถอดเสื้อสูทเข้ารูปของตัวเองออกและทิ้งที่อยู่ไว้อย่างเสียมิได้ จากนั้นเธอและลูกชายก็เดินออกจากร้านอาหารไปทันที

“ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ถ้าไม่ได้คุณพวกเราคงแย่แน่ๆ” ผู้จัดการร้านหันมาบอกกับลูกค้าสาวสวยพลางยื่นเสื้อสูทให้รวิ “เอาลงไปให้ร้านซักรีดข้างล่างด้วยนะ”

“ครับ” รวิรับคำสั้นๆและเดินคอตกออกไปจากร้านทันที

หลังเหตุการณ์วุ่นวายผ่านไปลูกค้าทุกคนก็หันกลับไปตั้งหน้าตั้งตารับประทานอาหารต่อ กันตาภากลับมานั่งที่เดิมและได้ฟังคำชื่นชมจากหลายคนบนโต๊ะอาหาร แต่เธอกลับไม่ได้สนใจในคำชมเหล่านั้นเลยเพราะจิตใจมัวแต่คิดถึงชายหนุ่มที่เดินคอตกออกไปจากร้าน

“เอ่อ... หัวหน้าคะ ดิฉันขอตัวสักครู่นะคะ” กันตาภาเอ่ยพลางลุกขึ้น

“ไปห้องน้ำใช่ไหม ฉันไปด้วย” รุจิราลุกขึ้นตามเพื่อนสาวและเดินออกจากร้านอาหารพลางแปลกใจว่าทำไมกันตาภาถึงได้เดินเร็วนัก “นี่... ส้มโอรอด้วยสิ”

“ก็เธอจะไปเข้าห้องน้ำไม่ใช่เหรอ ไปสิ ห้องน้ำอยู่ทางโน้น” กันตาภาพูดพลางชี้นิ้วไปยังทิศทางตรงกันข้ามกับจุดมุ่งหมายของตน

“อ้าว... แล้วเธอจะไปไหน”

“ไปธุระนิดหน่อย เดี๋ยวค่อยไปเจอกันในร้านนะ” จบคำพูดก็เดินจากไปทันทีทิ้งให้รุจิรามองตามเพื่อนสาวที่เดินด้วยความรีบเร่งไปยังป้ายแสดงแผนผังต่างๆ พลางแปลกใจในท่าทีของกันตาภา พลางคิดว่าคงต้องมีเรื่องซักไซ้กันอีกยาว...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา