สวรรค์บันดาลรักหรือพลัดพราก?

-

เขียนโดย Matsee

วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 01.01 น.

  2 ตอน
  1 วิจารณ์
  3,646 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 02.38 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ร่างใหม่นาม "เฉินฉิงเอ๋อร์" (40%)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 2 : ร่างใหม่นาม “เฉินฉิงเอ๋อร์”

            หลังจากที่อิงอรฟื้นขึ้นมา หญิงสาวพบว่าตัวเองอยู่ในร่างที่ไม่ใช่ของตัวเอง? สร้างความหวาดหวั่นให้เธอไม่น้อย แต่ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ ประตูห้องก็เด็กสาวเปิดออก เด็กสาวอายุพอๆกับอิงอร แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีเขียวอ่อน ปักลายต้นหลิวลู่ลม ส่วนทรงผมก็คล้ายกับทรงที่เห็นซีรี่ส์ราชวงศ์ชิงของจีน

            เด็กสาวมองไปที่เตียงนอนก็พลันตกใจ เธอมองไปรอบๆห้องก่อนที่จะพบเป้าหมาย เป้าหมายที่ว่านั้นคืออิงอรนั่นเอง เด็กสาวรีบก้าวยาวๆมาหาเธอ แล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆเธอ

            “ข้าเสียขวัญหมดแล้ว! นึกว่าท่านหายไปไหนเสีย!” เด็กสาวตรงหน้าอิงอร เขย่าตัวเธอก่อนจะดึงเธอให้ลุกขึ้น แล้วพยุงเธอไปนั่งที่เตียง “น่ายินดีเหลือเกินที่ท่านไม่เป็นกระไรแล้ว!” สีหน้าของเด็กสาวฉายแววปิติยินดีอย่างที่สุด “ท่านทำให้ข้าเป็นห่วงอีกแล้ว” เด็กสาวบ่นด้วยน้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจ แต่ไม่นานก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า

            “เธอคือ...หลิวจู” จู่ๆในสมองก็ปรากฏชื่อและภาพของเด็กสาวตรงหน้า คล้ายกับความทรงจำผุดขึ้นมา แต่ในความทรงจำนั้นก็มีตัวเธอในตอนนี้อยู่ด้วย

            “คุณหนูท่านพูดอะไรเจ้าคะ? ข้าหลิวจู หลิวจูของท่านอย่างไรล่ะเจ้าคะ!” เด็กสาวตรงหน้ามีสีหน้าสงสัย ก่อนจะบอกชื่อเสียงเรียงนามของตัวออกมา

            “คุณหนู?” อิงอรส่งเสียงสงสัย พลางมองหน้าเด็กสาวตรงหน้า และแล้วก็เหมือนเช่นเคย

            ความทรงจำก็ผุดขึ้นมา เป็นภาพทารกน้อย ด้านข้างมีหญิงสาวอายุประมาณยี่สิบปีมองดูด้วยความรัก ‘ลูกน้อยของแม่ แม่รู้ดีว่าแม่คงเหลือเวลาอีกไม่นาน เพียงแต่อยากดูแลเจ้า บัดนี้กลับทำได้แค่ตั้งชื่อให้เจ้าแทนท่านพ่อของเจ้า แม่เรียกเจ้าว่าฉิงเอ๋อร์แล้วกัน...ฉิงเอ๋อร์ของแม่’ แล้วภาพก็ถูกตัดไปช่วงวัยเด็กของฉิงเอ๋อร์ มีเพียงแค่หลิวจูที่เรียกนางว่า คุณหนูสาม  แต่สาวใช้คนอื่นเวลาลับหลังนางกลับเรียกชื่อนางโดยตรง เหตุเพราะนางเป็นลูกของฮูหยินใหญ่ที่ไม่ได้เป็นที่รักใคร่ของสามี ทั้งฮูหยินใหญ่ก็เสียไปตั้งแต่ให้กำเนิดนาง  แม้จะถูกเลี้ยงดูโดยฮูหยินรองซึ่งเป็นน้าแท้ๆ ก็ไม่ได้ช่วยให้ฐานะในตระกูลของนางดีขึ้นเลย  ฉิงเอ๋อร์ก็เป็นได้แค่คุณหนูสามที่มีตำแหน่งไว้เรียกเท่านั้น

            “คุณหนู...ท่านอย่าล้อข้าเล่นเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ ข้าใจคอไม่ดีเลย” น้ำเสียงสั่นเครือของหลิวจูกล่าวขึ้น คิ้วน้อยๆของนางใกล้จะขมวดเป็นปมแล้ว อิงอรได้แต่เรียกสติกลับมา พยายามทำความเข้าในสิ่งที่เกิดขึ้น “ปีนี้ปีอะไร?”

            “คุณหนู ท่านถามอะไรข้าเจ้าคะ? ข้าไม่เข้าใจ” หลิวจูเอ่ยด้วยน้ำเสียงงงงัน นางพยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่คุณหนูถาม แต่นางก็ไม่เข้าใจว่าคุณหนูถามไปเพื่ออะไร?

            “ฉันถามว่าปีนี้ปีอะไร เดือนอะไร วันที่เท่าไร?!” อิงอรเริ่มใช้เสียงตวาด หญิงสาวเริ่มกลัวสิ่งที่จะได้ยินแล้ว หากไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการได้ยิน เธอจะทำอย่างไร?

            “ระ..เรียนคุณหนู วันที่ 5 เดือนสาม ปีรัชศกคังซีที่ 44 เจ้าค่ะ” หลิวจูตอบด้วยน้ำเสียงสั่นๆ นางก้มหน้าจนใบหน้าติดกับอกแล้ว

            “รัชศกคังซีที่ 44?  ราชวงศ์ชิง?  แผ่นดินจีน?!” อิงอรได้ฟัง น้ำตาก็พลันร่วงหล่นมา คำอธิบาย...ฉันต้องการคำอธิบาย!  จะบอกว่าบริษัทแกล้งก็คงไม่ใช่ เพราะร่างกายนี้ไม่ใช่ของเธอ  จะบอกว่าเป็นการอำเล่นก็คงไม่จริง  หรือจะบอกว่าเธอย้อนเวลามาเหรอ?! ย้อนเวลามาในราชวงศ์ชิง? แล้วโชคชะตาจะให้เธอย้อนมาทำไม? หรือร่างนี้เป็นชาติที่แล้วของเธอ?! อิงอรคิดไปคิดมาจนเธอปวดหัว แต่ก็ยังหาเหตุผลไม่ได้

            “คุณหนูท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ? ท่านอย่าเป็นเช่นนี้เลย หากท่านโกรธหลิวจู...ตบตีหลิวจูเถิดเจ้าค่ะ!” หลิวจูทรุดเข่าลงนั่ง แล้วยกมือตบหน้าตัวเอง ทำเช่นนี้จนแก้มทั้งสองข้างบวมเป่ง

            “พอแล้วๆ จะตบตัวเองทำไม? ชอบความเจ็บปวดหรือไง?” อิงอรหันมาอีกทีก็พบหลิวจูที่ยังไม่ยอมหยุดตบหน้าตัวเอง หญิงสาวเห็นแล้วเหนื่อยใจ จึงยื่นมือออกไปจับไม่ให้หลิวจูตบหน้าตัวเองอีก

            “คุณหนู...” หลิวจูเงยหน้ามองอิงอร ด้วยสภาพแก้มทั้งสองข้างบวมเป่ง น้ำหูน้ำตาไหลอย่างไม่ขาดสาย

            “พอแล้วๆ สภาพอย่างนี้ไม่น่ามองจริงๆ เช็ดหน้าเช็ดตาเสีย” อิงอรเห็นแล้วอดขำไม่ได้ สภาพอย่างกับเด็กร้องไห้เวลาไม่ได้ของเล่นอย่างไรอย่างนั้น

            “เธอ...เจ้าออกไปกะ...”  ...โครก... ขณะที่อิงอรจะบอกให้หลิวจูออกไป กลับกลายว่ามีเสียงอื่นแทรกเข้ามา เสียงท้องร้องของเธอเองนั่นไง น่าอายเกินไปแล้ว!

            “คุณหนูคงหิวแล้ว หลิวจูจะไปยกสำรับอาหารมาให้เจ้าค่ะ” หลิวจูยิ้มอย่างดีใจ ก่อนจะลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไป “เดี๋ยว!..หลิวจู” หลิวจูที่ยังไปได้ไม่ไกลนัก วิ่งกลับมาก่อนจะยืนมองอิงอรหน้าประตู

            “เรื่องในวันนี้ ทุกอย่างที่ข้าพูด ที่ข้าถาม ข้ากระทำ เจ้าอย่าได้แพร่งพายออกไปเป็นอันขาด” อิงอรกล่าวด้วยเสียงเข้มกับหลิวจู ก่อนจะบอกให้นางไปได้  คงถึงเวลาต้องมานั่งลำดับเหตุการณ์กันใหม่สักหน่อยแล้ว....

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา