I'm sorry! ขอโทษครับ สามีผมโหด

8.3

เขียนโดย LemonNest

วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 23.30 น.

  36 chapter
  30 วิจารณ์
  49.81K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558 23.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

12) ขอโทษครับ 12 (100%)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter 12

 

 

 

ตี๋

 

“ไอ้กิม!”

 

“เฮ้ย ๆ ตรงนั้นมีอะไรกันครับ” เสียงเพื่อนคนหนึ่งมันพูดผ่านโทรโข่ง ผมปล่อยมือที่เผลอกระชากคอเสื้อมันลอยขึ้นมาลง ฝากไว้ก่อนเถอะมึง

 

“อะไรวะ?” ไอ้ดินมันกลับมาจากการทำกิจกรรม ทรุดตัวนั่งได้ก็เอ่ยถาม

 

“ไม่มีอะไร มึงเหอะ เล่นเกมส์เหี้ยอะไรล่อแหลมชิบหาย”

 

“หืม ก็ทำแบบนี้มาทุกปี หึ หรือไม่พอใจที่เป็นไอ้ฟางวะ” มันพูดยิ้ม ๆ

               

ผมไม่ได้ปฏิเสธออกไปเหมือนเคย เออ! กูไม่พอใจ โต้ตอบมันในใจยกเท้ากระดิกแกล้งไม่ได้ยินที่มันถาม ไอ้เด็กกิมมันก็ยังไม่เลิกกวนตีน ยังคงส่งสายตามองฟางเป็นระยะ แล้วแม่งยังยุยงให้เพื่อนรอบข้างไปจีบฟางอีก

 

มันยังเป็นของกูอยู่ มึงไม่ได้แดกหรอก

 

ตกเที่ยงแดดเริ่มแรงจนต้องหยุดพักกิจกรรมที่จะทำกลางแจ้งเอาไว้ พี่เลี้ยงทำหน้าที่จัดเตรียมอาหารไว้พร้อมยั่วน้ำลายชาวค่ายที่เพลียจากแดดและการร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้น ต้นข้าวถือจานข้าวไปนั่งข้างเพทาย ผมสังเกตสองคนนี้มาได้สักพัก เหมือนจะเห็นผ่าน ๆ ตาว่าเดินด้วยกันบ่อย ๆ เรื่องนี้ไอ้เต้ยมันจะรู้บ้างไหม?

 

 “มองอะไรวะ?” ผมหันกลับมาสนใจข้าวตรงหน้า จัดการปรุงแต่งเพิ่มรสชาติพร้อมตอบคำถามไอ้ดิน

 

“มองไปเรื่อย มึงไม่ไปนั่งกับผัวไง”

 

 “เบาหน่อยไอ้สัส คืนนี้กูจะหาเวลานัดไอ้สองตัวมาคุยเรื่องนี้แหละ เดี๋ยวแม่งน้อยใจคิดว่ากูมีอะไรไม่บอกมัน”

 

“เรื่องผัว?”

 

  “เออดิ แล้วยิ่งเป็นคนที่มันรู้จักด้วย ถ้ามันไม่รู้จักก็ว่าไปอย่าง” มันวางช้อนมือวางบนบ่าผม

 

“มึงเหอะ เอาไงกับไอ้ฟาง?”

 

“….ไม่รู้ กูยังไม่ได้คิดอะไร” ผมหันไปมองหน้าไอ้ฟาง มันนั่งรวมกลุ่มอยู่กับไอ้ฟ้า และแก๊งไอ้เต้ย มีไอ้สัสกิมกับเมียมันด้วย มันรู้จักกันด้วยเหรอวะ

 

 “คิดสักหน่อย ทำอะไรให้แม่งชัดเจนบ้าง เอาเล่น ๆ มันนานเกินไปป่ะวะ มึงไม่เคยเอาใครเกินสามวันสักคน ขนาดแฟนคนเก่ามึงเต็มที่ก็เดือนเดียว แล้วไอ้ฟางยังไง? กี่เดือนแล้วสัส” มันบ่นมาเป็นชุด ผมหยิบกล้วยอุดปากมัน ไอ้ดินร้องมือตบหลังผมโคตรเจ็บ

 

 มือหนัก ตีนหนัก ไอ้ติ้วมันทนได้ยังไงวะ

 

“คืนนี้ค่อยคุย แดกก่อนกูหิว”

 

  จึก ๆ

 

ไอ้สัส ใครมาสะกิดกูตอนกิน ผมหันไปทางขวาเจอหน้าน้องผู้หญิงน่ารักยืนสั่น ๆ ส่งโทรศัพท์มาให้ใบหน้าเขิน ไอ้ดินมันกอดคอผมโน้มหน้าไปถามน้องเขาแทน

 

“มีอะไรกับเพื่อนพี่ครับน้องคนสวย”

 

“พี่ตี๋ใช่ไหมคะ เพื่อนหนูให้มาขอเบอร์ค่ะ คือว่า…มันชอบ” นิ้วเรียวของน้องชี้ไปทางกลุ่มเด็กผู้ชายน่าจะปีสอง ผมส่ายหน้าเมื่อเห็นว่าไม่ใช่เด็กมหา’ลัยตัวเอง

 

มึงคงไม่รู้สันดานกูสินะ

 

“น้องครับ ฝากบอกเพื่อนน้องด้วยว่าให้ไปถามใครก็ได้ที่มาจากมหา’ลัยพี่ ว่ารู้จักตี๋สิ่งแวดล้อมปีสามรึเปล่า”

 

“พี่ไม่ให้เหรอ เพื่อนหนูมันหล่อนะ ถึงมันจะเป็นเกย์ก็เถอะ”

 

“แล้วคิดว่าพี่เป็น?” ไหน ๆ ก็ไม่รู้จักกันแล้ว ผมก็อดจะสงสัยไม่ได้ว่ามันคิดยังไงว่าผมเป็นเกย์

 

“ก็…ไม่แน่ใจ แต่พี่ไม่ค่อยจะมองผู้หญิงเลย คือหนูพูดตามที่คิด แฮ่ ๆ ถ้ายังไงขอตัวนะคะ”

 

“ครับ” ผมตอบรับพยักหน้าให้ น้องคนสวยเดินกลับไป ไอ้คนที่ขอเบอร์ผมมันแสยะยิ้มให้มองด้วยสายตาพร้อมจะกินผมไปทั้งตัว

 

“จะมองคนอื่นได้ยังไงวะ ทุกนาทีก็มองแค่ฟางคนเดียว โอ๊ย! เหยียบตีนกู” ดินร้องเสียงหลงก้มมองดูเท้าตัวเอง

 

“กูไม่ได้มองมัน มึงอย่าบ้าจี้คิดตาม”

 

“ปากมึงคงฉาบปูนสิบชั้น ไม่ก็อาจจะร้อยชั้น ถึงได้แข็งขนาดทุบไม่แตก” มันพูดจบเอาช้อนมาเคาะปากผม

 

  “ใครจะหน้าด้านแบบมึง คืนเดียวได้ผัวเฉย”

 

“ก็แล้วยังไง กูชอบกูก็บอก หึ หมาคาบไปแดกอย่ามาขอให้กูช่วยก็แล้วกัน”

 

ผมไม่โต้ตอบกลับ มองไปทางไอ้ฟางแล้วหงุดหงิดขึ้นมา เสียงพูดคุยของไอ้ฟ้าที่ดังขึ้นเป็นระยะมันน่าหมันไส้ มันสามารถปรับตัวให้เข้ากับกลุ่มไอ้ฟางได้ง่ายเกินไป หรือผมจะต้องชัดเจน เฮ้ย! อะไรของกูวะ พอ ๆ เลิกคิดได้แล้วนะไอ้ตี๋ เดี๋ยวมึงก็เบื่อ

 

…………………………………………………………………

 

ฟ้า

 

“ไอ้ควาย มึงไปแดกแบรนด์ไปจะได้ฉลาดกับเขาบ้าง” เสียงของฟางมันด่าเพื่อนที่ชื่อติ้วไม่มีเกรงใจกันสักนิด ผมรู้สึกเหมือนมีคนมอง และมันก็ใช่ พี่ตี๋มองไอ้ฟางอยู่

 

อยู่ ๆ ก็อยากแกล้ง ไอ้พี่คนนี้มันต้องมีอะไรกับฟางสักอย่าง

 

“ฟาง” ผมเรียกชื่อมันยกแขนพาดบนบ่า ฟางหันมามอง

 

“อะไรวะ?”

 

“อยากฉลาดต้องกินแบรนด์ แล้วถ้าอยากได้ฟางเป็นแฟนต้องกินอะไรล่ะครับ” ผมจงใจพูดเสียงดัง ฟางมันเบิกตากว้างยกนิ้วชี้หน้าผม

 

“เชี้ยยย กูขนลุก” ฟางลูบแขนตัวเอง “มึงเป็นอะไรของมึงไอ้ฟ้า” มันพูดต่อตบแก้มผมเบา ๆ

 

“ฮิ้ววว~ เพื่อนกูขายออกแล้วเว้ย!!” ติ้วตะโกนดังลั่น ทุกคนหันมามองที่โต๊ะพวกเขา ใครที่ได้ยินก็พากันยิ้มขำ

 

“คู่รักฟ.ฟัน ฟ้าฟาง หรือฟางฟ้าดีวะ ฮ่า ๆ  ๆ” เพทายเสริมไปอีก

 

“พอเลยพวกมึง เสียงดังว่ะ รบกวนคนอื่นเขาหมด” ฟางตบหัวติ้วต่อด้วยเพทาย หันมาจัดการไอ้ตัวต้นเหตุยกปากแยกเขี้ยวใส่

 

“ไอ้ฟ้า…” ผมเลิกคิ้วขึ้น มือฟางตบบ่าแข็งแรง “ถ้าอยากได้กูเป็นแฟนต้องแดกตับเว้ย ตับ ๆ ๆ ๆ ฮ่า ๆ จริงไหมวะพวกมึง” ผมคิดว่ามันจะอาย แต่กลับตะโกนถามเพื่อนหน้าตาเฉย

 

“เหี้ยยย สันดานมากครับเพื่อนฟาง เรื่องนี้กูส่งต่อให้มึงเลยแม่นาง” ติ้ววาดมือไปทางแตง

 

“อะแฮ่ม ๆ ในฐานะที่กูฉลาดสุดในกลุ่มนะคะ ขอบอกว่า…จริงค้า ~ เอ้า! คืนนี้เชิญแดกตับกันได้ตามสบาย กล้องอยู่ตรงไหนคะ เชิญจับภาพต่อที่อิฟาง”  ผมส่ายหน้าถอนหายใจ

 

“น่ารักกันดีนะครับ” เสียงสุภาพของคนที่ชื่อต้นข้าวเอ่ยขึ้น ผมมองหน้าสดใสกับรอยยิ้มชวนฝันแล้วใจจะละลาย

 

คนอะไรน่ารักไปหมด

 

“โอ๊ะ! เราแค่แซวกันเล่น ๆ นะครับต้นข้าว เรื่องจริงคือฟางโสดและซิงมาก ต้นข้าวอย่าเข้าใจผิดนะ” ฟางรีบแก้ตัว

 

“อย่า ๆ ต้นข้าวนี่เด็กในสังกัดผมนะครับ จะจีบต้องผ่านเราสามคนไปก่อน” กิมยกมือห้ามลุกขึ้นดึงคอต้นข้าวโน้มมาแนบกล้ามหน้าท้องตัวเอง

 

“อย่าหวงเพื่อนดิวะ มึงกลับไปอยู่กับเมียมึงไป เมื่อเช้าก็ทำกูเข้าใจผิดคิดว่าเป็นรุ่นน้อง หลงโง่เรียกน้อง ๆ ตั้งนาน”

 

 “มิก! จัดการที” กิมมันส่งต่อให้แฟนที่รัก

 

“ตลกเหอะ ขอกูอยู่เงียบ ๆ บ้างจะได้ไหม” มิกว่าออกมา หน้าหล่อ ๆ แดงซ่าน

 

  “ว๊ายยย แฟนดุเว้ย” ผมหัวเราะโอบเอวฟางดึงตัวมันเข้ามาหา ฟางมันมัวแต่ล้อเพื่อนใหม่ไม่ได้สนใจอะไรนัก

 

 “พูดงี้คืนนี้หนัก” กิมเดินกลับไปหามิกว่าออกมาไม่ดังมาก

 

  ตึง!!!

 

เสียงของหนักวางกระแทกโต๊ะเสียงดัง เราหันไปมองกันทั้งหมด พี่ตี๋หน้าบึ้งนัยน์ตาฉายแววโกรธเกรี้ยวสุดขีด ฟางมันปัดเลื่อนมือผมที่โอบเอวมันออก

 

 “พี่ตี๋เขาไม่พอใจเราป่ะวะ?” เต้ยพูดขึ้น ทั้งโต๊ะมองหน้ากัน

 

“ไม่รู้ดิ เราอาจจะเสียงดังมั้ง มึงลองเดินไปถามดิ” ต้นข้าวเสนอ เต้ยสั่นหัวรัว

 

  “หาเรื่องไปตายดิ พอ ๆ คนอื่นเขาไปเก็บจานกันแล้ว กิน ๆ ต่อเหอะ” ผมเหล่มองฟางที่ใบหน้าเริ่มซีด มันมองพี่ตี๋ลอบกลืนน้ำลายลงคอ ผมหรี่ตาจับผิดคนทั้งคู่

 

ลึกซึ้งกันแค่ไหน คืนนี้ต้องเค้นฟางมาถามให้ได้

 

………………………………………………………………………

 

ฟาง

 

 50%

 

“อาบน้ำเสร็จไปไหนต่อไหม?” ฟ้าใช้ผ้าผืนเล็กเช็ดผมที่เปียก เอ่ยปากถามฟางที่นอนหนุนแขนตัวเองตามองเพดาน

 

“ฟาง”

 

“ฟาง!!”

 

“ห้ะ ๆ อะไรวะ” ผมทำหน้าเหลอเอียงหน้าหันไปถามฟ้า มันพาดผ้าไว้กับบ่าเท้าสะเอวตอบกลับ

 

“เหลือเวลาอีกสองชั่วโมง ไปไหนกันไหม”

 

ไปไหนดี

 

“เห้ ไปเดินเล่นน้ำตกกันไหม?” ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าอยากไปพอดี ฟ้าพยักหน้ากางมือออกทั้งสองข้างว่าตามนั้น

 

ฟางลุกขึ้นนั่งถอดเสื้อออกให้พ้นหัว มือรูดซิปกางเกงลงเดินไปหยิบผ้าผลุบหายเข้าห้องน้ำ ฟ้ามองตามนั่งหวีผมยกยิ้มเมื่อเห็นโทรศัพท์ฟางวางอยู่

 

อืม จะแอบดูดีไหมนะ

 

‘ฟ้า กูไว้ใจมึงนะ’

 

“ไม่ดีกว่า…” เสียงพึมพำเอ่ยกับตัวเอง

 

ซ่า ซ่า

 

ร่างกายขาวผ่องยืนอยู่ใต้ฝักบัวมือวนลูบไล้กล้ามเนื้อที่เต็มไปด้วยฟองสบู่ ผมหมุนปิดก๊อกน้ำคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวไว้แน่น เงากระจกสะท้อนหน้าของผมที่มองยังไงก็เหมือนคนที่พร้อมจะยิ้มตลอดเวลา การแสดงออกของเรามันดูร่าเริง แต่กลับตรงข้ามกับข้างในที่มันกำลังเศร้า

 

เห้อ อะไรมันรบกวนจิตใจเราอยู่ในตอนนี้กัน

 

ก๊อก ๆ ๆ

 

“ฟาง มีคนโทรเข้ามา” ผมสะดุ้งยกมือทาบอก ตกใจหมดเลย ไอ้บ้าฟ้านี่

 

“อืม รับไปได้เลย บอกกูอาบน้ำอยู่!”

 

“อะ อืม…ฮัลโหลครับ…หืม…ทำไมมารับได้น่ะเหรอ…” เสียงของฟ้าไกลออกไป ผมไม่ได้สนใจจะฟังมือวกน้ำขึ้นลูบหน้ามือบีบครีมล้างคราบสกปรกออก

 

แกร๊ก

 

“ใครโทรมา?” ผมเดินออกมาเอ่ยถามฟ้าที่นอนตีขาเล่นอยู่บนตียง มันเงยหน้าหันมามองไล่สายตามองผมหัวจรดเท้า

 

“โทรผิดมั้ง รีบแต่งตัว กูจะพาไปเดินเล่นนะเด็กน้อย”

 

เจ็บหน่อยก็ทน ๆ นะเด็กน้อย

 

ถ้อยคำนั้นมันผุดขึ้นมาในหัว ใจของผมกระตุกวูบไหวมือกำผ้าผืนเล็กที่กำลังเช็ดหัวแน่น  ทำไมต้องทำให้นึกถึง เพราะวันนั้นไม่ใช่รึไงเราถึงต้องเป็นบ้าจนถึงทุกวันนี้

 

………………………………………………………………

 

ตี๋

 

ปัง!

 

“เฮือก! ตกใจหมดไอ้ห่า มึงเป็นบ้าอะไรวะ” ไอ้ดินมันเอาเท้ามาวางพาดตักผม หลังจากวางสายไอ้ฟ้าไปผมก็หงุดหงิดจนต้องมาหาที่ระบาย นั่นคือห้องไอ้ดิน

 

“มึง…เคยเป็นบ้าเพราะคน ๆ เดียวไหม?”

 

“หืม…” ดินวางเท้าลงเชยคางตี๋ขึ้น “มึงชอบฟางขึ้นมาแล้วดิ?” มือใหญ่ปัดมือดินออก

 

“มะ….”

 

 “ว้า ขืนปล่อยไว้เป็นแบบนี้สงสัยได้กินแห้วแน่”

 

“อะไร?”

 

“กูก็เคยเป็นนะ…แต่มันเฉพาะกับคนที่ชอบเท่านั้นแหละ…อ้ะ ฮัลโหล…อะไของติ้ว…พี่กลับมาเอาของแป๊บเดียวเอง อย่ามาบ้านะ! เห้อ~ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ…” ผมมองหลังของดินที่โบกมือลาพลางถือสายคุยกับติ้วเดินออกไปจากห้อง

 

มันเฉพาะกับคนที่ชอบเท่านั้นแหละ

 

หรือว่า

 

“กูคงชอบมึงเข้าแล้วจริง ๆ”

 

…………………………………………………………………..

 

ติ้ว

 

ผมยืนรอพี่ดินมาหาที่ด้านข้างของน้ำตก วันนี้เรานัดกันมาเดินเล่นหลังจากจบกิจกรรมในวันนี้ เห็นร่างไหวของสองคนผ่านหน้าไปจากที่ไกล ๆ

 

นั่นมันไอ้ฟางกับฟ้า สองคนนี้มาเดินเล่นด้วยกัน

 

“จะว่าไป…ไอ้ฟ้ามันก็ดูจะดีกว่าพี่ตี๋ล่ะนะ” ผมสรุปเองเออเองเท้าศอกกับต้นไม้เอนตัวหลบกะทันหันเมื่อไอ้ฟ้ามันหันมา

 

จึก ๆ

 

“มองอะไรอยู่ ไหน ๆ อ้ะ นั่นมัน…” พี่ดินมาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้มาผลักหัวผมออกชะโงกหน้าไปมองสิ่งที่ผมมองอยู่ก่อนหน้านี้

 

“มาตอนไหนครับ”

 

“หืม ตกลงสองคนนี้ยังไงกันนะ” ผมมองซ้ายขวาเมื่อเห็นไม่มีใครจึงจับหน้าของพี่ดินให้หันมารับจูบที่ผมมอบให้ พี่ดินดิ้นพล่านแต่ก็ยอมรั้งหัวผมเข้าไปใกล้กดแนบริมฝีปากให้ชิดมากกว่าเดิม

 

“จุ๊บ~ กลับกันเถอะ” ผมจับมือพี่ดินเกินไปได้เพียงก้าวเดียว พี่ดินชักมือออก

 

“ไม่กลับ จะมาเดินเล่นไม่ใช่รึไง ตอนนี้คนไม่เยอะ เราลงไปแช่เท้าที่น้ำตกกัน ท่าทางจะเย็น”

 

“อื้ม เอางั้นก็ได้” ผมตอบตกลงปล่อยมือทิ้งลงข้างตัวเดินเคียงคู่ไปกับพี่ดิน

 

เสี้ยวหน้าที่ผมมองอยู่พี่เขาดูดีและดูน่าค้นหา ผมหลงรักรูปหน้านี้ หลงรักนิสัยเถื่อน ๆ ที่เวลามันสงบลงก็น่ารักอย่างกับแมวขี้อ้อน ต้องขอบคุณไอ้ฟางที่ทิ้งผมไว้ในคืนนั้นจริง ๆ

 

“พี่ดิน พี่ว่าผมควรจะทำยังไงดีกับเรื่องฟาง เพื่อนพี่จะเอายังไงกันแน่ ผมไม่อยากให้ฟางมันต้องมาจะ…” มือบางปิดปากของผมที่กำลังเอื้อนเอ่ย พี่ดินซบหน้าลงกับบ่าแข็งแรงของผม

 

“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นแหละ เพราะคนหนึ่งก็ปิดกั้น อีกคนก็ไม่ยอมรับความจริง ปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามธรรมชาติถูกต้องที่สุดแล้วล่ะ”

 

“ผมก็หวังว่ามันจะจบลงด้วยดี”

 

“อืม ขอให้มันเป็นแบบนั้นด้วยเถอะ” เสียงพี่ดินตอบกลับมา เราซบกันอยู่อย่างนั้นจนได้ยินเสียงคนเดินมาทางนี้ ผมตัดสินใจแล้วว่า

 

ผมควรจะบอกเพื่อนเรื่องพี่ดินสักที

 

…………………………………………………………………

 

ฟิน

 

ผมเข้าประชุมตั้งแต่เข้ายันบ่ายไม่ได้ออกมาดูน้องชายตัวเองว่าเป็นยังไงบ้าง ยอมรับว่าห่วงมันมาก ถ้าไม่เพราะความรับที่ไอ้ตี๋มันรู้และเอามาขู่ ผมจะไม่มีทางยอมให้ฟางไปอยู่กับมันแน่นอน

 

 “หิวว่ะ ไปหาอะไรกินกันไหม” ไอ้พัดกอดคอผมเดินลากไปทางร้านอาหารด้วยกัน ผมอมยิ้มแกล้งดันหน้ามันออกห่าง

 

 “อย่าทำแบบนี้ได้ไหมวะ คนอื่นคิดว่ากูกับมึงเป็นคู่เกย์กันแล้วไอ้ห่า”

 

“ก็มันไม่ใช่ความจริงมึงจะไปแคร์ทำไม” ผมหลบตามองต่ำ ผลักตัวมันออกเดินนำไปร้านอาหาร

 

เพราะกูคิดจริงเลยต้องแบกรับความอึดอัดไว้เพียงคนเดียว

 

“อืม เรื่องฟาง มึงชอบน้องกูไงวะไอ้พัด” ผมได้แต่ภาวนาให้มันตอบปฏิเสธออกมา ไอ้พัดตะโกนสั่งอาหารลุกขึ้นเดินไปหยิบแก้วน้ำมาให้

 

“ฟางเหรอ ก็เปล่านี่ ทำไม มึงหวงน้อง?” มันยื่นหน้าเข้ามาชิดซะจนผมต้องถอยห่างออกมาเอง

 

“ก็ อืม มีมันแค่คนเดียวนี่หว่า”

 

“น้องมึงผู้ชายไอ้ฟิน แล้วกูก็ชอบผู้หญิงอยู่ เอ่อ…วันนี้เราไป…”

 

 “กูว่าจะนอนพักว่ะ มึงจะไปก็ไปคนเดียวแล้วกัน” ผมพูดขัดขึ้น ก้มหน้าตักข้าวเข้าปาก

 

 “มึงแม่ง ไปด้วยกันดิ สาวอย่างสวย”

 

“ไม่ไป” มันแตะมือลงบนแขนผม ผมชะงักช้อนเงยหน้ามอง

 

 “อืม ไปก็ได้” แล้วผมก็ตอบตกลงไปจนได้ ไอ้พัดดึงคอผมเข้าไปกอด เรานั่งกินข้าวกันไปเรื่อย ๆ จนถึงเวลาต้องเข้าไปแจกจ่ายงานให้กับหัวหน้าทุกทีม แน่นอนว่าผมต้องเจอไอ้ตี๋ เห้อ เบื่อจะทะเลาะกับมัน

 

………………………………………………………….

 

ตี๋

 

“นาย…ทำไมขอเบอร์แล้วไม่ให้!” เสียงเรียกผมหยุดขายาวที่กำลังก้าวออกจากหน้าห้องพัก เป็นรุ่นน้องคนเดิมที่ให้เพื่อผู้หญิงเดินเข้ามาหาผมเมื่อตอนกลางวัน

 

“มีอะไรนักหนา”

 

“อืม ผมก็แค่คิดว่า…” มันเดินเข้ามาวางมือบนแก้มลูบไล้โครงหน้าผมเบา ๆ “เราน่าจะเข้ากันได้ดี ไม่ต้องห่วง เราไม่ผูกมัดนายหรอก แค่คืนนี้…” ผมปัดมือมันออก

 

“ขอโทษนะ แต่ผู้ชายอย่างมึงกูไม่สนหรอก ถ้าไม่อยากมีปัญหาอย่ามายุ่งกับกู”

 

 ผมเดินหนีมันออกมาไม่วายยังมีมือมารั้งแขนผมเอาไว้ ผมหมุนตัวกลับไปส่งสายตาโหดที่เริ่มหงุดหงิดเต็มที พลันสายตาก็เห็นใครอีกคนเดินออกมาจากห้องพัก

 

 ไอ้ฟ้ากับฟาง

 

  “ใส่เสื้อกันหนาวไปด้วย เดี๋ยวมึงก็ไม่สบายอีก” ฟ้าวิ่งกลับเข้าไปในห้องหยิบเสื้อแขนยาวมาสวมให้ฟาง หลังจากออกไปแล้วรอบนึงก็ต้องย้อนกลับมาใหม่เพราะลืมสวมเสื้อ ฟางเป็นไข้ง่าย ปล่อยไม่ได้เด็ดขาด

 

“ยังจำได้อีกเหรอวะ ฮ่า ๆ ขอบใจ” ผมกำหมัดแน่นกระชากไอ้เด็กช่างตื้อเข้ามาใกล้

 

“ไม่ผูกมัดใช่ไหม งั้นถ้ากูจูบมึงคงไม่เป็นไร”

 

ฟางยิ้มให้เพื่อนหันกลับมาจะเดินต่อสายตาเห็นร่างใหญ่คุ้นตาก้มลงหน้าชิดผู้ชายต่างสถาบัน ปากอ้าค้างใจหล่นวูบน้ำตาคลอ ทำไมเขาต้องมารับรู้เรื่องเจ็บปวดอีกแล้ว

 

“ฟาง!” เสียงตะโกนของฟ้าหยุดการกระทำของผมลง อีกเพียงนิดปากผมก็จะแตะโดนมัน มือหนาผลักคนตรงหน้าออก

 

ทำไม่ได้ ถ้ามไม่ใช่ฟางผมทำไม่ได้

 

หมับ

 

ผมคว้าข้อมือไอ้ฟ้าให้กลับไปยืนที่เดิมเมื่อเห็นมันพุ่งตัวจะตามฟางไป ไม่ยอม ผมจะไม่ยอมให้ฟางไปเป็นของใครเด็ดขาด

 

“มึงไม่ต้องไป เรื่องของกูกับฟางมึงไม่เกี่ยว”

 

“แล้วพี่เป็นอะไรกับมัน” ฟ้าจ้องตาตี๋นิ่งต้องการคำตอบ ผมตัวสั่นต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดสักที

 

…ฟาง…เป็น….อึก…เป็น…”

 

……………………………………………..

 

ฟาง

 

ผมวิ่งไปรู้ทิศทางหลงเข้ามาในป่าทึบกว้าง รู้ตัวอีกทีก็มองไม่เห็นที่พักหรืออะไรที่พอจะจำทางกลับได้เลย ฮึก ทำไมกูต้องมาร้องไห้เพราะมึงด้วยวะ แถมซวยหลงป่าอีก

 

จะกลับยังไง

 

ฮูกกก ฮูกกกก

 

สองเท้าของผมย่ำลงบนดินท่ามกลางความมืด ถึงแม้ด้านนอกจะสว่างแต่พอเข้ามาอยู่ในที่มีต้นไม้หนาทึบมีเพียงแสงเพียงน้อยนิดที่สาดส่องลอดเข้ามาได้

 

“โทรหาฟ้า” ผมล้วงมือหยิบโทรศัพท์ออกมากดเบอร์ฟ้าแต่สัญญาณมันขาด ๆ หาย ๆ และดับไป เล็บจิกลงบนเนื้อตัวเองทำอะไรไม่ถูก

 

“ต้องก่อกองไฟ หรือไม่ก็ทำอะไรสักอย่าง”

 

ผมยืนหยุดกับที่กุมมือตัวเองบีบแน่น ทำทุกทางให้มีคนมาช่วยหรือพบเจอโดยง่าย แต่ทุกอย่างก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าเมื่อผมไม่ได้พกอะไรติดตัวมานอกจากโทรศัพท์ มีเพียงรอยกิ่งไม้ที่ผมขีดเอาไว้ตลอดทางที่ผ่าน เวลานี้ก็คงได้แต่คิดหาที่พักก่อน

 

ฟาง

 

ไอ้ฟาง

 

เสียงคน!

 

“ผมอยู่ทางนี้!! ได้ยินไหม!!!” ผมป้องปากตะโกนสุดเสียง แต่เหมือนอีกคนจะเดินหายไปอีกเส้นทาง เสียงที่ตะโกนเรียกผมเงียบลงพร้อมจิตใจของผมที่ห่อเหี่ยว

 

ทางด้านของชาวค่ายทุกคนมารวมตัวกันที่โรงอาหารเมื่อถึงเวลานัดหมาย ตี๋ขมวดคิ้วร้อนใจเมื่อไม่เห็นฟางกลับมาสักที ฟ้าเองก็นั่งไม่ติดกดโทรหาหลายต่อหลายสาย

 

“มึงจะไปไหน” ดินถามตี๋ที่ลุกพรวดขึ้น

 

“ไปหาฟาง ไม่ต้องห่วงกูเอาวอไป ถ้ามันกลับมาแล้ววอบอกกูด้วย”

 

“แต่มันอันตราย มึงไปแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เขาตามหาดีกว่าไหม” ดินเสนอ ร้อนใจไม่ต่างกัน

 

“ผมจะไปแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เอง” ฟ้าเสนอตัว

 

“อืม งั้นเดี๋ยวพี่จะลองถามคนอื่น ๆ ดูว่าเห็น…เฮ้ย! มึงจะไปตอนนี้ไม่ได้นะ ไอ้ตี๋!!” ดินตะโกนเรียกร่างใหญ่ที่วิ่งออกไปพร้อมวอและกระเป๋าเป้ที่ตี๋เดินกลับไปเอามาตอนไหนไม่รู้

 

ฟาง!

 

เอาอีกแล้ว เสียงคนเรียกชื่อเราอีกแล้ว….

 

ผมนั่งยองกับพื้นดินปาดน้ำตาที่ไหลอาบข้างแก้มออก เสียงแหบแห้งขืนตะโกนออกไปก็ไม่มีทางได้ยินอยู่ดี ฮึก พี่ฟินช่วยฟางด้วย ไอ้ฟ้า ไอ้เพ ไอ้ติ้ว มึงช่วยกูด้วย

 

“ไอ้ตี๋!!!” ผมยกกำปั้นทุบดินร้องเรียกมันเท่าที่เสียงตัวเองจะมี มึงต้องช่วยกูนะตี๋ ตอนนั้นมึงยังมาช่วยกูทัน ตอนนี้มึงก็ต้องหากูให้เจอนะ ฮึก กูกลัว

 

หิว ผมหิวเหลือเกิน

 

ผมกวาดตาไปรอบ ๆ ไม่มีอะไรที่พอจะประทังชีวิตได้เลย มีแต่ใบไม้และดินกับลำธารที่ไหลเป็นสายเล็ก ๆ มือกุม

ท้องขดตัวสีหน้าทรมาน ยิ่งดึกยิ่งหนาว ผมสูบน้ำใสเข้าจมูกเมื่อมันทำท่าจะไหลลงมาอีกครั้ง

 

ต้นไม้พุ่มเตี้ยสั่นไหวอยู่ตรงหน้า ผมเบิกตากว้างตัวสั่นมือคว้าท่อนไม้หนาถือไว้ในมือ ถ้าเป็นเสือผมจะทำยังไงดี ที่นี่ที่ไหนผมยังไม่รู้เลย

 

เฮือก!

 

“สัส! กระรอก ฟู่ว~ ตกใจหมด” ลมหายใจร้อนพ่นออกมานึกโล่งใจ ไม่นานก็มีเสียงเหยียบใบไม้ดังเข้ามาใกล้ให้ได้ผวาอีกรอบ

 

ร่างสูงใหญ่ของตี๋เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของผมพร้อมใบหน้าที่เหงื่อท่วมไหลย้อยลงมา ผมลุกขึ้นโผกอดมันทั้งตัว มือใหญ่ลูบหลังผมผละตัวออกวางเป้ที่สะพายมาลง ก่อนมันจะเป็นฝ่ายกอดผมเองพร้อมเอียงหน้ามากดจูบสูบพลังงานผมไปจนหมด

 

“มึงหากูเจอได้ยังไง”

 

“กูก็ไม่คิดว่าจะเจอ แค่พยายามเดาทางว่ามึงจะเดินไปทางไหน เห็นรอยไม้ขีดอยู่เลยมั่นใจว่าต้องเป็นทางนี้แน่ และกูก็เจอมึงจริง ๆ “

 

เป็นครั้งแรกที่ผมยิ้มให้มันทั้งน้ำตา มันเดาใจผมออกได้ยังไง ถ้าไม่เพราะมันก็ใส่ใจผมอยู่เหมือนกัน ไอ้ตี๋กุมมือผมประสานกันเอาไว้ มันพาผมออกจากจุดที่นั่งลัดเลาะไปตามทางที่มันใช้เศษผ้าผูกเอาไว้ตามต้นไม้ต่าง ๆ ผมมองแผ่นหลังกว้างที่ทำให้ทุกข์และสุขในคราวเดียวกัน  เหมือนเราจะออกจากป่าได้แต่เปล่าเลย ฝนดันมาตกตอนเรากำลังเดินในที่โล่งแจ้ง ผมกับไอ้ตี๋วิ่งหาที่หลบที่คิดว่าปลอดภัยจากฟ้าและฝน ที่นี่ไม่มีถ้ำ ผมก็หวังให้มันมีแต่มันดันไม่มี

 

“เอาเสื้อกูไปคลุมไว้ก่อน” ตี๋ถอดเสื้อแขนยาวตัวใหญ่คลุมหัวฟางเอาไว้ ตัวเองก้มลงกอดกระเป๋าไม่ให้เปียกโดนสิ่งของภายใน

 

“แล้วมึงอะ?”

 

“กูไม่เป็นไร มึงเป็นหวัดง่าย เอาไปเหอะ” ผมมีสีหน้าลังเลตัดสินใจยื่นเสื้อคืนมัน

 

“งั้นก็คลุมด้วยกัน มึงถือเสื้อกางเอาไว้แล้วส่งกระป๋ามาให้กู กูจะกอดกระเป๋าเอาไว้ มึงก็กอดกู หมายถึงมึงก็เอาเสื้อมากางคลุมทั้งกูทั้งมึงไง” ผมอธิบายให้มันเข้าใจ ไอ้ตี๋มันก็ยิ้มทำเหี้ยอะไรก็ไม่รู้ หลงป่าตอนฝนตกมันน่ายิ้มตรงไหนวะ

 

“ฟาง…”

 

“อะไร”

 

“มึงยังชอบกูอยู่ไหมวะ” ผมตัวร้อนผ่าวเมื่อเสียงของมันกระซิบผ่านซอกคอ ใจเต้นตึกตักเมื่อมันถามอะไรที่ยากจะตอบ กูไม่ได้แค่ชอบ แต่กูรักมึงไปตั้งนานแล้วไอ้ตี๋

 

“ถามทำไม”

 

….เพื่อนมึงถามกูว่า กูเป็นอะไรกับมึง” ผมเดาว่าต้องเป็นไอ้ฟ้า เพราะมีแค่มันที่เห็นผมอยู่กับไอ้ตี๋

 

“แล้วมึงตอบว่าอะไร”

 

“มึงตอบกูมาก่อนสิว่ามึงยังชอบกูอยู่ไหม”

 

“ไม่…”

 

“หึ นั่นดิ ใครมันจะมะ…”

 

“มึงฟังกูก่อนสิวะ!” ผมตะโกนแข่งกับเสียงฝน ไอ้ตี๋เงียบไป “กูไม่ได้แค่ชอบ แต่ตอนนี้กูยังรักมึงอยู่ แต่มึงก็เหี้ยไม่เคยเปลี่ยน กูเหนื่อย เหนื่อยที่ต้องมาเจ็บเพราะมึง แต่กูก็เลิกรักมึงไม่ได้สักที มึงบอกกูดิตี๋ ว่ากูควรทำยังไงต่อไป”

 

“กูก็เหนื่อย เหนื่อยที่ต้องมานั่งคิดมากเรื่องของมึง เหนื่อยที่ต้องมานั่งระแวงว่าใครจะมาชอบมึง เหนื่อยที่ต้องโกหกตัวเองว่าไม่ได้รู้สึกอะไร…กูเคยมีแฟนที่กูรักมาก กูให้เธอไปหมดทุกอย่าง เอาใจสารพัด แต่สุดท้ายก็เข้ามาเพราะกูมีเงิน สวมเขาให้กูเหมือนควายตัวนึง เป็นมึง…มึงจะกล้าคบกับใครอีกไหม มึงจะกล้าจริงใจกับใครอีกรึเปล่า…กูหวังว่าเราจะได้แต่งงานกันเมื่อเรียนจบ แต่ก็เหี้ย! กูเห็นมันนอนกอดกันในห้องของตัวเอง…”

 

“ไอ้ตี๋” ผมเอนหลังไปพิงแนบชิดอกมัน เงยหน้าขึ้นสบตาเศร้าที่นานทีจะได้เห็นสักครั้ง “ไม่ใช่มีแค่มึงหรอกที่ผ่านช่วงเวลานั้นมา มีคนอีกมากมายที่เจอแย่กว่ามึง แต่เขาก็ผ่านมาได้เพราะคำว่าเริ่มต้นใหม่ มันก็ใช่ที่ใครจะอยากนับหนึ่งใหม่ไปตลอด แต่สำหรับมึง….ลองมานับหนึ่งกับกูดูใหม่ดีไหมวะ…ขอให้เป็นกูที่อยู่ข้างมึงในตอนนี้ กูรักมึงนะตี๋”

 

“หึ มึง…เป็นคนแรกที่บอกว่ารักกู แล้วกูรู้สึกว่ามึงไม่โกหก…ฟาง…คบกับกู…เป็นแฟนกูได้ไหมวะ?”

 

ซ่า ซ่า ซ่า

 

ผมปล่อยกระเป๋าร่วงลงคว้าคอมันโน้มลงมาจูบแทนคำตอบ ความเจ็บปวดทั้งหมดมันหายไปพร้อมกับคำขอเป็นแฟนที่ออกมาจากไอ้ผู้ชายปากแข็ง มันยอมเปิดใจรับผมเข้าไปแล้ว ผมกำลังมีความสุขที่สุด ผมกำลังยิ้มและกอดมันท่ามกลางความหนาวของฝนที่เทลงมา

 

“กูเลยคำว่าแฟนมาแล้วไอ้สัส ขอกูเป็นเมียซะดี ๆ” ผมต่อรอง ไอ้ตี๋หัวเราะ

 

“คงไม่ต้องแล้วมั้ง เพราะกูบอกเพื่อนมึงไปแล้วว่ามึงเป็นเมียกู อย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน กูจะประกาศให้หมดเลยว่ามึงเมียกู กูขี้หวง ขี้หึงมาก อย่าทำกูเสียใจนะฟาง…”

 

“กูก็พอกัน อย่าเจ้าชู้นะไอ้สัส กูเอาตายแน่! ต้องเห็นกูสำคัญกว่าคนอื่นด้วย มากกว่าพี่ดินด้วย”

 

“ไอ้ดินมันเพื่อนรัก แต่มึงมัน…เมียรัก”

 

“กูเป็นอะไรกับมึงนะ” ผมแกล้งเอียงหูไม่ได้ยิน ไอ้ตี๋มันก้มหน้าลงมากัดคอผมเต็มเขี้ยว

 

“เมีย”

 

“อะไรนะ!”

 

“เมียไงวะ”

 

“ไม่ได้ยินเลย!” ผมหัวเราะคิกซบหน้าลงกับหน้าท้องแข็ง ฟ้าหลังฝนมักจะสวยงามเสมอ นี่อาจจะเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ดีของเรา ไอ้ตี๋มันเอาหัวมาวางทับหัวของผมเอียงหน้ามาหอมแก้มผมก่อนผละออกไป บางทีผู้ชายคนนี้ก็ไม่ได้ใจร้ายไปซะทุกเรื่อง มันจะเจ็บปวดแค่ไหนกับเรื่องที่ผ่านมานะ มันไปเจอเรื่องเลวร้ายอะไรมาบ้าง กลับไปครั้งนี้ผมจะนั่งถามมันจนกว่าจะได้คำตอบที่พอใจ

 

และไม่ลืม….

 

ไอ้คนที่มันเพิ่งไปจูบเขามาด้วย!!

 

 

TBC.

 

 

อย่างที่ว่าตี๋มันเคยทุ่มเทให้คนอื่นไปเยอะ พอเจ็บแล้วมันก็จำ จะให้มาเปิดใจใหม่

มันก็ยาก ส่วนฟินม่อนก็อึดอัดแทน รักเพื่อนมันไม่ตลกนะเฮ้ย ยิ่งคบกันมาแบบโคตรสนิท 

      เจอพัดบอกว่าชอบผู้หญิงยิ่งเจ็บหนักเลย ก็คงต้องดูก่อนต่อไปคู่นี้ ^^     

                 

 

               

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา