พิมพ์ลิขิตเเอบรัก

-

เขียนโดย Dashathone

วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 23.29 น.

  18 ตอน
  2 วิจารณ์
  20.29K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558 23.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) ความจริงที่ซ่อนไว้ rewrited

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 8

ความจริงที่ซ่อนไว้

 

                เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนกว่า เหล่าสี่หนุ่มสาวจึงพากันทยอยเดินออกมาจากร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา ปารมีนั้นเดินนำหน้าเคียงคู่มากับรันดา ยังคงคุยหัวเราะต่อกระซิกกันไม่ห่าง ส่วนธีร์ภพต้องคอยประคองร่างเล็กอ่อนปวกเปียกของพิมพ์ภัทรให้เดินตรงๆมาด้วยกัน เพราะระหว่างมื้ออาหารนั้นหญิงสาวสั่งไวน์มาดื่มเป็นระยะ รวมๆแล้วก็ประมาณห้าแก้ว แล้วแบบนี้จะไม่ให้เมาได้อย่างไร

                “ธีร์ เดี๋ยวมึงไปส่งน้องภัทร ส่วนกูจะไปส่งคุณดา เผอิญว่ามีเรื่องต้องคุยกันต่อว่ะ” ปารมีบอกเพื่อนด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม ดวงตาแวววาวมีประกายคล้ายเจ้าเล่ห์ แต่ก็หารอดพ้นสายตาคนร่างอวบข้างตัวไม่ เขาจึงได้รับรางวัลเป็นกำปั้นทุบดังอั๊กรัวหลายครั้ง จนต้องรวบมือนุ่มเป็นพัลวันมากอบกุมไว้ 

                “ฝากดูแลน้องด้วยนะธีร์ แล้วเจอกันจ้ะ” หลังลงโทษปารมีแบบไม่จริงจังนัก รันดาจึงหันมาฝากฝังคนในอ้อมแขนเพื่อนรักอีกที พร้อมกับมองคนที่หลับคอพับอยู่ในอกแกร่งด้วยสายตาเอ็นดู หวังว่าน้องสาวของเธอจะไม่อาละวาดเอากับคนไปส่งหรอกนะ เพราะแอลกอฮอล์มันทำให้คนเราไร้สติได้เสมอ และยิ่งคนคนนั้นไม่เคยแตะมันด้วยแล้ว เฮ้อ...

                “ครับ ยังไงภัทรก็น้องผมเหมือนกันนะ” ธีร์ภพตอบเพื่อนเสียงห้วน หงุดหงิดที่มีแต่คนเป็นห่วงยัยตัวเล็กนัก ทั้งๆที่อยู่ในความดูแลของเขาแท้ๆ เขาก็ห่วงผู้หญิงคนนี้ไม่แพ้พวกมันนักหรอก

                “นายว่าภัทรจะสมหวังไหม” รันดาเอ่ยถามคนขับด้วยความกังวล เป็นกังวลแทนน้องสาวนอกสายเลือดนัก เพราะเธอเห็นพิมพ์ภัทรเจ็บปวดมามาก อยากให้น้องรักได้สมหวังกับเขาเสียที ส่วนน้องอีกคนเธอก็หายห่วงแล้ว ณธิดากำลังจะหมั้นกับเจ้านายเธอ ผู้ชายที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ที่สำคัญทั้งรักทั้งหวงหญิงสาวอย่างกับอะไรดี อิจฉาชะมัด! คิดถึงตรงนี้เธอก็หันไปมองเสี้ยวหน้าสารถีหนุ่มใต้หน้าคม แล้วก็ต้องอมยิ้มกับใบหน้าที่กำลังครุ่นคิดวิเคราะห์นั้น คิ้วเข้มขมวดมุ่น สีหน้ากังวลราวกับเรื่องที่เธอถามมันปัญหาระดับชาติ ทั้งๆที่มันอยู่ที่คนสองคนจะตกลงกันเสียมากกว่า

                “ผมว่า...ถ้าไอ้ธีร์ไม่งี่เง้าจนเกินไป น้องภัทรก็น่าจะสมหวังเร็วๆนี้ล่ะ”

                “ฉันอยากเห็นภัทรเลิกทำหน้าน้อยใจเจ็บปวดราวกับโลกจะแตกทุกครั้งที่มองนายธีร์เสียที เฮ้อ” พูดจบหญิงสาวก็ต้องถอนหายใจหนักๆหนึ่งครั้ง เธอยังมองไม่เห็นทางออก

                “ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขาเถอะครับ มาว่าเรื่องของเรากันดีกว่า” ปากก็พูดไป ส่วนมือหนาก็อยู่ไม่สุข เอื้อมไปคว้ามือนุ่มนิ่มมากุมไว้ ไล้ปลายนิ้วมือเรียวไปมา ส่วนอีกข้างก็ใช้บังคับรถให้ตามเส้นทางไปบ้านของคนน่าฟัดแทน

                “อะไร เรื่องของเราหรือ ฉันลืม” รันดาพูดลอยหน้าลอยตาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แก้เขิน ทั้งที่เพิ่งตกลงกันได้ตอนทานข้าวในร้านอาหาร

                “อย่ามาทำเป็นลืมนะครับ ผมนี่จดไว้ในหัวใจทุกคำพูด ทุกแววตา และทุกการกระทำด้วย หรือว่าคุณอยากให้ผมทวนความจำให้ แต่ต้องจ่ายค่าเสียเวลาเป็นจูบหวานๆนะ หนึ่งประโยคเท่ากับหนึ่งจูบ ดีไหม.....” ไม่พูดเปล่า เขายังโน้มหน้าเขามาใกล้ราวกับจะหอมแก้มจริงเสียอีก

                “ฉันจำได้แล้ว!!” รันดารีบเอามือดันใบหน้าเขาไว้ กลัวว่าจะเผลอไผลแล้วกลับไม่ถึงบ้านซะก่อน

                ส่วนรถอีกคันก็ไม่ต่างกันนัก ความวุ่นวายเล็กๆเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ออกรถ พิมพ์ภัทรอาเจียนรดเสื้อเชิตสีขาวของธีร์ภพ พร้อมๆกับริมฝีปากบางขมุบขมิบพึมพำอะไรสักอย่างไม่หยุดหย่อน แต่พอชายหนุ่มเอาหูเขาไปฟังใกล้ๆก็จับใจความได้ว่า

                “ไอ้พี่ธีร์บ้า พี่ธีร์ใจร้าย ทำไมไม่รู้ว่าภัทรรักพี่มานานแค่ไหน ทำไมไม่สนใจภัทรบ้าง ภัทรมันไม่ดีตรงไหน ภัทรไม่ได้อยากเป็นน้องสาว ภัทรไม่ได้อยากมีพี่ชาย….” พอจบประโยค หญิงสาวก็คอพับหลับเช่นเดิม แต่อีกสักพักก็ละเมอประโยคเดิมออกมาอีกครั้ง ราวกับเครื่องเสียงเล่นแผ่นวนไปวนมาซ้ำๆ จนคนถูกว่าอดเอื้อมมือไปลูบศีรษะเล็กทุยไม่ได้ แววตาคมอ่อนแสงลง มุมปากยกยิ้มเล็กน้อย คล้ายพึงพอใจอะไรสักอย่าง ทั้งๆที่ถูกหญิงสาวบริภาษมาตลอดทาง

                นั่นสินะ เขาใจร้ายกับเธอเกินไปรึเปล่า เขาไม่ดีพอสำเธอใช่ไหม ก็คงจริง หากเทียบเรื่องฐานะของพิมพ์ภัทรกับเขาแล้ว มันช่างห่างชั้นมากนัก ครอบครัวหญิงสาวทำธรกิจอสังหาริมทรัพย์ ร่ำรวยเป็นกอบเป็นกำเช่นเศรษฐีดังๆในเมืองไทย แต่เขานี่สิเป็นเพียงผู้ชายจนๆธรรมดาคนหนึ่ง แม้จะเป็นอาจารย์และรับจ็อบไปด้วย ก็ยังไม่ถึงเศษเสี้ยวของความมั่งคั่งของเธอด้วยซ้ำ แต่อีกใจเขาก็อยากตอบคำถามหัวใจและความรู้สึกข้างในของตัวเองให้ได้เสียก่อน

                คำพูดพึมพำแผ่วเบาออกมาจากริมฝีปากบางเล็กนั่นคล้ายกระซิบแผ่วเบา ทว่ามันดังก้องชัดในความรู้สึกของเขานัก เพราะมันคือคำบอกความในใจทั้งหมดที่หญิงสาวตัวเล็กมีให้เขามิเคยเสื่อมคลาย ต่อให้เวลาผ่านมานานหลายปีแล้วก็ตาม แต่ความรักของพิมพ์ภัทรที่มีต่อเขายังคงอยู่ ไม่บั่นทอนลงเลยสักนิด แม้ว่าระยะทางที่เราห่างไกลกันเกือบค่อนโลก แต่ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเขาในตอนนี้ก็ยังรักปักใจเพียงแต่เขาคนเดียว ธีร์ภพจ้องมองดวงหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราตั้งแต่หน้าผากโหนกนูน คิ้วเรียวสวยรับกับดวงตากลมโตราวกับลูกแก้วใสยามจ้องตอบกลับมา จมูกเล็กโด่งรับกับปากเรียวรูปกระจับชมพูระเรื่อน่า....จูบ ที่บัดนี้ก็ยังว่าเขาไม่หยุดหย่อน กระทั่งเขาจอดรถหน้ารั้วประตูอัลลอยด้วยรวดลายอ่อนช้อยงามวิจิตร และคงเดาไม่ยากว่าภายในบริเวณเนื้อที่กว้างขวางแบบนี้ เป็นที่ตั้งของคฤหาสน์หลังงามของเจ้าพ่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเหมืองไทย ซึ่งเป็นบิดาของผู้หญิงที่ชื่อ พิมพ์ภัทรคนนี้

                “ภัทรถึงบ้านแล้ว ตื่นเถอะ” ธีร์ภพพยายามเขย่าไหล่เรียกให้หญิงสาวลืมตา แต่ปฏิกิริยาตอบกลับดันเป็นอีกแบบ

                “ภัทรไม่ใช่น้องสาวของพี่ ภัทรไม่มีพี่ชาย ภัทรมีแต่ผู้ชายที่ภัทรรักชื่อธีร์ภพ ภัทรระ.....” ยังไม่ทันที่คนเมาจะเอ่ยจบประโยคดี คนปลุกก็ก้มหน้าลงมาแนบริมฝีปากตัวเองลงบนกลีบปากบาง ที่กำลังผลุสวาทเขาอย่างไม่หยุดหย่อน เพื่อดูดกลืนคำว่า ‘รัก’ ให้ไหลลึกลงไปในขั้วหัวใจของเขาแทน ตอนแรกคิดแค่ว่าอยากแกล้งให้คนขี้บ่นหยุดพัก แต่กลับกลายเป็นเขาเสียเองที่ติดใจกลิ่นหอมหวานเคล้ากับรสหวานของไวน์ที่หญิงสาวดื่มเข้าไปก่อนหน้า มันยิ่งทำให้ความรู้สึกเฉยชาในตัวเขาปะทุขึ้นสูงให้รู้สึกซาบซ่านกระชุ่มกระชวยหัวใจเล่น บวกกับรสหวานแหลมปานน้ำผึ้งบริสุทธิ์ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เขาไม่สามารถหยุดจุมพิตเธอได้สักที จนกระทั่ง…

                ก๊อก ก๊อก

                เสียงเคาะกระจกด้านข้างคนขับดังขึ้นขัดจังหวะอารมณ์เคร่งเครียดกึ่งกลางกายหนุ่ม ที่กำลังก่อตัวขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ร่างสูงถอนหายใจอย่างหงุดหงิด เมื่อรู้สึกถูกขัดใจ แต่เมื่อมองคนก่อกวนก็ต้องกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคนอย่างยากลำบาก

                “ขอบคุณที่พาลูกสาวผมมาส่ง” คุณระพีบิดาของพิมพ์ภัทรเอ่ยทันที เมื่อสารถีหนุ่มลดกระจกลง พร้อมกับยกมือไหว้อย่างนอบน้อม หากเขากลับไม่กล้าสบตาคนมากวัยกกว่าตรงๆ ราวกับเด็กชายแอบไปทำความผิดมา แล้วไม่กล้าบอกผู้ปกครองซะอย่างนั้น

                “ไม่เป็นไรครับ ยังไงภัทรก็เป็นน้องที่ผมต้องดูแล” ธีร์ภพตอบเสียงเบาแต่หนักแน่น ต่างกับแววตาอ่อนโยนยามทอดมองคนตัวเล็ก และการกระทำทั้งหมดนี้ไม่อาจรอดพ้นสายตาของคนผ่านน้ำร้อนมาก่อนไปได้

                “ไปไหนต่อไหม อยู่คุยกันก่อนสิ” น้ำเสียงทรงอำนาจถามธีร์ภพด้วยเสียงราบเรียบ ไม่บังคับแต่กลับเดินนำเข้าไปในในตัวคฤหาสน์ ก่อนจะเลี้ยวมาหยุดที่ห้องรับแขกแทน หลังจากเรียกเหล่าแม่บ้านมาช่วยกันดูแลคุณหนูเรียบร้อยแล้ว

                “คุณสนิทกับลูกสาวผมมากี่ปีแล้ว” คุณระพีเอ่ยถามคนรุ่นลูกโดยไม่มองหน้าตรงๆ หากแต่ท่านมองเลยไปที่บุตรสาวซึ่งกำลังหลับอยู่ ราวกับครุ่นคิดไตร่ตรองถึงสิ่งที่จะพูดต่อไปนี้

                “ตั้งแต่ผมอยู่ปีสี่ ส่วนภัทรอยู่ปีหนึ่งครับ” ธีร์ภพเองก็หันไปมองคนที่นอนนิ่งอยู่บนโซฟาตัวหรู ท่ามกลางเหล่าแม่บ้านกำลังช่วยกันพยุงหญิงสาวขึ้นไปข้างบน ยัยน้องน้อยของเขายังคงเมาไม่ได้สติ

                “คุณรู้สึกยังไงกับลูกสาวผมกันแน่ ยังไม่ต้องรีบตอบ แต่ฟังในสิ่งที่ผมจะพูดก็พอ” คราวนี้คุณระหันกลับมาจ้องตาชายหนุ่มตรงหน้า บอกเป็นนัยว่าเอาสิ่งที่ท่านพูดกลับไปคิดไตรตรองให้      ระเอียด เพื่อตกผลึกแล้วเลือกทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทั้งสองฝ่าย

                “ผมเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ ต้องการให้ลูกสาวคนเดียวมาช่วยแบ่งเบาภาระบ้าง แต่ภัทรปฏิเสธหัวชนฝา แล้วคุณรู้ไหมเหตุผลของเขาคืออะไร ลูกสาวผมบอกว่า ภัทรอยากพิสุจน์ตัวเองโดยไม่พึ่งพาพ่อกับแม่ ที่สำคัญคือ...ภัทรกลัวว่าพี่ธีร์จะรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าจนไม่กล้าคบกับภัทร หากรับตำแหน่งประธานกรรมการแทนพ่อ ผมคิดว่าความคิดเขาเด็กมาก แต่ถ้ามองดีๆคุณจะได้คำตอบ ว่าเขาแคร์ความรู้สึกนึกคิดของคุณมากกว่ามรดกพันล้านที่ควรจะเป็นของเขาซะอีก” คุณระพีเล่าให้คนอ่อนวัยฟังด้วยทาทีสบาย ไม่ได้ทุกข์ร้อนกับเรื่องที่ลูกสาวคนเดียวไม่สนใจมรดกมากมาย ที่เขาตั้งใจจะยกให้หญิงสาวเพียงคนเดียวนั่น

                “แล้วคุณอาหญิงว่ายังไงบ้างครับ” แม้บิดาของพิมพ์ภัทรจะยอมรับการตัดสินใจของลูกสาวกลายๆ เขาอยากรู้ว่าคนเป็นแม่นั้นคิดเห็นอย่างไรกับตัวเขา

                “แม่เขาเข้าใจดีเลยล่ะ เพราะเคยรู้สึกมาก่อน”

                “หมายความว่ายังไงครับ” ประโยคนี้ทำให้ธีร์ภพเงยหน้าขึ้นไปสบตาคนเล่าด้วยความแปลกใจปนงงงัน

                “ภรรยาผมก็เคยแอบรักผมมาก่อนเหมือนภัทร แต่โชคดีที่ตอนนั้นผมรู้ใจตัวเองเร็ว เลยได้เริ่มต้นสร้างครอบครัวจนมีภัทรออกมานี่ล่ะ” ทุกครั้งที่พูดถึงภรรยาอันเป็นที่รัก มักปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้ามีริ้วรอยของคนมากประสบการณ์อย่างคุณระพีอยู่เสมอ

                “ผมให้คนตามสืบเรื่องคุณกับลูกสาวผมมาตลอด ตั้งแต่เขาเดินมาบอกว่าเจอคนที่ใช่แล้ว ตอนนั้นผมคิดแค่ว่ามันอาจเป็นเพียงความรักความหลงแบบไม่จริงจังของวัยรุ่นทั่วไป แต่พอคุณได้ทุนไปเรียนเมืองนอกแล้ว ลูกสาวผมก็ยังคงปักใจแอบรักแต่คุณคนเดียวเท่านั้น แม้เจ้าตัวอายุมากขนาดนี้แล้วก็ตาม ลองคิดดูสิว่าจะมีผู้หญิงสักกี่คน ที่มั่นในความรักของตัวเองที่มีต่อคนที่ไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตาเลย มันจะทรมานเจ็บปวดหัวใจขนาดไหน” และเป็นอีกครั้งที่ธีร์ภพต้องแปลกใจ ไม่คิดว่าจะมีคนสนใจขาถึงขนาดติดตามระยะเผาขนมาตลอด

                “ที่ผมพูดมาทั้งหมด ไม่ได้บอกให้คุณหันมารักมาเห็นใจลูกสาวของผมหรอกนะ แต่ผมอยากให้คุณถามตัวเองให้แน่ใจมากกว่า ถ้าหากคุณรู้สึกลึกซึ้งกับลูกสาวผมจากหัวใจจริงๆ คุณก็ควรให้โอกาสเขาและตัวคุณเองได้เริ่มต้น แต่ถ้าคุณไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ก็ออกไปจากชีวิตลูกสาวผมซะ หายไปจากชีวิตของภัทร อย่าติดต่อหรือมาให้เห็นอีก ผมเชื่อว่าไม่นานเขาก็คงทำใจได้ และก้าวเดินไปข้างหน้าได้สักวันหนึ่ง” คำพูดตรงๆไม่อ้อมค้อมของคนรุ่นพ่อไม่ได้สร้างความเจ็บแปลบได้เท่าประโยคที่ว่า ‘ออกไปจากชีวิตของลูกสาวผมซะ’ น้ำเสียงของท่านคล้ายเจ็บปวดอยู่ไม่น้อย ก็คงไม่แปลก เพราะคนที่ขึ้นชื่อเรื่องรักและหวงลูกสาวคนเดียวอย่างคุณระพี จะยอมทนเห็นแก้วตาดวงใจชอกช้ำใจอยู่เป็นนาน เพียงเพราะลูกสาวมารักผู้ชายไม่ได้เรื่องอย่างเขา

                “นี่ก็ดึกมากแล้ว คุณกลับไปเถอะ” คุณระพีหันมากล่าวลาคนรุ่นลูกก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้ธีร์ภพยืนเคว้งกลางห้องในท่าที่กำลังจะยกมือไหว้ลาอีกฝ่าย และไม่นานนักชายหนุ่มก็ก้มหน้าย่ำก้าวเดินออกจากคฤหาสน์หลังโอฬารไป แต่ถ้าหากเขาหันกลับมามองสักนิด จะได้เห็นใบหน้าของชายผู้มากประสบการณ์ผุดรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก รวมถึงแววตาอ่อนโยนที่มองตามแผ่นหลังไปด้วยความนัยบางอย่าง

                หลังกลับมาจากมาจากส่งพิมพ์ภัทรแล้ว เขาก็เดินขึ้นไปยังห้องนอนบนชั้นสองของบ้านทันที เพราะรถบนท้องถนนยามดึกไม่แออัดเช่นช่วงเย็นเวลาหลังเลิกงาน บวกกับระยะทางไม่ได้ไกลมากนัก ทำให้เขากลับถึงบ้านก่อนตีหนึ่ง ทว่าพอจะล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม ก็ดันไม่สามารถบังคับตัวเองให้เข้าสู่นิทราได้

                วันรุ่งขึ้นธีร์ภพต้องตื่นไปเตรียมการสอนที่มหาวิทยาลัยในฐานะอาจารย์พิเศษเป็นวันแรก แต่ก็ไม่สดชื่นมากนัก เพราะเมื่อคืนกว่าเขาจะข่มตาให้หลับลงได้ก็เลยเข้าวันใหม่ไปหลายชั่วโมงแล้ว เพราะคำพูดของคุณระพีที่ว่า ‘ถ้าคุณไม่ได้รู้สึกอะไรกับลูกสาวผม ก็หายออกไปจากชีวิตลูกสาวผมซะ’ ก็ยังดังก้องอยู่ในหูของเขาจนถึงตอนนี้

มันไม่ใช่แค่คำไล่หรือสั่งให้ตัดสินใจว่าต้องเลือกเท่านั้น แต่มันเหมือนประกาศิตเด็ดขาด ว่าเขาต้องทำอะไรสักอย่างให้ชัดเจน ไม่คลุมเครืออย่างทุกวันนี้ และหากเขายังดันทุรังต่อไป เขาจะสูญเสียหญิงสาวซึ่งเคยยืนเคียงข้างกันมาตลอดไปชั่วนิรันดร์ แต่ถ้าหากเขาเลือกเธอล่ะ เขาจะรักษาเธอไว้ได้หรือไม่ แล้วชื่อเสียงและสังคมของพิมพ์ภัทรจะว่าอย่างไร หากเธอมีสามีเป็นเพียงผู้ชายธรรมดา ไม่มีชื่อเสียงและร่ำรวยเงินทองดั่งคนใกล้ตัวของเธอ สังคมจะพูดถึงหรือดูถูกเธอว่าอย่างไร แล้วเกียรติและศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูลเธอเล่าจะเป็นอย่างไรต่อไป จะยอมรับได้หรือไม่ หากเขาก้าวเข้าไปในฐานะลูกเขยตัวเปล่าหรือหวังตกถังข้าวสารอย่างคนอื่นพูด ไม่ได้มีทรัพย์สมบัติมากมายติดตัว เขาคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต ถ้าผู้หญิงที่ตัวเองมีใจด้วย ต้องทนใช้ชีวิตคู่กันอย่างยากลำบากท่ามกลางความทุกข์ เพราะคำเหยียดหยามจากวงศาคณาญาติของเธอเอง แล้วแบบนี้เขาควรจะตัดสินใจอย่างไร

                “เฮ้ยเป็นอะไร เห็นเหม่อตั้งแต่เดินเข้ามาแล้ว” เสียงเพื่อนรักอย่างปารมีเอ่ยทักขึ้น เมื่อเห็นธีร์ภพเดินเหม่อลอยตั้งแต่ลงจากรถมา วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เขาจะอยู่กรุงเทพ เลยอยากแวะมาดูเพื่อนเสียหน่อย เห็นว่าช่วงนี้เพื่อนยากเพิ่งกลับมา แถมยังเจอแต่เรื่องยากต่อการตัดสินใจทั้งนั้น

                “เมื่อคืนกูได้คุยกับพ่อของภัทร” ธีร์ภพตอบเสียงเรียบ เดินมานั่งบนโซฟาข้างเพื่อนสมัยเรียน ก้มหน้าลงกับฝ่ามือตัวเองราวกับมีเรื่องกลุ้มใจหนักหนา จนไม่สามารถคิดให้ตกผลึกได้

                “แล้วไงวะ พ่อเขาว่าอะไรมึงหรือไง ถึงต้องมานั่งเป็นหมาหงอยหางจุกขนาดนี้ ธีร์ภพคนเก่งหายไปไหนเสียแล้ววะเพื่อน” ปารมีลูบหลังเพื่อนคล้ายปลอบโยน เขาเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนดี แต่จะให้พูดปลอบตรงๆก็ทำไม่เป็น

                “ท่านว่าถ้าฉันไม่รู้สึกลึกซึ้งอะไรกับภัทร ก็หายไปจากชีวิตของลูกสาวเขาซะ” ชายหนุ่มพูดขณะที่มือยังปิดหน้าอยู่เช่นเดิม แต่เพื่อนสนิทอย่างปารมีก็สังเกตเห็นแผ่นหลังสั่นไหวเบาๆ ทำให้เดาได้ไม่ยาก ว่าธีร์ภพในตอนนี้ก็มีอาการหนักไม่ต่างจากพิมพ์ภัทรนัก

                “มึงอาการแย่กว่าที่กูคิดอีกว่ะไอ้ธีร์ แล้วมึงประกาศว่าเขาเป็นแค่น้องสาวทำไมว่ะ กูไม่เข้าใจ มึงออกจะรักเขาขาดใจดิ้นขนาดนี้” เพราะถ้าลองเพื่อนเขาหลั่งน้ำตาลูกผู้ชายเพราะผู้หญิงคนหนึ่งได้ แสดงว่าต้องรักผู้หญิงคนนี้มากอย่างแน่นอน

                “มึงก็รู้ว่าพ่อของภัทรน่ะ คุณระพีเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์มหาเศรษฐีของเมืองไทย แล้วดูกูสิก็แค่ผู้ชายจนๆธรรมดาคนหนึ่ง เทียบขี้เล็บเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ” เขาไม่ได้เปรียบเทียบเกินจริงเลยสักนิด มันยิ่งตอกย้ำว่าเขาต้อยต่ำกว่าอีกฝ่ายเพียงใด

                “แล้วมันเป็นยังไงว่ะ เขาเรียกสิ้นสอดมึงเท่าไหร่ กูออกให้ก็ได้”

                “เออ ก็กูไม่ได้มีพ่อรวยอย่างนายเหมืองใหญ่แบบมึงนี่”

                “กูขอโทษว่ะ แล้วที่ภัทรเขาปักใจรักมึงมาตั้งนานนี่ เขามองมึงที่ฐานะการเงินรึไง ไอ้ซื่อบื้อ ป่านนี้เขาไปคบกับคนระดับเดียวกันแล้ว รวยๆทั้งนั้น ไม่มาจมปรักกับมึงหรอกจริงไหม มึงลองคิดดูนะ ถ้าเขาเลี้ยงน้องภัทรได้ดีขนาดนี้ล่ะก็ พ่อแม่เขาก็คงไม่ได้มองคนที่ฐานะอย่างเดียวหรอกเพื่อน ทีเรื่องเบสิกแบบนี้ดันคิดไม่ได้ คิดออกแต่เรื่องวิชาการ ไอ้เพื่อนเวร” คราวนี้ธีร์ภพหันมามองหน้าเพื่อนแล้วคิดตาม การต้องการปกป้องพิมพ์ภัทรจากคำครหามากเกินไป ทำให้เขาไม่ทันได้คิดวิเคราะห์ให้ดีเสียก่อน จนเผลอไปทำร้ายจิตใจหญิงสาวมาช้านาน

                “เออ กูไม่เฉลียวเอง ยอมรับ” เขายอมรับว่าซื่อบื้ออย่างที่เพื่อนว่าจริง ไม่งั้นเรื่องราวระหว่างเขาและเธอคงไม่ออกมาในรูปแบบนี้

                “แล้วมึงรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ว่าพ่อภัทรเขาเป็นใคร” ปารมีถามด้วยความสงสัย เพราะเขาก็สนิทกับพิมพ์ภัทรมาตั้งนาน หญิงสาวไม่เคยบอกกล่าวหรือพูดถึงฐานะทางบ้านให้ฟังเลยสักครั้ง

                “ก็ตั้งแต่เห็นนามสกุลเขาในใบสมัครชมรมฯแล้ว”

                “นี่น่ะหรือคือเหตุที่แท้จริง ที่ทำให้มึงปฏิเสธน้องภัทรมาตลอด ไอ้บ้า ถึงกูจะไม่ฉลาดเรื่องเรียน แต่ก็ไม่คิดว่าตัวเองโง่ขนาดหลงคบเพื่อนโง่ๆอย่างมึงมาได้ยังไงว่ะ” ปารมีอดที่จะประชดประชันคนข้างตัวไม่ได้ หมั่นไส้คนอย่างธีร์ภพที่ฉลาดเสียทุกเรื่อง แต่มาโง่ให้กับเรื่องของหัวใจตัวเองซะงั้น

                “เออ ไอ้ฉลาด ถ้าไม่ใช่เพราะกูช่วย มึงก็ไม่เรียนจบมานั่งด่ากูตรงนี้หรอก” ชายหนุ่มว่าแดกดันอีกฝ่ายกลับ เมื่อนึกถึงความหลังเรื่องที่ปารมีเกือบไม่จบ เพราะเขาต้องช่วยมันติวก่อนสอบทุกครั้ง แต่ก็เป็นไปในทางพึ่งพากันและกันมากกว่า ปารมีเองนั้นจะถนัดในเรื่องทักษะพิเศษที่เขาทำไม่ได้ ส่วนเขาก็ถนัดเรื่องวิชาการเสียมากกว่าอย่างที่ปารมีว่าจริง

                “อ้าว แล้วที่มึงแสดงออกมาตลอดว่าชอบน้องเกรซเพื่อนรักของน้องภัทรล่ะว่ะ หมายความว่ายังไง เพราะน้องเกรซเขาก็รวยมากเหมือนกันนี่” ปารมีอดถามด้วยความสงสัยมาตลอดว่าธีร์ภพชอบณธิดาจริงรึเปล่า แล้วสรุปว่ามันเป็นยังไงกันแน่!!!

                “ตอนแรกที่เจอเกรซกูชอบเขาจริง แต่หลังจากสนิทกับภัทรแล้ว พอกูไปเรียนต่อถึงได้รู้ว่ากูรู้สึกยังไงกับเขา แต่กูรู้ตัวเองดีว่าอยู่คนละระดับกับเขา กูไม่อยากให้เขาถูกมองไม่ดี ถ้ามาคบกันในฐานะคนรัก” มันเป็นเพียงข้ออ้างที่ใช้กันระยะห่างระหว่างเขาและพิมพ์ภัทรเท่านั้น แต่ยิ่งเห็นอีกฝ่ายเจ็บปวดเพราะความผิดหวังแล้ว เขาก็ยิ่งเจ็บปวดไม่ต่างกันนัก เพียงแต่เขากักเก็บความรู้สึกเก่งกว่าเท่านั้นเอง

                “ไอ้ห่า ไอ้ควาย ไอ้ๆ... กูไม่รู้จะด่ามึงว่าอะไรดี ที่มึงทำให้น้องภัทรเข้าใจว่ามึงชอบผู้หญิงอีกคน จนน้องเขาผิดหวังเสียใจมาหลายปีดีดักนี่ คือแค่อยากปกป้องเขาเท่านั้นเหรอว่ะ โอ้ยกูจะบ้า กูว่าก็สวมควรแล้ว ที่ต้องมานั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าบ้าง กรรมตามสนอง!!!” คราวนี้ปารมีตะโกนว่าเพื่อนลั่นบ้าน เดินวนไปวนมา เอามือกุมศีรษะราวกับคนจะเสียสติแทน มันเอาอะไรคิดว่ะเนี้ยะ

                “มึงเอาอะไรคิดว่ะ ไอ้ห่าธีร์” ในที่สุดปารมีก็โพล่งตามที่คิดออกมาทันที อยากจะด่าให้มันหายโง่นัก

                “เรื่องความรัก มันต้องใช้หัวใจคิดไม่ใช่เหรอว่ะ” เขารู้ว่าสิ่งที่ทำไม่ได้มีเหตุและผล แต่เรื่องของหัวใจมันต้องกลั่นกรองมาจากสมองหรือ

                “เออ พ่อคนดี แล้วจะเอาไงต่อ” เขาหวังว่าเพื่อนจะทำตามเสียงหัวใจตัวเอง เช่นที่ใช้ใจคิด

                “ยังไม่รู้ว่ะ ขอเวลากูอีกหน่อย” แต่หากคำตอบของเพื่อนเกือบทำให้ปารมีอยากเอาหัวโขกพื้นตายซะ

                “ไอ้ธีร์!!!”

                “เออ กูยอมแล้ว ถ้าต้องเป็นคนเรียนเก่งและฉลาดเสียทุกเรื่อง แต่โง่เรื่องความรักแบบมึง กูขอเป็นคนโง่อย่างทุกวันนี้เหมือนเดิมดีกว่า”

                “มึงหมายความว่าไง”

                “โว้ย!!!! มึงก็แค่ทำตามหัวใจตัวเอง รักเขาก็ไปบอกความจริงกับเขา แค่นั้น ไม่ต้องไปคิดแทนเขา มึงอ่านใจเขาได้รึไง แล้วผลมันจะออกมายังไงก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต เพราะอย่างน้อยมึงก็ทำดีที่สุดแล้ว ส่วนเรื่องฐานะบ้านเขา ถ้าเขาไม่มองที่ความดีของคน เขาไม่ปล่อยให้มึงอยู่ใกล้ลูกสาวเขามานานขนาดนี้หรอก กูว่าพ่อแม่น้องภัทรเป็นประเภทลูกรักใครเขาก็รักด้วย ไม่งั้นป่านนี้มึงไม่เหลือซากแล้ว ที่ไปทำลูกเขาเจ็บปวดตั้งแต่ปีหนึ่งนี่” ปารมีก็แค่วิเคราะห์และแนะนำตามที่ตาเห็น ไม่ได้ใช้หลักการหรืออ้างอิงอะไรด้วยซ้ำ แต่ทำไมเพื่อนเขาถึงคิดไม่ได้นะ นี่หรือจะเป็นเส้นผมบังภูเขาอย่างที่คนเขาพูดกัน หรือว่าความรักมันบังตา          

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา