พิมพ์ลิขิตเเอบรัก

-

เขียนโดย Dashathone

วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 23.29 น.

  18 ตอน
  2 วิจารณ์
  20.67K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558 23.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

15) เเผนสอง...ทำให้หึง100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 12

แผนสอง...ทำให้หึง

 

                “พี่ไม่เคยลืมเจ้าของกล่องขนมเลยสักครั้ง” เสียงนุ่มทุ้มที่ก้องกังวาลชัดเมื่อักครู่ ทำให้พิมพ์ภัทรรู้สึกว่าร่างทั้งชาดิกราวกับโดนน้ำเย็นสาดใส่ ไม่สามารถแม้แต่จะขยับปลายนิ้วได้ หัวสมองที่เคยคิดคำนวณตัวเลขมานับไม่ถ้วน กลายเป็นขาวโพลนว่างเปล่า แต่มีเพียงส่วนเดียวเท่านั้นในร่างกายของเธอยังคงทำงาน.....หัวใจ ลมหายใจอุ่นที่พรมรดใบหูเล็ก กำลังไหลแผ่ซ่านผ่านเข้าสู่หัวใจฉับพลัน คล้ายกับกระแสไฟฟ้าช็อตเมื่อมันกระตุกหยุดเต้น ก่อนที่จะกลับมาเริ่มทำงานอีกครั้งในจังหวะช้าและเร็วรัวแรงในไม่กี่วินาทีต่อมา แต่หัวใจเจ้ากรรมก็กลับมากระตุกอีกครั้งเเถมเร็วกว่าเดิมอีกสิบเท่า เมื่อเขาซิบเสียงออดอ้อนร้องขอชิดลำคอระหงอีกครั้ง หมายความว่าเขายังไม่ลืมเธอ ไม่สิ ถ้าเป็นความจริงอย่างที่เจ้าของออ้มแขนบอก นั่นแปลว่า....เขาไม่เคยลืมเธอ! หัวใจที่เคยห่อเหี่ยวมานานกลับรู้สึกกระชุ่มกระชวย เพียงเพราะคำกระซิบสารภาพถึงความหลังฝังใจครั้งเก่าเท่านั้นเอง

                “พี่ขออยู่แบบนี้หนึ่งนาทีนะครับ” และหัวใจดวงน้อยของคนในอ้อมเบ่งบานยิ่งกว่าเก่า เมื่อธีร์ภพส่งคำหวานออดอ้อนร้องของคนตัวเล็กอีกครั้ง

                “…..” พิมพ์ภัทรไม่เอ่ยตอบรับหรือปฏิเสธ แต่หญิงสาวทำได้เพียงอิงศีรษะไปด้านหลังพิงกับบ่าแข็งแรงทว่าอบอุ่น มือเล็กนุ่มนิ่มที่ทิ้งข้างลำตัวเมื่อครู่ กลับยกขึ้นมาวางทาบทับบนหลังมือหนาของคนที่กำลังกอดเธออยู่ด้านหลังอย่างแผ่วเบา ดวงตากลมโตหลับนิ่งปล่อยให้น้ำใสอุ่นไหลออกจากเปลือกตาสวยช้าๆ ราวกับอยากหยุดเวลาทุกวินาทีตรงที่มีเพียงเขาและเธอในอ้อมกอดแสนอุ่นของกันและกัน เช่นที่ตัวเธอปรารถนามาตลอด ส่วนธีร์ภพก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก เขากระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น โน้มใบหน้าจุมพิตกลางกระหม่อมบนเรือนผมสลวย ก่อนจะหลับผ่อนปรนปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้เชื่อมประสานกับผู้คนนี้ คนที่เป็นทุกกำลังใจและลมหายใจของเขาเพียงคนเดียว

                “ไหนดูซิ ตาสวยเลอะหมดแล้ว” ธีร์ภพประคองไหล่มนทั้งสองข้างของหญิงสาวให้หันมาเผชิญหน้ากันตรงๆ ก่อนจะใช้หัวแม่มือไล้เช็ดคราบน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นทางอย่างทะนุถนอมสุดหัวใจ ทว่าแววตากลับแพรวพราวคล้ายเจ้าเล่ห์ เมื่อแผนการบางอย่างผุดขึ้นมาในหัว

                “ปากก็ซีดด้วย เดี๋ยวพี่เติมสีให้นะ” จบประโยคธีร์ภพโน้มใบหน้าลงมาประทับริมฝีปากตัวเองลงบนริมฝีปากหวานช้าๆ แต่เนินนานพอที่จะทำให้คนถูกจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว เริ่มกลับมามีสติอีกครั้ง ทว่ามันกลับยิ่งกระตุ้นให้เจ้าของลิ้นร้อนตัดสินใจสอดเข้าไปสำรวจโพลงปากหอมละมุน ตอดรัดหลอกล่อต้อนให้เจ้าตัวเผลอตอบสนองเขาอย่างเงอะงะ มีที่คอยรั้งแผ่นหลังบาง บัดนี้ไล้ขึ้นมาที่ท้ายทอยให้พิมพ์ภัทรเอียงศีรษะให้ได้องศา เพื่อเปิดให้ลิ้นร้ายกาจได้ซอกซอนทำความรู้จักทุกซอกมุมลึกมากขึ้น และเริ่มผ่อนปรนความร้อนแรงให้ช้าลง แต่กลับนุ่มนวลราวกับมีผีเสื้อนับล้านกำลังบินล้อมรอบตัวเขาและเธอ โดยไม่ทันได้ยิ้นเสียงเปิดประตูจากแขกไม่รับเชิญ

                “โอ๊ะโอ อาร์ตเราเจอแจ็คพ็อตแล้วล่ะ” เปรมนิภาสาวร่างสูงเพรียวในชุดนักศึกษารัดรูปตามสมัยนิยมหันไปพูดเสียงแผ่วกับอรรถฐาเพื่อนชายคนสนิท ขณะเบิกตาจ้องมองญาติผู้พี่ที่กำลังจูบดูดดื่มกับชายหนุ่มรูปหล่อ ที่เธอเดาว่าน่าจะเป็นรองประธานบริษัท ตามป้ายหน้าห้องที่ติดไว้

                แต่ช่างน่าสงสารเพราะเธอและเพื่อนสาวยังคงถูกเมินจากคู่รักชายหญิง ซึ่งคนทั้งคู่ยังคงมอบจูบให้แก่กันและกันราวกับว่าโลกใบนี้มีเพียงเขาและเธอ จนกระทั่งหญิสาวต้องกระไอเสียงดังขึ้นเพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนทั้งคู่

                “อะแอ่ม” ได้ผล! เมื่อพิมพ์ภัทรและธีร์ภพผละออกจากกันทันทีด้วยท่าทางเก้อเขิน เมื่อรับรู้ว่ามีแขกอยู่ในห้องทำงานของชายหนุ่มเพิ่มอีกสองคน แถมยังอยู่ในชุดนักศึกษาอีกต่างหาก!

                “แหมๆ ดูดดื่มมว๊าก....อ่ะเจ้” เปรมนิภาพูดไปก็ทำท่าบิดตัวเขินอายไปมา คล้ายกำลังล้อเลียนหญิงสาว แถมยังทำปากจู๋หลับตาราวกับรอจุ๊บจากใครสักคน เรียกสีเรื่อบนแก้มเนียนของผู้เป็นพี่สาวให้สุกปลั่ง จนเจ้าตัวต้องแตะที่ริมฝีปากบวมเจ่อของตัวเองเพราะฤทธิ์จุมพิตเมื่อสักครู่ ส่วนธีร์ภพเองก็รู้สึกเขินไม่น้อย ชายหนุ่มจึงแก้ด้วยการใช้ฝ่ามือลูบที่ท้ายทอย แต่มือหนาอีกข้างยังคงโอบรอบเอวคอดของคนตัวเล็กไม่ห่าง

                “ยัยเปรม! แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่” พิมพ์ภัทรเอ่ยเสียงปราม เมื่อญาติผู้น้องลูกสาวของอายังคงทำหน้าล้อเลียนตัวเองไม่หยุด แต่ที่แปลกใจคือเปรมนิภามาทำอะไรที่บริษัทด้วยชุดนักศึกษาแบบนี้

                “อ้อ คุณลุงให้มาตามท่านรองประธานเข้าประชุมค่ะ แต่เอ่ะ นี่ๆ...กรี้ด! อาจารย์ธีร์สุดหล่อนี่ ใช่จริงๆด้วย” เปรมนิภาบอกเหตุผลกับพี่สาว ก่อนจะร้องกรี้ดลั่นเมื่อคิดออกว่าผู้ชายผิวขาวหน้าตาหล่อเหลาอย่างกับพระเอกเกาหลีตรงหน้านี้คือใคร เขาเป็นอาจารย์ธีร์ภพที่เธอเคยลงเรียนด้วยอยู่หนึ่งคลาส เพราะชายหนุ่มเป็นอาจารย์ขวัญใจของเหล่านักศึกษาสาวๆทั่วมหาวิทยาลัยที่อยากเข้านั่งเรียนมากที่สุด ก็หล่อซะขนาดนี้!

                “ใช่อาจารย์จริงๆด้วย อาจารย์ขา มาทำอะไรที่นี่คะ ดูสิเจ๊ทำเสื้ออาจารย์ยับหมดเลย” ไม่เพียงแต่พูด เปรมนิภายังวิ่งถลาเข้าไปแทรกกลางระหว่างพี่สาวและชายหนุ่ม ก่อนจะเกาะแขนของ    ธีร์ภพแน่น แต่ไม่วายสำรวจตรวจตาพร้อมจัดแจงดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผม ว่าพร้อมจะเข้าร่วมประชุมรึยัง โดยไม่แคร์กับสายตากรุ่นของพิมพ์ภัทรเลยสักนิด

                หึงหวง!

                แม้จะเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่ภาพที่เปรมนิภาในชุดนักสึกษารัดรูปสวมกระโปรงสั้นจุ๊ดกำลังกอดแขนล่ำของคนตัวสูงแนบแน่น แถมยังจับโน่นจับนี่ส่วนต่างๆบนตัวธีร์ภพอีก ทำให้ใบหูของเธออื้ออึงไปหมด บอกตามตรงว่าเธอหวง! ไม่อยากให้ใครหน้าไหนมายื่นเบียดแนบชิดแตะกายของเขาทั้งนั้น นอกจากเธอคนเดียว ก็เพราะญาติผู้น้องสวยน้อยเสียเมื่อไหร่ หญิงสาวอายุยี่สิบเอ็ดรูปร่างแบบบางสูงร้อยเจ็ดสิบ ผิวขาวราวกับน้ำนมหน้าตาจิ้มลิ้มเป็นสเป็คของเหล่าผู้ชายทั้งหลาย ซึ่งต่างกับเธอที่สูงไม่ถึงร้อยหกสิบ ผิวขาวเหลือง แถมอายุก็สามสิบกว่าเข้าไปแล้ว มันช่างต่างกันนัก! แล้วแบบนี้จะไม่ให้เธอหึงได้อย่างไรเล่า แต่ก็อดหน้าร้อนผ่าวไม่ได้ เมื่อคิดถึงสาเหตุว่าอะไรเป็นต้นเหตุให้เสื้อของเขายับย่นแบบนั้น

                “สรุปว่าเธอมาทำอะไรที่นี่ เปรมนิภา!” พี่สาวถามน้องสาวเสียงเขียวอีกครั้ง ใช้นิ้วมือชี้ลากไล่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าว่าแต่งตัวแบบนี้นะหรือมาฝึกงานวันแรก ทั้งที่มันเป็นชุดนักศึกษาแต่มันกลับดูโป้ในสายตาเธอ แถมยังหวาดเสียวเมื่อเปรมนิภาเขย่งปลายเท้าบนส้นสูงเพื่อตรวจดูทรงผมของธีร์ภพ จนกระโปรงที่สั้นอยู่แล้วร่นสูงขึ้นไปอีก

                “โห เจ๊ ทำไมต้องเสียงดังด้วย ตกใจหมด” เปรมนิภาทำท่าเอามือทาบอกตกใจไม่จริงจังนัก ก่อนจะเดินนวยนวดมาหาผู้เป็นพี่อย่างที่พิมพ์ภัทรเรียกว่า กวนประสาทที่สุด! ยัยเด็กแสบ...

                “เอ๊ะ หรือว่าเจ๊หึงเปรมคะ” เปรมนิภายื่นใบหน้าทะเล้นล้อเลียนเข้ามาใกล้พี่สาว แต่ไม่ลืมจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมสวย ที่เธอคิดว่าตัวเองตาไม่ฝาด เพราะเห็นแวววูบไหวปนกรุ่นโกรธไม่พอใจอยู่ในนั้นด้วย

                ทว่าหญิงสาวไม่ถือสาหรอก หากเทียบกับค่าจ้างที่จะได้รับเป็นของขวัญวันรับปริญญาจากลุงระพีแล้ว มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้มเสียอีก รถสปอร์ตคันหรูป้ายแดงยี่ห้อดังราคาสักเท่าไหร่ดีน้า.... ภาพที่อยู่ในหัวส่งผลให้ใบหน้านักศึกษาสาวยิ้มหยาดหวานด้วยประกายความหวัง แต่พิมพ์ภัทรกลับคิดว่ายัยเด็กแสบกำลังคิดอะไรกับพี่ธีร์ของเธออยู่ ยิ่งทำให้ใบหน้าเรียบตึงเมื่อครู่กลายเป็นงอง้ำเสียดื้อๆ จนธีร์ภพอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากขบขันดีใจ ที่ลึกๆแล้วคนรักยังคงมีความหึงหวงในตัวเขาอยู่บ้าง แถมหึงแรงมากอีกต่างหาก!

                “เปล่าสักหน่อย” พิมพ์ภัทรตัดใจโกหกออกไป ใครจะกล้ายอมรับตรงๆล่ะว่าหึงเขาจนควันแทบจะออกหูอยู่แล้ว ก่อนจะกอดอกเชิดหน้าแล้วมองน้องสาวอย่างพิจารณาการแต่งตัวของอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า

                “อะไรเจ๊ อ้อ ก็วันนี้มารายงานตัวเลยต้องใส่ชุดนักศึกษา” เปรมนิภาไขข้อสงสัยให้ญาติผู้พี่ หากพิมพ์ภัทรยังคงจ้องเขม็ง

                “แต่ฉันว่ามันโป้จนจะเห็นแก้มก้นอยู่แล้ว น่าจะใส่ชุดว่ายน้ำมาหรือไม่ก็แก้ผ้าเลยดีกว่า” แต่พิมพ์ภัทรไม่วายแขวะน้องสาว เพราะหญิงสาวรู้สึกว่ามันช่างไม่สุภาพและต่างจากเมื่อครั้งตัวเองเป็นนักศึกษาลิบลับ

                “โห เจ๊แรงอ่ะ โป้ตรงไหนคะ สมัยนี้เขาก็ใส่กันแบบนี้กันทั้งนั้น ใครจะกล้าใส่กระโปรงสุ่มยาวคลุมเท้าเหมือนสมัยสิบปีที่แล้วแบบเจ๊กันล่ะ” เปรมนิภามองชุดที่ตัวเองสวมใส่กระโปรงทรงเอสั้นเลยเข่ามาเพียงคืบ เธอสำรวจก่อนออกจากบ้านอย่างถี่ถ้วนแล้ว ว่ามันไม่ได้สั้นมากนักแถมยังไม่รุ่มร่ามเดินเหินสะดวกอีกด้วย

                “เออๆ ว่าแต่พวกเธอเข้ามาโดยไม่เคาะประตูนี่มีธุระด่วนอะไร”

                “อ๋อ คุณลุงให้มาเชิญท่านรองประธานไปร่วมประชุมด้วย ที่สำคัญพวกเราเคาะประตูสามครั้ง แต่เจ๊กับอาจารย์ธีร์มัวจ๊วบจ๊าบๆกันอยู่ไงเลยไม่ได้ยิน” เปรมนิภาไม่พูดเปล่า ยังทำท่าจุมพิตล้อเลียนทั้งพี่สาวและอาจารย์สุดหล่อให้ได้เขินกันอีกรอบด้วย

                “ครับ เดี๋ยวผมตามไป” คนที่เงียบมานานอย่างธีร์ภพตอบรับคำทันที เพราะกลัวพิมพ์ภัทรจะเขินอายจนทำหน้าไม่ถูกไปมากกว่านี้

                “งั้นพวกเราไปก่อนนะคะอาจารย์ธีร์ขา ไปก่อนนะเจ๊” เปรมนิภาหันไปบอกลาธีร์ภพเสียงหวาน ก่อนจะวกกลับมาลาพี่สาวเสียงเรียบแต่แววตากลับเปล่งประกายทะเล้นแซวชัดเจน

                “ยัยตัวแสบ” พิมพ์ภัทรว่าน้องสาวไม่จริงจังนัก เพราะรู้สึกว่าหน้าของตัวเองมีอาการร้อนผ่าวตามคนล้อ จนต้องยกมือทั้งสองข้างมาทาบแก้มแล้วฉีกยิ้มกว้างแทบปริ ไม่นานก็ต้องอ้าปากเบิกตากว้าง เมื่อเสียงนุ่มทุ้มกระซิบชิดริมหู

                “ไม่เห็นต้องเขินเลย พี่ไม่ได้ขโมยจูบ....ภัทรสักหน่อย” แม้จะเป็นเสียงกระซิบแผ่วเบา แต่มันกลับดังก้องในสมองของเธอ หมายความว่าอะไร ขโมยจูบ! ตายแล้วนี่เขารู้มาตลอดใช่ไหม ว่าเธอเคยแอบจุ๊บเขาตอนหลับบนโซฟาในห้องชมรมสมัยมหาวิทยาลัยนั่น

                “พี่ธีร์....” เสียงของคนถูกเผยความลับจึงแผ่วเบาแทบไม่ได้ยิน

                “ตกใจอะไร พี่รู้ตั้งนานแล้ว” ธีร์ภพยังคงพูดหน้าตายิ้มเปี่ยมสุข ราวกับสนุกสนานกับการได้แกล้งคนตัวเล็กให้ได้อายเล่น

                “พี่ธีร์!!!” ครานี้พิมพ์ภัทรปรามเสียงดัง ที่คนตัวสูงไม่หยุดล้อเสียที

                “โอ๋ๆ เราไปห้องประชุมกันดีกว่าครับ” ธีร์ภพรั้งหญิงสาวเขามากอดปลอบ และไม่ลืมจูบกระหม่อมหนึ่งครั้งเพื่อเป็นการไถ่โทษที่กล้าเผยความลับของเธออุตส่าเก็บมานาน ก่อนที่คนตัวโตจะจับจูงมือคนตัวเล็กให้ก้าวตามกันออกไปนอกห้อง

                หากไม่รู้ว่าเป็นเหตุบังเอิญหรือตั้งใจของใครกันแน่ เมื่อออกเดินเพียงไม่กี่ก้าวของคนทั้งคู่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อชนเข้ากับหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งเพรียวอยู่ในเสื้อผ้าแบรนด์เนมราวกับออกมาจากนิตยสาร

                “ธีร์!/ พราว...” แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมามองก็ต้องเรียกชื่อของอีกฝ่ายออกมาพร้อมกัน ทว่าต่างความรู้สึกกันนัก พราวพัตราเรียกชื่อชายหนุ่มเพราะรู้สึกตื่นเต้นดีใจอย่างยิ่งที่ได้เจอเพื่อนเก่า ธีร์ภพเป็นเพื่อนชายคนแรกที่เธอให้ความสนิทสนม เพราะเขาเป็นคนเรียบร้อยสุภาพที่สำคัญคือเรียนเก่ง ดังนั้นชายหนุ่มจึงคอยช่วยติวหนังสือให้เธออยู่เสมอ

                หากธีร์ภพกลับรู้สึกปั้นหน้าไม่ถูกที่บังเอิญได้เจอกับพราวพัตราที่นี่ แม้อีกฝ่ายจะเพื่อนเรียนสมัยมัธยมต้น แต่คำพูดของมารดาหญิงสาวในอดีตกลับยังฝังลึกลงในจิตใจของเด็กหนุ่มแรกรุ่นมาจนถึงทุกวันนี้ และที่น่าเจ็บใจคือมันยังเป็นเหตุให้เขาเลือกปฏิเสธความรักของพิมพ์ภัทรที่มีต่อเขาด้วย เพียงเพราะคำว่า’ชนชั้นวรรณะ’ สีหน้าและน้ำเสียงที่แสดงออกจึงเป็นเพียงราบเรียบเฉยชาไม่ใส่ใจ จนคนตื่นเต้นได้เจอกันเช่นพราวพัตราถึงกับหุบยิ้มลงฉับ พิมพ์ภัทรเองก็รับรู้ได้ถึงไอเย็นยะเยือกซึ่งแผ่มาจากเจ้าของมือหนา ที่กำลังกุมมือเธอไว้ แต่ก็ต้องร้อนรุ่มในหัวใจเมื่อเธอสังเกตุแววตาของผู้หญิงสูงเพรียวตรงหน้าแล้ว มันคือแววตาของคนที่ใช้มองคนที่ตัวเองรักสุดหัวใจ เทิดทูน และยอมทำทุกอย่างเพื่อให้คนรักพอใจ หรือว่านี่เธอต้องรับสึกสองด้าน ทั้งยัยเปรมนิภาเด็กแสบและยัยนางแบบแม็กกาซี่นนี่ก็ด้วย เฮ้อ...กลุ้ม

                “ธีร์ยังโกรธคุณแม่หรือคะ” น้ำเสียงเจือแววรู้สึกผิดนั้นทำให้ธีร์ภพต้องถอนหายใจหนึ่งเฮือก ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางคล้ายไม่ใส่ใจ

                “มันก็จริงอย่างที่คุณหญิงท่านว่านะ แต่ก็ต้องขอบคุณ เพราะคำพูดในวันนี้ทำให้ผมผลักดันตัวเองจนมายืนอยู่จุดนี้ได้” เขาอดคิดไม่ได้ว่าหากเขาไม่ฮึดสู้ด้วยตัวเองเพราะคำดูถูกมิ่นหยามของมารดาของพราวพัตราในวันนั้น ป่านนี้เขาอาจเป็นเพียงคนไร้การศึกษาคนธรรมดาที่หาเช้ากินค่ำคนหนึ่งก็ได้

                “ฉันก็ไม่ได้รังเกียจอะไรเธอหรอกนะ เพียงแต่ฉันมีลูกสาวเพียงคนเดียว ท่านทูตก็อยากให้ลูกพราวมีเพื่อนและสังคมในแวดวงเดียวกันเท่านั้น ไม่ใช่ลูกตาสีตาสาที่ไหนก็ได้” คุณหญิงพราวพรรณีหยุดสังเกตุกิริยาเด็กหนุ่ม ก่อนจะพูดต่อให้จบเรื่อง

            “เธอจะทำการบ้านกับลูกพราวที่โรงเรียนก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ตามกลับมาติวหนังสือกันต่อที่บ้านหลัง เธอก็น่าจะรู้ว่าแขกของท่านทูตน่ะมาเยี่ยมเยียนไม่ขาด เพราะงั้นฉันกลัวจะเป็นที่สังเกตุเดี๋ยวคนเขาจะเอาไปนินทาได้ ว่าลูกสาวของฉันคบกับเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้า” คุณหญิงพราวพรรณีรู้สึกพอใจที่เห็นเด็กชายธีร์ภพพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็ต้องโมโหเมื่อเจอคำถามไร้เดียงสาจากปากเด็กชาย

            “เป็นเพื่อนกันก็ไม่ได้หรือครับ” เด็กชายธีร์ภพอายุเพียงสิบสามปีถามด้วยความสงสัย ว่าเรื่องชนชั้นวรรณะที่เคยเรียนในหนังสือนั้นมีอยู่ในชีวิตจริงอย่างนั้นหรือ

             “ไม่ได้จ้ะ” คุณหญิงพราวพรรณตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม หากแววตากลับหยามเหยียดคนตรงหน้าอย่างเห็นได้ชัด

            หลังจากนั้นมาความสัมพันธ์ระหว่างเขาและพราวพัตราก็ยุติลงทันที ธีร์ภพไม่ช่วยติวหนังสือให้เธอและไม่มีความคิดที่จะมีเพื่อนผู้หญิงอีกเลย บวกกับเขาต้องย้ายไปเรียนโรงเรียนรัฐบาลชื่อดังเพราะสอบได้ทุนเรียนดี และเป็นจุดเริ่มต้นให้เขาพัฒนาและขวนขวายหาความรู้ใส่ตัวอยู่เสมอจนได้ดีอย่างทุกวันนี้ มันอาจจะเป็นเพียงคำพูดเตือนธรรมดาสำหรับคุณหญิง แต่ในความคิดของเด็กผู้ชายอายุสิบสามปีที่เพิ่งอย่างเข้าสู่วัยรุ่น ณ วันนั้น มันกลายเป็นความทรงจำฝังรากลึก และกลายเป็นแรงผลักดันจนถึงทุกวันนี้ หากกลับไม่มีแม้ความโกรธเกลียดชังต่อมารดาของหญิงสาว

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา