ตราบฟ้าไร้ดาว

5.8

เขียนโดย Kankrao

วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 15.46 น.

  27 ตอน
  2 วิจารณ์
  27.86K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 กันยายน พ.ศ. 2558 16.01 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

20) ในเมื่อหัวใจมักจะเรียกร้อง ๑๐๐%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“แต่บางทีรัตน์ก็เห็นว่าหนูย่ามีความเมตตามากเกินไปและกับคนที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าด้วยค่ะ”

“อ้าว! แล้วคุณไม่ชอบเหรอที่จะได้สะใภ้แบบนี้ หรืออยากจะหาคนขี้งก ขี้เหนียว ขี้บ่น และใจแคบๆ มาแทนล่ะ เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ” สามีเลยแหยให้ แต่เมียรีบทำตาโตใส่ทันที

“อย่าเชียวนะคะ กว่าเราจะหาคนนี้ได้ก็แทบแย่ และกว่าเราจะทำให้ตาร๊อกยอมรับคนนี้ได้ก็แทบตาย ถ้าขืนเปลี่ยนคนอีกรับรองว่าต้องเฟ้นหาอีกหลายปีเลยล่ะค่ะ...”

ยังไม่ทันที่อติรัตน์จะพูดจบ เด็กรับใช้ก็เดินเข้ามาบอกว่ามีแขกมาพบเจ้านายแล้ว ทั้งสองออกจากห้องนั่งเล่นไปยังห้องรับสมุดอันหรูหราที่มีสองหนุ่มในชุดสูทสีดำกับแว่นกันแดดรออยู่ก่อนแล้ว

เพราะเป็นห้องที่มิดชิดกว่าห้องอื่นๆ เด็กรับใช้ก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้ามาในห้องรับแขก และการพูดคุยของทั้งสี่ก็เป็นไปแบบลับๆ นานเป็นชั่วโมง “ผมต้องการคำตอบแม่นยำที่สุด เร็วที่สุดจากพวกคุณ จ่ายเท่าไหร่ไม่อั้นและอย่าให้พลาดเหมือนครั้งก่อนอีกนะ”

ชลธีสัมทับกับหนุ่มตรงหน้าอีกรอบ “แต่สุดท้ายพวกเราก็ทำงานเสร็จไม่ใช่เหรอครับ” หนึ่งในสองหนุ่มแย้งด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจและไม่ยอมแพ้ แม้ลูกค้าตรงหน้าจะเงินหนากระเป๋าหนักยังไงก็ยังขอรักษามาดเข้มๆ เอาไว้ก่อนเป็นดี

“แต่ก็ใช้เวลานานเกินไป ครั้งนี้ผมไม่มีเวลามาก รีบจัดการให้เสร็จก่อนจะถึงวันงานแต่งลูกผม และเรื่องนี้ต้องเก็บเป็นความลับสุดยอดให้ใครรู้ โดยเฉพาะลูกชายผม” ชลธีก็ส่งเสียงเข้มไปหาเช่นกัน ก่อนที่จะปล่อยให้สองหนุ่มออกจากห้องสมุดไปได้

และยังเดินไม่ถึงรถด้วยซ้ำ มือถือของหนึ่งในสองหนุ่มก็ดังขึ้น “ใช่ครับ คุณอยากให้พวกเราสืบอะไร ครับๆ แล้วพบกัน”

ยังไม่ทันจะได้เริ่มงานในมือ งานที่สองก็เข้ามาแทรก และอาจจะตามมาด้วยงานที่สามอีก เมื่อสองพี่น้องในชุดดำไปยังร้านกาแฟเล็กๆ ที่ลูกค้านัดเอาไว้

“ฉันต้องการรู้คำตอบด่วนที่สุดค่ะ สามอาทิตย์พอจะเสร็จทันมั้ยคะ แล้วพวกคุณคิดค่าใช้จ่ายยังไงคะ ต้องมีค่ามัดจำก่อนหรือเปล่าคะ”

ลูกค้าสาวผมยาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนุ่ม ไร้การวางอำนาจบาดใหญ่เหมือนลูกค้าก่อนหน้าคนละเรื่อง และแน่นอนว่าค่าตอบแทนก็จะเป็นคนละเรื่องเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น สองหนุ่มแอบยิ้มในใจเอาไว้แล้ว

ว่างานนี้คงจะกินหมูแน่ๆ “ยังไม่ต้องครับ เราจะคิดตามค่าใช้จ่ายและเวลาที่ใช้จริงครับ ไว้ผมจะแจ้งให้คุณทราบเมื่องานเสร็จ ถ้าไม่มีอะไรมากไปกว่านี้พวกเราขอตัวก่อนนะครับ วันนี้มีงานเข้ามาใหม่สามชิ้นรวด”

“ค่ะ ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ ฉันอยากได้คำตอบจริงๆ และเร็วๆ ด้วยค่ะ”

“รับรองคุณจะไม่ผิดหวังแน่ครับ”

วริญรำไพส่งยิ้มให้สองนักสืบที่อาจจะกำชะตาชีวิตของตัวเอง กับของพี่หินผู้จากไปไว้ในมือแล้ว และแม้จะมีคำตอบจากปากเขาในค่ำคืนนั้นแล้ว แต่ก็อยากจะเพิ่มความมั่นใจให้มากกว่านี้

เพราะความฝันของเขาเมื่อเช้าวันก่อน บวกเข้ากับความบังเอิญในหลายครั้งที่มีระหว่างเขากับพี่หิน รั้งหัวใจให้มีคำถามตามมาร่ำไป ขณะเดียวกันวริญรำไพก็ตระเตรียมใจเอาไว้ให้ความผิดหวังอยู่เกินครึ่ง ถ้าคำตอบที่จะได้จากสองนักสืบเป็นไปอีกทาง

 

“เสียดายจังที่หนูย่าไปด้วยไม่ได้”

อติรัตน์มองลูกชายที่เดินลงบันไดโค้งมน มีไก่หิ้วกระเป๋าเดินทางตามหลัง “คุณแม่ก็รู้ว่าย่าไม่ค่อยว่างเพราะต้องรับงานจากคุณน้านพมาทำต่อ” ชลธิปหันไปหาแม่ที่กำลังจะเดินไปส่งเขาขึ้นรถ

เพื่อไปประชุมที่สวิตเซอร์แลนด์แทนพ่ออีกแล้ว แม้จะสงสัยว่าทำไมพักนี้พ่อถึงไม่ค่อยว่างและให้เขาไปแทนบ่อยนัก แต่ถ้าคิดอีกแง่มุมหนึ่งเขาก็เป็นว่าดีไม่น้อย จะได้ไม่ต้องออกตระเวณแจกการ์ดให้กับผู้ใหญ่

และต้องนั่งรับพรให้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขด้วยทุกครั้งทุกบ้านก็ว่าได้ ทั้งๆ ที่ตอนนี้เขาเริ่มจะไม่แน่ใจแล้ว ว่าก้าวต่อไปกับสาวเพรียบพร้อมอย่างดลยาจะเป็นก้าวที่ตรงกับใจนัก

เพราะยิ่งนับวันที่ได้ใกล้ชิดกับอีกคน ก็ยิ่งคิดว่าก้าวที่พ่อแม่และทุกคนอยากให้เดินไปนั้น จะไม่ใช่ก้าวที่เขาอยากจะยืนอยู่ก็เป็นได้ แต่ก็อยากจะได้ความมั่นใจให้มากกว่านี้ จึงเลือกที่จะไม่พูดอะไรกับพ่อแม่ในตอนนี้

“มัวแต่ทำงานหนักกันทั้งสองคน แต่งกันไปแม่คงอดได้อุ้มหลานเร็วๆ แน่ๆ เลย”

ผู้แม่เอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แม้ในใจจะขุ่นเคืองการกระทำของลูกสักแค่ไหน แต่ผู้เป็นสามีก็สั่งไว้ว่าให้ใจเย็น ให้เงียบไว้ อย่าเพิ่งพูดหรือทำอะไรวู่วาม

จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นมากกว่า และนั่นคือวิธีที่ทั้งสองมักจะใช้กับลูกคนนี้ ให้ก้าวเดินไปตามทิศทางที่วางไว้ให้ ไม่อ่อนจนลูกเหลิง ไม่แข็งจนลูกหนี แต่จะค่อยๆ ดูไป

“เอ่อ! คุณแม่ครับ ผมฝากบอกคนดูแลสวนที่นนท์ทีนะครับ ว่ากลับมาแล้วผมจะไปดู” ส่วนลูกกลับดึงเอางานเข้ามาคั่นกลางเรื่องนี้ไว้

“ที่ว่าจะทำโรงแรมอีกน่ะเหรอจ๊ะ ได้สิแม่จะบอกไว้ งั้นลูกก็พาหนูย่าไปดูด้วยสิ จะได้ช่วยกันคิดว่าจะทำแบบไหน ให้ออกมายังไง พ่อกับแม่จะยกที่แปลงนั้นกับเงินสร้างโรงแรมทั้งหมดให้เป็นของขวัญวันแต่งงานของลูกนะ”

กระนั้นผู้แม่ก็ยังอยากจะแย่บดูทีท่าของลูกว่าจะคิดยังไง เมื่อตัดสินใจเอ่ยเรื่องแต่งงานขึ้นมา แต่ก็เห็นทีท่าสงบนิ่งเหมือนทุกครั้ง สมกับที่ตั้งชื่อ

‘ร๊อก’

ของลูกเท่านั้น “ครับคุณแม่” ลูกเลือกที่จะรับปากไปอย่างนั้น

แต่ครั้นพอกลับจากประชุมและตรวจงานที่ออฟฟิศในสวิตเซอร์แลนด์ที่กินเวลาเป็นอาทิตย์แล้วนั้น วันรุ่งขึ้นเขากลับควบรถออกจากบ้านไปโดยไม่บอกใคร

‘ผมกำลังจะไปดูโลเคชั่นทำตาเบบูญาที่ใหม่ อยากได้มืออาชีพไปเก็บภาพครับ’

‘ค่าเสียเวลาแล้วแต่จะเรียกร้อง สิบนาทีคงพอสำหรับยีนส์ยืดของคุณนะครับ’

‘ผมรออยู่ข้างล่างแล้ว/ร๊อก’

แล้วยิ้มออกมาด้วยสีหน้าของคนเป็นสุข เมื่อข้อความถูกส่งไปแล้ว และเริ่มมองเวลาบนหน้าปัดรถ แม้อีกฝ่ายจะยังไม่ตอบตกลง แต่เขาก็มั่นใจว่าจะไม่ผิดหวัง 

เพราะนับตั้งแต่ค่ำนั้นกระทั่งวันนี้ที่ไม่ได้เห็นกัน เขาก็เฝ้าแต่คิดถึงเธอไม่ว่างเว้นแม้แต่นาทีเดียวก็ว่าได้ แถมยังมั่นใจหรือเชื่อว่า เธอก็น่าจะมีสภาพเดียวกันเป็นแน่

 

วริญรำไพจ้องมองมือถืออย่างชั่งใจ และอยากกดไปหาสองหนุ่มในชุดดำแว่นกันแดดอันโตไม่น้อย เพื่อถามเกี่ยวกับความคืบหน้าของงาน เพราะอยากจะมั่นใจก่อนที่ตัวเองจะก้าวล้ำถลำลึกไปมากกว่านี้

‘ผมรออยู่ข้างล่างแล้วครับ/ร๊อก’

แต่ข้อความจากเขาก็ดังขึ้นมาอีก ด้วยหัวใจรักและคิดถึงพี่หินสุดจะเอ่ย ร่างผอมบางจึงรีบลุกขึ้นไปคว้ายีนส์สีเข้มกับเสื้อยืดสีขาวมาใส่ แล้วลงไปชั้นล่างทันที

“เราจะไปไหนคะ”

พอเข้าไปนั่งในรถได้ก็หันไปถามเขาเป็นเรื่องแรก แล้วหัวใจก็เต้นแรงหนักขึ้นมาอีก เมื่อใบหน้าหล่อเหลามีแว่นกันแดดราคาหลายหมื่นปกปิดดวงตาคมของเขาไว้

“จะไปดูสวนครับ”

แล้วก็เต้นแรงขึ้นอีก เมื่อเขาส่งยิ้มน้อยๆ ให้ขณะตอบ จนต้องรีบหันกลับไปมองข้างหน้า เพื่อหนีอาการว้าวุ่นหัวใจที่มักจะเกิดขึ้นตลอดเวลาได้อยู่ใกล้ชิดกับเขา 

เช้าวันหยุดรถไม่ติดมาก ทำให้ใช้เวลาไม่นานก็ไปถึงสวนผลไม้ ซึ่งเป็นสมบัติตกทอดมาจากปู่กับย่าของชลธิปทันที และด้วยความที่ตระกูลของเขาเป็นตระกูลที่มีลูกน้อย ส่วนใหญ่จะเป็นลูกโทนทั้งนั้น

ที่ทางจึงมีมาก กระจัดกระจายอยู่หลายที่หลายจังหวัด หนึ่งในนั้นก็คือที่นนทบุรี ซึ่งมีเนื้อที่รวมๆ แล้วร้อยสิบไร่เศษๆ และพ่อแม่ของเขาก็ไม่คิดจะขาย เขาเลยอยากจะเอามาต่อยอดด้วยการสร้างโรมแรมแห่งที่สองขึ้นมา

“ขอบคุณครับลุง ไม่มีอะไรแล้วล่ะ ลุงจะทำงานก็ตามสบายครับ ผมขอเดินดูก่อน”

เขาบอกคนสวนที่เพิ่งจะเคยเห็นหน้าครั้งแรกหรืออย่างมากก็สองเท่านั้น ก่อนจะเดินนำร่างผอมบางเข้าไปด้านใน ที่มีทั้งมังคุด ทุเรียน ส้มโอ และอีกสารพัดผลไม้ที่เขาเพิ่งจะมีความคิดว่าจะซื้อผลไม้พวกนี้ไปเข้าโรงแรมที่บางปู จะได้เอาเงินมาไว้เป็นค่าบำรุงรักษาสวน

“ผมอยากจะทำ ตาเบบูญา บางใหญ่การ์เด้นท์ รีโซเทล แอนด์สปา ขึ้นมาอีกแห่ง ในสวนนี้ เก็บต้นไม้พวกนี้เอาไว้ให้ได้มากที่สุด ถ้าไม่จำเป็นก็จะไม่ตัดคุณคิดว่ายังไงบ้างครับ เป็นไอเดียที่เข้าท่าหรือเปล่า”

“ตามคอนเซปต์การ์เด้นท์ รีโซเทลเหรอคะ”

วริญรำไพหันไปหาเขา ขณะก้าวเดินไปด้วยกัน ตามคูน้ำที่มีต้นส้มโอนับร้อยต้น และบนเนื้อที่ที่สูงก็สวนข้างเคียง

“คุณปู่เล็งการณ์ไกล กลัวน้ำจะท่วม เลยถมที่ไว้สูงก่อนค่อยปลูกผลไม้พวกนี้เอาไว้ สวนเราเลยรอดจากน้ำท่วมครับ” ชลธิปอ่านออกว่าคนข้างๆ สงสัยตรงไหน ขณะเดียวกันเขาก็ยื่นมือไปให้มือบางจับระหว่างก้าวข้ามคูน้ำไปอีกฟาก

จากนั้นก็ไม่คิดจะปล่อยมือน้อยๆ เลยแม้แต่วินาทีเดียว ขณะเดินดูรอบๆ และพูดคุยกันด้วยเรื่อง ต้นไม้ ใบหญ้า ไปจนถึงเรื่องการบริหารโรงแรม แล้วตบท้ายด้วยเรื่องถ่ายพรีเวดดิ้ง

“คุณจะให้ฉันถ่ายภาพตรงไหนบ้างคะ”

วริญรำไพเลยคิดขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้เอากล้องในกระเป๋ากางเกงออกมาใช้งานเลย ชลธิปยิ้มเก้อๆ ออกมาเมื่อถูกถาม

 

เว็บขีดเขียน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา