จำนนเสน่หาแบดบอย

3.7

เขียนโดย ศิริพารา

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 21.04 น.

  21 ตอน
  0 วิจารณ์
  19.00K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 22.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

14) จำนนเสน่หาแบดบอย ตอนที่ 7 100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

กรุงเทพมหานคร

ชวนพิศ โชควาณิชย์ เดินเข้ามาในบ้านด้วยความรีบร้อนเมื่อเห็นภาพข่าวในทีวีขนาดใหญ่ซึ่งรายงานถึงการเข้าเทกโอเวอร์กลุ่มบริษัทดับเบิ้ลซี ข่าวดังกล่าวทำให้เธอต้องวางมือจากการเล่นพนันทั้งที่ดวงกำลังดี มือขึ้นตลอดทั้งคืน

“ชินอยู่ไหน ตาชิน... ตาชิน...” ถามถึงลูกชายกับแม่บ้านที่เดินออกมารับหน้าเจ้านาย แต่ยังไม่ทันจะได้ตอบว่าอย่างไร ชวนพิศก็เดินมาเคาะประตูห้องนอนลูกชายหลายๆครั้งติดกัน “ชินเขตออกมาคุยกับแม่เร็วเข้า เห็นข่าวเศรษฐกิจรึยัง?”

“ครับๆ ได้ยินแล้วครับ” ชินเขตขานรับด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ลุกจากที่นอนไปเปิดประตูให้ผู้เป็นแม่จากนั้นก็เดินไปทิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่มอีกครั้ง

ชวนพิศส่ายหน้าอย่างระอาใจพลางเอื้อมมือไปดึงผ้าห่มออกจากร่างของลูกชาย “ตาชิน ตื่นขึ้นมาคุยกับแม่ก่อน เห็นรึยังว่าบริษัทของเราถูกพวกต่างชาติเข้าเทกโอเวอร์แล้ว ลูกจะมานอนอย่างนี้ไม่ได้นะ เอ๊ะ! บอกให้ตื่น...”

“ผมรู้แล้วครับ” ชินเขตต้องชันตัวลุกขึ้นมาตอบด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ “ก็ผมเป็นคนขายหุ้นที่มีไปเองจะไม่รู้ได้ยังไง”

“อะไรนะ?!” ชวนพิศถามด้วยความตกใจ “นะ...นั่นบริษัทที่พ่อของลูกสร้างขึ้นมานะ”

ชินเขตส่ายหน้าเพราะไม่เห็นด้วยกับคำพูดของแม่เท่าไหร่ แต่ยังไม่สามารถบอกเหตุผลทั้งหมดได้ในตอนนี้ “แม่... แม่เชื่อการตัดสินใจของผมนะครับ เชื่อผมว่าผมจะไม่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังเป็นอันขาด ผมจะไม่ลืมคำสุดท้ายที่พ่อสั่งเสียไว้ก่อนตายแน่”

“มันก็ใช่แต่อย่างน้อยก็น่าจะบอกให้แม่ได้เตรียมใจมั่ง”

“ผมก็ตั้งใจจะบอกแหละครับ แต่แม่ไม่กลับบ้านมาสองวันแล้ว”

ชวนพิศมองค้อนลูกชาย ใช่ว่าเธอไม่ไว้ใจลูกชายแต่เหตุการณ์เช่นนี้มันก็ไม่ต่างจากล้มละลายต้องขายหุ้นที่มีให้กับคนอื่นทั้งยังไม่รู้ว่าจะเหลือเงินประทังชีวิตมากน้อยแค่ไหน “แต่ถูกเทกโอเวอร์แบบนี้แล้วเราจะอยู่ต่อไปยังไง อีกไม่นานเราก็ต้องกลายเป็นคนล้มละลาย”

“ไม่มีทาง” ชินเขตโต้กลับทันควัน ทั้งยังพยักหน้าย้ำให้ผู้เป็นแม่ได้มั่นใจ “แม่เชื่อใจผมสิครับ เราจะไม่มีวันจนแน่นอน แม่ใช้ชีวิตแบบเดิมได้สบายมาก เผลอๆเราอาจจะมีเงินในบัญชีมากขึ้นก็ได้”

“ลูกพูดอะไรชินเขต พูดจริงๆใช่ไหม ไม่ได้หลอกแม่ให้ดีใจเล่นนะ” ถามอย่างอยากรู้เมื่อเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของลูกชาย “แปลว่าสิ่งเรารอคอยกำลังจะมาถึงใช่ไหม?”

ชินเขตพยักหน้ารับช้าๆและต้องหัวเราะอย่างผู้ชนะเมื่อเห็นแม่ยิ้มอย่างมีความสุข ดึงตนเข้าสู่อ้อมกอดและระดมจูบทั่วใบหน้า ทั้งดีใจและภาคภูมิใจ “เกมนี้มันไม่จบง่ายๆหรอกครับ แม่รู้รึเปล่าว่าเพลงเป็นแค่เด็กกำพร้าคนหนึ่งที่พวกสิริสกุลเก็บมาเลี้ยง”

“อะไรนะ?” ชวนพิศถามเสียงสูงเป็นรอบที่สองในเวลาติดๆกัน หากคำพูดหนักแน่นของลูกชายก็ทำให้เธอไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

“จริงๆครับ ผมก็เพิ่งรู้เมื่อวานนี้เอง” ชินเขตเพิ่งมีโอกาสได้เห็นสำเนาทะเบียนบ้าน ซึ่งระบุไว้อย่างชัดเจนว่าพิลาสินีเป็นบุตรบุญธรรมของเจ้าสัวสันต์และคุณนายใหญ่ผู้ล่วงลับแห่งบ้านสิริสกุล

“หน็อย... พวกมันบังอาจย้อมแมวส่งลูกเลี้ยงมาให้พวกเราอย่างนั้นเหรอ เดี๋ยวแม่จะไปเอาเรื่องเจ้าสัวสันต์เอง” บอกพร้อมจะผละจากร่างของลูกชายแต่ถูกรั้งไว้เสียก่อน

“ไม่ต้องครับแม่ ให้พวกนั้นคิดว่าเราโง่แล้วมีความเป็นอยู่อย่างลำบากน่ะดีแล้ว เพราะอีกไม่นานสิริแอทเซทต้องย่อยยับ ไว้เราค่อยไปเหยียบพวกมันซ้ำ เอาให้มิดธรณีครั้งเดียวเลยดีกว่า” บอกอย่างลำพองใจ

ทั้งที่ใจจริงแล้วอยากจะไปอาละวาดที่เอาลูกเลี้ยงมาตบแต่งกับลูกชายของตน “แม่จะเชื่อลูกก็แล้วกัน แต่คิดๆดูแล้วมันน่าเจ็บใจ เอาผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างนั้นมาแต่งงานกับลูกชายแม่ได้ยังไง นี่ดีนะไม่มีลูกมีเต้าด้วยกัน”

“ไม่มีวันหรอกครับ” ชินเขตตอบกลับอย่างลืมตัว

“หมายความว่ายังไง” ถามอย่างประหลาดใจ

“อะ...เอ่อ ผมหมายถึงโชคคงเข้าข้างเราที่ไม่ให้ผมมีลูกกับเพลง”

ชวนพิศพยักหน้ารับกับคำบอกกล่าวของลูกชายแต่ก็อดเจ็บใจไม่ได้ “แต่แม่เจ็บใจ มันหลอกเราได้ตั้งหลายปี”

“ความจริงก็ผิดที่ผมเองครับ ไม่ได้ใส่ใจอะไรในตัวเพลงเลยไม่สนใจที่จะดูกระทั่งเอกสารต่างๆ ทั้งที่มันก็ไม่ได้เป็นความลับอะไร ตัวเพลงเองก็เหมือนจะเข้าใจว่าผมรู้อยู่แล้ว แต่แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมไม่ปล่อยให้มาลูบคมได้ง่ายๆแบบนี้หรอก ทุกอย่างมันต้องมีบทเรียน” บอกแล้วยิ้มเย็นยะเยือกกับแผนการล่าสุดนี้ หากเสียงโทรศัพท์ที่กรีดร้องขึ้นก็ทำให้ชินเขตเอี้ยวตัวไปหยิบเครื่องมือสื่อสารที่สอดไว้ใต้หมอน และเลื่อนรับสายเมื่อเห็นว่าอินทุอรเป็นผู้ติดต่อเข้ามา “ว่าไงอิน... โทรฯมาแต่เช้าเลย”

“ฉันได้กลิ่นไม่ดีบางอย่าง”

เสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลใจของคู่ขาทำให้ชินเขตขมวดคิ้วแทบเป็นเส้นตรง “อะไร รีบพูดมา”

“เปิดตลาดวันนี้ผ่านไปแค่สองชั่วโมง หุ้นของสิริแอทเซทกระเตื้องขึ้นมาสามจุด” อินทุอรรายงานเจ้านายซึ่งเป็นคนรักของเธอด้วยน้ำเสียงกังวลใจ แต่คนฟังกลับตอบมาด้วยน้ำเสียงติดรำคาญใจ

“นึกว่าเรื่องคอขาดบาดตายอะไร ก็แค่การซื้อ-ขายนิดๆหน่อย หรือไม่ก็เป็นเพราะข่าวต่างชาติเทกโอเวอร์ดับเบิ้ลซี แล้วคิดว่าจะลามมาเทกโอเวอร์สิริแอทเซทด้วยเลยช้อนซื้อตอนที่ราคาตกหวังทำกำไรระยะสั้นรึเปล่า เอาให้มันติดบวกขึ้นมาก่อนแล้วกันค่อยทำเสียงตกใจแบบนี้” ชินเขตบอก

“มันอาจจะเป็นอย่างนั้นถ้าการซื้อขายนั้นไม่ได้ผ่านโบรกเกอร์... คุณรู้ใช่ไหมคะว่าใครที่ใช้บริการโบรกเกอร์... บ้าง”

ใครบ้างไม่รู้ว่าพ่อมดทางการเงินแห่งยุโรปใช้บริการโบรกเกอร์ชื่อดังนี้มาหลายปีแล้ว สมองของชินเขตทำงานอย่างหนักเพราะไม่สามารถคาดเดาเส้นทางเหล่านี้ให้เชื่อมโยงกันได้

อินทุอรถามและเอ่ยต่อเมื่อปลายสายเงียบกริบ “คุณรู้ไหมคะว่าคุณเพลงเดินทางไปสวีเดนหลังจากที่มาเห็นเราในคืนนี้แค่วันเดียว แล้วคุณก็รู้ด้วยใช่ไหมว่ามิสเตอร์ลินเนอุส คอนราดสัน อยู่ที่สตอกโฮล์ม”

“ไม่ใช่... ไม่มีทางหรอก... ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงทำไมผมจะไม่รู้ว่าเพลงรู้จักกับนักลงทุนระดับนั้น” ชินเขตครางออกมาอย่างไม่เชื่อ

“ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณเพลง คุณไม่รู้อะไรเลยนะคะ ดูอย่างเรื่องทะเบียนบ้านเป็นไร อย่าลืมว่าคุณเพิ่งรู้ว่าเธอเป็นลูกเก็บมาเลี้ยง”

คำพูดของอินทุอรทำให้ชินเขตชาวาบไปทั้งร่างและบอกกับตัวเองว่าไม่มีทางเป็นเช่นนั้นแน่ “คุณมารับผมที่บ้านด้วยนะ เราต้องรู้เรื่องนี้ให้ได้”

ชวนพิศมองลูกชายที่หน้าถอดสี ตัดสายโทรศัพท์แล้วยังกลอกสายตาไปมาอย่างคนใช้ความคิดอย่างหนักจึงรีบถามด้วยน้ำเสียงร้อนใจไม่แพ้ท่าทางนั้น “เกิดเรื่องอะไรขึ้นตาชิน มีอะไรผิดพลาดรึเปล่า ตาชิน... ชินเขตได้ยินที่แม่ถามไหม”

คนที่กำลังกังวลใจอย่างหนักส่ายหน้าเร็วๆ ตอบอย่างให้กำลังใจแม่และตัวเองไปพร้อมๆกัน “ไม่มีอะไรครับ มันอาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ คนอย่างเพลงไม่มีทางไปรู้จักกับนักลงทุนระดับโลกได้”

“หวังว่ามันคงไม่ใช่แมวเก้าชีวิต ตายแล้วฟื้นคืนชีพใหม่ได้เรื่อยๆหรอกนะ” ถามพร้อมมองลูกชายอย่างระมัดระวัง

“ไม่มีทางครับ มันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ” ชินเขตบอกพลางผลุนผันลุกจากที่นอนนุ่ม “แม่จะพักผ่อนหรือไปบ่อนครับ ถ้าจะไปบ่อนก็ออกไปพร้อมกันเลย เดี๋ยวผมจะแวะไปส่ง”

ชวนพิศได้ยินเช่นนั้นก็ทำตาโตแต่คงเป็นการไม่ควรหากจะขลุกอยู่ในบ่อนพนันทั้งที่ลูกชายมีเรื่องร้อนใจเช่นนี้ จึงกระอ้อมกระแอ้มออกมาอย่างไม่เต็มเสียงนัก “ไม่ดีมั้งจ๊ะ ลูกต้องทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตแล้วแม่...”

“โธ่... แม่ครับ ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าให้แม่ใช้ชีวิตได้เหมือนปกติ ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นหน้าที่ของผม” ชินเขตบอกพลางประคองร่างของผู้เป็นแม่ให้ลุกขึ้นแล้วเดินไปส่งยังหน้าห้อง “อาบน้ำแล้วทานข้าวสักหน่อย เดี๋ยวค่อยออกไปพร้อมกันนะครับ”

ชวนพิศยิ้มไม่หุบเมื่อลูกชายเพียงคนเดียวเข้าอกเข้าใจตนถึงเพียงนี้ และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็มั่นใจว่าลูกชายที่มีความสามารถรอบด้านนี้จะพาเธอบรรลุถึงแผนการที่วางเอาไว้เป็นอย่างดี ความย่อยยับของสิริแอทเซทที่กำลังจะมาเยือนในไม่ช้านี้ก็การันตีความสามารถของลูกชายเธอได้เป็นอย่างดีแล้ว

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา