อุ่นรัก ที่พักใจ

10.0

เขียนโดย อาบตะวัน

วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 18.47 น.

  2 ตอน
  0 วิจารณ์
  4,124 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558 18.55 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) เมืองในสายหมอก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          รถตู้สีขาวอมเทาวิ่งอย่างอดทนแข่งกับต้นไม้สายหมอกและความมืดเข้าสู่ เมืองแห่งเทพนิยายชายทุ่ง...ที่ส่งกลิ่นหอมของยอดหญ้าและไอหมอกยามค่ำคืน รถตู้จอดสนิทที่หน้าสำนักงานรีสอร์ทแห่งหนึ่งในเมืองปายผู้ลงมาต้อนรับแขกในยามวิกาล เป็นสาวประเภทสองรุ่นใหญ่ สวมชุดนอนผ้าสำลียาวกรอมเท้ามีหมวกไหมพรมถักสีชมพูสดสวมบนศีรษะ สวมถุงมือถุงเท้า และพันผ้าห่มสีขาวไว้รอบตัวดูเผิน ๆ เหมือนหมีตัวใหญ่ที่สวมหมวกสีสวยไว้ล่อใจเด็ก ๆ แถวหน้าสวนสัตว์ “สวัสดีครับเจ๊นก” ชลรีบยกมือไหว้ทันที ที่โดดลงจากรถ ดูเหมือนเสื้อแจ็คเก็ตเพียงตัวเดียวจะช่วยป้องกันความหนาวให้เขาได้ไม่พอ ชลจึงยืนกอดอกตัวสั่นจนเจ๊นกสังเกตได้ “ตายจริง รีบเข้าบ้านกันเถอะเดี๋ยวจะเป็นไข้กันไปหมด”

          สตรีร่างใหญ่ว่าพลางเรียกหลานชายออกมาช่วยยกกระเป๋าเด็กหนุ่มผอมสูงเดินงัวเงียออกมาจากบ้าน แต่ทว่าช่วยยกสัมภาระต่าง ๆอย่างเต็มอกเต็มใจ ทันทีที่ก้าวเข้าไปในบ้าน 2 ชั้น สีอิฐรูปทรงแปลกตา ความอบอุ่นก็แผ่ซ่านทั่วร่างกาย สายหมอกมองดูไฟที่ลุกโชติช่วงในเตาผิงแบบบ้านฝรั่งนั้นอย่างชอบใจ “เป็นยังไงบ้างจ๊ะเหนื่อยมั้ย” เจ๊นก แตะบ่าหญิงสาวพลางทักทายเบา ๆ สายหมอกยกมือไหว้ “”หนาวล่ะสิ””

          เจ๊นกยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าซีดปากขาวของหญิงสาว “ “ขึ้นไปพักผ่อนข้างบนเถอะพรุ่งนี้ถ้าพวกเด็ก ๆมาทำงานเจ๊จะเปิดบ้านให้พักกัน””

          สายหมอกเดินผ่านนาฬิกาโบราณเรือนใหญ่ข้างบันไดที่บอกเวลาตีสองอย่างเหนื่อยอ่อนอากาศเริ่มเย็นจัดเมื่อเดินทางเข้าสู่เขตภาคเหนือตอนบนหนทางคดเคี้ยวที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกมืดมัว ทำให้ทุกคนในรถไม่กล้าหลับคอยบอกทางช่วยชลตลอดระยะทางที่ผ่านมา …. เมื่อสายหมอกเปิดประตูห้องพบกับฟูกปูนอนกับพื้นไม้วางเรียงรายแต่ละผืนมีหมอนใบใหญ่สีขาว และผ้าห่มหนานุ่มพับซ้อนกันกองโตหญิงสาวก็รู้สึกเหมือนแบตเตอรี่ในร่างกายหมดลง                                                  ..............     กลิ่นข้าวต้มร้อนๆ โชยมาจากในครัว           หอมกลิ่นกระเทียมเจียวแตะจมูก สายหมอกลืมตาพลางลุกขึ้นจากที่นอนหันมองข้าง ๆ ตัว นรีกับม่านฝน ยังนอนขดอยู่ในผ้าห่มผืนใหญ่หญิงสาวขยับตัวใกล้หน้าต่าง เปิดผ้าม่านออกดู ภาพทิวทัศน์ตรงหน้าสวยงามเกินจะบรรยายภูเขาสีเขียวสูงใหญ่ ตั้งตระหง่านทับซ้อนกันอยู่เบื้องหน้า ปกคลุมด้วยหมอกสีขาวพราวระยับจับตา แสงแดดยามเช้าราวกับอยู่ในสรวงสวรรค์ที่ตั้งเรียงรายท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียวขจี และสวนดอกไม้หลากสีนั้นเป็นกระท่อมไม้หลังเล็ก ๆ ที่หน้าตาเหมือนกัน ราว 20 กว่าหลัง      ใครบางคนกำลังปั่นจักรยานจากเนินเขาลูกเล็กลัดเลาะมาตามเส้นทางระหว่างกระท่อมนั้น

 

          ไปหาอะไรกินดีกว่า” หญิงสาวเก็บผ้าห่มคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ ที่ระเบียงหน้าห้องสำนักงานบนเก้าอี้หวายตัวใหญ่ข้างกระถางดอกกุหลาบหนูสีชมพู  เจ๊นกอยู่ในชุดขนสัตว์สีขาวนั่งจิบกาแฟตามลำพัง เมื่อเงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์ หล่อนจึงพบกับ สายหมอกที่กำลังเดินลงจากบันไดมาพอดี “อ้าว !ตื่นแล้วหรือจ๊ะ เป็นยังไงบ้างหลับสบายดีมั้ย”  หล่อนเชื้อเชิญให้หญิงสาวนั่งด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “กาแฟหรือข้าวต้มดีจ๊ะ”“ขอเป็นข้าวต้มก็แล้วกันค่ะ” สายหมอกยิ้มขณะที่นั่งลงใกล้ ๆ เจ๊นก พลางขยับเสื้อแจ๊คเก็ตให้กระชับ อากาศยามเช้าที่นี่ถึงขั้นยะเยือกอย่างที่นรีว่าจริง ๆ ““ดูตาชลสิ ขนาดขับรถมาซะดึกดื่นยังมีแรงมาปั่นจักรยานตอนเช้าได้ นี่ยังมาชวนเจ้าคิมไปถ่ายรูปที่ท้ายไร่ด้วยนะ”” เจ๊นกเล่าอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นหญิงสาวทำหน้าฉงนจึงอธิบายต่อ ““คิม....คิมหันต์หลานเจ๊ที่มาช่วยยกกระเป๋าเมื่อคืนไงจ๊ะ”” สายหมอกนึกถึงผู้ชายผอมสูงหน้าตางัวเงียที่มาช่วยขน ‘สัมภารก’ต่าง ๆ ของพวกเธออย่างแข็งขันเมื่อคืนนี้แล้วยิ้ม ““อ๋อ..พอนึกออกแล้วค่ะหลานชายเจ๊หรือคะ””““จ๊ะ...หนู..”

 

”           เจ๊นกเลิกคิ้ว ““หมอกค่ะ””“จ๊ะ...หนูหมอกอายุเท่าไหร่แล้วจ๊ะ”“23 ปี ค่ะ”

 

“          โอ้ ! พอ ๆกับตาคิมนั่นล่ะ เจ๊เดาแล้วเชียว ทำงานกับชลเหมือนกันเหรอ” สายหมอกยิ้มพลางขยับแขนให้หญิงแม่บ้านวางชามข้าวต้มลงตรงหน้า “เปล่าค่ะหมอกเป็นน้องสาวของพี่ม่าน คอลัมนิสต์ของพี่ชลน่ะค่ะ” เจ๊นกตบมือหัวเราะเสียงดัง “ต๊าย ! น้องยัยม่านหรือเนี่ย ตายจริง ! ขอโทษนะจ๊ะไม่เหมือนกันเลยนะ พี่สาวเราเซี้ยวน่าดูเชียว ...

          "ปีก่อนมา…….หลอกเจ๊เมาเต้นหน้าเตาผิงยันสว่างเลย”"

           เจ๊นกหัวเราะจนอกกระเพื่อมสายหมอกยิ้มตามพลางตักข้าวต้มทานแก้หนาว “

          "ไม่ใช่คนอื่นคนไกลเลยนะเจ๊รักยัยม่านเหมือนน้องแท้ ๆ เลย หนูหมอกก็เหมือนกันนะจ๊ะ อย่าได้เกรงใจเจ๊อยากได้อะไร...บอก...เดี๋ยวเจ๊จัดให้”"

          อยากได้งานทำค่ะ... สายหมอกคิดในใจแต่ยังไม่กล้าพูดหล่อนกวาดสายตามองรีสอร์ทอย่างชื่นชม “

          "รีสอร์ทนี้เจ๊นกบริหารเองทั้งมดเลยเหรอคะ"

          "อืม.. คล้าย ๆ ธุรกิจกงสีน่ะจ้ะ อีกครึ่งเป็นของพี่ชายเจ๊ ... พ่อเจ้าคิมน่ะ”"

          เจ๊นกลดเสียงลงเป็นกระซิบเบาๆ “

          "แต่พ่อเจ้าคิมเสียไปแล้วนะ"

”           หญิงสาวพยักหน้าฟังอย่างตั้งใจเจ๊นกจิบกาแฟ “

          "เจ๊ กับแม่เจ้าคิมก็ต้องช่วยดูแลกันไปเหนื่อยแต่สนุก”"

          เสียงหัวเราะของชายหนุ่มดังมาจากบันไดใต้ถุนบ้าน ชลกับ คิมหันต์นั่นเอง “

          "หิว ... หิวเจ๊ครับขอข้าวกินหน่อย”"

          ชลถอดหมวกไหมพรมออกนั่งข้างเจ๊นกอย่างประจบนี่ถ้าม่านฝนอยู่คงถูกแขวะ เป็นเฒ่าทารกโดยไม่ต้องสงสัย “

          "มีแต่ข้าวต้มกุ้งนะ กินมั้ย”"

          ชลพยักหน้า เจ๊นกจึงหันไปทางคิมหันต์ “

          "ไปตักมาให้พี่เค้าหน่อยเถอะเผื่อตัวเองด้วย...ถ้าจะกิน”"

          คิมหันต์พยักหน้ารับยิ้ม ๆ พลางเหลือบตามองสายหมอกนิดหนึ่ง  ก่อนที่เสียงก๊อกแก๊กที่หน้าต่างชั้น 2 จะดึงสายตาเขาไปแทน หน้าตายู่ยี่มัวขี้ตาของม่านฝนที่โผล่ลอดจากโปงผ้านวมก็ปรากฎขึ้นที่ขอบหน้าต่าง  “

          "มีอะไรยัยม่านถ้ายังไม่คิดจะตื่นก็ไม่ต้องละเมอมาเล่นผีผ้าห่มแต่เช้าหรอกนะ”"

          ชลดักคอแต่ม่านฝนกลับชูบางสิ่งขึ้นมา “

          "รำคาญเสียงมือถือยัยหมอกสงสัยอีตาวายุโทรมาแน่ ๆ เอาไป"

“           โดยไม่คาดคิดม่านฝนโยนโทรศัพท์มือถือลงมาจากชั้น 2 จริง ๆ สายหมอกตาถลน

“          "กรี๊ด !พี่ม่าน...”"

          ตุ๊บ !

          โทรศัพท์ตกลงมาในมือคิมหันต์ผู้ซึ่งยืนตรงตำแหน่งเดียวกับหน้าต่างพอดี ท่ามกลางความโล่งอกของทุกคนโดยเฉพาะสายหมอกที่รับโทรศัพท์จากคิมหันต์มาไว้แนบอก “

          "พี่ม่านบ้า... เกิดพังขึ้นมาไม่มีตังค์ซื้อใหม่แล้วนะเนี่ย”“"

          "ยัยม่านนี่บ้าบิ่นจริง ๆ เลยถ้าพังก็ให้ซื้อใหม่ให้เลยนะหมอก…”"

           ชลว่า สีหน้าไม่พอใจแทนหมอกซึ่งยิ้มเจื่อน ๆ ม่านฝนไม่ชอบวายุสายหมอกรู้ดี...หญิงสาวเหลือบดูที่หน้าจอมือถือ “2 สายไม่ได้รับ” สายหมอกขอตัวออกจากวงสนทนาของเจ๊นก และชลโดยเดินเลี่ยงออกจากตัวบ้านสำนักงานเพื่อหาสถานที่เงียบ ๆ โทรกลับไปหาวายุหญิงสาวยิ้มน้อย ๆ รู้สึกดีใจที่เขาโทรมา...

“          "พี่วายุ...หมอกนะคะ”"

          หญิงสาวกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ น้ำเสียงแสดงความตื่นเต้นดีใจที่ตอบกลับมาช่างความหมายต่อหล่อนเสียเหลือเกิน

          "“หมอก...เป็นไงบ้างพี่ว่าจะโทรหาตั้งแต่วันก่อน แต่ก็ไม่ว่างเลย ขอโทษนะจ๊ะเที่ยวสนุกมั้ย”“"

          "สนุกค่ะ งานเสร็จรึยัง”"

           สายหมอกตอบกลับพลางย้อนถาม สายตาเหม่อมองไปยังทุ่งหญ้าท้ายไร่อย่างเป็นสุข “

          "เสร็จแล้วจ้ะ คิดถึงหมอกจังจะกลับมาเมื่อไหร่จ๊ะ”"

          หญิงสาวหัวเราะ “

          "หมอกเพิ่งมาถึงนะคะยังไม่มีกำหนดกลับหรอกค่ะ พี่ม่านยังไม่ตื่นมาทำอะไรเลย”"

          เสียงปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง

“          "พี่ว่า ... จะลาพักร้อนซัก 5 วันพาหมอกไปเที่ยว”"

           สายหมอกทำตาโต “

          "จริงหรือคะ...เมื่อไหร่คะ”"

           ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ “

          "พี่จะรอหมอกกลับมาก็แล้วกัน”"

          หลังจากวางสายจากชายหนุ่มสายหมอกนั่งลงใต้ต้นหูกวางบนเชิงเขา อย่างอารมณ์ดีนานมาแล้วที่เธอไม่เคยรู้สึกดีต่อความรักอย่างนี้ วายุคงจะรู้สึกสงสารหรือคิดถึงเธอขึ้นมาบ้างจึงได้คิดชวนเธอไปเที่ยว…..สายหมอกหลับตาพิงต้นหูกวางคิดถึงความสุขที่เธอจะได้รับทันทีที่กลับถึงบ้าน…     

          ยามสาย…อากาศอุ่นขึ้นมากแสงแดดเจิดจ้ากลางไร่ ยิ่งเพิ่มความสดใสให้กับทุ่งหญ้าและสวนดอกไม้ท้องฟ้าโปร่งไร้เมฆ แขกที่พักในรีสอร์ทเริ่มออกมาถ่ายรูป ปั่นจักรยานบ้างก็จูงมือกันออกมาชมสวน นรีกับม่านฝนในชุดเสื้อยืดแขนยาวกับกางเกงวอร์มเดินอย่างสบายอารมณ์ขึ้นมาบนเนินเขาลูกเล็กที่สายหมอกนั่งอยู่ในมือถือถ้วยนมที่กรุ่นด้วยไอร้อน

“          "มานั่งชมวิวอะไรตรงนี้จ๊ะ..น้องหมอก”"

    นรีร้องทักหย่อนตัวลงนั่งใกล้ ๆ สายหมอก ลมเย็นเอื่อย ๆ  พัดพาเอากลิ่นไอหมอกต้องจมูกสายหมอกปัดเศษใบไม้ออกจากสนามหญ้าให้สองสาวนั่งด้วย “

          "ไม่ทานข้าวกันหรือคะพี่นรี พี่ม่าน”“"

          "ก็กินเสร็จเลยมาหาแกเนี่ย”"

          ม่านฝนตอบ  หรี่ตามองน้องสาว “

          "ไง…นายวายุโทรมาว่าไงบ้าง”“"

          "เค้าบอกว่าจะพาหมอกเที่ยวช่วงหยุดพักร้อนน่ะค่ะ”"

          สายหมอกตอบอ้อมแอ้มม่านฝนทำหน้าไม่เชื่อ “

          "นายวายุเนี่ยนะ!  โม้รึเปล่า..”"

“          "จริงๆ ค่ะพี่ม่าน หมอกยังไม่อยากเชื่อเหมือนกัน แต่พี่วายุบอกอย่างนั้นจริง ๆ”"

          ม่านฝนแบะปาก “

          "สงสัยทำอะไรผิดมาแล้วกลัวแกจับได้มั้ง..เลยทำดีกลบเกลื่อน…...โอ๊ย"

“           นรีหยิกเข้าที่ข้างเอวเพื่อนรักจิกสายตาใส่เป็นเชิงตำหนิ “

          "แหมแก..ใครมันจะเจตนาชั่วระยะยาวขนาดนั้น…เนอะ..น้อง..อุ๊ย”"

          นรีชะงักเมื่อเห็นสีหน้าที่แย่กว่าเดิมของน้องสาวเพื่อนจึงรีบกลบเกลื่อนสถานการณ์ “

          "เออะ..เออ..เอาน่ะๆ เราไปปั่นจักรยานเล่นกันดีกว่า เมื่อกี๊เจ๊นกให้คิมเตรียมรถจักรยานเผื่อพวกเราด้วย”"

          หญิงสาวฉุดม่านฝนให้ลุกตามและสะกิดไหล่สายหมอกเบา ๆ

          "“ป่ะ น้องหมอกไปเที่ยวกัน”"

          สายหมอกยิ้มพลางลุกขึ้นเดินตามหัวใจที่พองโตคับอกเมื่อครู่ห่อเหี่ยวลงไปมากนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอถูกม่านฝนดักคอ และไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดทุกเรื่องที่ม่านฝนเดาเกี่ยวกับวายุ ..มักจะถูกต้องเสมอ   ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย..ที่จะทำให้ม่านฝนพอใจวายุ เพราะตลอด 2 ปีที่คบกันเขาขยันสร้างแต่ความเสียใจให้กับเธอมาโดยตลอด “แกจะไปคบกับมันทำไม๊..ยัยหมอกคนพันธุ์นั้นไม่เหมาะที่จะดูแลใครได้หรอก”

          ม่านฝนเคยปลอบใจในวันเกิดครบรอบ 22 ปีของเธอ ที่วายุสัญญาว่าจะมาร่วมอวยพร..แต่สุดท้ายเขากลับไปเล่นสนุ้กเกอร์กับเพื่อนที่ออฟฟิศจนลืมเธอเสียสนิท “

          "จริง ๆถ้าแกเลิกกับมันไป ก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตแย่ลงเลยนะ ..อาจจะดีขึ้นด้วยซ้ำ”"

          พอสายหมอกเริ่มคล้อยตาม และตั้งใจจะบอกเลิกเขาก็มาพบเธอพร้อมกับของขวัญสุดพิเศษและข้อความอ่อนหวานที่ทำให้เธอล้มเลิกความคิดเหล่านั้นไปเสียสิ้น

          "“ถ้าที่ปายนี่มีอะไรที่กินแล้วตาสว่างพี่จะหามาให้แก…...หมอก”"

          เสียงม่านฝนลอยมาตามสายลม  มีนรีคอยกระตุกแขนตามเป็นระยะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา