News คนขายข่าว

-

เขียนโดย lion

วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 14.38 น.

  5 บท
  0 วิจารณ์
  6,545 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558 14.50 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) กฎข้อแรกพนักงานขายข่าวต้องมีความอดทน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

กฎข้อแรกพนักงานขายข่าวต้องมีความอดทน

 

                เดอาตื่นมาตอนตีห้าพอดีเป๊ะเพราะความเคยชิน หลังจากอาบน้ำแต่งตัวแล้วเธอก็แต่งหน้า ไม่ใช่แต่งเพื่อความสวยงามแต่แต่งเพื่อแอบซ่อนตัวตน ดินน้ำมันถูกปั้นเป็นก้อนกลมแปะทั่วใบหน้าเนียนต่างหัวสิว บางครั้งเธอก็ต้องจดจำตำแหน่งของมันเพราะเคยมีวันหนึ่งที่เธอเคยติดสิวผิดตำแหน่งแล้วโดนทักเข้าโดยคนที่สังเกตเธอ

 

                แล้วก็ดันมีวันหนึ่งที่เธอติดสิวตำแหน่งนั้นอยู่นานแล้วก็โดนทักเข้าจากคนที่สังเกตเธอเช่นกัน หน้ากากอนามัยถูกสวมทับริมฝีปากเพื่อปิดรอยคล้ำ แว่นตาที่ออกแบบมาให้คล้ายกับแว่นสายตาของจริงที่สุดถูกดันให้เข้าที่บนสันจมูก มอเตอร์ไซค์คันเดิมถูกบิดเร่งความเร็วจนสุด เพราะยังเช้าอยู่ตามถนนจึงมีรถอยู่บ้างประปราย แล้วที่ไม่ให้เธอปกเป็นเป้าสายตาคนอื่นในกรณีที่มีเด็กเนิร์ดขับมอเตอร์ไซค์ก็เห็นจะเป็นหมวกกันน็อคสีดำใบเดิมนั่นแหละ

 

                สวนหลังมหาวิทยาลัยที่ยังไม่ถูกถางต้นไม้ออกหมดเป็นที่ซ่อนชั้นดีของรถคันนี้ อันที่จริงคนในสังกัดเดียวกันกับเธอก็เรียนที่นี่เหมือนกันถึงจะแค่สองสามคนก็เถอะ แต่ส่วนใหญ่หาได้เนิร์ดไม่พวกเขาก็เป็นนักเลงบ้าง อันธพาลบ้าง ไปจนถึงนักเรียนดีเด่นนู่นเลย

 

                “อ้าวเดอามาแต่เช้าเชียวนะ” พูดถึงก็มาพอดี เดฟ คนในองค์กรที่อยู่ในรูปของนักเรียนดี เธอเคยถามเหตุผลเหมือนกันเขาก็แค่บอกว่าอยากเป็นตัวของตัวเอง ดูเหมือนตัวของนายจะไม่เหมาะกับงานนี้เท่าไหร่นะ หญิงสาวคิดแบบนั้นแล้วผวาทุกทีที่เจอกันโดยบังเอิญ

 

                “อื้อ...” เธอเงียบไปอีกสักพักก่อนเอ่ย “มาตรวจความเรียบร้อยเหรอ”                                         

 

                “ใช่ พอดีช่วงนี้ใกล้สอบแล้วก็เลยมีคนยืมหนังสือจากห้องสมุดไปอ่านน่ะ” เดอาสังเกตเห็นรอยคล้ำจางๆ ใต้ตาของอีกฝ่าย

 

                “แล้วก็ไม่คืนสินะ” หญิงสาวพูดติดตลก

 

                “อือ ประมาณนั้นฉันไปตรวจต่อก่อนนะ...” คนพูดเดินไปหาวไป ช่างน่าสงสาร เธอคิดแล้วเดินเข้าห้องเรียน

 

                อีกหนึ่งปัญหาของการ (ปลอม) เป็นเด็กเนิร์ดคือการถูกแกล้ง หญิงสาวไม่รู้ว่าทำไมต้องถูกแกล้งด้วย หรือมันเป็นกฎ? เธอคิดไปเดินไป แว่วเสียงร้องทักดังขึ้น

 

                “นี่ยัยแว่น” เดอาหันไปหาต้นเสียงซึ่งอยู่ในชุดรัดรูปสีเจ็บโชว์ส่วนเว้าส่วนโค้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยร่องรอยการศัลยกรรมโน้มเข้ามา “อรุณสวัสดิ์” หล่อนยิ้มหวาน “ฉันคิดว่าเธอตื่นเช้าทุกวันคงจะไม่ได้กินข้าวเช้า ฉันเลยมีน้ำปั่นมาฝาก” พูดจบน้ำปั่นรสองุ่นก็ถูกราดรดลงบนศีรษะ จนหญิงสาวคิดว่ามันไม่มีรสชาติที่ดีกว่านี้หรือยังไงนะ

 

                “ขอบใจ” เธอเอ่ยสั้นๆ แล้วเปิดล็อคเกอร์เพื่อหยิบชุดวอร์มที่เตรียมไว้ขึ้นมาแล้วเดินเข้าห้องอาบน้ำไป มันเป็นแบบนี้แทบทุกวัน วันแรกที่โดนแบบนี้เดอาก็เกือบจะฆ่ายัยบ้านี่แล้วถ้าไม่ติดว่าทุกคนมีค่าสามารถตีเป็นตัวเงินได้ นักศึกษาคนเมื่อกี๊ก็เช่นกัน เพราะชาติตระกูลทำให้มีคนเคารพเยินยอ ...ยอจนหยิ่งเลยล่ะ!

 

                ขณะนี้ในห้องเรียนเต็มไปด้วยเสียงจ้อกแจ้กจอแจราวตลาดสด ตรอกของเธอยังจะเงียบกว่านี้เสียอีก แต่ก็มีแว่วเสียงหนึ่งดังขึ้น ปกติหูเธอจะรับรู้เสียงได้คมชัดมากเดอาจึงไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่ แต่มันเป็นข่าวเกี่ยวกับคนที่เธอเพิ่งปลิดชีพไปเมื่อคืน เมื่อหันไปเธอก็พบกับชายหนุ่มสามคนที่กำลังจับกลุ่มคุยกัน ที่สะดุดตาก็คือชายหนุ่มที่อยู่ตรงกลาง ไบรอัน วีไอ ลูกชายนักธุรกิจชื่อดังเบื้องหลังนั้นพัวพันกับนักฆ่าไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามีเพื่อนเป็นหรือเขาเป็น

 

                “ฉันได้ยินมาว่าเกรย์เดอร์ตายแล้ว” คนที่น่าจะเป็นคนเริ่มเรื่องสนทนาเอ่ย เพื่อนอีกสองก็สนใจพวกเขาจึงตั้งคำถาม

 

                “ตายได้ยังไงวะ?”

 

                “โดนยิง” เพื่อนอีกคนเฉลย

 

                “ใครยิง? ฉันได้ยินมาว่าหมอนั่นโดนกักบริเวณนะ” ไบรอันจิ้มหน้าจอสี่เหลี่ยมของโทรศัพท์ก่อนชูมันให้คนถามดู

 

                “นี่ไง” เขาเว้นระยะ “รู้สึกว่าจะถูกยิง โดย...” ชายหนุ่มเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ดูข้อมูลเพิ่มเติม “แบล็ค” ทันทีที่ชื่อปลอมของเดอาหลุดออกมาทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบประหนึ่งถูกแช่แข็ง ดวงตาหลายสิบคู่จับจ้องไปยังผู้ที่หลุดถ้อยคำต้องห้ามออกมา

 

                คนทั้งเมืองต่างรู้จักชื่อแบล็คในนามมือสังหารรับจ้างที่เก่งกาจที่สุด ทำงานทีไรไม่เคยพลาด เอกลักษณ์คือหมวกกันน็อคเต็มใบสีดำ ชุดหนังประดุจนักแข่ง แล้วก็รูปร่างที่รับรองไม่ได้ว่าเป็นเพศไหนอ้อนแอ้นราวอิสตรีแต่พละกำลังมากมายเหลือล้น คนส่วนใหญ่ล้วนคิดว่าเป็นผู้ชายซึ่งห่างไกลจากเธอเสียเหลือเกินและมันก็เป็นเรื่องดีแล้ว เดอาจึงไม่พูดหางเสียงและยีผมจนปรกหน้าปรกตาเวลาทำงาน

 

                หลังจากเงียบมานานคุณครูท่านหนึ่งก็เข้ามาสอน ทั้งวันเดอานั่งครุ่นคิดถ้า เธอไม่เจอเขาแล้วทุกวันนี้เธอจะมีชีวิตเป็นเช่นไร... เกล็ดน้ำแข็งด้านนอกจับตัวกันแล้วร่วงกราวลงมาจากฟากฟ้า ฤดูหนาวมาเยือนแล้ว ผืนฟ้าเริ่มกลายสีเทาหม่นเพราะเมฆหิมะเคลื่อนตัวเข้ามาบดบังแสงอาทิตย์จนหมด

 

                วันรุ่งขึ้นทางมหาวิทยาลัยประกาศหยุดเพราะหิมะปกคลุมเส้นทางการจราจรจนไม่สามารถเข้าไปได้ เดอาจึงมาเดินเล่นในสวนสาธารณะเธออยู่ในคราบหญิงสาวในชุดสเวตเตอร์หนานุ่ม ผ้าพันคอถูกพันรอบคอแล้วพันขึ้นมาปิดปากเพื่อป้องกันความหนาว ผมหน้าม้าสีบลอนด์ทองถูกรวบเป็นจุกแล้วทับด้วยหมวกไหมพรมเปิดให้เห็นหน้าผากเนียน พวงแก้มมีสีเลือดฝาดจากความหนาว ดวงตาสีน้ำเงินวาววับราวกับดวงดาวจับจ้องไปยังทะเลสาบที่ถูกแช่แข็งจนกลายเป็นลานสเก็ตขนาดใหญ่

 

                มือทั้งสองซุกอยู่ในกระเป๋าสเวตเตอร์ ในสมองยังคงครุ่นคิด ถ้าแม่ยังอยู่จะเป็นเช่นไร... เธอพ่นไอเย็นออกจากจมูกแล้วเดินจากไป ปกติหญิงสาวจะอาศัยอยู่ในอพาตเม้นท์ที่เช่าอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย แต่วันนี้เธอตั้งใจกลับมายังตรอกแห่งนี้ ประตูห้องเช่าทำด้วยไม้เริ่มซีดเพราะผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานบานพับเริ่มมีสนิมเกาะและเปิดยาก แม่กุญแจถูกไขออก บานประตูส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเมื่อถูกเปิด เสื่อน้ำมันที่ปูพื้นอยู่เขรอะคราบเลือด เลือดของแม่ที่แห้งติดและกลายเป็นสีน้ำตาลเกรอะกรัง

 

                เศษขวดเหล้ากระจายเกลื่อนในวันนั้นถูกเก็บกวาด แสงจากภายนอกทำให้เกิดเงาได้รางๆ เดอาหันกลับไปพลางชี้ปลายกระบอกปืนไปที่คนที่ยืนอยู่หน้าประตู เขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงผอม ใบหน้าผิวสีแทนซูบตอบราวกับอดอาหารมาแรมเดือนเหงื่อแตกพลั่กด้วยความหวาดกลัวพร้อมกับลงไปคุกเข่ากับพื้น

 

                หญิงสาวลดปืนลงแล้วเดินเข้าไปใกล้ชายคนนั้น เขายื่นกระดาษมาให้มือของเขาสั่นเทาราวจับไข้ เดอาเอียงคอน้อยๆ เป็นเชิงถาม

 

                “มะ มีคน ฝะ ฝากมาให้ คะ คุณครับ” หลังจากเธอรับกระดาษแล้วชายหนุ่มผอมแห้งก็วิ่งหนีไปทันที กระดาษ A4 พับครึ่งถูกกางออก มันเป็นจดหมายไม่สิมันคือข้อความชุดหนึ่ง ฉันกลับมาแล้ว เธองุนงงยิ่งกว่าเดิม ใครกันที่ส่งข้อความพิเรนทร์นี้มา หญิงสาวครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะกลับไปที่องค์กร

 

                ทางเชื่อมที่ลงไปยังที่ทำงานของเธอคือร้านขายขนมปัง ป้าแก่ๆ นั่งสัปหงกอยู่บนเคาท์เตอร์เงยหน้าขึ้นมาเมื่อเสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้น

 

                “อ้าวแม่หนูเดอาสวัสดีจ้ะ”

 

                “สวัสดีค่ะคุณนายดูลินส์ ช่วงนี้ขายดีมั้ยคะ” ที่เธอถามไม่ใช่ขนมปังแต่เป็นอาวุธปืน คุณนายดูลินส์เป็นพวกลอบนำเข้าอาวุธปืนหนีภาษีแต่ก่อนเคยเป็นนักฆ่ารับจ้างปัจจุบันวางมือแล้ว

 

                “แหมพูดอะไรอย่างนั้น” เธอหัวเราะ “ก็ต้องขายดีสิจ๊ะช่วงนี้มีออเดอร์เข้าบ๊อยบ่อย” แล้วก็หัวเราะอีกครั้ง เดอายิ้มตอบ คุณนายดูลินส์พึมพำสักอย่างแล้วร้องอ้อ เธอหายเข้าไปในร้านก่อนกลับออกมาพร้อมกระเป๋าหนังสีดำวางบนเคาท์เตอร์ “นี่จ๊ะ”คนพูดเปิดกระเป๋าออกเผยให้เห็นปืนขนาดพกพารุ่นล่าสุดนอนแน่นิ่งอยู่ในหลุมที่หลุบลงไปเป็นกรอบพอดีกับตัวปืน มีไม่กี่อย่างที่ทำให้เดอาตาลุกวาวได้ หนึ่งในนั้นคือปืน ดูจากอุปกรณ์เสริมที่แถมมาแล้วคงราคาสูงน่าดู

 

                “สวยดีนะคะ” ปากพูดแต่ตายังจ้องอาวุธชินนี้ไม่วาง “มีคนสั่งเหรอคะ?” คุณนายดูลินส์หัวเราะอีกครั้ง

 

                “ใช่จ้ะ” ตาสีไพลินของหญิงสาวมอดแสงด้วยความผิดหวัง ลองให้ลูกค้าซื้อดูสิไม่ว่าใครขอซื้อต่อเสนอราคาสูงเท่าไหร่คุณนายคนนี้ไม่มีทางยอมอ่อนให้เด็ดขาด “มีคนสั่งซื้อแล้วฝากมาให้หนูจ้ะ”

 

                เดอาเงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจจากนั้นก็ถูกคุณนายดูลินส์ยัดเยียดปืนพร้อมอุปกรณ์เสริมให้ จากนั้นหญิงสาวก็ลงไปยังองค์กร และไปที่แผนกสืบค้นข้อมูลซึ่งมีบริการให้แก่พนักงานที่ไม่สะดวกจะหาข้อมูลด้วยตนเอง หญิงสาววัยรุ่นนั่งเคาะคีย์บอร์ดอยู่บนโต๊ะมีอันต้องตกใจเมื่อเดอาเดินเข้าไปตะปบกระจกใสที่กั้นห้องทำงานอยู่

 

                “ว้าย!โธ่เดอา ถ้าจะมาก็ให้ซุ่มให้เสียงกันก่อนสิ” จากนั้นเธอก็หลุดภาษาจีนออกมาเป็นพรืดซึ่งหญิงสาวฟังไม่เข้าใจเลยสักนิด “มีอะไรเหรอ”

 

                “นี่จ๊ะ” เธอยื่นกระดาษข้อความที่ได้รับมาให้ อีกฝ่ายอ่านแล้วทำหน้างุนงง “ช่วยหาตัวคนเขียนให้หน่อย”

 

                “โอ้ว!” เธออุทาน “งานช้างเลยนะเนี่ย”

 

                “ฉันเชื่อในตัวเธอนะ” ว่าแล้วเดอาก็เดินจากไป

 

                เธอวนกลับมาที่สวนสาธารณะซึ่งถูกหิมะปกคลุมทั่วพื้นที่จนกลายเป็นสีขาวโพลนไปหมด เดอาเดินอย่างเอื่อยเฉื่อยเหมือนวันนี้เป็นวันที่น่าเบื่อที่สุดในชีวิต หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทร.หาพี่ชาย ไม่นานปีแอย์ก็รับสาย

 

                “ไงน้องรัก” คำทักทายร่างเริงที่มีให้แค่สองคนลอดผ่านเข้ามายังโสต

 

                “ค่ะพี่ช่วงนี้เป็นยังไงบ้างคะ” เธอยิ้ม “สบายดีรึเปล่าเอ่ย”

 

                “ฮะๆ ก็ต้องสบายอยู่แล้วสิ” ปลายเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ย “แค่นี้ก่อนนะพี่ไปขึ้นเครื่องก่อน”

 

                “ค่ะๆ” เดอากดวางสายแล้วเดินต่อไป หิมะก็พลันตกลงมาเพิ่มพูนความรู้สึกในใจของเธอ ความรู้สึกกลัวที่จะอยู่คนเดียว... มันคงเป็นอะไรที่เรียกว่าเหงาล่ะมั้ง แว่วเสียงฝีเท้าวิ่งตามมา

 

                “นี่เธอน่ะ!” หญิงสาวไม่สนใจ คงเป็นเสียงเรียกคนอื่นนั่นแหละเธอคิด “รอก่อนสิเธอน่ะ เดอา!” ชัดเลย... เจ้าของชื่อหยุดกึก ตามมาด้วยร่างของไบรอันในชุดสเวตเตอร์ตัวหนาวิ่งตามมา เขาพ่นลมหายใจจนเกิดเป็นไอควันสีขาวออกจากจมูก “โชคดีจังเลยที่เป็นเธอ”

 

                “อะไรของนายน่ะ...เอ๊ะ!” เธอเพิ่งนึกได้ว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้แต่งหน้า แล้วคนคนนี้รู้ได้ยังไงว่าเป็นเธอ “ระ รู้ได้ยังไงว่าเป็นฉัน” นิ้วเรียวชี้หน้าตัวเอง

 

                “ก็นั่นสินะ” ชายหนุ่มคลี่ยิ้มหวาน “อย่างน้อยๆก็รู้แหละ...ว่าแบล็คกับเดอาน่ะเป็นคนคนเดียวกัน” ประโยคหลังเขาจงใจให้ได้ยินกันสองคนหรืออยากแกล้งกันแน่ก็ไม่ทราบ

 

                “ฮะ!?” หญิงสาวอุทานด้วยความตกใจ “นะ นายไปรู้มาจากไหน”

 

                “แหะๆ ความลับน่ะ” ไบรอันคลี่ยิ้มหวานชวนใจละลายมาให้ เดอาได้แต่พ่นลมหายใจ

 

                “เอาเถอะรู้แล้วก็อย่าไปบอกใครล่ะ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้

 

                “ไม่บอกหรอก” แล้วเขาก็โน้มตัวลงมาเป่ารดลมอุ่นข้างหูด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เพราะฉันจะเก็บไว้แบล็คเมล์” ตามด้วยสัมผัสนุ่มหยุ่นข้างแก้ม “ขอบคุณครับ”

 

                “ดะ เดี๋ยวสิยะ นะ นายนี่มัน...” พอเจอยิ้มหวานของอีกคนเดอาก็ลดอาการอยากเป่าหัวอีกฝ่ายกระจุยลงทันที “เฮ้อ... เอาเถอะว่าแต่นายมาทำอะไรที่นี่เนี่ย”

 

                “ออ ฉันมาเดินเล่นน่ะ เธอก็มาเดินเล่นเหรอ”

 

                “ฮื่อ วันนี้หยุดด้วยสินะ”

 

                “อืม งั้นเรามาเดทกันเถอะ” อีกคนพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงอันเป็นเอกลักษณ์

 

                “ฮะ!ว่าไงนะ”

 

                “ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรทำแล้วมาเดทกันถอะ!” ไบรอันพูดพลางจูงมือเดอา

 

                “เดี๋ยวก่อน”

 

                “ไม่เป็นไรหรอกเงินน่ะเดี๋ยวฉันจ่ายให้เอง”

 

                “ไม่ใช่เรื่องนั้นย่ะ…!!!

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา