Destiny of Time โชคชะตาแห่งกาลเวลา

6.5

เขียนโดย Huzure

วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.55 น.

  40 Time
  12 วิจารณ์
  34.10K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558 15.15 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) เสียงกรีดร้องของปีศาจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

(ดาดฟ้า 15.18)

1...2...3...4...5...

แล้วจะมานั่งนับทำมะเขืออะไรฟะเนี่ย!!

หมัดยัยนี่มันจะหนักเกินไปแล้ว เล่นซะเราฟุบลงไปชั่วครู่เลย

“เห้ มันเจ็บนะเฟ้ย!!”

“นายเป็นคนเริ่มก่อนนะ ไม่ต้องมาพูดดีเลย”

หน้าเธอยังแดงกร่ำมาตั้งแต่เมื่อกี๊แล้ว เธอโกรธและอายในสิ่งที่เราพูดออกมา ไม่ว่าจะล้อเล่น หรือตั้งใจกวนประสาทก็ตาม

ผมเข้าใจดีว่าผมก็ทำผิด แต่ทำไมนอกจากโดนเหยียบแล้วต้องมาโดนต่อยซ้ำอีกเนี่ย มันยิ่งเจ็บกว่าเดิมอีก ต้องยืนคุยให้รู้เรื่องแล้ว!

“แล้วจะมาต่อยหน้าทำไม! เรื่องแค่นี้ต้องทำถึงขนาดนี้เลยงั้นหรอ!?”

“เรื่องแค่นี้สำหรับนาย มันเรื่องใหญ่สำหรับผู้หญิงนะยะ”

“นายมันไม่เข้าใจความคิดของผู้หญิงเลยสักนิด! ไอ้บ้า!!”

ก็ถูกของเธออีกนั่นล่ะ ยัยนี่ตวาดกลับมาใส่ผมเป็นชุดเลย คราบน้ำตาเธอเหมือนจะเริ่มหยุดไหลบ้างแล้ว ส่วนหน้าอันแดงกร่ำจากความอายและความโกรธของเธอยังเหลือให้เห็นชัดอยู่นิดหน่อย เธอคงจะเกลียดเรื่องแบบนี้มากจริงๆ

แววตาของเธอตอนนี้... ถึงเราจะหมั่นไส้ยัยนี่อยู่ก็เถอะ

แววตาใสๆที่ปนรอยน้ำตาแบบนี้มัน... ก็น่ารักอยู่นะ

“คร้าบ คร้าบ... ผมขอโทษที่ปากหมาใส่คร้าบ”

“โอเคยัง?”

*ซู่ด* “อื้ม”

เสียงสูดน้ำมูกสะอื้นของเธอนั่นถือเป็นข้อสรุประหว่างปัญหาของพวกเราสองคน แต่ก็เฉพาะเรื่องนี้เท่านั้นแหละ มันยังมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่านั้นอยู่

“แต่ยังไงฉันก็ไม่ชอบนายอยู่ดี”

“หวังว่าจะไม่ต้องมาเจอกันอีกนะ”

...โดนผู้หญิงเกลียดเข้าให้แล้วสิ ไอ้วอร์เรนเอ๊ย คุณเธอกัดฟันพูดด้วยโทสะขนาดนั้น ตอนนี้คงไม่ฟังอะไรทั้งนั้น

“หลีกไป!!”

“อ้าว เห้ย—!”

“อย่าเพิ่งไปสิ! ร่างกายเธอตอนนี้น่ะ…!”

เธอเมินเราไปทันที ทั้งๆที่สภาพร่างกายของเธอตอนนี้มัน...

“โอ๊ย!”

ว่าแล้วไง เธอเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถึงกับเข่าทรุดลงไปที่พื้น มือขวาของเธอได้แต่จับไหล่ซ้ายที่โดนกระสุนฝังอยู่ด้วยความเจ็บปวดทรมาน

“นี่ เธอบาดเจ็บอยู่นะ คิดจะออกไปในสภาพแบบนี้เลยรึไง!”

“อยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีประโยชน์ ฉันต้องรีบไป... โรงพยาบาล... โอ๊ย!”

ร่างกายยัยนี่ ไหนจะแผลที่ถูกกระสุนยิงเข้าไปอีก ถ้าไม่รีบช่วยอะไรสักอย่างคงจะอันตรายแน่ อันดับแรกคงต้องเอากระสุนที่ฝังอยู่ออก

“ตอนนี้เธอประคองสติได้ไหม”

“เอ๊ะ!? หมายความว่าไง?”

“เดี๋ยวเราจะเอากระสุนที่ฝังตรงไหล่เธอออกมา”

“ถ้าไม่รีบตั้งแต่ตอนนี้ กว่าเธอจะไปถึงโรงพยาบาล คงยิ่งอันตรายกว่าเดิมแน่”

“เ-เอากระสุนออก!? มันจะเป็นไปได้ยังไง!?”

ผมนั่งคุกเข่าอยู่ข้างหน้าเธอ ตอนนี้จะปล่อยให้ยัยนี่ไปสภาพนี้ไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช้วิธีนั้นในการเอากระสุนออกก่อน

“น-น-นายคิดจะทำอะไรน่ะไอ้โรคจิต”

“ไม่ต้องเอามือมาใกล้ไหล่ฉันเลยนะ!!”

ผมเอามือแตะตรงไหล่ซ้ายที่มีกระสุนฝังอยู่ของเธอ ร่างกายยัยนี่ตอบสนองต่อความเจ็บปวดหลังจากมือของผมแตะทันที ถึงจะพยายามเก็บเสียงอยู่ก็เถอะ

“อยู่เฉยๆ เดี๋ยวจะช่วยเอากระสุนออกให้”

“เอ๋?”

“ไอ้เราคงทนไม่ได้ถ้าต้องมาเห็นผู้หญิงน่ารักๆ ต้องล้มลงไปกองเพราะเสียเลือดมากแบบนี้หรอกนะ ถึงจะดุเหมือนหมีก็เถอะ”

“ว่าใครหมีกันยะ— อั้ก!”

ผมเริ่มใช้พลังพิเศษบางอย่างเพื่อเอากระสุนที่ฝังนั่นออกมา พลังที่ผมใช้ไม่ใช่พลังที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด แต่มันติดมากับของบางอย่างที่ผมไม่เคยทิ้งไว้ห่างตัว

ต่อให้ยัยนี่น่ารำคาญ หรือสมองช้าแค่ไหน ถ้าปล่อยให้ตายต่อหน้าต่อตาแบบนี้คงไม่ดีแน่ นี่เป็นเรื่องเดียวที่เราพอจะช่วยได้

“อดทนไว้นะ”

............

ฉัน... กำลังโดนผู้ชายแปลกหน้าจับเนื้อต้องตัว... เป็นครั้งแรกที่มีคนมาจับเนื้อต้องตัวแบบนี้ มันน่าอายสุดๆเลย แต่ว่า...

ถ้าสิ่งที่อีตานี่พูดเป็นความจริงล่ะก็...

......

เขากำลังใช้พลังบางอย่างที่ฉันสัมผัสถึงมันได้ มือของเขาค่อยๆแตะลงที่แผลของเราอย่างช้าๆ และนิ่มนวลเพื่อระวังไม่ให้เรารู้สึกเจ็บไปมากกว่านี้... เดี๋ยวนะ ตรงมือนั่นมัน...

“นั่นมัน...”

“หน้าปัด... นาฬิกา......”

หน้าปัดนาฬิกาอันเลือนรางเหมือนกับที่ฉันเคยเห็นตอนที่เริ่มใช้พลังแปลกๆครั้งแรก

พอไม่นานนัก เข็มนาฬิกาสองอันบนหน้าปัดก็หมุนทวนเข็มอย่างช้าๆ ก่อนที่ฉันจะไม่เห็นมันอีกเลย...

“จงย้อนกลับ...”

“ไปสู่จุดเริ่มต้น”

ทันทีที่เขาพูดจบ กระสุนที่อยู่ในไหล่ฉันก็ค่อยๆขยับ

          *อึ้ก*

          สติของฉัน... ฉันแทบจะหมดสติเลย แต่ว่า... มันยังขยับอยู่!

กระสุนที่ฝังอยู่ในไหล่ของฉันกำลังเคลื่อนออกมาจากรอยแผลของฉันอย่างช้าๆ ราวกับว่ามันถูกดึงออกด้วยพลังบางอย่าง หรืออาจจะ...

“อึ๊ก!!”

เสียงหายใจของฉันเริ่มโรยรินอีกแล้ว ทั้งความเจ็บปวด ความอ่อนล้า เสียงหอบของฉันดังออกมาชัดเจน

“เธอไหวไหม?”

“...อ-อึ้อ...”

ฉันเริ่มจะประคองสติไม่อยู่แล้ว ความเจ็บปวดแบบนี้มัน... ทรมานมากไม่ต่างกับตอนที่ถูกยิงเลย

“ถ้างั้น... กัดฟันไว้นะ”

“เอ๋?”

กระสุนที่เคลื่อนออกมาจนใกล้จะพ้นแผลฉันในตอนแรก ถูกย้อนออกมาจากปากแผลทันทีด้วยความรวดเร็ว

“อ-อ-”

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”

...... ณ ตอนนั้น ไม่มีใครในโรงเรียนทราบเลยว่าเสียงกรีดร้องที่สุดแสนจะเจ็บปวดทรมานนั่นคืออะไรกันแน่ ในวันนั้นทั้งอาจารย์และนักเรียนทุกคนล้วนแต่หวาดกลัวกับเสียงร้องเจ็บปวดนั่น นักเรียนบางคนพร้อมใจกันตั้งชื่อเสียงร้องนั่นว่า “เสียงกรีดร้องของปีศาจ”

_____________________________

............

เพ...ดาน...

เอ๋ ฉันนอนอยู่งั้นหรอ และที่นี่มัน... ไม่ใช่ทั้งห้องพยาบาลหรือที่บ้าน

ด้านขวาของเรามี... สายน้ำเกลือ...

“ที่นี่มัน...”

“...ฟื้นแล้วสินะ”

“เอ๋?”

เสียงคุ้นหูที่ดังมาจากริมหน้าต่างนี่มัน... อีโรคจิต!!

“น-น-น-นายมาที่นี่ได้ไง”

“หรือว่านายวางแผนจะทำอะไรฉันตอนที่นอนอยู่”

ฉันเอนตัวขึ้นมานั่งและกอดหมอนที่ใช้หนุนอยู่สุดแรง ทำไมอีตานี่ถึงมาโผล่ที่นี่ได้ล่ะเนี่ย มีผู้ชายในห้องระหว่างที่ฉันนอนอยู่ อย่าบอกนะว่า...

ฉันมองดูใต้เสื้อคนไข้ของตัวเอง เพื่อดูว่ามีอะไรผิดปกติกับร่างกายฉันหรือเปล่า

“ไม่ต้องกังวลขนาดนั้น เราไม่ทำอะไรผู้หญิงที่ไม่มีสติหรอก”

“เอ๋?”

หน้าตาของเจ้านี่มัน... ทำไมพอมันพูดแบบนี้แล้วดูเท่ขึ้น...

“และยิ่งเป็นสาวขี้แยอย่างเธอด้วย หมดอารมณ์พอดี”

“ว-ว่าใครเป็นสาวขี้แยกันย-”

*โอ๊ย*

อาการบาดเจ็บที่ไหล่ซ้ายเรายังไม่หายดี มีผ้าพันแผลที่เกิดจากการรักษาพันรอบไหล่ของเราอยู่

(ผ้าพันแผล โรงพยาบาล)

(หรือว่า เจ้าโรคจิตนี่...)

......

“นรินทร์!!!”

“ม-มีน”

เธอพุ่งเข้ามาซุกหน้าอกเราทันทีหลังจากเห็นเรานอนอยู่บนเตียงห้องพยาบาล เนลกับอั้มเองก็เดินตามมาด้วย

“แง้-!! รินทร์ไม่เป็นไรใช่ไหม ฉ-ฉ-ฉันกลัวว่ารินทร์จะเป็นอะไรไปซะแล้ว!!”

“ฉันยังไม่ตายสักหน่อย”

“พวกเราเป็นห่วงแทบแย่เลยนะรินทร์ เธอหายตัวไปตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน พอรู้ข่าวอีกทีก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว” (เนล)

“สองวัน!!?”

(สองวันต่อมา โรงพยาบาล 20.56)

“มันเกิดอะไรขึ้นน่ะรินทร์” (อั้ม)

“เกิด... อะไรขึ้นงั้นหรอ...”

เราพยายามคิดยังไงก็คิดไม่ออก ว่าหลังจากตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อาจจะเป็นไปได้ว่าเราช็อคหมดสติไปจากการเสียเลือดและความเจ็บปวดนั่น

เจ้าโรคจิตนั่นดูท่าจะเป็นคนพาเรามาที่โรงพยาบาลจริงๆสินะ น่าจะ... อุ้มร่างของเราพามารักษาที่นี่... (ในหัวเป็นท่าอุ้มเจ้าหญิง) แค่นี้ก็ไม่อยากนึกภาพต่อแล้ว

(เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนสิ... อีตานั่นยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ใช่หรอ?)

“เอ่อ... คือ...”

“พวกเธอ... ไม่เห็นผู้ชายที่อยู่ริมหน้าต่างนั่นหรอ”

แถมโบกมือผิวปากกวนประสาทอีก

“หือ? ก็ไม่เห็นจะมีใครเลยนี่นา...” (เนล)

“รินทร์นี่ล่ะก็ ป่วยแล้วยังจะประสาทหลอนอีกหรอ” (มีน)

ไม่ได้หลอนนะ! ฉันยังเห็นเจ้านั่นยืนอยู่นี่เลย แถมทำหน้าตาน่าเตะตลอดเลยด้วย และมีนจะร้องไห้ซุกอกเราไปถึงไหนกันล่ะเนี่ย

เอ๊ะ? พอหันมาแล้วเจ้านั่นหายไปไหนซะแล้วล่ะ...

“อ๊ะ พวกเธอคือเพื่อนของนรินทร์สินะ”

เสียงนี้มัน หรือว่า...

“อ่า คุณเป็นใครหรอคะ?” (อั้ม)

“ก็... ผมเป็นแค่ญาติห่างๆของเขาน่ะ พอดีแวะมาดูอาการของน้องแมวน่ะ”

(กรอด!!)

เจ้านั่นจู่ๆก็โผล่มาจากหน้าประตูทางเข้าห้องผู้ป่วย ทำได้ยังไงกัน? และมาพูดกวนประสาทอีกแบบนี้มันจะมากไปแล้วนะ!

“น้องแมว?”

**“ลืมที่พูดเมื่อกี๊ไปดีกว่านะ”**

“เอ๋............”

ความรู้สึกชั่ววูบเมื่อกี๊มันอะไรกัน พวกเธอนิ่งไม่พูดอะไรต่อเลยหลังจากที่เจ้านั่นพูด

“ตอนนี้ก็ดึกแล้ว กลับบ้านระมัดระวังด้วยนะครับ”

เพื่อนของฉันทั้งสามคนเหมือนจะตอบรับกับสิ่งที่เจ้านี่พูด... ด้วยท่าทีแปลกๆ

พวกเธอค่อยๆ ย้อนกลับไปในท่าทางที่เหมือนกับตอนที่เข้ามาหาฉัน ราวกับว่าถูกย้อนเวลากลับไปอย่างช้าๆ

ตอนแรกมีนก็กอดท่านี้ เนลกับอั้มก็ทำท่าทางเหมือนตอนที่คุยกันตอนแรก ถึงคราวนี้จะไม่มีเสียงก็เถอะ

ไม่นานนัก สิ่งที่ฉันเห็นคือพวกเธอถูกย้อนกลับไปข้างนอกห้องไวมาก ไวจนฉันรู้สึกซีดไปเลย เพราะว่าพลังนี้มัน

“นี่มัน... พลังเมื่อตอนนั้น”

............

“...... เอ๋?”

“เนล? อั้ม?”

“มีน?” (อั้ม)

“เอ๋... เอ่อ... พวกเรามาทำอะไรที่โรงพยาบาลกันน่ะ?” (เนล)

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ” (อั้ม)

ทุกคนที่อยู่ข้างนอกงงกันเป็นแถว

......

ทั้งสามคนที่อยู่ข้างนอกตอนนี้คงจะงงว่าเกิดอะไรขึ้นแน่ ฉันไม่รู้เลยว่าทำไมพวกเธอถึงไม่เข้ามาอีก คงเป็นะฝีมือเจ้านี่แน่...

“นายทำอะไรเพื่อนฉัน?”

“ไม่ได้ทำอะไรหรอก แค่ลบเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับเธอในสองวันนี้ในหัวของพวกเขาน่ะ นรินทร์”

“อย่ามาเรียกชื่อฉันเหมือนรู้จักกันนะยะ!!”

อีตานี่ขยับปากทีไรแล้วชวนอารมณ์บูดทุกที ถึงจะรู้ว่าอีตานี่ช่วยชีวิตเราไว้ก็เถอะ

“เธอช็อคหมดสติไปหลังจากเอากระสุนที่ฝังอยู่ออกมา ก็เลยรีบพาเธอมาที่โรงพยาบาล”

“แล้วตอนนี้แผลเป็นไงบ้างแล้ว”

อีตานี่ปากเสียขนาดนั้น แต่ทำไมตอนนี้ฉันถึงรู้สึกว่าคำพูดของเขาดูจริงใจและตรงไปตรงมาจังเลย...

“...มันก็ยังเจ็บอยู่นะ แต่เหมือนจะดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ...”

ฉันมองไปที่แผล พยายามเลี่ยงที่จะไม่หันกลับไปมองเจ้านั่น แต่ว่า

“...ถ้าดีขึ้นแล้วก็ค่อยสบายใจหน่อย งั้นขอตัวก่อนแล้วกัน...”

......

“ขอบคุณ...”

 “......หือ”

“ถึงฉันจะไม่ชอบนาย แต่ขอบคุณนะ... ถ้าไม่ได้นายล่ะก็ ป่านนี้ฉันคงจะ”

(คงจะตายไปแล้วล่ะ)

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ก็แค่ไม่อยากเห็นใครตายแค่นั้น”

ยังจะมาเกาหัวอีกนะเจ้านี่... เจ้า...นี่...?

ฉันนึกขึ้นได้ว่ายังไม่รู้จักชื่อเจ้านี่เลยนี่นา เลยหันหน้าไปเพื่อที่จะถามชื่อของเขา

“นายชื่ออะไร”

“ชื่องั้นหรอ... อะแฮ่ม งั้นขอแนะนำตัวเลยก็แล้วกัน”

 “เราชื่อวอร์เรน วอร์เรน เอ็ม ซานิส เรียกเราว่าวอร์เรนเฉยๆก็ได้นะ นรินทร์”

“ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเลย! อย่าเรียกชื่อส่งเดชกันสิยะ!!”

สงบใจไว้ เจ้าวอร์เรนนี่ช่วยชีวิตเราไว้นะ

“......ฉันชื่อนรินทร์ ถ้าไม่เจอกันอีกก็คงจะดีนะ”

“นี่กะจะไล่กันเลยรึ?”

อีตาวอร์เรนนี่ ชื่อคงจะเป็นฝรั่งสินะ เหมือนจะสูงกว่าเราประมาณ 10 เซน แต่มองไม่ค่อยออกเลยแฮะ เพราะผมดันสีดำ หน้าเหมือนคนเอเชียยังไงอย่างงั้น)

ตอนนี้ก็รู้จักชื่อกันแล้ว ต่อให้ไม่อยากรู้จัก แต่ว่า...

ถ้าสิ่งที่ฉันกลัวมันเป็นความจริงล่ะก็ ความเกี่ยวข้องของพวกเรา... และของคนที่ชื่อควอสนั่น คงจะเป็นเรื่องเดียวกัน

“เรื่องที่เธออยากรู้น่ะ”

ฉันเงยหน้าขึ้นมาทันทีหลังจากมัวแต่คิดอะไรในใจอยู่ตั้งนาน

“เดี๋ยวเราจะบอกเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเอง”

“เธอในตอนนี้พักรักษาตัวให้แผลตรงไหล่หายสนิทไปก่อนดีกว่า”

วอร์เรนกำลังเดินออกไปจากห้องพยาบาล แต่ก็หยุดอยู่ตรงประตูอยู่ครู่หนึ่ง

“โลกที่เธอกำลังจะได้เห็นหลังจากนี้... มันจะไม่เหมือนเดิมอีกตลอดไป”

*ปั้ง*

โลกที่จะเห็นหลังจากนี้ไม่เหมือนเดิม...

นาฬิกาของฉันถูกเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ(ตรงอก)ของชุดคนไข้ตลอดเวลา ยังมีคราบเลือดของฉันติดด้านนอกเล็กน้อย หน้าปัดกับเข็มนาฬิกาเดินตามปกติแล้ว

ดูเหมือนชีวิตเรา กำลังจะเข้าไปพัวพันกับเรื่องที่เราไม่อยากข้องเกี่ยวมากที่สุดแล้วสิ

ฉันเก็บนาฬิกาใส่กระเป๋าเสื้อและลงไปนอนพักอีกครั้ง รอจนกว่าฉันจะหายดีพอที่จะกลับบ้านได้

............ เดี๋ยวนะ ถ้านาฬิกานี่ คนที่เอามาใส่ในกระเป๋าเสื้อของเรา หรือว่า............

“กรี๊ด!!! ไอ้โรคจิต!!!”

ฉันตะโกนดังลั่นจนหมอตกใจต้องมาดูว่าฉันเป็นอะไร นี่มันเรื่องน่าอายซ้อนอายชัดๆ ฮือ--- (จริงๆแล้ววอร์เรนขอให้พยาบาลเป็นคนเอานาฬิกาไปใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อเอง)

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา