HOT PLAYBOY ร้อนรัก ร้ายลึก

8.7

เขียนโดย TheDaziie

วันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 22.28 น.

  9 CHAPTER
  0 วิจารณ์
  10.12K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 มกราคม พ.ศ. 2559 23.19 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) CHAPTER 7 [100%] :: HOT PLAYBOY

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

CHAPTER 7

 

 

 

          "ก็ป๊าเองน่ะสิคิดว่าเป็นไอ้โรคจิตลักพาตัวน้องชายของลูกไปหรือไง"

          ฉันเพ่งมองไปยังเจ้าของประโยคเมื่อครู่อีกครั้งเพราะยังไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นป๊าจริงๆก็ไหนว่ากลับไทยพรุ่งนี้ตอนหัวค่ำแล้วทำไมถึงมายืนทำเท่อยู่ตรงนี้ได้ล่ะ หรือมีเหตุอะไรที่ทำให้ป๊าต้องเลื่อนไฟล์ทกลับเร็วขึ้น?

          "แล้วมันน่าคิดไหมล่ะคะจู่ๆก็มีใครไม่รู้มารับโคลินออกไปถ้าเป็นป๊าจะไม่คิดว่ามีโรคจิตลักพาตัวน้องไปเหรอ"

          ฉันพูดตำหนิพ่อตัวเองด้วยใบหน้าเคร่งขรึมขณะโอบกอดโคลินเอาไว้ในอ้อมแขน ยอมรับตามตรงว่าตอนนี้ยังรู้สึกตกใจไม่หาย อัตราการเต้นของหัวใจยังรัวแรงเพราะความเป็นกังวลอยู่เลย ถ้าเกิดคนที่มารับโคลินไม่ใช่ป๊าแต่เกิดเป็นโรคจิตจริงๆ ล่ะก็ฉันคงรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น

          ขอบคุณเมื่อสิ่งที่ฉันคิดก่อนหน้านี้ไม่เป็นความจริง…

          "โอเคๆ ป๊าขอโทษที่ไม่บอกลูกก่อนว่ากลับมาแล้ว ตั้งใจจะมาเซอร์ไพรส์เราสองคนไง"

          อะไรกันเนี่ย! ทำไมช่วงนี้เจอแต่คนอยากเซอร์ไพรส์ฉันทั้งนั้นเลยนะ แล้วแต่ละเรื่องก็ไม่ได้สร้างความรื่นเริงบันเทิงใจให้ฉันแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับสร้างความวุ่นวายจนฉันไม่อยากพบเจอสิ่งที่ทุกคนเรียกว่า ‘เซอร์ไพรส์’ อีกแล้ว

          "ว่าแต่เธอมาทำอะไรที่นี่ล่ะโปสเตอร์" น้ำเสียงทุ้มต่ำติดเย็นชาของป๊าเอ่ยถามโปสเตอร์ที่ยืนอยู่ถัดไป ฉันจึงเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าใบหน้าของเขาซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ดูไม่เหมือนคนปากเก่งอย่างก่อนหน้านี้เลย แถมยังพูดจาอ่อนน้อมเสียจนคิดว่าเป็นคนละคนกันอีกต่างหาก

          "สะ...สวัสดีครับคุณอาคือ...ผมขับรถพาเฌอเอมมารับโคลินน่ะครับ"

          ท่าทางการยกมือไหว้แบบเก้ๆกังๆบวกกับน้ำเสียงตะกุกตะกักของคนเคยปากเก่งเมื่อห้านาทีก่อนทำเอาฉันกลั้นขำแทบไม่อยู่แต่ก็พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อไม่ให้ร่างสูงรู้สึกกดดันมากไปกว่านี้

          จะบอกให้ว่านอกจากคุณย่าจอมเฮี้ยวที่เพลย์บอยจอมกะล่อนอย่างโปสเตอร์กลัวนักกลัวหนาแล้วก็มีป๊าฉันกับป๊าของลาวานี่แหละที่หมอนี่กลัวจนหัวหดและไม่กล้าต่อปากต่อคำเสมือนเป็นคนบ้าใบ้ก็ไม่ปาน

          "...อย่างนี้นี่เอง ถ้างั้นก็ขอบใจมากนะ" ป๊าเอื้อมมือมาแตะไหล่โปสเตอร์เบาๆก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองผู้ชายอีกคนซึ่งยืนห่างออกไปเล็กน้อย "แล้วผู้ชายคนนี้เป็นใคร?"

          "อ๋อ! คนนี้พี่โอฬารค่ะป๊าเขาเป็นพี่เทคของเอมที่มหาวิทยาลัย" รู้นะว่าป๊าถามพี่โอฬารแต่ฉันก็ควบคุมสมองกับปากตัวเองไม่ทันก็เลยตอบแทนเขาไปเสียแล้ว

          "อื้ม...แล้วมาทำอะไรที่นี่ล่ะ"

          ทำไมป๊าต้องทำเหมือนตำรวจกำลังสอบสวนผู้ต้องหาอะไรแบบนั้นด้วยแถมยังทำหน้าโหดใส่จนผู้ชายทั้งสองคนยืนตัวเกร็งไปตามๆกันแต่ที่พอจะออกอาการจนเห็นได้ชัดก็คงจะเป็นโปสเตอร์นั่นแหละส่วนพี่โอฬารก็ทำใจดีสู้เสือด้วยการส่งยิ้มบางเบามาให้...

          "ผมเป็นหลานชายของเจ้าของโรงเรียนนี้ครับก็เลยเข้ามาดูงานที่นี่บ่อยๆ" พี่โอฬารตอบด้วยน้ำเสียงฉะฉาน

          "จริงเหรอเนี่ย! ไม่ยักรู้ว่าหลานชายคุณโอลิเวียจะโตเป็นหนุ่มขนาดนี้แล้วแล้วพ่อเธอสบายดีไหม?"

          จากใบหน้าที่นิ่งขรึมดูน่าเกรงขามกลับปรากฏรอยยิ้มบางๆให้คนมองรู้สึกใจชื้นขึ้นมาระดับหนึ่งปฏิกิริยาและท่าทางของป๊าดูแปลกไปไม่เหมือนก่อนหน้านี้เลยราวกับว่าพึงพอใจกับคำตอบของพี่โอฬารเสียเต็มประดา

          "คุณพ่อสบายดีครับ"

          "ป๊ารู้จักเจ้าของโรงเรียนนี้ด้วยเหรอคะ" ด้วยความอยากรู้อยากเห็นพุ่งปรี๊ดทะลุปรอท ฉันจึงโพล่งถามออกไปหลังจากเห็นว่าป๊าไถ่ถามถึงคุณย่าโอลิเวียและคุณพ่อของพี่โอฬารราวกับรู้จักมักจี่กันมานมนาน

          เมื่อได้ยินคำตอบจากปากของผู้เป็นพ่อก็ทำให้ฉันรู้สึกอึ้งไปชั่วขณะเพราะไม่คิดว่ามันจะบังเอิญขนาดนี้!

          "รู้จักสิ ป๊าเคยเรียนไฮสคูลที่นี่ ห้องเดียวกับพ่อของโอฬารนั่นแหละ ว่าแต่ตอนนี้...บลาๆๆๆ"

          แล้วป๊าก็หันไปคุยกับพี่โอฬารโดยไม่สนใจฉันอีกเลย ไม่สนแม้กระทั่งโคลินที่เดินไปกระตุกแขนป๊าให้เดินกลับไปยังลานจอดรถเพราะกำลังคุยติดลมกับเด็กหนุ่มที่เพิ่งรู้จักกันแค่ห้านาที แต่ถ้านับย้อนกลับไปยังรุ่นพ่อก็น่าจะนานหลายสิบปีทีเดียว

          ยิ่งคุยนานก็ยิ่งถูกคออาจเพราะพี่โอฬารเป็นลูกชายของเพื่อนร่วมชั้นตอนเรียนไฮสคูลของป๊าด้วยกระมังก็เลยมีเรื่องให้คุยกันยาว แถมยังคุยกันออกรสออกชาติประหนึ่งรู้จักหน้าค่าตากันมานานแล้วอย่างนั้น...

          และสิ่งที่ทำให้ฉันแปลกใจมากก็คือปกติไม่ว่ากับใครหน้าไหน ถ้าหากเป็นผู้ชายและมารู้จักกับฉันจะต้องถูกป๊าเขม่นไปเสียทุกราย ไม่เว้นแม้แต่โปสเตอร์ก็ยังพลอยโดนไปด้วยแม้จะเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ทว่าพอเป็นพี่โอฬารกลับกลายเป็นพูดจาดี ซ้ำยังแสดงออกอย่างชัดเจนว่าพึงพอใจผู้ชายคนนี้อีกด้วย

          "พี่เอมฮะ ทำไมพี่คนนั้นไม่ยอมกลับบ้านล่ะฮะ" โคลินที่วิ่งเข้ามาหาฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้เอ่ยถามขึ้น ฉันจึงละสายตาจากชายทั้งสองคนมามองเจ้าตัวแสบพลางขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัยว่าโคลินกำลังหมายถึงใคร...

          และพอฉันเลื่อนสายตาไปมองตามสายตาของโคลินก็ถึงกับร้องอ๋อออกมาเบาๆเมื่อ 'พี่คนนั้น' ที่โคลินหมายถึงก็คือโปสเตอร์นั่นเอง นี่ฉันเกือบลืมไปแล้วนะว่าเขายังยืนอยู่ตรงนี้ด้วยอีกคน

          "ฉันคิดว่าแกกลับไปแล้วซะอีกเห็นเงียบๆ ไม่ส่งเสียงอะไรเลย" ฉันถามโปสเตอร์ที่กำลังยืนเล่น iPhone อยู่เงียบๆสีหน้าและแววตาของเขาดูไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ถ้าหากเทียบกับก่อนหน้านี้

          "แล้วแกจะให้ฉันพูดอะไรในเมื่อพ่อแกกำลังคุยอยู่กับไอ้หน้าตี๋นั่น" ร่างสูงตอบกลับพลางพยักพเยิดหน้าไปทางพี่โอฬารแล้วก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ต่อไป...

          เป็นอะไรของเขากันนะ?

          "ถ้างั้นแกก็กลับไปได้แล้วล่ะเดี๋ยวฉันกลับพร้อมป๊าก็ได้แกจะได้ไม่ต้องขับรถเทียวไปเทียวมา"

          "ใช่ดิฉันมันหมดประโยชน์แล้วนี่แกถึงได้ไล่ฉันกลับ"

          พอได้ยินคำพูดเชิงตัดพ้อของอีกฝ่ายเข้าไปก็งงเป็นไก่ตาแตกเลยสิฉันไปพูดหรือทำอะไรให้หมอนี่ไม่พอใจหรือเปล่าถึงได้มาพูดใส่กันแบบนี้ เขาไม่พอใจฉันเรื่องอะไรกันใครรู้ช่วยบอกที!?

          "ฉันบอกดีๆนะไม่ได้ไล่สักหน่อย" ฉันพูดสวนกลับแต่คู่สนทนาก็ยังคงนิ่งเฉยจนฉันอดที่จะถามออกมาไม่ได้ "แกเป็นอะไรของแกวะโปสเตอร์"

          "เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร"

          "ปากบอกว่าไม่เป็นอะไรแต่สีหน้าท่าทางแกไม่ใช่" ฉันสาวเท้าเข้าไปใกล้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "บอกฉันมาว่าแกเป็นอะไร"

          "ครับคุณย่า..." โปสเตอร์ไม่ตอบแต่กดรับสายที่โทรเข้ามาพอดีและเมื่อรู้ว่าเป็นคุณย่าฉันก็เงียบเสียงลงทันทีและรอฟังว่าโปสเตอร์จะคุยอะไรกับคนปลายสายบ้าง "ใช่ครับ ตอนนี้อยู่ด้วยกัน"

          "คุณย่าถามถึงฉันเหรอ" ฉันพูดเสียงกระซิบเพราะไม่อยากให้ลอดเข้าไปในสายแต่คนถูกถามกลับทำแค่เพียงเหลือบสายตามองฉันเพียงเสี้ยววินาทีแล้วเสมองไปทางอื่นเหมือนไม่อยากมองหน้ากัน

        ทำไมเขาต้องทำเป็นเมินฉันด้วยล่ะให้ตายสิ! เกิดอะไรขึ้น...ฉันงงไปหมดแล้วนะ

          "แต่ผมว่าเขาคงไม่ว่างหรอก...ก็ได้ครับ" ร่างสูงยื่นโทรศัพท์มาตรงหน้าฉันอย่างไม่ค่อยเต็มใจพลางพูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ "คุณย่าจะคุยกับเธอ"

          "สวัสดีค่ะคุณย่า" ฉันกรอกเสียงลงไปในสายทันทีพลันน้ำเสียงที่ดังอยู่ปลายสายก็ทำให้ฉันระบายยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว

          [โปสเตอร์บอกว่าเย็นนี้หนูไม่ว่างเหรอเฌอเอม แล้วโคลินล่ะ]

          "เอมต้องขอโทษคุณย่าด้วยนะคะที่วันนี้คงไปหาไม่ได้ พอดีคุณพ่อเพิ่งกลับมาจากไต้หวันคิดว่าคงจะพาเจ้าตัวแสบออกไปกินข้าวนอกบ้าน"

          [น่าเสียดายวันนี้ย่าว่าจะพาโคลินไปซื้อของเล่นสักหน่อย] น้ำเสียงผิดหวังของปลายสายทำเอาฉันรู้สึกผิดเต็มๆ

          ทั้งที่นัดกับคุณย่าเอาไว้แล้วว่าเย็นนี้จะไปกินข้าวด้วยกันแต่ก็ต้องผิดนัดเมื่อรู้ดีว่าป๊าต้องพาโคลินออกไปเที่ยวเล่นและกินข้าวข้างนอกแน่นอนหลังจากที่ไม่ได้เจอหน้ากันเป็นอาทิตย์ เพราะงั้นตอนนี้ฉันถึงรู้สึกผิดต่อคุณย่ามากๆ ไงล่ะ

          "วันอื่นได้ไหมคะคุณย่าสัญญาว่าจะไม่ผิดนัดเหมือนวันนี้อีก"

          [ได้จ้ะย่าไม่ได้จะว่าอะไรแค่ถามถึงเฉยๆไม่เป็นไรลูก...วันอื่นก็ได้]

          "เอมขอโทษจริงๆนะคะ"

          แม้คุณย่าจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่ถึงกระนั้นฉันก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดีทั้งที่รับปากเอาไว้แล้วแต่ฉันกลับทำตามอย่างที่รับปากไว้ไม่ได้ ฉันรู้สึกแย่มากจริงๆ นะ

          "ก็ผมบอกคุณย่าแล้วว่าเขาไม่ว่าง" โปสเตอร์คว้าโทรศัพท์จากมือฉันแล้วกรอกน้ำเสียงทุ้มต่ำของตัวเองลงไปในสายด้วยใบหน้าเรียบเฉย แถมยังไม่ชายตาแลมองฉันอีกด้วย "โอเคครับ...เดี๋ยวผมรีบกลับไป"

          "คุณย่าจะไม่โกรธฉันใช่ไหม"

          เพราะยังกังวลว่าคุณย่าอาจจะรู้สึกเคืองฉันก็เลยถามคนตัวโตที่กำลังยัดโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกงยีนส์ทว่ากลับไม่ได้รับคำตอบของคำถามซ้ำยังถูกเมินด้วยการมองเลยไปด้านหลังประหนึ่งว่าฉันเป็นอากาศธาตุสำหรับเขาเสียอย่างนั้น

          "ผมขอตัวกลับก่อนนะครับคุณอา...สวัสดีครับ"

          "อื้มขับรถกลับดีๆล่ะ" ป๊ายกมือขึ้นโบกให้โปสเตอร์แบบไม่ใส่ใจเท่าไหร่แล้วก็หันไปคุยกับพี่โอฬารต่อ

          "ครับ" ส่วนคนขอตัวลาก็ตอบรับสั้นๆแล้วหมุนตัวเดินกลับไปยังลานจอดรถอีกฝั่งหนึ่งของโรงเรียนโดยไม่คิดจะเอ่ยปากพูดกับฉันสักคำ

          บ้าเอ๊ย! ฉันชักจะอารมณ์ไม่ดีแล้วนะทำเมินแบบนี้หมายความว่าไง!

          "โปสเตอร์!"

          "พี่เอมฮะ...โคลินอยากกินแซนด์วิชชีส"

          ฉันเกือบจะพุ่งตัวเข้าไปกระชากแขนแล้วถามอีกรอบว่าเป็นอะไรถึงได้ทำหน้าเหมือนไม่พอใจใส่กันแต่เพราะโคลินส่งเสียงเรียกเอาไว้เสียก่อนฉันถึงทำได้แค่เพียงยืนมองแผ่นหลังกว้างของเพื่อนสนิทที่ห่างออกไปเรื่อยๆ

          "บ้าชะมัดเลย! ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนผิดแบบนี้นะ" ฉันบ่นกับตัวเองอย่างหัวเสียขณะยืนจ้องมองร่างสูงกระทั่งเดินหายลับไปจากสายตา

          โปสเตอร์เป็นอะไรไป...ฉันไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจอะไรนักหนาเหรอถึงทำเหมือนโกรธกันมากมายแบบนี้

          ให้ตายเถอะ! ฉันไม่เข้าใจหมอนั่นเลยว่ะไม่เข้าใจเลย...

 

          หลายวันต่อมา...

          "ยืนรอใครอยู่เหรอครับน้องเทค"

          น้ำเสียงทุ้มต่ำติดกวนนิดๆของพี่โอฬารดังขึ้นด้านหลังเจ้าของใบหน้าขาวใสกับดวงตาเรียวรีสไตล์หนุ่มหล่อตี๋ปรากฏเด่นชัดเมื่อเขาก้าวมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าฉัน

          "รอโปสเตอร์ค่ะหมอนั่นเอาสมุดเลคเชอร์ของเอมไปยังไม่คืนเลย" ไม่รู้เพราะอะไรฉันถึงพูดโกหกพี่โอฬารออกไปแบบนั้นทั้งที่จริงแล้วฉันกำลังรอโปสเตอร์เพื่อถามเรื่องเมื่อหลายวันก่อนต่างหาก

          ฉันมันนิสัยไม่ดีเลยเนอะทำไมต้องพูดโกหกด้วยก็ไม่รู้...

          "คนเรียนเก่งก็อย่างนี้แหละมีแต่คนอยากยืมเลคเชอร์"

          "พี่โอฬารก็เรียนเก่งนี่นาไว้ถ้าเอมไม่เข้าใจตรงไหนช่วยสอนด้วยนะ"

          "ได้เลยแต่คิดค่าสอนชั่วโมงละพันนะ ฮ่ะๆๆ"

          "โอ้โห! ถ้าจะขูดเลือดขูดเนื้อกันขนาดนี้ล่ะก็เอมยอมโง่แบบเดิมดีกว่า" ฉันย่นจมูกใส่พี่โอฬารอย่างนึกหมั่นไส้เมื่อได้ยินว่าค่าสอนแพงหูฉี่ ไม่รู้ว่าแพงเพราะสอนดีหรือเพราะคนสอนเป็นที่หมายตาของสาวๆ กันแน่

          "พูดเล่นน่า เดี๋ยวพี่สอนให้ฟรีๆ ไม่คิดเงินสักบาท"

          "ถ้ายังจะคิดเงินก็เกินไปแล้วค่ะพี่เทค"

          ฉันแกล้งส่งสายตาขุ่นเคืองไปให้ก่อนจะหลุดยิ้มออกมาเมื่อเห็นสีหน้ากวนๆของพี่โอฬารที่ตั้งใจจะปั่นประสาทกัน แต่ยิ้มออกมาได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องหุบปากฉับทันทีเมื่อน้ำเสียงเล็กแหลมของผู้หญิงดังกระทบโสตประสาทฉันเต็มๆ

          จะเป็นใครซะอีกล่ะถ้าไม่ใช่ยัยปากร้ายประจำกลุ่ม...

          "แหม หัวเราะกันคิกคักท่าทางดูมีความสุขเหลือเกินนะ" ลาวาพูดล้อฉันมาแต่ไกล สายตาเจ้าเล่ห์ที่ส่งมาทำให้ฉันต้องคิดคำพูดเพื่อรับมือยัยเพื่อนตัวดีอย่างเร่งด่วน

          "ฉันก็ปกติไม่ได้สุขจนล้นเหมือนใครบางคน" ฉันไม่ยอมถูกล้ออยู่ฝ่ายเดียวหรอกนะถึงฉันจะปากร้ายและขี้โวยวายไม่เท่าลาวาแต่ถ้าเป็นเรื่องต่อปากต่อคำน่ะขอให้บอก...เฌอเอมสู้ตาย!

          "ฉันก็ไม่ได้สุขจนล้นอย่างที่แกพูดสักหน่อย"

          "อ้อเหรอแต่หน้าตาแกบ่งบอกว่ามี 'เรื่อง' ให้สุขจนเก็บไม่อยู่เลยล่ะ คิคิ"

          "ไม่มีเว้ย! สุขบ้าสุขบออะไรไม่มีทั้งนั้น" ปากก็พูดปฏิเสธไปสิแต่สีหน้าที่เริ่มแดงมากขึ้นเรื่อยๆบ่งบอกได้ดีทีเดียวว่าลาวากำลังเคอะเขินมากแค่ไหน

          แสดงว่าเมื่อคืนแม็กม่าคงทำการบ้านดีจนเป็นที่น่าพอใจมากทีเดียวไม่อย่างนั้นลาวาคงไม่แสดงอาการออกมาชัดเจนขนาดนี้หรอก โอ๊ยยยย ทำไมฉันถึงรู้สึกอิจฉาสองคนนี้จังเลยนะ

          เอ่อ...ที่ว่าอิจฉานี่ไม่ได้หมายถึงเรื่องแบบนั้นนะแต่กำลังพูดถึงคนมีคู่ต่างหากล่ะแค่มีความรักก็สามารถทำให้คนเราเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้อย่างไม่น่าเชื่อเหมือนยัยลาวาที่ตอนนี้กลายเป็นคนใจเย็นขึ้นมากถ้าหากเทียบกับเมื่อก่อน

          "แน่ใจเหรอจ๊ะเบบี๋ คิคิ" ฉันยังคงพูดล้อไม่เลิกยิ่งเห็นว่ายัยตัวดีหน้าแดงมากแค่ไหนก็ยิ่งอยากแกล้งมากเท่านั้น

          "แน่ยิ่งกว่าแช่แป้งซะอีกเว้ยยัยบ้า! หยุดล้อฉันได้แล้วไม่งั้นแกโดนฉันเล่นงานแน่!" ส่งเสียงข่มขู่พลางทำหน้าขึงขังจนฉันต้องหลุดหัวเราะออกมาอีกรอบเพราะดูออกว่ายัยลาวาแค่พยายามทำให้ดูน่ากลัวเท่านั้นเอง

          ช่วงนี้ไม่ต้องไปกลัวว่ายัยปากหมาจะอาละวาดหรอกเพราะยังรักกันดีกับแฟนหน้าโหดลองวันไหนทะเลาะกันมาสิ...ใครเผลอไปสบตาเข้ามีหวังซวยไปทั้งวันแน่ๆ

          "ถ้ากล้าก็ลองดูสิฉันมีพี่เทคอยู่ทั้งคนไม่กลัวแกหรอก" พูดจบก็แลบลิ้นเป็นการท้าทายก่อนจะกระโดดหลบไปยืนอยู่หลังพี่โอฬารที่ยืนนิ่งขณะมองฉันกับลาวาต่อปากต่อคำกันอยู่

          "มาลองดูกันว่าพี่เทคของแกจะช่วยอะไรแกได้บ้าง!"

          "พี่โอฬารช่วยเอมด้วย"

          หมับ!

          เพราะลาวาเล่นพุ่งตัวเข้ามาหาจนแทบตั้งตัวไม่ทันฉันก็เลยเผลอคว้าแขนของพี่โอฬารไว้แน่นแล้วหลบหลีกฝ่ามือพิฆาตของเพื่อนซี้ไปทางซ้ายทีขวาทีร่างสูงซึ่งยืนอยู่กึ่งกลางระหว่างผู้หญิงทั้งสองคนทำอะไรไม่ได้นอกจากหมุนตัวไปตามทิศทางที่ฉันนำพาไป

          และแทนที่เขาจะนึกรำคาญกับการเล่นไม่รู้จักโตของฉันกับลาวา กลับทำแค่เพียงยกยิ้มมุมปากเท่ๆ จนได้ยินเสียงกรีดร้องเบาๆ จากคนรอบข้างแทนซะงั้น เอ๊ะ! หรือว่าจะแอบขำพวกฉันอยู่ในใจกันแน่นะ...

          "มานี่เลยนะยัยบ้า! กล้าท้าทายคนอย่างลาวามันต้องโดนดี!"

          "แกต้องติดเชื้อโหดมาจากแม็กม่าแน่ๆนับวันยิ่งโหดขึ้นเรื่อยๆรู้ตัวไหม...ว้าย!"

          ฉันเผลอร้องออกมาเมื่อลาวาพุ่งเข้าใส่อีกครั้งแต่ก็หลบได้เช่นเคยตอนนี้เริ่มมีคนหันมามองกันมากขึ้นแล้วแต่ฉันกับลาวาก็ไม่ได้สนใจและยังคงเล่นไล่จับกันต่อ

          ทว่าจู่ๆลาวาก็หยุดเคลื่อนไหวแล้วมองเลยไปด้านหลังฉันราวกับมีใครคนหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้และเมื่อได้ยินลาวาเอ่ยออกมาฉันก็ถึงกับนิ่งงันไปชั่วขณะ

          "เฮ้ยอีเพลย์บอย!"

 

 

50% AFTER LOADING...

 

 

ภาพประกอบจาก : www.tumblr.com , www.siamzone.com ฯลฯ

 

The-Daziie's Talk

[14/03/2016] ตอนแรกก็ปากเก่งนะ พอเจอปะป๊าของเฌอเอมเข้าไปก็เงียบกริบเลย คงจะกลัวมากจริงๆ แถมยังถูกเมินอีก น่าน้อยใจแทนอีเพลย์บอย T___T นางเลยฟาดงวงฟาดงาใส่เฌอเอม โถๆๆ น่าสงสาร ชาร์ปนี้รีดเดอร์อย่าซ้ำเติมพระเอกเค้านะ มาช่วยปลอบใจนางดีกว่า... (อาจจะน่าสงสารแค่ชาร์ปเดียว 5555)

[15/04/2016] โอ้วววว อีเพลย์บอยงอนตุ๊บป่องกลับบ้านไปแย้ววววว จะตามไปคุยก็โดนโคลินเบรกไว้ก่อน เจอหน้ากันจะมึนตึงใส่กันหรือเปล่านี่สิ...ยิ่งมาเจอฉากเฌอเอมอยู่ใกล้พี่โอฬารด้วยแล้วจะยิ่งไปกันใหญ่ ยังไงมาลุ้นกันชาร์ปหน้าเนอะ เดย์ฝากรีดเดอร์ช่วยกันคอมเม้นท์และโหวตให้คะแนนตามรูปภาพด้านล่างด้วยนะ

 

นักอ่านคนไหนสนใจสั่งซื้อนิยาย สอบถามได้ที่แฟนเพจ The-Daziie นะคะ โดยการเสิร์ชหาชื่อนี้ใน Facebook ได้เลย (จริงๆ ทำลิ้งค์ไว้แต่มันกดไม่ได้ ยังไงใครสนใจเสิร์ชหาชื่อแล้วกันเนอะ)

 

ตัวอย่างหน้าปกนิยายค่ะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา