ปรารถนาร้อนจอมวายร้าย

-

เขียนโดย ศิริพารา

วันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 13.47 น.

  7 ตอน
  0 วิจารณ์
  8,384 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 13.49 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ปรารถนาร้อนจอมวายร้าย ตอนที่ 2 50%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตลอดสองชั่วโมงสิริภัทราเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของทรักฟู้ดคันเดิม เดินสำรวจทั้งด้านหน้าและด้านหลังเพราะรู้ดีว่าอีกไม่นานจะมีเหยื่อรายใหม่ที่ใหญ่กว่า ให้ความกระจ่างได้มากกว่ามาเก็บส่วนแบ่งจากการขายอาหารชุดพิเศษเช่นนี้แน่

        เป็นไปตามคาดเมื่อชายร่างกำยำที่สวมเสื้อโค้ตตัวยาวสีน้ำตาลเข้มเคาะประตูด้านหลังร้านติดๆกัน ไม่นานนักเชฟที่อยู่บนรถก็เปิดประตูออกมาส่งเงินฟ่อนใหญ่ให้ชายร่างกำยำ ซึ่งเดาได้อย่างง่ายดายว่าเป็นลูกพี่ของชายอีกสองคนซึ่งยืนประกบซ้าย-ขวา

        สิริภัทราถอยหลังไปยืนหลบอยู่มุมตึกซึ่งสามารถเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ชัดเจน ชายร่างกำยำไม่ได้เสียเวลานับแต่ยัดเงินทั้งฟ่อนเข้ากระเป๋าด้านในเสื้อโค้ตพลางวาดแขนข้างหนึ่งขึ้นกอดคอเจ้าของรถขายอาหาร ทั้งหมดต่างหัวเราะครื้นเครงด้วยธุรกิจที่ทำร่วมกันกำลังรุ่งเรืองและส่วนแบ่งที่ลงตัว

        นักข่าวสาวเดินสะกดรอยตามทั้งสามคนโดยเว้นระยะห่างไว้พอควรและได้รู้ว่า มีทรักฟู้ดสามคันที่จอดอยู่ในบล็อกเดียวนี้ เจ้าของเปิดประตูหลังร้านออกมาส่งเงินฟ่อนใหญ่ให้พวกมันทั้งนั้น แต่จู่ๆตัวลูกพี่ก็ชะงักการก้าวเดินและควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมารับสาย ในขณะที่ลูกน้องสองคนสอดส่ายสายตาไปรอบๆจนเกือบจะปะทะเข้ากับเธอ!

        หากสิริภัทรายังโชคดีที่ไหวตัวทันหลบอยู่ข้างรถเข็นขายอาหาร ผ้าใบพลาสติกยังช่วยพรางสายตาจากพวกมันได้บ้าง แต่ไม่ถึงชั่วอึดใจต่อมาก็ต้องรีบเดินตามพวกมันทั้งสามคนซึ่งเร่งจังหวะในการเดินเร็วขึ้นจนน่าสงสัย

 

        สิริภัทราต้องอาศัยความสามารถเฉพาะตัวในการวิ่งแบบย่องเบาเพราะดูเหมือนพวกมันจะระมัดระวังตัวมากขึ้น ยิ่งตามพวกมันมาไกลมากเท่าไหร่ก็ดูเหมือนว่าผู้คนที่ใช้พรางตัวจะบางตาลงทุกที ผับในซอยแคบๆแห่งหนึ่งคือจุดสุดท้ายที่เธอเห็นพวกมันเดินเข้าไปแต่การ์ดร่างสูงที่ยืนตรวจบัตรอยู่ด้านหน้าคืออุปสรรคอันใหญ่หลวงในตอนนี้

        เธอไม่อาจปล่อยโอกาสอันดีนี้ให้หลุดมือและกำลังใช้สมองอย่างหนักหาวิธีเดินเข้าไปในผับแห่งนี้โดยไม่ต้องมีบัตรสมาชิก

        รอยยิ้มพรายเกิดขึ้นบนใบหน้างดงาม เมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งเดินแซงหน้ามุ่งตรงไปยังประตูผับ เขาแทบจะทรงตัวไม่อยู่และคงไม่มีปัญหาหากเธอจะฉวยโอกาสใช้เขาเป็นทางผ่าน ไวเท่าความคิดสิริภัทราก็เร่งฝีเท้าให้ทันเขาและโอบแขนรอบเอวเขาไว้ในทันที

        “เดินตรงๆสิคะที่รัก อุ๊ย... ระวังค่ะ” บอกพลางเอื้อมมือไปหยิบเอาการ์ดที่หนุ่มขี้เมาดึงออกมาจากกระเป๋าเสื้อมาถือไว้เสียเอง

        แถวที่ยาวเกินสิบคนทำให้สิริภัทราสวมรอยได้อย่างแนบเนียน ไม่มีใครทันได้สังเกต แม้เจ้าของการ์ดผ่านประตูก็ยังยิ้มร่าเพราะจู่ๆก็มีร่างนุ่มนิ่มมาเป็นหลักให้เกาะเกี่ยวพาเดินเข้าไปด้านใน รอยยิ้มบาดใจเล่นหูเล่นตาแพรวพราวทำให้การ์ดร่างยักษ์เปิดทางให้เธออย่างง่ายดาย ไม่ได้ใส่ใจที่จะตรวจดูบัตรสมาชิกละเอียดนัก บั้นท้ายงอนงามภายใต้กางเกงยีนรัดรูปนั่นต่างหากที่ดึงดูดสายตาหลายต่อหลายคนให้มองตาม

        เธอยังเป็นสตันนิ่งเกิร์ลที่ทำให้คนมองตกตะลึงจนต้องนิ่งงันไปสักสามวินาที อกเป็นอก เอวเป็นเอว ยิ่งแสร้งส่งสายตาเชิญชวน เดินยักย้ายส่ายสะโพกเข้าหน่อยยิ่งเป็นที่ดึงดูดสายตา แต่สิ่งที่เธอแสร้งทำนั้นกลับอยู่ในสายตาคมกริบคู่หนึ่งตลอดเวลา เขาจ้องมองเธอมาตั้งแต่ยืนหลบมุมอยู่ข้างรถยนต์คันหนึ่งจนคว้าเหยื่อพาเดินเข้ามาในผับแห่งนี้ได้!

        Whistel ของ Flo Rida แร็พเปอร์อเมริกันผิวสีดังกระหึ่ม ความหมายกำกวมของเพลงยิ่งทำให้หลายคนที่กำลังสนุกอยู่ในผับส่งเสียงโห่ร้อง ใช้คำพูดโจ่งครึ่มกับคู่ของตน สิริภัทราส่ายหน้าให้กับคนเมามายแทบไม่ได้สติ แต่เขายังมีคุณงามความดีจนพาเธอเข้ามาในผับจึงพยายามพาเขาเดินไปมุมซึ่งมีโซฟาจัดวางเอาไว้

        สิริภัทราก้มตัวลงพร้อมสอดการ์ดเข้าไว้ในเสื้อเชิ้ตตัวในของหนุ่มขี้เมาพลางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก หากท่าทางของเธอในสายตาของนักเที่ยวมันไม่ต่างจากเธอกำลังมองคู่ควงของตนด้วยความเบื่อหน่าย

        “เฮ้ คนสวย ทิ้งไอ้ขี้เมาไว้ตรงนั้น แล้วมานั่งคร่อมฉันดีกว่า” บอกพร้อมใช้มือวางทาบลงบนกึ่งกลางกายของตน

        เสียงที่ดังขึ้นนั้นก็ไม่ได้ชัดเจนหรือมีสติสัมปชัญญะมากไปกว่าคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนตรงหน้าเธอเลย ท่าทางและคำพูดหยาบโลนของผู้ชายบางจำพวกความโชคร้ายที่สิริภัทราต้องเผชิญอยู่บ่อยครั้ง มันเกิดขึ้นด้วยความคะนองปากที่ได้เห็นสัดส่วนอันล่อตาล่อใจคนแต่เธอก็ไม่เคยมีปัญหาในการจัดการผู้ชายปากมอมพวกนี้เลย

        แต่ครั้งนี้ต้องบอกกับตัวเองว่าไม่ควรจะไปสนใจเพราะยังมีงานสำคัญกว่ารออยู่ จึงทำเป็นหูทวนลมไม่ใส่ใจตั้งท่าจะเดินหนี ทว่าเสียงกวนใจนั้นยังดังขึ้นอีกครั้ง

        “ควบสองได้ไหมอีหนู ก้นงอนน่าฟัดแบบนี้เดี๋ยวจ่ายค่าตัวเบิ้ลให้เลย”

        อีหนูกัดฟันข่มความโกรธเอาไว้แล้วหมุนตัวกลับโปรยยิ้มหวานเฉียบแต่สายตาและคำพูดกลับร้ายกาจยิ่งนัก

        “ดูท่าจะเล็ก...” ปรายตามองจุดกลางกายพร้อมเบะที่มุมปาก “หรือถ้าจะเอาจริงๆ ก็ออกไปถามพี่เบิ้มหน้าประตูดูก่อนสิคะว่ายอมให้กี่ชั่วโมง ถ้าไม่สะดวกเดินไปถามเดี๋ยวฉันจะไปถามให้ก็ได้”

        “โอ๊ย... ไม่เอาน่า ล้อเล่นเท่านั้น” คนที่แจ้งความประสงค์ว่าจะจ่ายค่าตัวให้เป็นสองเท่ารีบร้อนห้ามทันทีเมื่อเห็นเธอตั้งท่าจะเดินไปจริงๆ “พวกเรามาเที่ยวสนุกๆไม่อยากหาเรื่องลำบากใส่ตัวหรอก ถ้ามีแฟนอยู่แล้วก็... เชิญ”

        ใจจริงอยากจะต่อความมากกว่านี้เพราะรู้ว่าตัวเองจับทางของผู้ชายพวกนี้ได้แล้วแต่ด้วยความรีบร้อนจึงยอมเดินห่างออกมาง่ายๆ สอดส่ายสายตาในความมืดที่มีเพียงแสงไฟหลากสีสว่างวาบขึ้นชั่วขณะเท่านั้น ยิ่งดึกคนที่เข้ามาเที่ยวในผับก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเธอจะตามหาพวกมันได้จากที่ไหน

        นักข่าวสาวขบคิดอย่างหนักและอาศัยความมืด ผู้คนมากมายเดินเบียดเสียดไม่มีใครสนใจใครเท่าไหร่นักจึงเป็นโอกาสอันดีให้เธอเดินลึกเข้าไปในถึงห้องน้ำแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะพบชายทั้งสามและได้เห็นแต่ชายหญิงหลายคู่ที่กำลังบดจูบกันอย่างถึงพริกถึงขิง มันเป็นเช่นนี้ในผับเกือบทุกแห่งหนสินะ

        หากทางเดินแคบๆซึ่งมีผ้าสีทึบปิดเอาไว้ราวกับเป็นเขตหวงห้ามเฉพาะ ดวงตากลมดวงเหลียวซ้ายแลขวาและอาศัยจังหวะที่ปลอดสายตาคนชั่วขณะนั้นก้าวเข้าไปหลังผ้าสีทึบซึ่งได้พบว่าเป็นทางเดินแคบๆ กั้นเป็นห้องๆสำหรับแขกวีไอพี

        มีคนเดินสวนเข้าออกอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้เบียดเสียดเหมือนด้านหน้าผับ แต่เมื่อเดินไปสุดทางแคบๆสิริภัทราก็ได้พบกับบันไดที่ทอดตัวสู่ชั้นบนจึงสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วก้าวขึ้นไป เมื่อขึ้นไปถึงชั้นสองก็พบว่าสภาพนั้นไม่ได้ต่างจากชั้นล่างซึ่งเป็นซอยแยกเป็นหลายห้อง ปิดประตูมิดชิดและมีทางเดินแคบๆไปจนสุดความยาวทะลุระเบียงด้านหน้า

        “พวกแกทำงานชุ่ยๆแบบนี้ได้ยังไง”

        เสียงห้าวที่ดังออกมาให้ได้ยินนั้น ฟังได้ชัดเจนมากขึ้นเมื่อสิริภัทราเดินไปหลบอยู่ตรงมุมห้องซึ่งด้านหน้าเป็นระเบียงมีเพียงผ้าสีทึบปิดเอาไว้และมันขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวตามแรงลมที่ปะทะเข้ามา

        “ผมไม่รู้จริงๆครับ ตอนไปเก็บเงินก็ไม่ได้ยินพวกมันรายงานว่ามีอะไรผิดปกติ วันนี้ออกจะขายดีเป็นพิเศษด้วยซ้ำ”

        สิริภัทราเบิกตากว้างเมื่อลมพัดเข้ามาเปิดผ้าสีทึบขึ้นชั่วครู่แล้วเธอก็ได้เห็นชายสามคนที่กำลังตามหา หนึ่งในนั้นยื่นเงินฟ่อนใหญ่ให้ใครสักคนซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้และเธอไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้เลย แต่คำพูดและการที่เขาใช้เท้าถีบชายร่างกำยำที่ไปเก็บส่วนแบ่งจนล้มไม่เป็นท่าลงกับพื้นนั้นก็ทำให้เธอทราบว่ากำลังเข้าใกล้คนที่มีตำแหน่งใหญ่ขึ้นทุกที

        “ไอ้พวกนั้นมันจะมีสมองอะไรวะ นั่นมันพวกใช้แรงงาน บอกให้ทำอะไรก็ได้แค่ทำตาม พวกแกสิไม่รู้จักไปสังเกตดูลาดเลา ถึงเวลาก็แค่ไปเก็บส่วนแบ่งแบบนี้ไงถึงได้ปล่อยให้พวกนักข่าวมันมาล้วงลูกได้”

        สิริภัทราเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำว่านักข่าว ใจหายวาบเมื่อนึกถึงความปลอดภัยของมิเกลล่า แม้อยากจะยกโทรศัพท์ขึ้นติดต่อไถ่ถามแต่ก็ไม่อาจทำได้ เมื่อเสียงห้าวดังขึ้นอีกครั้ง

        “รู้ไหมว่าไอ้ส่วนแบ่งที่พวกแกเก็บมาได้เนี่ย มันแทบจะไม่ได้เศษเสี้ยวหนึ่งที่เจ้านายต้องเอาไปปิดเรื่องไม่ให้รั่วไหลออกไปมากกว่านี้”

        “ครับ คราวหลังผมจะระวังให้มากกว่านี้” คนที่ล้มลงกับพื้นตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

        “ไม่มีคราวหลังอีกแล้ว ยกเลิกการขายแบบพิเศษให้หมดทุกอย่างจนกว่าเจ้านายจะมีคำสั่งลงมาอีก แล้วพวกแกคงรู้นะว่าคนที่ทำงานพลาด ต้องรับบทลงโทษอะไรจากเจ้า...”

        จู่ๆเสียงห้าว ดุดันก็เงียบกริบลงไปเสียดื้อๆเมื่อเห็นลูกน้องที่กำลังจะทรงตัวลุกขึ้นยกนิ้วชี้ขึ้นที่ริมฝีปาก สัญญาณนั้นบ่งบอกว่ากำลังมีแขกไม่ได้รับเชิญมาเยี่ยมเยียนในระยะประชิด

        ทั้งสามคนชักปืนที่ออกมา ขึ้นลำกล้องพร้อมยิง ในขณะที่สาวเท้าเข้าไปในตัวอาคารด้วยความระแวดระวัง หนึ่งในนั้นส่งสัญญาณให้เตรียมโจมตีเมื่อเปิดผ้าสีทึบนั้นเข้าไปหาแขกไม่ได้รับเชิญ ซึ่งเมื่อครู่ได้เห็นเพียงปลายรองเท้า!

        พรึบ! ผ้าสีทึบถูกกระชากออกอย่างแรง

        ว่างเปล่าไร้จากร่างของสิ่งมีชีวิตแต่ปลายทางแคบๆหน้าบันไดทางลงกลับเห็นเพียงด้านหลังแวบๆเท่านั้น

        “เฮ้ย! หยุดเดี๋ยวนี้...” เรียกพร้อมออกวิ่งตามในทันที “บอกว่าให้หยุด”

        หากคนที่เกือบถูกจับได้กลับต้องวิ่งลงบันไดอย่างไม่คิดชีวิต เธอเคลื่อนที่ไปตามแรงฉุดรั้งของผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่จับข้อมือเอาไว้แน่นและได้เห็นเพียงแวบเดียวก็จำได้ในทันที

        “คุณ... คุณ จะไปไหน” ถามในขณะที่วิ่งลงมาถึงชั้นล่างและต้องวิ่งไปเรื่อยตามแรงดึงของเขา

        “ตรงไหนรอดก็ไปมันที่นั่นแหละ” ให้ตายเถอะ! ทำไมเขาถึงต้องเจอสถานการณ์วิกฤตทุกครั้งที่พบหน้าผู้หญิงคนนี้นะ

        “ไม่ทันแล้ว มันตามมาแล้ว ฉันได้ยินเสียงมันเรียก เมิร์ธ! พวกมันมาแล้ว” ยังจำชื่อเขาได้ไม่เคยลืมและโพล่งออกไปทันทีเมื่อวิ่งพ้นผ้าสีทึบออกมายืนตรงทางเดินหน้าห้องน้ำ

        เร็วกว่าความคิดเมื่อเธอถูกเขาผลักเข้ากับผนังไม่เบานัก เรียกว่าเกิดอาการจุกท้องขึ้นมาในทันทีจึงไม่มีโอกาสทัดทาน เมื่อเขาเบียดตัวเข้ามาจนแทบไม่มีช่องว่างให้อากาศลอดผ่าน ได้แต่อ้าปากค้างมองเขายกมือขึ้นหมุนปีกโค้งงอของหมวกแก๊ปหนังสีดำไปไว้ตรงท้ายทอยแล้วก้มลงมาหา

        “ครางออกมา” แบดบอยหนุ่มสั่งพร้อมเกี่ยวเอาขาเรียวข้างหนึ่งขึ้นไว้ตรงสะโพกสอบของตน

        “อะไรนะ?” ถามเสียงหลงทั้งที่ได้ยินเต็มสองหู

        “ร้องดังๆเหมือนตอนมีเซ็กซ์” ไม่เพียงไม่ทำตาม ยังซักไซ้จนน่าโมโหทั้งที่อยู่ในสถานการณ์คับขัน

        “อื้อ... ทำบ้าอะไรของคุณ” เบือนหน้าหนีเมื่อเขาก้มลงทำท่าว่าจะจูบ แน่ล่ะว่าจูบพลาดเป้าจนตอนนี้เขาได้ซุกไซ้ซอกคอเธอ

        “บอกให้ครางออกมาดังๆ เอาเสียงแบบตอนที่เกิดอารมณ์อยากจัด ร้อง ให้เร็ว” ขู่เข็ญ บังคับ และจัดการขั้นเด็ดขาดเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของพวกมันย่ำใกล้เข้ามาทุกที

        “โอ... เมิร์ธ!” นั่นคือเสียงอุทานในความตกใจเสียมากกว่าเพราะร่างกายเธอกำลังถูกรุกรานอย่างฉับพลัน มือที่คว้าหมับเข้าบั้นท้ายยังไม่ร้ายกาจเท่าอีกข้างที่สอดเข้าไปในแจ็กเก็ตแล้วฟอนเฟ้นทรวงอก!

        เมิร์ธยิ้มพรายเมื่อได้เคล้นคลึงก้อนเนื้อแน่นหยุ่นตามอำเภอใจ ซุกหน้าลงแอ่งชีพจรไม่เข้าใจตัวเองว่าเกิดความต้องการจนกลางกายรวดร้าวในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร

        “อื้อ... โอ...” เธอไม่ได้อยากร้องครางอย่างที่เขาบังคับหรอก แต่เมื่อยอดทรวงถูกนิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือรุกรานอย่างหนักเสียงก็หลุดรอดออกมาโดยอัตโนมัติ

        แม้ว่าจะมีเสื้อยืดและบราเซียร์เป็นปราการกั้นฝ่ามือใหญ่ถึงสองชั้นแต่ดูเหมือนว่ามันไม่อาจต้านทานความร้อนจากปลายนิ้วของเขาได้เลย

        “ใช่... เอาให้ดังกว่านี้ถ้ายังอยากเดินออกไปโดยไม่บอบช้ำ” สั่งแล้วก้มต่ำลงอีกครั้ง ฝังปลายจมูกเข้ากลางหว่างก้อนเนื้อสองข้างที่เบียดตัวกันชิดในบราเซียร์

        พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเขากำลังหน้ามืดตามัว รูปทรงอวบอัดและกลิ่นน้ำหอมเจือจางบนผิวเนื้อนุ่มละมุนนี้ให้ความรู้สึกเลิศเลอนัก

        “หายไปไหนวะ เมื่อกี้นี้ยังเห็นข้างหลังแวบๆ” หนึ่งในสามคนบอกก่อนจะสอดส่ายสายตาหาแต่ก็เห็นเพียงหญิงชายหลายคู่ที่กำลังถูกตัณหาราคะเข้าครอบงำ ยิ่งคู่ที่อยู่ใกล้ๆนี้ยิ่งฟัดกันนัวเนียถ้าไม่ติดว่าอยู่ในผับคงได้อึ๊บกันข้างผนังนี้เป็นแน่

        “อา... เมิร์ธ” เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆที่ครางออกมาด้วยเสียงที่ยั่วอารมณ์เช่นนั้น ใบหน้าดุกร้าวของผู้ชายสามคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลนี้คือแรงกระตุ้นความกลัวให้เพิ่มระดับความดัง แต่อารมณ์ที่เปล่งออกมากับเสียงครางนั้นมาจากฝ่ามือร้ายกาจทั้งสองข้างล้วนๆ

        เขาใช้สองมือช้อนสะโพกผายขึ้นจนขาเรียวทั้งสองข้างต้องตวัดรอบสะโพกสอบ ออกแรงบีบเค้นบั้นท้ายงอนงามอย่างย่ามใจ “อ๊า... ไม่ไหวแล้ว ตรงนี้เลยได้ไหม”

        ใบหน้างดงามแหงนเริด บดเบียดเข้ากับผนังพลางก้มลงมองคนถามด้วยแววตาร้อนรุ่มจนชายทั้งสามต้องมองตามไม่วางตา หากไม่อาจทำอะไรไปได้มากกว่าออกตามหาคนที่แอบฟังและจับตัวมันไปให้ลูกพี่

        “ไปโว้ย... มันคงหนีไปได้ไม่ไกล” พูดจบก็เดินจากไปทันที

        สิริภัทราได้แต่หรี่ตามองและถอนหายใจอย่างโล่งอก หากร่างกายส่วนต่างๆที่ไวต่อการสัมผัสแนบชิดเช่นนี้ยังซาบซ่านไปทั้งกายและต้องก้มลงมองเมื่อรู้สึกว่าผิวเนื้อเหนือทรวงอกได้สัมผัสกับความชื้น!

        ดวงตาคู่คมเหลือบขึ้นมองตามชายทั้งสามนั้นปะทะเข้ากับดวงตาคู่สวยซึ่งก้มลงมาหาในจังหวะที่ริมฝีปากหนายังดูดเม้มเนื้อนุ่มเนินอก

        “คะ...คุณ!” ไม่บ่อยนักที่สิริภัทราจะอยู่ในอาการน้ำท่วมปาก พูดไม่ออกบอกไม่ถูกแต่เชื่อเถอะว่าสองครั้งแล้วที่สมองของเธอต้องอยู่ในภาวะล่มสลาย เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนี้

        แม้จะเสียดายแต่เขารู้ดีว่านี่คือเวลาแห่งการเอาตัวรอดและต้องพาเธอออกไปจากผับแห่งนี้ให้ได้เสียก่อนจึงจะปลอดภัยพอที่จะจัดการความรู้สึกที่คั่งค้างต่อให้จบสิ้น

        เธอไม่ใช่ผู้หญิงเอวบางร่างน้อยแต่ก็ไม่ได้อวบอัดไปทั้งเนื้อทั้งตัวเหมือนสาวบราซิลเลี่ยน ทว่าส่วนโค้งที่นูนขึ้นกลับมีมากเกินตัว มันรับกับเอวคอดกิ่วที่กำลังเหมาะมือ ส่วนบั้นท้ายงอนงามก็แน่นตึง เพียงแค่คิดว่าจะใช้งานสัดส่วนที่ถูกใจสุดๆนี้ด้วยท่าทางแบบใดขนอ่อนในกายก็ลุกเกรียวกราว

       

        หากสามคนที่กำลังกวาดสายตามองไปรอบๆผับกลับไม่เจอความผิดปกติใด แม้จะขึ้นไปยืนมองลงมาจากมุมสูงของชั้นลอยที่ยกสเต็ปขึ้นสำหรับลูกค้าวีไอพีแล้วก็ตาม หากลูกพี่ซึ่งมีตำแหน่งใหญ่ที่สุดในสามคนกลับชะงักไปชั่วครู่ เมื่อสมองกำลังทบทวนภาพเหตุการณ์บางอย่าง

        เขาจำว่าได้ปลายรองเท้าบูตนั้นเป็นทรงแหลม สีน้ำตาลเข้มปั๊มลวดลายเถาวัลย์ไว้ด้านหน้าซึ่งมันเหมือนกันกับรองเท้าของผู้หญิงที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกับผู้ชายคนหนึ่งอยู่หน้าทางเดินห้องน้ำ

        “ฉิบหายเอ๊ย!” พูดโพล่งออกมา หากก่อนจะหมุนตัวกลับสายตาก็ปะทะเข้ากับความผิดปกติของชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเดินด้วยความรีบร้อนฝ่าฝูงชนที่หลั่งไหลเข้ามาในผับออกไปข้างนอก “นั่นไง พวกมันอยู่ตรงประตู ตามไปเร็วเข้า”

        ทั้งสามวิ่งกลับลงไปชั้นล่างพร้อมกับตะโกนให้พรรคพวกจับตัวทั้งคู่เอาไว้ แต่ทำไม่ได้ง่ายนักเพราะเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มบวกกับความมืด มีเพียงกลุ่มคนที่หลีกทางให้พร้อมมองด้วยความตกใจที่เห็นปืนในมือชายทั้งสามเป็นหย่อมๆไปจนถึงหน้าประตูทางเข้า

        “ชายหญิงที่วิ่งออกมาเมื่อกี้นี้ไปทางไหนแล้ว พวกนายเห็นไหมวะ?” ถามการ์ดร่างยักษ์ที่ยืนตรวจบัตรพลางสอดส่ายสายตาไปตามมือของการ์ดที่ชี้ไปยังทิศทางของชายหญิงเพียงคู่เดียวที่เดินออกจากผับ

        “นั่นไง พวกมันวิ่งหายไปแล้ว” ลูกน้องบอกพร้อมชี้นิ้วไปยังมุมตึกและเห็นปลายผมของผู้หญิงไวๆ

        “ตามไปโว้ย... ต้องจับตัวมันมาให้ได้”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา