ปรารถนาร้อนจอมวายร้าย

-

เขียนโดย ศิริพารา

วันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 13.47 น.

  7 ตอน
  0 วิจารณ์
  8,386 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 13.49 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) ปรารถนาร้อนจอมวายร้าย ตอนที่ 3 30%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

หลังวางสายจากคู่หู สิริภัทราใช้เวลาในการอาบน้ำชำระร่างกายตัวเองอย่างเร็วที่สุดเท่าที่เคยทำมาเพียงเพราะอยากทำตามเล่ห์กลขั้นต่อไปเช่นหนังสือฮาวทูที่เคยอ่าน หัวใจเธอเต้นตึกตักราวกับสาวน้อยวัยแรกแย้มที่ริอ่านต่อสายถึงหนุ่มที่สนใจ แต่มันผิดแปลกไปบ้างตรงที่เธอกำลังกดเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองและรอฟังเสียงเขาอย่างใจจดใจจ่อ

        “ตกลงคืนนี้จะไม่ให้ผมนอนใช่ไหม พิตต้า”

        น้ำเสียงห้าวที่ได้ยินทำให้สิริภัทราต้องรีบยกมือข้างหนึ่งขึ้นทาบหน้าอกตัวเอง ถ้าหากเขามีตาวิเศษคงได้เห็นว่าตอนนี้เธอทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ชุดทำงาน ยื่นโทรศัพท์ออกไปจนสุดแขนพลางย่ำสองเท้ากับพื้นไม่ต่างจากเด็กที่ได้ของขวัญถูกใจ

        “เอ่อ... คุณรู้ได้ยังไงว่าเป็นฉันโทร. เข้ามา” ข่มความตื่นเต้นเอาไว้จนลึกแล้วถามออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่สุด

        “ก็คุณทำมันตกไว้ในรถผมนี่ จะให้คิดว่าใครโทร. เข้ามาได้อีก” บอกและไม่คิดจะหรี่เสียงเพลงลงสักนิด เขาเอนตัวให้แผ่นหลังแกร่งสัมผัสกับความนุ่มของหัวเตียงซึ่งบุด้วยกำมะหยี่สีดำสนิท ดึงบุ๋มแล้วประดับด้วยกระดุมคริสตัล ขณะที่ฝ่ามือก็สัมผัสกับขนนุ่มของแมวป่าที่นอนพาดอยู่บนตัก

        คำตอบของเขาทำให้เกิดความเงียบไปชั่วขณะเพราะสิริภัทราไม่รู้ว่าจะชวนเขาคุยต่อไปอย่างไร ทั้งเสียงเพลงที่เล็ดลอดเข้ามาก็ทำให้นึกหงุดหงิดใจขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ จนแล้วจนรอดอุปกรณ์สื่อสารก็คงจะเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เกิดบทสนทนาต่อไป

        “ค่ะ ฉันไม่รู้ว่ามันหล่นจากกระเป๋ากางเกงเมื่อไหร่ ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนคะ ถ้าจะกลับแล้วช่วยแวะ...”

        “ม่าย... ถ้าอยากได้คืนก็มาเอาเองสิ” ยิ่งได้ยินน้ำเสียงหงุดหงิดใจของเธอเท่าไหร่ เขายิ่งอดขำไม่ได้ เธอพูดออกมาอย่างนั้นก็คงคิดว่าเขาจะอยู่ในผับหรือกำลังมีกิจกรรมสุดเหวี่ยงกับผู้หญิงสักคน หากไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องเล่นตัวทั้งที่เกิดความสนใจในตัวเขาถึงเพียงนี้ “แค่ได้ยินเสียงเพลงก็ทำให้คุณหงุดหงิดได้แล้วเหรอShawty เล่นตัวหนักขนาดนี้อีกนานนะกว่าจะได้เคลมผม”

        หน็อย ไอ้คนโอหัง!

        “ค่ะ ก็เพราะคุณมันปากดีแบบนี้ไงฉันเลยไม่อยากเคลมง่ายๆ ถ้าสงบกว่านี้สักหน่อยป่านนี้เราอาจจะไปนั่งฟังเพลงที่ไหนด้วยกันสักแห่งแล้ว” เพียงแค่เขาเริ่มยั่วโมโหเธอก็เป็นต้องหลงลืมความตั้งใจทุกครั้งสิน่า “เข้าเรื่องเลยแล้วกัน จะให้ฉันไปเอาโทรศัพท์คืนที่ไหนคะ”

        “อา... ถ้ามาหาผมตอนนี้ คิดเอาไว้รึเปล่าว่าจะกลับไปนอนได้สักกี่ชั่วโมง”

        คำถาม น้ำเสียงและจังหวะจะโคนในการพูดมันช่างยั่วยุอารมณ์โมโหของเธอเหลือเกิน “ฉันแค่ถามเอาไว้แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไปหาคุณตอนนี้ อีกอย่างถ้าคุณเริ่มเมาหรือกำลังอยู่ในอารมณ์คึกจัดจนตีความทุกอย่างเป็นเรื่องอย่างว่าเสียหมด ฉันจะวางสายเดี๋ยวนี้เลย”

        “ฮ่า... ดุจริงพิตต้า” หัวเราะอย่างถูกใจ ความจริงแล้วอยากบอกเธอว่าเวลาอยู่บนเตียงก็ให้ดุเด็ดแบบนี้ก็แล้วกัน แต่ถ้าพูดออกไปตรงๆแบบนั้น เดี๋ยวเธอจะหาเรื่องตวาดเขาอีก “แล้วคุณคิดไปถึงไหนเนี่ย ผมก็แค่ถามว่าถ้ามาเอาโทรศัพท์ตอนนี้ต้องเดินทางกลับไปกลับมา จะได้พักผ่อนสักชั่วโมงกันเชียว นี่มันตีหนึ่งครึ่งแล้วนะคนสวย”

        คนสวยอ้าปากค้างเพราะคำอธิบายของเขาเพิ่งทำให้รู้สึกตัวว่าเธอคิดมากไปเองหรืออย่างไร “ก็... ไม่รู้ล่ะ คุณชอบกวนโมโหฉันนี่นา พูดอะไรออกมาก็ตีความเป็นเรื่องอย่างว่าเสียหมด”

        “ไม่ม้าง ผมรู้ว่าคุณคิด” เขาชะงักคำพูดไปชั่วอึดใจและต่อด้วยประโยคที่ทำให้เธอพูดไม่ออก “เสียงเพลงทำให้คุณคิดว่าผมอยู่ในสถานที่อโคจรสักแห่ง”

        “หรือไม่จริง” สิริภัทราตอบกลับทันควันและเสียงหัวเราะนั่นยิ่งทำให้เธอหมั่นไส้

        “ถ้าผมตอบว่าไม่แล้วจะทำให้คุณนอนหลับโดยไร้ซึ่งความหงุดหงิดใจ ผมก็จะตอบอย่างนั้น อันที่จริงแล้วผมเอนตัวอยู่บนเตียง มือกำลังลูบ เกา เคล้นคลึง”

        “เมิร์ธ หยุดเดี๋ยวนี้” เธอเรียกชื่อเขาก่อนที่จะพูดจบประโยค ไม่อยากฟังเมื่อรู้ว่ากิริยาเหล่านั้นต้องเกิดขึ้นบนเรือนกายของผู้หญิงสักคน แต่เขาก็เรียกเธอกลับด้วยน้ำเสียงโทนเดียวกัน

        “พิตต้า หยุดแล้วฟังผมให้จบ ที่นอนพาดอยู่บนหน้าตักผมไม่ใช่อย่างที่คุณคิดไปเองแต่มันคือมิสไซล์” เมิร์ธเฉลยและยิ้มพรายเมื่อปลายสายเงียบกริบ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเธอกำลังยิ้มอย่างพึงใจ

        เปล่าเลยเพราะเธอไม่ได้ยิ้มสักนิด แต่สิริภัทราอยากจะเอาหัวตัวเองโขกผนังแรงๆ ไม่รู้ว่าเผลอตัวแสดงความหงุดหงิดใจไปให้เขาหัวเราะเยาะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

        “ค่ะ เอ่อ... อันที่จริงแล้วคุณไม่ต้องบอกเรื่องพวกนี้กับฉันหรอกนะคะ ฉันแค่จะโทร. มาถามว่าจะให้ไปรับโทรศัพท์คืนที่ไหนเท่านั้น” บอกแล้วก็ต้องส่ายหน้าให้กับตัวเอง เธอพลาดท่าเสียทีให้กับเขาอย่างราบคาบ

        “ถ้าคุณยืนยันว่าจะไม่มาเอาคืนที่ห้องของผมก็นัดที่ที่คุณสะดวกมาก็แล้วกัน อีกอย่างผมคิดว่าคุณน่าจะเข้านอนพร้อมความหงุดหงิดใจถ้าไม่ได้รู้ว่ามันคือมิสไซล์” บอกพลางก้มลงมองแมวป่าที่บิดตัวอย่างเกียจคร้านก่อนจะลุกขึ้นกระโดดลงจากเตียงไปหาที่นอนใหม่ เพราะเสียงเพลงที่เขาเปิดกระหึ่มอยู่นี้รบกวนการพักผ่อนของมันอย่างหนัก

        “ฉันพอจะเข้าใจได้นะคะเมิร์ธ คุณอาจจะได้เจอแต่ผู้หญิงที่สามารถอ่านใจได้ง่ายดาย พอใจแล้วก็ไปจบลงที่เตียง แต่อยากจะบอกคุณว่ามันใช้ไม่ได้กับผู้หญิงทุกคน” สิริภัทราบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังระคนอ่อนใจ

        จริงอยู่ว่าเธอเองก็เกิดความสนใจในตัวเขาไม่น้อย หรือหากพูดให้ถูกก็คือสนใจมากจนกระทั่งทำเรื่องบ้าๆที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต แต่ท่าทีที่เขารุกหนักมันทำให้เธอหวาดกลัวว่ามันจะเป็นเพียงวัน ไนท์ สแตนด์ เมื่อจบเกมต่างคนก็ต่างไป

        “บางทีผมอาจจะต้องเป็นฝ่ายขอโทษที่ทำให้คุณคิดอย่างนั้น แต่เชื่อเถอะว่าไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณรู้สึกแย่นะ” น้ำเสียงจริงจังของเธอทำให้เขาอยากรักษามิตรภาพที่เกิดขึ้นในสถานการณ์อันคับขัน แม้ไม่รู้ว่ามันจะพัฒนาไปได้ไกลสักแค่ไหน แต่ที่รู้ตอนนี้คือเขาเกิดความพึงใจในตัวเธออย่างมาก

        “ค่ะ การสื่อสารระหว่างเราคงจะมีอะไรสักอย่างที่ผิดพลาดไป” สิริภัทรายิ้มอ่อนเมื่อได้รับคำขอโทษทื่อๆแต่สัมผัสได้ว่ามาจากใจของเขาล้วนๆ

        “แต่ผมก็ยังยืนยันความตั้งใจเดิม เพราะคิดว่าจับความหงุดหงิดใจในน้ำเสียงของคุณได้แต่ผมอาจจะใช้คำพูดกับคุณแข็งทื่อไปหน่อย”

        คนฟังได้แต่พยักหน้ารับและคิดต่อในใจว่า ไม่หน่อยหรอกแต่มันแข็งทื่อมากจนเธอทั้งอายทั้งโมโหเชียวล่ะ

        เมื่อเธอรับฟังอย่างเงียบๆมันก็เป็นสัญญาณอันดีให้เขาได้อธิบายต่อ “หรืออีกอย่างผมก็อาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงปฏิเสธ ทั้งที่รู้ว่าเราคิดไม่ต่างกัน”

        “อ๋อ... มันต่างกันตรงที่คุณคิดว่ามันจบลงบนเตียง แต่สำหรับฉันไม่นะคะ” สิริภัทราเริ่มแลกเปลี่ยนในความคิดของตน

        “ก็อาจจะจริงเพราะเรายังไม่เริ่มต้น แต่เชื่อเถอะว่าระหว่างเรามันต้องไปถึงจุดนั้น”

        สิริภัทราส่ายหน้าเพราะรู้ว่าถึงจะต่อล้อต่อเถียงกับผู้ชายคนนี้ยันสว่างก็ยังหาบทสรุปไม่ได้ และเธอก็เหนื่อยเกินกว่าที่จะทำเช่นนั้นอีกทั้งพรุ่งนี้ยังต้องขุดตัวออกจากเตียงเพื่อเริ่มเช้าวันใหม่ของการทำงาน

        “แล้วแต่คุณจะคิดก็แล้วกัน วันนี้ฉันเหนื่อยมากและไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของคุณด้วย ตกลงว่าพรุ่งนี้เช้าฉันไปรับโทรศัพท์คืนได้ใช่ไหม” ถามและจ้องมองหน้าจอแล็ปท้อปซึ่งเปิดแอพพลิเคชั่นหนึ่งเอาไว้ จู่ๆตัวเลขแสดงการส่งคำร้องเพิ่มเป็นเพื่อนก็เพิ่มขึ้น

        “ม่าย... ผมไม่เคยตื่นขึ้นมาทันมื้อเที่ยงเลยสักวัน เป็นไปไม่ได้ที่จะให้คุณมาหาในตอนเช้า” คนที่ทำงานในช่วงกลางคืนไปจนถึงสว่างบอกในขณะที่ก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์ของตน เป็นครั้งแรกที่เขารอคอยการตอบรับเป็นเพื่อนจากใครสักคนด้วยใจจดจ่อเช่นนี้

        POM คือชื่อที่เธอเห็นว่าเพิ่งส่งคำร้องขอเป็นเพื่อนเข้ามาและต้องยิ้มโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นรูปโปรไฟล์เป็นแมวป่าที่เคยช่วยชีวิตตนไว้เมื่อสามเดือนที่แล้ว มิสไซล์

        “ถ้างั้นก็คงต้องแล้วแต่คุณ จะให้ไปเอาที่ไหน เมื่อไหร่นัดมาเลยนะคะแต่ขอเร็วหน่อยเพราะฉันต้องใช้งาน” ตอบและยังไม่ยอมรับเขาเป็นเพื่อน

        “ถ้ารีบก็มาหาผมตอนนี้สิ”

        “เมิร์ธ อย่าเริ่ม!”

        “จ้ะ แต่ตกลงคุณจะเล่นตัวไปถึงไหน” ถามขึ้นในที่สุด หากคนที่คิดว่าตัวเองกำลังได้เปรียบเพราะได้รู้ว่าเขากำลังรอคอยบางอย่างจากเธอกลับต้องคิดเสียใหม่เมื่อได้ยินคำพูดเชิงขู่ “อย่าลืมนะว่าผมใช้โทรศัพท์คุณอยู่ หลังจากวางสายมันจะปลดล็อกแล้วจากนั้นมันก็คือโทรศัพท์ของผม”

        แน่ล่ะว่าคงไม่มีใครจะทำการล็อกเอ้าท์จากระบบแอพพลิเคชั่นต่างๆในมือถือ มันง่าย สะดวกรวดเร็วในการใช้งานแต่มันคือข้อเสียมหาศาลที่เกิดขึ้น เธอกลับไม่ได้นึกถึงมันเลยตอนที่ตั้งใจหย่อนมันลงบนเบาะในรถของเขา

        สิ้นคำเตือนแกมขู่บังคับเขาก็ยิ้มพรายเมื่อได้รับการแจ้งเตือนคำตอบรับเป็นเพื่อนจากเธอพร้อมๆกับเสียงหวานที่ดังมาตามสายอีกครั้ง

        “พอใจรึยังคะ” ถามทั้งอดประชดไม่ได้เมื่อภาพแรกในหน้าไทม์ไลน์ของเขาเมื่อสิบนาทีที่แล้วนั้นมันคือภาพของมิสไซล์ที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ตรงหน้าตัก แต่องศาที่เจ้าตัวถ่ายภาพนั้นต้นขาแกร่งทั้งสองข้างมันแย่งซีนไปจากแมวป่า แถมข้อความกว่าครึ่งร้อยก็เป็นผู้หญิงที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างโจ่งครึ่ม!

        ‘อยากซุกหัวกับตรงนั้นแทนแมวป่าตัวนี้จังค่ะ’

        ‘ผิดทิศทางไปหน่อยนะคะ น่าจะยื่นแขนออกมาไกลอีกสักหน่อยแล้วใช้กล้องหน้าแทน’

        สิริภัทราใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อคิดตามคอมเม้นต์ล่าสุด ถ้าทำอย่างนั้นเขาก็คงเป็นพวกไอ้ชอบโชว์เพราะดูจากสภาพแล้วคงจะไม่มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้น ทว่ารอยสักบางอย่างซึ่งเธอมองไม่ชัดเจนนักบนต้นขาข้างขวากลับดึงดูดความสนใจเสียมากกว่า

        “ที่เงียบนี่เพราะกำลังสำรวจรสนิยมของเพื่อนใหม่ใช่ไหม” เมิร์ธถามอย่างรู้ทัน เพราะเขาเองกำลังทำอย่างนั้นเหมือนกันแต่ออกจะผิดหวังอยู่มากเมื่อเธอเป็นพวกโลว์โปรไฟล์ เดือนหนึ่งจะโพสต์สักสองสามครั้งได้ล่ะมั้ง

        “ค่ะ ดูเหมือนว่าเพื่อนคนนี้จะเป็นพวกชอบโชว์เสียด้วย” ตอบแล้วต้องทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อมีสาวๆเข้ามาแสดงข้อความจนเธออ่านแทบไม่ทัน “ถ้าสูงกว่านี้อีกสักนิดหรือไม่มีมิสไซล์นอนอยู่ล่ะก็ ฉันบล็อกคุณแน่”

        “ที่โกรธเนี่ยเพราะเห็นว่ามีแต่ผู้หญิงเข้ามาคุยด้วยใช่ไหม คุณลองทำอย่างพวกเธอมั่งสิ เผื่อจะไม่ต้องหึงมากแบบนี้” หลายต่อหลายครั้งที่คิดว่าบทสนทนาระหว่างกันคงสิ้นสุดลงแต่กลับเป็นเขาเองที่ชวนเธอคุยได้เรื่อยๆ

        สิริภัทราหัวเราะพรืดออกมาเมื่อได้ยินคนหลงตัวเองพูดจาได้อย่างหน้าไม่อาย “เหลือเชื่อเลยเมิร์ธ ตอนนี้ฉันจะไม่เถียงหรอกนะว่าเราต่างก็สนใจกันมากแค่ไหน ไม่อยากรู้ด้วยว่าเลเวลความสนใจของใครจะอยู่สูงกว่า แต่... คุณเข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า การหึงมันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคนคู่หนึ่งมีความรักต่อกัน”

        “ผู้หญิงถนัดทำให้เรื่องทุกอย่างดูซับซ้อน แบ่งแยกทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวหลายลำดับขั้นแล้วสุดท้ายก็กำหนดจิตใจตัวเองให้เป็นไปตามแบบแผนที่วางไว้ไม่ได้ แต่ผมไม่ใช่เพราะมีแค่สนใจกับโคตรจืดชืด อยากคุยด้วยกับโคตรรำคาญ ชอบกับโคตรเบื่อ ใช่กับไม่ใช่เท่านั้นแหละ”

        สิริภัทราไม่รู้ว่าจะส่ายหน้าให้กับตัวเองหรือคำพูดดิบๆของเขาดี มันเถรตรง เข้าใจง่ายและถ้าให้เขาแปลความคำพูดของเธอก็คงไม่พ้นต้องบอกว่า โคตรเห็นภาพ!

        จอมวายร้ายที่สาวๆเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นพรวนทุกครั้งที่เขาโพสต์อะไรสักอย่างชันตัวลุกขึ้นจากเตียงกว้าง เดินไปทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ทำงาน ความจริงแล้วมันเลยเวลาทำงานของเขาไปมากโขแต่การได้พูดคุยหรืออาจจะเรียกว่าต่อล้อต่อเถียงกับเธอ ทำให้เขานึกสนุกจนไม่รู้ตัวว่านี่มันไม่ต่างจากการวิ่งไล่ผู้หญิงคนหนึ่ง

        “ถ้าเหตุข้อแรกคือคุณหงุดหงิดใจ อารมณ์เสียทุกครั้งที่เห็นผู้หญิงคนอื่นมาข้องแวะกับผม แล้วเหตุข้อที่สองคือคุณหึง อารมณ์เสียทุกครั้งที่เห็นผู้หญิงคนอื่นมาข้องแวะกับแฟนของคุณ ผลที่ได้คือความหงุดหงิดใจก็เป็นความหึงหวง ไม่เกิดทฤษฎีใหม่และสมเหตุสมผลในการคิด”

        แหม... น่าทึ่งว่าผู้ชายที่อยู่ตรงกลางระหว่างความเป็นฮิปสเตอร์กับแบดบอย คำพูดดิบๆบ่งบอกว่าความคิดของเขาไม่ได้จัดเรียงอย่างซับซ้อน กลับให้เหตุผลการคิดในเชิงนิรนัยจนเธอเถียงไม่ออก

        “เห็นได้ชัดว่าเวลาไม่ใช่ตัวแปรของความรู้สึก แต่สถานภาพต่างหากที่เวลาจะเข้าไปกำหนดว่ามันจะมากขึ้นหรือน้อยลง เช่นว่า ผู้ชายที่คุณสนใจจะเปลี่ยนสถานภาพมาเป็นคนรู้ใจหรือคนเคยรู้จัก” เชื่อแน่ว่าเธอต้องรู้สึกผ่อนคลายและวางใจที่จะพูดคุยกับเขามากกว่าเดิม

        สิริภัทราหัวเราะเพราะถูกเขาต้อนเข้ามุมจนเหลือเพียงทางเลือกเดียว หากเธอไม่รู้หรอกว่าเสียงใสกังวานที่ดังอยู่ปลายสายนั้นทำให้จอมวายร้ายต้องยิ้มออกมาไม่ต่างจากครั้งแรกที่จีบสาวติด “คุณทำให้ฉันแปลกใจนะคะเมิร์ธ นาทีที่แล้วฉันคิดว่าคุณเป็นแบบนี้แต่นาทีต่อมาคำพูดของคุณ ทำให้ฉันรู้ว่าตัวเองคิดผิด”

        “เพิ่งรู้ว่าผู้หญิงที่คิดทุกอย่างซับซ้อนอย่างคุณเชื่อว่าผู้ชายคนหนึ่งเป็นแบบไหนเพียงเพราะคำพูดของเขา แต่ผมจะไม่บอกคุณหรอกนะ เก่งจริงก็หาคำตอบเอาเองสิ” หว่านล้อมจบก็ต้องส่ายหน้าให้ตัวเองพลางคิดในใจว่า ป๋าอ่อยเต็มที่แล้วนะ ให้โอกาสอีกครั้งไม่งั้นป๋าจะเมิน

        แม้ตั้งใจว่าจะวางสายหลายต่อหลายครั้งแต่ทั้งคู่กลับไม่ได้ทำเช่นนั้น เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เมิร์ธยอมทิ้งเวลางานเพื่อคุยกับผู้หญิงที่ลงทุนอ่อยสารพัดวิธี เขาล้มตัวลงบนเตียงกว้างแล้วนอนคุยเรื่องสัพเพเหระกับเธออยู่หลายชั่วโมง มันช่างไร้สาระแต่โคตรเพลินจนลืมเวลา

        สิริภัทราไม่เคยใช้เวลาพูดคุยเรื่องไม่เป็นเรื่องกับใครนานเช่นนี้ แม้ว่าจะเลื่อนลงไปเห็นภาพที่มิสไซล์กำลังคาบโทรศัพท์ของเธอเอาไว้และเจ้าของมันก็ทำให้เธออับอายด้วยคำบรรยายภาพที่ว่า

        ‘อยากให้ทิ้งตัวไว้มากกว่าโทรศัพท์ ระวังไว้ให้ดี พิตต้า’

        สายตามุ่งมั่นและการย่างก้าวของแมวป่าทำให้เธอไพล่คิดถึงเจ้าของมันได้เป็นอย่างดี ไม่อยากคิดหรือเอ่ยถามเขาให้ต้องอายไปมากกว่าเดิม เขาจะล่วงรู้ว่าเธอตั้งใจทำมันตกเอาไว้หรือคิดว่าเป็นอุบัติเหตุก็ไม่ใส่ใจแล้ว เพราะตอนนี้ทุกอย่างบรรลุผล เมื่อเขาเป็นคนนัดส่งโทรศัพท์คืนที่ร้านอาหารบรรยากาศแสนโรแมนติกแห่งหนึ่ง มันเป็นไปตามสเต็ปในหนังสือฮาวทูที่เขียนเอาไว้แม้ว่าตั้งแต่เริ่มบทสนทนากับเขาจะไม่ได้ใช้เล่ห์กลใดๆที่หนังสือฮาวทูแนะนำเลย

        เวลาที่ล่วงเลยมาหลายชั่วโมงและน้ำเสียงเจือความง่วงงุน ถามคำตอบคำ และใช้เวลานานกว่าจะตอบโต้กลับมาก็ทำให้เมิร์ธต้องเหลือบสายตามองนาฬิกาและรู้ว่าอีกสองชั่วโมงข้างหน้านี้เธอต้องไปทำงาน จึงจำต้องเอ่ยคำลาเพราะเห็นใจคนที่กล่าวคำลาไปก่อนหน้านี้หลายต่อหลายครั้ง

        “แต่งตัวสวยๆนะshawty รู้ใช่ไหมว่ามันคือเดตแรกของเรา”     

        คนไม่เคยอดหลับอดนอนพยักหน้ารับรู้และหลับไปด้วยรอยยิ้ม เธอไม่ได้กดวางสายด้วยซ้ำและทำให้เมิร์ธต้องเป็นฝ่ายตัดสายไปเสียเอง เป็นอีกวันที่เขาหย่อนวินัยกับการทำงานของตัวเอง ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเผลอหลับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ปฏิญาณตัวว่าจะไม่ใช้เงินของแม่สักเซ็นต์เดียวและมันก็เป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจอันรุ่งเรืองของเขา

        แม้ว่าผู้เป็นแม่ไม่เคยล่วงรู้ว่าเขากำลังทำอาชีพอะไรเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง และแสดงท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่าต้องการให้เขาเข้าไปสานต่อธุรกิจของครอบครัวแต่ทุกครั้งที่ยื่นมือเข้าไปช่วย เขามักจะถูกท่านหักหน้า มองด้วยสายตาตำหนิ ซึ่งเป็นกิริยาเดียวกันกับที่ใช้มองตอนที่จับเขายัดเข้าไปกินนอนในโรงเรียนประจำซึ่งเขาเรียกแบบเหมารวมว่า ‘โรงเรียนดัดสันดาน’ ตั้งแต่อยู่เกรดห้า!

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา