ปลูกรักในรั้วใจ

10.0

เขียนโดย อิสวารายา

วันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 15.26 น.

  39 ตอน
  0 วิจารณ์
  33.28K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2559 15.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ตอนที่ 4 ไม่ตั้งใจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 4 ไม่ตั้งใจ

 

            เช้าตรู่ที่บ้านทวีกิจไพศาลออกจะคึกคักเป็นพิเศษเพราะวันนี้เป็นวันคล้ายเกิดอายุครบแปดสิบห้าปีของคุณลำเภาประมุขของบ้าน บริเวณรอบเรือนไทยใจกลางกรุงแห่งนี้ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามราวเนรมิตกลายเป็นสวนดอกไม้ตระการตาจากฝีมือของคุณดวงทิพย์กับคุณระริน สองศรีสะใภ้ที่ช่วยกันสรรค์สร้างบริเวณบ้านให้เหมือนงานนิทรรศการขนาดย่อมเพื่อให้แม่สามีประทับใจที่สุด เริ่มด้วยว่าจ้างออร์แกไนเซอร์ฝีมือดีที่จัดอีเว้นท์ให้กับคนดังทั้งหลายออกแบบและดูแลสถานที่ทั้งหมด ตั้งแต่ถนนทางเข้าจนไปถึงข้างในบ้านประดับด้วยดอกไม้สดนานาพันธุ์ที่สั่งตรงจากสวนของเพื่อนเก่าแก่ของคุณลำเภาเอง ส่วนเรื่องอาหารการกินนั้นก็เลือกใช้บริการร้านอาหารไทยที่เป็นลูกค้าประจำกันมาตั้งแต่สมัยคุณกอบกิจ คุณปู่ของหลานๆยังมีชีวิตอยู่ ส่วนเครื่องหวานคุณลำเภาและบรรดาสะใภ้บริวารช่วยกันทำเอง

                ลูกสาวบ้านนี้ถูกปลุกตั้งแต่ตีสี่ครึ่งเพื่อแต่งตัวและเตรียมใส่บาตรกับคุณย่า ปลายเดือนสวยสมราวกับนางในวรรณคดีในชุดผ้าซิ่นสีฟ้าจางๆ ผมรวบเกล้าขึ้นไปเป็นมวยเรียบร้อย ใบหน้าแต่งแต้มสวยหวานให้เหมือนสตรีโบราณที่อ่อนหวานละมุนคล้ายแม่พลอยหลุดออกมาจากนวนิยายชื่อดังเรื่องสี่แผ่นดิน ส่วนแทนดาวนั้นง่วงงุนเกินกว่าจะรู้ตัวว่าถูกจับแต่งตัวเป็นตุ๊กตา เอาแต่หลับตาสัปหงกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถูกใครจับหวีผมแต่งหน้าจนมาตื่นเต็มตาก็ตอนที่ถูกมารดาฟาดเข้าหนึ่งที แต่พอมองเงาสะท้านของตัวเองในกระจกพอใจอยู่ไม่น้อยที่ถูกแปลงโฉมเป็นสตรียุคกึ่งโบราณนุ่งซิ่นสำเร็จรูปสีชมพูอ่อนกับเสื้อแขนพองลายลูกไม้อ่อนหวานมี ผมก็ทำคล้ายๆกับปลายเดือนแต่ว่าแทนที่จะรวบเป็นมวยเรียบๆก็เพิ่มเปียก้างปลาสองข้างแล้วรวบขมวดมวยไว้ตรงท้ายทอย มารดาแต่งหน้าให้พอบางๆก็สวยน่ารักเหมือนกับดอกไม้เพิ่งผลิบาน ปลายเดือนอิจฉาน้องสาวก็ตรงที่มีใบหน้าได้รูป ตาคมผมเข้ม แม้ไม่ต้องแต่งเติมเพิ่มสีก็งดงามราวกับอยู่ในตัว นอกจากนั้นยังมีเครื่องประดับไข่มุกล้อมเพชรที่มารดาไปเปิดจากเซฟมาให้สวมใส่พร้อมกำชับว่าห้ามทำขาดหรือทำหายเด็ดขาดเพราะเป็นมรดกตกทอดจากคุณยาย ด้านปลายเดือนก็ไม่น้อยหน้าที่คุณระรินมอบชุดไพลินสีน้ำเงินอันเป็นของขวัญแต่งงานจากแม่สามีให้ลูกสาวสวมใส่เช่นกัน ซึ่งเข้ากับชุดและบุคลิกของหญิงสาวเป็นอย่างดี

                “โอ้โห!...สองคนนี่จะไปประกวดเทพธิดาผ้าซิ่นกันหรือไงจ๊ะ? แล้วนี่ใครจับยัยพลูนุ่งผ้าถุงได้เนี่ย โอ้โห...สีผึ้ง...สงสัยพี่คงต้องเหนื่อยเป็นสองเท่าแล้วล่ะมั้ง” ขนาดว่าเทียมภพที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านตอนรุ่งสางเห็นน้องสาวทั้งสองคนยังชมเปาะ จับตัวหมุนไปหมุนมาทีละคนเพื่อชื่นชมความงามแล้วป่าวประกาศว่าตนเองเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลกที่ได้อยู่บ้านเดียวกับนางฟ้านางสวรรค์ตั้งสองคน พอสายๆหน่อยญาติๆส่วนที่เหลือก็มามาถึง บางส่วนมาถึงตั้งแต่เมื่อวานเย็น วันนี้ที่บ้านทวีกิจไพศาลจึงดูเล็กไปถนัดตา

                “ม๊าหลี...ม๊าหลี ไม่พาอาม่ามาด้วยหรือคะ ป๊าธงล่ะ?” แทนดาววิ่งลากผ้าถุงไปหาคุณหลีที่มาแต่เช้า มีบุตรชายคนเล็กช่วยหอบหิ้วทั้งของคาวของหวานมาฝากจำนวนมาก

                “อาม่ายังไม่หายหายดี...มาไม่ไหวหรอก นี่ก็ปล่อยให้ป๊าเฝ้าร้านด้วย เฝ้าอาม่าด้วย ไม่รู้เป็นไงมั่ง ว่าแต่แกบ่นคิดถึงหนูแน่ะว่าเมื่อไหร่จะไปหา” คุณหลีเจ้าของร้านทองที่สนิทสนมกันดีตอบพลางกอดหลานสาวที่รักเหมือนลูก แทนดาวยิ้มเมื่อพูดถึงอาม่าหรือมารดาของคุณหลีที่เคารพรักมากพอๆกับคุณย่าลำเภา หญิงชราใจดีที่พูดได้แต่ภาษาจีน นึกถึงตอนเด็กๆที่บิดามักจะพาตนกับพี่ๆไปวิ่งเล่นที่ร้านทอง อาม่าคนนี้ก็จะซื้อขนมให้กินทั้งวันแล้วก็ร้องเพลงงิ้วให้ฟัง

                “โอ๊ย...แม่ลูกคุยกันเสร็จยัง? แขนจะหลุดแล้ว” เสียงประท้วงดังมาจากหนุ่มหน้าตี๋บุตรชายคนที่สี่ของคุณหลีที่ถือของพะรุงพะรังเต็มสองมือ

                “โทษทีค่ะเฮียบุ้ง น้องพลูช่วยถือมั้ย? แต่คงไม่ต้องดีกว่า...เฮียบุ้งถือน่ะดีแล้ว วันนี้น้องพลูแต่งตัวสวยต้องไม่ทำงานหนัก” คุณหลีหัวเราะร่าส่วนหนุ่มหน้าตี๋ที่ชื่อเฮียบุ้งเบ้ปากมองบน

                “สวัสดีค่ะ...ม๊าหลี มาแต่เช้าเลย ทานอะไรมาหรือยังคะ? หวัดดีจ้ะ...เฮียบุ้ง” ปลายเดือนตามมาสมทบ หล่อนเข้ามาสวมกอดคุณหลีเช่นเดียวกับน้องสาว อย่างที่รู้กันว่าลูกๆบ้านนี้รักและเคารพคุณหลีเสมือนแม่อีกคนแต่ดูเหมือนเฮียบุ้งจะออกอาการหน้าแดงเล็กน้อยเมื่อปลายเดือนทัก

                “วันนี้น้องผึ้งสวยจัง” ประโยคที่เขาทักทายหญิงสาวต่างจากที่พูดกับคนเป็นน้องสาวนัก

                “ชมแต่พี่ผึ้งนั่นแหละ ไม่เห็นชมน้องพลูมั่ง” คนตัวเล็กทำท่ากระเง้ากระงอด หล่อนรู้...ใครๆก็รู้ว่าเฮียบุ้งคนนี้แอบชอบปลายเดือนมานานแล้ว แต่ฝ่ายหลังดูจะไม่มีทีท่าว่าคิดอะไรเป็นพิเศษนอกจากความสนิทสนมที่มีให้ดุจญาติสนิท แทนดาวรู้สึกสงสารเฮียบุ้งมากๆแต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไรเพราะรู้แก่ใจว่ารสนิยมของพี่สาวนั้นไม่ชอบควงพ่อค้า ได้แต่เห็นใจที่เฮียบุ้งที่ต้องอกหักเวลาเห็นปลายเดือนมีแฟนไปคนแล้วคนเล่า

                “เราน่ะรึ?...ทีแรกนึกว่าโผล่ออกมาจากต้นกล้วย อย่าไปยืนใต้ต้นไม้ตอนมืดๆเชียวนา...ใครเห็นเข้าจะวิ่งป่าราบ” บุรินทร์แกล้งตอบไปแบบนั้นต่างกับในใจลึกๆที่รักและเอ็นดูแทนดาวไม่แตกต่างจากน้องสาวคนหนึ่ง เขาไม่มีพี่น้องผู้หญิงเลย ป๊ากับม๊าอยากได้ลูกสาวสักคนแต่ก็มีลูกชายล้วนตั้งสี่คน ตอนเล็กๆเลยชอบมารับสองสาวไปช่วยเลี้ยงที่บ้านก็เลยสนิทกันมาก

               “ม๊าหลีดูสิ...เฮียบุ้งว่าน้องพลูเป็นผีตานี” แทนดาวหยิกหมับให้ที่เอวจนอีกฝ่ายหน้าเหยแล้วก็เปลี่ยนไปกอดเอวหนาๆของเฮียบุ้งแทน ส่วนปลายเดือนเพียงหัวเราะแก้เก้อที่เมื่อกี้ถูกอีกฝ่ายชม

                “พวกเราว่าจะไปหาอาม่าหลังเสร็จงานวันเกิดคุณย่าแล้ว โสมที่ผึ้งซื้อฝากไปคราวก่อนหมดหรือยังคะ? อาม่าชอบมั้ยคะ? ถ้าได้ไปจีนอีกจะซื้อมาฝาก” หล่อนถามคุณหลีแต่บุรินทร์แย่งตอบทันที

                “ชอบสิจ๊ะ ต้องกินทุกวัน แกว่ากินแล้วรู้สึกกระปรี้กระเปร่า นอนหลับก็ง่าย” ชายหนุ่มยิ้มจนตาที่ตี่เล็กอยู่แล้วหยีจนมองไม่เห็นตาดำ

                “อ๋อค่ะ...ดีจัง” ปลายเดือนรับคำเบาๆพลางหลบตาจากรอยยิ้มจริงใจที่อีกฝ่ายส่งมาให้ ทำไมจะไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นคิดกับตนอย่างไร รู้สึกอึดอัดตรงที่ว่านับถือเฮียบุ้งเสมือนญาติคนหนึ่ง ถ้าเป็นคนอื่นก็คงจะง่ายหน่อยที่จะบอกว่าไม่ควรมาตั้งความหวังกับตน ไอ้ครั้นจะบอกตัดสัมพันธ์ไปทื่อๆก็ไม่ดีนัก

                “ไงครับเฮีย หอบอะไรมาอีรุงตุงนังเชียว...มาผมช่วยถือ แล้วเฮียอีกสาม บ. ล่ะ คงจะขายของยุ่งอีกล่ะสิ ไม่ได้ดวดเหล้ากันนานแล้วหรือว่ากลัวเมียด่าเลยไม่กล้ามา” เทียมภพทำความเคารพคุณหลีแล้วรับของจากมือเฮียบุ้งไปถือพร้อมกับสัพยอกถามถึงเฮียสาม บ. อันประกอบด้วยเฮียเบิ้ม เฮียบิ๊กและเฮียเบ้ง ส่วนเฮียบุ้งคนนี้เป็นคนสุดท้องซึ่งแก่กว่าเขาแค่เดือนเดียวแต่เทียมภพก็ให้ความเคารพโดยการเรียกอีกฝ่ายว่าเฮีย

                “นี่ไง...พวกนั้นมาไม่ได้แต่ฝากยาบำรุงมาให้หมากด้วย” หนุ่มไทยเชื้อสายจีนส่งถุงกระดาษซึ่งเดาได้ง่ายมากว่าข้างในคือน้ำเมายี่ห้อดีที่ถ้าได้เจอกันเมื่อไหร่เป็นต้องซื้อมาประลองคอกัน

                “แหม...เฮียๆนี่รู้ใจจริง...ขอบคุณนะเฮีย” เทียมภพกล่าวเสียงระรื่นขณะรับถุงกระดาษบรรจุ ‘ยาบำรุง’ มาถือไว้ด้วยอาการถนอม

                “ตอนแรกเฮียเบิ้มว่าจะมาด้วยแต่ต้องพาซ้อไปหาหมอ อ้อ..ลืมบอกไป ซ้อใหญ่ท้องอีกแล้ว ไอ้ตัวเล็กหย่านมไม่ทันไร น้ำยาดีจริงๆตั่วเฮียของเรานี่ วันนี้หมอนัดตรวจครรภ์” เฮียบุ้งเล่าเรื่องพี่ชายคนโต

                “โห...คนที่สามแล้วสิ อะไรกัน...ทิ้งห่างเฮียบุ้งไปไกลเลยนะเนี่ย แล้วเมื่อไหร่จะตามทัน” เทียมภพแกล้งแซวอีกฝ่าย คนถูกแซวสะดุดไปนิดหนึ่ง

                “ก็...คนที่เราถูกใจเค้าแต่เค้าไม่ได้ถูกใจเราด้วยนี่นา” บุรินทร์ตอบเสียงอ่อยหน้าสลดลงไปทันทีขณะที่ลอบมองไปทางปลายเดือน

                “ไปหาคุณย่าดีกว่าค่ะ วันนี้ญาติมากันเต็มบ้าน พี่ตั้มพาลูกอ่อนมาด้วย ม๊าหลีไปดูซิว่าหน้าตามาทางนี้หรือเปล่า พวกลุงๆป้าๆก็ถามหาม๊าหลีกันใหญ่ว่าจะมามั้ย?” ปลายเดือนแก้ไขสถานการณ์อึดอัดนี้ด้วยการจูงมือคุณหลีพาเข้าไปข้างใน ส่วนแทนดาวจูงมือเฮียบุ้งให้เดินตามมาไกลๆ พอพี่ชายกับพี่สาวเดินห่างไปแล้วก็กระซิบกระซาบกับพี่ชายต่างสายเลือด

                “ช่วงนี้พี่ผึ้งโสดนะ ถ้าจะรีบทำคะแนนล่ะให้ไวเลยนะเฮียบุ้ง” หนุ่มตี๋ยิ้มตาหยีอีกรอบกับข่าวใหม่

                “จริงเหรอน้องพลู? เอ่อ...จะดีเหรอ เฮียกลัวอ่ะ น้องผึ้งอาจจะคุยกับใครอยู่เปล่าตอนนี้?” เขาถามอย่างไม่แน่ใจนัก แทนดาวนึกทบทวนไปมาว่าตอนนี้พี่สาวควงใครอยู่บ้างแล้วก็เห็นใบหน้าของ ‘เขา’ ลอยเข้ามาแวบหนึ่ง แต่ตรองดูแล้วเห็นว่าทุกอย่างมันเป็นเพิ่งจะเริ่มต้นเพราะฉะนั้นเฮียบุ้งก็อาจจะพอมีหวัง

                “ชัวร์...เชื่อน้องพลูเถอะ ป่ะ...เข้าบ้านไปหาน้องผึ้งคนสวยของเฮียบุ้งกันดีกว่า” คนฟังหยิกแก้มคนพูดด้วยความหมั่นไส้กึ่งเอ็นดู แทนดาวจูงมือพี่ชายอีกคนคนเข้าบ้านด้วยใจที่เปี่ยมด้วยแรงเชียร์เต็มที่

 

                ตอนแรกแทนดาวไม่เข้าใจว่าทำไมแค่ใส่บาตรจะต้องแต่งตัวให้เลิศหรูอลังการขนาดนี้ แต่พอเวลาล่วงไปตอนสายๆบรรดาแขกรับเชิญก็ทยอยกันมาอวยพรวันเกิดให้คุณลำเภาอย่างต่อเนื่อง สามศรีพี่น้องแห่งทวีกิจต่างก็ทำหน้าที่ช่วยต้อนรับแขกผู้ใหญ่ ส่วนมากก็จะเป็นพวกพ่อค้าเพื่อนๆของคุณเที่ยงธรรม บรรดาข้าราชการระดับสูงเพื่อนๆของคุณเที่ยงแท้ ส่วนคุณลำเภาก็จะมีเพื่อนๆที่เคยอยู่โรงเรียนการเรือนมาด้วยกัน ไม่นับรวมญาติๆจากทั้งสองฝ่ายซึ่งนับถือคุณย่าลำเภาเสมือนร่มโพธิ์ร่มไทรต้นสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ แทนดาวดีใจที่ได้พบลูกพี่ลูกน้องคนอื่นๆที่นานทีปีหนจะได้มารวมตัวกันเพราะส่วนมากตระกูลทั้งทางฝั่งบิดากับมารดามีพื้นเพเดิมอยู่ต่างจังหวัดทั้งสิ้น ทุกคนที่มาก็จะมีกระเช้าของขวัญมามอบให้กับเจ้าของวันเกิด ทางคุณลำเภาก็จะมอบผอบเบญจรงค์อันเล็กๆข้างในบรรจุบุหงารำไปกลิ่นหอมจรุงเป็นของชำร่วยกับหนังสืออายุวรรธนะที่ท่านสั่งพิมพ์เป็นพิเศษเพื่อโอกาสนี้โดยเฉพาะ

                แทนดาวหมุนไปหมุนมาสักพักก็เหนื่อย เดี๋ยวคุณพ่อก็ดึงตัวไปไหว้ลุงๆอาๆ เดี๋ยวคุณแม่ลากไปไหว้น้าๆป้าๆ ไม่เว้นแม้แต่พี่ชายที่แสนจะหวงยังต้องพาไปแนะนำกับบรรดาลูกค้าและผู้ร่วมงาน แล้วไหนจะต้องพาชาวต่างชาติเดินชมนกชมไม้รอบบ้าน เชิญชวนให้ชิมขนมไทยๆพร้อมกับอธิบายที่มาของชื่อเรียกและส่วนผสมต่างๆ ปลายเดือนเองก็ยุ่งพอๆกันแต่กลับไม่แสดงทีท่าว่าเหนื่อยหน่าย หล่อนยิ้มแย้มกับทุกๆคนและดูเหมือนจะเต็มใจให้บิดามารดาพาไปรู้จักคนนั้นคนนี้ แทนดาวเห็นการปฏิบัติตัวของพี่สาวแล้วก็ต้องยอมแพ้ ปลายเดือนเหมาะที่จะเกิดมาในทวีกิจไพศาลมากกว่าตน ทั้งการวางตัว กิริยามารยาท ไม่มีที่ติแม้สักนิดเดียว ทั้งยังรู้จักการเข้าสังคมพูดคุยกับพวกผู้ใหญ่จนเป็นที่ถูกอกถูกใจและได้ยินเสียงชื่นชมไล่หลังอยู่ตลอดว่าบุตรีของคุณเที่ยงแท้ทั้งสวยทั้งเก่ง สาวน้อยหันมามองตัวเองแล้วก็ต้องถอนใจว่าคงทำอะไรให้พ่อกับแม่ภาคภูมิไม่ได้มากไปกว่าเด็กผู้หญิงที่กระโดกกระเดก คุณแม่เรียกทีก็วิ่งฝ่าคนเข้าไปหา จะคุยอะไรกับใครก็ไม่รู้เรื่อง มีแต่เรื่องธุรกิจการเมืองในขณะที่ตนเองเอาอ่านนิยาย สะสมตุ๊กตา แล้วอย่างนี้จะไปร่วมวงเสวนาให้ขายหน้าทำไม

                คนตัวเล็กอาศัยจังหวะที่ทุกคนมัวแต่สนใจกับการแสดงดนตรีไทยและนาฏศิลป์จากนักเรียนที่ทางคุณลำเภาได้มอบทุนการศึกษาให้มาหลบอยู่ตรงบ่อเลี้ยงปลาหลังบ้านติดกับแปลงผักสวนครัวที่คุณลำเภาปลูกผักหลากชนิดไว้ แทนดาวทิ้งตัวลงนั่งห้อยเท้าแช่น้ำตรงหัวสะพานที่ยื่นไปในบ่อพลางโปรยอาหารให้ฝูงปลาอย่างเพลิดเพลินใจเป็นการช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้า แต่ยังไม่ทันที่ความเหนื่อยเพลียจะเบาบางลงก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมองเห็นเงาสะท้อนในน้ำเป็นรูปคนร่างสูงยืนอยู่ข้างหลัง

               “คุณชล...” หล่อนพึมพำเรียกชื่อเขา ไม่สงสัยหรอกว่าบุรุษหน้าดุคนนี้มาได้ยังไง ‘แขกคนสำคัญของคุณพ่อ’ เช่นต้องได้รับเชิญให้มาร่วมงานอยู่แล้ว แต่ที่สงสัยก็คือว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าหล่อนอยู่ที่นี่ เพราะปรกติแล้วคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกครอบครัวจะไม่รู้เลยว่าที่สวนผักหลังบ้านยังมีมุมพักผ่อนอยู่อีกจุดหนึ่ง

                “ทำไมมาหลบอยู่นี่คนเดียวล่ะ?” ปากหยักรูปกระจับเอ่ยทักเสียงเรียบ หญิงสาวยกมือไหว้ก่อนจะสะบัดหน้ากลับทันที ความไม่พอใจบังเกิดขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ก็ทำไมเขาจะต้องคอยตามไปทุกหนแห่ง มีจุดประสงค์อะไรกันแน่

                “กำลังคิดอยู่ว่าจะกระโดดน้ำตายดีหรือเปล่า? ทำไมช่วงนี้มีแต่คนอยากวุ่นวายกับหนู” เอาแล้วไง แค่มาทักทายดีๆก็ได้รับคำตอบแบบบอกบุญไม่รับอีกแล้ว

                “อ้อ...งั้นอย่าต้องให้เป็นภาระกับคนอื่นเลย น้ำจะเน่าเหม็น ปลาจะตายเสียหมดนะ” ชลธีย้อนกลับกวนๆแล้วอมยิ้มเมื่ออีกฝ่ายสะบัดหน้ากลับมามองด้วยความไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ต่อความอะไรได้แต่จ้องมองอย่างไม่ใคร่ไว้ใจนัก

                “เอ...มาแอบแบบนี้สงสัยว่าคงจะไปก่อเรื่องอะไรเอาไว้หรือเปล่านะ? หรือว่า...กำลังนั่งใจลอยคิดถึงแฟนนะ?” ทีนี้แทนดาวหูผึ่งรีบลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับเจ้าของร่างสูงโดยไม่คำนึงถึงขนาดตัวเลยว่าถ้าเขาเผลอตวัดแขนตวัดขาก็อาจมีสิทธิ์ถูกดีดกระเด็นตกน้ำตกท่าเอาง่ายๆ

                “พูดจาน่าเกลียด!” หล่อนต่อว่าเสียงดุ อยู่ดีๆก็มาทึกทักเอาว่านั่งคิดถึงแฟน

                “อ้าว...ก็ไม่รู้นี่นา นึกว่ามานั่งใจลอยคอยแฟน” ชลธีพอใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายหน้าแดงขึ้นมาโดยเจ้าตัวก็ไม่รู้เรื่อง

                “หนู...เอ่อ...น้องพลูยังไม่มีแฟนสักหน่อย พิลึกคน...อย่าถือว่าเป็นคนของคุณพ่อแล้วน้องพลูจะไม่กล้าทำอะไรนะ” คนตัวเล็กขู่ฟ่อ ชลธีอมยิ้มแบบมีเลศนัยกับความไร้เดียงสาของคนตรงหน้า นับว่าประโยคอมตะที่ไว้ใช้หลอกถามสาวๆว่ามีแฟนหรือยังนั้น...ยังคงใช้ได้ผลดี

                “เชื่อแล้วครับ แหม...ดุจริงๆนะตัวแค่นี้” ปากหยักโค้งขึ้นยิ้มอย่างมีความสุขกับการได้ต่อล้อต่อเถียงกับคนตัวเล็ก

                “แล้วคุณ...เอ่อ...พี่ชล รู้ได้ยังไงว่าน้องพลูอยู่ที่นี่?” ชลธีไม่ตอบในทันทีแต่เดินเข้าไปใกล้หญิงสาวอีกนิดโดยรักษาระยะห่างพอสมควร แทนดาวมองอย่างไม่ไว้ใจนักเพราะไม่เคยอยู่ลำพังกับบุรุษแปลกหน้ามาก่อน

                “ก็...ตอนที่พี่เดินเข้ามา บังเอิญเห็นผู้หญิงคนนึง...ทีแรกนึกว่าไม่ใช่คน อาจจะเป็นนางไม้หรืออะไรสักอย่างเดินอ้อมไปทางหลังบ้านก็เลยตามมาดูว่าผีหรือคนกันแน่” เขายังคงพูดต่ออย่างอารมณ์ดี จริงๆแล้วตอนแรกที่เห็นสตรีในชุดย้อนยุคก็คิดว่าเจอผีบ้านผีเรือนเข้าเสียแล้ว พอเพ่งดูดีๆก็จำได้ว่าเป็นแม่คนตัวเล็กปากดีกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปทางหลังบ้านเลยรีบไปไหว้คุณเที่ยงธรรมกับคุณลำเภาก่อนจะหาข้ออ้างขอตัวออกมา แล้วก็เดินตามรอยมาจนกระทั่งพบหญิงสาวนั่งอยู่ริมสระ ถ้าไม่เคยรู้จักกันมาก่อนก็คงต้องคิดว่านั่นเป็นผีนางไม้แน่ๆ ใบหน้าที่ออกชมพูๆมีสีสันมากกว่าทุกวัน ผมยาวที่เคยปล่อยสยายเคลียหลังก็ถูกรวบเกล้าไว้อย่างประณีต ชุดผ้าซิ่นที่สวมอยู่ทำให้ดูเป็นกุลสตรีที่อ่อนหวานแต่ทว่าเวลาเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาแต่ละทีวาจาเผ็ดร้อนนั้นก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม

                “แต่งตัวสวยขนาดนี้เห็นเป็นผีก็ไปบริจาคดวงตาซะเถอะ” พูดจบแล้วก็อายตัวเองนิดๆ โพล่งไปแบบนั้นก็เท่ากับว่าเป็นการยอตัวเองกลายๆ ชลธีหัวเราะเบาๆกับคำกระทบกระเทียบเปรียบเปรยนั้นแล้วก็กลับมาตีหน้าขรึมอย่างเดิม

                “เอาล่ะ...รู้แล้วว่าไม่ใช่ผีแต่เป็นนางแม่มด เด็กอะไร...ตัวเล็กแต่ดุจัง โจรไม่กล้าเข้าบ้านเลยนะเนี่ย” เขาแกล้งแหย่ต่อ คราวนี้คนฟังโกรธหน้าแดงที่โดนเปรียบว่าดุเหมือนสุนัขเลยจะสะบัดตัวหนีแต่ก็ลืมไปว่าในมือถือถ้วยใส่อาหารปลาอยู่เต็ม ไอ้ที่สะบัดเมื่อครู่เลยกลายเป็นการสาดอาหารปลาใส่เขาเสียนี่

                “ว้าย!” คนตัวเล็กอุทานออกมาได้แค่นั้นก็รีบเข้าไปปัดอาหารปลาที่ไม่ได้เจตนาที่สาดไปโดน      “ขอบคุณครับ....แต่พี่ยังไม่หิว ไม่ต้องให้อาหารพี่ก็ได้” ชายหนุ่มก้มลงปัดอาหารปลาที่เลอะไปทั่วตัว แทนดาวหน้าเสีย...ไม่รอดแล้วคราวนี้

                “ไม่ได้ตั้งใจนะคะ แต่...พี่ชลมายืนขวางทำไมล่ะ” คนตัวเล็กตั้งท่าจะหนีแต่แขนแข็งแรงไวกว่าคว้ามือเล็กๆไว้ได้ เพียงแค่กระตุกเบาๆร่างบางก็เกือบจะเซมาปะทะตัวลำตัวหนาอยู่รอมร่อ คนถูกดึงพยายามฝืนจนถึงที่สุด เอาเลย...วันนี้เป็นไงเป็นกัน

                “ใบพลู...เล่นแรงเกินไปแล้วนะครับ รู้มั้ยว่าไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้กับพี่มาก่อน” น้ำเสียงแข็งกร้าวบ่งบอกว่าเขาโกรธจริงๆ ก็มีอย่างที่ไหน...เดินมาจะคุยด้วยดีๆแต่กลับถูกประทุษร้ายด้วยอาหารปลา

                “ขอโทษพี่ดีๆก่อนแล้วจะไม่เอาเรื่อง” เขาบอกเสียงเข้มขณะที่คนตัวเล็กยังดิ้นปัดๆ

                “ก็ไม่ได้ตั้งใจจริงๆนี่คะ” มือเล็กยกขึ้นประนมไหว้รวกๆ

                “แน่ใจเหรอ?” สายตาดุดันสะกดให้หล่อนอยู่นิ่ง

                “น้องพลูไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะคะ ปล่อยน้องพลูนะ!” เมื่อเขายังไม่ยอมปล่อยสัญชาติญาณการเอาตัวรอดก็ทำงาน ปากเล็กกัดหมับเข้าที่ข้อมือที่จับแขนเรียวเต็มแรง ฟันซี่เล็กๆกดลงบนเนื้อแข็งนั้นอย่างตั้งใจให้เจ็บ

                “อ๊ะ!” ชลธีบีบแขนให้แน่นขึ้น อีกมือหนึ่งยึดเอวไว้ไม่ให้ดิ้นได้แต่ก็ต้องรีบเพราะเพิ่งจะรู้สึกตัวว่ากำลังใกล้ชิดหญิงสาวเกินไปแล้ว เขารีบละมือที่โอบเอวบางออกทันที ยิ่งเห็นสีหน้าผิดหวังของอีกฝ่ายแล้วก็นึกเสียใจอยู่นิดๆว่าไม่น่าเผลอทำกิริยาแบบนี้กับหล่อนเลย

                “ต่อหน้าคุณย่ากับคุณพ่อก็แสร้งวางตัวดีแต่พอหลับหลัง...ก็เป็นคนแบบนี้นี่เอง! คุณก็ไม่ต่างอะไรจากผู้ชายชอบฉวยโอกาสที่พี่หมากเล่าให้ฟัง” พอสลัดตัวออกจากพันธนาการได้แล้วก็รีบวิ่งกลับเข้าบ้านทั้งกลัวทั้งตกใจผสมโกรธปนเปไปหมด คิดอย่างเดียวว่าต้องไปบอกพี่ชาย ชลธียังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเพื่อทบทวนคำกล่าวหานั้น อา...เขาพลาดแล้ว แทนดาวไม่ใช่ผู้หญิงที่จะคิดทำอะไรจาบจ้วงตามอำเภอใจ หล่อนอาจจะไม่ได้เจตนาแกล้งจริงๆก็ได้ ที่ร้ายกว่านั้นคือคงจะเกลียดเขาเข้าให้แล้วจริงๆ แล้วนี่...จะแก้เกมอย่างไรดีหนอ

                “เฮ้อ...” ชายหนุ่มถอนใจพลางก้มลงมองรอยเขี้ยวจางๆที่เจ้าหล่อนฝากเอาไว้เป็นที่ระลึก

               

                “ยัยพลู...ไปไหนมาน่ะฮึ? พี่ตามหาเราตั้งนานแล้วนะ” เทียมภพร้องเรียกน้องสาวที่กำลังเดินอ้อมหลบเข้าไปในครัว

                “น้องพลูไปอยู่ที่บ่อปลามาค่ะ พอดีหิวเลยจะหาอะไรทานสักหน่อย” น้องสาวตอบเหนื่อยๆ

                “พี่ก็ให้แป๋มไปตามมากินข้าวนี่แหละ เร็วเข้า...พวกผู้ใหญ่รอกันอยู่” เทียมภพจูงมือน้องสาวให้เดินไปด้วยกันแต่แทนดาวรั้งไว้

                “น้องพลูไปกินในครัวไม่ได้เหรอคะ? คนเยอะแยะ...น้องพลูวางตัวไม่ถูก”

                “คนอื่นกลับกันไปหมดแล้วเหลือแต่ญาติๆเราทั้งนั้น” พอได้ยินคำว่าญาติๆก็ยอมไปแต่โดยดี มีแต่พวกญาติจริงๆที่อยู่ร่วมรับประทานอาหารกลางวันรวมทั้งคุณหลีที่กำลังเล่นกับหลานเล็กลูกชายคนแรกของญาติผู้พี่ที่ชื่อตั้ม หลานชายตัวน้อยของที่เพิ่งลืมตาดูลูกได้ไม่ครบเดือนดี

                “หมากกับพลูมาพอดี น้องพลูมานั่งนี่...มาลูก” คุณเที่ยงธรรมตบเก้าอี้ข้างตัวพลางร้องเรียกบุตรี แทนดาวนั่งลงข้างๆบิดาขนาบข้างด้วยลูกพี่ลูกน้องวัยไล่เลี่ยกัน ถัดมาเป็นปลายเดือนและญาติหนุ่มที่ชื่อพี่ตั้มที่มาพร้อมกับภรรยาและลูกชายวัยทารก คุณลำเภานั่งเป็นประธานที่หัวโต๊ะ ญาติคนอื่นๆนั่งรายล้อม สังเกตว่าทุกคนพร้อมใจกันสวมเสื้อสีชมพูซึ่งเป็นสีประจำวันเกิดของท่าน

                “อ้าว....คุณชล...เพิ่งมาถึงเหรอคะ?” ใครคนหนึ่งทักขึ้น ชลธีพยักหน้าน้อยๆพร้อมกับไหว้ทำความเคารพคนในวงศาตระกูลทวีกิจไพศาลจนครบ

                “มาได้สักพักใหญ่แล้วล่ะครับ มาไหว้คุณย่าแล้วก็ออกไปโทรศัพท์” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ

                “พอดีย่าก็เลยชวนเค้าทานข้าวด้วย นั่งก่อนเถอะพ่อ” ชลธีหย่อนตัวลงนั่งช้าๆ พวกญาติๆมองชายหนุ่มแปลกหน้าด้วยความสงสัย ต่างก็คิดว่าถ้าถึงขนาดคุณลำเภาเชื้อเชิญให้ร่วมโต๊ะกับครอบครัวอย่างนี้ ความสำคัญย่อมไม่ธรรมดา ยิ่งคุณเที่ยงธรรมก็ต้อนรับขับสู้เขาเป็นอย่างดี พวกผู้ใหญ่เริ่มพูดคุยกันเบาๆ ถามสารทุกข์สุกดิบทั่วๆไปตามประสาพี่น้องที่นานๆเจอกันที เทียมภพเหลือบมองคนข้างๆอย่างขัดใจเต็มทนก่อนจะรีบลากเก้าอี้กระเถิบหนีเข้าไปชิดญาติคนที่มีลูกอ่อนจนเกิดเสียงครูดพื้น พลางคิดในใจว่า

                 ‘‘ทำไมต้องมานั่งข้างกูด้วยวะ?’’

                “คุณชลตามสบายเลยนะคะ อยากทานอะไรเดี๋ยวผึ้งตักให้ค่ะ” ปลายเดือนบอกอย่างเอาใจเต็มที่ ตักกับข้าวทุกอย่างใส่จานให้ตลอด ชลธีเก้อกระดากกับการกระทำนั้นแต่ก็ยอมรับด้วยความเกรงใจ แทนดาวหันไปมองบุรินทร์ที่นั่งอยู่ไม่ไกลกันนัก สังเกตว่าสีหน้าของเขาเศร้าซึมไปถนัดตาจนรู้สึกขัดใจทั้งพี่สาวและคนที่พี่สาวกำลังเอาอกเอาใจ ฝ่ายเทียมภพเมื่อเห็นลูกผู้น้องปรนนิบัติคู่อริจนเกินเหตุก็ส่งสายตาดุๆเป็นการปรามเบาๆ

                “สีผึ้ง...ไม่ต้องบริการคนอื่นให้มากนักหรอก มือเท้าก็ปกติดี พี่ว่าคุณชลเขาดูแลตัวเองได้หรอกน่า” ดีเหลือเกินที่ตอนนี้พวกผู้ใหญ่ต่างก็คุยกันเลยไม่มีใครได้ยินคำพูดของเทียมภพ ไม่งั้นคงได้มีการสำลักน้ำแกงกันแน่ๆ

                “คุณผึ้งเอาใจเก่งแบบนี้ผมคงเจริญอาหาร มีคนเอาใจดีกว่าไม่มีใครเหลียวแล จริงมั้ยครับ?” ปลายเดือนอมยิ้มแก้มปริเมื่อชลธีพูดอย่างนั้นโดยหารู้ไม่ว่าเขาเพียงแค่ประชดอีกฝ่ายกลับเท่านั้น ส่วน ‘คนถูกประชด’ ก็หันมาถลึงตาใส่แล้วก็กระแทกกระทั้นจานช้อนจนเกิดเสียงเคร้งคร้างทั้งยังทำเสียงฮึดฮัดในลำคอ

                “เป็นอะไรล่ะเจ้าหมาก เผ็ดมากรึ? ใครอยู่ใกล้ๆเอาน้ำมาเติมให้คุณเขาหน่อยซิ” คุณลำเภาหันมาถามหลานชายด้วยความเป็นห่วง เทียมภพหยุดการกระทำเมื่อทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียว ญาติคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้ๆเลยยื่นแก้วเบียร์ให้นัยว่าจะได้กินข้าวลื่นคอขึ้น ส่วนแทนดาวเหลือบมองพี่ชายแล้วเลยไปยังคนข้างๆซึ่งประสานสายตากลับมาพอดี สาบานได้ว่าเขายิ้มแล้วก็ยักคิ้วให้ด้วย!

                 “พี่พลู...นั่นแฟนพี่ผึ้งเหรอ? หล่อเว่อร์อ่ะ เหมือนเจ้าชายแขกเลยเนอะ...พวกชีคไรงี้อ่ะ” แทนขวัญ ลูกผู้น้องที่วัยไล่เลี่ยกันกระซิบถามถึงผู้ชายที่ปลายเดือนกำลังคุยด้วย แทนดาวมองน้องสาวอย่างตำหนิเพราะนอกจากแทนขวัญจะถามแล้วยังทำท่าจะหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปเขาด้วย

                “อย่าทำแบบนั้นนะขวัญ...เดี๋ยวเค้าว่าเอา รู้มั้ยนั่นน่ะ...แขกคนสำคัญของพ่อพี่นะ แล้วก็ไม่ใช่แฟนพี่ผึ้งด้วย เค้าดุมากนะ ไม่ได้ขี้เล่นแบบพี่หมาก” หล่อนเอ็ดน้องเบาๆให้ได้ยินกันสองคน ลูกผู้น้องที่ชื่อแทนขวัญจึงเก็บโทรศัพท์อย่างเสียดาย

                “อุ๊บ...นั่นเค้ายิ้มให้พี่พลูด้วย นึกออกแล้ว...ขวัญเคยเห็นเค้าในหนังสือขายบ้าน” แทนขวัญที่แอบสังเกตการณ์อยู่แต่แรกกระซิบบอก

                “นี่...เลิกมองแล้วก็กินข้าวซะ ห้ามโพสต์ลงเฟสบุ๊คด้วย!” แทนดาวหันมาเอ็ดน้องอีกครั้งแล้วรีบห้ามเมื่อเห็นว่าแทนขวัญกำลังจะแชร์รูปของชลธี (แอบถ่ายจนได้) บนเพจโซเชียลชื่อดัง แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าทุกครั้งที่เงยหน้าก็ต้องเห็นอีกฝ่ายจ้องมองอยู่ก่อนแล้วและดูจะมีความสุขเหลือเกินที่ได้ ‘งัดข้อ’ กับพี่ชายอยู่เป็นระยะๆจนอีกครู่ใหญ่เขาก็ลากลับไป

                 อาหารมื้อกลางวันจบลงด้วยของหวานเป็นโอวหนี่แปะก๊วยที่คุณหลีนำมาจากภัตตาคาร จากนั้นพวกผู้ใหญ่ก็หามุมสบายนั่งเอนหลังคุยกัน เทียมภพแยกตัวไปนั่งดื่มของมึนเมากับญาติวัยเดียวกันตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันนาน เสียงเอะอะหัวเราะเฮฮาดังแทรกขึ้นเป็นระยะๆบ่งบอกว่าบรรดานักดื่มคอทอแดงทั้งหลายเริ่มกึ่มๆกันแล้ว

                “เดี๋ยวจะให้อาบุ้งกลับไปเอาสร้อยข้อมือกับกำไลเท้ามารับขวัญหลานซะหน่อย ม๊าโทรสั่งป๊าให้เตรียมไว้แล้ว ไม่เจอกันไม่กี่ปี...ตาตั้มมีหลานหน้าตาน่าชังขนาดนี้ นี่ถ้าไม่ติดว่าอาเบิ้มจะมีหลานให้อีกคนนะ...ม๊าขอไปเลี้ยงเองแล้ว” คุณหลีบอกชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับลูกชายคนโตซึ่งเคยไปวิ่งเล่นกับบรรดาแก๊งหลานๆและลูกๆของนางที่ร้านทองตอนเด็กๆ

                “ขอบคุณมากครับ...ม๊าหลี ถ้าตาเต็งหนึ่งรู้ความว่ามีอาม่าใจดีแบบนี้แกรักตายเลย” คนชื่อตั้มไหว้ขอบคุณคุณหลีอย่างนอบน้อม

                “งั้นสีผึ้งนั่งไปเป็นเพื่อนเฮียเค้าหน่อยนะลูก” คุณเที่ยงแท้หันไปบอกลูกสาวที่ทำหน้าบอกไม่ถูกเมื่ออยู่ดีๆก็ได้รับคำสั่งให้ไปเอาของเป็นเพื่อนบุรินทร์

                “ไม่เป็นไรครับอาแท้ เดี๋ยวผมรีบไปรีบมา น้องผึ้งเหนื่อยมาตั้งแต่เช้า” แม้จะออกปากอย่างเกรงใจแต่น้ำเสียงก็แฝงไว้ด้วยความกระตือรือร้นจนปิดไม่มิด

                “ไปเถอะ...เป็นเพื่อนคุยกัน เดี๋ยวแม่ฝากกับข้าวไปให้เฮียธงกับอาม่าด้วย กว่าเจ๊หลีจะกลับไปก็เย็นค่ำจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องข้าวปลาของอาม่า” คุณระรินเสริมก่อนรีบลุกไปจัดเตรียมข้าวของ แทนดาวมองหน้าเฮียบุ้งแล้วยกนิ้วให้เป็นเชิงว่า “สู้ๆนะ โอกาสมาถึงแล้ว”

            “ก็ได้ค่ะ...งั้นผึ้งไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ เฮียบุ้งรอแป๊บนึงนะจ๊ะ” ปลายเดือนซ่อนความลำบากใจเอาไว้อย่างมิดชิด หล่อนไม่กล้าปฏิเสธด้วยยังเกรงใจคุณหลีและอยากถนอมน้ำใจบุรินทร์

                “เฮียไปรอที่รถนะจ๊ะ” บุรินทร์ยิ้มอีกครั้งก่อนจะรีบลุกขึ้นอย่างกระปรี้กระเปร่า พวกผู้ใหญ่มองตามไปอย่างมีความหวัง

                “สุดแล้วแต่บุญวาสนาล่ะนะ เราไปบังคับเค้าไม่ได้” คุณลำเภาพูดลอยๆแต่แฝงความหมาย แม้ว่าทางสองครอบครัวจะสนับสนุนให้ทั้งคู่ลงเอยกันแต่ก็ไม่นิยมการจับคลุมถุงชน ต่างก็ช่วยเหลือสนับสนุนกันห่างๆโดยอยู่ในขอบเขตแห่งความพอดี

 

                  ภายในห้องโดยสารอันกว้างขวางของรถยนต์อเนกประสงค์กลับสร้างความอึดอัดให้กับทั้งคนขับและผู้โดยสาร ปลายเดือนยังคงนั่งเงียบ ถามคำตอบคำแม้ว่าคนข้างๆจะชวนคุยอยู่เป็นระยะๆ หล่อนวางตัวลำบากมากขึ้นเมื่อทางบ้านหวังให้ตนเองกับชายหนุ่มที่นั่งข้างๆได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน ใจจริงก็ไม่ได้รังเกียจอะไรในตัวเขาเลยสักนิด เรื่องฐานะหรือความมีหน้ามีตานั้นไม่ใช่ประเด็นเลย บุรินทร์เป็นทายาทเจ้าของร้านทองเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ไหนจะธุรกิจอื่นๆมูลค่ามหาศาลที่ครอบครัวแบ่งให้ลูกๆแต่ละคนดูแล หากคู่ชีวิตที่หล่อนปรารถนานั้นจะต้องมีทั้งอำนาจบารมีและเดินเคียงข้างกันไปในสังคมอย่างมีสง่าราศี มิใช่เพียงพ่อค้าที่วันๆขายของอยู่แต่บ้าน แต่งตัวธรรมดา ใช้ชีวิตติดดิน เรียกว่าถ้าไม่ดูนามสกุลก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นเจ้าของร้านทอง

                “เฮียขอโทษนะที่รบกวนน้องผึ้ง” เขาพูดด้วยเสียงเศร้าสร้อย โทษตนเองว่าเป็นคนทำให้หญิงสาวตกที่นั่งลำบาก

               “ไม่รบกวนอะไรหรอกจ้ะ ดีเหมือนกัน...ไม่เจอป๊าธงกับอาม่านานแล้ว ไปหาเสียหน่อยก็ดีค่ะ” หล่อนพยายามหาตุผลเพื่อช่วยผ่อนคลายความกังวลของเขา

                “เอ่อ...น้องผึ้งจะโกรธมั้ย? ถ้าเฮียจะขอถาม...” เขาหยุดนิดหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าควรจะถามต่อดีหรือไม่

               “อยากถามอะไรก็ถามเถอะค่ะ เราเป็นเหมือนพี่น้องกัน มีอะไรไม่สบายใจ...ก็คุยกันได้อยู่แล้ว” ปลายเดือนไม่อยากเก็บกลั้นอีกต่อไปจึงเปิดทางให้อีกฝ่ายได้เคลียร์ทุกอย่าง บุรินทร์เจ็บลึกกับคำว่า ‘พี่น้อง’

                 “น้องผึ้งลืม ‘เค้า’ ได้แล้วใช่มั้ย?” ‘เขา’ ที่ถูกกล่าวถึงก็คือแฟนเก่าที่มีแผนจะวิวาห์กันแต่ต้องเลิกรากันไปด้วยเหตุผลที่ไม่สู้ดีนัก คนถูกถามเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะตอบเสียงเย็น

                 “เราไม่มีอะไรต่อกันแล้วค่ะ ต่างคนต่างมีชีวิตใหม่ เค้าจะมีตัวตนอยู่แค่ในความทรงจำของผึ้งเท่านั้นเอง” คนรอฟังคำตอบแอบระบายลมหายใจยาว นึกถึงคำพูดของแทนดาวเมื่อเช้านี้

               “ตอนนี้พี่ผึ้งโสดนะ ถ้าจะรีบทำคะแนนล่ะให้ไวเลยนะเฮียบุ้ง”

               “ถ้างั้น...เรา” เขาหยุดอยู่แค่นี้เพราะปลายเดือนชิงขัดขึ้นก่อน

               “เฮียบุ้งก็รู้ว่ามันจะไม่มีวันเป็นไปได้! ผึ้งไม่ได้รักเฮียแบบคนรัก เฮียบุ้งเป็นพี่ชายคนนึงที่ผึ้งรักและเคารพเหมือนพี่หมาก เหมือนเฮียเบิ้ม...” หล่อนถอนหายใจลึกก่อนจะพูดต่อ

              “ผึ้งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความรู้สึกไปเป็นอย่างอื่นได้ ตั้งแต่เด็กจนโต...ผึ้งดีใจและซาบซึ้งที่เฮียบุ้งคอยดูแลปกป้องและทำสิ่งดีๆให้ตลอด แต่...ผึ้งไม่เคยคิดกับเฮียเป็นอื่นอย่างจริงๆ ผึ้งเสียใจค่ะ” ประโยคสุดท้ายนั้นแผ่วเบาแทบจะไม่ได้ยิน บุรินทร์กำพวงมาลัยแน่นด้วยมือที่ชื้นเหงื่อ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้คุยแบบเปิดใจกับสตรีที่แอบรักมานานแสนนาน ความหวังที่เคยริบหรี่มาตลอดอยู่แล้วก็ดับมอดลง ณ วินาทีนี้เอง

               “ครับ...เฮียเข้าใจ ต้องขอโทษที่ทำให้น้องผึ้งลำบากใจตลอดหลายปีที่ผ่านมา” เขาพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นแต่ก็ทำได้ไม่ดีนัก

             “เฮียจะไม่พยายามอีกต่อไปแล้วที่จะเปลี่ยนแปลงความรู้สึก...ของเรา ถึงจะไม่รักเฮียบุ้งแบบคนรักแต่ก็ดีใจที่อย่างน้อยน้องผึ้งก็รัก...ในฐานะพี่ชาย” เขากดปุ่มเล่นเพลงจากแผงควบคุมบนพวงมาลัยเพื่อปล่อยให้เสียงเพลงทำลายความเงียบที่ก่อตัวขึ้นจนแทบจะไม่มีที่ว่างให้เสียงใดๆดังแทรกขึ้น

             พยายามจนหมดปัญญา ได้เวลาก้มหน้ารับกรรม ยื้อเท่าไหร่ก็ยิ่งทำ ให้เธอนั้นลำบากใจ

              เพลงที่กำลังฟังอยู่นี้ความหมายของมันก็เศร้าอยู่แล้ว ยิ่งมาประจวบกับสถานการณ์ตอนนี้พอดีมันก็ยิ่งหม่นหมองขึ้นอีกเท่าตัว

              “ขอบคุณจ้ะ...เฮียบุ้ง” ปลายเดือนกระซิบเสียงแผ่วพร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือข้างซ้ายของบุรินทร์มากุมไว้เป็นการปลอบใจ หล่อนรู้สึกได้ถึงความเย็นชื้น เข้าใจได้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดเพราะตนเองก็ผ่านความผิดหวังในรักมาแล้วหลายครั้ง

               “ขอโทษจริงๆนะเฮียบุ้ง ผึ้งไม่เหลือหัวใจไว้รักใครแล้วจริงๆ” หล่อนพูดกับตัวเองในใจพลันนึกถึงบุรุษอีกคนที่เพิ่งได้รู้จักกันไม่นาน คนที่เข้ามาแทรกอยู่ในทุกอณูหัวใจในเวลานี้

 

               แทนดาวมีเวลาผ่อนคลายนั่งคุยเล่นกับแทนขวัญสักพักแล้วว่าจะอาบน้ำสระผมใหม่เพราะเหนียวตัวจะแย่ แต่ยังไม่ทันทำอย่างที่ใจต้องการปลายเดือนที่เพิ่งกลับมาก็บุกมาหาถึงห้อง

                “ยัยพลู!” เสียงตวาดเรียกน้องสาวผิดกับปลายเดือนคนเมื่อเช้าที่แสนจะอ่อนหวานปานน้ำผึ้ง

                “อะไรล่ะเจ๊?” แทนตอบขานตอบอย่างรำคาญ

                “นี่...พูดกับฉันดีๆนะ บอกมานะว่าก่อนมากินข้าวน่ะ...เธอไปไหนมา?” ปลายเดือนเดินมาดักหน้าไว้เมื่อเห็นน้องสาวทำท่าจะหนีไป

                “พลูจะไปอยู่ที่ไหนแล้วมันเรื่องอะไรของพี่ผึ้งด้วยล่ะ?” แทนดาวย้อน

                “นี่ฉันพูดดีๆนะ บอกมาว่านะว่าไปอยู่ที่ไหน?” ปลายเดือนเริ่มเดือดปุดๆ

                “เอ๊ะ...ก็พลูแค่เหนื่อยแล้วจะไปหามุมหลบพักผ่อนมั่งไม่ได้หรือไง? ใครจะไปฉีกยิ้มตีสองหน้าอย่างพี่ผึ้งได้เล่า...โอ๊ย!” แทนดาวร้องพลางเบ้หน้าด้วยความเจ็บเพราะถูกพี่สาวขยุ้มไหล่ทั้งสองและจิกมันอย่างแรง

                “นังพลู!...ยวนดีนักเหรอ ฉันรู้นะว่าเธอไปพบคุณชลเขาตามลำพัง ไปคุยอะไรกับเค้า?”

                “ก็ไม่มีอะไรมากนี่” แทนดาวพยายามแกะนิ้วพี่สาวออกแต่มันเหนียวหนึบยังกับตีนตุ๊กแก

                “โกหก! ก็ฉันเห็น...ฉันเห็นนะว่าเธอยืนคุยกับเค้าหลังบ้าน” ยิ่งพูดก็ยิ่งแค้น จำได้ว่าตนเองเป็นคนพาชลธีไปไหว้คุณย่าก่อนที่เขาจะขอตัวออกไป พอนานผิดสังเกตเลยออกไปตามถึงเห็นว่าเขากำลังยืนคุยกับลูกผู้น้อง ตอนนั้นโกรธจนแทบถลาเข้าไปกระชากแทนดาวออกมาถ้าไม่ติดว่ามีแขกเหรื่ออยู่กันเต็มบ้าน

                “พลูนั่งเล่นอยู่ดีๆเค้าก็มาหาเอง ไม่ได้บอกให้มาซะหน่อย” พอสะบัดตัวหลุดจากกรงเล็บนั้นได้ก็ตั้งท่าจะวิ่งหนีเพราะรู้ดีว่าป่วยการที่จะอธิบายแต่ไม่ทันกับที่ปลายเดือนกระชากแขนไว้อย่างแรง แทนดาวนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ

                “ไม่จริง! ถ้าเธอไม่เข้าหาก่อน เค้าก็ไม่มีวันไปหาเด็กบ้าอย่างเธอหรอก จำไว้นะว่าคุณชลเค้าชอบฉัน ถ้าคิดจะแย่งก็จะได้เห็นดีกัน” หล่อนประกาศอย่างโกรธเกรี้ยว แทนดาวเป็นศัตรูกับตนมาทุกเรื่องแต่เรื่องความรัก...จะต้องไม่แพ้เด็ดขาด

                “เจ็บนะพี่ผึ้ง! พลูไม่รู้หรอกว่าเค้าคิดยังไงแต่จะบอกว่าเขาคิดผิดอยู่เรื่องนึงนะ...ก็เรื่องที่ไปชอบพี่ผึ้งนี่แหละ ถ้าเย็นนี้เจอเค้าอีกนะ...พลูจะบอกให้เค้าไปตัดแว่นใส่หรือผ่าตัดเปลี่ยนลูกตาเพราะคิดว่าตอนนี้สายตาคงมีปัญหาแน่ๆล่ะ”

                “เพี๊ยะ!” ปลายเดือนจะฟาดมือไปยังซีกแก้มของอีกฝ่ายแต่แทนดาวไหวตัวหลบได้จึงพลาดไปโดนที่ต้นแขน หล่อนโมโหบ้างแล้วตอนนี้ อะไรกัน...ถึงกับจะทำร้ายร่างกายน้องสาวเพียงเพราะผู้ชายคนนั้นน่ะหรือ คนน้องผลักพี่สาวอย่างแรงจนกระเด็นล้มลงไปกองกับพื้นแล้วรีบเดินจากไป ไม่สนใจว่าคนที่ล้มกลิ้งอยู่บนพื้นจะงอก่องอขิงด้วยความเจ็บสักเพียงใด

                แทนดาวทั้งเอือมกับพฤติกรรมของพี่สาวประกอบกับเหนื่อยหน่ายที่ต้องต่อปากต่อคำกับคนทิฐิแรงไม่จบไม่สิ้น ทำไมนะ...ต้องเจอแต่เรื่องกวนใจตั้งแต่เช้าทั้งๆที่วันนี้น่าจะเป็นวันดี หญิงสาวคิดอย่างเซ็งๆแล้วหยิบแท็บเล็ตมาเล่นผ่อนคลายความไม่สบอารมณ์ มีแจ้งเตือนข้อความจากเพจโซเชียลชื่อดังปรากฏอยู่ ปลายนิ้วแตะเบาๆไปตามลิงค์ก็เห็นภาพชายหนุ่มหน้าขรึมที่เพิ่งมีเรื่องกันไปเมื่อไม่นานโชว์หราอยู่บนหน้าเพจของลูกผู้น้อง ภาพของชลธีที่แทนขวัญแอบถ่ายแล้วติดแท็กมาให้

                “ฮึ่ย...ยัยขวัญ! เอาจนได้นะ”

                “น้องพลู...อยู่หรือเปล่าคะ?” แทนดาวสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงพี่ชาย รีบเก็บแท็บเล็ตแล้วขานรับเสียงหวานอย่างเคย

                “ขา...อยู่ค่ะ” พอพี่ชายเดินเข้ามาก็รีบวิ่งไปกอดอย่างประจบเช่นเคย เอาล่ะ...รวบรวมความกล้าแล้วเล่าเรื่องเมื่อเช้าให้ฟังเสีย

                “เป็นไงล่ะเรา...หน้ามุ่ยเชียว พวกลุงๆป้าๆถามหาอยู่แน่ะ น้องขวัญก็อยากจะชวนเราไปเป็นเพื่อน

ซื้อของที่ห้าง เห็นว่าอยากจะได้เครื่องสำอางยี่ห้ออะไรนะ กาละแม...กาละมัง อะไรสักอย่าง” แทนดาวยันตัวออกจากอ้อมกอดนิดหนึ่ง

                “ลาแมร์ย่ะ ไปเรียกยี่ห้อเค้าเสียหมด” หล่อนหัวเราะพรืดกับชื่อเครื่องสำอางที่พี่ชายเรียกผิดไป

                “เออ..อะไรนั่นแหละ อะไรก็ไม่รู้ชื่อพิลึก ว่าแต่...ถ้าจะไปก็บอกน้าตาลให้ไปส่งนะ พี่ดื่มไปหลายแก้วแล้วเดี๋ยวตำรวจจับ” ถึงไม่บอกก็รู้ กลิ่นบรั่นดีโชยออกมาซะขนาดนี้ นี่คงจะพักยกกระมังถึงปลีกตัวมาได้

                “วันนี้เดินไปเดินมาแทบทั้งวัน เดี๋ยวน้องพลูจะบอกขวัญเองว่าให้ไปพรุ่งนี้” คนน้องบอกเสียงเหนื่อยๆ เทียมภพปัดไรผมที่ปรกหน้าตาออกไปก่อนจะกดจมูกลงกับหน้าผากมน

                “ถ้าเหนื่อยก็พักเถอะจ้ะ แต่วันนี้น้องสาวพี่เก่งมากเลย ช่วยคุณแม่ได้ตั้งเยอะแน่ะ” เทียมภพชมจากใจจริง รู้อยู่แล้วว่าลองน้องสาวคนนี้ตั้งใจทำอะไรแล้วหล่อนจะทำได้ดีมาก คนถูกชมยิ้มบางๆแต่พอจะอ้าปากเล่าว่าวันนี้ไปเจอกับอะไรมาบ้าง เสียงเรียกเข้าจากเครื่องมือสื่อสารของพี่ชายก็ดังขึ้นเสียก่อน

                “ครับผม...เสร็จแล้วโทรมานะ ผมจะออกไปรับ” คนฟังเดาออกทันทันว่าพี่ชายคุยกับชุสิตาแฟนหน้าศัลยกรรมนั่น หน้าที่มุ่ยอยู่แล้วยิ่งง้ำลงไปอีก เทียมภพมองสาวน้อยในอ้อมกอดแล้วก็ส่ายหน้า

                “อะไรอีกล่ะคะ งอแงกะพี่อีกแล้วเหรอ?” พอเชยคางมนให้เงยมาสบตาด้วยใบหน้าสวยหวานนั้นก็รีบเมินไปทางอื่น

                “อยู่ดีๆก็งอแงซะแล้วยัยดื้อเอ๊ย เอ้า...จะให้พี่ทำอะไรก็ว่ามา” เขารู้นิสัยน้องสาวดี อาการแบบนี้ไม่อ้อนขออะไรก็ต้องน้อยใจอะไรสักอย่าง

                “คือ...วันนี้ น้องพลูเจอ...” พอจะเล่าเรื่องที่หนุ่มหน้าเข้มคนนั้นทำกิริยาไม่งามกับตนก็เป็นอันต้องกลืนลงคอ

                “ทำไมล่ะแทนดาว...บอกพี่หมากไปสิ นายคนนั้นจะได้ไม่กล้ามาตอแยอีก

                “เจออะไรจ๊ะ?” เขาเลิกคิ้วถาม

                “คนโรคจิตโทรมากวนค่ะ” ตอบออกไปแล้วก็ถอนใจ ทำไมต้องโกหกพี่ชายด้วยก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

                “ว่าไงนะ!” เรื่องที่น้องบอกทำให้อารมณ์กึ่มๆเป็นอันเดือดจัดพุ่งทะลุปรอท ไอ้โรคจิตที่ว่าคงพูดจาลามกลวนลามน้องสาวจนเสียขวัญ

                “ไหน...เอาเบอร์มาซิ! พี่จะให้เพื่อนตามสืบว่ามันโทรมาจากไหน เป็นใคร แล้วจะส่งคนไปเก็บมันเอง” พี่ชายพูดเสียงจริงจังยิ่งทำให้รู้สึกผิด นอกจากจะโกหกแล้วยังทำให้ผู้เป็นพี่เดือดเนื้อร้อนใจ

                “น้องพลูลบทิ้งไปแล้วล่ะค่ะ พี่หมากอย่าสนใจเลย คราวหลังถ้ามีเบอร์แปลกๆเข้ามา น้องพลูจะไม่รับ”

                “ทีหลังจดไว้ให้พี่เลยนะ พี่จะจัดการเอง ไอ้ชิงเปรตเกิดพวกนี้!” เขาสบถ คนโกหกยังซบหน้ากับอกพี่ชายด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะสงสัยว่ายังมีเรื่องอื่นอีก คิดไปคิดมา...ชลธีก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย มีเพียงแต่หล่อนที่หงุดหงิดจนพาลไปลงที่เขาซึ่งเข้ามารองรับอารมณ์แปรปรวนนั่นพอดี แต่ไอ้การที่จะมาถูกเนื้อต้องตัวจับมือถือแขนแบบนั้นมันไม่ควร แล้วคืนนี้จะเจอกันอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้ามา...เขาจะยังโกรธอยู่หรือเปล่านะ ที่ไปกัดเอาแบบนั้น

                “เออ...เดี๋ยวจะลองถามสิตาดูว่ามีไอ้กาละมง กาละแม อะไรนั่นให้ทดลองใช้หรือเปล่า” เขาบอกน้องสาวด้วยน้ำเสียงแช่มชื่นขึ้นมาหน่อย คนฟังทำหน้างอแต่ก็พยักหน้ารับรู้ แม้ว่าตัวเองจะไม่ค่อยถูกคอกับแฟนพลาสติกคนนี้ของพี่ชายนัก แต่การถูกอบรมมาอย่างดีก็ทำให้แทนดาวไม่กล้าที่จะล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวของพี่มากเกินไป ผิดกับคนเกิดก่อนที่มองว่าเรื่องส่วนตัวทุกเรื่องของน้องสาวคือเรื่องของตัวเอง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา