ปลูกรักในรั้วใจ

10.0

เขียนโดย อิสวารายา

วันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 15.26 น.

  39 ตอน
  0 วิจารณ์
  33.24K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2559 15.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) ตอนที่ 7 ฝันร้าย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 7 ฝันร้าย

 

                เทียมภพขับรถกลับที่พักอย่างหัวเสียสุดขีดเมื่อไม่พบน้องสาว เกิดความเป็นห่วงใจจะขาดปนกับความโกรธแค้นสะสมจนถึงขั้นระเบิดทำให้คนนั่งข้างๆถูกพายุเทียมภพเลเวลห้าโหมกระหน่ำใส่มาตลอดทาง ฝ่ายนั้นก็เอาแต่ก่นด่าคาดโทษคนพาตัวน้องสาวไป รมณ์นลินเองก็โกรธพี่ชายหน่อยๆที่ทำอะไรลงไปโดยพลการ ดูสิ...เลยต้องพลอยโดนหางเลขไปด้วย

                “ไอ้นรก! เจอตัวเมื่อไหร่กูยิงหัวแบะ” เขาสบถวนไปวนมาอย่างนี้นับครั้งไม่ถ้วน

                จะเป็นเพราะบุญพาวาสนาส่งหรือบุพเพสันนิวาสอย่างไรก็ไม่ทราบได้ที่ดลให้รถปิกอัพแบบโฟร์วีลสองคันเลี้ยวเข้ามาจอดเทียบที่หน้ารีสอร์ทพร้อมกัน คันแรกเหยียบเบรกสนั่นหวั่นไหวจนคนที่อยู่บริเวณรอบๆพากันแตกตื่น รมณ์นลินก้าวลงมาพร้อมกับถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่รถไม่คว่ำตายกลางทางเสียก่อนแต่พอเห็นภาพตรงหน้าแล้วก็คิดว่าน่าจะรถคว่ำหรือหัวใจวายตายตรงนี้เสียเลยดีกว่า

                เหมือนกับเวลาได้หยุดเดินไปชั่วขณะเมื่อคนที่อยู่ในรถอีกคันก้าวลงมา ชลธีในสภาพเปลือยท่อนบนอุ้มหญิงสาวสวมชุดว่ายน้ำที่มีผ้าผูกเอวอยู่หมิ่นเหม่ ท่อนบนมีเสื้อเชิ้ตสีฟ้าห่มคลุมมิชิด หน้าตาก็บวมแดงอย่างคนเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก แก้มเนียนๆของหญิงสาวเปรอะไปด้วยคราบดำขะมุกขะมอมผมเผ้าก็ยุ่งเหยิงอีกทั้งเท้าข้างหนึ่งมีผ้าพันแผล เทียมภพจ้องภาพตรงหน้าตาค้าง พูดไม่ออกบอกไม่ถูก เหมือนใครเอาไม้มาตีหัวจนน็อกสลบไป แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นได้คงจะดีกว่ามาก

                “พี่หมาก!” แทนดาวอุทานออกมาได้แค่นั้นแล้วทุกอย่างก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วชนิดที่ไม่มีใครจะหยุดยั้งได้...

                ท่ามกลางสายตาหลายคู่ เทียมภพตรงเข้ามากระชากน้องสาวออกไปจากอ้อมแขนของชลธีแล้วก็ประเคนหมัดใส่หน้าอีกฝ่ายเต็มๆโดยไม่ให้ตั้งตัวเพราะถือคติที่ว่าเปิดก่อนได้เปรียบ ชลธีมัวแต่ระวังคนที่โอบอุ้มอยู่จนลืมปกป้องตัวเอง มารับรู้ตัวอีกทีตอนที่มีเลือดข้นๆไหลออกมาจากจมูก เท่านั้นเองโทสะที่ข่มไว้แต่แรกก็ถึงคราวระเบิด ร่างกำยำปรี่เข้าไปล็อกคอคนเปิดเกมแล้วสวนหมัดกลับอย่างหนักหน่วงไม่แพ้กัน จากนั้นก็ซัดกันนัวเนีย แทนดาวนึกว่าตัวเองอยู่ในสนามรบผิดแต่ว่ามีทหารสู้กันแค่สองคนคือเทียมภพกับชลธี กว่าที่สงครามมวยไทยศึกวันทรงชัยครั้งนี้จะยุติลงได้ต้องให้พนักงานชายฉกรรจ์สามคนมาแยกคู่กรณีทั้งสองออกจากกันแต่ก็ไม่วายข่มกันว่าจะยำอีกฝ่ายให้เละให้ได้

                “ไหนเจ้าพลูเล่าเรื่องทั้งหมดให้ย่าฟังสิลูก” คุณลำเภาลูบผมหลานสาวคนเล็กที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างเสียขวัญหลังจากผ่านเหตุการณ์รุนแรงเมื่อครู่ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้เห็นฉากต่อสู้กันจะจะตาก็เลยตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ยิ่งเห็นสภาพของสองนักรบที่ยืนกันอยู่คนละมุมด้วยแล้วทำให้รู้สึกขนพองสยองเกล้ากว่าเดิม เทียมภพปากแตก คิ้วแตก รอยเลือดยังเปรอะอยู่ที่ปกเสื้อ ชลธีปากแตกยืนเอามือกดเลือดกำเดาที่ยังไม่หยุดไหล ไม่นับรวมรอยแผลถลอกปอกเปิกและจุดฟกช้ำดำเขียวที่ทั้งคู่ได้ไปคนละเท่าๆกัน กว่าจะละล่ำละลักเล่าเรื่องทั้งหมดได้ก็ต้องตั้งสติอยู่นาน หล่อนทำตามที่ชลธีแนะนำว่าให้ข้ามเรื่องเวทิวุฒิไปจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงมาก

               แทนดาวชำเลืองมองชลธีสลับกับพี่ชายอย่างหวาดๆ ทั้งคู่ดูจะไม่สะทกสะท้านกับร่องรอยการต่อสู้แม้แต่น้อย กลับกันต่างฝ่ายต่างยังขบฟันจ้องตากันเขม็งเรียกว่าพร้อมต่อรอบสองตลอดเวลา คุณวารีตกอกตกใจอยู่มากที่ลูกชายตนกับลูกชายบ้านโน้นมีเรื่องกันถึงเลือดถึงเนื้อแต่ก็เกิดความยินดีเกิดขึ้นในใจแวบหนึ่งไม่นึกว่าเด็กสาวที่วิ่งมาชนนางและช่วยไว้ไม่ให้ล้มนั้นเป็นบุตรสาวคนเล็กของคุณเที่ยงธรรมผู้มีความสำคัญต่อครอบครัวมากมาย

                “น้องพลูขอโทษทุกคนค่ะที่เป็นต้นเหตุเรื่องยุ่งๆนี่” หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอันสั่นเครือ ประนมมือไหว้ทุกคน

                “ไม่มีใครกล่าวโทษหนูหรอกนะคะ มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกัน แต่ทีหลังจะไปไหนหรือทำอะไรก็ต้องบอกผู้ใหญ่เสียก่อนนะลูก” คุณวารีพูดอย่างอ่อนโยน แทนดาวยิ้มออกมาได้ใน ใจก็กังวลว่างานนี้คงไม่พ้นถูกตีไม่เลี้ยงแน่นอน

                “น้องพลูไปพักเถอะครับ เดี๋ยวก็ต้องกินยาก่อนอาหารแล้วนี่” ชลธีบอกสาวน้อยด้วยน้ำเสียงเจือความอาทรชัดเจน

                “ไม่ต้องเสือกเลยมึง!” เทียมภพขึ้นเสียง แม้จะรู้ตัวว่าเข้าใจผิดไปเองแต่ก็ไม่ยอมให้คู่อริมาให้ความสนใจน้องสาวของตน นึกภาพที่อีกฝ่ายโอบอุ้มน้องแนบชิดขึ้นมาทีไรก็จี๊ดขึ้นมาอีก เขาเลี้ยงน้องมาตั้งแต่ตัวแดงๆจนเป็นสาวสะพรั่งยังไม่เคยให้ใครได้เฉียดเข้าใกล้ แต่ไอ้แก่หัวงูนี่มันถึงขนาดกอดแนบตัวขนาดนั้น

                “ไม่ได้อยากจะเสือก แต่ถ้ามึงมีตาก็ดูสภาพน้องตัวเองบ้าง!” อีกฝ่ายตวาดกลับอย่างข่มอารมณ์เต็มที่

                “นี่ไอ้...” คนฟังตวัดตามองอย่างไม่พอใจ

                “เอาเป็นว่าเราแยกกันไปพักดีกว่าค่ะ ดิฉันจะไปดูเขาเตรียมอาหารเย็นวันนี้” คุณวารีเห็นท่าไม่ดีเลยต้องรีบห้ามศึกที่อาจเกิดขึ้นอีก

                “เจ้าผึ้งพาน้องกลับไปอาบน้ำอาบท่าเถอะ ตอนเย็นจะได้มากินข้าวกัน” คุณลำเภาพยักพเยิดบอกหลานสาวคนโตเป็นการช่วยห้ามทัพอีกแรงเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มทั้งสองทำท่าฮึดฮัดใส่กันอีก

                “น้องพลูเดินไหวมั้ยคะ?” คุณวารีถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อมองหน้าซีดๆนั้น ปลายเดือนที่นั่งฟังอยู่นานสบโอกาสแสดงบทบาทเสียที

                “ผึ้งจะพาน้องไปเองค่ะ ที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น...ความผิดส่วนหนึ่งก็เป็นของผึ้งเอง ปรกติแล้วผึ้งจะคอยดูแลแกไม่เคยให้ห่าง มาเถอะจ้ะ...เดี๋ยวพี่จะพาไปล้างเนื้อล้างตัว” หล่อนประคองน้องสาวให้เดินมาด้วยกัน แทนดาวแทบจะขย้อนของเก่าออกมาเมื่อได้ฟังบทนิยายที่พี่สาวแต่งขึ้นสดๆ ไอ้ครั้นจะฝืนก็ไม่มีเรี่ยวแรงพอจึงต้องยอมให้ถูกประคับประคองไปอย่างหวั่นๆ

                “ถ้าเป็นไปได้ผมอาจพาน้องกลับกรุงเทพคืนนี้เลย” เทียมภพโพล่งขึ้น

                “แกจะบ้าเรอะเจ้าหมาก!” คุณเที่ยงธรรมท้วงแต่ลูกชายไม่สนใจ    

                “หมากอาจจะยังอารมณ์เสียอยู่ อย่าถือสาหาความเลยนะคะ” คุณดวงทิพย์แก้ตัวให้ลูกชาย

                “ผมว่าเรื่องนี้ควรให้ใบพลูเป็นคนตัดสินใจว่าอยากจะอยู่หรือกลับ ไม่ใช่มัดมือชกกันแบบนี้” ชลธีขัดขึ้น เริ่มรู้สึกหัวเสียขึ้นมาอีกจนอยากจะเข้าไปกระหน่ำคนพูดให้เละเป็นโจ๊กโทษฐานที่ทำตัวไร้เหตุผลสิ้นดี

                “อยู่ให้มึงลากไปกระทำชำเราจนสำเร็จรึไงวะ!” เทียมภพแผดเสียง รมณ์นลินถึงกับยกมือทาบอกที่ได้ยินคำพูดหยาบคายที่สุดออกมาจากปากชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘ลูกผู้ดี’

                “ใจเย็นก่อนนะหลาน ถามน้องมันก่อนเถอะ...อย่าเพิ่งทำอะไรด้วยอารมณ์” คุณลำเภาค้านไว้ เทียมภพไม่พูดอะไรอีกแล้วก็เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกมา ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไรก็ตามเขาก็ต้องพาน้องกลับให้ได้ ใครจะมาเข้าใจหัวอกคนเป็นพี่ที่เลี้ยงดูน้องสาวมาเองกับมือ เป็นห่วงความปลอดภัยของหล่อนยิ่งกว่าอะไร มันไม่คุ้มกันหรอกถ้าแทนดาวจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้

 

                ปลายเดือนปล่อยมือน้องสาวทันทีที่พ้นสายตาทุกคน ไม่พอใจเอามากๆที่ลูกผู้น้องคนนี้ออกไปกับชลธีสองต่อสอง แทนดาวต้องค่อยๆเดินกะโผลกกะเผลกกลับบ้านพัก พอเข้าห้องได้ก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอย่างหมดแรงโดยมีปลายเดือนส่งสายตามองมาอย่างอาฆาต

                “เธอไปสำออยอะไรกับเค้า? วางแผนมาดีนี่” ลูกผู้พี่หาเรื่องทันทีที่อยู่กันสองคน

                “พี่ผึ้งคิดว่าพลูจะลงทุนขนาดนี้เลยเหรอ? ยอมเจ็บตัวขนาดนี้เพื่อเขาเหรอไง สิ้นคิดที่สุด!” น้องสาวว่าโกรธๆ

                “นี่แก! อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าแกพยายามจะทำอะไร ชิ...ไหนดูซิว่าแผลนี่มันจะลึกสักแค่ไหน” ปลายเดือนย่างสามขุมเข้ามา แทนดาวนึกกลัวพี่สาวขึ้นมาก็ครั้งนี้นี่เอง หล่อนเจ็บตัวจนไม่มีแรงที่จะต่อกรได้ในตอนนี้

                “โอ๊ย!” คนบาดเจ็บร้องดังลั่นเพราะถูกพี่สาวใช้มือกดไปที่แผลอย่างแรง

                “เปิดประตูให้พี่หน่อย” ปลายเดือนรีบปล่อยมือเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู รีบปรับสีหน้าให้เป็นพี่สาวใจดีคนเดิมก่อน

                “เมื่อกี้น้องพลูร้องเสียงดังเชียว เป็นอะไรไปล่ะ?” เทียมภพถามด้วยความเป็นห่วง แทนดาวเอาแต่นั่งน้ำตาไหลเปิดโอกาสให้พี่สาวชิงตอบก่อน

                “ก็น้องพลูน่ะสิคะ ผึ้งบอกให้นั่งเฉยๆก็ไม่เชื่อ จะเดินไปนั่นไปนี่ก็เลยเจ็บแผลน่ะสิ พี่หมากมาก็ดีเลย ผึ้งว่าจะไปสั่งข้าวต้มให้น้องกินตอนเย็นน่ะค่ะ ยังไงก็ดูแลแกไปก่อนนะคะ” ปลายเดือนแสร้งพูดพลางลูบผมลูกผู้น้องอย่างอ่อนโยน แทนดาวได้แต่คิดคับแค้นใจ

                ‘‘ปั้นเรื่องได้เก่งจริงๆนะ”

                “ขอบใจจ้ะสีผึ้ง” เทียมภพบีบบ่าน้องสาวคนรองเป็นเชิงขอบใจก่อนจะหันมาดูอาการน้องสาวในไส้ด้วยความกังวล

                “เรานี่นะ...ซนจนได้เรื่อง” เทียมภพนั่งลงข้างๆน้องสาว พอสำรวจความเสียหายของอีกฝ่ายจนพอใจก็เทศนาสั่งสอนตามแบบฉบับของตนเอง

                “ทีหลังห้ามออกไหนคนเดียวอีกนะ รู้มั้ยว่าพี่เป็นห่วงแทบแย่ ถ้าเราเป็นอะไรไปพี่จะทำยังไง? แล้วพี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าไปเข้าใกล้ไอ้ชลมัน ครั้งนี้มันปล่อยเรารอดมาได้เพราะบาดเจ็บน่ะสิ หึ...ไม่งั้นพี่คงจะได้น้องเขยเป็นไอ้ตุ๊กตาปูนปั้นแน่” พี่ชายว่าพลางใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดหน้าตาให้ คนเป็นน้องได้แต่นั่งนิ่งตั้งใจฟัง พี่หมากย้ำเป็นครั้งที่ร้อยกว่าๆแล้วกระมังว่าไม่ให้ไปยุ่งกับเขาเนี่ย

                “พี่หมาก! พูดอะไรน่ะ? เค้าช่วยน้องพลูไว้แท้ๆนะ ไม่ได้เลวร้ายเหมือนที่พี่หมากว่าซักหน่อย” หล่อนพยายามแก้ตัวแทนแต่ก็รู้สึกผิดมากเหมือนกันที่ทำให้คนเกิดก่อนมีสภาพเป็นแบบนี้ ดูสิ...หน้าตาดูไม่ได้เลย บวมช้ำไปหมด

                “มันหาโอกาสอยู่ใกล้เราน่ะสิ แล้วพอได้โอกาสเหมาะๆนะ ฮึ่ย...คิดแล้วของขึ้นโว้ย!” เทียมภพโยนให้คู่อริเป็นฝ่ายผิดเต็มๆอย่างเดียว

                “อาบน้ำให้เรียบร้อยแล้วเตรียมตัวให้พร้อม คืนนี้จะได้เดินทางกัน” แทนดาวตกใจตาโต

                “พี่จะให้คุณเกดหาตั๋วรอบสี่ทุ่ม เราจะกลับกรุงเทพฯคืนนี้เลย บอกตรงๆพี่ไม่ไว้ใจไอ้นั่น อีกอย่าง...เราเท้าเจ็บเป็นแผลใหญ่ขนาดนี้คงเล่นน้ำไม่ได้แล้ว เอาไว้ค่อยมากันใหม่แล้วกัน” แทนดาวลุกพรวดขึ้นทันที

                “ไม่เอานะ...เพิ่งมาถึงจะกลับได้ไง น้องพลูยังไม่ได้เล่นน้ำเลย ฮือๆ” แล้วก็ปล่อยโฮเป็นเด็กๆแล้ววิ่งเขยกไปหาคุณพ่อที่บ้านพักอีกหลัง พอมาถึงก็พบว่าพวกผู้ใหญ่อยู่กันพร้อมหน้าและดูเหมือนกำลังปรึกษาหารืออะไรกันอยู่

                “คุณพ่อขา...ฮือ” หล่อนโผเข้าหาบิดาที่ยืนอยู่ใกล้สุดแล้วร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร

                “อะไรกันน้องพลู ใครทำอะไรอีก?” คุณเที่ยงธรรมกอดลูกสาวแน่นพยายามปลุกปลอบให้สงบ

                “พี่หมากจะพาพลูกลับกรุงเทพคืนนี้จริงๆด้วย ฮือ...พลูยังไม่ได้เล่นน้ำเลย” ลูกสาวบีบน้ำตาไหลพรากๆแต่เทียมภพที่ตามมาติดๆไม่สนใจ

                “นี่ตกลงหมากเอาจริงเหรอเนี่ย?” คุณเที่ยงธรรมถามบุตรชายให้แน่ใจ

                “จริงครับพ่อ กำลังให้คุณเกดหาตั๋วกลับอยู่ คงได้ไฟลท์สุดท้ายของคืนนี้พอดี ใครจะกลับกับผมก็ได้นะครับ” เทียมภพบอกเสียงเครียดแต่พอเห็นสีหน้าไม่สบายใจของคุณวารีก็ลดความแข็งกร้าวลง

                “ผมเห็นว่าน้องพลูบาดเจ็บ กลับไปพักผ่อนที่บ้านดีกว่าครับ อยู่ไปก็เล่นน้ำไม่ได้ ไกลมดไกลหมออย่างนี้ผมไม่สบายใจเลย” เขาอธิบาย

                “ย่าว่าเจ้าใจเย็นๆก่อน อย่าไปฝืนใจน้องมันเลย ถึงไม่ได้เล่นน้ำก็พักตากอากาศอย่างเดียวก็ได้” คุณลำเภาเสนอ

                “อาเห็นด้วยนะคะ คุณหมากจะรีบกลับไปไหน ถ้าไม่ชอบที่นี่...พี่ชายอาก็มีบ้านพักส่วนตัวอยู่บนเกาะฝั่งโน้น เป็นหาดส่วนตัวไม่มีคนวุ่นวาย สวยมากทีเดียว ถ้าอยากไปอยู่อาจะบอกให้ทางนั้นเตรียมบ้านไว้” คุณวารีพยายามโน้มน้าวจิตใจของบุตรชายผู้มีพระคุณ

                “ขอบคุณครับแต่ผมคงไม่รบกวนคุณอา ยัยพลูกลับน่ะดีแล้ว อยู่ที่นี่...ผมไม่ค่อยสบายใจ” เขาพูดตรงๆ ซึ่งคุณวารีก็พอจะเข้าใจว่าฝ่ายนั้นหมายถึงอะไร

                “แกอย่าทำเรื่องให้มันยุ่งได้มั้ยเจ้าหมาก น้องมันอยากจะมาเที่ยวทะเลแกจะไปทำลายความสุขของน้องทำไม เรื่องที่เกิดขึ้นมันก็เพราะความเข้าใจผิดของแกเองไม่ใช่เหรอ” คุณเที่ยงธรรมเอ็ด เทียมภพเถียงไม่ออกก็ที่บิดาว่าอยู่นั่นมันเรื่องจริง!

                “หมาก...ย่าขอเถอะ ทำแบบนี้ถือว่ารังเกียจทางคุณวารีเธอนะ เธออุตส่าห์ลงมาต้อนรับทั้งๆที่งานทางโน้นก็มาก” คุณลำเภาเสริม เทียมภพหมดสิทธิ์ค้านยิ่งเห็นตาแดงๆของน้องด้วยแล้วก็ต้องจำใจยอม

                “ไปยัยพลู...กลับห้องไปพักผ่อน” คนถูกเรียกผละจากบิดาไปหาพี่ชาย เทียมภพจูงมือน้องสาวออกไป พวกผู้ใหญ่หันมาปรึกษากันต่อเมื่อสองพี่น้องจากไปแล้ว

                “เอาล่ะ...ทีนี้ก็เข้าเรื่องต่อ คุณวารีคิดว่าจะปิดข่าวได้ผลมากแค่ไหนครับ?” คุณเที่ยงธรรมถามอย่างเป็นกังวล คุณวารีนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ทำให้คนอื่นๆต้องคิดตามไปด้วย เรื่องวันนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องทะเลาะวิวาทเล็กๆเท่านั้น แต่กลับบานปลายเพราะว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องต่างก็เป็นที่รู้จัก ลูกชายญาติเจ้าของรีสอร์ท ละอองทรายกับลูกสาวอดีตท่านทูต คนนอกที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวก็พากันซุบซิบอย่างสนุกปากที่เห็นชายหนุ่มในสภาพไม่เรียบร้อยอุ้มหญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยแล้วก็มีเรื่องชกต่อยกันถึงขั้นเลือดตกยางออก แต่จุดสนใจของการซุบซิบที่ว่าไม่ใช่เรื่องทะเลาะกันเพียงอย่างเดียว แต่เป็นคำถามที่ว่าสองหนุ่มสาวคู่นี้ไปที่ไหน ทำอะไรกันมา เรื่องราวแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วทั้งๆที่มีคนรู้ความจริงแค่ไม่กี่คนจึงเป็นเรื่องยากที่จะแก้ไขความเข้าใจผิดครั้งนี้ได้

                “ดิฉันให้นทีแจ้งกับพนักงานว่าอย่าแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปค่ะ แล้วก็อธิบายว่าเรื่องจริงๆมันเป็นอย่างไรแต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะได้ผลแค่ไหนเพราะคนที่เห็นเหตุการณ์ไม่ได้มีแค่พนักงานของเราแต่ยังมีคนนอกและแขกที่เข้ามาพัก ไอ้ที่ไม่รู้จักพวกเราก็ไม่เป็นไรแต่ที่รู้จักมักจี่กันก็มีมาก แต่อย่างน้อยเราก็ได้แก้ไขในเบื้องต้น” คุณวารีกล่าวอย่างกังวลใจไปแพ้กัน นางไม่ห่วงภาพพจน์ของลูกชายเท่าใดนักแต่ห่วงแทนดาวมากกว่า อย่างไรผู้หญิงก็ต้องตกเป็นฝ่ายเสียหายมากกว่าอยู่แล้ว

                “ผมคิดว่าตอนนี้คงต้องปล่อยไปก่อน เรายังไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง เรื่องนี้จะโทษใครก็ไม่ได้ คนของผมเองก็ใจร้อนวู่วาม” คุณเที่ยงธรรมกล่าวปิดท้าย ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป การเป็นขี้ปากคนนั้นเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ยากยิ่งนัก

 

               แทนดาวเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนเกือบหกโมงเย็นเมื่อมารดามาตามไปรับประทานอาหาร คนถูกปลุกขยี้ตาตื่นอย่างง่วงงุนเพราะฤทธิ์ยา อาการปวดแปลบที่แผลกำเริบขึ้นอีกแล้ว มันเจ็บระบมจนเดินไม่ไหวต้องกะเผลกเข้าห้องน้ำ รู้สึกหนาวๆร้อนๆชอบกลคล้ายๆว่าไข้คงจะมาเยี่ยมเยียนแล้วแน่ๆ พอเดินเข้ามาในล็อบบี้ก็รู้สึกแปร่งๆที่พวกพนักงานพากันมองตนและหันไปกระซิบกระซาบพูดคุยกัน คิดในใจว่าคงจะกำลังถูกพวกนี้นินทาเรื่องเมื่อบ่ายอยู่แน่นอน แทนดาวไม่ชอบใจที่โดนถูกนินทาเลยจ้องกลับพวกนั้นด้วยสายตาคมเฉียบบอกให้รู้ว่าไม่ปลื้มอย่างยิ่ง คนพวกนั้นพากันหลบสายตาและหยุดการพูดคุยในทันทีเพราะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ธรรมดา ถ้าทำอะไรให้ไม่ถูกใจเข้าเรื่องอาจลอยไปเข้าหูคุณวารีแล้วจะต้องตกงานกันเป็นแถวๆแน่

                “น้องพลูครับ” แทนดาวหันไปมองเวทิวุฒิที่กำลังเดินยิ้มเผล่มาหา

                “น้องพลูไปโดนอะไรมาครับนั่น?” เขาสังเกตเห็นหน้าตาซีดเซียวดูไม่ค่อยสบายของรุ่นน้องแล้วเหลือบไปเห็นเท้าขวาที่พันผ้าไว้

                “เหยียบเศษแก้วเอาน่ะค่ะ” หล่อนตอบสั้นๆ เริ่มรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวขึ้นมานิดๆ

                “แย่จริง...แล้วเป็นอะไรมากมั้ย? เจ็บมากมั้ยครับ?” เขาประคองหญิงสาวจะพาไปนั่งที่เก้าอี้แต่แทนดาวขืนไว้เพราะตอนนี้พนักงานเริ่มซุบซิบกันอีกแล้ว ตายล่ะ...คงไม่พ้นจากการเม้าท์มอยว่าเป็นเรยาตัวละครเอกที่มีพฤติกรรมมากชู้หลายชายในละครหลังข่าวเรื่องหนึ่งที่กำลังดังเปรี้ยงปร้างอยู่ตอนนี้ ก็ดูเถิด...ภายในระยะเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงตั้งแต่เหยียบเท้าลงบนหาดแห่งนี้ หล่อนต้องเขาไปพัวพันกับผู้ชายถึงสามคนเลยทีเดียว

                “ไม่เป็นไรค่ะพี่เว เดี๋ยวน้องพลูจะไปทานข้าวแล้วค่ะ” หล่อนตอบอย่างเกรงใจพร้อมกับแกะมือหนาที่จับแขนตนออก ยังไม่อยากอยู่ใกล้ชิดใครอีกในสถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้

                “จะไปที่ไหนครับ? เดี๋ยวพี่ช่วยประคองไปส่งนะ ดูสิ...น้องพลูคงจะเจ็บมาก” เขายังตื๊อ แทนดาวขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืดเพราะเหนื่อยและเพลียแถมยังเจ็บแผล ยังมิวายที่พอเดินพ้นไปไม่เท่าไหร่ หูก็แว่วเสียงวลีฮิตจากพนักงานกลุ่มนั้นไล่หลังมาว่า

                “เห็นนางเงียบๆ ฟาดเรียบนะจ๊ะ” แทนดาวได้แต่เก็บความแค้นไว้ในใจแต่ตั้งใจว่างานนี้ต้องมีเอาคืนแน่ๆ

แทนดาวเดินเขยกๆมาถึงโต๊ะอาหารโดยมีเวทิวุฒิเดินตามหลังมาใกล้ๆ (บอกให้เขาปล่อยมือตอนใกล้จะถึง) เวทิวุฒิยังคงยืนนิ่งเพราะรู้สึกได้ถึงสายตาทุกคู่ที่จ้องมองมาและหวั่นๆกับสายตาพิฆาตจากบุรุษร่างสูงกำยำที่มีพลาสเตอร์ปิดไว้ตรงหางคิ้ว

                “คุณย่าคะ...นี่พี่เวค่ะ รุ่นพี่ที่เคยเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน พอดีพี่เวก็มาเที่ยวที่นี่เหมือนกันเพิ่งเจอกันวันนี้ค่ะ...โดยบังเอิญ” แทนดาวแนะนำรุ่นพี่และเน้นวลีที่ว่า ‘โดยบังเอิญ’ กับพี่ชาย เวทิวุฒิยกมือไหว้ทุกคนอย่างนอบน้อมจนครบโดยเฉพาะกับเทียมภพที่เขาก้มหัวจนแทบจะติดพื้นทราย พี่ใหญ่จ้องมองมองตาขวางบอกความไม่พอใจอย่างเปิดเผย

                “รุ่นพี่รึ...สงสัยตอนเรียนคงจะแอบจีบยัยพลู ดูท่าก็รู้แล้ว”

                “เออ...กองไว้ตรงนั้นแหละ!” นี่คือคำทักทายที่สุภาพมากๆแล้วจากเทียมภพ น้องสาวตวัดตาดุๆมองพี่ชายที่ทำท่ายักไหล่ไม่รู้ไม่ชี้แถมคอยวางท่ากันไม่ให้ชายหนุ่มมาใกล้น้องสาว

                “งั้นก็เชิญทานข้าวด้วยสิจ๊ะ” คุณดวงทิพย์ชวน หนุ่มหน้าหล่อยิ้มกว้างและทำท่าจะนั่งตรงที่ว่างข้างแทนดาว

                “นาย...ไปนั่งปลายโต๊ะโน่น” เทียมภพสั่งเสียงแข็งพร้อมกับชีมือชี้ไม้ไปยังเก้าอี้ว่างที่อยู่ปลายแถว เวทิวุฒิรีบลนลานไปนั่งตรงนั้น แทนดาวมองรุ่นพี่อย่างเห็นใจ

                “แล้วนี่ลูกๆคุณวารีไปไหนหมดล่ะ? ไม่มาร่วมวงกับเราด้วยรึ?” คุณลำเภาถามหาบุตรทั้งสองของคุณวารี

                “เดี๋ยวตามมาค่ะ พอดีสองพี่น้องยังอยู่บ้านญาติ เราไม่ได้ลงมาที่นี่กันบ่อยมาก ต่างฝ่ายต่างงานเยอะ” คุณวารีตอบ

                “อย่ามาเลยจะดี!” เทียมภพแกล้งพึมพำให้ทุกคนได้ยินแต่ไม่ทันจะขาดคำชลธีเดินโอบบ่าน้องสาวที่มีสีหน้าไม่สบายใจเดินมาสมทบ จอมหาเรื่องเห็นสองพี่น้องก็เกิดหน้าตึงขึ้นมาอีกแล้ว กระแทกแก้วเบียร์ลงบนโต๊ะจนของเหลวสีอำพันกระฉอกออกมานิดหนึ่ง ตาดุๆจ้องมองคู่ต่อสู้ไม่ลดละในลักษณะระแวดระวังและเตรียมพร้อมหากจะมีการวางมวยเกิดขึ้นอีก

                “ขอโทษที่มาช้านะครับ” ชลธียังมีสีหน้าราบเรียบเช่นเคย บนใบหน้าคมสันมีพลาสเตอร์ชิ้นเล็กแปะไว้ที่ข้างๆดั้งจมูก รอยช้ำจางๆยังคงปรากฏอยู่ เขามองเวทิวุฒิแล้วก็ขมวดคิ้วเพราะไม่คิดว่ารุ่นพี่ที่เจอกันเมื่อหัววันคนนี้จะมาอยู่ที่นี่ด้วย

                “พี่เวกับพี่ชลรู้จักกันแล้วใช่มั้ยคะ คงไม่ต้องแนะนำแล้วนะคะ” แทนดาวพูดเสียงค่อยเมื่อเห็นว่าชลธีมองหน้ารุ่นพี่สุดหล่อไม่วางตา

                “นี่เราแนะนำเพื่อนให้มันรู้จักก่อนพี่งั้นเหรอ?” เทียมภพแทรกขึ้นด้วยความไม่พอใจพร้อมกับกระแทกแก้วเบียร์จนกระฉอกออกมาอีกเป็นครั้งที่สอง

                “บอกแล้วไงว่า โดย-บัง-เอิญ” หล่อนบอกพี่ชายอย่างรำคาญ

                “อ๋อ...ผมเจอพี่เค้าตอน...” เวทิวุฒิกำลังจะอ้าปากอธิบายรายละเอียดว่าไปพบเจอกันได้อย่างไร แทนดาวถือแก้วน้ำอัดลมค้างกลางอากาศพร้อมกับกลั้นหายใจ

                “อย่านะพี่เว...ห้ามพูด”

                “ตอนที่ผมจะออกไปบ้านญาติ พอดีเจอกันที่ล็อบบี้แล้วใบพลูก็แนะนำให้รู้จัก” ชลธีชิงตัดบท แทนดาวลอบถอนใจอย่างโล่งอก เวทิวุฒิอ้าปากค้างด้วยความงงงันแต่ก็ยอมตามน้ำไป

                “เลิกฟาดงวงฟาดงาเสียทีเถอะเจ้าหมาก” คุณลำเภาเอ็ดหลานชายคนโต เทียมภพผู้ซึ่งพอใจที่ระบายอารมณ์กับการกระแทกแก้วเบียร์ยังคงมองอย่างไม่ไว้ใจ

                “เอาล่ะ...ในเมื่อรู้จักกันแล้วก็เริ่มกินกันเถอะนะ คุณเวก็ตามสบายนะ...เป็นเพื่อนยัยพลูก็เหมือนลูกเหมือนหลานนั่นแหละ” คุณลำเภากล่าวอีกครั้งแล้วก็ไม่มีบทสนทนาอะไรมาขัดจังหวะการรับประทานอาหารอีก

                “กินเยอะๆสิน้องพลู เราชอบปูไม่ใช่เหรอ” เทียมภพแกะปูให้น้องสาวอย่างเอาใจแล้วก็คะยั้นคะยอให้กิน

                “กุ้งนี่อร่อยนะครับ” เวทิวุฒิที่อยากจะเอาใจบ้างจึงแกะกุ้งเผาตัวโตให้แต่ยังไม่ทันที่กุ้งตัวนั้นจะแตะจานของรุ่นน้องมันก็มีอันต้องเด้งไปอยู่ในจานของพี่ชายหล่อนแทน

                “อืม...อร่อยจริงด้วยว่ะ แกะมาเรื่อยๆเลยไอ้น้อง น้ำจิ้มด้วยสิวะ...กินเพียวๆมันเลี่ยน!” เทียมภพพูดหน้าตาเฉยเล่นเอาเวทิวุฒิหน้าแหยพลางคิดในใจ

                “ไอ้พี่ที่ชื่อชลว่าโหดแล้ว ไอ้นี่โหดกว่าอีกแฮะ” แล้วอย่างนี้จะเข้าใกล้หญิงสาวได้อย่างไรกัน ในขณะชลธียิ้มมุมปากนิดๆให้กับกระทำที่ ‘เข้าท่า’ ของคู่อริ ดีเหมือนกันเพราะตนเองก็ไม่ค่อยถูกชะตากับเพื่อนรุ่นพี่คนนี้เหมือนกัน

                “น้องพลูเป็นอะไรเนี่ยไม่เห็นค่อยกินเลย ไหนบอกว่าจะกินปลาให้ครีบงอกเลยไง” รมณ์นลินถามด้วยความความเป็นห่วงที่ลูกศิษย์ดูซึมจนผิดสังเกต ชลธีที่นั่งอยู่ตรงข้ามรู้ทันทีว่าไข้คงเล่นงานเข้าแล้ว

                “นั่นสิ...น้องพลูไม่สบายหรือปล่าคะ?” คุณวารีถามย้ำ

                “ไม่รู้สิคะ อาจเป็นเพราะเพิ่งกินยาแก้อักเสบเข้าไปเลยทำให้ไม่อยากกินอะไรเลย” แทนดาวตอบซึมๆ ตอนแรกก็ตั้งใจว่ามาถึงตรังทั้งทีจะฟาดอาหารทะเลสดๆให้หนำใจแต่ตอนนี้กลับไม่นึกอยากเอาเสียเลย มองอะไรก็ไม่น่ากินไปเสียหมดแต่ก็ฝืนต้องกินบ้างเมื่อพี่ชายแกะทั้งปู กุ้ง หอย คอยจ่อให้ถึงปากหญิงสาวแอบมองไปทางชลธีนิดหนึ่งซึ่งอีกฝ่ายก็มองมาอยู่ก่อนแล้ว แววตานั้นบ่งบอกความเป็นห่วงกังวลอย่างเห็นได้ชัด ปลายเดือนเห็นดังนั้นก็รีบดึงความสนใจจากชายหนุ่มที่นั่งข้างๆกลับคืนมา

                “คุณชลตักเนื้อปลาให้ผึ้งหน่อยสิคะ” ชายหนุ่มทำตามที่ขอ แทนดาวหมั่นไส้กับอาการกระแนะกระแหนตีเนียนของพี่สาว อาหารอยู่ตรงหน้าแท้ๆแต่ตักไม่ถึง

                “น้องพลูไม่ไหวก็กลับไปนอนดีกว่า มาเถอะพ่อจะพาไปส่ง” คุณเที่ยงธรรมลูบศีรษะบุตรสาวเบาๆ

                “น้องพลูไหวค่ะ แต่ว่าคงจะนั่งอยู่นานไม่ได้” คนป่วยฝืนยิ้มพลางส่งกุ้งตัวโตเข้าปากแม้ว่าจะไม่รับรู้รสชาติใดๆเลยเพื่อให้ทุกคนคลายกังวล

                การรับประทานอาหารดำเนินไปเรื่อยๆจนถึงเวลาสองทุ่ม แทนดาวรู้สึกว่าตัวเองชักจะฝืนตัวเองไม่ไหวแล้วเลยต้องขอตัวไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาโดยมีรมณ์นลินอาสาไปเป็นเพื่อน ตอนแรกเทียมภพจะไม่ยอมเพราะกลัวว่าน้องสาวจะถูกล่อลวง คุณย่าจึงเอ็ดเอาว่าจะตามไปเข้าห้องผู้หญิงด้วยหรือไง    

                “น้องพลูยังไหวหรือเปล่าคะเนี่ย?” รมณ์นลินเป็นห่วงเมื่อเห็นอีกฝ่ายหน้าซีดเผือดมากกว่าเดิม

                “ไข้เล่นงานน้องพลูเข้าแล้วล่ะค่ะ”

                “จะไปนั่งต่อมั้ยหรือจะกลับห้องเลย? พี่จะพาไป”

                “ไปนั่งคุยต่อก็ได้ค่ะ เสียดายจัง...ว่าจะกินให้เต็มคราบซะหน่อย” ลูกศิษย์สาวทำตาละห้อยแล้วเดินเขยกกลับไป

                บรรดาสุภาพบุรุษทั้งใหญ่น้อยนั่งดื่มเบียร์กันต่อ ดูเวทิวุฒิจะเข้ากับพวกผู้ใหญ่ทุกคนได้ดีมากยกเว้นเทียมภพกับชลธี คนแรกเอาแต่ทำหน้าถมึงทึงทุกครั้งที่หันมาคุยกับน้องสาว ส่วนอีกคนก็เย็นชา ถามคำตอบคำ แต่ที่อาการหนักสุดเห็นจะเป็นปลายเดือนที่คอยพูดจายกยอปอปั้นพรรณนาสรรพคุณน้องสาวว่าดีอย่างนั้นดีอย่างนี้จนคนถูกยออยากจะหนีไปเสียไกลๆ รู้ว่าพี่สาวคงพูดเชียร์ตนให้รุ่นพี่อยู่แน่ๆ

                “น้องพลูเป็นเด็กดีมากนะคะคุณเว เรียนเก่งด้วยค่ะแถมยังมีพรสวรรค์เล่นดนตรีได้หลายอย่าง ผึ้งเสียอีกที่ไม่ได้เรื่องเหมือนน้อง ถ้าใครได้เป็นแฟนกับน้องสาวผึ้งแล้วล่ะก็...ต้องเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดเลยล่ะค่ะ”

                “มากไปสีผึ้ง ใครได้ไปล่ะจะโชคเลือดมากกว่า ทั้งดื้อทั้งซนขนาดนี้” เทียมภพขัด

                “แหม...พี่หมาก ใครๆก็รู้ว่าน้องของเราน่ารัก คุณเวว่ามั้ยคะ?” คนที่ถูกยอรู้สึกขัดหูกับคำว่า ‘น้องเรา’ ราวกับว่ามันเป็นคำศัพท์แปลกประหลาดไม่มีในพจนานุกรมเล่มไหน นี่ถ้าไม่ติดว่าไข้ขึ้นล่ะก็...จะย้อนให้แสบสันเชียว

                “ครับผม...น่าอิจฉาพี่หมากที่มีน้องสาวสวย” เวทิวุฒิรีบประจบ

                ‘‘ของมันแน่อยู่แล้วเว้ย!’’ เทียมภพที่ออกอาการกึ่มๆหน่อยๆยืดอกรับคำก่อนจะกระแทกแก้วเบียร์เป็นครั้งที่สาม ฝ่ายชลธีหน้านิ่งก็เพียงแค่จิบเบียร์แล้วเมินหน้าไปทางอื่น ส่วนคนถูกยอนั้นหน้าแดงจนเห็นได้ชัดแต่ไม่ใช่เพราะความอายหากเป็นเพราะพิษไข้ที่กำลังรุม ใครไม่รู้ก็อาจคิดว่าคงเขินที่ถูกหนุ่มหล่อชมซึ่งๆหน้า

                “แต่อย่าได้คิดมาเกาะแกะเพราะฉันไม่ใจดีพอให้นายมายุ่มย่ามกับน้องสาวฉันหรอกนะ...ไอ้หัวถาด!” พี่ใหญ่ประกาศกร้าว เวทิวุฒิหน้าเสียและหงุดหงิดกับฉายาใหม่ที่ถูกตั้งให้แล้วก้มหน้าดื่มเบียร์เงียบๆต่อไป ชลธีมองอย่างสะใจนิดๆเพิ่งได้ยินศัตรูพูดจาเข้าท่าน่าฟังก็วันนี้เอง

                “พี่หมากก็คิดมากไป คุณเวเค้าก็เป็นคนดี การศึกษาดี ผึ้งเคยเห็นผลงานโฆษณาของคุณเวนะคะ แหม...ครีเอทีฟดีจริงๆค่ะ สงสัยต้องติดต่อให้มาทำงานกับเราบ้าง” ปลายเดือนยังเชียร์ต่อ

                “ไม่ได้หรอกสีผึ้ง...ยัยพลูยังเด็ก พี่ไม่ยอมให้ไอ้หัวดำหัวหงอกที่ไหนมาวอแวหรอก” เทียมภพประกาศเสียงเข้มพลางโอบบ่าน้องสาวอย่างหวงแหน เวทิวุฒิทำหน้าลำบากไม่รู้ว่าจะจัดการเลาะก้างชิ้นใหญ่นี้ออกไปให้พ้นทางได้อย่างไร

                “เอ๊ะ...ทำไมตัวร้อนล่ะเนี่ย เป็นไข้แล้วล่ะสิ” เทียมภพรู้สึกถึงความร้อนรุมผิดปกติเมื่อสัมผัสตัวน้องสาว พอแตะฝ่ามือตรงหน้าผากก็มั่นใจว่าคนตัวเล็กจับไข้เสียแล้ว

                “พลูปวดแผลค่ะ” แทนดาวสารภาพ

                “งั้นน้องพลูไปนอนเถอะครับ...เดี๋ยวจะเป็นหนัก” ชลธีพูดด้วยเป็นครั้งแรกและถ่ายทอดความห่วงใยผ่านแววตามาให้แต่โชคร้ายที่ส่งไปไม่ถึง

                “รู้แล้วล่ะน่า...คนไม่สบายแกจะปัญญาอ่อนให้นั่งตากลมอยู่หรือไง!” เทียมภพกร้าว แค้นใจที่มีคนมาเสนอแนะตัดหน้า

                “เหรอ...แล้วน้องไม่สบายทำไมไม่ตรัสรู้เสียตั้งแต่ทีแรกล่ะ เห็นเอาแต่นั่งซดเบียร์กับโม้เรื่อยเปื่อย” ชลธีเหน็บแรงทำให้คนถูกเหน็บแทบสำลักเบียร์

                “ไอ้...” เขาเกือบจะสบถคำด่าหยาบๆออกมาแต่มีคนขัดขึ้นก่อน

                “เอ่อ...พรุ่งนี้จะพาไปนั่งเรือเที่ยวชมเกาะนะคะ เจอกันที่ล็อบบี้สักเจ็ดโมงครึ่งก็จะดี แดดจะได้ไม่ร้อน” คุณวารีรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะกลัวเสือกับสิงห์คู่นี้จะฟัดกันอีก ทุกคนเห็นด้วยแล้วจึงแยกย้ายกันกลับบ้านพัก

                “พักผ่อนเยอะๆนะคะน้องพลู” รมณ์นลินกล่าวทิ้งท้าย แทนดาวพยักหน้ารับ

                “คุณก็ไปหลับไปนอนได้แล้ว สมองจะได้มีแรงคิดแผนใหม่ๆอีก” เทียมภพว่าพลางไล่กลายๆ ก่อนจะจูงน้องสาวที่ตัวร้อนจี๋กลับห้องโดยมีสายตาอีกคู่มองตามด้วยความเป็นห่วง

                “แฟง...ไอ้หมากมันพูดแบบนี้กับแฟงทุกครั้งเลยใช่มั้ย?” พอคล้อยหลังสองพี่น้อง ชลธีก็หันมาถามน้องสาวเสียงกร้าว

                “ช่างเถอะค่ะ ปรกติเค้าก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วนี่คะ” หล่อนตอบอ่อยๆ

                “ทีหลังมีอะไรให้บอกพี่ พี่สัญญาว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่มันจะได้ก้าวร้าวแฟงต่อหน้าพี่” เขาย้ำหนักแน่นพร้อมกับบีบมือน้องสาวอย่างให้กำลังใจ เขาเองก็รักและทะนุถนอมรมณ์นลินมากไม่แพ้กัน ใครจะมาทำหยามหยาบคงได้เห็นดีกันแน่นอน

 

                 ชลธีพยายามข่มตานอนแต่ก็ไม่ยอมหลับ เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ทำให้ต้องใช้สมองคิดทบทวนอะไรหลายๆอย่าง นึกถึงคำเตือนของมารดาเรื่องข่าวซุบซิบที่กำลังค่อยๆลุกลาม ไหนจะคำนินทาจากคนรอบตัวและที่น่ากังวลที่สุดคือการแชร์ข่าวในโลกโซเชียลที่ไวยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง ยิ่งแชร์ไปมากเรื่องราวก็ยิ่งถูกดัดแปลงจนห่างไกลจากความเป็นจริงมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่งามแบบนี้มักจะเป็นของโปรดของคนที่ชอบเสพเรื่องชาวบ้านเป็นอย่างยิ่งหรือศัพท์ทางโซเชียลที่ใช้คำว่า ‘กินเผือก’ นั่งเอง

                  ร่างกำยำยันกายลุกขึ้นนั่งผึงหมอนขณะใช้ความคิดเงียบๆ ลำพังตัวเองนั้นไม่ได้ตกใจหรือกังวลกับเรื่องนี้เพราะเคยชินกับข่าวเม้าท์ที่มักโดนกับตัวเองอยู่ประปราย ก็ตั้งแต่เรียนจบกลับมาทำงาน นอกจากปัญหาเรื่องงานสารพัดที่ต้องฝ่าฟันแล้วยังต้องเผชิญกับข่าวรายวันไม่ได้หยุดหย่อน จริงบ้างไม่จริงบ้าง ที่แรงที่สุดที่เคยเจอมาก็เรื่องที่ว่าที่เขายังครองตัวเป็นโสดไม่ยอมแต่งงานก็เพราะเป็นเกย์บ้างหรือแอบซุกลูกเมีย เลี้ยงนักศึกษาเอย ทำพริตตี้ท้องบ้าง ไอ้เรื่องปิดข่าวเห็นจะไม่ได้ผลเหมือนยิ่งปิดก็ยิ่งเปิดเผย ไอ้ที่จะนั่งไปอธิบายให้ทุกคนฟังก็เป็นไปไม่ได้ แต่ที่เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไม่อาจวางเฉยหรือปล่อยผ่านเหมือนแต่ก่อน เพราะว่าข่าวลือได้พาดพิงถึงสตรีอีกคนที่เขาพยายามอย่างที่สุดที่จะปกป้อง แทนดาวไม่ควรจะตกเป็นเหยื่อขี้ปากของพวกขาเผือกทั้งหลาย เหตุการณ์ต่างๆมันเกิดขึ้นเพราะอุบัติเหตุแท้ๆแต่กลับสร้างความเสียหายทั้งทางร่างกายและจิตใจให้หล่อนอย่างมาก ซึ่งทางออกที่ดีที่สุดที่เขาเตรียมไว้นั้นก็มีอยู่แล้วติดแต่ว่าจะทำให้เป็นจริงได้หรือไม่

                แทนดาวหลับไปแล้วด้วยความเพลียจากฤทธิ์ยาผสมฤทธิ์ไข้ เทียมภพรอจนน้องสาวหลับสนิทดีแล้วจึงกลับบ้านพักของตัวเอง ปากก็มิได้หยุดพร่ำบ่นก่นด่าว่าชลธีเป็น ‘ตัวต้นเหตุ’ และอาฆาตว่าถ้าสบโอกาสเมื่อไหร่จะถีบตกทะเลให้ฝูงปลาทูรุมแทะ คุณดวงทิพย์เข้ามาดูแลลูกสาวต่อสักพักก่อนจะฝากฝังให้ปลายเดือนที่นอนบ้านหลังเดียวกันช่วยเช็ดตัวเวลาไข้ขึ้นและให้เรียกนางทันทีถ้ามีอาการไข้ขึ้นสูง

                “ป้าทิพย์ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ผึ้งจะดูแลน้องเอง” หล่อนรับคำเป็นมั่นเหมาะ คุณดวงทิพย์จึงหมดห่วงเพราะเชื่อว่าหลานสาวคงดูแลลูกสาวได้อย่างที่บอก แต่หารู้ไม่ว่าพอลับหลังนางแล้วคนที่รับปากก็ปาผ้าขนหนูทิ้งทันที

                “แกนี่มันเป็นตัวยุ่งไปซะทุกเรื่องจริงๆ ฉันอยากจะให้แกตายๆไปเสียคืนนี้เลย เช็ดตัวแกน่ะเหรอ...อาบน้ำให้หมาขี้เรื้อนยังจะดีกว่า” ปลายดือนบ่นขณะมองร่างที่นอนหลับสนิทอย่างเกลียดชัง ปากเหยียดขึ้นอย่างกับคนตรงหน้าเป็นสิ่งปฏิกูลแล้วก็เดินออกไปยังริมหาด ที่นั่น...เวทิวุฒิรออยู่

 

                แทนดาวฝัน...ฝันว่ากำลังนั่งเรือเที่ยวเกาะ แอบหนีออกมาคนเดียวทั้งๆที่แผลยังไม่หายดี นัดกับเวทิวุฒิไว้ว่าจะไปล่องเรือด้วยกัน เขาสัญญาว่าจะพาไปหาไข่มุก แทนดาวหลงเชื่อนั่งเรือไปกับเขา ขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับธรรมชาติอันงดงามของเกาะแก่งน้อยใหญ่ก็รู้สึกเหมือนถูกฝ่ามือยักษ์ผลักหลังอย่างแรงจนตกลงไปในทะเล พอหันกลับมามองก็เห็นปลายเดือนยืนหัวเราะอยู่บนเรืออย่างบ้าคลั่ง

แทนดาวว่ายน้ำเป็นอยู่หรอกแต่ว่าทะเลลึกคลื่นแรงขนาดนี้ก็สู้ไม่ไหว เลือดมากมายเริ่มไหลซึมออกมาจากแผล กลิ่นคาวเลือดเรียกฝูงฉลามให้ตรงเข้ามา “ช่วยด้วย!” หล่อนตะโกนร้อง ปลายเดือนกับเรือลำนั้นจากไปแล้ว ฝูงฉลามรุมกัดแทะเนื้อตัวอย่างเมามัน เนื้อหนังถูกฟันแหลมคมฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ

 

               “อื้อ...” หญิงสาวร้องอู้อี้สองมือไขว่คว้าไปข้างหน้า พยายามสลัดภาพฝันอันโหดร้ายนั้นออกไป ไม่ช้าก็รู้สึกถึงอ้อมแขนของใครบางคนโอบรัดเอาไว้

                “พี่หมาก...พี่หมากขา” หล่อนร้องเรียกชื่อพี่ชายในความมืดสนิท หลับตาแน่นเพราะยังติดอยู่ในความฝันกับฝูงฉลาม พอได้กลิ่นอาฟเตอร์เชฟที่คุ้นเคยก็โผเข้าหา สองมือโอบรอบคออีกฝ่ายไว้แน่น ซุกใบหน้ากับอกอุ่นแล้วเล่าเรื่องความฝันน่ากลัวให้ฟัง

                “ฮือ...ฉลามจะกินหนู น่ากลัวที่สุดเลย” คนเล่าสะอึกสะอื้นตัวสั่นยังไม่กล้าลืมตาเพราะกลัวว่าจะเจอกับฉลาม

                “ไม่เป็นไรแล้วนะครับ...พี่อยู่นี่แล้วนะ” ชลธีกอดร่างนุ่มนิ่มที่กำลังสั่นเทาให้แน่นขึ้นพร้อมกับลูบหลังลูบไหล่อย่างปลอบโยนจนเสียงร้องไห้สงบลงเหลือแต่อาการสะอื้นเป็นระยะๆ เขาสัมผัสได้ถึงความร้อนรุมของร่างในอ้อมแขน  

                “ฉลามไปหรือยังคะ?” ร่างบางยังพูดอู้อี้อยู่กับอกอุ่น มือยังกอดคอคนที่คิดว่าเป็น ‘พี่ชาย’ ไม่ยอมปล่อย

                “พี่ไล่ไปหมดแล้วครับ นอนต่อเถอะนะ” ชลธีใช้นิ้วกรีดน้ำตาที่เปียกชุ่มบนแพนขนตายาวอย่างอ่อนโยน ปัดผมยุ่งๆให้เข้าที่เข้าทาง

                “ทีนี้ก็หลับให้สนิทล่ะ” แทนดาวคลายวงแขนที่โอบรอบคออย่างว่าง่าย ชายหนุ่มค่อยๆประคองร่างคนฝันร้ายลงนอน ด้วยฤทธิ์ไข้และฤทธิ์ยาผสมกับฝันร้ายจึงทำให้แทนดาวหลับไปแทบจะทันทีที่หัวถึงหมอนไม่รับรู้เลยว่าคนที่กกกอดอยู่ไม่ใช่พี่ชาย

                ชลธีชุบผ้าขนหนูในอ่างเล็กเช็ดตามใบหน้าลำคอและแขนอย่างแผ่วเบาเพื่อลดไข้ นึกโมโหปลายเดือนว่าหายไปไหนถึงปล่อยให้น้องนอนละเมออยู่คนเดียว ถ้าไม่ติดว่าเป็นห่วงจนนอนไม่หลับต้องเดินมาเมียงๆมองๆแถวบ้านพักแล้วก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ทีแรกก็ใจมากคิดว่าอาจมีคนร้ายงัดห้องเข้าไปทำมิดีมิร้าย พอลองเปิดประตูก็ยิ่งใจหายเพราะว่าไม่ได้ล็อกไว้เลยถือวิสาสะเข้าไปในห้องนอนก็เห็นร่างบางนอนดิ้นไปดิ้นมา เหงื่อแตกพลั่กผ้าห่มหล่นลงมากองอยู่ที่พื้น พอไปจับตัวได้ก็ถูกคนป่วยกอดไว้แน่น สะอื้นตัวสั่นเหมือนลูกนกตกน้ำ

                “พี่หมากอยู่กับน้องพลูก่อนนะคะ เดี๋ยวฉลามมาอีก” แทนดาวพึมพำพลางยึดมือเขาไว้เพราะมองไม่เห็นหน้ากันในความมืด ชลธีดึงผ้าห่มคลุมให้ถึงคอ กุมมือเล็กๆนั้นไว้ ปัดผมที่ลงมาปรกหน้าผากออกไปให้พ้นทาง

                “พี่อยู่นี่นะ...จะไม่ให้อะไรมาทำร้ายน้องพลูได้” แทนดาวได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาอยู่ข้างหูก็ยิ้มออกมา ความอบอุ่นกลับคืนมาสู่หัวใจดวงน้อยอีกครั้ง ในที่สุดพี่หมากก็มาช่วยไว้ได้ทัน ถ้ามีพี่หมากอยู่...ไม่ว่าอะไรก็มาทำร้ายหล่อนไม่ได้หรอก

                “อืม...หนาวจัง” คนตัวเล็กดึงคนตัวโตที่มโนว่าเป็นพี่ชายให้ลงมานอนข้างๆซ้ำยังเกยศีรษะซบหนุนอยู่ตรงซอกไหล่แขนเรียวพาดผ่านเอวหนาราวกับใช้ร่างกายของเขาแทนหมอนข้าง ชลธีไม่ทันตั้งตัวเลยล้มนอนราบลงไปตามแรงฉุดของคนตัวเล็ก

                “น้องพลู...ลุกขึ้น” เขากระซิบบอกแต่ว่าร่างบางที่นอนทับอกอยู่ไม่มีทีท่าว่าจะขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย คนถูกกอดยอมจำนนอีกครั้งเพราะถ้าขัดขืนแล้วหล่อนเกิดตื่นขึ้นมาเห็นว่าตนเองไม่ใช่พี่ชายแล้วล่ะก็...คราวนี้เรื่องคงจะไม่จบลงแค่การชกต่อยแต่อาจเป็นการฆาตกรรมกันเลยทีเดียว ดูเถิด...กลัวว่าหล่อนจะถูกโจรงัดห้องเข้ามาทำมิดีมิร้ายแต่กลับเป็นตัวเองที่ถูกกระทำซะนี่

                ความมืดสลัวทำให้มองเห็นเพียงใบหน้านวลรางๆ แม้จะซูบซีดเพราะพิษไข้แต่ก็ฉาบไปด้วยความงดงามผุดผ่องตามวัยสาวสะพรั่ง ชลธียิ้มอ่อนพลางมองศีรษะที่ปกคลุมด้วยกลุ่มผมสวยสยายแผ่บนอกกว้างก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งจับผมสวยเล่นอยู่อึดใจแล้วเลื่อนไปจับท่อนแขนนุ่มนิ่มที่พาดรอบเอวออกจนทำให้คนนอนหลับขยุกขยิกตัวด้วยความขัดใจ

                “อืม...” เสียงประท้วงในลำคอบอกคนที่ขยับยุกยิกกลายๆว่าให้นอนนิ่งๆพร้อมกับเรียวขาที่ก่ายขึ้นมาทับบนท่อนขากำยำทำให้ชลธีตัวแข็งเกร็งรู้สึกว่าเลือดในกายเริ่มร้อนขึ้น ยิ่งพอหล่อนขยับเขยื้อนตัวก็ยิ่งทำให้ร่างกายเสียดสีกันมากขึ้น เขาหายใจเข้าออกลึกๆเพื่อผ่อนคลายความตื่นเต้นและระงับอารมณ์บางอย่างที่กำลังก่อตัวเหมือนพายุที่รอเวลาพัดถาโถม แม้จะมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าตนเองมีความยับยั้งชั่งใจมากพอแต่เขาก็เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนที่มีเลือดเนื้อและความรู้สึกตามที่ธรรมชาติสร้างมาให้เป็น หากสตรีที่นอนทับตัวอยู่นี้มิใช่บุตรสาวของผู้ที่มารดาให้ความนับถือแล้วล่ะก็...จะไม่ยอมนอนแข็งทื่อเป็นหินให้ถูกกอดก่ายอยู่ฝ่ายเดียวเป็นแน่

                “ขอโทษเถอะนะ” เขาติดสินใจผลักคนที่กำลังหลับอยู่บนตัวออกแล้วรีบลุกพรวดขึ้น คิดว่าไม่ควรจะปล่อยให้ตัวเองอยู่กับสาวสวยเพียงลำพังในที่รโหฐานแบบนี้นานนัก คนตัวเล็กที่โดนผลักกลิ้งไปนอนข้างๆส่งเสียงอู้อี้ๆแต่ก็ไม่ยอมตื่น ชลธีดึงผ้าห่มคลุมตัวให้ใหม่ก่อนจะค่อยๆโน้มใบหน้าลงไปจุมพิตละมุนละไมตรงหน้าผากมน แทนดาวเพียงแต่รับรู้กึ่งหลับกึ่งตื่นว่าพี่หมากจุ๊บหน้าผากเบาๆ คราวนี้คงหลับฝันดีแล้วล่ะ พี่หมากรู้ว่าจูบแบบนี้จะทำให้นอนหลับฝันดี ทีนี้ก็ไม่เห็นฉลามอีกแล้ว...

                เมื่อเห็นว่าสาวน้อยหลับสนิทดีแล้วเขาก็ค่อยๆย่องออกจากห้องทั้งที่ในใจยังนึกห่วงอยู่ไม่วาย ไม่รู้ว่าพี่สาวของคนป่วยหายไปไหนแต่ไอ้ครั้นจะอยู่โยงรอจนปลายเดือนกลับมาก็อาจจะดูไม่ดี อาจจะเกิดการเข้าใจผิดว่าเข้าไปทำอะไรน้องสาวเลยยืนแอบๆอยู่แถวนั้น สักประเดี๋ยวคนที่หาตัวอยู่ก็เดินกลับมาโดยมีเวทิวุฒิมาส่ง ชลธีขมวดคิ้วสงสัยว่าเมื่อตอนเย็นยังเชียร์น้องสาวให้ผู้ชายคนนั้นอยู่เลยแต่ทำไมตอนนี้ถึงได้สนิทสนมกันเสียเอง เขารอจนหญิงสาวกลับเข้าห้องเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาเงียบๆ ใจยังลอยไปถึงสาวใบหน้าซูบซีดที่ร้องห่มร้องไห้เพราะฝันร้าย สัมผัสไออุ่นจากเนื้อนุ่มที่กอดรัดร่างกายของตนเสียจนตบะเกือบจะแตก และ...สัมผัสสุดท้ายที่ตั้งใจฝากไว้บนหน้าผากนวลเกลี้ยงเกลา นานเท่าไหร่แล้วนะ...เขาจำไม่ได้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่เคยรู้สึกหวั่นไหวแบบนี้            

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา