BAD GUYS DAMAGE หนุ่มหล่ออันตราย ร้ายให้รัก

-

เขียนโดย TheDaziie

วันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 22.57 น.

  3 ตอน
  0 วิจารณ์
  5,313 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 มีนาคม พ.ศ. 2559 00.42 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) BGD || ตอน 1 : จุดชนวน (1) 100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

CHAPTER 1

จุดชนวน (1)

 

 

         [บรรยายพิเศษ : กวิน]

         สองสัปดาห์ก่อน...

         "เออรู้แล้ว กูก็รีบอยู่! แค่กๆๆ" ผมตอบปลายสายอย่างไม่สบอารมณ์พลางเหลือบตามองนาฬิกาดิจิตอลบนคอนโซลรถ สลับกับมองไฟจราจรที่ขึ้นเป็นสีแดงนานกว่าสองนาทีแล้ว และยังไม่มีท่าทีว่าจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความกังวล

         เหลือเวลาอีกแค่ยี่สิบนาทีการสอบเก็บคะแนนจะเริ่มขึ้นแล้ว ขืนติดไฟแดงนานกว่านี้อาจทำให้เข้าสอบไม่ทัน!

         แม้ว่าความจริงถึงผมไม่ได้เข้าสอบก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกเครียดหนักจนถึงขั้นร้องไห้ฟูมฟาย แต่หากมองกลับกัน...การมีคะแนนไว้ช่วยเสริมเกรดก็ย่อมดีกว่าไม่มีเลยใช่ไหมล่ะ

         [กูโทรหามึงตั้งหลายรอบก็ไม่รับ คิดอยู่แล้วว่าวันนี้มึงต้องมาสายอีกตามเคย] คนปลายสายยังส่งเสียงน่ารำคาญกลับมาไม่หยุด ทำเอาผมอยากวาร์ปไปตบกบาลมันสักทีสองทีเพื่อระบายอารมณ์หงุดหงิดจริงๆ

         อยู่ดีไม่ว่าดี วอนหาเรื่องเจ็บตัวแล้วไง!

         "มึงคิดว่ากูอยากไปสายหรือไงวะ! แค่กๆๆ" ผมยกโทรศัพท์ออกห่างเล็กน้อยก่อนจะเอากลับมาแนบหูตามเดิม แล้วกรอกเสียงลงไปในสายอีกครั้ง "แค่นี้นะเว้ย กูจะขับรถ"

         โดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไรกลับมาผมก็ชิงตัดสายแล้วโยนโทรศัพท์ลงบนเบาะข้างๆ ทันที ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเขียว ผมจึงไม่รีรอและเหยียบคันเร่งจนรถพุ่งทะยานไปเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว

         ไม่กี่นาทีผมก็ขับรถมาถึงมหาวิทยาลัย ซึ่งพอมองเวลาแล้วรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากเพราะมั่นใจว่าเข้าสอบทันแน่นอน อีกอย่างตึกที่ใช้ในการสอบก็อยู่ซ้ายมือข้างหน้านี่เอง ต่อให้จอดรถไว้แถวนี้แล้วเดินเท้าไปผมก็ยังเข้าสอบทันอยู่ดี

          "แค่กๆๆ คันคอชะมัด"

          ผมพึมพำกับตัวเองพลางเอื้อมมือไปยังเบาะด้านหลังเพื่อหยิบยาอมแก้ไอในถุงกระดาษของคลินิกแห่งหนึ่ง แต่ยังไม่ทันจะหยิบซองยาอมออกจากถุงก็ดันทำตกลงไปใต้ที่นั่งซะก่อน ผมจึงก้มตัวลงหยิบถุงยานั้นขณะที่ขับรถไปด้วย พอหยิบขึ้นมาได้ก็จัดการแกะซองยาอมอย่างรวดเร็วเพราะรู้สึกคันคอจนไอหนักมากกว่าเดิม แต่มันดันหล่นจากมืออีกหนเมื่อมียัยบ้าที่ไหนไม่รู้วิ่งตัดหน้ารถจนทำให้ผมต้องเหยียบเบรกกะทันหันด้วยความตกใจ

          "เฮ้ย!!!"

          "...!!!"

          เอี๊ยดดดดด!

          เสียงล้อรถบดกับพื้นถนนดังลั่นไปทั่วบริเวณ ผู้คนรอบข้างต่างหันมามองด้วยความตกใจ แต่ผมไม่ได้สนใจพวกคนเหล่านั้นนอกจากยัยผู้หญิงที่ยืนเบิกตากว้างอยู่หน้ารถ เวรเถอะ! ยัยนี่ทำให้อารมณ์หงุดหงิดผมกลับมาอีกแล้ว

           "ยัยบ้าเอ๊ย! เดินหัดมองทางบ้างสิวะ อยากโดนรถชนตายหรือไง!" ผมชะโงกหน้าออกไปพลางกระชากเสียงดังใส่จนอีกฝ่ายสะดุ้งโหยง แต่แทนที่เธอจะเอ่ยคำขอโทษออกมากลับยืนมองผมด้วยสีหน้าที่ยังแสดงถึงความตกใจไม่หาย

           "..."

           "หลีกไป ฉันกำลังรีบ!" ผมกระชากเสียงใส่อีกหน และไม่ต้องรอให้พูดย้ำเป็นครั้งที่สองยัยเซ่อซ่าก็รีบจ้ำอ้าวจากไปทันที ผมพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะค่อยๆ เหยียบคันเร่งให้รถพุ่งไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง      

           นี่ถ้าไม่ติดว่ากำลังรีบอยู่ล่ะก็...ยัยนั่นได้ถูกผมด่าสั่งสอนไปแล้ว!

           จัดการจอดรถไว้ด้านหลังตึกเรียบร้อยแล้วผมก็รีบวิ่งขึ้นบันไดไปยังห้องสอบซึ่งอยู่ชั้นสามทันที พอวิ่งขึ้นมาถึงบันไดขั้นบนสุดทุกคนต่างก็หันมามองกันเป็นตาเดียวราวกับเห็นสิ่งแปลกประหลาด อะไรกันวะ! มองแบบนี้อยากโดนเล่นงานกันหรือไง คนยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่นะเว้ย!

           "มาแล้วเหรอมึง... กูนี่ลุ้นหัวใจแทบวาย! กลัวมึงจะมาเข้าสอบไม่ทัน" เสียงของปกรณ์... หนึ่งในเพื่อนสนิทเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นผมก้าวเท้ายาวๆ เข้าไปหา "แล้วนี่มึงใส่หน้ากากอนามัยทำไมวะ อย่าบอกนะว่าไปทำหล่อมา?"

           "มึงอยากเจ็บตัวก่อนเข้าห้องสอบใช่ไหมไอ้กรณ์!" ผมถามกลับเสียงเข้ม ไอ้บ้านี่คิดได้ไงว่าที่ผมใส่หน้ากากอนามัยเป็นเพราะไปทำหล่อมา... ในสมองมันมีรอยหยักบ้างหรือเปล่าวะ หรือมีแต่ขี้เลื่อย?

           "ใจเย็นเว้ยเพื่อน! กูแค่เห็นว่าช่วงนี้เขาฮิตไปทำกันก็เลยแกล้งถามไปงั้น... ดั้งมึงโด่งจนแทบจะทิ่มตากูซะขนาดนี้ ถ้าไปเสริมมาอีกกูคงคิดว่ามึงเป็นญาติกับพินอคคิโอแน่ๆ"

           "มึงมันกวนส้นตีนจริงๆ" ผมว่าพลางมองไอ้เพื่อนปากมากอย่างนึกหมั่นไส้ เรื่องแค่นี้ทำไมต้องพูดให้เป็นประเด็นด้วยวะ ถ้าคนอื่นคิดว่าผมไปทำอย่างที่มันพูดขึ้นมาจริงๆ จะทำไง ไอ้เพื่อนเวร!

           บอกไว้เลยนะครับว่าที่ต้องใส่หน้ากากอนามัยมาวันนี้ก็เพราะผมกำลังป่วยอยู่ต่างหาก แถมยังไอเป็นระยะๆ ด้วย แน่นอนว่าผมไม่อยากเป็นตัวแพร่เชื้อหวัดให้คนอื่นเลยต้องป้องกันแบบนี้ไง

           "แทนที่มึงจะทำให้ไอ้วินมันอารมณ์ดีขึ้น กูว่ามึงกำลังทำให้มันแย่ลงกว่าเดิมนะไอ้กรณ์" ศิวา... เพื่อนสนิทอีกคนเอ่ยขึ้นจากด้านหลัง เมื่อหันกลับไปก็เห็นว่ามันเดินตรงเข้ามาพร้อมกับแผ่นกระดาษเล็กๆ สามสองแผ่นในมือ

           เดาได้เลยว่านั่นคือ 'โพยข้อสอบ' ชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์!

           "นี่มึงหายไปจดโพยมา?" ผมถามศิวาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ คนถูกถามทำเพียงพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็ชูแผ่นกระดาษในมือขึ้นโบกสองสามทีแล้วพับเก็บใส่กระเป๋ากางเกงด้วยความไวแสงราวกับกลัวว่าใครจะมาแย่งไป

           ทำตัวเป็นเด็กน้อยไปได้!

           "อยากได้ไหมล่ะ... ถ้าอยากได้กูจะแบ่งให้" มันถามพร้อมกับยักคิ้วอย่างกวนประสาท แต่ผมก็ส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธก่อนจะยกนิ้วชี้ขึ้นเคาะบริเวณขมับช้าๆ เพื่อบอกเป็นนัยว่าการสอบวันนี้จะใช้ 'สมอง' มากกว่าพึ่งโพยข้อสอบอย่างที่ผ่านๆ มา

           ผมยกยิ้มมุมปาก (ภายใต้หน้ากากอนามัย) ในขณะที่ปกรณ์กับศิวายืนทำหน้าเหมือนหมางงหลังได้ยินคำตอบเหนือความคาดหมาย ซึ่งถ้าเป็นปกติผมไม่มีทางเมินข้อเสนอของมันแน่นอน แต่วันนี้ไม่ใช่ว่ะ... ผมจะไม่พึ่งพาใครทั้งนั้นนอกจากตัวเอง

           "มึงไม่เอาจริงดิ!" ปกรณ์เปิดปากถามแทนศิวาด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่อยากเชื่อ แต่เมื่อเห็นว่าผมพยักหน้ายืนยันคำตอบของตัวเองมันก็หุบปากฉับทันที ส่วนไอ้คนที่เสนอโพยข้อสอบให้ก็เริ่มวิเคราะห์ด้วยสีหน้า (แกล้งทำเป็น) จริงจัง

           "งั้นแสดงว่ามึงเตรียมตัวมาดีสินะถึงได้มั่นใจขนาดนี้ อ่านจบไปกี่รอบล่ะ หรือว่าอ่านยันสว่าง?" ผมมั่นใจว่าประโยคแรกคือการวิเคราะห์ แต่ไอ้ประโยคหลังนี่สิ... ออกแนวประชดกันมากกว่าหรือเปล่าวะ

           "จะมาสงสัยอะไรมากมายวะ เอาเป็นว่ากูเตรียมตัวมาสอบก็แล้วกัน" ผมบอกปัดเพราะไม่อยากตอบคำถามมัน

           "แล้ว..."

           "นิสิตทุกคนเข้าห้องสอบได้แล้วค่ะ"

           ศิวากำลังจะอ้าปากถามอีก... แต่เสียงเล็กแหลมของอาจารย์รัตนาสุดโหดประจำคณะรัฐศาสตร์ก็ดังขัดจังหวะเสียก่อน

           ดีเลย! เพราะผมเองก็ขี้เกียจจะตอบคำถามพวกมันเหมือนกัน ถามเยอะน่ารำคาญ!

           "โชคดีเว้ย..." ผมพูดพลางตบไหล่ศิวากับปกรณ์เป็นการอวยพรก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปกระซิบประโยคถัดมาด้วยน้ำเสียง (ที่ตั้งใจ) กวนประสาทสุดๆ "ถ้าคิดจะลอกข้อสอบก็อย่าให้ถูกจับได้แล้วกันนะพวกมึง"

           "บอกตัวมึงเองดีกว่ามั้ง เพราะยังไงกูก็ไม่มีทางเชื่อว่าคนอย่างมึงจะใช้สมองตัวเองในการทำข้อสอบแน่ๆ" ศิวาพูดสวนกลับมาทันที แถมยังหรี่ตามองผมอย่างจับผิดอีก

            แต่ผมไม่สนใจหรอกว่ะ อยากจะพูดจะจับผิดอะไรก็ตามสบายเลยครับ!

            ผมไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป ทำแค่เพียงไหวไหล่เล็กน้อยแล้วเดินตามเพื่อนคนอื่นเข้าห้องสอบทางฝั่งขวามือ ในขณะที่มันสองคนก็พากันเดินเข้าไปอีกห้องหนึ่งซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน

            ยืนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งเพราะเลือกไม่ได้ว่าจะนั่งตรงไหนดีระหว่างหน้าห้องกับหลังห้อง... แต่สุดท้ายผมก็เลือกเดินตรงดิ่งไปยังโต๊ะตัวหลังสุดแม้ตอนแรกตั้งใจจะนั่งโต๊ะตัวข้างหน้าก็ตาม เหตุผลเพราะกลัวว่าโพยข้อสอบที่เตรียมมาจะใช้ได้ไม่คุ้มค่าเลยเปลี่ยนใจไปนั่งด้านหลังแทน

            อ่านไม่ผิดหรอกครับ... เมื่อกี้ผมพูดถึง 'โพยข้อสอบ' นั่นแหละ แต่ไม่ใช่อันเดียวกับของศิวานะ อันนี้เป็นโพยที่ผมทำขึ้นมาด้วยตัวเอง ไม่ได้คัดลอกใครมาทั้งสิ้น

            บอกแล้วไงว่าผมจะไม่พึ่งพาใครนอกจากตัวเอง... (รู้สึกภาคภูมิใจสุดๆ)

            โอเค! รู้และเข้าใจดีว่ามันไม่ถูกต้อง แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ผมก็ได้คะแนนน้อยสิวะ ผมแทบไม่ได้อ่านหนังสือเลยเพราะนอนป่วยอยู่หลายวัน พอเมื่อคืนอาการเริ่มดีขึ้นก็ตั้งใจจะอ่านสักรอบพร้อมกับจดโพยข้อสอบไปด้วย แต่ก็ดันผล็อยหลับเพราะโดนฤทธิ์ยาเล่นงานเข้าอีก มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนแสงแดดส่องผ่านผ้าม่านนั่นแหละ

            และที่วันนี้ผมมาสายก็เพราะมัวแต่นั่งจดโพยข้อสอบอยู่ไงล่ะ จะมามือเปล่าก็ไม่มั่นใจเลยขอเสียเวลาจดใส่กระดาษสักหน่อย ผมจะไม่ยอมให้คะแนนที่ออกมาน้อยกว่าไอ้สองตัวนั้นแน่ๆ

            อ้อ! ส่วนไอ้ท่าเคาะขมับก่อนหน้านี้ก็ไม่มีอะไรมาก แค่ทำเท่ไปอย่างนั้นเอง งานนี้ไม่ต้องใช้สมองมากนักหรอก (แม้ว่ามันจะยากมากก็ตาม) แค่ระมัดระวังตัวไม่ให้ถูกจับได้ตอนลอกข้อสอบก็พอ...

           "ข้อสอบมีทั้งหมดห้าสิบข้อ แบ่งเป็นสองส่วน... ส่วนแรกจะเป็นข้อสอบช้อยส์สี่สิบข้อ และส่วนที่สองเป็นข้อเขียนสิบข้อ ระยะเวลาในการทำข้อสอบสองชั่วโมง" ผมเงยหน้าขึ้นจากกระดาษแผ่นเล็กในมือหลังได้ยินเสียงของอาจารย์รัตนาดังอยู่หน้าห้อง ท่านกวาดสายตามองบรรดานิสิตอยู่อึดใจหนึ่งก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด "ไม่อนุญาตให้ลอกกันหรือทุจริตในการสอบเด็ดขาด ถ้าจับได้จะถูกกาหัวกระดาษและไล่ออกจากห้องสถานเดียว!... เข้าใจตรงกันนะคะนิสิต"

           "ครับ / ค่ะ" ทุกคนขานรับคำประกาศนั้นอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก มีหลายคนถึงกับถอนหายใจด้วยความเซ็ง

           ผมละสายตากลับมามองกระดาษในมืออีกครั้ง พยายามจดจำเนื้อหาต่างๆ ให้ได้มากที่สุดเพราะไม่อยากหยิบขึ้นมาดูระหว่างสอบสักเท่าไหร่ ถึงจะทำให้เขียนคำตอบได้แม่นยำแต่ก็เสี่ยงถูกจับได้ใช่ไหมล่ะ ฉะนั้นจำไว้ในหัวย่อมดีกว่ากระทำการอย่างโจ่งแจ้งอยู่แล้ว

          "ใครที่ได้กระดาษข้อสอบแล้วก็ลงมือทำได้เลย หมดเวลาสอบตอนสิบเอ็ดโมงครึ่งนะคะ"

          ผมไม่ได้สนใจคำพูดของอาจารย์มากนักเพราะกำลังท่องจำเนื้อหาอยู่ กระทั่งรู้สึกว่ามีคนเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ถึงได้กำมือเข้าหากันแน่นเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็นว่าถืออะไรอยู่ ไม่กี่วินาทีต่อมาชุดข้อสอบก็ถูกวางลงบนโต๊ะผมจึงเงยหน้าขึ้นมองเพราะคิดว่าเป็นอาจารย์ ทว่ากลับกลายเป็นใครอีกคนที่ทำให้ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ

          "...!!!"

          คนที่เดินแจกข้อสอบไม่ใช่อาจารย์รัตนา แต่เป็นยัยเซ่อซ่าที่วิ่งตัดหน้ารถผมก่อนหน้านี้ต่างหาก ซึ่งถ้าเดาไม่ผิด... ผมคิดว่าเธอน่าจะเป็นคนคุมสอบห้องนี้ด้วย ไม่น่าใช่ผู้เข้าสอบเหมือนกับคนอื่นๆ

          ว่าแต่ทำไมถึงมาคุมสอบนิสิตด้วยกันได้วะ? เพราะตามหลักแล้วต้องเป็นอาจารย์ประจำวิชาหรือไม่ก็บุคลากรของคณะไม่ใช่เหรอถึงจะมีสิทธิ์คุมสอบได้

          ผมมองตามร่างบางอย่างนึกสงสัยจนกระทั่งเธอเดินกลับไปยังหน้าห้องหลังแจกข้อสอบให้ครบทุกคนแล้วจึงละสายตากลับมามองข้อสอบตรงหน้าแทน... มองตามก็เท่านั้น เพราะไม่ได้ทำให้รู้หรอกว่ายัยนั่นมาอยู่ที่นี่เวลานี้ได้ยังไง

          เลิกสงสัยแล้วรีบทำข้อสอบดีกว่า จะได้กลับคอนโดฯ ไปนอนพักสักที... รู้สึกง่วงชะมัด!

 

 

          "ยากชิบ!"

          ผมบ่นกับตัวเองอย่างหัวเสียพลางพลิกกระดาษข้อสอบวิชากฎหมายการปกครองท้องถิ่นไปอีกด้าน ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้วเพิ่งทำส่วนแรกที่เป็นข้อช้อยส์เสร็จ จริงๆ จะหลับหูหลับตาเลือกแบบมั่วๆ โดยไม่ต้องคิดเยอะหรือทิ้งดิ่งเลยก็ได้ แต่ดันทำไม่ได้ไง... พออ่านคำถามแล้วมันก็อดคิดหาคำตอบที่ถูกต้องเพียงหนึ่งเดียวของแต่ละข้อไม่ได้ สุดท้ายเลยต้องมานั่งเสียเวลากับการงมหาคำตอบนานกว่าที่คิดเอาไว้

          นี่แค่สอบเก็บคะแนนเองนะแต่ทำไมผมถึงไม่รู้สึกแบบนั้นเลยวะ นึกว่ามันจะง่าย (กว่าที่เคย) ... แต่ที่ไหนได้! ยากพอๆ กับสอบปลายภาคเลย (ยิ่งวิชานี้ยากเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย) แค่ข้อสอบช้อยส์ยังงมนานขนาดนี้ แล้วข้อเขียนจะนานขนาดไหน ตอนนี้เริ่มกังวลแล้วว่าจะทำข้อสอบเสร็จทันเวลาหรือเปล่า

          ยังมีอีกเรื่องที่กังวลไม่แพ้กันก็คือ... ผมจำเนื้อหาโพยข้อสอบที่นั่งท่องก่อนหน้านี้ไม่ได้แล้วว่ะ มันคงหายวับไปจากหน่วยความจำของสมองหลังจากเห็นหน้ายัยเซ่อซ่านั่นแน่ๆ บอกตามตรงนะ... ผมรู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับยัยนั่นเลย

          แต่ช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะ ตอนนี้ผมควรจะสนใจเรื่องข้อสอบมากกว่าสิถึงจะถูก ไปพูดถึงมากๆ เดี๋ยวจะพาลอารมณ์เสียซะเปล่าๆ

          อย่างที่บอกไปว่าพอข้อสอบส่วนแรกเป็นข้อช้อยส์ก็เลยมั่วได้บ้าง (แต่เอาเข้าจริงก็คิดหนักทุกข้อ) ทว่าพอส่วนที่สองเป็นข้อเขียนดันมั่วไม่ได้แล้วไง อีกอย่างผมเองก็ไม่อยากส่งกระดาษเปล่าด้วย ทางเดียวที่จะทำได้คือต้องแอบดูโพยข้อสอบเท่านั้น

          ผมเงยหน้าขึ้นมองผู้คุมสอบสองคน (หนึ่งในนั้นคือยัยเซ่อซ่า) ซึ่งยืนอยู่หน้าห้องพลางล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบโพยที่ตั้งใจจดขึ้นมาวางบนโต๊ะโดยใช้กระดาษข้อสอบทับไว้ด้านบนอีกที

          ผมรีบเขียนคำตอบจากโพยลงในกระดาษข้อสอบสลับกับมองไปหน้าห้องอย่างระมัดระวัง โชคดีที่คนนั่งข้างหน้ารูปร่างใหญ่พอจะบังผมจากผู้คุมสอบได้เลยรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาหน่อย และตราบใดที่ไม่ใช่อาจารย์รัตนามาคุมสอบด้วยตัวเองผมก็คิดว่าไม่น่ามีปัญหา แค่สอบเก็บคะแนน... คงไม่เข้มงวดมากขนาดนั้นหรอก

         "เฮ้ยๆๆ เดินออกไปแล้วเว้ย" เสียงกระซิบกระซาบทำให้ผมหันไปมองไอ้เต้... เพื่อนร่วมคลาสที่พยักพเยิดหน้าไปทางหน้าห้อง ผมจึงมองตามสายตามันก่อนจะยกยิ้มมุมปากน้อยๆ อย่างพึงพอใจ

         เหมือนโชคเข้าข้างเหล่านิสิตที่คิดจะทุจริตในการสอบอย่างพวกผมเลยว่ะ เพราะตอนนี้ผู้คุมสอบทั้งสองคนเดินออกจากห้องไปแล้ว เดาว่าอาจถูกอาจารย์รัตนาซึ่งคุมสอบอยู่อีกห้องหนึ่งเรียกไปพบล่ะมั้ง

         แต่จะเรื่องอะไรก็ช่างเถอะ... รีบลอกคำตอบให้เสร็จก่อนสองคนนั้นกลับมาจะดีกว่า รู้กันอยู่ว่าโอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ ฉะนั้นอย่าปล่อยให้หลุดมือ!

         ผมก้มหน้าก้มตาลอกคำตอบลงในกระดาษอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง และเพราะมัวแต่จดจ่ออยู่กับการทำข้อสอบ (อย่างทุจริต) มากเกินไปเลยไม่รู้ว่ามีใครคนหนึ่งยืนมองการกระทำของผมมาหลายนาทีแล้ว

         "..."

         เสียงพูดคุยก่อนหน้านี้ถูกแทนที่ด้วยความเงียบจนผิดสังเกต ผมชะงักมือที่กำลังจะเขียนคำตอบข้อสุดท้ายแล้วตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมองใครคนนั้นด้วยความกังวลระคนหวั่นใจ

         ภาวนาให้ไม่ใช่คนที่คิดไว้ทีเถอะ…

         "ห้ามดูโพยข้อสอบนะ!"

         น้ำเสียงหวานใสทว่าเฉียบขาดในทีดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามือขาวเนียนวางทับบนกระดาษข้อสอบ ผมนิ่งไปอึดใจหนึ่งหลังเห็นหน้าค่าตาเจ้าของประโยคเมื่อครู่ก่อนจะเลิกคิ้วมองอย่างจงใจกวนประสาท

         บอกเลยว่าถ้าคนตรงหน้าเป็นอาจารย์รัตนาขาโหดผมคงรีบเก็บโพยยัดใส่กระเป๋ากางเกงไปแล้ว แต่เพราะเป็นยัยผู้คุมสอบจอมเซ่อซ่าก็เลยกล้ายั่วโมโห แล้วดูยัยนี่ทำหน้าเข้าสิ... คิดว่าผมจะกลัวจนตัวสั่นเลยว่างั้น?

         เหอะ! ไม่มีทางซะหรอก

         นอกจากจะไม่รู้สึกกลัวแม้แต่นิดเดียวแล้ว ยังฝ่าฝืนคำประกาศิตของอาจารย์รัตนาด้วย ผมไม่ปล่อยให้โอกาสในการเขียนคำตอบข้อสุดท้ายหลุดลอยไปแน่นอน!

          "อย่าเพิ่งดิ! เหลืออีกข้อเดียวก็ทำเสร็จแล้วเนี่ย" ผมพูดพร้อมกับดันฝ่ามือเล็กให้พ้นจากกระดาษ ทว่าเธอกลับขืนมือไว้แล้วตอบกลับมาเสียงเข้ม

          "ยังไงก็ไม่ได้! แล้วก็ส่งโพยแผ่นนั้นมาด้วย" เธอพยายามจะแย่งโพยข้อสอบไปจากมือผม แต่มีเหรอที่ผมจะยอมให้ยึดไปง่ายๆ

          "หยวนๆ กันหน่อยน่า อีกแค่ข้อเดียวเอง"

          "ไม่ได้! ห้ามทุจริตในการสอบ!" ร่างบางขึ้นเสียงเล็กน้อยพร้อมกับจ้องหน้าผมเขม็ง แน่นอนว่าผมเองก็จ้องกลับไปอย่างท้าทายเช่นกัน

          "..."

          จ้องหน้ากันอยู่ครู่หนึ่งผมก็เป็นฝ่ายหลุบตาลงมองกระดาษข้อสอบพลางคิดว่าจะทำยังไงกับปัญหานี้ดี อันที่จริงจะไม่ทำต่อก็ได้เพราะค่อนข้างมั่นใจว่าไอ้เก้าข้อแรกต้องตอบถูกมากกว่าครึ่งหนึ่งแน่นอน แต่ไหนๆ ก็เหลือข้อสุดท้ายแล้วไง ผมจึงตัดสินใจว่าทำให้ครบทุกข้อไปเลย

          อีกอย่างยัยนี่คงไม่กล้าทำอะไรผมนอกจากยืนชักสีหน้าใส่หรือไม่ก็แค่ยึดโพยข้อสอบไป และไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่ทุจริตในการสอบ มากกว่าครึ่งห้องก็แอบเอาโพยขึ้นมาดูทั้งนั้น ถ้าจะโวยก็ต้องโวยคนอื่นด้วยสิมันถึงจะยุติธรรม!

         "ส่งโพยแผ่นนั้นมา..." ร่างบางพูดย้ำอีกครั้ง แต่ผมก็ทำเป็นหูทวนลม

         "..."

         "ส่งมา... ไม่อย่างนั้นฉันจะจัดการขั้นเด็ดขาด!"

         "..."

         ผมเมินคำขู่ของยัยเซ่อซ่าก่อนจะปัดมือเธอออกไปแล้วรีบเขียนคำตอบข้อสุดท้ายลงในกระดาษข้อสอบ ขณะที่คนถูกปัดมือก็ได้แต่ยืนนิ่งไม่ไหวติงราวกับถูกกดปิดสวิตช์ ไม่แม้แต่จะเปิดปากโวยวายอย่างที่คิดไว้ด้วยซ้ำ ทว่ามันกลับทำให้ผมรู้สึกหวั่นใจมากกว่าจะโล่งใจเสียอีก

         "นายเลือกเองนะ..." ได้ยินเสียงบ่นพึมพำอะไรสักอย่างแต่ผมไม่ได้สนใจเพราะกำลังง่วนอยู่กับการเขียนคำตอบ กระทั่งเธอทำในสิ่งที่คาดไม่ถึง ผมจึงหยุดเขียนทันทีตามด้วยการตวัดสายตาขึ้นมองด้วยความโกรธจัด

         "...!!!"

         เวรเอ๊ย! ยัยบ้านี่กาหัวกระดาษข้อสอบของผมว่ะ เท่านั้นไม่พอ... ยังคว้าโพยไปกำไว้แน่นเหมือนจะใช้เป็นหลักฐานยืนยันกับอาจารย์ว่าผมทุจริตในการสอบอีกด้วย ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจชะมัด!

         ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูงโดยที่สายตายังคงจ้องมองอีกฝ่ายอย่างดุดัน แม้จะพยายามบอกตัวเองให้ใจเย็นลง เพราะอาจพลั้งมือเล่นงานคนตรงหน้าได้ ทว่ามันกลับไม่เป็นผล... ผมยับยั้งอารมณ์โกรธที่สุมอยู่เต็มอกไม่ได้จริงๆ

         และความโกรธก็ยิ่งปะทุมากขึ้นหลังได้ยินประโยคน่าหมั่นไส้จากคนปากดี!

         "เพราะนายไม่เคารพกฎกติกา ผลลัพธ์ถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้ไง"

         "หุบปากไปซะ! ฉันไม่ได้ขอความคิดเห็นจากเธอ!!!"

         หมับ!

         ผมคว้าคอเสื้อนิสิตของอีกฝ่ายแล้วกระชากเข้าหาตัวท่ามกลางความตกใจของทุกคนในห้อง คงนึกไม่ถึงกันล่ะมั้งว่าผมจะกล้าใช้ความรุนแรงกับผู้หญิงต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ เหอะ! จะบอกอะไรให้นะ... เวลาถูกความโกรธเข้าครอบงำน่ะ ไม่มีใครควบคุมตัวเองได้หรอก

         "กฎก็ต้องเป็นกฎ หวังว่านายจะเข้าใจและไม่คิดทำมันอีก" แม้จะถูกผมกำคอเสื้ออยู่แต่ยัยนี่ก็ยังปากดีไม่เลิก แถมยังทำหน้านิ่งเหมือนไม่ทุกข์ร้อนใดๆ อีก ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้หญิงล่ะก็ได้โดนผมปล่อยหมัดใส่ไม่ยั้งไปแล้ว

         "บอกให้หุบปากไงเล่า!!!" ผมตวาด (ผ่านหน้ากากอนามัย) เสียงดังจนคนรอบข้างสะดุ้งไปตามๆ กัน

         "เฮ้ยกวิน! ใจเย็นๆ ก่อน" ไอ้เต้พุ่งเข้ามาห้ามเมื่อเห็นผมทำท่าจะเล่นงานคู่กรณี มันแกะมือผมออกจากคอเสื้อของคนตัวเล็กจนเป็นอิสระแล้วดึงแขนผมให้ถอยห่างออกมาสองก้าว "เค้าเป็นผู้หญิงนะเว้ย!"

         "ผู้หญิงแล้วยังไง!" ผมสวนกลับทันควันพลางปัดมือไอ้เต้ออกอย่างหงุดหงิด จากนั้นก็ตวัดสายตากลับไปมองยัยตัวดีตรงหน้าอีกครั้ง "เหอะ! กูไม่สนใจหรอกว่ะ"

         จริงอยู่ที่ผมไม่กล้าปล่อยหมัดใส่หรือทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายเพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิง แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องเป็นสุภาพบุรุษที่ยอมอ่อนข้อให้สุภาพสตรี ในเมื่อยัยนี่กล้ากาหัวกระดาษข้อสอบแบบไม่ไว้หน้ากัน ถ้างั้นผมก็จะทำให้เธอรู้ซึ้งถึงการกระทำโง่ๆ ของตัวเอง

         เว้นเสียแต่เธอจะเอ่ยปากขอโทษ... อาจจะทำให้อารมณ์โกรธของผมเบาบางลงก็ได้

         "..."

         ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ทำอย่างที่คาดหวังไว้ เพราะเธอเอาแต่จ้องมองผมด้วยสายตานิ่งๆ แน่นอนว่ามันทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดมาก... มากเสียจนอยากจะลงไม้ลงมือกับคนตรงหน้าให้รู้แล้วรู้รอด

         ถ้าผมเกิดเปลี่ยนใจทำร้ายผู้หญิงขึ้นมา จะมีคนด่าว่าผมสารเลวถึงขั้นต่ำช้าหรือเปล่า...

         "เธอนี่ทำตัวน่าหมั่นไส้สุดๆ เลยว่ะ!" พูดจบผมก็ตั้งท่าจะพุ่งเข้าไปคว้าคอเสื้อยัยหน้านิ่งแต่ปากดีนั่นอีกหน แต่ก็มีน้ำเสียงอันทรงพลังของใครสักคนดังขึ้นบริเวณหน้าห้องเสียก่อน

         "มุงดูอะไรกัน! ทำไมถึงไม่ทำข้อสอบ!" เจ้าของเสียงนั้นคืออาจารย์รัตนานั่นเอง ท่านเดินตรงเข้ามาพร้อมกับกวาดมองไปทั่วห้องก่อนจะเลื่อนสายตามาหยุดอยู่ที่ผมซึ่งยืนอยู่ตรงหน้า "เธอก่อเรื่องอีกแล้วเหรอกวิน!"

          ให้ตายเถอะ! ขนาดใส่หน้ากากอนามัยปิดเกือบครึ่งหน้าแบบนี้ท่านยังรู้เลยว่าเป็นผม หรือไม่ก็อาจจะเป็นยัยผู้คุมสอบอีกคนได้ยินไอ้เต้เรียกชื่อผมก่อนหน้านี้เลยเอาไปบอกอาจารย์จนเป็นเรื่องเป็นราว Shit! ผมไม่น่าวู่วามทำแบบนั้นไปเลยว่ะ นึกแล้วเซ็งชะมัด!

           "..." ผมไม่ตอบและเอาแต่มองโพยข้อสอบที่ยัยนั่นกำไว้แน่นอย่างหวั่นใจ กระทั่งโพยแผ่นนั้นถูกย้ายไปอยู่ในมือของอาจารย์รัตนา... ผมก็รับรู้ชะตากรรมของตัวเองได้ทันที

        งานนี้คงไม่รอด!

 

 

TO BE CONTINUED...

 

 ภาพประกอบจาก : www.tumblr.com , www.siamzone.com ฯลฯ

 

The-Daziie's Talk

[16/03/2016] เปิดชาร์ปมาก็เป็นพี่กวินบรรยายเลย ท่าทางจะร้ายกาจไม่เบานะผู้ชายคนนี้ เจ้าเล่ห์ด้วย ไหนบอกจะพึ่งพาตัวเอง ที่ไหนได้...นางเตรียมโพยมาเองต่างหาก ไม่ได้จะใช้สมองตัวเองเล้ยพ่อคุณ แต่เดย์รู้นะว่านักอ่านก็เคยผ่านช่วงเวลานี้มาใช่ป่ะ? ไอ้เตรียมโพยเข้าห้องเนี้ยเรื่องธรรมดาไปแล้ว 55555 รอลุ้นต่อไปดีกว่าว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก ที่แน่ๆ มีต่อปากต่อคำกับพิณนาด้วย (ตามสปอยล์) แซ่บไม่เบานะจ๊ะ 

[20/03/2016] อัพตอน 1 ครบแล้วค่ะ มาช้ากว่าที่ตั้งใจเพราะแล็ปท็อปมีปัญหา T^T ขอโทษจริงๆ นะ ครึ่งหลังพี่กวินทำแสบมาก ลอกโพยข้อสอบต่อหน้าต่อหน้าผู้คุมสอบเลยทีเดียว นางท้าทายอำนาจมืด และผลเป็นไงล่ะ! โดนกาหัวข้อสอบสิครับ 555555 ไม่รู้จะสมน้ำหน้าหรือสงสารดี แต่จริงๆ ก็สมควรโดนนะ ใครที่ทุจริตในการสอบก็ต้องโดนแบบนี้แหละ อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะจ๊ะ 

 

นักอ่านคนไหนสนใจสั่งซื้อนิยาย สอบถามได้ที่แฟนเพจ The-Daziie นะคะ โดยการเสิร์ชหาชื่อนี้ใน Facebook ได้เลย (จริงๆ ทำลิ้งค์ไว้แต่มันกดไม่ได้ ยังไงใครสนใจเสิร์ชหาชื่อแล้วกันเนอะ)

 

ตัวอย่างหน้าปกนิยายค่ะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา