หวงรักประกาศิตลับ

8.0

เขียนโดย ศิริพารา

วันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 10.39 น.

  13 ตอน
  0 วิจารณ์
  13.09K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2559 21.36 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) หวงรักประกาศิตลับ ตอนที่ 8 100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

พอฤทัยต้องหยุดรับประทานอาหารมื้อแรกของวันในตอนบ่ายโมงแล้วเบี่ยงตัวหนีจากจานอาหารตรงหน้า เพราะจามถึงสามสี่ครั้งติดต่อกัน คาร์เมนจึงเอื้อมมือไปดึงกระดาษชำระมายื่นให้พลางวางมือบนหัวไหล่บาง มองด้วยความเป็นห่วง

        “ไหวไหมคะ ดิฉันว่าไปหาหมอสักหน่อยดีกว่า ตัวคุณรุมๆ” บอกพร้อมยื่นหลังมือไปอังหน้าผากมนเพื่อวัดอุณหภูมิในร่างกายคร่าวๆ

        พอฤทัยส่ายหน้าเพราะถึงแม้ว่าเธอจะเมื่อยขบไปทั้งตัวแต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันเกิดขึ้นเพราะเรื่องเมื่อคืน ไม่ได้รู้สึกเหมือนจะเจ็บไข้ได้ป่วยเช่นคำพูดของคาร์เมน

        “ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ ฉันยังแข็งแรงดีแค่จามต่อกันเลยน้ำหูน้ำตาไหลน่ะค่ะ” พอฤทัยบอกและรั้งแขนของคาร์เมนให้กลับไปนั่งรับประทานอาหารเช่นเดิม

        “แน่ใจนะคะ” ถามพร้อมสังเกตท่าทางอย่างไม่กะพริบตา เมื่อได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้าเร็วๆ จึงวางใจและเริ่มรับประทานอาหารต่อ

        พอฤทัยพอจะสัมผัสได้ว่าคาร์เมนต้องดูแลเธอเช่นนี้ก็มีความเครียดไม่ใช่น้อย เพราะต้องทำทุกอย่างตามคำสั่งของโลล่า “วางใจเถอะค่ะ ฉันรู้ว่าต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี ความจริงแล้วคนไทยมีความเชื่อว่า... ถ้าจามติดๆ กันแปลว่ามีคนกำลังคิดถึง หรือพูดถึง”

        คาร์เมนเลิกคิ้ว เพราะเพิ่งได้รู้ว่ามีความเชื่อเช่นนี้ด้วยแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด เพราะกลุ่มคนต่างเชื้อชาติต่างวัฒนธรรมย่อมมีความคิดและความเชื่อที่แตกต่างกันออกไป นั่นแล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละบุคคล

        ซึ่งถ้าไม่ได้ยินในสิ่งที่คนสนิทข้างกายดอนเซเลสตร้าโทรศัพท์เข้ามาปรึกษาเมื่อชั่วโมงก่อน เธอก็คงจะเห็นว่าความเชื่อนี้ไร้เหตุผล “ก็คงจะจริงนะคะ ดอนเซเลสอาจจะให้คนตามหาคุณจนวุ่นวายไปหมดแล้วก็เป็นได้”

        “หรืออีกทีเขาอาจจะลืมฉันไปแล้วก็ได้ ใช่ไหมคะ”

        มันอาจจะเกิดขึ้นได้ทั้งสองทาง ก็ใครจะไปคิดว่าจอมเสเพลอย่างเขาจะจดจำเธอได้ ก็เหมือนกับที่เคยได้เจอกันมาแล้วครั้งหนึ่งแต่เขาก็ยังจำเธอไม่ได้อยู่ดี

        ความจริงที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้ทำให้พอฤทัยนึกตำหนิเขาแต่อย่างใด ถ้าเทียบจากเธอแล้วก็คงจะเลือกจำเฉพาะคนที่มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์ มันคือเรื่องธรรมดาสามัญที่คนเราจะจดจำเฉพาะใบหน้าของผู้คนที่มีความโดดเด่น หรืออยู่ในความสนใจเท่านั้น อย่างเธอคงจะหน้าตาแสนธรรมดา จืดชืด คงจะไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาอย่างแน่นอน

        คาร์เมนยิ้มกริ่มพลางส่งขนมปังที่ทาเฟรชบัตเตอร์เรียบร้อยให้หญิงสาว “บางครั้งผู้ชายที่มีความมั่นใจในตัวเองมากๆ ก็อาจจะหงุดหงิดใจที่ตัวเองต้องมากลายเป็นของไร้ค่าเสียเอง”

        “ของไร้ค่า?” พอฤทัยทวนคำ

        “เราจะไม่รู้ซึ้งหรือเข้าใจในความรู้สึกใดๆเลย ถ้ายังไม่ได้เผชิญหน้ากับมันด้วยตัวเอง” คาร์เมนพยายามคิดหาคำเปรียบเทียบให้พอฤทัยเข้าใจได้มากที่สุด “ดอนเซเลสเคยชินกับการเดินหันหลังให้ผู้หญิง แต่สิ่งที่คุณทำกำลังบั่นทอนความมั่นใจในตัวเขานะคะ อย่าลืมว่าดอนเซเลสไม่เคยมีประวัติพาผู้หญิงเข้าห้องทำงานมาก่อน”

        คำพูดของคาร์เมนทำให้เธอได้คิด เซเลสตร้าคงจะรู้ซึ้งว่าการเดินหันหลังให้ใครสักคนทั้งที่คนคนนั้นยังแคร์และต้องการอีกฝ่าย มันเป็นความรู้สึกที่โหดร้ายยิ่งนัก แต่คนอย่างเขาน่ะเหรอจะแคร์เธอ?

        ...ก็อาจจะไม่แคร์แต่ที่แน่ๆ เขายังต้องการเธอ ไม่เช่นนั้นคงไม่ออกปากให้เธอย้ายมาอยู่กันเช่นนั้น คำตอบที่พอฤทัยมีให้กับตัวเองได้อย่างไม่ต้องเสียเวลาขบคิด อีกทั้งไม่ลืมว่าการที่เธอกล้าดีฝ่าฝืนคำสั่งก็หมายถึงความโกรธเกรี้ยวที่ต้องเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้

        “หมายถึงเขาคงกำลังโกรธฉันหัวฟัดหัวเหวี่ยงน่ะเหรอคะ” พอฤทัยเลือกที่จะถามในเหตุผลที่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญในหัวข้อสนทนา

        คาร์เมนเองก็ไม่อยากจะล้วงลูกจนทำให้หญิงสาวเขินอายหรือเกิดความกระอักกระอ่วนใจ จึงเลือกที่จะรับประทานอาหารต่อไปเรื่อยๆ พลางคิดว่าความดื้อแพ่ง ปากแข็ง ฟอร์มจัดที่สัมผัสได้จากดอนเซเลสตร้าและพอฤทัยนั้นช่างเหมือนกันยิ่งนัก หวังว่านิสัยใจคอหลายอย่างที่เหมือนกันนี้ คงจะไม่เป็นอุปสรรคย้อนกลับมาสร้างปัญหาให้ต้องตามแก้ไขกันภายหลังอีก

        ความเงียบเข้าครอบงำอีกครั้ง เมื่อต่างฝ่ายต่างตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองจนจัดการกับอาหารของตนได้เรียบร้อย คาร์เมนจึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

        “ดอนญ่าเวนโตล่าบอกให้คุณทราบแล้วใช่ไหมคะ ว่าจะต้องเลื่อนการเดินทางไปบัวโนส ไอเรส เข้ามาเป็นวันพรุ่งนี้”

        “ค่ะ คุยกันเรียบร้อยแล้ว”

        ตามกำหนดการเดิมนั้น พอฤทัยจะต้องเดินทางไปทำงานตามที่ระบุไว้ในสัญญาในอีกห้าวันหลังจากงานเลี้ยงเมื่อคืนนี้ แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป เธอจึงต้องเลื่อนการเดินทางไปอาร์เจนตินาพร้อมกับคาร์เมนในวันพรุ่งนี้

        “ถ้าอย่างนั้นคุณรออยู่ที่นี่นะคะ เดี๋ยวดิฉันจะพาเด็กๆไปเก็บของใช้ส่วนตัวที่อพาร์ตเมนต์ให้” คาร์เมนบอกพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้

        “อย่าเลยค่ะ ข้าวของฉันมีไม่เยอะ เก็บเองจะเร็วกว่า คุณเองก็เหนื่อยมาไม่น้อยกลับไปพักผ่อนให้เต็มที่ดีกว่านะคะ แล้วพรุ่งนี้เราค่อยไปสนามบินพร้อมกัน” พอฤทัยรีบดักคอทันที เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะโต้แย้ง “เรื่องนี้ฉันคุยกับโลล่าแล้วค่ะ เธอไม่ขัดข้องอะไร”

        เมื่อทุกอย่างเป็นเช่นนั้น คาร์เมนก็ได้แต่ยิ้มและทำตามความต้องการของหญิงสาว ราวสามสิบนาทีต่อมา คาดิลแลคคันยาวก็จอดหน้าอพาร์ตเมนต์ของพอฤทัยที่กำลังเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าสะพายที่ทิ้งไว้บนรถตั้งแต่เมื่อวาน และยังทำให้คาร์เมนนึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้

        “อ้อ... เมื่อสักสิบโมงมีโทรศัพท์จากประเทศไทยติดต่อเข้ามานะคะ เธอบอกว่าชื่อเพกา ถ้าคุณว่างแล้วให้โทรกลับด้วย”

        “ค่ะ” พอฤทัยยิ้มรับก่อนจะเอ่ยลาเลขานุการวัยกลางคน “พรุ่งนี้พบกันนะคะ”

        พอฤทัยไม่ได้รอให้รถคันยาวแล่นออกไปแต่รีบเร่งฝีเท้าเดินให้ถึงยังห้องพักของตนให้เร็วที่สุด นาฬิกาบนข้อมือบอกให้รู้ว่าเวลาของประเทศไทยนั้นดึกดื่นนัก หากเธอจะติดต่อกลับไปในตอนนี้ก็คงจะรบกวนเวลาพักผ่อนไม่น้อย แต่ด้วยความร้อนใจจึงทำให้พอฤทัยต่อสายถึงเพกาทันที เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องพักของตน

        สัญญาณรอสายดังอยู่ครู่หนึ่งจึงได้ยินเสียงคุ้นหูดังอย่างงัวเงีย “ฮัลโหล... คุณพรีมเหรอคะ”

        “แม่เล็ก... พรีมขอโทษที่โทรมากวนกลางดึกนะคะ แต่พรีมอยากรู้ว่าติดต่อคุณเพลงได้ไหม” พอฤทัยถามเข้าประเด็นทันที

        “แม่เล็กแยกกับคุณเพลงเมื่อก่อนเที่ยงวัน แต่ดูเหมือนว่าคุณเพลงจะตัดสินใจไปแล้ว อีกอย่างตอนนี้ก็เดินทางไปสวีเดนกับมิสเตอร์คอนราดสันแล้วด้วย”

        “อะไรนะคะ ทำไมต้องรีบร้อนอย่างนั้นด้วย” พอฤทัยถามออกไปด้วยความตกใจ

        “แม่เล็กก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเพราะคุณเพลงเองก็มั่นใจว่ามีแค่ทางนี้ทางเดียวที่จะทำให้ครอบครัวของเราและสิริแอทเซทพ้นจากวิกฤต เมื่อตอนบ่ายที่คุยกันยังบอกว่าอีกสักสองสามวันถึงจะเดินทาง แต่ตอนที่แม่เล็กกลับมาจากโรงพยาบาลแล้วถึงได้ยินคุณเพลงบอกว่าต้องเดินทางไปสวีเดนคืนนี้เลย”

        ความจริงแล้วเพกาอยากจะเล่าความสงสัยเกี่ยวกับการพลัดตกบันไดของเจ้าสัวสันต์ ผู้เป็นสามีให้พอฤทัยได้รับรู้ แต่น้ำเสียงเป็นกังวลก็มีอยู่มากจนนึกเป็นห่วง ทั้งยังอยู่ไกลตาไม่อาจะดูแลได้ทั่วถึง จึงเลือกที่จะเก็บเรื่องนี้ไว้เสียก่อน รอให้ทุกอย่างกระจ่างแล้วค่อยเล่าให้ฟังภายหลังก็ยังไม่สาย

        “แล้วนี่พรีมจะติดต่อคุณเพลงยังไงล่ะคะ” ทั้งร้อนใจและกังวลใจเพราะไม่อยากให้พี่สาวต้องกลายไปเป็นนางบำเรอของมหาเศรษฐี

        เธอรู้ซึ้งดีเชียวล่ะว่าความรู้สึกนั้นมันย่ำแย่สักแค่ไหน เพราะแค่ไม่กี่นาทีที่เธอได้มีโอกาสเฉียดกรายกับคำว่านางบำเรอของมหาเศรษฐียังทำให้น้ำตาตกใน แล้วพี่สาวเธอจะชอกช้ำสักเพียงใดหากต้องจมจ่อมอยู่ในสถานะนั้นอย่างไม่รู้กำหนด

        “คุณพรีมลองคุยกับคุณเพลงตรงๆดีไหม บางทีเผื่อจะเปลี่ยนใจคุณเพลงได้บ้าง” เพกาเองก็ไม่อยากให้พิลาสินีต้องตกอยู่ในสภาพนั้นเช่นกัน แม้อีกใจจะเห็นว่ามิสเตอร์คอนราดสันไม่ใช่ผู้ชายเลวร้ายอะไรนักก็ตาม แต่ความสงสัยหนึ่งก็ผุดขึ้นมาทันทีจึงไม่รีรอที่จะถามออกไป “แล้วดอนญ่าเวนโตล่าตัดสินใจช่วยครอบครัวเราจริงๆเหรอจ๊ะ”

        “ค่ะ สัญญากับพรีมว่าจะช่วยเหลือจนกว่าสิริแอทเซทจะมีสภาพคล่องแล้วกลับมามั่นคงเหมือนเดิม”

        “โดยที่ไม่มีข้อแลกเปลี่ยนอะไรเลยอย่างนั้นเหรอ?” ถามต่อด้วยน้ำเสียงสูง อดประหลาดใจไม่ได้

        “คะ...ค่ะ ก็ เอ่อ...” พอฤทัยตะกุกตะกักเพราะปกติแล้วไม่เคยต้องโกหก แต่ครั้งนี้เธอกลับต้องทำมันเพื่อความสบายใจของคนในครอบครัว “คงจะเห็นแก่ความเป็นเพื่อนกับคุณป๋าน่ะค่ะ แล้วอาการคุณป๋าเป็นยังไงบ้างคะ”

        “รู้สึกตัวขึ้นมาเมื่อตอนตีสี่ คุณหมอเลยเข้ามาตรวจซ้ำอีกรอบบอกว่าร่างกายซีกซ้ายขยับเขยื้อนไม่ได้ส่วนซีกขวาอ่อนแรง นอกนั้นก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ยังต้องอยู่ในความดูแลของหมอกับพยาบาลอย่างใกล้ชิดจ้ะ”

        “พรีมก็ค่อยโล่งใจขึ้นมาบ้างค่ะ แต่แม่เล็กก็ต้องดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะคะ ถ้าแม่เล็ก...”

        “แม่เล็กไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก” เพกาตัดบทก่อนที่พอฤทัยจะพูดจบประโยค พลางคิดว่าลูกสาวทั้งสี่ของสิริสกุล มีนิสัยเป็นห่วงเป็นใยคนในครอบครัวมากกว่าตัวเอง ถอดแบบกันออกมาไม่ผิดเพี้ยน “ที่บอกว่าไม่เป็นอะไรง่ายๆ เพราะแม่เล็กยังต้องอยู่คอยดูว่าสี่สาวของสิริสกุลประสบความสำเร็จในชีวิต มีหน้าที่การงานที่ดี และมีคนจะมารับช่วงดูแลสี่สาวต่อจากแม่เล็กเสียก่อน ถึงวันนั้นแม่เล็กจะตายก็คงนอนตายตาหลับ”

        “อย่าพูดเรื่องตายสิคะ ไม่เอา พรีมไม่อยากฟัง”

        แม้เพกาจะไม่ใช่แม่บังเกิดเกล้าแต่พอฤทัยก็รักและเคารพไม่ต่างกัน ทั้งคู่ไถ่ถามกันอยู่ครู่หนึ่งและตกลงได้ว่า พอฤทัยคงจะต้องพูดคุยเรื่องนี้กับพิลาสินีด้วยตัวเอง จากนั้นเรื่องจะดำเนินต่อไปอย่างไรก็คงต้องสุดแล้วแต่สองคนพี่น้องจะตกลงกันได้

        ไม่นานนักพอฤทัยก็เอ่ยคำลาก่อนจะวางสายเพราะรู้ว่ารบกวนเวลาพักผ่อนมาเกือบครึ่งชั่วโมง สุดท้ายเธอต้องมานั่งจัดข้าวของลงในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่พร้อมกับความคิดที่ไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าจะดำเนินไปในทางใด ถึงแม้ว่าเธอจะตัดสินใจทำตามข้อแลกเปลี่ยนของโลล่าแล้ว แต่พี่สาวก็ยังต้องเดินทางไปสวีเดนกับพ่อมดทางการเงินคนดังของโลกอยู่ดี มันเหมือนกับว่าสิ่งที่เธอสูญเสียไปนั้นไร้ค่าและไม่ได้ช่วยให้ความยากลำบากของพี่สาวลดน้อยลงเลย

 

        ในขณะที่อีกคนกำลังขบคิดเรื่องครอบครัวอย่างหนัก แต่อีกคนกลับต้องหัวเสีย หงุดหงิดงุ่นง่านวันทั้งวันไม่สามารถทำงานได้เป็นชิ้นเป็นอันเพราะถูกรังควานใจด้วยใบหน้างดงามของแม่มดชั่วร้ายในคราบนางฟ้า แม้จะยอมรับกับตัวเองได้ว่า ร่องรอยที่ปรากฏบนเตียงยุ่งเหยิงในห้องทำงานจะมีอิทธิพลดึงดูดให้เขาขลุกอยู่ในห้อง อยากเกลือกกลิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่มซึ่งมีแต่ภาพความทรงจำของร่างอ้อนแอ้น เปลือยเปล่าที่มอบตัวให้เขาอย่างเต็มใจ

        เซเลสตร้าเดินเปลือยกายออกมาจากห้องน้ำ ความแสบที่เกิดขึ้นบริเวณลำคอด้านขวาทำให้เขาเดินออกมามองกระจกบานใหญ่ สำรวจบาดแผลจากคมเขี้ยวที่ขบเนื้อเขาจนเกิดรอยช้ำ

        ปลายนิ้วแข็งแรงค่อยๆ ไล้ไปตามรอยฟันซี่เล็กๆ ที่ปรากฏอยู่บนบ่าของตน ภาพเริงร้อนระหว่างเขากับเธอก็ผุดขึ้นมาในสมอง มันชัดเจน แม่นยำทุกความรู้สึกจนเขาไม่รู้ว่ากำลังกำมือแน่นเกร็งตัวราวกับว่าได้ดำดิ่งอยู่ในร่างอ้อนแอ้นนั้น

        พระเจ้าทรงโปรด! ตกลงว่าท่านกำลังลงโทษเขาให้รู้สำนึกหรืออย่างไร?!

        ปกติเขาจะเป็นฝ่ายถูกอ้อนวอนให้กลับลงไปคลุกเคล้ากับผู้หญิงที่เพิ่งผ่านจุดไคลแม็กซ์มาด้วยกัน แต่ตอนนี้เขากลับเป็นฝ่ายถูกทอดทิ้งไว้กับความว่างเปล่า ซ้ำร้ายเธอยังทำให้เขารู้สึกต่ำต้อยไร้ค่า ทิ้งคิสมาร์กไว้บนร่างกายย้ำเตือนให้เขาได้รู้ว่าถูกเธอลูบคมเข้าให้แล้ว

        หัวใจแกร่งของจอมเสเพลกำลังถูกสาวพรหมจรรย์เล่นงานอย่างหนัก ไม่ใช่เธอฝ่ายเดียวที่ต้องสูญเสียแต่เขาต่างหากที่ต้องพบกับการสูญเสียยิ่งกว่า

        เธอทำให้เขาเหลิงอยู่กับความลำพองใจว่าได้ครอบครองร่างกายบริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นคนแรก แต่กลับซัดเขาจนหน้ามืดด้วยการหอบเอาเชื้อพันธุ์ที่เขาฝากฝังไว้ในกายเธออย่างเต็มอารมณ์หนีหายอย่างไร้ร่องรอย

        หากผู้หญิงต้องเสียน้ำตาเพราะถูกพร่าผลาญพรหมจรรย์ เธอก็จงรู้เอาไว้ว่าทำกับเขาได้เจ็บแสบนักเพราะเขาต้องสูญเสียความมั่นใจในตัวเองจนหมดสิ้น เพียงเพราะเธอสะบัดหน้าหนีไม่แยแสกับความสุขสบายที่ผู้หญิงของเซเลสตร้า เด มาร์คอส พึงมี แต่ที่ร้ายไปกว่านั้นคือ...

        แม่มดชั่วร้ายในคราบนางฟ้าไม่แยแสกับเรือนกายแน่นตึง ไม่ได้โหยหาหรือเกิดความหลงใหลได้ปลื้มกับชั้นเชิงที่เขาปรนเปรอให้เธออย่างถึงใจโดยที่ไม่เคยเต็มใจบริการผู้หญิงหน้าไหนมาก่อน!

        แค้นใจระคนแสบทรวง คงจะเป็นคำอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ได้ดีที่สุดและเขาคงไม่มีวันที่จะอยู่เป็นสุข ถ้ายังตามหาเธอไม่เจอ เซเลสตร้าเดินไปคว้าเอาโทรศัพท์ที่ทิ้งอยู่บนเตียงอันยุ่งเหยิงต่อสายถึงคนสนิทเป็นครั้งที่สามของวัน หลังจากที่มีคำสั่งให้ตามหาตัวเธอ

        “ว่ายังไง ทำไมถึงเงียบหายหัวไปแบบนี้”

        ฮาเวียร์กลอกสายตาไปมากับความร้อนใจของเจ้านาย เขาไม่ได้นึกโกรธหรือไม่พอใจแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมดอนเซเลสตร้า ต้องฉุนเฉียวและจริงจังกับการหาผู้หญิงสักคนนัก ปกติก็ไม่เคยเห็นว่าจะแยแสผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน

        “ผมกำลังตามตัวเธอจากรายชื่อของนักศึกษาที่เข้ารับทุนและนักศึกษาที่เพิ่งจบการศึกษาครับ เพราะว่าไม่สามารถจะเช็กได้จากการลงทะเบียนเข้าร่วมในงานเลี้ยงเมื่อคืนนี้” ฮาเวียร์กำลังจะอธิบายต่อแต่ปลายสายกลับโพล่งถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

        “ทำไมจะเช็กไม่ได้ เล่นไปเช็กจากรายชื่อของนักศึกษาทั้งหมดมันก็ยิ่งช้าเข้าไปใหญ่” เซเลสตร้าตำหนิเสียงเครียด

        “เพราะเจ้าหน้าที่ที่รับลงทะเบียนบอกว่ามีบางคนไม่ได้เซ็นชื่อเข้างานครับ ถ้านับจากการ์ดเชิญจะมีคนร่วมงานเลี้ยงถึงห้าร้อยเศษๆ แต่มีคนมาเซ็นชื่อหน้างานไม่ถึงสองร้อยคนครับ อีกอย่างเป็นงานเลี้ยงสวมหน้ากาก...” ฮาเวียร์ยังไม่ได้อธิบายเหตุผลจนจบประโยคด้วยซ้ำ ดอนเซเลสตร้าก็โพล่งขึ้นมาอย่างหงุดหงิดใจ

        “เอาล่ะๆ จะเพราะอะไรฉันไม่สน แต่จะให้เวลาถึงเที่ยงคืน แล้วอย่าให้ฉันต้องเป็นฝ่ายโทรมาตามแบบนี้อีก” จบคำพูดก็วางสาย ตั้งใจจะขว้างของในมือทิ้งเพื่อระบายอารมณ์แต่เมื่อคิดขึ้นได้ว่ายังต้องใช้ประโยชน์จากมันจึงขว้างลงบนเตียงนุ่มดังเดิม

        “โธ่โว้ย! ให้มันได้อย่างนี้สิ”

        เซเลสตร้าสบถออกมาอย่างหงุดหงิดใจ ทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มในขณะที่เอื้อมมือหยิบหน้ากากประดับเพชรที่เธอทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าขึ้นมาพิจารณา

        หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ของนักเรียนทุนมูลนิธิเด มาร์คอส มีผลการเรียนเป็นเลิศในทุกๆสาขาวิชาที่เปิดสอนในแต่ละสถาบันการศึกษา

        เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ในคนที่เรียนดีนั้นมีฐานะยากจนไล่เปอร์เซ็ตนต์ต่ำลงมาเรื่อยๆจนถึงฐานะปานกลาง และเขามั่นใจว่าไม่มีใครร่ำรวยพอที่จะใช้ของแพงๆเช่นหน้ากากประดับเพชรที่อยู่ในมือนี้

        เมื่อพลิกดูด้านในก็ไม่ได้พบว่าสลักชื่อของแบรนด์ใดๆเอาไว้ แต่จากเนื้องาน การฝังเพชรอย่างประณีตบ่งบอกให้เขารู้ว่ามันต้องเป็นชิ้นงานที่สั่งทำขึ้นโดยเฉพาะ ซึ่งราคาค่างวดก็คงจะแพงเป็นเงาตามตัวความประณีตนี้ ซึ่งเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าจะมีนักศึกษาคนไหนมีความเป็นอยู่ไม่ต่างจากคนมีฐานะมั่งคั่งจนได้ครอบครองของราคาแพงเช่นนี้

        ถ้าจะบอกว่าเธอเป็นสาวเอสคอร์ต เป็นเด็กในคอนโทรลของใครสักคนก็ตัดไปได้เลยเพราะเขาเป็นคนพร่าผลาญพรหมจรรย์ด้วยตัวเอง เธอบริสุทธิ์ผุดผ่องจนเขาลืมตัว!?

        ...แล้วทำไมเขาถึงได้ลืมตัวทั้งที่ไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน คำถามที่ผุดโพล่งขึ้นมาในสมอง จากนั้นความซาบซ่าน เสียวกระสัน ควบคุมตัวเองไม่ได้ดีเท่าไหร่นักก็วิ่งกระแทกความคิดต่อจากคำถาม

        “อา... นี่มันเรื่องบ้าบอห่าเหวอะไรกัน!” เซเลสตร้าทิ้งหน้ากากประดับเพชรลงบนที่นอนอย่างไม่ใส่ใจ ผุดลุกขึ้นนั่งมองตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่

        ‘แกถูกวางยาแล้วเซเลส ไอ้งั่ง ไอ้ไก่อ่อน’ เสียงหนึ่งที่ด่าว่าผ่านกระจกเงาทำให้จอมเสเพลที่สาวน้อยสาวใหญ่ยกย่องว่าเขาเป็น Super sexy guy มองผู้หญิงเป็นเพียงของเล่นชิ้นหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับต้องมาเป็น Her Plaything

        “ไม่มีทาง มันแค่เรื่องบังเอิญ” แม้จะแย้งออกไปเช่นนั้นแต่ความสงสัยในคำถามหลายข้อก็ทำให้เขาได้กลิ่นไม่ดีบางอย่าง ลางสังหรณ์ร้ายๆ ที่เกิดขึ้นจะต้องไม่มีวันเป็นจริง

        ผู้หญิงอาจจะเรียกเขาว่าจอมเสเพล แต่ในด้านธุรกิจและการดำเนินชีวิตเขาก็ยังเป็นผู้ชายที่ชาญฉลาด เปี่ยมไปด้วยไหวพริบปฏิภาณ เมื่อรู้ตัวว่าถูกลูบคมย่อมต้องจัดการกับคนที่บังอาจเล่นตลกอย่างสาสมแน่นอน ไม่ใช่เพียงแค่ความคิดเพราะเขากำลังสวมเสื้อผ้าออกไปค้นหาความจริงด้วยตัวเอง

        ไม่มีเวลาแล้วสำหรับความคั่งแค้นใจ ถึงแม้ว่าคิสมาร์กที่เธอทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าจะทำให้เขารู้สึกสมเพชตัวเองขนาดไหน แต่เชื้อพันธุ์ที่เธอหอบติดตัวไปอาจจะสร้างความยุ่งยากให้กับเขาภายหลัง แม้ไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นความบังเอิญหรือเรื่องตั้งใจของใครบางคน เขาก็จะต้องควานหาตัวเธอกลับมาให้จงได้

        อย่างน้อยยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็ต้องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพภายในเจ็ดสิบสองชั่วโมง แน่นอนว่าตอนนี้เวลาที่มีอยู่ลดเหลือลงเพียงแค่สี่สิบแปดชั่วโมงเท่านั้น

        เซเลสตร้าผลุนผลันออกจากห้องทำงานของตนด้วยความร้อนใจโดยที่ไม่รู้เลยว่า นางฟ้าที่เขาแทบจะพลิกแผ่นดินหากำลังผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน

        หลังจากที่ล้มเหลวในการติดต่อพี่สาว พอฤทัยก็หันกลับมาจัดเสื้อผ้าและข้าวของจำเป็นจนเรียบร้อย โทรหาพราวพุธ ผู้เป็นน้องสาวซึ่งเดินทางไปฝึกงานที่นิวยอร์ก บอกเหตุผลโป้ปดมดเท็จในการเดินทางไปบัวโนส ไอเรส โชคยังเข้าข้างที่พราวพุธไม่ได้สงสัยในเหตุผลของเธอ ทุกอย่างจึงไม่เกิดปัญหา

        ท้ายที่สุดพอฤทัยยังหลับไปด้วยความกังวลใจเพราะกลัวว่าการเสียสละของตนนั้นจะสูญเปล่า ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงแล้วต่อจากนี้เธอจะดำเนินชีวิตไปในทางใด ยังไม่ทันได้หาคำตอบให้กับตัวเอง ความเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจก็ทำให้เธอเข้าสู่นิทราได้อย่างง่ายดาย

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา