หวงรักประกาศิตลับ

8.0

เขียนโดย ศิริพารา

วันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 10.39 น.

  13 ตอน
  0 วิจารณ์
  13.09K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2559 21.36 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) หวงรักประกาศิตลับ ตอนที่ 1 100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

พอฤทัยกลับมาถึงอพาร์ตเมนต์ตั้งแต่ช่วงบ่าย และต่อสายโทรศัพท์ถึงเพกา ซึ่งเป็นภรรยาคนที่สองของพ่อในทันที แต่ก็ยังได้รับคำตอบเช่นเดิมคือสถานการณ์ทุกอย่างยังทรงตัว ไม่มีอะไรเลวร้ายลงและสุขภาพพ่อของเธอก็ยังทรงตัวเช่นเดิม พอฤทัยจึงได้แต่พยักหน้ารับและไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบของสมาชิกในบ้านอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะวางสายแล้วมาขบคิดกับคำพูดของโลล่า

        หญิงสาวนั่งอยู่บนโซฟาเบดหลายชั่วโมง เปลี่ยนอิริยาบถอยู่หลายครั้งก็ยังไม่สามารถรวบรวมความกล้าต่อสายโทรศัพท์ถึงโลล่าสักที ความจริงแล้วเธอตัดสินใจได้อย่างง่ายดายว่าไม่อาจเปลี่ยนแปลงทัศนคติของผู้ชายที่หวงแหนความโสดอย่างเซเลสตร้า แล้วยิ่งเป็นเรื่องอัศจรรย์ใจที่จะโน้มน้าวใจเขาให้หันมาตัดสินใจเลือกคู่ชีวิตด้วยตัวเองในระยะเวลาอันรวดเร็วตามที่โลล่าต้องการ

        เสียงตะกุกตะกักตรงประตูดังขึ้นพร้อมๆกับร่างของน้องสาวที่เปิดประตูห้องเข้ามา ก็ทำให้พอฤทัยสลัดความคิดที่อยู่ในสมองมาตลอดหลายชั่วโมงไปได้ชั่วคราว

        “ทำไมวันนี้กลับไวจัง” พอฤทัยถามน้องสาวที่เดินเข้ามาในห้องพักด้วยความรีบร้อน

        “รีบกลับมาเก็บของน่ะสิ นี่พราวเป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้จำเอาไว้แต่ต้องไปฝึกงานวันที่ยี่สิบเดือนหน้า พอไปถึงมหาลัยเพื่อนทำหน้างงๆ ว่าทำไมมาแต่ตัว วันนี้นัดกันจะไปนิวยอร์กตอนสองทุ่ม” พราวพุธเดินแกมวิ่งจากประตูผ่านหน้าพี่สาวไปยังห้องนอนส่วนตัว

        พอฤทัยขมวดคิ้วมุ่นเดินตามน้องสาวเข้าไปในห้อง ทรุดนั่งลงบนกลางเตียงมองตามมือเรียวที่หยิบกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาวางไว้แล้วรวบเสื้อผ้าในตู้ทั้งไม้แขวนมายัดๆ ลงในกระเป๋า “ตายจริง จัดกระเป๋าแบบนี้เสื้อผ้าก็ยับหมดสิคุณพราว”

        “ไม่มีเวลาแล้ว คุณพรีมลองนึกดูสิว่าวันนี้วันที่เท่าไหร่” ไม่พูดเปล่าแต่ยังจับของใช้ส่วนตัวโยนลงในกระเป๋า

        “วันที่ยี่สิบ”

        “อื้อ... แล้วพราวก็เหลือเวลาอีกสองชั่วโมงตามเวลาที่แจ้งในบอร์ดดิ้งพาสน่ะนะ” พราวพุธอยากจะบ้าตายกับความสะเพร่าของตัวเอง ฝากเพื่อนจองตั๋วเครื่องบินแล้วในสมองก็บันทึกเอาไว้ว่าวันที่ยี่สิบเดือนหน้าต้องเดินทางไปฝึกงานที่นิวยอร์ก

        พอฤทัยส่ายหน้าให้กับน้องสาวอย่างระอาใจ ในขณะที่สองมือยังจัดวางข้าวของให้เป็นระเบียบเท่าที่จะทำได้ แต่ต้องรีบชักมือกลับ เมื่อน้องสาวรีบปิดกระเป๋าอย่างรีบร้อน

        “ลืมอะไรอีกไหม คิดดีๆก่อนจะได้ไม่ต้องย้อนกลับมาเอาให้เสียเวลา” พอฤทัยถาม

        พราวพุธส่ายหน้าและชะงักอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบสายตากับพี่สาว “อ้า... ตกลงพราวเลยไม่ได้เห็นคุณพรีมแต่งสวยๆไปงานเต้นรำเลย”

        “ทำไงได้ล่ะ งานนี้เลยต้องฉายเดี่ยว ไม่มีใครไปเป็นเพื่อนเลย”

        พราวพุธยิ้มอย่างเอาใจพลางหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเดินออกไปนอกห้อง “โธ่... เพื่อนคุณพรีมเยอะแยะ อย่ามาโบ้ยให้พราวรู้สึกผิดเลยน่า”

        พอฤทัยยิ้มพลางมองน้องสาวทรุดตัวลงนั่งกับพื้นเพื่อสวมรองเท้า “ตกลงไม่ลืมอะไรแล้วนะ”

        พราวพุธส่ายหน้าพลางชันตัวลุกขึ้นเต็มความสูง วางมือทั้งสองข้างบนบ่าบอบบางของพี่สาวซึ่งสูงน้อยกว่าตนอยู่เจ็ดเซนติเมตร “ไปแล้วนะคุณพรีม พราวไม่อยู่ดูแลตัวเองดีๆ รู้ไหม อีกนานเลยกว่าจะได้เจอกัน”

        ทั้งพอฤทัยและพราวพุธก็เป็นนักศึกษาทุนมูลนิธิ เด มาร์คอส มีหรือที่จะไม่รู้ว่างานเลี้ยงที่จัดขึ้นทุกๆ ปี เป็นเหมือนการต้อนรับน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามารับทุน ในขณะเดียวกันก็เป็นเหมือนการฉลองเมื่อสามารถเล่าเรียนจนสำเร็จและเลือกที่จะเข้าทำงานในดี.เอ็ม. เทเลลิ้งก์ สาขาใดสาขาหนึ่ง

        หลังงานเลี้ยงไม่ถึงสัปดาห์พอฤทัยก็ต้องเดินทางไปอาร์เจนตินาตามที่ได้เลือกเข้าทำงานไว้ตั้งแต่แรก ขณะที่พราวพุธจะต้องอยู่ฝึกงานที่นิวยอร์กไม่ต่ำกว่าสี่เดือน

        พอฤทัยพยักหน้ารับพลางเอื้อมมือไปลูบแผ่นหลังของน้องสาวเร็วๆ ก่อนจะดึงตัวออกมาสบสายตาอีกครั้ง “คุณพราวก็เหมือนกัน ไปอยู่ในเมืองใหญ่แถมเป็นที่ที่ไม่คุ้นเคยต้องระวังตัวให้มากล่ะ ไม่ใช่มีเพื่อนคอยถือหางจะไปซ่ากว่าเดิมไม่ได้นะ”

        “โธ่ เรื่องใส่ร้ายป้ายสีน้องเนี่ย ไม่มีใครเกินคุณพรีมหรอก พราวออกจะเรียบร้อย มาพูดแบบนี้เสียหายหมด นี่ดีนะอยู่ด้วยกันสองคน ถ้าคุณป๋าหรือแม่เล็กมาได้ยินพราวโดนหนักแน่ๆ” พราวพุธแสร้งทำเป็นโอดครวญเกินจริง เรียกรอยยิ้มจากพี่สาวได้เป็นอย่างดี

        “เอาล่ะๆ ก่อนจะตกเครื่องจริงๆ รีบไปดีกว่า ถึงแล้วอย่าลืมโทรหรือข้อความมาบอกด้วยนะ” พอฤทัยก้าวออกมาส่งน้องสาวอยู่หน้าห้องพร้อมโบกมือลา อดใจหายไม่ได้ที่ต้องจากกันกะทันหันเช่นนี้ เพราะตั้งแต่ที่จากบ้านมาเรียนต่อในต่างแดนอย่างนี้ยิ่งทำให้สองพี่น้องรักใคร่กลมเกลียวกันมากขึ้น

        เพียงแค่ถอยหลังเข้ามาในห้องความเงียบงันก็เข้าครอบคลุมจนต้องเดินไปหยิบอุปกรณ์สื่อสารเครื่องบางต่อเข้ากับลำโพงชุดเล็ก เปิดเพลงฟังพอให้คลายเหงา หลังจากนั้นจึงเดินไปเปิดตู้เย็นมองหาวัตถุดิบสำหรับทำอาหารเย็นง่ายๆ อิ่มแล้วจะนอนหลับให้เต็มที่เก็บเกี่ยวพลังงานทางกายและพลังทางใจเพื่อจะต่อสายปฏิเสธโลล่าในวันพรุ่งนี้

 

        ตุ๊ด... ตุ๊ด...

        เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่เสียงเรียกเข้าที่เบากว่าปกติไม่ได้ทำให้คนที่กำลังหลับลึกรู้สึกตัวขึ้นมาในทันที แต่ปลายสายที่พยายามติดต่อเข้ามาจากอีกซีกโลกยังคงไม่ย่อท้อ สุดท้ายก็สัมฤทธิ์ผลเมื่อพอฤทัยลืมตาขึ้นมาในห้องที่ปิดไฟมืดสนิท มีเพียงแสงสว่างที่ค่อยๆ ดับวูบลงจากโทรศัพท์เครื่องบางซึ่งวางอยู่บนโต๊ะหนังสือบอกให้รู้ว่ามีคนติดต่อเข้ามา

        มิสคอลถึงหกครั้งติดต่อกันจากน้องสาวคนเล็กที่อยู่ในประเทศไทยทำให้พอฤทัยใจหายวาบ เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่สู้ดีนักจึงรีบติดต่อกลับผ่านแอพพลิเคชั่นหนึ่งในทันที

        “น้องพลับ มีอะไรรึเปล่าถึงได้โทรหาพี่กลางดึกแบบนี้” พอฤทัยกรอกเสียงถามน้องสาวคนเล็กด้วยน้ำเสียงร้อนใจ

        “ค่ะ คุณป๋าไม่สบายค่ะ ตอนนี้พวกเราอยู่ที่โรงพยาบาล...” พิชชุดาบอกรายละเอียดอาการป่วยของบิดาโดยที่ไม่ต้องให้พี่สาวคนรองซักไซ้

        หลังจากที่ได้รู้ว่าผู้เป็นพ่อถูกส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลเพราะหมดสติไปอย่างฉับพลันก็ทำให้พอฤทัยถึงกับเข่าอ่อน ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานอย่างหมดแรง แม้ว่าคำบอกเล่าของพิชชุดาจะทำให้โล่งใจขึ้นมาเปราะหนึ่งว่าผู้เป็นพ่อได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที แต่เส้นโลหิตที่แตกในสมองก็ยังทำให้ท่านนอนนิ่งไม่รู้สึกตัว ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ไปเรื่อยๆ ทว่าสิ่งที่หลุดออกจากปากของพิชชุดาเกี่ยวกับธุรกิจของครอบครัวต่างหากที่ทำให้เธอต้องนิ่งงันอยู่ครู่ใหญ่

        เมื่อได้รับคำมั่นสัญญาจากพี่สาวคนรองว่าจะใจเย็น ไม่บุ่มบ่าม โวยวายไปถามใครต่อใครก็ทำให้พิชชุดาวางใจเล่าเรื่องที่ตนแอบไปได้ยินได้ฟังมาเมื่อครู่

        ...บริษัท เงินทุนสิริแอทเซท จำกัด เป็นธุรกิจของครอบครัวสิริสกุล ซึ่งสร้างมาจากน้ำพักน้ำแรงของสันต์ สิริสกุล ผู้เป็นพ่อซึ่งกำลังล้มป่วย ตอนนี้ยังไม่รู้สึกตัว ห้าปีที่ผ่านมามีพิลาสินี หรือที่ทุกคนในครอบครัวเรียกติดปากว่า ‘คุณเพลง’ เป็นพี่สาวคนโตของครอบครัว คอยบริหารงานและต้องมาพบกับวิกฤตน้อยใหญ่เมื่อปีที่ผ่านมา

        จากนั้นก็ดูเหมือนว่าทุกสิ่งจะเลวร้ายลงเรื่อยๆ ซึ่งพอฤทัยพยายามโทรศัพท์ถามถึงความเคลื่อนไหวอยู่เสมอมา แต่ทางบ้านก็ดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงที่จะบอกเล่าถึงสถานการณ์แท้จริงเรื่อยมา

        ทั้งหมดนั้นพอฤทัยทราบดีว่าทุกคนในครอบครัวหวังดี ไม่อยากให้ต้องมาวิตกกับเรื่องที่เกิดขึ้น อยากให้ตั้งใจเรียนด้วยความสบายใจ

        ชื่อของพ่อมดทางการเงินคนดังของโลกที่หลุดออกจากปากน้องสาวคนเล็ก ทำให้พอฤทัยต้องขมวดคิ้วมุ่นเพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าพี่สาวคนโตจะรู้จักมักคุ้นจนพ่อมดทางการเงินยื่นมือเข้ามาโอบอุ้มธุรกิจของครอบครัวที่กำลังซวนเซ หากข้อแลกเปลี่ยนกลับทำให้พอฤทัยนึกสงสารพี่สาวจับใจ

        “พลับแอบได้ยินมิสเตอร์คอนราดสันเถียงกับคุณเพลงค่ะ เหมือนเขาบังคับให้คุณเพลงไปเป็นผู้หญิงของเขาแลกกับการช่วยเหลือสิริแอทเซท” พิชชุดาสรุปอีกครั้งหลังจากที่ถ่ายทอดบทสนทนาของพี่สาวคนโตและพ่อมดทางการเงินคนดังของโลก อย่างไม่ตกหล่นสักคำ “พลับไม่รู้ว่าจะทำยัง ตอนแรกว่าจะโทรหาคุณพราว แต่คุณพราวใจร้อนเกินไปเลยคิดว่าต้องโทรปรึกษาคุณพรีมดูก่อน เผื่อว่าเราจะหาทางช่วยคุณเพลงได้ค่ะ”

        พอฤทัยพยักหน้ารับ เห็นด้วยกับความคิดของน้องสาวคนเล็กไม่น้อย “แล้วตอนนี้คุณเพลงอยู่ที่ไหน”

        “ออกไปกับมิสเตอร์คอนราดสันเมื่อกี้นี้ค่ะ เขามาสั่งคุณหมอให้ดูแลคุณป๋าอย่างดีที่สุด รู้สึกว่าจะติดต่อหมอที่เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะมาจากอเมริกาเลย”

        “แล้วทำไมคุณเพลงถึงต้องแบกรับเรื่องหนักหนาสาหัสแบบนี้ไว้คนเดียว น่าจะปรึกษากันบ้าง อย่างน้อยหลายๆคนคิดก็ยังดีกว่าคิดคนเดียว” พอฤทัยถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

        “พลับเคยถามคุณแม่แล้วค่ะ แม่ตอบว่าสิริแอทเซทไม่ได้ขาดสภาพคล่องแค่ห้าล้านสิบล้าน แต่มันเป็นเงินจำนวนหลักร้อยล้าน พอถามเข้ามากๆ คุณแม่ก็ตัดบทบอกว่าพลับยังเด็กอยู่ พูดไปก็ไม่เข้าใจถึงความจำเป็น อีกอย่างที่มีข้อมูลมาเล่าให้คุณพรีมฟังนี่ก็แอบไปได้ยินมานะคะ”

        “เอาอย่างนี้ดีไหม เดี๋ยวพี่จะลองโทรหาคุณเพลงแล้วคุยเรื่องที่เกิดขึ้นให้รู้เรื่องไปเลย” พอฤทัยบอก

        “ค่ะ เอาอย่างนั้นก็ได้ ถ้าคุณพรีมพอจะมีทางช่วยก็ดีมากๆเลยค่ะ พลับเห็นแล้วสงสารคุณเพลงที่สุด” พิชชุดาบอกก่อนจะวางสายยังรับปากพี่สาวคนรองอย่างขันแข็งว่าจะเป็นเด็กดี ดูแลผู้เป็นพ่อและเชื่อฟังผู้เป็นแม่

        เมื่อวางสายแล้วพอฤทัยจึงต่อสายถึงพี่สาวคนโตในทันที แต่ดูเหมือนว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถจะติดต่อกับพิลาสินีได้ แม้จะลองโทรแบบปกติหรือโทรผ่านแอพพลิเคชั่นก็ตาม เธอจึงทำได้แค่ฝากข้อความเอาไว้แล้วนั่งจ้องโทรศัพท์อยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความถึงน้องสาวคนเล็กอีกครั้ง

 

        Preem              น้องพลับ พี่ติดต่อคุณเพลงไม่ได้เลย เหมือนปิดโทรศัพท์แล้วก็ออฟไลน์ด้วย

        พอฤทัยรออยู่ราวสามนาที น้องสาวคนเล็กก็ส่งข้อความกลับมายาวเหยียด

        Look-Plub        คุณพรีมมม เมื่อกี้นี้พลับไปตะล่อมถามคุณแม่มาค่ะ คุณแม่บอกว่าไม่รู้รายละเอียดอะไรมาก เพราะหลังจากที่คุณเพลงกลับจากสวีเดนพร้อมมิสเตอร์คอนราดสันก็ดูเหมือนราคาหุ้นของสิริแอทเซทจะดีขึ้นตามลำดับ คุณเพลงยังยืนยันว่าจะรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นนี้คนเดียว ส่วนตอนนี้พลับก็ติดต่อคุณเพลงไม่ได้เหมือนกัน ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่แค่ไม่อยากให้คุณเพลงไปเป็นผู้หญิงของมิสเตอร์คอนราดสัน พลับต้องไปเรียนกวดวิชาแล้ว คงต้องปิดโทรศัพท์สักสามชั่วโมงแต่ระหว่างทางไปโรงเรียนกวดวิชาจะช่วยติดต่อคุณเพลงอีกแรงนะคะ

        Preem              จ้ะ ไปเถอะ

 

        จบการสนทนากับน้องสาวคนเล็ก พอฤทัยก็เกิดคำถามขึ้นมาว่า พี่สาวคนโตของเธอจะไปเป็นผู้หญิงของมิสเตอร์คอนราดสันได้อย่างไรในเมื่อว่าแต่งงานมีครอบครัวแล้ว แม้จะพอรู้มาบ้างว่าทั้งคู่ระหองระแหงกันมาพักใหญ่แต่ก็ยังอยู่ในฐานะสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย

        คำถามทุกอย่างที่เกิดขึ้นต้องได้รับคำตอบบ้าง ไม่เช่นนั้นเธออาจจะต้องจองตั๋วเพื่อบินกลับประเทศไทยอย่างเร่งด่วน คนเดียวที่จะให้คำตอบได้ก็คือเพกา ซึ่งเป็นภรรยาคนที่สองของพ่อและเป็นแม่บังเกิดเกล้าของพิชชุดา

        “สวัสดีค่ะ แม่เล็ก” พอฤทัยกรอกเสียงลงไปในทันที เมื่อได้ยินปลายสายกล่าวทักทาย “อาการคุณป๋าเป็นยังไงบ้างคะ”

        เพกาถอนหายใจพลางส่ายหน้าให้กับลูกสาวของตน ถ้าพอฤทัยโทรมาถามเช่นนี้ก็คงแปลว่าจะรู้ข่าวทั้งหมดจากพิชชุดาแล้ว “ตอนนี้คุณป๋าอยู่ในความดูแลของหมอผู้เชี่ยวชาญแล้วจ้ะ คุณพรีมทำใจให้สบายเถอะนะ ถึงแม้ว่าคุณป๋าจะยังไม่รู้สึกตัวแต่หมอก็ยืนยันกับแม่เล็กเองว่าคุณป๋าพ้นขีดอันตรายแล้ว”

        “ค่ะ... พรีมอยากกลับไปดูแลคุณป๋า” มันคือหน้าที่ของลูก ซึ่งเธอได้แต่ตำหนิตัวเองในใจที่ปล่อยให้พี่สาวคนโต รับภาระไปเพียงลำพัง ที่สำคัญพิลาสินีไม่ปริปากเรื่องนี้ให้ใครได้หนักใจหรือช่วยแบ่งเบาภาระเลยสักนิด

        “คุณพรีมเรียนจบแล้วก็จริงแต่ต้องเข้าทำงานใน ดี.เอ็ม. เทเลลิ้งก์ตามสัญญา เรื่องดูแลคุณป๋าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแม่เล็กดีกว่า เอาไว้คุณพรีมไม่มีข้อผูกมัดกับทางโน้นแล้วเราค่อยมาว่าเรื่องนี้กันอีกทีนะจ๊ะ” เพกาตะล่อมบอก เพราะถึงตนจะไม่ใช่แม่แท้ๆ ของพิลาสินี พอฤทัยและพราวพุธ แต่ก็รักและหวังดีกับทั้งสามคนไม่ต่างจากลูกในไส้ของตนเลย

        “คุณเพลงรู้จักกับมิสเตอร์คอนราดสันด้วยเหรอคะ” พอฤทัยเริ่มถามเข้าประเด็น

        “จะรู้จักกันมาก่อนหรือเพิ่งรู้จักกันนั้น แม่เล็กตอบไม่ได้จริงๆ เพราะไม่กี่วันก่อนหน้านี้ คุณเพลงบอกแค่ว่าจะเดินทางไปสวีเดนเพื่อเจรจาบางอย่างกับมิสเตอร์คอนราดสัน ซึ่งแม่เล็กก็เพิ่งได้เห็นตัวจริงเขาวันนี้เอง” เพกาบอกตามความจริง

        “แล้วคุณชินเขตล่ะคะ”

        คำถามนั้นทำให้เพกาเข้าใจได้เป็นอย่างดี ว่าพอฤทัยตั้งใจจะถามถึงความสัมพันธ์ของคู่สมรส ไม่ได้หมายความถึงการช่วยเหลือเกื้อกูลจากชินเขต

        หากการที่ปลายสายเงียบไปชั่วครู่ก็ทำให้พอฤทัยเอ่ยถามออกไปอีกครั้ง “มิสเตอร์คอนราดสันคงไม่ยื่นมือเข้ามาอุ้มสิริแอทเซทโดยที่ไม่ต้องการอะไรตอบแทนหรอกใช่ไหมคะ คนดังระดับโลกแบบนั้น คิดคำนวณทุกอย่างเป็นผลกำไร แบบนี้แล้วคนที่ลำบากที่สุดคือคุณเพลงนะคะ”

        “แม่เล็กรู้และเคยห้ามคุณเพลงแล้ว แต่คุณเพลงยืนยันว่าสิริแอทเซทไม่ได้ขาดสภาพคล่องด้วยเงินหลักสิบล้าน แต่มันคือหลักร้อยล้านเกือบชนพันล้าน ส่วนเรื่องของชินเขตนั้นคุณเพลงบอกกับแม่เล็กว่าเซ็นใบหย่ากับเขาเรียบร้อยแล้ว แต่ที่ต้องปิดเงียบเพราะสุขภาพคุณป๋ายังไม่สู้ดีนัก เลยไม่อยากให้เรื่องนี้ไปกวนใจอีก ไม่นึกว่าคุณป๋าจะอาการกำเริบหนักกว่าเดิมแบบนี้” เพกาตอบ

        แม้รู้ว่าพิลาสินีจะต้องตกที่นั่งลำบากแต่ก็ไม่อาจจะช่วยอะไรได้มากนัก ขนาดว่าเงินที่ได้จากการเอาเครื่องเพชรและที่ดินในครอบครองของตนไปขายแล้วก็ยังเอามาจ่ายเงินเดือนพนักงานและค่าใช้จ่ายจิปาถะเท่านั้น ตอนนี้สิริแอทเซทก็เหมือนแผลติดเชื้อขั้นรุนแรงหลังจากที่เรื้อรังมาระยะหนึ่ง

        “พรีมว่าพอจะมองเห็นทางออกนะคะ แม่เล็กช่วยติดต่อคุณเพลงให้ทีได้ไหมคะ คุณเพลงปิดโทรศัพท์มือถือมาหลายชั่วโมงแล้ว” พอฤทัยบอกด้วยความร้อนใจ เพราะกลัวว่าพี่สาวจะต้องกลายเป็นผู้หญิงของพ่อมดทางการเงินคนดังของโลก

        “พูดเป็นเล่นไปนะคุณพรีม จะไปเอาเงินมากมายแบบนั้นมาจากไหน บอกแม่เล็กมาเดี๋ยวนี้นะ” เพกาถามเสียงดุ เพราะรู้ดีว่าลูกสาวของสิริสกุลทุกคนรักใคร่กลมเกลียวกันสักแค่ไหน ถ้าได้ล่วงรู้ว่ามีใครคนหนึ่งเดือดร้อน ที่เหลือเป็นต้องหาทางช่วยเหลืออย่างสุดกำลัง

        พอฤทัยลอบถอนหายใจและแสร้งทำเสียงราวกับเงินจำนวนมหาศาลนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย “อย่าลืมสิคะว่าคุณป๋าเคยแนะนำให้พรีมรู้จักกับดอนญ่าเวนโตล่า ถ้าเธอรู้ว่าคุณป๋าเดือดร้อน คงจะเต็มใจช่วยเหลือเราค่ะ”

        บอกออกไปด้วยน้ำเสียงมีความหวังแต่ภายในใจกลับห่อเหี่ยว เมื่อรู้อยู่เต็มอกว่าไม่อาจขอความช่วยเหลือจากใครอื่นได้โดยที่ไม่มีข้อแลกเปลี่ยน และดูเหมือนว่าดอนญ่าเวนโตล่าจะรู้ทันเกมแต่แรกแล้ว จึงให้โทรถามสถานการณ์ทางบ้านและย้ำให้เก็บเอาคำพูดของโลล่าไปคิดให้ดีเสียก่อน

        “จะดีเหรอคุณพรีม เงินไม่ใช่น้อยๆ แม่เล็กเข้าใจว่าเงินจำนวนนั้นเล็กน้อยสำหรับดอนญ่าเวนโตล่า แต่เราไม่มีอะไรไปจำนำจำนองเขานะ อีก...” เพกาไม่ทันได้พูดจบประโยคด้วยซ้ำ ปลายสายก็รีบดักคอเสียก่อน

        “เอาตามที่พรีมว่านี่ล่ะค่ะ ถ้าดอนญ่าเวนโตล่าไม่ตอบรับภาระทั้งหมดก็คงต้องตกอยู่ที่คุณเพลง แต่ยังไงเสียเราก็น่าจะลองใช้วิธีของพรีมดูบ้าง ถ้าเผื่อดอนญ่าเวนโตล่าเห็นใจ เข้าใจในความจำเป็น คุณเพลงก็ไม่ต้องไปเป็นผู้หญิงของมิสเตอร์คอนราดสันนะคะ”

        คำพูดของพอฤทัยทำให้เพกาเห็นด้วยไม่น้อยในขณะที่เกิดความสงสัยอย่างหนึ่งขึ้นมา “คุณพรีมพูดเหมือนรู้จักมิสเตอร์คอนราดสัน”

        “ก็ไม่เชิงค่ะ เขาเป็นอาจารย์บรรยายพิเศษของยูเพน2 พรีมเคยเรียนกับเขาเมื่อปีที่แล้ว ถึงได้รู้ไงคะว่าสมองเขาอัจฉริยะมองทุกอย่างเป็นผลกำไร ไม่น่าจะมีความรู้สึกละเอียดอ่อนต่อผู้หญิงคนไหนง่ายๆ ชีวิตแต่งงานของคุณเพลงไม่ค่อยราบรื่นนักแล้วยังต้องมาปะทะกับพ่อมดทางการเงินคนดังของโลกแบบนี้ พรีมทนไม่ได้หรอกค่ะ” พอฤทัยบอกและคาดเดาได้ไม่ยากนัก

        หากทั้งคู่เคยรู้จักกันมาก่อน ยูเพนก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นเพราะเท่าที่รู้มา ลินเนอุส คอนราดสัน เป็นอาจารย์พิเศษของยูเพนมาหลายปีแล้ว

        “แล้วแม่เล็กจะติดต่อคุณเพลงยังไงล่ะคราวนี้ เมื่อบ่ายคุณเพลงก็ออกไปกับมิสเตอร์คอนราดสันเสียด้วย” เพกาบอกและเหลือบสายตามองพยาบาลที่ยืนอยู่ไม่ไกล ท่าทางมีเรื่องพูดคุยกับตน “เอาไว้ค่อยคุยกันนะคุณพรีม พอดีพยาบาลน่าจะมีเรื่องคุยกับแม่เล็ก”

        “ค่ะ ถ้าอาการคุณป๋าเปลี่ยนแปลงยังไงแล้วโทรบอกพรีมด้วยนะคะ อีกอย่างแม่เล็กอย่าลืมติดต่อคุณเพลงให้ได้แล้วเล่าเรื่องที่พรีมจะไปขอความช่วยเหลือจากดอนญ่าเวนโตล่าด้วย อย่าลืมนะคะ” พอฤทัยย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนจะวางสาย

        โทรศัพท์เครื่องบางยังอยู่ในมือในขณะที่เหลือบสายตามองนาฬิกาที่ติดไว้บนผนังห้อง เวลาในกรุงบัวโนส ไอเรสจะเร็วกว่าเพนซิลวาเนียราวสองชั่วโมง ถ้าจะโทรหาโลล่าตอนแปดโมงเช้าก็คงจะไม่เป็นการรบกวนเวลานัก แต่จนแล้วจนรอดพอฤทัยก็ยังผุดลุกผุดนั่ง ทุกครั้งที่หลับตาลงอย่างใช้ความคิด ใบหน้าของพี่สาวจะลอยขึ้นมาทำให้จิตใจมีแรงฮึดสู้ ตอบรับข้อเสนอของโลล่า

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา