ป่วนรักนายจิตป่วย

5.9

เขียนโดย wimon

วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 18.36 น.

  6 ตอน
  4 วิจารณ์
  7,881 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 20.22 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ความสัมพันธ์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่3 ความสัมพันธ์

          กริ๊งงง กริ๊งงง เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นนั้นเตือนว่าได้เวลาไปเรียน ผมลุกขึ้นนั่งบนเตียงตั้งสติสักพัก ก่อนจะเดินไปทำธุระส่วนตัวในตอนเช้า ผมหยิบหนังสือสมุดและอุปกรณ์การเรียนสำหรับวันนี้ใส่ลงในกระเป๋าก่อนที่ผมจะรูดซิบปิด สายตาก็ได้ไปสะดุดกับโทรศัพท์มือถือที่ได้มาจากคุณพ่อเมื่อวานนี้ ถึงตอนนี้ผมก็ยังใช้มันไม่เป็นหรอกครับ ผมตัดสินใจหยิบมันใส่ลงในกระเป๋าเคย์คงจะสอนผมใช้มันได้อย่างแน่นอน ผมเดินลงมาชั้นล่างเตรียมที่จะไปโรงเรียนตามปกติ แต่แล้วผมก็ต้องหยุดชะงัก “ตื่นแล้วหรอลูก มากินข้าวก่อนสิ่” เสียงแม่ดังมาจากในครัว น่าแปลกที่วันนี้แม่จะเข้าครัวทำอาหารในตอนเช้า ปกติแล้วป่านนึ้คุณแม่คงกำลังนอนอยู่บนห้อง

“คุณคะ อาหารเช้าเสร็จแล้วนะคะ” อึก ใช่แล้วพ่อยังอยู่ที่นี่... คิดว่าพูดเล่นๆ เป็นไปได้ไงเขาออกจะเกลียดผมกับแม่จะตายไป

“โซมะ มากินช้าวก่อนสิยังไม่เจ็ดโมงเลยจะรีบไปทำไม” เดี๊ยวนะ คุณพ่อพูดกับผมด้วยถ้อยคำที่ปกติเหมือนพ่อกับลูกทั่วไป ทำเอาผมหยุดชะงักวางกระลงกับพื้น จริงหรือเนี่ย? ผมก้าวเท้าเข้าไปในห้องครัว คุณแม่ยกจานอาหารเช้าหน้าตาน่ารับประทานมาวางไปตรงที่ว่าง ผมเดินเข้าไปดูใกล้ๆ บนโต๊ะนั้นประกอบไปด้วยจานสลัดผักใบโตวางอยู่ตรงกลาง มีตระกร้าขนมปังฝรั่งเศษและจานอาหารที่มีไข่ดาวกับไส้กรอกวางเรียงอยู่ด้านบนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบกลิ่นหอมชวนทานจริงๆ ผมนั่งลงที่เก้าอี้ โครกกก เสียงท้องของผมร้องดังลั่นออกมาซะงั้น ผมเริ่มลงมือรับประทานอาหารที่อยู่ข้างหน้าอย่างเอร็ดอร่อย

“โซมะ กินเยอะๆนะลูก” คุณพ่อเอื้อมมือขึ้นมาลูบหัวผมอย่างแผ่วเบา ทำเอาผมชะงักอีกครั้ง มันเหมือนที่เคย์ทำกับผมเมื่อคืน

“มีอะไรรึเปล่า ไม่อร่อยหรอลูก” คุณแม่เอ่ยถาม

“เปล่าครับ” พ่อเนี่ยนะจะลูบหัวผม ช่างเถอะเรามีเวลาไม่มาก นี่ก็จะแปดโมงแล้วด้วยรีบทานสะให้หมดเร็วๆจะดีกว่า ผมกล่าวสวัสดีคุณพ่อคุณแม่ ก่อนที่ผมจะหันหลังเดินออกจากห้องครัว

“เดี๊ยว โซมะ พ่อจะไปส่งลูกเอง” เอาอีกแล้ว ผมฝันไปรึเปล่า ผมเดินตามหลังแผ่นกว้างของคุณพ่อไป รู้ตัวอีกทีก็มาหยุดที่หน้าบ้านมีรถเก๋งคันโตสุดหรูจอดอยู่ ผมไม่เคยเห็นมันมาก่อน ในใจของผมตอนนี้คิดอยู่สองเรื่องคือ พ่อต้องให้คนขับรถไปส่งแทนแน่ๆ หรือแกล้งทำเป็นดีกลับผมแล้วจะพาผมไปทิ้งไว้ที่ไหนก็ได้

“โซมะ ขึ้นรถสิลูก” พ่อเป็นคนขับรถ เราควรจะระวังตัวไว้สักหน่อย ผมเปิดประตูฝั่งตรงข้ามคนขับก้าวขึ้นไปนั่งบนรถ ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าพลันหยิบมือถือมาไว้ในมือ ถ้าเกิดไม่ชอบมาพากลจะได้โทรหาคย์ได้ทันที ผมมองทางโดยไม่ละสายตา เส้นทางนี้ไม่ผิดแน่ทางไปโรงเรียนของผม แต่มันไม่ได้ทำให้ผมวางใจหรอก ไม่ถึงครึ่งชม.ผมก็มาถึงโรงเรียน ผมตกใจสุดขีด ไม่ใช่ว่าคุณพ่อจะกลั่นแกล้งผมหรอกหรอ ขากลับดีกับผมเหมือนเป็นคนละคนกับเมื่อวาน ผมก้าวเท้าลงจากรถกล่าวขอบคุณ คุณพ่อ ก่อนที่ผมจะปิดประตูรถนั้นคุณพ่อบอกกับผมว่า จะมารับผมที่หน้าโรงเรียน

 

                “โย่วท่านโซมะ วันนี้มาสายผิดปกติแหะมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นงั้นหรอ” ผมหันควับไปมองเจ้าเคย์ที่ดูเหมือนจะรู้ทุกเรื่อง

“อ้าว อารมณ์เสียอยู่หรอ” เคย์ขมวดคิ้วจนเกือบจะชนกันเหมือนผิดหวังอะไรสักอย่าง ผมเอะใจเรื่องเคย์ขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไรมากมายเพราะผมเป็นคนเล่าเรื่องทุกอย่างให้เคย์ฟังเอง คาบเรียนแรกดำเนินไปตามปกติเหมือนทุกๆวัน เสียงนาฬิกาลูกตุ้ม บอกเวลาพักเที่ยง

“โซมะ เอ่อ...ไปกินข้าวด้วยกันไหม” แปลกจังฮานะจังชวนผมไปกินข้าว เขาสนใจในตัวผมงั้นหรอ

“อื้ม ^^” ผมเริ่มยิ้มขึ้นมาบ้าง ดูเหมือนบรรยากาศรอบตัวผมจะเริ่มเปลี่ยนไป  

เที่ยงวันในวันนั้น ผม เคย์ และคุณฮานะ รับประทานอาหารกลางวันและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน จะเรียกว่าผมเริ่มผุกมิตรกับคนอื่นๆแล้วก็ว่าได้ แต่แล้วเหตุการณ์ก็ได้เปลี่ยนไป

“เคย์ จากวันนี้ไป นายไม่ต้องรอเดินกลับพร้อมฉันแล้วนะ” เคย์หยุดกินขนมปังที่อยู่ในมือ เขาหันมาทางผมด้วยท่าทางตกใจ

“ทำไมล่ะ?”

“คุณพ่อจะมารับผมกลับบ้านน่ะ” เคย์ทำหน้าตกใจสุดขีด เขาวางขนมปังบนมือของเขาลง

“อืม เข้าใจแล้วล่ะ” สีหน้าของแคย์ดูไม่ดีเท่าไหร่ ในคาบบ่ายวันนั้นเขาเอาแต่ก้มหน้า แต่ดูเหมือนว่าเขาก็ยังคุยกับคนรอบข้างปกติดี ผมเลยไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากนัก เมื่อผมเริ่มยิ้มเริ่มพูดคุยเหมือนคนปกติ เพื่อนในชั้นเรียนก็เริ่มตีสนิทกับผมมากขึ้น ทั้งเพื่อนในชั้นเรียน รุ่นพี่ หรืออาจารย์ ก็ชมชอบผมกันยกใหญ่ ผมและคุณฮานะเองก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น จนเริ่มมีกระแสว่าผมเป็นคิง คุณฮานะเป็นควีน ของโรงเรียน บ้างก็ว่าผมกับคุณฮานะเหมาะสมกันอย่างกับเจ้าชายและเจ้าหญิง พักหลังๆมานี้คุณฮานะก็ดูจะเขินอายกับผม ชีวิตของผมเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ตั้งแต่คุณพ่อมาที่นี่ในครั้งนี้ คุณพ่อกลับมาเป็นคุณพ่อที่ผมเรียกได้เต็มปากอีกครั้ง ผมเองก็มีความสุขมากจนหลงลืมความเศร้าที่เคยมี ผมเกือบจะลืมว่าเคย์เคยเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมไปแล้ว เขาเข้าหาผมน้อยลง พูดจาเหมือนคนห่างเหิน แว่วตาที่สดใสร่าเริงของเขาก็หายไปและรอยยิ้มสนใสนั้นก็เช่นกัน แต่กลับมาอยู่ที่ผมแทน ผมไม่ควรปล่อยเขาไว้แบบนี้ เขาคือเพื่อนที่เข้าใจผมที่สุดนะ

 

                ยามเย็นของวันหนึ่ง แสงแดดสาดส่องเข้ามาในห้องเรียน ยามที่โรงเรียนไร้ผู้คนช่างดูเงียบเหงาเสียเหลือเกิน วันนี้พ่อของผมติดประชุมจึงรออยู่ที่โรงเรียนจนเย็น ผมกวาดตามองไปรอบๆห้อง เคย์กำลังยืนพิงกำแพงมองนาฬิกาข้อมือของเขาอยู่สักพัก  เหมือนว่าเขากำลังรอใครบางคนอยู่ ผมเดินตรงหรี่เข้าไปหาเขา

“ไง รอใครอยู่หรอ” ผมทักทายเขาอย่างเคย

“เปล่า แค่มายืนรอเวลากลับน่ะ” เขาหลบสายตาผม

“เคย์ ไม่สบายใจอะไรรึเปล่า” ผมถามด้วยความเป็นห่วง

“อืม...ไม่ได้เป็นอะไร” คำพูดแบบนี้มันเหมือนคำพูดของผมเมื่อก่อนไม่มีผิด

“ฉันรู้ว่านายกำลังไม่สบายใจนะ บอกฉันเถอะฉันเป็นเพื่อนนายนะ” ผมเริ่มเสียงแข็งและเขย่าตัวเขาอย่างรุนแรง

“นายนี่นะ แค่ตัวนายเองมีความสุขก็พอแล้วล่ะ” เคย์ตรงเข้ามากอดผมเอาไว้ มือนึงก็ลูบหัวผมอย่างแผ่วเบา ผมอธิบายความรู้สึกแบบนี้ไม่ถูกเลย มันต่างจากการคุยเล่นเหมือนเมื่อก่อน ใจของผมสั่นสะท้านไปหมด ร้อน รู้สึกร้อนอย่างบอกไม่ถูก ไม่ได้สิ่ถ้าเกิดมีคนเข้ามาเห็นจะทำยังไง ผมค่อยๆผลักตัวเคย์ออกจากผม ดูเหมือนเคย์จะยังไม่อยากให้ผมออกจากอ้อมกอดนี้

“ขออีกแปปนึงได้มั้ย” เขาพูดอะไรออกมาน่ะ รู้ตัวรึเปล่านะ แต่มันก็ไม่ได้แย่นะ ^^ ไม่นานเท่าไหร่เคย์ก็ค่อยๆคลายกอดผม เขายืนจ้องหน้าผมตาไม่กระพริบ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มปนแดงของเขากลับมามีประกายอีกครั้ง

“โซมะ วันนี้คุณพ่อยังไม่มารับหรอ จะเดินกลับกับผมก็ได้นะ”  เขาชักชวนผมอย่างไม่ลังเล

 “อื้ม ^^”  ผมล้วงหยิบมือถือในกระเป๋ากดโทรหาพ่อทันที

“ฮัลโหล คุณพ่อหรอครับ” ครับเสียงปลายสายตอบรับอย่างชัดเจน

 

“ขอโทษนะครับ วันนี้คุณพ่อไม่ต้องมารับผมแล้วนะครับ ผมอยากจะแวะไปเที่ยวห้างสรรพสินค้าสักหน่อยน่ะครับ” ผมกุเรื่องโกหกคุณพ่ออย่างไว

“อื้ม ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ครับ สวัสดีครับ” เคย์หันมามองผม พร้อมกับหัวเราะเยาะชอบใจ ผมกดวางโทรศัพท์โดยไวก่อนที่จะโดนจับได้

“นี่ ฉันทำเพื่อนายนะ” ผมทำหน้านิ่วคิ้วขมวดบ้าง

“นายไม่ต้องทำเพื่อฉันหรอกนะ” จู่ๆเคย์ก็เอาหน้ามาใกล้กับผมจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ เขาก้มหน้าลงมาใกล้ริมฝีปากของผมเรื่อยๆ เขาชะงักแล้วเลื่อนริมฝีปากของเขาขึ้นไปแตะที่หน้าผากของผมแทน ผมหลับตาตัวเกร็งเล็กน้อย ทำเอาผมรู้สึกขนลุกซู่ไปหมด ผมไม่ได้ขยะแขยงเขาหรอกนะ แต่ผมไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้กับผม เคย์หน้าแดงก่ำ หลบสายตาผมอีกครั้ง ผมก็ต้องหันกลับไปอีกทางเพราะความเขินอาย ใจของผมสั่นเต้นรัวไปหมด มือชาจนทำอะไรไม่ถูก เขาเองก็กำลังเขินอายไม่แพ้กัน

“กลับกันได้แล้วล่ะ” เขายื่นมือมาตรงหน้าผม พร้อมรอยยิ้มที่เคยปรากฎอยู่บ่อยๆ ผมหันกลับไปมองใบหน้าของเขาอีกครั้ง ผมไม่เคยเห็นใบหน้าของเคย์มีเสน่ห์ขนาดนี้มาก่อน ผมพูดอะไรไม่ออกสักคำ ทำได้เพียงเอื้อมมือไปจับมือที่ผมคุ้นเคยแล้วก้าวเดินออกไปอย่างที่เคยเป็น

“โซมะ พูดอะไรหน่อยสิเงียบแบบนี้ฉันก็ไปไม่ถูกนะ”  ผมจะพูดอะไรออกล่ะผมเป็นคนถูกกระทำนะ ผมต้องถามรึไง

“อ่า…นายไม่ได้เกลียดฉันหรอ” โอ้ว ดูคำถามสิ จะโง่ไปไหน ถ้าเกลียดเขาจะกล้าทำแบบนี้กับเราหรอ

“ฮ่าๆ โซมะถ้าฉันเกลียดฉันคงไม่ทำหรอกนะ” เขาหัวเราะเยาะเย้ยฉัน

“นี่…นายมีอะไรปิดบังฉันรึเปล่า”  เคย์ถึงกับหยุดเดินไปสักพัก เขานิ่งเงียบแล้วจูงมือพาฉันเดินต่อ

“นี่ไม่ใช่ทางกลับบ้านนี่?” เคย์ยังพาผมเดินต่อไปไม่หยุด

“ตามฉันมาก่อนเหอะน่า” เหมือนเขาจะหัวเสียนิดนึง เขาพาฉันเดินเร็วขึ้นจนมาหยุดที่สวนสาธารณะเล็กๆแห่งหนึ่ง ซึ่งบรรยากาศเงียบสงบไม่มีผู้คนเลย แต่ที่นี่สวยมากเลยล่ะ มองออกไปจะเห็นทิวทัศน์ทุ่งหญ้ากว้างเข้ากับสีแสดของท้องฟ้ายามเย็น เคย์พาผมมายืนอยู่ในจุดลับตาคน เขาพยายามก้มหน้ามาที่ฉันอีกครั้งแต่ครั้งนี้ใกล้กันจนจมูกของเราชนกัน

“ผมไม่รู้ว่าคุณรู้อะไรมา ผมอยากให้คุณเชื่อใจผมไม่ว่าผมจะเป็นใคร” หะ เขาใช้คำพูดที่แปลกออกไป

“รู้เอาไว้อย่างเดียวแล้วกัน ผมชอบคุณนะ” ตึกๆ เสียงหัวใจเต้นผิดจังหวะ ทำเอาผมหัวหมุนหน้าแดงฉ่าไปหมด ชอบ งั้นหรอ แบบหนุ่มสาวน่ะหรอ แต่…เราเป็นผู้ชายทั้งคู่นะ ในขณะที่ผมกำลังชุกคิดกับคำพูดนั้นอยู่ยังไม่ทันตั้งตัวริมฝีปากที่หนากว่าผมเล็กน้อยเข้าจู่โจมทับปิดริมฝีปากบางๆของผมทันที เฮือกก มันเป็นการจูบเบาๆแค่ริมฝีปากแตะกันเท่านั้น แต่มันทำให้ผมแทบละลาย ร่างกายของผมเกร็งไปหมด ใบหน้าร้อนผ่าว ผมค่อยๆขยับออกจากจุดนั้น

“โซมะ รังเกลียดผมรึเปล่า?” เขาถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“เปล่า” ผมฉีกยิ้มออกมาเล็กน้อย

“รับผมเป็นแฟนได้ไหม” เฮือก อะไรกันเขาคิดกับเราแบบนี้มาโดยตลอดหรอ ผมได้แต่นิ่งเฉย

“เรื่องที่เราคบกัน ผมจะเก็บไว้เป็นความลับ ได้โปรดคบกับผมเถอะ” คำขอร้องแบบที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน ตอนนี้เราก็ไม่ต่างจากคู่หนุ่มสาวมาสารภาพรักกันหรอกนะ แต่เรา… ผมเองก็ยังไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกของตัวผมเองได้ แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับเคย์เลย เพราะงั้นผมจึงควรตอบว่า…

 

 

ช่วยวิจารณ์หน่อยนะคะ จะรีบอัพต่อโดยไวเลยถ้ามีกำลังใจดีๆ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา