เทพป่วน กับ เด็กเป๋อ

9.1

เขียนโดย นิกซ์

วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 15.08 น.

  10 ตอน
  1 วิจารณ์
  10.41K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 มีนาคม พ.ศ. 2560 23.27 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) บทที่ 7 เดท?

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

วันต่อมา

มอร์แกน รู้สึกว่าร่างกายหนักอึ้ง แล้วศีรษะก็ปวดจี๊ดๆแต่ถึงกระนั้นเธอก็ต้องลุกขึ้นจากเตียงเล็กๆแข็งๆของตน เธอหันมาดูเวลาก็พบว่า เวลานี้คือเวลาหกโมงเช้า

เด็กสาวบ่นเบาๆ”สงสัยเพลียมากไปหน่อย”

“ทำไมไม่นอนต่อล่ะ มอร์แกน”มาอีมเอ่ยถาม โดยน้ำเสียงนั้นแฝงความไม่พอใจไว้อยู่ในตัว

“ไม่ล่ะ มันนอนไม่ลงแล้ว เดี๋ยวชั้นจะอบเค้กช็อกโกแลตให้กินนะ”

เทพบุตรหนุ่มสุดอดทนจึงตวาดลั่น“ไม่! เธอไปนอนพักซะ!”

“น่าๆอย่าดุเลย กินยาสักหน่อยก็หายแล้ว วันนี้ชั้นต้องไปสอนแทนอาจารย์ที่รู้จักอีกนะ รับปากเค้าไว้แล้วด้วย”

“หัดปฏิเสธบ้างสิ”

มอร์แกนบ่นอุบ“น่าๆ เดี๋ยวอบเค้กให้ วันนี้มาอารมณ์แปลกดีนะ มาอีม ปกติ พอรู้ว่าจะทำเค้กก็เห็นดีใจจนเนื้อเต้นทุกที”

หลังจากอบเค้ก และทำมื้อเช้าเพื่อเติมพลังแล้ว เธอก็จัดการอาบน้ำแต่งตัว เตรียมที่จะไปสอนหนังสือ โชคดีที่วันนี้มีงานแค่สอนหนังสือ และพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดเธอไม่มีงานที่เร่งด่วน จึงสามารถพักผ่อนได้

มาอีมไม่ค่อยสบอารมณ์เลยที่เด็กสาวคนนี้ดื้อเสียจริง ไม่ยอมพักผ่อนเลย

 

 

“ทำไมทำหน้าบูดอย่างนั้น”

“เบื่อคนดื้อ”

ในตอนนี้คนทั้งสองกำลังเดินทางไปที่มหาลัย เพื่อไปสอนแทนศาตราจารย์ที่รู้จัก ตั้งแต่ตื่นมา พ่อเทพบุตรรูปหล่อก็ทำหน้าบูดมาตลอดทาง

แสงแดดที่เริ่มแรงขึ้น จนมอร์แกนต้องเอามือมาบังแดด มาอีม จึงเอาตัวมาบังแดดให้  นั่นก็ช่วยให้เด็กสาวร่างท้วมคลายร้อนไปเล็กน้อย แต่แสงแดดยังคงแผ่รัศมีความร้อน ออกมาไม่หยุด

เด็กสาวร่างท้วม นั้นพักผ่อนน้อย ทำงานหนัก ถึงแม้ว่างานที่ทำ จะไม่ได้ใช้แรงมาก แต่การใช้สมองนั้นก็กินพลังงานมาก แถมมาเจอกับอากาศแบบนี้อีก

มอร์แกรรู้สึกปวดหัวจี๊ดๆเป็นระยะ จนต้องเอามือกุมขมับ

“ไหวรึเปล่า ไม่ไหวก็กลับไปพักก่อนเถอะ”

เด็กสาวเอ่ยเสียงแผ่ว “ไม่เป็นไร”

เมื่อทั้งคู่เดินทางมาถึง

มอร์แกนก็เข้ามาสอน แทนศาศตราจารย์ที่รู้จักอีกมหาลัยหนึ่ง ซึ่งก็ไกลพอสมควร ท่าทางของเด็กสาวเริ่มเหนื่อยล้า

มาอีมเอ่ยขึ้น “จะขยันแค่ไหนเจ้าอย่าฝืนตัวเองเลยนะ ขอร้อง ข้าเป็นห่วงเจ้านะ มอร์แกน”

มอร์แกนในขณะนี้เธอกำลังรอรถประจำทางที่ป้ายแต่เพียงลำพังจึงตอบเสียงแผ่ว “แต่การที่ผิดคำพูดน่ะ มันแย่นะมาอีม ถ้าชั้นไม่ไปสอนในวันนี้ ทางนั้นก็ต้องวุ่นวายหาคนใหม่ หรือไม่ก็ต้องยกคลาส ซึ่งนั่นก็จะทำให้คนที่มาเรียนเสียโอกาสนะ การที่เราละเลยหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายน่ะ มันอาจจะทำให้งานเสียหายหรือคนอื่นเดือดร้อนก็ได้”

เทพบุตรหนุ่มสะอึกอีกครั้ง ราวกับว่าตนนั้นกำลังโดนสอนทางอ้อม “ห่วงตัวเองบางสิ นึกถึงตัวเองบ้าง”

เด็กสาวไม่ตอบอะไร เธอยิ้มนิดๆให้ ก่อนที่จะเอาหนังสือมาอ่านฆ่าเวลา

สิบนาทีต่อมา…

รถประจำทางมาพอดี

ด้วยความที่คนเยอะแถมตัวเตี้ย (ก็นะสูงแค่ร้อยหกสิบหก) ทำให้เอื้อมมือไปจับสายหนังสำหรับโหนรถได้ไม่ถนัด เธอจึงต้องจับเสาแทน มาอีมเห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ เธอดูเหนื่อยอ่อน ใบหน้าขาวซีดเริ่มแดงเพราะพิษไข้อ่อนๆ

“คุณผู้หญิง เชิญครับ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]เสียงทุ้มที่คุ้นๆเอ่ยขึ้น

“คุณ!” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

กาแอล เอดิสัน ยิ้มให้ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่งที่เป็นที่นั่งเดี่ยวให้

“บังเอิญจังเลยครับ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

เด็กสาวร่างท้วมนั่งลงก่อนจะยิ้มตอบตามมารยาท “ค่ะ ขอบคุณที่สละที่นั่งให้ชั้น” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“ไม่เป็นไรครับ เลดี้ ผมเต็มใจ ว่าแต่คุณจะไปที่ไหนรึครับ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“ไปสอนแทน ศาตราจารย์ที่รู้จักคะ ที่มหาลัยXXX” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“ที่เดียวกับผมเลยครับ สำหรับผม พอดีว่าผมจะไปสอนภาษาฝรั่งเศสน่ะครับ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“เหรอค่ะ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“สีหน้าคุณดูไม่ค่อยดีเลย…ไม่สบายเหรอครับ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“นิดหน่อยคะ พอดี รับปากเค้าไว้แล้ว เลยต้องมา” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“ผมว่าคุณกลับไปพักก่อนเถอะ สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

มาอีมใช้พลังของตนทำให้สามารถแปลภาษาอื่นออก นั่นทำให้เค้าเห็นด้วยกับคนๆนี้ ที่บอกให้ยัยคนหัวดื้อไปพักซะ

“ไม่เป็นไรคะ ชั้นสบายดี”[ ภาษาฝรั่งเศส ]

“คุณสอนเสร็จกี่โมงครับ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“ประมาณสี่โมงครึ่งค่ะ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“ผมจะไปส่งคุณเอง เพราะผมคงจะห้ามคุณไม่ให้ไปสอนได้แน่” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

มอร์แกนสบเข้ากับดวงตาคม ที่ฉายแววเป็นห่วง

“ก็…ได้ค่ะ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

และจากนั้น สิบนาทีต่อมา สองหนุ่มสาว(และเทวดาอีกหนึ่ง)ก็มาถึงที่หมาย

“คุณมอร์แกนมีสอนอีกกี่โมงครับ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

มอร์แกนนำนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา”อีกชั่วโมงครึ่งคะ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“เราไปหาอะไรทานก่อนดีไหมครับ  ผมเลี้ยงเอง” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“จะดีเหรอค่ะ ชั้นเกรงใจ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“อย่าเกรงใจเลยครั้บ ถือซะว่า เรามาเดทก็แล้วกัน” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

คำว่าเดทนั้นทำเอาเด็กสาวหน้าขึ้นสีนิดๆ มาอีมไม่เข้าใจว่า เดทคืออะไร?ทำไมมอร์แกนต้องหน้าแดงๆด้วย

เอดิสันพามาที่ร้านกาแฟที่อยู่ไม่ไกล เมื่อได้ที่นั่งแล้ว ทั้งคู่ก็ต่างดูเมนู

“ไม่ต้องเกรงใจนะครับ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“อ่าค่ะ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]มอร์แกนมองเมนูขนมและเครื่องดื่มแล้ว ปรากฏว่าราคามันสูงพอตัว

“เลือกได้รึครับ เลดี้?” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“คือ…ชั้นเลือกไม่ถูกเลยค่ะ คุณช่วยเลือกให้หน่อยก็แล้วกัน” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“ได้ครับ เลดี้” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

พอเอดิสันสั่งเมนู เสร็จ

ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังรอของที่สั่ง มอร์แกนรู้สึกเวียนหัว

“ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะค่ะ ว่าแต่คุณพอจะพูดอังกฤษได้รึยังค่ะ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“ตอนนี้ก็ได้บ้างแล้วครับ เชิญไปทำธุระเถอะครับ ไม่ต้องห่วงผม” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

เหตุที่มอร์แกนไปห้องน้ำนั้น ถามเซ้าซี้กับคำว่าเดท คืออะไร และเธอเองก็อยากจะถามมาอีมว่า ทำไมมาอีมถึงเข้าใจภาษาฝรั่งเศสได้

พอมาถึงห้องน้ำ มอร์แกนมองซ้ายแลขวาหลายที เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใคร

เธอจึงเอ่ยเสียงแผ่ว “คำว่า เดท หมายถึง ชายหญิง คู่หนึ่ง หรือคู่รักไปเที่ยว แบบคู่รักน่ะ อย่างเดิน อย่างจูงมือกัน กินอาหารด้วยกันน่ะ  และก็ไปที่สวยๆอะไรแบบนี้แหละ”

พ่อเทพบุตรตกสวรรค์เอียงคอสงสัย”แล้วระหว่างข้ากับเจ้า ไปเที่ยวกัน เรียกว่าเดทได้รึเปล่าล่ะ หื้อ?”

“ไม่ใช่แน่นอน ถ้าเป็นเราสองคน ก็แค่เที่ยวเฉยๆ”

“เหรอ”

มอร์แกนจึงถามบ้าง”แล้วมาอีม ฟังภาษาฝรั่งเศสรู้เรื่องด้วยเหรอ”

“รู้สิ พอดีข้าใช้พลังน่ะ ทำให้เข้าใจ”

“เป็นเทวดาเนี่ยสะดวกดีนะ”

“แน่นอน”มาอีมยักไหล่อย่างสบายๆก่อนจะเอ่ยถาม”ว่าแต่เจ้าเป็นยังไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นไหม”

“นิดหน่อยๆ แต่แค่นี้สบายมาก”

“อย่าฝืนนักล่ะ ข้าห่วง”

“จ้าๆ”

 สาวร่างท้วมกลับมาที่โต๊ะก็พบว่า เค้กและกาแฟถูกเสิร์ฟแล้ว

“เค้กน่าทานจัง”[ ภาษาฝรั่งเศส ]เด็กสาวยิ้ม

“แต่ผมว่า คงจะน่ารักสู้คุณไม่ได้หรอกนะครับ เลดี้” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

คนถูกชมหน้าขึ้นสี ส่วนมาอีมมองไปที่เค้กด้วยตาเป็นประกาย เพราะเค้กที่หนุ่มฝรั่งเศสเลือกให้มอร์แกนและตนเองนั้นเหมือนกัน คือเป็น เค้กชิ้นเล็ก ที่ราดคาราเมล และประดับด้วยแอปเปิ้ลชิ้นเล็ก ดูน่าทาน กลิ่นคาราเมลหอมๆลอยเข้ามา

“มอร์แกนๆเจ้าทำขนมแบบนี้ให้ข้าได้มั้ยๆ”

มอร์แกนนึกอยากจะตอบแต่ติดตรงที่มีชายชาวฝรั่งเศสอยู่ด้วยนี่สิ

“คุณเอดิสันคะ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“ครับ เลดี้” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“เค้กนี่ คุณว่าทำยากไหมค่ะ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“อืม…ไม่น่ายากนะครับ เค้กนี่เป็นเค้กเนยราดคาราเมล เลดี้ คุณทำอาหารเป็นด้วยเหรอครับ” [ ภาษาฝรั่งเศส ] หนุ่มฝรั่งเศสถามด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มก่อนจะตักเค้กเข้าปาก

“นิดหน่อยค่ะ ก็ชั้นต้องอยู่คนเดียว เลยต้องทำกินอาหารกินเอง จะซื้อกินก็ลำบากแย่” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“ผมชักอยากจะชิมอาหารฝีมือคุณซะแล้วสิ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“อย่าดีกว่า ชั้นทำอาจจะไม่ถูกปากคุณนะค่ะ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“แหม…ผมว่าคุณน่ะทำอาหารเก่งพอดูเลย น่ารักจริงๆ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

การสนทนาของมอร์แกนและเอดิสันนั้น ดูราวกับคู่รักกำลังคุยกับก็ไม่ปาน

อีกด้าน

ฟาริคที่มายืมหนังสือสำหรับทำวิจัยที่ต่างมหาลัย แล้วรู้สึกคอแห้ง จึงตรงไปที่ร้านกาแฟ ก็ต้องมาพบกับ ยัยครูสอนพิเศษกำลังนั่งกินเค้กคุยกับอาจารย์ชาวฝรั่งเศสที่มาใหม่อย่างสนุก ดูแล้วเหมือนคู่รักก็ไม่ปาน

เค้าไม่ชอบเลย…ไม่รู้สาเหตุอะไร ทีเวลาอยู่กับเค้า เจ้าหล่อนเอาแต่หน้านิ่ง หน้าบึ้งตึงบ้างล่ะเย็นชาใส่บ้าง แต่เวลาอยู่คนอื่น เธอยิ้ม เธอหัวเราะ ทำให้ดูน่ารักน่ามองยิ่งขึ้น

พอมอร์แกนและเอดิสันกินขนมเสร็จ  เอดิสันมองไปที่เค้กของมอร์แกน ที่พร่องไปนิดเดียว

“เลดี้ คุณไม่ชอบเค้กเหรอครับ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“ไม่คะ เค้กอร่อยดี แต่…ชั้นรู้สึกไม่ค่อยสบายเลยไม่ค่อยอยากกินอะไรน่ะค่ะ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“เหรอครับ ผมว่าคุณงดสอนเถอะครับ เดี๋ยวจะแย่ลง” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“ไม่ได้หรอกคะ รับปากไว้แล้วขืนยกเลิก ทางนั้นจะวุ่นวายแน่” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“คุณควรจะพักผ่อนบ้างนะครับ ผมเป็นห่วง” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“คะ ขอบคุณที่เป็นห่วง” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

ฟาริคที่นั่งอยู่ด้านหลังของมอร์แกน และฟังภาษาฝรั่งเศสได้ ก็พอรู้ว่า ยัยเด็กเป๋อนั้น กำลังจะไม่สบาย  เธอดูล้าๆแต่ต้องมาทำงานสอนนักศึกษาอีก จากที่ๆเธออยู่กับที่มหาลัยนี้ ก็ไม่ใช่ใกล้ๆ …คงจะเหนื่อยมากสินะ…

เอดิสันมองนาฬิกา “ใกล้เวลาสอนแล้วนะครับ เดี๋ยวผมจะไปส่ง” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“คะ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

ว่าแล้ว เอดิสันก็เรียกให้บริกรมาเก็บเงิน

พอสองหนุ่มสาวจากไป ฟาริควางเงินค่ากาแฟ แล้วตามทั้งคู่ไป

เอดิสันพาสาวร่างท้วมมาส่งที่ห้องเรียน และแยกกันแต่ก่อนจะแยกกันนั้น

เอดิสันยิ้มให้”เลดี้ สอนเสร็จแล้ว รอผมด้วยล่ะ ผมจะไปส่ง” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

เด็กสาวร่างท้วมยิ้มรับ”ไม่ลืมแน่คะ ขอบคุณล่วงหน้าเลย” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

นักศึกษาที่มอร์แกนเข้ามาสอนคือนักศึกษาปีหนึ่ง ที่ดูเคารพเธอพอสมควร จึงไม่มีใครมาแกล้ง ปากระดาษ ส่งเสียงคุยกันซักเท่าไหร่ พูดให้ถูก นักศึกาเหล่านี้ดูตั้งใจเรียนมาก…

มาอีมที่เฝ้ามองดูอยู่ก็งงๆ แต่สำหรับฟาริคนั้นไม่ค่อยแปลกใจซักเท่าไหร่เพราะนี้คือช่วงสอบ ที่ต้องตั้งใจเรียนเป็นพิเศษ

มอร์แกนนั้นสอนให้รุ่นน้องอย่างตั้งใจ ถึงแม้ว่าจะมีอาการปวดหัวจี๊ดๆเป็นระยะก็ตาม

สามชั่วโมงต่อมา

เธอสอนติดกันนานถึงสามชั่วโมงโดยที่ไม่ได้พัก อ๊อดก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณหมดเวลา “เอาล่ะคะ ตามที่ศาตราจารย์เล็กซ์บอก หัวข้อที่จะสอบ จะอยู่ในส่วนนี้กับส่วนนี้นะค่ะ ตั่งใจสอบล่ะคะ ขอให้โชคดี”

พอเหล่านักศึกษากำลังจะออกจากห้อง มอร์แกนก็กำลังเก็บเอกสารใส่กระเป๋า

อาการปวดหัวก็เริ่มหนักขึ้นจนเธอต้องเอามือกุมขมับ “โอ๊ย…ต้องรีบกลับแล้วแฮะ”

มาอีมมองไปที่เด็กสาวด้วยความห่วง  เทพบุตรหนุ่มรู้สึกว่าโดนจ้องมองจึงหันหลังไปก็พบว่ามีใครบางคนผลุบๆโผล่ๆอยู่ที่ประตูห้องเรียน “ใครน่ะ เดี๋ยวข้าไปดูหน่อยนะ มอร์แกน”

มอร์แกนไม่ตอบอะไร เพียงแต่พยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้น

มาอีมบินไปที่หน้าประตู ก็พบกับฟาริคที่แอบมองอยู่(ฟาริคมองไม่เห็นมาอีมนะจ๊ะ เพราะมาอีมพรางตัวอยู่ มีแต่มอร์แกนเท่านั้นที่มองเห็นและได้ยินเสียง)

เทพบุตรหนุ่มตะโกนลั่น(ไม่มีใครได้ยินมีแต่มอร์แกนเท่านั้น)”ไอ้เจ้าชายสมองทึบนี่!!!”

งานนี้ทำเอามอร์แกนสะดุ้งและคิด…ทำไมโลกมันกลมอย่างงี้...เธอเก็บของต่อ…สงสัยมีธุระล่ะมั้ง…

อาการปวดหัวยังหนึบๆอยู่ พอเก็บของเสร็จ ก็ถอนหายใจแล้วนวดขมับแต่มันก็ไม่ช่วยแก้อาการปวดหัวให้ลดลงได้เลย

แต่แล้วจู่ๆ เอดิสันก็เปิดประตูพรวดเข้ามา  ดีที่มาอีมบินหลบทัน ไม่งั้นจมูกของเทพบุตรหนุ่มอาจจะแบนได้

“รอนานไหมครับ เลดี้” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“ไม่นานคะ เพิ่งเก็บของเสร็จคะ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]ว่าจบก็สบายกระเป๋า

“ไปกันเถอะครับ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“อ่าคะ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]ภาพตรงหน้าของมอร์แกนดูเบลอๆ

“เลดี้ครับ” [ ภาษาฝรั่งเศส ] ร่างสูงรีบเข้ามาประคองร่างท้วมที่กำลังจะล้มลง”เป็นอะไรมากมั้ยครับ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“ปวดหัวนิดหน่อยคะ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

เอดิสันเอามือมาอังหน้าผากมน “คุณตัวร้อนนี่ครับ ไปห้องพยาบาลเถอะ พักสักหน่อยแล้วค่อยเดินทางกลับนะครับ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“ไม่ดีกว่า ชั้นไหวคะ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]เด็กสาวร่างท้วมพยายามยืนขึ้น พยายามฝืนอาการปวดหัวที่เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าขาวซีดเริ่มแดงก่ำด้วยพิษไข้

“ขอโทษนะครับ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]ว่าจบร่างสูงก็ช้อนตัวของมอร์แกนไว้ในอ้อมแขน แล้ววิ่งออกนอกห้องไปด้วยความรีบร้อน

มาอีมต้องคอยบินตามมอร์แกนไป เพราะตอนนี้ใบหน้าของเด็กสาวแดงและอ่อนเพลียเพราะพิษไข้  

ฟาริคที่แอบดูอยู่นั้นได้ตามมาด้วย

เอดิสันรีบพาเด็กสาวไปยังห้องพยาบาลทันที

คุณหมอที่อยู่ประจำห้องพยาบาลได้ให้มอร์แกนไปนอนที่เตียง ก่อนจะวัดไข้เด็กสาว ปรากฏว่าไข้ขึ้น 40 องศา

“ท่าทาง คุณเมเดนจะโหมงานหนักนะค่ะ”คุณหมอสาวผมทองหุ่นเซ็กซี่เอ่ยขึ้น ด้วยความที่มอร์แกนมาสอนที่มหาลัยแห่งนี้บ่อยๆจึงคุ้นเคยเป็นอย่างดี

เอดิสันงุนงงเล็กน้อย เพราะไม่ค่อยเข้าใจซัก “อ่าครับ เธอมาที่นี่บ่อยๆสินะครับ”

“คะ เธอมาสอนที่นี่บ่อยมาก ว่าแต่คุณเป็นเพื่อนเค้าเหรอค่ะ?”

“ครับ แต่อีกหน่อย…ก็จะเป็น…”ยังไม่ทันที่ครูฝรั่งเศสจะเอ่ยจบ

ฟาริคเข้ามา “ขอโทษนะครับ ห้องสมุดไปทางไหนเหรอครับ”

คุณหมอสาวยิ้มหวาน “อยู่ชั้นสามคะ ให้ช่วยนำทางให้ไหมค่ะ?”

ฟาริคเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายจงใจทอดสะพานให้  เค้าทำได้แต่ยิ้ม “ไม่ต้องครับ”

ฟาริคออกมาจากห้องพยาบาลด้วยใจอันหนักอึ้ง ถ้าเป็นเมื่อก่อน เค้าคงจะเต็มใจรับสะพานที่สาวสวยทอดมาให้   เค้านึกเจ็บใจ  เจ็บใจที่เค้าไม่เข้าไปช่วยเธอ ทั้งๆที่เค้าเห็น เห็นเธอ กำลังจะล้ม แต่เค้ากลับเลือกที่จะอยู่เฉย

สองชั่วโมงผ่านไป

มอร์แกนรู้สึกปวดหัวมาก หูตารู้สึกอื้อ มาก

“คุณเมเดน ตื่นไหวไหมค่ะ”

“ว่ะ…ไหวคะ”เด็กสาวพยายามที่จะลุกขึ้น

“ระวังครับ”เอดิสันรีบเข้ามาประคอง

คุณหมอสาวเอาปรอทมาวัดไข้อีกครั้ง “ตายจริง กินยาแล้วไข้ไม่ลดลงเลย แบบนี้ไปโรงพยาบาลเถอะคะ เดี๋ยว ชั้นจะเรียกรถพยาบาลมาให้”

เอดิสัน หันมาหาเด็กสาว “ไปโรงพยาบาลนะครับ เลดี้”

“ไม่ต้องคะ กินยานอนพักเต็มที่ซักคืนก็หายแล้ว”

“งั้นผมจะไปส่ง”

ร่างสูงค่อยๆประคองร่างท้วมให้ลุกขึ้น

มอร์แกนพยายามรวบรวมสติ ฝืนอาการไข้ให้ลุกขึ้น

มาอีมรู้สึกไม่ดีเลยที่ปล่อยให้เด็กสาวคนนี้ ต้องทำงานหนักจนป่วย…ทำไมไม่รักตัวเองบ้างนะ…

บนสวรรค์…

มาเอลออกความเห็น “สองคนนี้เป็นอะไร ที่สุดขั้วเลยนะขอรับ”

เทพอาวุโสพยักหน้า”ใช่…ใช่ คนหนึ่งก็ขยันเกินไป คนหนึ่งก็ขี้เกียจเกินเหตุ การที่มาอีมไปอยู่กับเอวารีน ก็อาจจะเป็นการสอนให้ทั้งสองรู้จักความพอดีก็เป็นได้”

“ท่านฟารันขอรับ”

“มีอะไรรึ มาเอล”

“ท่านได้ห้ามไม่ให้มาอีมช่วยเหลือเอวารีน รึไม่ขอรับ”

“ไม่ได้ห้ามนะ”

“งั้นข้า ขอแวบไปโลกมนุษย์สักครู่นะขอรับ”

เทพบุตรมาเอลไม่รอฟังคำอนุญาต ก็สยายปีกลงไปยังโลกมนุษย์ทันที

กลับมาทางด้านโลกมนุษย์

มาอีมมองมอร์แกนอย่างห่วงใย แต่แล้ว ทุกอย่างรอบตัวรู้สึกว่าจะหยุดนิ่ง มาเอลผู้เป็นพี่ชายก็ปรากฏกายต่อหน้าตน

“ไง น้องชาย”

“ท่านพี่ มาได้ยังไง”

มาเอลไม่ตอบคำถามของน้องชาย แต่ยิ้มแล้วเป็นฝ่ายถามเสียเอง“ลำบากไหมล่ะ”

มาอีมมีสีหน้าสลดลง “ลำบาก”

มาเอลเลิกคิ้วสงสัย “แต่ข้าดูแล้วว่า เจ้าดูสบายดีนะ”

“ไอ้ที่ลำบากน่ะ ข้าลำบากใจ นางตัวคนเดียว ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด แล้วนางยังต้องมาดูแลข้า ที่เป็นผู้มาขออาศัย ข้าอยากไปไหน นางก็จะเต็มใจพาไป แต่พอนางลำบาก ข้ากลับ ช่วยอะไรนางไม่ได้เลย”

มาเอลมองน้องชายที่ทำหน้าเศร้าด้วยความเอ็นดู แล้วยิ้มเย็น…แต่สิ่งที่นางได้มาจากเจ้ามันมีค่ามากกว่านั้นนะ…

“ข้ามีเรื่องจะมาบอกเจ้า”

“อะไรรึ ท่านพี่”

“ข้าจะมาบอกเจ้าว่า เจ้าสามารถใช้พลังช่วยนางได้ “

“จริงเหรอ”

“จริงสิ เพียงแต่เจ้าห้ามใช้เวทย์มนต์ทำให้นางอู้งานหรือขัดขวางตอนนางแต่งนิยาย เด็ดขาด ต้องทำให้นางอู้งานเอง เจ้าสามารถช่วยเหลือนางได้ตามใจชอบนะ อ้อ และห้ามเปิดเผยว่าเจ้ามาจากสวรรค์ด้วยล่ะ”

“ขอรับๆ”

“แต่อย่าลืมนะ เจ้าต้องจำเงื่อนไขไว้ด้วยล่ะ”

“ขอรับ”

“ขอให้โชคดีนะ น้องชาย”

พอมาเอลจากไป ทุกสิ่งก็กลับมาเคลื่อนไหวตามปกติ

เอดิสันพามอร์แกน ไปส่งถึงหอพัก มาเอล่า ที่ดูเล็กๆแคบๆ

พอมาส่งถึงห้อง  ชายหนุ่มค่อยๆประคองให้ร่างท้วมนอนลงบนเตียงเล็กอย่างนุ่มนวล

“ขอบคุณที่มาส่งคะ”

“เลดี้ คุณไม่น่าดื้อเลยนะครับ “[ ภาษาฝรั่งเศส ]

คนถูกดุยิ้มแห้งๆ

“ดูแล สุขภาพด้วยนะครับ ถ้าจะให้ดี ผมขอแลกเมล์และเบอร์ เลยก็แล้วกันครับ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“อ่าคะ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]ว่าจบเด็กสาวก็ยื่นโทรศัพท์มือถือให้ชายหนุ่ม

เค้ารีบทำการแลกเมล์และเบอร์อย่างรวดเร็วแล้วส่งโทรศัพท์คืนให้ “ผมเมมเบอร์ของผมไว้แล้วนะครับ มีอะไรก็โทรหาได้ทุกเมื่อนะ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“คะ ขอบคุณ” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

“ผมขอตัวก่อนนะครับ เลดี้” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

มอร์แกนยิ้มให้ เอดิสันตรงเข้ามาใกล้ ร่างท้วมก่อนจะจูบพิตที่หน้าผากมน

“ขอให้หายไวๆนะครับ เลดี้” [ ภาษาฝรั่งเศส ]

พอลับร่างของอาจารย์ชาวฝรั่งเศส ในห้องเหลือแต่มอร์แกนกับมาอีม

มอร์แกนพูดอะไรไม่ออก หรือง่ายๆ เธอช็อค ตั้งแต่พ่อแม่จากไปก็ไม่เคยมีใครมาบังอาจจูบหน้าผากเธอเลย

มาอีมมองภาพนั้นแล้ว รู้สึกไม่ชอบที่ไอ้ผู้ชายคนนี้บังอาจฉวยโอกาสกับมอร์แกน

“มาอีม…”

“มีอะไรเหรอ”

“ขอโทษนะ ที่ทำให้ห่วง”

เทพบุตรบินเข้าไปใกล้ “เจ้ามันคนหัวดื้อ หัดนึกถึงตัวเองซะบ้างนะ”

มอร์แกนหน้ามุ่ยที่ถูกดุอีกรอบเสียแล้ว

“อยากกินอะไรไหม?”

“เอ๋?”

“ข้าจะเสกให้”

มอร์แกนมองเทพบุตรอย่างงุนงง มาอีมจึงเฉลย”ท่านเทพบนสวรรค์อนุญาติให้ข้าใช้พลังช่วยเหลือเจ้าได้ เพียงแต่จะใช้พลังในการที่ทำให้เจ้าอู้งาน หรือส่งนิยายช้าไม่ได้น่ะ นอกนั้นก็สามารถทำได้หมด”

“งั้น…ขอซุปร้อนๆอร่อยๆชักชามก็แล้วกันนะ”

“ทำไมขอแค่นี้ล่ะ ข้าสามารถเสกของอร่อยได้มากมายเลยนะ”

“ตอนนี้ ชั้นป่วยอยู่นะมาอีม คงจะกินอย่างอื่นไม่ไหวหรอก”

“จริงสินะ  งั้นรอสักครู่”เทพบุตรหนุ่ม ดีดนิ้วเป๊าะหนึ่ง ชามซุปมะเขือเทศร้อนๆที่ส่งกลิ่นหอม ก็ปรากฏตรงหน้ามอร์แกน

“วิเศษไปเลย”เด็กสาวลองตักซุปมาชิม”อร่อยจัง”

“ดีใจที่เจ้าชอบนะ แต่สำหรับข้า อาหารที่เจ้าทำน่ะ มันอร่อยกว่าเยอะ”

คนถูกชมหน้าแดงเล็กน้อยเพราะความเขิน เธอจึงตักซุปเข้าปากจนหมด  มาอีมเสกชามซุปให้หายไป แล้วเสกน้ำมาหนึ่งแก้ว ส่งให้เด็กสาว พอดื่มน้ำเสร็จ มาอีมก็เสกแก้วน้ำให้หายไป

“นอนพักเถอะ จะได้หายไวๆ”

เด็กสาวพยักหน้าก่อนจะล้มตัวนอน

มาอีมทำการปิดไฟและล็อคประตูให้ “ฝันดีนะ มอร์แกน”

…ฟาริคกลับมาที่ห้องพัก อย่างซึมๆ เค้าไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไม ต้องสนใจยัยเด็กเป๋อด้วย  หล่อนก็แค่ยัยเด็กที่ดูป้ำๆเป๋อๆ  แต่ฉลาดเป็นกรดก็เท่านั้นยังดีที่หน้าตาน่ารัก  หุ่นรึก็ดูท้วมๆเตี้ยๆผิวซีดๆราวกับว่าไม่เคยออกแดดเลย แถมชอบใช้กำลังกับเค้า พูดจิกกัดเจ็บแสบอีก ทีอยู่กับคนอื่นยิ้มซะหวานเลย แต่กับเค้ากับทำหน้านิ่งหน้าตายใส่ แถมยังมองว่าเค้าเป็นเด็กอีก

ชายหนุ่มขยี้หัวอย่างขัดใจ

“หงุดหงิดอะไรอีกล่ะ ฟาริค”เสียงหวานเอ่ยทัก

“นิดหน่อยครับท่านพี่”ชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยอารมณ์ขุ่นๆ

“ใครมาทำให้น้องชายของพี่ ขัดใจรึ”ฟารียิ้มหวานก่อนจะเข้าไปนั่งข้างๆน้องชายตัวดี ที่ตอนนี้กำลังหงุดหงิดโดยไม่ทราบสาเหตุ

ฟาริคไม่กล้าเอ่ยตอบ ฟารีหรี่ตามองน้องชายอย่างจับผิด แต่ถามน้องชายตัวร้ายไปตรงๆก็คงไม่ยอมรับอยู่ดี

“แล้วคนๆนั้น ทำอะไรให้เราขัดใจล่ะ หืม…”

คนเป็นน้องถอนใจ “เธอคนนั้นน่ะ ทีอยู่กับผม  ชอบใช้กำลัง ไม่อ่อนหวานเลย ไม่เคยยิ้มให้ ชอบมองผมเป็นเด็ก แต่กับคนอื่นยิ้มให้อย่างน่ารัก พูดหวานๆใส่”

“แล้วเราทำตัวเป็นผู้ใหญ่พอรึเปล่าล่ะ พี่ว่า ผู้หญิงคนนั้นคงจะชอบผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่นะ”

“พี่รู้ได้ยังไงว่า…เป็นผู้หญิงล่ะครับ”

“เราเป็นคนพูดเองนะ ฟาริค เอาล่ะพี่ของถามบ้างนะว่าผู้หญิงที่เรากำลังพูดถึงอยู่ เธอสวยไหม?”

“ไม่สวย”

ฟารีทำโตราวกับว่าไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน ฟาริคไม่สนใจแล้วพูดต่อ

“แต่หน้าตาน่ารักดี เสียแต่ร่างท้วมๆเตี้ยๆ ผิวรึก็ขาวซีดเป็นกระดาษ แรงเยอะหน้าผมหวิดเสียหล่อก็เพราะหล่อนอีก”

“นี่เราหมายถึงใครกันล่ะเนี่ย”

“ยัยเด็กเป๋อยังไงล่ะครับ!”

ฟารีตกใจมาก ที่ผ่านมาน้องชายคนนี้ชอบคนสวย หุ่นสเลนเดอร์ “จู่ๆทำไมถึงสนใจ เมเดนล่ะ”

ฟาริคถอนหายใจ”คงจะเป็นตอนที่เค้ามาสอนแทนศาตราจารย์คูเปน่ะครับ ตอนแรกผมไม่รู้ว่าเป็นเธอ เธอโดนคนอื่นแกล้ง…ปากระดาษใส่ ปาหมากฝรั่งใส่จะโดนหัวบ้าง แต่เธอก็ไม่สนใจ พอผมรู้ว่าเป็นเธอ ผมลองไปถามว่าเธอโกรธรึเปล่า ถึงสีหน้าของเธอจะนิ่งเฉยแต่จริงๆแล้ว เธอโกรธมากแต่ เธอนิ่ง เธอเข้มแข็งไม่ชอบง้อใคร เธอดูเป็นผู้ใหญ่  ยัยเด็กนั่น ต้องทำงานหนัก ไหนจะวิจัย ไหนจะต้องไปสอนแทนศาตราจารย์คนอื่นอีก แต่ที่ๆเธออยู่น่ะ เป็นแค่หอพักเล็กๆแคบๆ ไม่เหมาะกับคนเก่งๆอย่างเธอเลย พอเวลาอยู่กับคนอื่นเธอยิ้มให้ รอยยิ้มของเธอนั้นน่ารักมาก…แต่กับผมน่ะเธอชอบมองผมเป็นเด็ก…พอตอนที่เธอจะล้ม ผมไม่สามารถเข้าไปช่วยเธอได้ ทั้งๆที่ผมเห็นเธอกำลังจะล้ม…ผมไม่ได้เข้าไปช่วยเธอ  ผมรู้สึกแปลกๆเวลาเห็นคนอื่นอุ้มเธอ…มันปวดหนึบๆยังไงก็ไม่รู้”

ฟารีที่เงียบมานาน ยิ้มละไม “พี่ว่า…เราน่าจะชอบเมเดนเข้าให้แล้วนะ”

“พี่พูดอะไรน่ะ”

หญิงสาวหัวเราะเบาๆ”ในตอนแรกพี่เองก็แปลกใจนะ  ปกติเราชอบสาวสวยหุ่นดีราวกับนางแบบ แต่พอพี่สังเกตดูตอนที่เราพูดถึงเมเดน น่ะ  ดูเศร้านะ เธอเจ็บใจใช่มั้ยล่ะ ที่เมเดน ยิ้มให้คนอื่น ยิ้มอย่างน่ารักสดใส เจ็บใจที่มีคนอื่นเข้าไปช่วยเธอแทนที่จะเป็นเรา”

“ไม่มีทาง ผมแค่สงสารเธอ”

“ปากแข็ง ความจริงถ้าเด็กคนนั้นรู้จักแต่งตัวและรักสวยรักงาม พี่ว่า คงจะ…สวยกว่าคู่ควงของเราบางคนเลยนะ”

“จะจริงเหรอ”

“หึหึหึ เรานี่มันตาถั่วจริงๆนะ มิน่า ถึงชอบควงพวกเสริมสิริโคนน่ะ  เอาเถอะ ไว้โอกาสดี เราอาจจะได้เห็นเมเดนแต่งสวยนะ”

“คงต้องรอชาติหน้าล่ะมั้ง”

“ก็ไม่แน่นะ…พี่ไปอาบน้ำนอนก่อนล่ะ”ร่างบางก็ลุกออกไป

ฟารียิ้ม ในหัวนึกสนุก อยากจะทำให้ น้องชายปากแข็ง ตาค้างเสียจริง เธอดูออก มอร์แกนถือว่าเป็นเด็กสาวหน้าตาดีคนหนึ่ง เสียแต่เพียงไม่รู้จักแต่งตัว ถ้าหากได้รับการบำรุงสักนิด เธอเชื่อว่าจะต้องสวยมากแน่ๆ

เช้าวันต่อมา

อาการไข้ของมอร์แกนหายดีเป็นปลิดทิ้ง เด็กสาวมองนาฬิกา “แปดครึ่งแฮะ”

“ตื่นแล้วเหรอ”มาอีมในสภาพงัวเงียเอ่ยถาม “อาการเป็นยังไงบ้าง”

“หายดีแล้ว มาอีม ซุปเมื่อวาน นายใส่อะไรเหรอ”เพราะเธอจำได้ว่าตัวเธอนั้นไม่ได้กินยาเลย

“ก็ไม่นิ ข้าว่า เป็นเพราะเจ้าพักผ่อนอย่างเต็มที่มากกว่า”ที่จริงเค้าแอบใส่ยาวิเศษให้เด็กสาว เธอจึงหายดีเป็นปลิดทิ้งแบบนี้

มอร์แกนยิ้ม “วันนี้มาอีมอยากไปไหนรึเปล่า”

“เจ้าจะพาข้าไปเที่ยวเหรอ”

“อื้ม วันนี้เป็นวันหยุดของชั้น ชั้นเองก็ไม่อยากอุดอู้อยู่แต่ในบ้านหรอกนะ”

เทพบุตรหนุ่มยิ้ม “งั้นก็ไปอาบน้ำแต่งตัวสิ ข้าจะรอ”

เด็กสาวรีบลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวทันที

สิบห้านาทีผ่านไป…

มอร์แกนอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ไม่พบพ่อเทพบุตรตัวดีที่เป็นฝ่ายออกปากชวนเธอแต่กลับไม่อยู่เสียนี่

‘ก๊อกๆ’

เด็กสาวหันไป“คะ?”

ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ

‘ก๊อกๆ’

มอร์แกนขมวดคิ้ว

‘ก๊อกๆ’

…ใครกันนะ…

เปิดประตู ใบหน้าของเด็กสาวก็แดงก่ำ เพราะคนตรงหน้าคือมาอีม ในชุดไปรเวทแบบโลกมนุษย์ ทำให้มาอีมดูหล่อเหลาผิดหูผิดตา เสื้อยืดสีเทาคู่กับแจ๊คเก็ตหนังสีดำ กางเกงขาเดฟสีน้ำเงินเข้ม คู่กับผ้าใบสีดำสุดเท่

“มาอีม…”

“ตกใจล่ะสิ”

สาวร่างท้วมเสมองทางอื่นแล้วเอ่ยเสียงแผ่ว “นี่ปรากฏตัวให้คนอื่นเห็นด้วยเหรอ”

“ใช่ ว่าแต่เจ้าหน้าแดงเชียว”

“เขินไม่ได้รึไง”

“น่ารักดีนะ”

มอร์แกนเข้าไปกระซิบ”ปรับสำเนียงให้เหมาะกับโลกมนุษย์หน่อย ก็ใช้ได้แล้ว”

“ได้สิ มอร์แกน  ไปกันเถอะ”

ว่าจบมาอีมก็จูงมือของสาวร่างท้วมให้เดินไปด้วยกัน  งานนี้ทำเอาคนหลายคนอิจฉามอร์แกนที่ได้เดินคู่กับหนุ่มหล่อระดับเทพบุตรมาจุติอย่างมาอีม(ความจริงมาอีมคือเทพบุตรน่ะนะ)

“ว้าวๆ น่ารักจริงๆ”ร่างของใครบางคนที่อยู่บนรถสปอต์สีดำกำลังมองรูปที่เพิ่งถ่ายได้อย่างพอใจ “เจ้าน้องชายปากแข็งจะว่ายังไงนะ…”

มาอีมหันไปถามคนที่ตนจูงมือเดินไปด้วยกัน

“เราจะไปที่ไหนดีล่ะ”

“พิพิธภัณฑ์ศิลปะดีมั้ย ชั้นยังไม่ได้พานายไปเลย”

“ตามใจเลย เธอเลย”

“ว่าแต่ทำไมต้องจับมือกันตลอดเลยล่ะ”

ร่างสูงยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “ก็…ทำแบบนี้เหมือนมาเดทกันยังไงล่ะ”

เด็กสาวดันหน้าหล่อออกห่าง “ทำแบบนี้ไม่กลัวสวรรค์ลงโทษรึ”

“ไม่นิ ก็ชั้นไม่ได้ทำอะไรผิด”

มอร์แกนยิ้มพลางส่ายหน้า

“นี่รู้มั้ย ว่าเธอยิ้มแล้วสวยดี”

“บ้า!”

กิริยาหยอกล้อของคนทั้งคู่ดูราวกับรักก็ไม่ปาน 

อีกด้าน ฟาริคกำลังนั่งอ่านหนังสือนิยายของวีด้าอย่างสบายอารมณ์  เสียงข้อความก็ดังขึ้น

ชายหนุ่มเปิดดูก็พบกับข้อความที่พี่สาวส่งมา

‘พอดี พี่จะไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ศิลปะ มาเจอใครบางคนกำลังเดทอยู่’

ฟาริคเลิกคิ้ว พอรูปภาพที่พี่สาวส่งมา เป็นรูปของเด็กสาวที่เค้าเรียกว่าเป็นยัยเด็กเป๋อ กำลังยิ้มกับชายหนุ่มที่อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเค้า ที่หน้าตาหล่อเหลาเอาการเลยทีเดียว รูปนี้เด็กสาวดูน่ารักและมีเสน่ห์มาก ฟาริคมองรูปของเด็กสาวอย่างเงียบๆพลางคิด บางทีอาจจะจริงอย่างที่พี่สาวเค้าเคยพูดก็ได้ว่า ถ้าเด็กคนนี้รู้จักแต่งตัวบ้าง ก็คงจะน่ารักและมีเสน่ห์ไม่ใช่น้อย แต่พอมองแล้วก็รู้สึกน้อยใจเหมือนกัน ทำไมเวลาอยู่กับเค้าเธอเอาแต่นิ่ง ขรึม เย็นชาใส่ ยางทีอาจจะเป็นเพราะเค้ากวนโอ๊ย ดูถูก สบประมาท ในตอนแรก เธอก็ได้

“หรือเราจะชอบยัยนั่นเข้าให้แล้วนะ…”

ทางด้าน มอร์แกน “ฮัดชิ่ว!” เด็กสาวเอามือปากทันที

“เป็นอะไรรึเปล่า ยังไม่หายป่วยอีกรึ”

“ไม่มีอะไรหรอก แค่คัดจมูกนิดหน่อยก็เท่านั้น”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา