สาวโอตาคุกู้วิกฤตพิชิตโลก

7.7

เขียนโดย Yaksa

วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 01.14 น.

  13 ตอน
  0 วิจารณ์
  14.43K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 02.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ลืมตาตื่นบนโลกใหม่!

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     

     ความรู้สึกค่อยๆกลับมาราวกับเรื่องราวเมื่อครู่นั้นเพราะหลับฝันไป สัมผัสต่างๆในร่างกายชัดเจนขึ้นจนเริ่มขยับส่วนต่างๆของร่างกายได้ ผมจึงค่อยๆขยับแขนสำรวจพื้นที่รอบๆเพราะรู้สึกว่าในตอนนี้แผ่นหลังของผมกำลังแนบชิดกับอะไรบางอย่างที่ทั้งแข็งและเย็นพอสมควร

     เนื่องจากว่ายังไม่ค่อยเคยชินกับอะไรหลายๆอย่างจึงพยายามเปิดตาเพื่อสำรวจพื้นที่ แต่ก็ยังปรับโฟกัสไม่ค่อยได้เสียเท่าไหร่เลยเปลี่ยนมาเป็นการลุกขึ้นขยับตัวไปข้างๆเพื่อสำรวจรอบๆแทนแต่ทว่า

     “วะ...ว๊าย!”

     ผมตกลงมาจากจุดเมื่อครู่กระแทกกับพื้นเล็กน้อยโชคยังดีที่มันไม่สูงมากจึงไม่บาดเจ็บเท่าไหร่ เรื่องดีคือสายตาของผมกลับมาเป็นปกติเพราะความตกใจ

     เอ๊ะ...เดี๋ยวนะเมื่อครู่เราส่งเสียงเหมือนผู้หญิงออกไปซะงั้น...อ่า...เราเป็นผู้หญิงไปแล้วนี่นะ...

     คำตอบนั้นผมรับรู้ได้จากการสำรวจร่างกายคร่าว ตอนที่ได้ยินว่าเกิดใหม่ก็คิดว่าจะเริ่มตั้งแต่แรกเกิดเลยเสียอีกแต่เป็นการเริ่มใหม่แบบนี้เลยเหรอเนี่ย ความทรางจำก็ยังอยู่?

     เมื่อลองมองไปรอบๆอย่างใจเย็นก็พบว่าจุดที่ผมตื่นขึ้นมาเมื่อครู่เป็นแท่นหินอะไรบางอย่าง ส่วนที่ๆผมอยู่ก็ดูเหมือนจะเป็นถ้ำเล็กๆที่มีไว้เก็บของเพราะดูได้จากการมีหีบไม้วางเรียงรายอยู่มากมาย มีเพียงแสงจากตะเกียงให้ความสว่างทำให้รอบๆมืดพอสมควร

     ด้วยความที่เพิ่งตื่นมาต่างโลกแบบนี้ชุดที่สวมอยู่ก็มีเพียงแค่เดรสบางๆผมจึงลองเดินเข้าไปเปิดกล่องเพื่อหาของที่ดูจะเป็นประโยชน์

     ภายในนั้นมีสิ่งของต่างๆอยู่ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์ เครื่องประดับ เครื่องแต่งกาย หรืออะไรต่างๆอีกมากที่ดูไม่ออกว่ามันคืออะไร เกิดความลังเลเล็กน้อยว่าผมควรจะหยิบของพวกนี้ไปดีหรือเปล่า แต่เมื่อลองคิดถึงอนาคตแล้วก็ควรจะมีอะไรติดตัวเพื่อเริ่มชีวิตใหม่บ้าง

     ผมพยายามคิดว่าอะไรที่จำเป็นก็หยิบไปส่วนอะไรไม่สำคัญก็ไม่แตะต้อง เมื่อเลือกออกมาบางส่วนผมก็นำไปวางไว้ที่แท่นหินเสียก่อนจากนั้นจึงลงมือแต่งองค์ทรงเครื่อง

     ขั้นแรกก็ชุดผมเลือกชุดที่ดูเรียบๆแต่เหมาะกับสถานการณ์หลายๆแบบมาคือชุดที่เหมือนจะใช้สำหรับการเดินทางตัวนี้เพราะมันดูหนาดี บวกกับที่ลองจับดูเนื้อผ้าก็รู้สึกว่าน่าจะสวมได้สบายแต่โดยส่วนตัวผมคิดว่ามันเหมือนชุดของนักปรุงยาหรือไม่ก็นักแปรธาตุในเกมเสียมากกว่า อ๊ะ...ดูเหมือนผ้าคลุมจะมีฮู๊ดด้วยแฮะ...

     “...เดี๋ยวนะ...แล้ว...สิ่งนั้นล่ะ...”

     จู่ๆระหว่างที่ผมกำลังสำรวจชุดอยู่ก็นึกขึ้นมาได้ว่า ‘ในตอนนี้ผมตัวเปล่าเล่าเปลือยนี่... แล้วส่วนบนกับล่างล่ะอยู่ไหนกัน’ จังหวะที่คิดได้ขาของผมก็เดินไปยังกล่องเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วแล้วค้นหาอย่างร้อนรน แต่ไม่ว่าจะกล่องไหนๆก็ไม่มีสิ่งที่ผมตามหา

     “วันแรกในต่างโลกก็...โนบราโนแพนเลยเหรอ”

     ผมค่อยๆเดินกลับไปยังแท่นหินพลางคิดปลอบใจตัวเองว่า

     ‘ไม่เป็นไรๆ ยังไงกระโปรงก็ยาวอยู่แล้ว...’ ยาว...ใช่ยาวมาก...ยาวถึงต้นขาเอง นี่มันเกณฑ์อันตรายแล้วไม่ใช่เหรอ?

     ระหว่างที่นั่งทำใจนานโขอยู่ก็ตัดสินใจสวมชุดตรงหน้า ความรู้สึกที่ได้สวมชุดของผู้หญิงนั้นให้ความรู้สึกแปลกใหม่มาก ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะมีร่างกายเป็นผู้หญิงแต่ภายในยังไงก็เคยเป็นผู้ชายมาก่อน

     ผมจึงสวมชุดโดยพยายามทำหัวให้โล่งไว้จะได้ไม่คิดอะไรฟุ้งซ่าน แต่ในส่วนสุดท้ายที่เป็นการสวมถุงเท้าสีดำยาวก็ทำเอารู้สึกตื่นเต้นแปลก ท้ายที่สุดก็สวมชุดเสร็จจนได้ถึงจะรู้สึกโล่งๆเพราะขาดอะไรไปก็เถอะ

     ต่อไปผมก็หยิบกระเป๋าคาดเอวมาเก็บของจำเป็นลงไปในนั้นโชคดีที่มีถุงเงินอยู่ในที่แห่งนี้ด้วยผมจึงหยิบมาเพราะมองว่ามันคือสิ่งที่จำเป็นมาก ท้ายสุดก็สวมถุงมือกับรองเท้าบูทที่เป็นหนังทั้งคู่ ทุกอย่างก็จะเสร็จเรียบร้อยและพร้อมสำหรับการเดินทางแล้ว

     “เอาล่ะ...”

     ผมพูดออกมาเพื่อเรียกความมั่นใจ ก่อนจะเดินออกจากภายในถ้ำมาแสงสว่างจากตะเกียงนั้นค่อยๆจางเมื่อถูกแสงภายนอกกลบไป แสงจากดวงอาทิตย์สาดทอลงมาเบาๆอย่างอบอุ่น แต่สำหรับผมที่เพิ่งตื่นและอยู่ในที่มืดมาช่วงเวลาหนึ่งรู้สึกได้เลยว่าแสงแดดนั้นแสบตามาก

     ก่อนอื่นผมก็สำรวจเครื่องแต่งกายตัวเองเสียก่อนว่าสวมผิดหรือมีปัญหาตรงไหนขาดอยู่บ้างไหม เมื่อลองดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาผมก็เปลี่ยนไปให้ความสนใจยังพื้นที่ตรงหน้าและพบว่าโดยรอบคือป่า

     หมายความว่าผมอยู่บนภูเขาขนาดย่อมๆสินะ และดูเหมือนจะต้องใช้เวลาพอสมควรในการหาทางออกไปจากที่แห่งนี้

     เพราะฉะนั้นอย่างน้อยก็ควรมองหาเส้นทางที่ผู้คนใช้ในการเดินทางอย่างถนน ผมพินิจผืนป่าอย่างใจเย็นและก็พบว่ามีจุดที่ไม่มีต้นไม่โตมาเป็นเส้นยาวจึงเดาได้ไม่ยากว่านั้นคือเส้นทางสำหรับเดินทาง แต่ก็ไกลโขอยู่

     “เฮ้อ...ยังไงก็เดินไปก่อนก็แล้วกัน…”

     ว่าแล้วผมก็เดินมุ่งตรงไปยังทางที่น่าจะเป็นถนนที่มองเห็นจากด้านบน

     หวา..รู้สึกหวิวๆด้านล่างแฮะ นี้เราต้องเดินไปทั้งแบบนี้จริงๆเหรอเนี่ย...

 

     ภายในป่านั้นมีสภาพต่างจากโลกเดิมเป็นอย่างมากทั้งพืชพรรณหรือสัตว์ตัวเล็กๆแต่ก็มีส่วนคล้ายอยู่บ้าง หลังจากเดินเท้ามาร่วมชั่วโมงจนขาแทบล้าอ่อนก็ไม่มีวี่แววว่าจะถึงจุดหมายที่เรียกว่าถนนเลย

     คงไม่ใช่ว่า...หลง!

     ไม่ๆ ก็พยายามเดินเป็นเส้นตรงแล้วนะ จะว่าไปของที่เอามาด้วยรู้สึกจะมีแผ่นกระดาษอยู่จะใช่แผนที่หรือเปล่านะ

     ระหว่างคิดอะไรได้ก็ทำอยู่นั้นเกิดยินเสียงสั่นไหวของต้นไม้และใบหญ้าจากด้านหลัง ผมหันไปมองยังต้นตอของเสียงก็ไม่พบอะไรจึงไม่ได้สนใจมันมากนัก เลยหันกลับมาสนใจของน่าจะเป็นประโยชน์ในกระเป๋าต่อ

     แต่ยังไม่ทันจะได้หยิบออกมาที่ด้านหลังของผมก็ปรากฏร่างของอะไรบางอย่างและเมื่อหันกลับไปมองก็พบกับสิ่งมีชีวิตรูปร่างใหญ่โตเป็นอย่างมาก มันมีฟันที่แหลมคมผิวหนังที่หยาบกรานไม่มีขนไม่มีตาแต่กรงเล็บที่นิ้วกลับดูคมจะน่ากลัว

     ร่ายกายของผมตอบสนองกับเจ้าตัวอันตรายตรงหน้าด้วยความสั่นกลัวจนแทบก้าวขาไม่ออก

     “อ่ะ...เอ่อ...”

     ขณะที่กำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่างออกไปมันก็ฟาดแขนใหญ่ๆนั้นมาทันที ด้วยความตกใจผมกระโดดหลบออกมาได้อย่างฉิวเฉียด สำหรับสถานการณ์ตรงหน้าคงพูดได้คำเดียวล่ะนะว่า...

     “...แย่แล้วสินะ…”

     ขาที่สั่นด้วยความตกใจเมื่อครู่ออกวิ่งไปทั้งๆอย่างนั้นแม้ว่าจะไม่มั่นคงแต่ก็เป็นการวิ่งอย่างเต็มกำลัง แน่นอนว่าเจ้าตัวที่หมายปองชีวิตผมก็วิ่งตามมาเช่นกันเพราะร่างอันใหญ่โตของมันจึงชนเข้ากับกิ่งไม้หรือไม่ก็ต้นไม้ใหญ่แต่นั้นก็ไม่ช่วยให้ความเร็วมันลดลงเสียเท่าไหร่

     “ชะ...ช่วยด้วย!!!”

     ผมพยายามตะโกนออกไปอย่างสุดเสียงโดยหวังว่าจะมีใครซักคนได้ยินเสียงร้องของผมและมาให้การช่วยเหลือ ระหว่างที่กำลังหวังพึ่งให้ใครมาช่วยนั้นขาของผมที่แต่เดิมเริ่มจะอ่อนล้าอยู่แล้วก็ไปสะดุดเข้ากับรากไม้ระหว่างกำลังวิ่งลงเนิน

     แน่นอนว่าส่งผลให้ร่างอันบอบบางของผมกลิ้งไปตามทางจนหลุดพ้นออกมาจากป่าเข้าสู่ถนนที่มีไว้สำหรับให้เดินทาง ผมก็พยายามจะลุกขึ้นจากพื้นดินเพื่อวิ่งต่อทันทีติดที่ว่าขาผมจะไม่มีแรงเหลืออยู่แล้วทำให้ไม่สามารถจะขยับตัวได้เลย

     อุ... เพิ่งลืมตาตื่นได้ไม่นานก็จะตายอีกแล้วเหรอ?

     ภาพตรงหน้าผมคืออสูรกายตัวนั้นค่อยๆเดินออกมาจากป่าเพราะมันคงเห็นว่าผมเลิกที่จะวิ่งหนีแล้ว เมื่อเข้าถึงตัวผมพอสมควรแล้วมันก็กางกรงเล็บหมายจะปลิดชีพผมทันที

     ผมหลับตาลงและคิดว่าคงไม่รอดแล้วระหว่างที่คิดแบบนั้น ก็เกิดเสียงเหมือนมีอะไรบางอย่างพุ่งมา ผมค่อยๆเปิดตาดูภาพตรงหน้าอย่างกล้าๆกลัวๆเจ้าอสูรกายตรงหน้ามีเลือดสีดำไหลออกมาจากไหล่

     นั้นมัน...ลูกธนู?

     และยังคงถูกยิงมาอีกหลายต่อหลายครั้ง ผมหันไปมองยังทิศทางที่ยิงมาก็พบกับกองทหารที่สวมชุดเกราะเหล็กอย่างมิดชิดราวกับจะไปทำสงคราม อสูรกายเริ่มเกิดความหงุดหงิดจึงเปลี่ยนเป้าจากผมและวิ่งไปโจมตีคนพวกนั้นแทน

     มันคำรามออกมาและกางกรงเล็บแหลมคมพุ่งตรงไปยังกองทหารนั้น ซึ่งกองทหารนั้นก็เตรียมพร้อมด้วยการหยิบอาวุธระยะประชิดขึ้นมาพร้อมต่อกร

     “รอดแล้วสิ…”

     ความโล่งอกโล่งใจเกิดขึ้นผมจึงดันตัวเองที่หมอบราบกับพื้นขึ้นมานั่งและมองภาพตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ พวกเขาต่อสู้กับเจ้ายักษ์ตัวนั้นด้วยอาวุธอย่างชำนาญไม่นานเจ้าอสูรกายตัวนั้นก็ถูกกำราบลงอัศวินหนึ่งในกองทหารเก็บดาบเข้าฝักก่อนจะวิ่งมาหาผมทันทีเมื่อทุกอย่างจบลง

     “เธอเป็นอะไรไหม บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า”

     เสียงก้องๆในหมวกเหล็กนั้นถามอย่างเป็นห่วง

     “...ผมไม่เป็นไรครับ...”

     “หืม...ผม? ครับ? ภาษาอะไรน่ะ”

     อีกฝ่ายเอียงคอสงสัยจนเกิดเสียงเหล็กกระทบกัน ผมจึงรีบแก้คำพูดด้วยความร้อนรนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง

     “อะ..เอ่อ...หมายถึงว่าผะ...ฉันไม่เป็นไร...คะ...ค่ะ”

     เป็นการพยายามพูดที่ลำบากมากในชีวิตที่สอง ไม่คิดว่าการใช้คำพูดแบบผู้หญิงมันจะยากขนาดนี้

     “งั้นก็ดีแล้ว เดินไหวไหม?”

     “ก็พอได้...ค่ะ”

     “งั้นก็...ลุกขึ้นก่อนก็แล้วกัน”

     ทหารนายนั้นเข้ามาพยุงผมขึ้นจากพื้นและค่อยๆพาตัวไปยังกองทหารที่กำราบอสูรกายได้เมื่อครู่

     “อ้าว! ไปพาใครมาล่ะนั้น”

     “ก็เด็กคนนี้กำลังโดนโทรลเล่นงานไม่ใช่เหรอไง เกือบแย่แล้วนะเราน่ะ...”

     คนที่พยุงผมมาพูดพลางวางมือที่สวมเกราะเหล็กบนบ่า ทหารที่เอ่ยถามเมื่อครู่ก็เดินไปยกลังไม้มาให้ผมนั่งส่วนคนที่ช่วยพยุงผมมาก็รินน้ำใส่แก้วมาให้ ผมก็ใช้สองมือรับมาอย่างเกร็งเล็กๆ อีกเรื่องคือดูจากท่าทีของทุกคนก็เดาได้คร่าวๆว่าตั้งแต่ผมเดินเข้ามาก็เหมือนจะเรียกความสนใจของทุกคนในกองทหารพอสมควร

     รู้สึกเหมือนเป็นสาวน้อยที่ถูกเอาอกเอาใจยังไงไม่รู้แฮะ

     “แล้วไปทำอีท่าไหนถึงโดนโทรลป่าเล่นงานได้ล่ะ”

     ทหารที่รินน้ำให้เอ่ยถามอย่างสงสัย ผมจึงทำสีหน้าประมาณว่าอธิบายไม่ถูกก่อนจะพยายามตอบคำถามไป

     “อะ...เอ่อ...ก็อยู่ระหว่างเดินทางน่ะค่ะ แล้วก็...หลงทาง ก็เลยพยายามหาทางออกจนไปเจอ...เอ่อ...”

     ผมมองไปยังร่างไร้วิญญาณของอสูรกายก่อนจะพูดต่อ

     “...โดนโทรลไล่ตามน่ะ...ค่ะ...”

     “งั้นเหรอๆ แต่เป็นนักเดินทางไหงถึงหลงไปในป่าได้ล่ะเนี่ย ระวังตัวหน่อยสิ”

     อีกฝ่ายพูดออกมาก่อนจะลุกขึ้นเดินไปจัดการธุระของตนก่อน ทำให้ผมได้สังเกตว่าชุดเกราะของเขานั้นที่ไหล่นั้นมีผ้าคลุมสีแดงปักแถบสีทองซึ่งต่างจากคนอื่นหมายความว่าเขาคงมีอำนาจมากที่สุดในที่แห่งนี้สินะ น่าจะเรียกว่า...หัวหน้ากอง?

     “แล้วสาวน้อยจะเอายังไงต่อจ๊ะ”

     ทหารที่ยกลังไม้มาให้ผมนั่งเมื่อครู่ก็ลากลังไม้อีกใบมานั่งข้างผมก่อนจะเอ่ยถามพลางยกมือมาโอบไหล่ ที่ไหล่เขามีผ้าสีเหลืองออกส้มปักลายทองเช่นกันแต่ไม่ประณีตเท่าคนที่เหมือนจะเป็นหัวหน้า

     หวาย~ ...เป็นผู้ชายพวกนั้นสินะ ผู้หญิงที่โดนจีบรู้สึกแบบนี้เองเหรอเนี่ย

     “ก็...ไม่รู้สิ...คะ”

     “ยังไงก็เดินทางไปพร้อมพวกเราก่อนไหมเราจะกลับเมืองหลวงกันน่ะ ตอนนี้น่าจะใช้เวลาซักสองสามวัน”

     เขายกนิ้วขึ้นมาชูให้ดูสามนิ้วพร้อมกับมองลอดหมวกเหล็กออกมา เมืองหลวง? นับว่าโชคดีพอสมควรที่ตื่นขึ้นมาใกล้ๆสถานที่สำคัญๆ

     “อะ...เอ่อ...ขอรบกวนด้วยค่ะ”

     ผมหลบสายตามาจ้องมองน้ำในแก้ว อีกฝ่ายได้ยินคำตอบก็ตบไหล่ผมหนึ่งทีก่อนจะลุกเดินไปหาทหารที่เป็นหัวหน้ากอง

     ระหว่างนั่งรอผมก็ครุ่นคิดอะไรต่อมิอะไรหลายเรื่องอย่างเช่นว่า ทั้งๆที่น่าจะมีปัญหาเรื่องภาษาแท้ๆแต่ก็สามารถพูดคุยได้เหมือนปกติ หรือไม่ก็โลกนี้อันตรายอยู่พอสมควร แต่จู่ๆระหว่างที่มองไปยังเหล่าทหารที่ยืนอยู่รอบๆก็คิดเรื่องที่น่ากลัวขึ้นมาได้

     ตอนนี้เราเป็นผู้หญิงแล้วทหารพวกนี้ก็เป็นผู้ชายเสียด้วยถ้าเกิดว่า...ไม่มีทางสำหรับคนที่เคยเป็นผู้ชายมาก่อนถ้าเจอเรื่องแบบนั้นล่ะก็...

     ผมใช้สองดึงผ้าคลุมไหลลงมาด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย

     “...ตัดสินใจพลาดไปแล้วรึเปล่านะ…”

     “เรื่องอะไรเหรอ…”

     จู่ๆ นายกองก็เดินมาอยู่ตรงหน้าผมสร้างความตกใจให้ผมเป็นอย่างมากจนเกือบน้องเสียงหลง

     “อ๊า...ไม่มีอะไรค่า~ !”

     “งั้นเหรอ...อ๋อใช่! เธอจะเดินทางไปกับพวกเราสินะแบบนั้นก็ได้นะ แต่ถ้ารีบอยู่ล่ะก็ฉันก็มีม้าให้”

     แบบนั้นอาจจะดีกว่าก็ได้แต่ติดที่ว่าผมขี่ม้าเป็นซะที่ไหนล่ะ คงต้องขอเดินทางไปด้วยแล้วระวังตัวเอาเองซะแล้ว

     “ขอรบกวนร่วมทางไปด้วยก็แล้วกันนะคะ”

     อ๊ะ! เริ่มชินกับการผู้แบบผู้หญิงแล้วแฮะ

     “อืม...ทางเราก็ไม่มีปัญหาอะไร เอาล่ะทุกคนเราจะเดินทางต่อ!”

     เขาตะโกนบอกทหารทุกคนโดยรอบซึ่งก็มีเสียงตอบรับมาอย่างหนักแน่ ชักเริ่มหวั่นๆแล้วสิ...

 

     เวลาได้ล่วงเลยเข้าสู้ช่วงเย็นแล้วตั้งแต่ผมร่วมเดินทางกับกองทหาร ผมนั่งอยู่ที่ด้านหลังของรถลากมองป่ารอบๆอย่างเบื่อหน่าย ส่วนทหารกองนี้เหมือนเพิ่งจะกลับจากภารกิจบางอย่างพวกเขาจึงดูเหนื่อยล้าพอสมควร แต่ก็ยังคงขึงขังคึกคักกันอยู่เต็มที่

     จำนวนทหารก็ประมาณสี่ไม่สิห้าคนนับว่าน้อยมาก แต่มีรถลากใช้สำหรับบรรทุกของถึงสองคันโดยที่หนึ่งคันจะมีทหารสองคนนั่งอยู่ ส่วนคนที่เหมือนเป็นหัวหน้ากองขี่ม้าส่วนตัวนำขบวนไป

     ด้วยความเบื่อหน่ายผมจึงชำเลืองมองทหารที่นั่งคุมบังเหียนแต่ก็ถูกคนที่นั่งข้างๆโบกมือมาให้ซึ่งเขาเป็นคนเดียวที่ยกลังไม้ให้ผมนั่ง ผมจึงหันหน้ากลับอย่างรวดเร็วทันทีเพราะรู้สึกหวันๆในใจยังไงไม่รู้ อีกเรื่องคืออาจเพราะอยู่ในช่วงเวลาเดินทางทุกคนจึงยังคงสวมหมวกเหล็กอยู่...ไม่ร้อนกันรึไงนะ

     “เอาล่ะเราจะพักกันที่นี่...”

     เสียงดังมาจากด้านหน้าผู้ที่ให้คำสั่งนี้คงจะเป็นนายกอง ทหารที่คุมบังเหียนอยู่ก็คุมให้ม้าเดินไปหยุดข้างทางจากนั้นทุกคนจึงลงมาสำรวจพื้นที่รอบๆ ผมเองก็ลงมาด้วยเช่นกัน

     “ผูกม้าไว้กับต้นไม้แล้วก็ให้อาหารด้วยนะ อ๋อ! ยกของลงมาด้วยล่ะ”

     นายกองสั่งการอย่างเป็นการเป็นงาน จากนั้นจึงเดินไปหยิบผ้าจากรถลากและเดินตรงมาหาผม

     “ถอดชุดออกสิ...”

     “เฮ๊ะ!?”

     เหมือนจะได้ยินประโยคไม่น่าเชื่อจนผมเผลอส่งเสียงประหลาดๆออกไป

     “ตอนหนีโทรลก็ล้มกลิ้งจนสะบักสะบอมเลยไม่ใช้เหรอ ถอดชุดมาสิจะเอาไปซักให้...”

     “อะ...เอ่อ....”

     “อ๋อ! ถ้าจะอาบน้ำก็เดินตรงไปตามทางนั้นนะจะมีลำธารอยู่ หืม...เป็นอะไรไปน่ะ?”

     “ขะ...ขอให้ได้ช่วยงานอะไรบ้างได้ไหมคะ”

     นั้นคือข้ออ้างที่จะไม่ต้องถอดชุดในตอนนี้

     “แต่...ตอนนี้เราไม่ค่อยจะมีงานอะไรมากนักนะ...ฉันว่าเธอไปอาบน้ำก่อนดีกว่า”

     “ขอให้ได้ช่วยงานเถอะค่ะ! ขอพึ่งพาอย่างเดียวรู้สึกไม่ค่อยดีน่ะค่ะ...”

     ผมพูดออกไปอีกครั้งเป็นการขอร้องอย่างสุดชีวิต ฝ่ายหัวหน้ากองก็ยกมือขึ้นมาลูบหมวกเกราะจนเกิดเสียงเหล็กกระทบกัน

     “งั้น...พอจะทำอะไรได้บ้างล่ะ...”

     “เอ่อ...”

     พอโดนถามมาแบบนั้นผมก็ไม่รู้จะตอบอะไรดี จึงตอบไปความสามารถในการอยู่ตัวคนเดียวตลอดห้าปี

     “เอ่อก็…ทำความสะอาด... ซักผ้า... คำนวณรายจ่าย... แล้วก็... ทำอาหาร...”

     ผมเริ่มตอบเสียงค่อยลงเรื่อยๆพลางถูมือไปมา อะไรเนี่ยเราเป็นสาวน้อยกำลังจะสารภาพรักหรือไง

     “หืม! เธอทำอาหารเป็นด้วยเหรอ?”

     “เอ๋...เอ่อ...ก็ทำได้พอสมควร...”

     ผมหลบสายตาและตอบด้วยเสียงแผ่วๆ

     “อร่อยไหม?”

     “ก็พอมั่นใจอยู่...ค่ะ...”

     ได้ยินดังนั้นนายกองก็วางมือบนไหล่ของผมพร้อมกับพาตัวไปยังกองไฟ ข้างๆนั้นก็มีกล่องไม้และอุปกรณ์ทำอาหารวางเรียงรายอยู่

     “โลเรน วันนี้เธอไม่ต้องทำอาหารนะฉันพาแม่ครัวมือดีมาแทนแล้ว”

     ผมหันไปมองหน้าหัวหน้ากองทันที

     แม่ครัวมือดี? ผมเหรอ?

     “งั้นเหรอ...เอาสิ นานๆที่ขอพักบ้างแล้วกัน”

     ทหารที่ถูกเรียกว่าโลเรนก็ลุกขึ้นเดินไปโอบไหล่นายกอนอย่างสบายๆ

     “งั้นเราก็ไปอาบน้ำกันก่อนเถอะ”

     “อืม...นั้นสินะ ฝากเรื่องอาหารด้วยล่ะ”

     ผมพยักหน้าให้ทหารทั้งสองซึ่งเขาก็โบกมือให้ก่อนจะเดินหายไปทางลำธาร จากนั้นความสนใจของผมเปลี่ยนมาเป็นวัตถุดิบและเครื่องครัว

     คนประมาณห้าไม่สิหกคนก็ต้องทำอาหารเยอะหน่อยสินะ เอาล่ะ...

     คิดได้ดังนั้นผมก็ลงมือเตรียมอาหารโดยใช้เวลาพอสมควร ระหว่างที่ทำอยู่ก็เห็นนายกองเดินกลับมาหยิบอะไรบางอย่างไปจากรถลากก่อนจะเดินหายลับไปซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจนัก ก็เพราะว่าเอาแต่ก้มหน้าก้มตาพินิจวัตถุดิบ บางอย่างหน้าตามันแปลกประหลาดจนไม่แน่ใจว่ากินได้ไหมผมก็เลยต้องลองผิดลองถูกจนในที่สุดแสงอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปอาหารที่ผมทำก็เสร็จพอดีเช่นกัน

     พูดตรงๆว่าลืมไปเลยว่าที่อาสามาทำอาหารเพราะจุดประสงค์อะไรแต่ก็สนุกดีที่ได้ทำ

     อยากอาบน้ำจัง... อ๊ะ!

     แล้วก็นึกคำตอบออกว่าเพราะอะไร ผมเงยหน้ามองหาเหล่าทหารรอบแต่ก็ไม่พบใครจึงเดินไปหยิบผ้ามาจากรถลากก่อนจะเดินตรงไปยังลำธารบ้าง ซึ่งที่นั้นผมก็ไม่พบใครอีกเช่นกัน

     “ทางสะดวกแล้ว…”

     โอกาสดีๆแบบนี้หาไม่ได้อีกแล้วแต่เพื่อความชัวร์ผมมองไปรอบอีกครั้ง เมื่อพบว่าไม่มีใครอื่นอยู่แน่ๆแล้วก็จัดการถอดชุดออกมาพับวางไว้ และเดินตรงไปชำระร่างกายข้างลำธาร

     แม้ว่าจะเป็นร่างกายของตัวเองแต่ก็เป็นร่างกายของผู้หญิงซึ่งผมก็ค่อยจะชำนาญการอาบน้ำจึงเป็นเรื่องยากผมในช่วงนี้เสียแล้ว ช่วงที่กำลังใช้มือตักน้ำลูบตามตัวอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงหญ้าสั่นไหว ผมจึงมองไปยังต้นตอของเสียงอย่างสงสัย

     รู้สึกคุ้นๆเหมือนเคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนเลยแฮะ หืมอย่าบอกนะว่า

     ผมรีบหันกลับไปมองด้านหลังอย่างหวาดๆแต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากสายน้ำในลำธาร ผมจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

     “อ้าว... อาบน้ำอยู่เหรอ ขอรบกวนด้วยแล้วกันนะ”

     ประโยคนั้นทำให้ผมตกใจมากจนหันกลับมามองผู้ที่พูดออกมาอย่างร้อนรน เป็นผลให้เท้าไปเหยียบเข้ากับตะไคร่น้ำจนล้มลงไปในลำธาร

     “เป็นอะไรมากไหมนั้น? ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะ”

     นี้เราเป็นนางเอกในนิยายหรือไงเนี่ย... จิตวิญญานความเป็นชายเริ่มร่ำไห้แล้วมั้ง...

     ผมรีบดึงผ้ามาปิดหน้าอกก่อนจะลนลานพันตัวไว้เพราะอีกฝ่ายเดินเข้ามา ผมพยายามที่จะมองใบหน้าของอีกฝ่ายแต่ไม่ค่อยจะชัดเจนเสียเท่าไหร่แม้ว่าดวงจันทร์จะส่องสว่างอยู่ก็ตาม

     จังหวะที่เริ่มตั้งตัวได้ผมก็ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลแล้วเดินก้มหน้าตรงไปยังกองเสื้อผ้าที่วางไว้ แต่เหมือนอีกฝ่ายจะเดาความคิดของผมออก จึงเดินมาจับแขนผมไว้เสียก่อนเนื่องจากทำอะไรไม่ได้จึงหลบสายตาไปทางอื่นแทน

     “จะรีบไปไหนล่ะ อาบน้ำด้วยกันก่อนสิ”

     “ได้ซะที่ไหนล่ะ...”

     “แต่ที่ขามีโคลนติดอยู่นะเมื่อกี้นี้ก็ล้มลงไปไม่ใช่เหรอ มาสิ...เดี๋ยวช่วยล้างให้”

     “แต่ว่าฉันเป็นผู้หญิงนะ!”

     ผมตะโกนบอกพร้อมกับออกแรงผลักอีกฝ่ายออกไป แต่ที่ฝ่ามือนั้นกลับสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ด้วยความแปลกใจและสงสัยจึงหันกลับไปมองอีกฝ่าย

     “ผู้หญิง? ภาษาอะไรอีกล่ะนั้น?”

     หญิงสาวมีอายุแต่ก็ยังดูสาวอยู่พร้อมด้วยหุ่นนักกีฬา เธอมองผมอย่างประหลาดใจเพราะสิ่งที่ได้ยิน

     “เอ๊ะ! ผู้หญิง…”

     “แล้วมันหมายความว่าไงล่ะ?”

     เกิดความสับสนขึ้นในหัวของผมมากมาย

     “จะว่าไปยังไม่เคยบอกชื่อกันเลยนะ ฉันเอลเซ่เป็นหัวหน้าของกองทหารที่ 34 พอดีเพิ่งจะหวดลมเสร็จน่ะเหงื่อเต็มตัวเลย แล้วเธอล่ะชื่ออะไร?”

     ผมเกิดความมึนงงจนตอบรับไปโดยที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

     “...ชะ...ชื่อ...เจ...รา...”

     “เจ...รา อ๋อ เจร่าสินะ เป็นภาษาที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนอีกแล้วนะ เอาเถอะไปอาบน้ำกันดีกว่า”

แล้วเธอก็ดึงแขนผมไปทั้งอย่างนั้น

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา