The Witches : Red Witch

9.0

เขียนโดย Kyoso12

วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 11.55 น.

  11 ตอน
  19 วิจารณ์
  12.17K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 11.32 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) พบกันอีกครั้ง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

20 ปีต่อมา.......

                หลังจากเหตุการณ์เมื่อฉันยังอายุ 9 ขวบก็ผ่านมันมาได้ 20 ปีแล้วและชีวิตของฉันตั้งแต่วันนั้นก็เปลี่ยนไป ฉันกลายเป็นแม่มดขาวดั่งเช่นคุณยายมาธาร์ แต่ว่าตอนนี้คุณยายก็ได้ไปจากโลกนี้ไปแล้ว อายุขัยของเธอนั้นได้หมดสิ้นไปแล้ว ฉันจึงจำเป็นต้องรับหน้าที่ต่อจากเธอโดยการคอยช่วยเหลือผู้คนที่ล้มป่วย บาดเจ็บ ที่ไม่มีแม้แต่เงินจะหาหมอ หรือเด็กเด็กกำพร้าที่ขาดแคลนอาหาร

    ฉันจะคอยช่วยเหลือพวกเค้าอยู่เรื่อยๆ ตราบเท่าที่ฉันจะช่วยได้ พวกคนเหล่าเรียกฉันว่าแม่พระผู้มาโปรด หรือนางฟ้าผู้โอบอ้อมอารี ก็ไม่รู้สินะ เพราะยังไงมันก็เป็นหน้าของฉัน แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรโจ่งแจ้งได้เพราะจะโดนพวกทหารของกษัตริย์อูเธอร์ ซึ่งเค้าเป็นคนที่เกลียดแม่มดมาก ถึงกับมีการบังคับใช้กฎหมายจับตรึงแม่มดและเผาทั้งเป็น ซึ่งแน่นอนชาวบ้านส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยกับกฎนี้ เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมีข่าวพวกเด็กๆหายไป

   ก็แน่ละพวกแม่มดสายมืดมักจะดูดเอาความเยาว์วัยของเด็กๆไปเพื่อตัวเองจะได้ดูหนุ่มสาวอยู่ตลอดเวลา แต่นั่นไม่ใช่วิธีของฉัน ฉันเดินไปเรื่อยๆในหมู่บ้านพร้อมกับจูงม้าสีขาวตัวโปรดของฉันไปด้วย เฮ้อ หมอกของหมู่บ้านในยามเช้านี่ดีจังเลย เหมาะแก่การที่ฉันจะมานั่งขายยาสมุนไพรพวกนี้เสียจริงๆ เมื่อได้ที่แล้วฉันจึงยกสัมภาระลงจากหลังม้าเพื่อจัดการวางขายตามที่ฉันต้องการ และแน่นอนเด็กกำพร้าที่อยู่บริเวณนั้นที่เห็นฉันเข้าก็ต่างวิ่งกรูกันเข้ามาเพื่อขออาหารจากฉัน

“พี่สาวๆวันนี้อะไรมาให้พวกเราทานบ้างละ”

“วันนี้มีขนมปังจ๊ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะทำนมอุ่นๆมาให้ทานเพิ่มนะจ๊ะ” ฉันถอดผ้าคลุมหัวเผยให้เห็นเส้นผมสยายสีแดงเพลิงของฉันและส่งรอยยิ้มไปให้เด็กๆ พร้อมกับเอื้อมหยิบขนมปังส่งให้เด็กๆทีละคน และหลังจากที่เด็กๆทานขนมปังและช่วยฉันจัดของเสร็จก็พากันแยกย้ายไปวิ่งเล่นตามประสาเด็กๆ เฮ้อ บางทีฉันก็คิดนะว่าถ้าตอนนั้นไม่เจอคุณยายมาธาร์ ชีวิตของฉันจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้อาจจะตายไปแล้วก็ได้นะ

คุณยายเล่าให้ฉันฟังว่าตอนที่เกิดเรื่องคุณยายเฝ้าดูเหตุการณ์นั้นอยู่ห่างๆแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ อย่างน้อยก็ขอแค่ได้ช่วยเหลือฉัน ดูแลฉันให้รอดปลอดภัยก็เพียงพอแล้ว และคุณยายยังเล่าให้ฟังอีกว่าตอนนั้นคุณยายได้ส่งหมาป่าตัวนึงคอยจับตาฉันเอาไว้ไม่ให้ใครหรืออะไรก็ตามมาทำอันตรายฉันระหว่างที่ฉันกำลังหลบหนีอยู่ในป่านั่นเอง นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันรอดมาจากป่าในคืนนั้นได้

“เออ ขอโทษนะครับคุณผู้หญิงไม่ทราบว่ายาพวกนี้ขายยังไงครับ” มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งย่อตัวเพื่อถามไถ่ราคาของยาที่ฉันขายแต่ดูจากท่าทางแล้ว เค้าไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ จากการแต่งตัวและกริยามารยาท และอีกอย่างเหมือนฉันจะเคยเจอกับเค้าที่ไหนมาก่อนรึเปล่าแต่ก็ไม่แน่ใจนัก

“ก็ตามอาการแหละคะ ว่าแต่ว่าดูจากน้ำเสียงคุณแล้ว คุณไม่ได้ป่วยนี่คะ” ฉันเงยหน้าตอบคนตรงหน้าและยิ้มเล็กน้อยเป็นเชิงทักทาย

“โห ผมแค่มาถามราคาเฉยๆเองครับ เห็นชาวบ้านแถวๆนี้เค้าร่ำรือกันนักหนาว่าที่ร้านนี้รักษาได้ผลจริงบางครั้งก็แจกฟรีให้กับคนที่ไม่มีเงินพอที่จะไปหาหมอด้วยก็เท่านั้นเอง”

“อื้ม ปกติฉันก็จะขายตามราคาที่ตั้งไว้นี่แหละแต่ถ้าใครเงินไม่พอจริงๆฉันก็จะให้ฟรีเลย”

“อื้ม ถ้างั้นผมขอเหมาทั้งหมดนี่และให้คุณเอายาพวกนี้ไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านกับพวกเด็กกำพร้าได้มั้ย”

“ห๊ะ!!”

“คุณได้ยินไม่ผิดหรอก ผมจะจ่ายเป็นเหรียญทองทั้งหมด 1,000 เหรียญนะ ตกลงมั้ย”

“ก็ได้ และก็...”

“และก็เมื่อแจกยาทั้งหมดแล้วคุณช่วยไปเดินเล่นรอบเมืองกับผมหน่อยจะได้มั้ย” ยังไม่ทันจะได้พูดจบเค้าก็ชวนฉันไปเดินเล่นรอบๆเมืองหลังจากแจกยาของฉันหมดเนี่ยนะ! ให้ตายเด็กหนุ่มคนนี้ทำไมช่างตื้อได้ขนาดนี้กันแถมยังเหมายาจนหมดด้วย ฉันจะต้องหาทางเลี่ยงให้ได้

เวลาต่อมา.......

หลังจากที่พวกเราแจกจ่ายยากันเสร็จแล้วเด็กหนุ่มคนนี้ก็ชวนฉันเดินเล่นต่อตามที่เค้าขอไว้ อันที่จริงฉันก็อยากจะหนีนะ แต่ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ทำให้ฉันนึกถึงเด็กผู้ชายคนนึงเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ที่ฉันเคยช่วยเอาไว้เมื่อตอนนั้น เด็กผู้ชายคนนั้นถูกงูพิษกัดเข้าที่ขาและฉันก็ได้ช่วยเค้าเอาไว้ระหว่างที่กำลังเก็บสมุนไพรเพื่อเอาไปให้คุณยายมาธาร์เพื่อปรุงยา

    เด็กผู้ชายคนนั้นผมสีทองสลวยบวกกับนัยต์ตาสีฟ้าราวกับเพชร ใบหน้าอ่อนหวานเหมือนกับเด็กผู้หญิงก็ไม่ปราณ ในตอนนั้นเด็กชายคนนั้นได้โผล่เข้ากอดฉันด้วยความดีใจที่ฉันสามารถรักษาเค้าได้

  พร้อมกับร้องไห้ออกมาด้วย บางทีฉันก็คิดนะว่าเค้าอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่แต่ในส่วนลึกๆฉันก็คิดว่าเค้ากำลังกลัว กลัวว่าตัวเองจะต้องตายนั่นเอง

   และในตอนนี้ฉันกับเด็กหนุ่มคนนี้ก็เดินมาถึงยังทะเลสาบโดยที่ฉันจูงม้าสีขาวของฉันมาด้วย สายลมที่พัดผ่านที่นี่ทำให้ทะเลสาบที่หยุดนิ่งต้องพริ้วไหวไปตามกระแสลม พร้อมกับแสงแดดอ่อนๆของดวงอาทิตย์ในช่วงสายของวันนี้ เฮ้อ อากาศช่างดีจังนะ

“ลมเย็นดีนะ คุณว่าแบบนั้นมั้ย” เด็กหนุ่มเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่เราเงียบกันอยู่นาน

“แถวป่าก็เป็นแบบนี้ทุกทุกวันนั่นแหละ ว่าแต่ไม่ออกมาเจออะไรแบบนี้บ้างเลยรึ?” ฉันหันไปถามเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างๆฉัน

“ก็ตั้งแต่ 5 ขวบผมก็ไม่ได้ออกมาที่แบบนี้อีกเลยจนกระทั่งวันนี้นี่แหละ” เด็กหนุ่มมองไปที่ทะเลสาบพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆเล็กน้อย ฉันหันไปมองเส้นผมสีทองของเค้าที่สยายไปตามลมที่พัดผ่านเส้นผมของเขา ดวงตาสีฟ้าที่เป็นประกายเมื่อสะท้อนกับแสงจากผิวน้ำ มันทำให้ฉันนึกถึงเด็กผู้ชายคนนั้นที่ฉันเคยช่วยเอาไว้

    ว่าแต่เค้าไม่เคยมาที่แบบนี้ตั้งแต่ 5 ขวบแบบนั้นก็แสดงว่าเค้าต้องเป็นคนที่ต้องถูกปกป้องเป็นพิเศษขนาดงูพิษตัวเล็กยังห้ามไม่ออกมาขนาดนี้ เมื่อคิดแบบนั้นฉันจึงลองถามเค้าดู

“เธอชื่ออาเธอร์ใช่มั้ย”

“ใช่ ห๊ะ!!! คุณรู้ได้ยังไง!!” เค้ารีบหันหน้ามาทางฉันทันทีพร้อมกับทำท่าทางตกใจในคำถามของฉัน ทำให้ฉันอดที่จะกลั้นอารมณ์ขันไว้ไม่อยู่

“จะมีเด็กหนุ่มสักกี่คนกันเชียว ที่กล้าเหมายาของฉันและดูจากการแต่งตัวแบบนี้ดูยังไงก็ไม่น่าใช่คนธรรมดาแน่นอน ว่ายังไงละเจ้าชายอาเธอร์ เพนดราก้อน แห่งอาณาจักรคาเมรอท”

“ก็ไม่รู้สิ” เค้าทำหน้ามุ่ยพร้อมกับหันหน้าไปอีกทางด้วยความเขินอาย

“เฮ้อ จริงๆเลยนะ เด็กผู้ชายเนี่ย”

“ถ้าเป็นแบบนี้คุณก็ต้องจำได้สิว่าเมื่อก่อนคุณเคยช่วยชีวิตผมเอาไว้”

“จำได้สิ เด็กน้อยอายุ 5 ขวบที่พลัดหลงกับพ่อและถูกงูพิษกัด สภาพเธอตอนนั้นร้องไห้ขี้มูกโป่งจนดูไม่ได้เลยนะ” หลังจากพูดจบฉันก็หัวเราะเล็กน้อย

“ก็ตอนนั้นผมกลัวมากๆ กลัวว่าจะไม่ได้ท่านพ่อท่านแม่และก็น้องสาวของผมอีก แต่อีกส่วนผมก็ดีใจนะที่คุณมาช่วยชีวิตผมไว้ ตอนนั้นผมรู้สึกเลยคุณคือนางฟ้าของผม”

 

“นางฟ้างั้นหรอ ฉันไม่ได้ใจดีขนาดนั้นสักหน่อย ว่าแต่ทำไมวันนี้ถึงออกมาที่นี่ได้ละ”

“เพราะอีกไม่นานผมก็จะต้องขึ้นครองราชย์ต่อจากท่านพ่อ ผมกลัวว่าอาจจะไม่มีเวลาว่างออกมานอกวังได้ก็เลยพยายามขอท่านพ่อ จนสามารถออกมาได้”

“ก็นะ แล้วเมื่อครองราชย์เธอจะทำยังไงกับแม่มดละ”

“ผมก็คงต้องทำตามที่ท่านพ่อสั่งไว้ เพราะท่านพ่อเคยบอกกับผมไว้ว่าแม่มดมันฆ่าท่านแม่ มันพรากท่านแม่ไปจากเรา ดังนั้นผมจะตามล่าพวกแม่มดให้หมด!”

“เธอคิดหรอว่าแม่มดทุกคนจะเป็นแบบนั้น?” ฉันถามตอบกลับด้วยน้ำเสียงเข้มขรึมบวกด้วยความโกรธเล็กน้อย พระเจ้าช่วยนี่เค้าปลูกฝังลูกด้วยความแค้นอย่างนั้นหรือ นี่ไม่ใช่วิธีที่ดีเลยสักนิด

“หมายความว่ายังไง?”

“แม่มดที่มีอยู่นั้นก็เหมือนกับมนุษย์ที่มีทั้งคนดีและคนเลวปะปนกันไป อย่าใช้ความคิดที่ว่าแม่มดแค่คนเดียวจะสามารถเหมารวมว่าแม่มดทุกคนจะเลวเหมือนกันหมดซึ่งมันไม่ใช่ แม่มดที่ดีก็มีแต่แค่ทุกคนมองข้ามมันไป......” หลังจากพูดจบฉันจึงเดินถอยหลังออกมาสองก้าวเพื่อให้เกิดระยะห่างจากอาเธอร์

“ทำไมคุณถึง...”

“เพราะว่าฉันไม่ใช่แบบที่ทุกคนคิด.........”

“เดี๋ยว!!! คุณจะบอกอะไรกันแน่!!”

“ฉันเองก็เป็นแม่มดคนนึงที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดที่ชั่วช้า ส่วนเธอเองตราบใดที่เธอไม่สามารถค้นหาความจริงเรื่องแม่มดไม่ได้เธอก็เป็นกษัตริย์ที่ดีไม่ได้หรอกนะ” เมื่อฉันพูดดังนั้นทำให้อาเธอร์ถึงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

“เอาละ ฉันคงพูดได้เพียงเท่านี้ที่เหลือเธอลองไปคิดเองเถอะนะ” ฉันหันหลังให้กับอาเธอร์และพยายามเดินออกจากตรงนั้น

“เดี๋ยว!!! อย่าพึ่งไป!!!”

“ฉันชื่อเมลิซ่าโปรดจำไว้เพียงแค่นี้ และลืมเรื่องที่เกิดขึ้นทุกอย่างไปซะ”

 หลังจากนั้นฉันก็เสกตัวเองให้กลับไปยังกระท่อมของฉันโดยที่ทิ้งอาเธอร์ไว้ที่ทะเลสาบแบบนั้น ฉันเดินไปที่เตียงและล้มตัวลง และพยายามคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น สำหรับฉันแล้วครอบครัวของฉันรวมทั้งก็ถูกกล่าวหาจากชาวบ้านว่าเป็นแม่มด ส่วนอาเธอร์เองเค้าก็เหมือนกับคนอื่นๆที่คิดว่าแม่มดนั้นเหมือนกันหมดเลวเหมือนกันหมดตามแบบที่กษัตริย์อูเธอร์นั้นพูดไว้

   บางทีฉันน่าจะเลิกออกไปที่หมู่บ้านสักพักและเก็บตัวอยู่แต่ในกระท่อม เก็บของป่าประทังชีวิตไปเรื่อยๆไม่ก็ไปๆมาๆที่ป่าแห่งนี้กับป่าอาถรรย์ที่คุณยายเคยพาฉันไป แบบนี้น่าจะดีกว่าจะไม่ต้องวุ่นวายและไม่ต้องเสี่ยงชีวิตจากการตามล่าของพวกทหารอีกด้วย

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา